23 พฤศจิกายน 2567, 18:19:20
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 353 354 [355] 356 357 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2600151 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 40 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8850 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 11:34:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 15 มิถุนายน 2556, 05:25:13
สวัสดีทุกท่านครับ


วันนี้ออกเดินทางไปงานศพผู้รู้จักคุ้นเคย ที่อำเภอด่านช้าง สุพรรณบุรีครับ

จะออกเดินทาง ณ บัดนาว เพื่อไปรวมพิธีแต่เช้า

เย็นนี้พบกันครับ

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 มิถุนายน 2556, 10:06:09
น้องเริง


ขอบคุณสำหรับคำอวยพร
กลับมาในช่วงค่ำของเมื่อคืนนี้
อำเภอด่านช้าง ต้องใช้เส้นทางผ่านอำเภอเดิมบางนางบวชไปทางอำเภอบ้านไร่ ของจังหวัดอุทัยธานี
เส้นทางดีพอประมาณ จากนครสวรรค์ไปถึงอำเภอด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ราวๆ 217 ก.ม.
นับว่าไม่ใกล้ หากเทียบ นครสวรรค์-นครปฐม ที่ 281 ก.ม.


เมื่อวานนี้ต้องเร่งออกจากบ้านที่นครสวรรค์ก่อนตีห้าครึ่ง เพื่อเดินทางผ่านอำเภอพยุหะตีรี อำเภอหางน้ำสาคร เข้าเมืองชัยนาท
ไปต่ออำเภออินทร์บุรี เข้าสู่อำเภอหันคา ออกอำเภอเดิมบางนาวบวช จังหวัดสพรรณบุรี แล้วต่อไปอำเภอด่านช้าง
ซึ่งเป็นการวกกลับขึ้นไปทางอำเภอบ้านไร่ ของจังหวัดอุทัยธานี เพื่อไปร่วมพิธีไหว้แบบประเพณีจีน
ของพ่อค้าที่รักใคร่นับถือกันมานานเป็นสิบปี ชือ คุณประพัฒน์ ทรัพย์ประเดิมชัย คหบดีชาวอำเภอด่านช้าง



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8851 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 11:38:18 »

พ่อค้าพืชไร่มาจากอำเภอแม่ระมาด, แม่สอด จังหวัดตาก; จังหวัดเพชรบูรณ์; อำเภอท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา;
อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และจากนครสวรรค์
กำหนดพิธีจะเริ่ม 09.00 น. ต่างเร่งรัดเดินทางมากัน






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8852 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 11:40:11 »

ภาพหมู่ก่อนทำพิธีคำนับศพตามประเพณีจีน



สถานที่ไม่อำนวย ภาพไม่สามารถแสดงถึงผู้เข้าร่วมพิธีได้ครบ

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8853 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 11:42:06 »

ช่วงเที่ยง-บ่าย แดดร้อนจัดมาก ต้องหลบมุนอยู่ตามใต้ร่มไม้ ระหว่างพระสวดก่อนเชิญศพไปวัด







      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8854 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 11:43:43 »

คนแน่นวัดครับ อดีต สส.จองชัย เที่ยงธรรม เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจ

หลังจาก 15.30 น.เสร็จงานจึงเร่งเดินทางกลับ เพราะกลับฝนตกกลางทางครับ

ถึงบ้านเอาหลัง 17.00 น.ไปมากพอสมควร 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8855 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 17:04:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 มิถุนายน 2556, 10:54:24
วันนี้ "หวยออก"...........


วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 01:17 น.  ข่าวสดออนไลน์
ขายดี ! ทะเบียนรถนายกฯ สัญจรกำแพงเพชร ชาวบ้านแห่ซื้อหวย


สรปุประเด็นโดยกระปุกดอทคอม

           ทะเบียนรถนายกฯ สัญจรที่กำแพงเพชร ชาวบ้านตีเป็น หวยนายก 16 มิถุนายน 2556 แห่ซื้อเลข 232, 321, 23, 21 เกลี้ยงแผงพิษณุโลก

           เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวพิษณุโลกหลายคนได้ตระเวนหาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2556 ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ กันอย่างคึกคัก โดยทุกร้านกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เลขที่มีประชาชนมาหาซื้อกันมากที่สุด คือ เลข 232, 321, 23, 21 ซึ่งเป็นเลขทะเบียนรถป้ายแดงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้เดินทางระหว่างมาประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.กำแพงเพชร ขณะที่เลขอื่น ๆ ขายไม่ออก

           ทั้งนี้ แม่ค้าขายลอตเตอรี่ บอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ที่ถูกรางวัล ทั้งจากสลากกินแบ่งรัฐบาล และสลากกินรวบ หรือ หวยใต้ดิน จากเลขทะเบียนรถของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ มาแล้วหลายครั้ง จนเป็นปรากฏการณ์ เมื่อใกล้วันหวยออก ประชาชนที่ชื่นชอบการเสี่ยงโชค ก็จะคอยจับจ้องว่า นายกรัฐมนตรี ใช้รถยี่ห้อใดรุ่นใด และเลขทะเบียนใด เพื่อนำตัวเลขมาเสี่ยงโชค ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ เปิดเผยว่า เลขทะเบียนที่จะออกจะต้องเป็นทะเบียนรถที่นายกรัฐมนตรีนั่งในช่วงสัญจร หรือออกนอกพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01UTXlNREkxTVE9PQ==&sectionid=


เอาเฮ....กินเรียบ ??!!!~

วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 16:50 น.  ข่าวสดออนไลน์
เลขดังไม่มีออก - เจ้ากินเรียบหวย 16 มิ.ย. 56

 เวลา 14.30 น. วันที่ 16 มิ.ย. ที่บริเวณแยกคอกวัว เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อลอตเตอรี่ โดยบรรดาเหล่าเซียนหวยต่างเดินทางมาเลือกซื้อหาลอตเตอรี่เลขดังและที่ชอบกันอย่างบางตา เนื่องจากการออกรางวัลตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งตรงกับวันหยุด ส่งผลให้ช่วงก่อนออกรางวัลราคาลอตเตอรี่ขายปลีกอยู่ที่ใบละ 80-85 บาท โดยราคาปรับลดลงจากงวดที่ผ่านมา ที่มีราคาอยู่ใบละ 90-100 บาท

  ส่วนบรรยากาศการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล (ลอตเตอรี่) ประจำงวดวันที่ 16 มิ.ย. ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งการออกรางวัลสลากฯครั้งนี้ พล.ต.ท.อุดม ชัยมงคลรัตน์ จเรตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานออกรางวัล โดยรางวัลเลขท้าย 3 ตัวได้แก่ หมายเลข 390, 098, 114, 502 รางวัลเลขท้าย 2 ตัว ได้แก่หมายเลข 69 และรางวัลที่ 1 ได้แก่หมายเลข 289673 ส่วนรางวัลที่ 1 พิเศษกลุ่มที่ 1 ได้แก่ ชุดที่ 10 หมายเลข 289673 และรางวัลที่ 1 พิเศษกลุ่มที่ 2 ได้แก่ ชุดที่ 55 หมายเลข 289673 โดยภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายเลขของรางวัลที่ 1 ออกมาแล้ว เหล่าเซียนหวยที่เข้ามาเฝ้าชมการออกรางวัลต่างส่งเสียงบ่นอื้ออึงด้วยความผิดหวังและเสียดายในตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากเลขที่ออกมาไม่ใช่ตัวเลขดังที่เก็งกันไว้ คือเลขเกี่ยวกับวันเกิดนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและเลขครบรอบ 21 ปี การเสียชีวิตของพุ่มพวง ดวงจันทร์

 พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการระบุว่าสำนักงานสลากมีการล็อกเลขว่า เป็นความคิดของบุคคลที่ดูจากสถิติ แต่การเสี่ยงโชคสามารถออกซ้ำกันได้ ซึ่งต้องมีการพิสูจน์ให้แน่ชัด โดยหลังจากนี้อาจเชิญนักวิชาการมาให้ความคิดเห็น ให้ความชัดเจนที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น เชิญเข้าร่วมการออกรางวัล เพราะสำนักงานสลากฯเป็นองค์กรของทุกคน

 อย่างไรก็ตาม สำนักงานสลากฯได้ตอบแทนให้กับสังคม โดยร่วมกับกรมสุขภาพจิต เปิดคอลเซนเตอร์ เพื่อบำบัดผู้ที่ติดการพนันและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการพนัน ด้วยการตั้งงบประมาณให้ความช่วยเหลืออย่างยั่งยืน และขอยืนยันว่าไม่มีใครซื้อลอตเตอรี่แบบหมดเนื้อหมดตัวอย่างแน่นอน

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01UTTNOVFkxT1E9PQ==&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8856 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 17:14:46 »

ขอบคุณสมาชิก 44 ท่านที่เข้าเยี่ยมห้องนี้ครับ..

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8857 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 20:34:14 »

สวัสดีครับ


สองทุ่มครึ่งพอดี
วันนี้ไมไ่ด้ออกไปออกกำลังกายที่อุทยานสวรรค์ครับ
เริ่มดูว่า ฟ้าเริ่มดำ อาจจะมีฝน แต่ที่สุดก็ฟาลว์ครับ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #8858 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 23:11:10 »

       ซาหวัดดีค่ะคุณเหยง  ไปทำบุญที่หอมา มีรูปมาฝากคุณเหยง(กะลังเห่อวิธีโพสรูปแบบใหม่)ฟิน ฝุด ฝุด
      บันทึกการเข้า

Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #8859 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 23:19:57 »

      บันทึกการเข้า

Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #8860 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 23:23:33 »


      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8861 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 14:15:51 »

ซา วัด ดี คุณต้อย

เข้า กทม. ไม่ทันเจอ "คุณป้อมและฝาละมี" หรือ ??
เขานัดเลี้ยงกันไปแล้ว เมื่อค่ำของวันศุกร์ที่ 14 ที่ผ่านมา ที่โพลา โพล่า แถวๆ เกษตรน่ะ ??
เห็นมี อจ.ทราย จิ๋ม-วนิดา ไปร่วมทานข้าวเย็นกับพี่ป๋อง 13 และพี่ปี๊ด 15 กับพวกน้องหนุน 21 และแหลม 22


อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณคุณต้อย และคุณธวัช ที่บริจาคช่วยโครงการรินน้ำให้ให้หอจุฬาฯ เป็นอย่างยิ่ง
โครงการยังมีไปถึงปีหน้า นะครับ
คุณต้อย และ/หรือคุณธวัช เจอะเจอพี่น้องผองเพื่อนชาวหอ ได้โปรดบอกข่าวนี้ให้ทราบโดยทั่วกันด้วย
เผื่อพี่น้องผองเพื่อนจะได้มีโอกาสร่วมโครงการกันทั่วหน้า

 gek   หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8862 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 14:22:21 »

ฝนเริ่มมากขึ้นจนถึงวันที่ 20 มิถุนายน นี้
ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ภาคตะวันออกต้องระมัดระวังฝนตกหนัก คลื่นในทะเลสูงกว่า 3 เมตร ลมแรง
ชาวเรือและนักท่องเที่ยวต้องระมัดระวัง
อนึ่งจะมีพายุก่อตัวขึ้นในภาคตะวันออกของฟิลิปปินส์และเคลื่อนตัวไปประเทศญี่ปุ่น


พยากรณ์อากาศ ประจำวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย
และอ่าวไทย ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ยังคงมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่อง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2556 ไว้ด้วย
อนึ่ง พายุดีเปรสชันทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้.
]
ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา
บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร และสุราษฏร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตกมีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8863 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 14:24:42 »

จะมีพายุก่อตัวขึ้นในภาคตะวันออกของฟิลิปปินส์และเคลื่อนตัวไปประเทศญี่ปุ่น และยังไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8864 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 14:26:37 »

วันนี้ ออกจากบ้านก่อนหกโมงเช้า ไปรวมงานเปิดสถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์

ประมาณ 88 ก.ม.จากอำเภอเมืองนครสวรรค์ กลับมาเกือบๆเที่ยงแล้วครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8865 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 14:35:09 »

อ่านข่าวแรกในระบบออนไลน์..............

‘รอยเตอร์’ ระบุเศรษฐกิจไทยกำลังบูมที่ ‘ภาคอีสาน’ ไม่ใช่ ‘กรุงเทพฯ’ อีกต่อไป
17 มิถุนายน 2556 04:58 น.


       รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – สำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่สารคดีที่ชี้ให้เห็นว่า เวลานี้ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมกำลังเริ่มชะลอตัวลง แต่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับมีอัตราการเติบโตขยายตัวอย่างสูงลิ่ว จนเป็นที่สนใจจับตาของพวกนักลงทุนและบริษัทธุรกิจทั้งหลาย ทั้งนี้เหตุผลสำคัญประการหนึ่งมาจากปัจจัยทางการเมือง นั่นคือการที่ภาคนี้เป็นฐานของ “คนเสื้อแดง” ที่สนับสนุน “ทักษิณ” อย่างเหนียวแน่น จึงได้รับประโยชน์มากมายจากนโยบายต่างๆ ในยุค “ยิ่งลักษณ์” นอกจากนั้นแล้ว การเดินหน้าของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ก็ยังทำให้ภาคอีสานยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
       
       ในสารคดี (feature) ของรอยเตอร์ที่เขียน พอล คาร์สเทน (Paul Carsten) และ ไพรัตน์ เต็มไพโรจน์ (Pairat Temphairojana) ได้บรรยายให้เห็นภาพว่า ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเวลานี้ อาคารศูนย์การค้า, โรงงาน และสถานที่ก่อสร้าง กำลังปรากฏเผยโฉมให้เห็นเคียงข้างไร่นาฟาร์มเกษตร เป็นเสมือนเชื้อเพลิงทางเศรษฐกิจอันทรงพลังในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ชั้นนำที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย และถึงแม้อัตราการเติบโตโดยรวมของประเทศไทย ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังเริ่มที่จะชะลอตัว ทว่าเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับกำลังอยู่ในท่ามกลางความเฟื่องฟู
       
       รอยเตอร์บอกว่า การกลับมาฟื้นตัวในทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของไทย บังเกิดขึ้นเคียงคู่ไปกับประดานโยบายที่มุ่งกระตุ้นการขยายตัว ตั้งแต่การเพิ่มค่าแรงไปจนถึงมาตรการอุดหนุนสินค้าการเกษตร ซึ่งก็กำลังสร้างความมั่งคั่งให้แก่อาณาบริเวณที่อยู่ตรงหัวใจของขบวนการ “เสื้อแดง” ที่หนุนหลังนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2011
       
       ในขณะที่ชนชั้นกลางใหม่ๆ กำลังปรากฏโฉมให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ พวกนักลงทุนและบริษัทธุรกิจทั้งหลายจึงกำลังจับจ้องให้ความสนใจ คริส วู้ด (Chris Wood) กูรูด้านตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ของซีแอลเอสเอ (CLSA) หยิบยกภาคตะวันออกเฉียงเหนือนี่แหละ มาเป็นเหตุผลอธิบายว่าทำไมจึงควรวางเดิมพันระยะยาวเอาไว้กับประเทศไทย
       
       “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำลังเกิดการแสดงฤทธิ์พุ่งพรวดขึ้นไปในทางเศรษฐกิจมหภาค” เขาบอก
       
       ศักยภาพของภาคอีสานอาจไม่ปรากฏเป็นจริงขึ้นมาก็ได้ ถ้าหากพวกโครงการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ารวม 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งกำลังก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างแรงอยู่ในเวลานี้ กลายเป็นตัวรับเคราะห์จากความแตกร้าวลึกล้ำระหว่างพรรคเพื่อไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับบรรดาฝ่ายค้านทั้งหลาย
       
       แต่ถ้าแผนการนี้เดินหน้าต่อไปได้ตามที่คาดหมายกันอยู่ทั่วไปแล้ว มันก็จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจทั้งหมดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือทีเดียว ราหุล บาจอเรีย (Rahul Bajoria) นักเศรษฐศาสตร์แห่ง บาร์เคลย์ส แคปิตอล (Barclays Capital) ให้ความเห็น
       
       “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือจุดต่อไปที่พวกนักลงทุนและพวกผู้บริโภคจะพากันเข้ามา ถ้าหากสามารถเชื่อมโยงต่อไปถึงจีนได้แล้ว มันจะกลายเป็นจุดเข้าประเทศของประเทศไทยไปเลยทีเดียว ไม่ใช่กรุงเทพฯอีกแล้ว” เขาบอก
       
       “แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับระบบราชการที่จะดำเนินโครงการต่างๆ ในขณะที่พวกเขายังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ที่อยู่ในอำนาจในเวลาปีหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า”
       
       รอยเตอร์ชี้ว่า อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นกระโจนขึ้นไปถึง 40% นับตั้งแต่ปี 2007 ถึง 2011 นับเป็นการพุ่งพรวดมากที่สุดไม่ว่าจะเทียบกับภูมิภาคไหนของประเทศไทย และจากการสัมภาษณ์สอบถามพวกนักธุรกิจตลอดจนจากข้อมูลการลงทุนก็บ่งบอกว่าแนวโน้มเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไป
       
       จำนวนโครงการการลงทุนของภาคเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น 49% ในปี 2012 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมียอดการลงทุนสูงขึ้นมากว่าเท่าตัว จนอยู่ในระดับ 2,300 ล้านดอลลาร์ (ราว 71,300 ล้านบาท) ทั้งนี้ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย การลงทุนเหล่านี้จำนวนมากกระจุกอยู่ในด้านอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่อาคารคอนโดมีเนียม ไปจนถึงทาวน์เฮาส์ และช็อปปิ้งพลาซ่า
       
       “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีประชากรขนาดใหญ่ มีประชากรที่หนาแน่น ดังนั้นรายได้จึงมีเยอะ” นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) กล่าว โดยที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่พำนักอาศัยของประชากรราวหนึ่งในสามของไทยซึ่งมีประชากรทั้งสิ้น 68 ล้านคน
       
       ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนา ได้เปิดศูนย์การค้ามูลค่า 2,750 ล้านบาทขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 ของบริษัทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว
       
       **ความเฟื่องฟูเนื่องจากแรงขับดันทางการเมือง**
       
       รอยเตอร์ชี้ว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในภาคอีสานเวลานี้ สามารถนำเอาเรื่องปัจจัยทางการเมืองมาอธิบายได้อย่างน้อยก็บางส่วน
       
       รัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น ได้ประกาศใช้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททั่วทั้งประเทศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สำหรับบางจังหวัดทางภาคอีสานแล้วนี่คือการปรับเพิ่มขึ้นถึง 35% จึงจัดอยู่ในพวกจังหวัดที่ได้ค่าจ้างสูงขึ้นมากที่สุด และเป็นการได้เพิ่มขึ้นอีกหลังจากที่มีการขึ้นค่าจ้างกันทั่วประเทศ 40% ไปรอบหนึ่งแล้วในเดือนเมษายน 2012
       
       คนงานจำนวนมาก อย่างเช่นพวกที่กำลังก่อสร้างศูนย์การค้า 168 แพลตินัม มอลล์ ในจังหวัดอุดรธานี เวลานี้ต่างรู้สึกพอใจที่จะเดินทางกลับภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อทำงานซึ่งได้รับค่าจ้างพอๆ กับที่ได้เมื่อทำงานในกรุงเทพฯแล้ว
       
       “คนเสื้อแดง” ในภาคอีสาน อยู่ในกลุ่มที่ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันเหนียวแน่นที่สุดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งแม้ลี้ภัยตนเองไปตั้งฐานอยู่ในดูไบ แต่ก็ยังคงมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
       
       เมื่อตอนที่เขาครองอำนาจตั้งแต่ปี 2001 นโยบายแบบประชานิยมของเขา ตั้งแต่โครงการรักษาโรคให้ฟรีๆ ในความเป็นจริง ไปจนถึงการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับคนจนในชนบท ได้ทำให้เขากลายเป็นฮีโรในภาคอีสาน
       
       คนเสื้อแดงได้กลายเป็นแกนกลางของขบวนการที่ทำให้กรุงเทพฯตกอยู่ในภาวะอัมพาตในช่วงเดือนเมษยน-พฤษภาคม 2010 ด้วยการจัดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนั้น ตลอดจนกลุ่มพลังต่างๆ ที่โค่นล้มขับไล่ทักษิณลงจากอำนาจ
       
       การประท้วงตอนนั้นถูกปราบปรามด้วยกำลัง แต่คนเสื้อแดงก็สามารถแก้แค้นในการเลือกตั้งปี 2011 และเวลานี้ก็ได้เห็นรางวัลค่าตอบแทน
       
       “ความรุ่งเรืองเฟื่องฟูจำนวนมากเกิดขึ้นในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นเพราะแรงขับดันทางการเมือง ส่วนหนึ่ง ก็เพราะที่นั่นคือที่อยู่ของพวกผู้สนับสนุนทักษิณนั่นเอง” วู้ดแห่งซีแอลเอสเอ แจกแจง
       
       ตามข้อมูลของธนาคารโลก สัดส่วนคนจนในประเทศไทยได้ลดลงมาเหลือเพียงเท่ากับ 13% ของประชากรเมื่อปี 2011 จากที่เคยอยู่ในระดับ 58% ในปี 1990 ทว่า จีดีพีเฉลี่ยต่อหัวในภาคอีสานในปี 2011 ยังคงอยู่ในระดับไม่ถึง 1 ใน 8 ของตัวเลขนี้ในกรุงเทพฯ ซึ่งเท่ากับ 1,600 ดอลลาร์ (ราว 49,600 บาท) ต่อปี ทั้งนี้ตามตัวเลขของสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
       
       ภาวะเช่นนี้กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง ด้วยนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่มุ่งเพิ่มพูนอำนาจซื้อโดยวิธีให้การอุดหนุนแก่ผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ เป็นต้นว่า ข้าว, มันสำปะหลัง และยางพารา ภายใต้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เกษตรกรได้รับเงินค่าข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาท ซึ่งพวกผู้ส่งออกบอกว่าสูงกว่าตลาดโลกถึงราว 50%
       
       “ทั้งในยุคทักษิณและในยุคยิ่งลักษณ์ มีการให้อะไรเยอะแยะมากมายแก่ภาคอีสาน และกำลังมีเงินเยอะแยะมากมายไหลบ่าเข้าไปในภาคนี้ ซึ่งมากกว่าที่รัฐบาลก่อนๆ เคยใช้จ่ายในภาคอีสานเยอะทีเดียว” นายอิทธิพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี บอก
       
       ชีวิตในภาคอีสานกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง น.ส.ปัญจพร พัฒนพิฑูรย์ กรรมการผู้จัดการของบริษัทซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการ 168 แพลตินัม บอกว่า ปัจจุบันประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการศึกษาที่ดีขึ้นกว่าในอดีต ทัศนคติในเรื่องต่างๆ กำลังวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว และเกิดการขยายเขตเมืองในอัตราที่รวดเร็วยิ่งกว่าในกรุงเทพฯเสียอีก
       
       **ใครๆ ก็ไปลงทุนในภาคอีสาน**
       
       การรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2006 ซึ่งโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณตกลงจากอำนาจ ก่อให้เกิดช่วงเวลาแห่งความไม่สงบอยู่หลายปี แต่ความราบรื่นทางการเมืองได้หวนกลับคืนมานับแต่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชนะการเลือกตั้ง
       
       “เมื่อเราเปลี่ยนตัวนักการเมือง พวกเขาก็เปลี่ยนนโยบาย ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้กันยิ่งกว่านี้แล้ว ก็จะทำให้เศรษฐกิจเสียหาย” นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว
       
       บริษัท แสนสิรินั้นกำลังพัฒนาโครงการอาคารคอนโดมิเนียมมูลค่า 127 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,937 ล้านบาท) 2 โครงการในจังหวัดขอนแก่นในปี 2013 นี้ และวางแผนสร้างโครงการที่ 3 ซึ่งจะมีมูลค่า 35 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,085 ล้านบาท) ในปี 2014
       
       “อย่างน้อยที่สุด 5 ปี แล้วจากนั้นเราก็จะทำอะไรสำเร็จขึ้นมาบ้างอย่างแน่นอน” นายอุทัยบอก ซึ่งมุ่งที่จะเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างทางรถไฟความเร็วสูง ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
       
       เวลานี้โครงการดังกล่าวนี้กำลังมีความเป็นไปได้อย่างมาก โดยได้รับแรงกระตุ้นจากน้ำท่วมเมื่อปี 2011 ซึ่งสร้างความหายนะให้แก่เขตอุตสาหกรรมในภาคกลางใกล้ๆ กรุงเทพฯ
       
       “พวกให้บริการทางลอจิสติกส์ และพวกผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภค ต่างกำลังโยกย้ายไปอยู่จังหวัดที่ไกลออกไป สืบเนื่องจากเรื่องน้ำท่วม” นายปธาน สมบูรณสิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทคอน โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (TPARK) บริษัทด้านลอจิสติกส์ ซึ่งเป็นกิจการในเครือของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว บริษัทของเขากำลังลงทุนเป็นจำนวนที่อาจจะสูงถึง 2,000 ล้านบาทในโครงการศูนย์ลอจิสติกส์บนพื้นที่ 79 เอเคอร์ (ราว 197.5 ไร่) ในจังหวัดขอนแก่น
       
       ภาคอีสานยังควรที่ได้ประโยชน์จากการที่โรงงานและศูนย์กระจายสินค้ามีการเคลื่อนย้าย เพื่อเป็นการรับมือกับ “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (AEC) ซึ่งมีกำหนดที่จะทำให้สำเร็จภายในปลายปี 2015 หรือปี 2016
       
       ระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ของเออีซี ซึ่งจะเป็นเส้นทางหลวงและเส้นทางของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการค้า จะเริ่มต้นจากเมืองท่าดานัง ในเวียดนาม ผ่านลาว, ไทย และพม่า ไปจนถึงทะเลอันดามัน โดยที่จะตัดผ่านจังหวัดขอนแก่น เมืองศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและศูนย์กลางการพาณิชย์ของภาคนี้
       
       โครงการนี้จะสนับสนุนความมุ่งมาดปรารถนาของไทยที่จะวางฐานะตนเองเป็นปากทางเข้าสู่ประเทศจีน โดยอาศัยเครือข่ายถนนและทางรถไฟที่ตัดผ่านลาว
       
       โครงการต่างๆ ทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนกระบวนการขยายตัวเมืองซึ่งจะเกิดขึ้นจากโครงการเหล่านี้ ถ้าหากสามารถเดินหน้าไปตามแผนแล้ว ก็จะกลายเป็นตัวสนับสนุนอัตราเติบโตของไทยในอนาคต เครดิต สวิส ระบุเอาไว้เช่นนี้ในรายงานฉบับหนึ่ง อีกทั้ง เครดิต สวิส ยังปรับเพิ่มประมาณการแนวโน้มอัตราเติบโตของจีดีพีไทยในช่วงปี 2014 ถึง 2018 ให้เป็นระหว่าง 4.5 ถึง 5.0% จากเดิมที่ให้ไว้เพียง 4.2%
       
       ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจอะไรที่พวกบริษัทผู้ผลิตของไทย เป็นต้นว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), และเครือปูนซิเมนต์ไทย ตลอดจนพวกบริษัทต่างชาติที่มีโรงงานในเมืองไทย ดังเช่น บริษัทพานาโซนิค คอร์ป, บริษัทคราฟต์ ฟู้ดส์ กรุ๊ป อิงก์, และบริษัทเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ ล้วนแต่กำลังถูกดึงดูดเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
       
       “ถ้าคุณมองไปที่พวกบริษัทภาคธุรกิจทั้งหลาย พวกบริษัทใหญ่ทุกๆ แห่งต่างก็ไปที่นั่นกันทั้งนั้น พวกเขาไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับกรุงเทพฯกันอีกต่อไปแล้ว พวกเขาพูดถึงเรื่องต่างจังหวัด” นายแพตริก ชาง หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์อาเซียน แห่ง บีเอ็นพี ปาริบาส์ อินเวสต์เมนต์ พาร์ตเนอร์ส ให้ความเห็น “สิ่งที่เซ็กซี่เร้าใจเอามากๆ ก็คือการขยายเขตเมืองในต่างจังหวัด และวิถีทางที่กระบวนการนี้ส่งผลกระทบต่อการบริโภค”

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000072775
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8866 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 14:43:41 »

คอมเมนต์ท้ายข่าว:

ผมได้อ่านศาสตร์แห่งโหรมา 2-3 ปีที่แล้วว่า ภาคอีสานจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นในรอบ 10 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งหากเป็นจริง ภาคอีสานเราจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น หลังจากถูกปล่อยละเลยมาหลายสิบปี เพราะทุกรัฐบาลเอาใจแต่คนกรุงเทพ

และตามด้วยพยากรณ์ที่ว่า ความเจริญรุ่งเรืองถัดจาก 10 ปีข้างหน้าไปแล้ว จะไปตกอยู่ในภาคใต้นาน 10 ปีเต็มเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่า พบวกเราก็รอฟังข่าวดีอยู่ด้วย เพราะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนยังคาราคาซังกันอยู่ หากจัดการด้วยวิถีทางใดแล้งยุติ ก๋น่าจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติโดยรวม

อนึ่งภาคเหนือ ภาคกลาง และ กทม. ตามพยากรณ์บอกว่า บ่อ เถ่า โล่ เพราะดีมาก ดีมานาน จนเริ่มเสื่อมถอยลงอย่างกู่ไม่กลับ รัฐบาลพยายามถมแบบไม่รู้จักเต็ม ซึ่งมันก็ไม่เต็มจริงๆ เขาเคยบอกไว้ถ้าจำไม่ผิดว่า จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ผู้คนจะหนีออกจากพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งปี 2554 ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่และท่วมนานเป็นเดือน แบบไม่ยอมแก้ไขอะไรเลย กักกั้นน้ำกันเป็นหลัก จนนิคมอุตสาหกรรมจมน้ำกันไป 5-6 แห่ง เสียหายย่อยยับ จนผู้ประกอบการเริ่มมองที่ตั้งโรงงานในทำเลใหม่ ก็คิอภาคอีสานของเรานั่นเอง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8867 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 14:57:15 »

ข่าวที่สอง...อ่านแล้วโมโหครับ.....??!!!

โดนหลอกทั้งประเทศ! “ปลาดอร์ลี่” ที่แท้คือปลาสวาย   เค้าไม่ยอม   เหอๆๆ
17 มิถุนายน 2556 09:30 น.



      กลายเป็นกระแสที่น่าตกใจกับคนชอบรับประทานปลาหลายๆคน เมื่อความจริงปรากฎว่า ปลาดอร์ลี่ เนื้อขาวน่ารับประทานที่มีชื่อหรูหราจนหลายคนชื่นชอบนั้น แท้จริงแล้วคือปลาสวายขาว ไม่ใช่ปลาดอร์ลี่อย่างที่ถูกตั้งชื่อ และทุกคนเข้าใจตามนั้น
        
       จากการเปิดโปงโดย สรรค์สนธิ บุณโยทยาน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร และข้าราชการบำนาญ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เขียนบทความถึงความเป็นมาจากปลาสวายเนื้อขาว สู่ปลาดอร์ลี่ในปัจจุบัน
      
       ใจความโดยสรุปนั้น เขาเผยว่า ผู้ขายระบุชื่อว่าเป็น "ปลาดอร์ลี่แล่" กำกับภาษาอังกฤษว่า Pangasius Fillet (Pangasius Hypopthalmus) เป็นการให้ข้อมูลแบบไม่ครบถ้วนอาจสร้างความเข้าใจผิดว่าเป็นปลาทะเล หรือปลาชนิดใหม่ เปรียบเทียบกับสินค้าชนิดเดียวกันที่อเมริกามีการระบุรายละเอียดชัดเจนว่าเป็นปลาเลี้ยงจากฟาร์มในประเทศเวียดนาม ใช้ชื่อการค้าว่า Swai
      
       “จริงๆแล้วคนขายเขาก็ไม่ได้หลอกเพราะเขียนภาษาอังกฤษ พร้อมกำกับด้วยศัพท์วิทยาศาสตร์ไว้เห็นชัดๆว่าPangasius hypophthalmusแต่ผู้บริโภคทั่วไปไม่ทราบว่านี่คือ ปลาสวายธรรมดา”
      
       ทั้งนี้ ความเป็นมาของการแปลงปลาสวายให้กลายเป็นปลาเลิศหรูในชื่อ ปลาดอร์ลี่นั้น มาจากที่ว่าโดยปกติแล้ว เนื้อของปลาดอร์ลี่นั้นจะมีสีเหลืองไม่น่ากิน แต่ปลาดอร์ลี่จากประเทศเวียดนามกลับมีสีขาวอมชมพูน่ารับประทาน ซึ่งเคยมีการเข้าใจผิดในหมู่เกษตกรเพาะเลี้ยงด้วยว่า ปลาดังกล่างนั้นคือ ปลาเผาะ
      
       เขาเผยว่า เมื่อก่อนนั้น รองนายกรัฐมนตรี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เคยมีไอเดียการเลี้ยงปลาสวายเนื้อขาว (โดยคิดว่านั่นคือปลาเผาะ) เลยเอามาส่งเสริมที่จังหวัดนครพนมภายใต้แผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดผู้ว่าฯ ซีอีโอ เมื่อปี 2547 - 49 เพื่อการส่งออกไปประเทศสเปน ทั้งนี้ตัวเขาเองในฐานะที่เป็นเกษตกรก็ยอมรับว่า เข้าใจผิดว่าปลาสวายเนื้อขาวที่ชาวเวียดนามเลี้ยงคือ "ปลาเผาะ"(Pangasius bocourti) ที่เป็นปลาธรรมชาติอยู่ในแม่น้ำโขง ปลาชนิดนี้ชาวนครพนมรู้จักดีมีเนื้อสีขาวอมชมพู เพราะจับมากินเป็นอาหารชั้นเลิศ เช่น ผัดฉ่า ต้มยำ ขายราคาแพงๆในร้านอาหารดังๆ
      
      
       แต่โครงการดังกล่าวก็ขาดทุนด้วยเหตุผลด้านรายละเอียดของวิธีการเลี้ยง และความจริงก็เปิดเผยให้รู้โดยทั่วกันว่า ปลาเนื้อขาวนั้นแท้จริงแล้วคือปลาสวาย ทว่าความเข้าใจนั้นก็ยังคงถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยพ่อค้าหัวใสที่ตั้งชื่อเนื้อปลานั้นว่า ปลาดอร์ลี่
      
       “คนไทยโดยทั่วไปรังเกียจปลาสวายเพราะเนื้อเหลืองไม่น่ากิน แต่พอไปเจอปลาดอร์ลี่เนื้อออกสีขาวอมชมพูดูสวยงามน่ากิน ก็ยอมจ่ายเงินราคาแพงๆ เพราะคิดว่านี่แหละของดี แต่ที่ไหนได้เข้าใจผิดยิ่งกว่าผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม เมื่อปี 2504”

      
       เขาเผยถึงประสบการณ์การไปดูงานที่เมือง Can Tho ประเทศเวียดนาม ในคราวประชุม 17th Annual Meeting of MRC Fisheries Program 25-26 November 2010 ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านประมงจากหลายประเทศไปประชุมกัน โดยฝ่ายไทยมีผู้เชี่ยวชาญจากกรมประมง และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งนี้ทุกคนต่างยืนยันว่าที่เขาเลี้ยงในบ่อดินริมแม่น้ำ และเข้าโรงงานแร่เป็นชิ้นเนื้อสีขาวอมชมพู คือ "ปลาสวายธรรมดา" โดยชื่อวิทยาศาสตร์ Pangasius Hypopthalmus แต่ชาวเวียดนามมีวิธีทำให้ปลาสวายมีเนื้อสีขาวด้วยเทคนิค 2 ข้อ คือ
      
       1.เลือกอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดสีเหลืองเข้าไปแทรกในไขมัน เช่น อย่าให้มีอาหารที่เป็นข้าวโพด และเนื่องจากเมืองนี้อยู่ใกล้ปากแม่น้ำ (ใกล้ทะเล) จึงสามารถหาซื้ออาหารโปรตีนจำพวกปลาป่นราคาถูกๆ
      
       2.มีการถ่ายเทน้ำให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา พวกเขาโชคดีที่เมืองนี้อยู่ใกล้ทะเลทำให้มีน้ำขึ้นและน้ำลง จึงสามารถถ่ายน้ำเข้าและออกจากบ่อดินได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำให้สิ้นเปลืองพลังงาน
      
       “ด้วยเหตุผลที่ว่าทำให้ปลาสวายธรรมดามีเนื้อสีขาวอมชมพู ในต้นทุนที่ต่ำ สามารถส่งออกตีตลาดได้ทั่วโลก เฉพาะตลาดอเมริกาแห่งเดียวพี่แกก็รับทรัพย์ไปแบบเต็มๆ”
      
       นอกจากนี้ เขายังเผยถึงความเห็นของ ดร.นฤพล สุขุมาสวิน จากสำนักผู้เชี่ยวชาญกรมประมง เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 ในการประชุมเกี่ยวกับตัวชี้วัดเพื่อประเมินโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ที่จังหวัดอุดรธานี เผยว่ากรมประมงได้ขอความร่วมมือกับ อย. เพื่อสั่งให้เอกชนที่นำเข้าปลาสวายเนื้อขาวจากเวียดนาม ภายใต้ชื่อการค้าว่า "ปลาดอร์ลี่" ให้ระบุในฉลากว่านี่คือ "ปลาสวายธรรมดา" แต่เอกชนหัวการค้าใส่เพียงชื่อวิทยาศาสตร์ในฉลากว่า Pangasius hypopthalmus
      
       “แล้วพี่ไทยตาดำทั่วไปจะรู้หรือว่าเจ้าชื่อวิทยาศาสตร์นี่คือปลาสวายธรรมดาๆ ผิดกับกฎหมายอเมริกันที่เขาให้ระบุในฉลากว่า "ปลาเลี้ยงในฟาร์ม นำเข้าจากเวียดนาม" (Farm Raised......Product of Vietnam)”
      
       จากปลาสวายธรรมดากลายเป็นอาหารชั้นดี ดูไฮโซขึ้นโต๊ะอาหารฝรั่ง ทั้งนี้ ปลาดอร์ลี่ตัวจริงที่มีราคาสูงนั้น แท้จริงแล้วอยู่ในทะเลลึกที่มหาสมุทแอตแลนติก และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีเนื้อแน่น น่ากิน และมีชื่อเล่นว่า "จอห์น ดอร์ลี่" (John Dory) ชื่อวิทยาศาสตร์ Zenopsis conchifera เขาเผยว่า เปรียบเทียบกันแล้ว สเต๊กปลาดอร์ลี่ตัวจริงจะมีรูปร่างกลมๆ ป้อมๆ ส่วนสเต๊กปลาดอร์ลีปลอม รูปร่างจะยาวๆ เพราะเป็นปลาสวาย ผู้บริโภคสเต๊กนั้นถูกแหกตามาโดยตลอด

 

      
       ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
       เรียบเรียงจาก http://www.yclsakhon.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539377083
      
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000072691
 




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #8868 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 15:08:26 »

เหมือนกับหม่อน  ชื่อไทย และมัลเบอรี ชื่อฝรั่ง  แต่เป็นอย่างเดียวกัน


                
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8869 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 15:15:12 »

คอมเม้นต์ท้ายข่าว:

ความฉลาดของชาวเวียตนามนี่ไม่ใช่เล่น ยกแต่ของดีใส่ตัว ฉลาดและเก่งทีเดียว
เสียแต่ที่บริษัทคนไทย ซึ่งขายเป็ด-ขายไก่ (ตามคำพูดของ รองนายกฯเฉลิม) นี่ซิ น่าเจ็บใจ
เล่นกินตามน้ำเลย รวยแล้วไม่ยอมเลิก ทั้งปลาดอลลี่ ปลาทับทิม ผูกขาดอยู่คนเดียว

เที่ยวนี้กำไรเยอะ ซื้อ MAKRO ไปได้, เที่ยวหน้ามีหวังซื้อ LOTUS คืน และที่สุดต้องซื้อ Central อย่างแน่นอน ??!!
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8870 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 15:16:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 17 มิถุนายน 2556, 15:08:26
เหมือนหม่อน  ชื่อไทยและมัลเมอรี ชื่อฝรั่ง  แต่เป็นอย่างเดียวกัน


                 

น้องเริง

น่าทานจัง
วันอาทิตย์ได้ไปร่วมงานที่หอ หรือเปล่า ??
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #8871 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 15:26:28 »

ซื้อ CENTRAL คงไม่ได้ครับ  ของคนไทยด้วยกัน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #8872 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 15:27:58 »

ไม่ได้ไป ติดไปบ้านพี่หัสนัย  ที่สามเสน  จึงเป็นที่มาไปเที่ยวบางลำภู รอบสองครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #8873 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 15:33:33 »

ลูกหม่อนมีประโยชน์ด้วย

“ผลหม่อน” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “มัลเบอร์รี่” เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ชนิดหนึ่ง ที่มีคุณค่าทางอาหาร มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว โดยผลของหม่อนเมื่อสุกได้ที่แล้วจะเป็นสีดำ มีรสชาติหวาน และถ้าเป็นสีแดงยังไม่สุกมาก จะออกรสเปรี้ยว
      
       ปัจจุบันผลหม่อน นิยมนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ อาทิ กรดโฟลิก (Folic acid) นอกจากนี้ในผลของหม่อนยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไชยานิน เควอซิติน ที่มีส่วนลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ตำรับยาโบราณมีการใช้ผลหม่อนต้มบริโภคทั้งเนื้อและน้ำแก้โรคไขข้ออักเสบ ท้องผูก โลหิตจาง และขับเสมหะ เป็นต้น


หรือ1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ชื่อ Anthyocyanin ซึ่งเป็นสารสีม่วงแดง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และป้องกันโรคมะเร็ง
   2. มีวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงเลือด ตับ ไต ลดการเกิดสิว ลดอาการปวดประจำเดือน
   3. ป้องกันและยับยั้งการเกิดลิ่มเลือด ป้องกันเส้นเลือดแตก สาเหตุของโรคอัมพฤก อัมพาต
   4. มีวิตามินซี สูง ช่วยป้องกันหวัด โรคภูมิแพ้ โรคปอด วัณโรค ป้องกันเชื้อไวรัส
   5. มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดต้อกระจก (ป้องกันแสงสีน้ำเงินเข้าทำลายเลนส์ตา) บำรุงเหงือกและฟัน สร้างภูมิให้ระบบหายใจ บำรุงผิว ลดการอักเสบของสิว
   6. มีกรดโฟลิค หรือวิตามินใบไม้ หรือวิตามินเอ็ม ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันทารกพิการ ช่วยการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หญิงแรกตั้งครรภ์เดือนแรกต้องการกรดโฟลิค
   7. ช่วยแก้อาการเมาค้าง ผ่อนคลายความเครียด           
   8. ช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8874 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 15:57:14 »

ขอบคุณหลาย


มีแปรรูปเป็นแยมทาขนมปังของ best food สีเดียวกับแยมองุ่นเลย
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 353 354 [355] 356 357 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><