27 พฤศจิกายน 2567, 13:58:48
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 351 352 [353] 354 355 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2616108 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #8800 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2556, 19:26:47 »

มารายงานอากาศค่ะน้องเหยง
มาแต่ลมกรรโชกไม่มีฝนเหมือนเคย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8801 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2556, 20:08:14 »

พี่'อร

คงสะสมรวบยอดเอาทีเดียวเลย

นครสวรรค์ฟ้ามืดครับ แต่ยังไม่มีปฏิกริยาใดๆ จากฟ้า
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8802 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2556, 20:53:29 »

2 อดีตขุนคลัง 2 รัฐบาล ฟันธง "จำนำข้าว" อาจนำ ศก.ประเทศ สู่หายนะ
10 มิถุนายน 2556 19:22 น.


       2 อดีตขุนคลัง 2 รัฐบาล ฟันธง "จำนำข้าว" อาจนำ ศก.ประเทศ สู่หายนะ "หม่อมอุ๋ย" ยอมรับข้อมูลเจ๊ง 2 แสนล้าน ถูกต้อง หากดันทุรังทำต่อ ไทยโดนหั่นเครดิตแน่ แนะให้เลิก "ทิฐิ" เพราะวิธีนี้ประเทศชาติเสียหายมาก ต้องหาวิธีอื่นยกระดับ "ชาวนา" และถึงเวลาที่ต้องใช้สมองบ้างแล้ว "ธีระชัย" หนุนระบบเดิม "ประกันราคา" เงินตกถึงมือชาวนาเต็มเม็ดเต็มหน่วย แถมไม่เป็นภาระงบประมาณ
       
       ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลออกมาแถลงปฏิเสธตัวเลขการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล 260,000 ล้านบาท ตามข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรก่อนหน้านี้ และการคาดการณ์ของสถาบันจัดอันดับเครดิต มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอวิส โดยมองว่าโครงการนี้จะขาดทุนถึง 200,000 ล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่ถูกต้อง ซึ่งถึงแม้ว่าภายหลัง มูดี้ส์ จะออกมาไม่นำมาใช่ในการพิจารณาลดอันดับเครดิตไทยก็ตาม แต่หากรัฐบาลยังคงดำเนินโครงการนี้ต่อไปและขาดทุนเพิ่มสูงขึ้นก็เป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อตัวเลขหนี้สาธารณะและ มูดี้ส์ก็อาจจะนำมาใช้พิจารณาการจัดอันดับเครดิตไทย
       
       "เชื่อว่าขาดทุนปีเดียวคงไม่ถึงกับทำให้มูดี้ส์ลดอันดับเครดิตไทย เพราะการขาดทุนปีเดียวยังพอรับได้ เนื่องจากยอดหนี้สาธารณะยังไม่สูงนัก แต่สิ่งที่คิดต่อไปได้คือ ปีการผลิต 2555/2556 จะขาดทุนอีกเท่าไหร่หรือในอนาคตจะหยุดหรือไม่ ถ้ายังเดินต่อ มูดี้ส์ จะคิดได้เลยว่าต้องขาดทุนปีละ 2 แสนล้านบาท เป็นแบบนี้เรทติ้งก็จะตก ส่วนข้อมูลขาดทุน 2 แสนล้านบาทนั้นเชื่อว่ามูดี้ส์ใช้ข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผลและอาจจะน้อยกว่าความเป็นจริงด้วยซ้ำ"
       
       นอกจากนี้ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกด้วยว่า รัฐบาลควรยกเลิกโครงการรับจำนำ และหาโครงการอื่นๆ ที่สามารถทำให้ชาวนาได้รับผลประโยชน์ที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยและเป็นการยกระดับคุณภาพชาวนา เพระว่าการเสียหายจากโครงการนี้ส่งผลต่อคุณภาพข้าวเสื่อม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความเสียหายอื่นๆ ซึ่งชาวนาจริงๆที่ได้ประโยชน์มีเพียง 1 ใน 3 หรือประมาณ 40% ของงบประมาณโครงการ
       
       "ดังนั้น ทางออกที่รัฐบาลจะลดราคาจำนำข้าว จะยิ่งทำให้ชาวนาได้ประโยชน์น้อยลงอีก เพราะส่วนที่สูญเสียจากข้าวที่เสื่อมคุณภาพ อัตราดอกเบี้ย ยังมีอยู่ เพราะข้าวก็ยังเข้ามากองอยู่ในมือรัฐบาล แนะนำว่าถึงเวลาที่ต้องเลิก ทิฐิ เพราะวิธีนี้ประเทศชาติเสียหายมาก หาวิธีอื่นที่ยกระดับชาวนา ถึงเวลาที่ต้องใช้สมองบ้างแล้ว"
       
       นอกจากนี้ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร ยังได้เปรียบเทียบวิธีการคำนวณผลการขาดทุนของโครงการระหว่างข้อมูลของกระทรวงการคลังและมูดี้ส์ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาไม่แตกต่างกันและเป็นตัวเลขที่ถูกต้องทั้งคู่ มีเพียงสมมติฐานที่ใช้ในการคำนวณเท่านั้น โดยมูดี้ส์ คำนวณรวมผลสูญเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากการขายข้าวได้ทั้งหมด โดยประมาณการไว้ว่าจะหมดภายใน 4-6 ปี แต่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรคำนวณเพียงการรับจำนำข้าว ปี 2554/2555 เพียงปีเดียว
       
       ดังนั้น แปลว่าคลังยอมรับแล้วว่าการขาดทุนของข้าวนาปี นาปรัง ของ 54/55 เท่ากับ 136,800 ล้านบาท ขณะที่ มูดี้ส์ บอกว่าขาดทุน 2 แสนล้าน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกต้องทั้งคู่ แต่แตกต่างกันที่สมมติฐานในการคิดคำนวณ โดยกระทรวงการคลัง ประมาณการจาก ต้นทุนและรายรับ ขณะที่ มูดี้ส์ ประเมินว่า การขาดทุนในโครงการจำนำข้าว ประมาณ 2 แสนล้านบาท มาจากการคำนวณรวม ผลสูญเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากการขายข้าวได้ทั้งหมด โดยประมาณการไว้ว่าจะหมดภายใน 4-6 ปี
       
       ด้านนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubala เรื่อง "เปรียบเทียบจำนำข้าวกับประกันราคา" โดยระบุว่า ผมขอให้ความเห็นทางวิชาการ เปรียบเทียบจำนำข้าวกับประกันราคา ว่านโยบายไหนดีกว่ากัน
       
       ขอเริ่มต้นว่า ผมไม่ขัดข้องที่จะมีการช่วยเหลือชาวนา แต่ที่ผ่านมา การถกเถียงเรื่องนี้มีการปะปนประเด็นกันไปมา จนทำให้เข้าใจเรื่องได้ยาก พูดกันที่ไร ก็อารมณ์เสีย ด่ากันไปๆ มาๆ ทำให้มองประเด็นวิชาการไม่ชัด
       
       เรื่องนี้มี 2 มิติซ้อนกันอยู่
       
       มิติที่หนึ่ง คือการช่วยเหลือชาวนา ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ที่ทุกคนเห็นด้วยนั้น วิธีการที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการประกัน หรือการจำนำ คำถามคือ วิธีนั้นก่อภาระต่อรัฐเป็นเงินเท่าใด และรัฐจะเอาเงินจากไหมมาใช้เพื่อช่วยเหลือชาวนา
       
       เงินที่จะใช้ช่วยเหลือชาวนานั้น จะใช้เงินจากการเก็บภาษีต่างๆ เพิ่มขึ้น หรือจะใช้เงินจากการเพิ่มหนี้สาธารณะ
       
       ในมิตินี้ ถ้าใช้เงินจากการเก็บภาษี ก็จะไม่กระทบเครดิตของประเทศ แต่ถ้าใช้เงินจากหนี้ อาจจะกระทบเครดิตของประเทศอย่างแรง
       
       ประเด็นหลักในมติที่หนึ่ง ก็คือ จะต้องมีการประเมินตัวเลขขาดทุน และประเมินภาระต่อรัฐ ให้ถูกต้องน่าเชื่อถือ และต้องชี้แจงให้ชัดว่าภาระดังกล่าว รัฐบาลจะหาเงินจากไหนมาใช้รองรับโครงการนี้
       
       ถ้าไม่เปิดเผยตัวเลข หรือให้ตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อถือ บริษัทจัดอันดับเครดิตและนักเศรษฐศาสตร์ ก็จะประเมินกันเอง และหากขาดทุนถึงขั้นที่ประเทศถูกเตือนหนักๆ หรือถูกลดเครดิต ก็จะไม่ต่างอะไรกับสถาบันระดับโลก เขาให้ vote of no confidence แก่รัฐบาล
       
       ดังนั้น ในมิติที่หนึ่งนี้ ไม่ว่าวิธีจำนำข้าวหรือประกันราคา ต้องมีคำตอบเรื่องภาระของรัฐ และต้องมีการเปิดเผยข้อมูลเหมือนๆกัน
       
       มิติที่สอง คือถามว่าวิธีการช่วยเหลือชาวนา วิธีใดที่ทำให้เงินผ่านไปถึงมือชาวนาเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่ากัน ในมิติที่สองนี้ ผมต้องอธิบายอย่างระมัดระวังมาก เพราะมิฉะนั้น ผู้อ่านจะคิดว่าผมเอนเอียงในด้านการเมือง
       
       ผมได้เข้าอบรมหลักสูตร ปปร. รุ่นที่ 12 ที่สถาบันพระปกเกล้าในปี 2551/2552 และได้พบ ดร ธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้จัดการ ธกส. เราปรึกษากันแล้ว เห็นว่าโครงการจำนำข้าวที่ดำเนินการไปหลายครั้งในอดีตนั้น ทำให้เกิดภาะต่อรัฐอย่างมาก ไม่คุ้มกับผลดีที่ตกแก่ชาวนา
       
       เราสองคนจึงได้ร่วมกันทำเอกสารวิชาการขึ้น ร่วมกันเสนอแนวคิด ให้รัฐบาลในอนาคต ควรจะใช้วิธีประกันราคา แทนการจำนำ เอกสารดังกล่าวเผยแพร่ต่อสื่อในปี 2552 และมีหนังสือพิมพ์บางฉบับได้นำไปอ้างอิงด้วย
       
       ดังนั้น ในวันนี้ ที่ผมพูดถึงวิธีประกันราคา จึงยืนยันได้ว่าไม่ใช่การพูดเพื่อเข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์
       
       ทั้งนี้ ภายหลังที่ได้มีการเผยแพร่เอกสารวิชาการดังกล่าว ต่อมาเมื่อ ปชป. เข้ามาเป็นรัฐบาล ปชป. ก็ได้เปลี่ยนไปใช้นโยบายประกันรายได้ ซึ่งมีหลักคิดคล้ายคลึงกับที่เราเสนอในเอกสารวิชาการ
       
       แต่ผมขอยืนยันว่า ปชป. ไม่เคยติดต่อสอบถามหรือพูดคุยกับผม ไม่ว่าในเรื่องเอกสารวิชาการ หรือในเรื่องโครงการประกันรายได้ของ ปชป. แต่อย่างใด และผมไม่ทราบว่า ปชป. ได้อ่านเอกสารวิชาการของผมหรือไม่ด้วยซ้ำ
       
       กลับมาในประเด็นว่าวิธีการใด (ก) เม็ดเงินจะผ่านไปถึงมือชาวนามากกว่ากัน และ (ข) วิธีใดจะก่อภาระแก่รัฐน้อยกว่ากัน
       
       ในเรื่อง (ก) เม็ดเงินนั้น ทั้งสองวิธี เงินผ่านไปถึงมือชาวนา
       
       ในการเปรียบเทียบ ผู้อ่านต้องทำใจเป็นธรรมเสียก่อนนะครับ ท่านต้องยกเอาความรักเกลียดชอบชังทางการเมืองออกไปเสียก่อนชั่วคราว จึงจะเข้าใจแง่มุมทางวิชาการ
       
       การเปรียบเทียบ ต้องเริ่มต้น ด้วยสมมุติฐาน ว่ามีการตั้งระดับการช่วยเหลือที่เท่ากันเสียก่อน คือ กรณีรับจำนำ ก็รับในราคา 15,000 บาทต่อตัน กรณีประกันราคา ก็ประกันในราคา 15,000 บาทต่อตัน
       
       ถ้าคิดแบบง่ายๆ โดยยังไม่ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ มากมาย การประกันย่อมมีโอกาสทำให้เม็ดเงิน ผ่านไปถึงมือชาวนาเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่าแน่นอน
       
       เพราะวิธีการประกันนั้น ทำได้ง่ายกว่า ขั้นตอนน้อยกว่า
       
       (1) ค่าใช้จ่ายในการบริหารต่ำกว่า (2) ไม่ปวดหัวเรื่องหาสถานที่เก็บข้าว (3) ไม่กังวลเรื่องข้าวหาย (4) ไม่ต้องเสียเงินให้แก่ชาวนาเขมร ชาวนาลาว และต่อไปชาวนาพม่า (5) ไม่มีการเวียนเทียนข้าว (6) ไม่มีสต๊อกลม (7) ไม่มีข้าวเสื่อมสภาพ (Cool โรงสีไม่สามารถกดราคาแก่ชาวนาโดยอ้างว่าข้าวมีคุณภาพต่ำ (9) โรงสีไม่สามารถขยักเงินแก่ชาวนาโดยอ้างว่าข้าวมีความชื้นสูง (10) ไม่มีข้อครหาว่ารัฐขายข้าวในราคาถูกเกินไป หรือ (11) ขายแบบ G to G ทั้งที่ไม่ใช่ หรือ (12) ขายให้แก่พรรคพวกโดยเลี่ยงไม่มีการประมูลแข่งราคากันตามระเบียบราชการ
       
       ถ้าหากวิธีจำนำจะเหนือว่าวิธีประกัน ก็เฉพาะในเรื่อง (ข) ในประเด็นว่าวิธีจำนำ อาจจะก่อภาระแก่รัฐน้อยกว่าก็ได้
       
       ถามว่าจะก่อภาระต่อรัฐน้อยกว่าได้อย่างไร
       
       แนวคิดของผู้ที่สนับสนุนเรื่องนี้ คือหวังว่า การที่รัฐกักตุนเก็บข้าวเอาไว้แต่ผู้เดียว จะทำให้ราคาตลาดโลกสูงขึ้น จึงเท่ากับ จะเอากำไรของผู้ส่งออกมาเป็นของรัฐ และบีบให้ประชากรโลกต้องยอมซื้อข้าวในราคาที่แพงขึ้น เพื่อลดภาระของรัฐ
       
       ความหวังดังกล่าวจะเป็นจริง ก็ต่อเมื่อปริมาณข้าวในตลาดโลกจากแหล่งอื่นมีไม่มากนัก
       
       แต่ในขณะนี้ การปลูกข้าวเพื่อส่งออกได้ขยายวงไปหลายประเทศแล้ว ไม่ว่าเวียดนาม อินเดีย และต่อไป พม่าก็จะเป็นแหล่งที่สำคัญ
       
       นอกจากนี้ เนื่องจากโกดังเก็บข้าวในไทย ไม่ได้มีการลงทุนแบบมาตรฐานโลก ข้าวที่เก็บจึงเสื่อมสภาพเร็ว ยิ่งเก็บนาน ก็ยิ่งขายได้ราคาต่ำลงๆ
       
       และถึงแม้การกักตุนสต๊อกเอาไว้ สมมุติอาจจะมีผลทำให้ราคาตลาดโลกสูงขึ้นก็ตาม ราคาที่สูงขึ้น จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ตราบที่รัฐบาลไทยยังกักตุนข้าวเอาไว้เท่านั้น แต่เนื่องจากสต๊อกข้าวไทยมีปริมาณมหาศาล ดังนั้น เมื่อใดที่รัฐบาลไทยนำข้าวออกขาย ราคาในตลาดโลกก็จะลดลง
       
       ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผมจึงเห็นว่าการประกันจะทำให้เม็ดเงิน ผ่านลงไปถึงมือชาวนา เต็มเม็ดเต็มหน่วย กว่าการจำนำมาก
       
       วิธีประกัน รัฐขาดทุนเท่าไหร่ ชาวนาก็ได้ประโยชน์เท่านั้น เต็มๆ
       
       แต่วิธีจำนำ รัฐขาดทุนเท่าไหร่ ชาวนาได้ประโยชน์เพียงบางส่วน ที่เหลือ จะตกหล่น เบี้ยบ้ายรายทาง แถมบางส่วนออกไปนอกประเทศ
       
       ส่วนที่ตกหล่นไปนี้ นอกจากจะสร้างภาระแก่ผู้เสียภาษีโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังเป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ดี ให้เกิดขึ้นในแวดวงบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ประโยชน์ที่ไม่ควรได้จากขบวนการจำนำอีกด้วยครับ

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000069958
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8803 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2556, 16:08:40 »

ฝนในวันนี้เพิ่มขึ้นในทุกภาคของประเทศ
ทะเลทั้งสองฝั่งและในภาคตะวันออก ทีคลื่นสูงและลมแรง ชาวเรือและนักท่องเที่ยวต้องระมันระวัง


พยากรณ์อากาศ ประจำวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง"

ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2556

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น.  ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ในช่วงวันที่ 11- 14 มิถุนายน 2556 ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ และชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย  

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้.  

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อนเอ็ด ยโสธร
อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ชัยภูมิ และ นครราชสีมา

อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ สระบุรี ลพบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี

กาญจนบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฏร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8804 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2556, 16:10:04 »

ขณะนี้ ฝนกำลังตกในเขตอำเภอเมืองนครสวรรค์ในระดับปานกลาง พร้อมฟ้าคะนอง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8805 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2556, 16:26:57 »

วันนี้ ช่วงเช้า จนท.ของ อบต.บ้านมะเกลือ ไปพ่นหมอกควันกันยุงให้

ทำให้ไม่สามารถเข้าภายในตัวบ้านกว่าชั่วโมง เพราะพ่นหลายจุด

จึงออกจากบ้านเข้าเมืองปากน้ำโพทำธุระครับ กลับซะบ่ายสองเลย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8806 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2556, 17:54:06 »

ได้ยินข่าวว่า ห้วยขวาง ดอนเมือง มีฝนตกจนน้ำท่วมขังขึ้นมาแล้ว ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8807 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2556, 20:58:05 »

มาแปลกขึ้นเรื่อยๆ ครับ.........

หลังงานแต่งของหนุ่นเขมร VS สาวไทย เมื่อเดือนที่แล้ว.....อะไร ๆ ก็เพื่อเขมรไปแล้ว ??


เรื่องที่ 1
มติ ครม. วันที่ 4 มิถุนายน 2556
วาระที่ 14
14. เรื่อง การพิจารณาทบทวนมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2556
      คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2556 จากเดือนมีนาคม – กรกฎาคม 2556 เป็น เดือนมีนาคม – สิงหาคม 2556 และในส่วนปริมาณการนำเข้าให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2556 ตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหารในคราวประชุมเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการนโยบายอาหารเสนอ
      สาระสำคัญของเรื่อง
      รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการนโยบายอาหาร รายงานว่า 
       1. ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าไทย-กัมพูชา (Thailand-Cambodia Joint Trade Committee: JTC) ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2556 ณ ประเทศกัมพูชา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายจอม ประสิทธิ์ รัฐมนตรีการค้าอาวุโสและรัฐมนตรีการค้ากัมพูชาเป็นประธานร่วม ฝ่ายกัมพูชาได้ยกเรื่อง มาตรการจำกัดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยขึ้นหารือว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของกัมพูชาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่ไทยมีมาตรการจำกัดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยขอให้ยกเลิกการจำกัดช่วงเวลาและปริมาณการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยเร็ว เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของกัมพูชากำลังจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนมิถุนายน 
       2. คณะกรรมการนโยบายอาหารได้มีการพิจารณาทบทวนมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2556 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การผลิต การตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลกและของไทย และพิจารณาข้อเรียกร้องของประเทศกัมพูชา ผลดีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับปรุงมาตรการบริหารการนำเข้า โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้
         2.1 ให้ขยายระยะเวลาการนำเข้าของผู้นำเข้าทั่วไป ภายใต้ AFTA และโครงการ Contract Farming ตาม ACMECS ออกไปอีก 1 เดือน จากเดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2556 เป็นเดือนมีนาคม-สิงหาคม 2556 และกำหนดมาตรการบริหารการนำเข้า ดังนี้
            2.1.1 ภาษีอัตราร้อยละ 0
            2.1.2 ให้ อคส. นำเข้าได้ตลอดทั้งปี โดยให้จัดทำแผนการจัดซื้อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านการผลิต การตลาด ภาวะราคาและความต้องการใช้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผลผลิตในประเทศ สำหรับผู้นำเข้าทั่วไปนำเข้าได้ช่วงเดือนมีนาคม-สิงหาคม 2556 และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานควบคุมการนำเข้าตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2525
         2.2 ให้คงมาตรการบริหารการนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าอื่น ๆ ได้แก่ การนำเข้าตามความตกลง WTO TNZCEP TAFTA JTEPA AJCEP AKFTA การนำเข้าทั่วไป (ประเทศนอกข้อตกลง) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2555 ซึ่งเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหารเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2555
         2.3 เพื่อให้อาหารสัตว์ในประเทศมีคุณภาพมาตรฐานและสุขอนามัยและไม่กระทบต่อสัตว์ การส่งออกเนื้อสัตว์ของไทย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทั้งทางด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (The Application of Sanitary and Phytosantary Measures: SPS) และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กรมปศุสัตว์ กรมการค้าต่างประเทศประสานข้อมูลรายชื่อผู้ขออนุญาตนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ระหว่างกัน เพื่อติดตามกำกับดูแล การนำเข้าได้อย่างทั่วถึง และสร้างความมั่นใจแก่อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ



ตามด้วย

เรื่องที่ 2
ไทย-กัมพูชาเห็นพ้องจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนสองประเทศ
ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 11 มิถุนายน 2556 17:16:00 น.

ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องที่จะดำเนินงานร่วมกันเพื่อมุ่งสู่การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน รวมถึงพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนตลอดแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ

"เราเห็นพ้องที่จะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งหนึ่งในจังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดสระแก้ว และอีกแห่งในจังหวัดเกาะกง ติดกับจังหวัดตราด" นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศของกัมพูชากล่าวในการบรรยายสรุปแก่สื่อมวลชน ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมไทย-กัมพูชา

 "เขตเศรษฐกิจพิเศษจะมีความสำคัญมากในการเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน" เขากล่าว

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะเร่งการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน 1,800 เมกะวัตต์ในจังหวัดเกาะกงของกัมพูชา

"นอกจากนี้ เรายังเห็นพ้องเรื่องการสอนภาษาไทยและภาษาเขมรให้ประชาชนตลอดแนวชายแดน เพื่อให้คนไทยพูดภาษาเขมร และคนเขมรพูดภาษาไทยได้ ดังนั้นพวกเขาจะสามารถทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษและโรงไฟฟ้าได้ในอนาคต" นายฮอร์ นัมฮงกล่าว

http://www.ryt9.com/s/iq03/1669501
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8808 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2556, 20:59:39 »

ปิดท้ายด้วยคติจากไทยโพสต์ออนไลน์.........

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sanskrit saying... Rise and fall are properties of the big as wax and wane are of the moon; stars, however, suffer no change.- ความเจริญและความเสื่อมเป็นเรื่องของคนใหญ่ คนโต อุปมาดั่งพระจันทร์ ซึ่งมีขึ้น มีแรม ส่วนดวงดาวทั้งหลาย หาได้มีการผันแปรไม่...


http://www.thaipost.net/news/110613/74855
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #8809 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2556, 23:28:59 »

คุณเหยงครับ
ขอบคุณมาก

 ชอบนะ ชอบนะ

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 11 มิถุนายน 2556, 20:59:39
ปิดท้ายด้วยคติจากไทยโพสต์ออนไลน์.........

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sanskrit saying... Rise and fall are properties of the big as wax and wane are of the moon; stars, however, suffer no change.- ความเจริญและความเสื่อมเป็นเรื่องของคนใหญ่ คนโต อุปมาดั่งพระจันทร์ ซึ่งมีขึ้น มีแรม ส่วนดวงดาวทั้งหลาย หาได้มีการผันแปรไม่...


http://www.thaipost.net/news/110613/74855
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8810 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 06:56:13 »

คุณติ๋ม


ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงที่คนใหญ่ คนโต มองไม่ออกว่า "อำนาจมีความเสื่อมในตัวของมันเอง"
พยายามใช้อำนาจเพื่อความอยู่รอด และห้ำหั่นฝ่ายตรงข้ามกันอยู่ ?? ทั้งในและนอกสภา
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8811 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 07:03:51 »

วันนี้เริ่มเริ่มลดลงในหลายภาคอาทิ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แต่ กทม.และปริมณฑลมีฝนถึงร้อยละ 80 ของพื้นที่
ภาคใต้ทั้ง 2 ฝั่งและภาคตะวันออก คลื่นในทะเลสูงถึง 2-3 เมตร ฟ้าคะนอง ชาวเรือและนักท่องเที่ยวต้องระมันระวัง


พยากรณ์อากาศ ประจำวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2556
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง"

ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2556

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมกำลังแรงได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ในช่วงวันที่ 12-14 มิถุนายน 2556 ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ เว้นแต่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนลดลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ และชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ สระบุรี ลพบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฏร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8812 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 07:36:32 »

นครสวรรค์ ฝนตกลงมาตลอดคืนตั้งแต่ตีหนึ่งที่ผ่านมา
และตกลงมาจนถึงขณะนี้กว่า 7 ชั่วโมง
โดยช่วงนี้ตกแบบพรำๆ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #8813 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 11:29:00 »

ชุ่มฉ่ำดีครับ

และจะได้มีน้ำปลูกข้าวและพืชผัก
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #8814 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 16:55:18 »


แสดงว่าหน้าฝนจริงมาถึงแล้วใช่มั๊ยครับพี่เหยง พี่เริง ฮ่า ฮ่า


 ปิ๊งๆ หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8815 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 18:29:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 12 มิถุนายน 2556, 11:29:00
ชุ่มฉ่ำดีครับ

และจะได้มีนำปลูกข้าวและพืชผัก


น้องเริง

น้ำที่ปลูกข้าว ในช่วงหลังๆ นี้ ชาวนาเจาะบาดาลเป็นหลัก แทบจะทำนาแบบ 2 ปี 9 ปรังกันแล้ว
จนมีคนบ่นแล้วว่า ข้าวนาปีหายไป ??
"ข้าวนาปรัง" เป็นข้าวๆม่ไวแสง ปลูกเมื่อไหร่ก็ได้ เมล็ดข้าวจะอ่อนนุ่ม ถูกปากคนต่าวด้าว
"ข้าวนาปี" เป็นข้าวไวแสง ปลูกหน้าร้อนขึ้นหน้าฝน เก็บเกี่ยวหน้าหนาว เมล็ดแข็งถูกปากคนไทย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8816 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 18:31:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 12 มิถุนายน 2556, 16:55:18

แสดงว่าหน้าฝนจริงมาถึงแล้วใช่มั๊ยครับพี่เหยง พี่เริง ฮ่า ฮ่า


 ปิ๊งๆ หลั่นล้า

น่าจะใช่ครับ แต่ฝนจะตกจนน้ำท่วมหรือเปล่า ?? บอกไม่ได้ครับ เพราะไม่เชี่ยวชาญ
แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เป็นชาวหอเก่าด้วย!! มิใช่หรือ ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8817 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 18:32:04 »

วันนี้ แดดเปิดให้ในช่วงเที่ยง-บ่าย

แต่ห้าโมงเย็นเป็นต้นมา ฝนตกแบบพรำๆ ตลอดครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8818 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 18:46:12 »

สั่งสอบโรงสีพิจิตร รับจำนำข้าวเกือบ 4 เดือนออกใบประทวนไม่ได้
12 มิถุนายน 2556 12:08 น.


       พิจิตร - ผู้ว่าฯ เมืองชาละวันเรียกประชุมคณะกรรมการข้าวระดับจังหวัดฯ พร้อมสั่งตรวจสต๊อก-เอกสารโรงสีในโครงการจำนำข้าวเจ้าปัญหา หลังรับข้าวเกือบ 4 เดือนออกใบประทวนให้ชาวนาไม่ได้
       
       รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตรแจ้งว่า หลังเกิดปัญหาชาวนาในเขตพื้นที่ อ.เมือง อ.โพทะเล อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร รวมกว่า 300 ราย ขนข้าวเข้าจำนำตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 จนถึงวันนี้ (12 มิ.ย.) ผ่านมาเกือบ 4 เดือนก็ยังไม่ได้รับใบประทวน
       
       ล่าสุดนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้เรียกประชุมคณะกรรมการข้าวของจังหวัดให้ดำเนินการตรวจสอบโรงสีแอลโกแมนูแฟคเจอร์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร ว่าทำไมเอาข้าวของชาวนาไปนานเกือบ 4 เดือนแล้วยังไม่สามารถออกใบประทวนให้ชาวนาได้
       
       โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสต๊อก รวมถึงตรวจเอกสารว่ามีเงินค้ำประกันให้ อ.ต.ก.ถูกต้องหรือไม่ หากเอกสารครบถ้วนก็ให้เร่งแปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวสารส่งเข้าคลังสินค้าของ อ.ต.ก.เพื่อจะได้แลกกับใบประทวนนำไปให้ชาวนา แต่ถ้าพบว่ามีการทุจริตหรือโกงชาวนาก็จะดำเนินคดีอย่างแน่นอน
       
       ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่าโรงสีแอลโกแมนูเฟคเจอร์ จำกัด เดิมเคยชื่อโรงสีก้องเกียรติ เคยสร้างประวัติโกงชาวนาเมื่อปี 2548/49 ถูกศาลพิพากษาจำคุกนอมินี แต่เถ้าแก่ตัวจริงลอยนวล จากนั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อโรงสี และใช้นอมินีคนใหม่มาออกหน้าจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่บนที่ตั้งเดิม แล้ววิ่งเต้นจะเข้าโครงการรับจำข้าวในฤดูกาลผลิตปี 2556 นี้เอง

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000070711
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8819 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 18:48:48 »

ต้องถามว่า ...

ข้าวสารที่ส่งคลัง และเซอร์เวยเยอร์ตรวจไม่ผ่าน เป็นข้าวเก่าที่ซื้อออกมาแล้วเอาไปเวียนเทียนใช่หรือไม่ ??


ผู้ว่าฯ-สมาคมโรงสีพิจิตรเร่งเคลียร์ปัญหาจำนำข้าว เชื่อ 18 มิ.ย.ได้ใบประทวนล็อตแรก
12 มิถุนายน 2556 15:38 น.


       พิจิตร - บุกตรวจโรงสีเมืองชาละวันเจ้าปัญหา พบข้าวในสต๊อกร่วม 2 พันตันนำส่ง อ.ต.ก.ไม่ได้หลังเซอร์เวเยอร์ไม่ยอมตรวจรับ ทั้งยังตีกลับ เหตุข้าวด้อยคุณภาพ รถไม่พอขน สมาคมโรงสีต้องระดมกำลังช่วยแก้ปัญหา เชื่อ 18 มิ.ย.ชาวนาล็อตแรก 100 คนได้ใบประทวน
       
       วันนี้ (12 มิ.ย.) รายงานข่าวจาก จ.พิจิตรแจ้งถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาชาวนานำข้าวเข้าจำนำกับตัวแทนโรงสีบริษัท แอลโก แมนูเฟคเจอร์ จำกัด ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับใบประทวนว่า ล่าสุดนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกับนางพวงเกสร วงค์อนุพรกูล หัวหน้าเจ้าหน้าที่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ประจำจังหวัดพิจิตร นายประธาน นรรัตน์ พาณิชย์จังหวัด เข้าตรวจโรงสี ซึ่งพบว่ามีข้าวเปลือกและข้าวสารประมาณ 2,000 ตัน
       
       จากการสอบถามผู้จัดการโรงสีให้ข้อมูลว่าได้นำข้าวสารไปส่งเข้าคลังของ อ.ต.ก. แต่ปรากฏว่าเซอร์เวเยอร์ไม่ยอมตรวจรับและตีกลับเนื่องจากคุณภาพข้าวไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน จึงต้องมาหาข้าวเปลือกเพื่อแปรรูปเป็นข้าวสารทยอยนำส่งใหม่ แต่ทำได้ล่าช้า เนื่องจากมีรถบรรทุกสิบล้อเพียง 2-3 คัน ไม่พอที่จะขนข้าวจำนวนมาก
       
       ด้านนางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม ประธานชมรมโรงสีข้าวจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า โรงสีดังกล่าวไม่ได้เป็นสมาชิกของชมรม แต่เมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้ชมรมโรงสีก็จะระดมรถสิบล้อและคนงาน มาช่วยกันขนข้าวสารไปเข้าคลังของ อ.ต.ก.เพื่อจะได้นำใบประทวนไปมอบแก่ชาวนา
       
       ขณะที่นายขวัญชัย เกิดขันหมาก ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พิจิตร ยืนยันว่า ถ้ามีใบประทวนมาให้ ธ.ก.ส.ภายใน 7-10 วัน รัฐบาลโอนเงินมาก็สามารถจ่ายเงินค่าจำนำข้าวเปลือกให้แก่ชาวนาได้ทันที
       
       หลังการตรวจสอบ นายจักรินระบุว่ายังไม่มีการทุจริตหรือคดโกงชาวนา คาดว่าวันที่ 18 มิถุนายนนี้ชาวนาชุดแรกไม่ต่ำกว่า 100 คนจะได้รับใบประทวนแน่นอน


จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000070903
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8820 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 19:05:02 »

ถล่มยับบุญทรงเจ๊งข้าว พท.ถกเดือด จี้เปิดตัวเลข-รับผิดชอบ ปชป.เย้ยวราเทพ แค่ช่วยแต่งบัญชี
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 12:22:06 น.

 (ที่มา : ข่าวหน้า 1 มติชนรายวัน 12 มิ.ย.2556)

พท.ปูพรมส่ง ส.ส.ลงพื้นที่เคาะประตูบ้านช่วย′แซม′ พท.ปูดใช้สภากาแฟล้มรบ.เงื่อนไขเจ๊งข้าว ′วรงค์′เหน็บตั้ง′วราเทพ′ตกแต่งบัญชี เปิดแอนิเมชั่นข้าวภาค 2 แฉ′นพ.ด.-เสี่ย ป.′ ด้าน′วราเทพ′ประชุมนัดแรก รวบรวมข้อมูลแจง ปชช.

@ "วราเทพ"ถกแจงจำนำนัดแรก

กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ.กำแพงเพชร เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน มีมติให้นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รวบรวมข้อมูลปัญหาการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจากทุกหน่วยราชการและจากสาธารณชน นำมาประมวลพร้อมข้อเสนอแนะมาเสนอเพื่อให้เกิดความชัดเจน

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวเป็นครั้งแรก ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ให้เป็นผู้รวบรวมข้อมูลโครงการจำนำข้าว

นายวราเทพเปิดเผยว่า ได้เชิญ น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ตัวแทนอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรโดยเรียกประชุมคนละเวลากัน เบื้องต้นสำหรับเอกสารข้อมูลการปิดบัญชีที่ได้มานั้นมีความหนาหลายร้อยหน้า จึงยังไม่ได้อ่านรายละเอียด และยังต้องรอ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรที่ยังติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ มาชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ จะเสนอการดำเนินการข้อมูลที่ได้รับต่อ ครม.วันที่ 18 มิถุนายนนี้

@ ขอเวลาอ่านเอกสารขาดทุน

"ขณะนี้มีตัวเลขการปิดบัญชีแล้วและจะตรวจสอบว่าตัวเลขการขาดทุนที่บุคคลภายนอกนำไปกล่าวถึงนั้นตรงกับเอกสารหรือไม่ และมีข้อมูลหลุดออกไปนั้นเป็นการพูดตามเจตนารมณ์ของการรายงานของอนุกรรมการปิดบัญชีหรือไม่ จากนี้จะพยายามนำข้อมูลของทุกฝ่ายมาประมวลผลในความหมายเดียวกัน โดยดูว่าการขาดทุนจำนวนมากนั้นคิดอยู่บนพื้นฐานเดียวกันหรือไม่ คงต้องรอพบให้ น.ส.สุภาชี้แจงก่อน ระหว่างนี้จะอ่านเอกสารที่ได้รับมาอย่างละเอียด" นายวราเทพกล่าว และว่า อธิบดีกรมการค้าภายในได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการรวบรวม เช่น การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมาทุกโครงการ โดยเป็นเอกสารหลักฐานที่รายงานไว้ชัดเจน

@ ยันแจงเหตุผลขาดทุนได้

นายวราเทพกล่าวว่า วิธีการประมวลข้อมูลขึ้นอยู่กับว่าจะอธิบายอย่างไรมากกว่า ตัวเลขการรับจำนำกี่ตัน ใช้เงินเท่าไร ค่าใช้จ่ายอย่างไร ราคาขายแต่ละครั้งเป็นอย่างไร ขาดทุนมากน้อยแค่ไหน ไม่มีการแก้ไขตัวเลขแน่นอน แต่จะอธิบายได้อย่างไรให้ทุกฝ่ายเข้าใจ ยืนยันว่าโครงการจำนำข้าวมีการขาดทุนแน่นอน เชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายก็เห็นด้วย แต่จะขาดทุนด้วยเหตุผลอะไร และขาดทุนเท่าไร ต้องอธิบายโดยมีเหตุผลการขาดทุนคือ ราคาจำนำและราคาขายแตกต่างกัน ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และรัฐบาลมีการจำหน่ายข้าวในราคาถูกเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั้งการขายในราคาถูกและการบริจาคซึ่งถูกคิดเป็นต้นทุน ต้องคุยว่าการช่วยเหลือประชาชนนั้นคิดเป็นต้นทุนมีเหตุผลหรือไม่ และในส่วนราคาสินค้าคงเหลือ แต่ละหน่วยงานคิดไม่ตรงกัน โดยคิดจากราคาต้นทุนหรือว่าคิดจากราคาปัจจุบัน หรือคิดราคาเฉลี่ย ตรงนี้ยังไม่ตรงกัน ต้องพูดคุยกันให้เหตุผลตรงกัน

@ ชี้ต้องตอบคำถามปชช.

นายวราเทพกล่าวว่า หากได้รับข้อมูลจากทุกหน่วยงานแล้วจะเรียกปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เข้ามาประมวลผลข้อเสนอแนะทั้งหมด เพื่อให้ ครม.รับทราบ

"การดำเนินการของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลนี้ ไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการโครงการจำนำข้าว เพียงแต่จะตอบคำถามประชาชนมากกว่า ส่วนการที่กรมการค้าภายในกล่าวว่าไม่สามารถปิดบัญชีได้เพราะยังขายข้าวไม่หมดนั้น ต้องมาพูดคุยอีกครั้งเพราะฐานความคิดไม่ตรงกัน ต่างจากคณะกรรมการปิดบัญชีฯของกระทรวงการคลัง แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ต้องอธิบายในเหตุผลได้" นายวราเทพกล่าว

@ "บุญทรง"ไม่เข้าประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนใกล้ชิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่านายบุญทรงไม่ได้หลบนักข่าวหรือเลี่ยงการเข้าประชุมกับนายวราเทพ ที่มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้าวให้ข้อมูล แต่ติดภารกิจล่วงหน้าคือการประชุมความร่วมมือเพิ่มการค้าและลงทุนระหว่างไทยกัมพูชา (เจทีซี) เป็นการหารือความคืบหน้าเรื่องข้าวและสินค้าเกษตรของไทยกับประเทศชายแดน

@ "หมอโด่ง"หัวโต๊ะประชุมข้าว

ที่กระทรวงพาณิชย์ มีการประชุมภายในของกระทรวงเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว โดย น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมครั้งนี้มี พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน มีนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตน และเจ้าหน้าที่ดูแลโครงการรับจำนำข้าวร่วมประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ วาระการประชุมครั้งนี้เป็นการพิจารณาตัวเลขที่ได้จากการสรุปของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตรที่มีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ เป็นประธาน รายงานสถานการณ์รับจำนำ และหารือเบื้องต้นโครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาลปี 2556/57 โดยรายงานรับจำนำข้าวเปลือกปี 2555/56 รอบแรกมีปริมาณข้าวเปลือกเข้าโครงการแล้ว 14.3 ล้านตัน ใช้เงิน 2.2 แสนล้านบาท ส่วนรอบ 2 ที่กำลังดำเนินการมีปริมาณข้าวเปลือกเข้าโครงการแล้ว 4.4 ล้านตัน ใช้เงิน 5 หมื่นล้านบาท

"ขณะนี้ผลสรุปการดำเนินโครงการรับจำนำ ไม่มีหน่วยงานใดดำเนินการ มีเพียงอนุกรรมการปิดบัญชีฯของกระทรวงการคลังเท่านั้น ที่รับผิดชอบดำเนินการ จึงต้องพิจารณาจากข้อสรุปและยอมรับกับข้อสรุปที่ออกมา" น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว

@ "บุญทรง"แผ่นเสียงตกร่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้โทรศัพท์สอบถามนายบุญทรงซึ่งเข้าร่วมประชุมความร่วมมือเพิ่มการค้าและลงทุน ระหว่างไทยกับกัมพูชา (เจทีซี) ที่ประเทศกัมพูชา ถึงกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้ น.ส.สุภาเป็นประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯเหมือนเดิมนายบุญทรงกล่าวตอบเพียงสั้นๆ ว่า "โน คอมเมนต์ (ไม่ขอแสดงความเห็น)" พร้อมทั้งยืนยันว่าเงินที่ใช้รับจำนำข้าวยังเป็นกรอบเงินหมุนเวียนไม่เกินกำหนดเดิมที่ 5 แสนล้านบาท เป็นเพียงการปรับตัวเลขให้ครอบคลุมรอบปี แทนการกำหนดกรอบเป็นช่วงฤดูกาลรับจำนำ

@ ปชป.ซัดฟังไม่ขึ้น-ชี้ถึง3แสนล.

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. แถลงว่า ถือเป็นการเล่นละคร เนื่องจากรัฐมนตรีทุกคนได้รับรายงานของกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2555 เกี่ยวกับการรายงานผลการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 54/55 และพิจารณาปริมาณและวงเงิน โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 55/56 ที่ระบุว่า หากระบายผลผลิตที่รับจำนำได้ใน 3 ปี จะมีภาระการบริหาร การปรับโครงสร้างหนี้ เฉลี่ยปีละ 224,553 ล้านบาท จะกระทบต่อการระดมทุนในตลาดเงิน ที่มีสภาพคล่องตึงตัว ทั้งต้นทุน การกู้เงินที่สูงขึ้น และเป็นภาระงบประมาณที่จะเพิ่มสูงขึ้น ถือว่าตัวเลขเหล่านี้ ครม.ทั้งคณะได้รับทราบแล้ว จึงไม่ต้องทำเป็นตกใจว่าโครงการรับจำนำข้าว จะขาดทุนมากขนาดนี้ได้อย่างไร และนายกฯ ที่นั่งหัวโต๊ะในการอนุมัติโครงการต้องทราบทั้งหมด จะบอกว่า ไม่รู้ได้อย่างไร และหากรวมภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด ความเสียหายน่าจะถึง 3 แสนล้านบาท

@ จวกใช้เงินเกินเพดานมติครม.

นายเกียรติกล่าวว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้เงินไปกับโครงการรับจำนำข้าวอย่างเดียว รวมข้าวนาปี และนาปรังแล้วกว่า 6 แสนล้านบาทเกินจากวงเงินที่ครม.อนุมัติ 4.1 แสนล้านบาท และอีก 9 หมื่นล้านบาท ขณะนี้พบว่า มีการใช้จ่ายเงินเกินจึงอยากถามว่า บริหารกันอย่างไรถึงใช้เงินเกินมติ ครม.ที่ได้กำหนดไว้

@ ย้ำเงินไม่ถึงมือชาวนาจี้หยุด"ปด"

นายเกียรติกล่าวว่า นอกจากนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้เตือนไปยังนายกฯ ว่า เงินไปไม่ถึงมือเกษตรตามที่รัฐบาลรับปาก อย่างข้าวเปลือก เกษตรกรขายได้ตันละ 10,000 บาท ซึ่งไม่ถึง 15,000 บาท และข้าวหอมมะลิ ขายได้ตันละ 20,000 บาท ไม่ถึง 25,000 บาท ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ และในรายงานของกระทรวงการคลังยังได้เตือนว่า รัฐบาลต้องแก้ไขโครงการรับจำนำข้าวโดยด่วน เพราะกระทรวงพาณิชย์ มีแนวโน้มจะขายข้าวไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือรัฐบาลต้องหยุดบิดเบือนข้อมูล และหยุดโกหก ควรตั้งหลักใหม่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด

@ แฉโยนภาระให้ธ.ก.ส.ซุกหนี้

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษก ปชป. กล่าวว่า มติ ครม.ที่ให้ ธ.ก.ส.เป็นผู้รับภาระในการกู้เงินและให้แยกบัญชีถือเป็นการผลักภาระทั้งหมดมาให้ ธ.ก.ส. และเงินกู้ดังกล่าวกระทรวงการคลังไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกัน จึงถือเป็นการสั่งให้ ธ.ก.ส.ซุกหนี้ไว้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของสินทรัพย์เสี่ยง และไม่ผูกพันกับภาระงบประมาณปกติ ชัดเจนว่า ครม.ละเมิดสิ่งที่ตัวเองเคยมีมติไว้ว่าในโครงการรับจำนำข้าวจะใช้เงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งทำให้ระบบการเงินของประเทศได้รับผลกระทบตามไปด้วย ทั้งนี้ ปชป.จะติดตาม และตรวจสอบว่าการรับจำนำข้าว ในส่วนที่มีการใช้วงเงินเกินที่ ครม.ได้อนุมัติ จะผิดหลักการและ พ.ร.บ.บริหารหนี้สาธารณะอย่างไร และฝ่ายกฎหมายของพรรคอาจจะใช้ช่องทางตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เพื่อขอให้รัฐบาลเปิดเผยตัวเลขในโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมด

@ "วรงค์"เหน็บตกแต่งบัญชี

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ปชป. แถลงว่า เชื่อว่า เจตนาในการตั้งนายวราเทพ เพื่อตกแต่งบัญชีอำพรางตัวเลขการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว จึงอยากเตือนรัฐบาลให้ล้มเลิกแนวคิดนี้ เพราะจะทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและประเทศ และนำข้อมูลของคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เป็นผู้แต่งตั้ง เข้าสู่ที่ประชุม กขช. เพื่อพิจารณา และนำมาชี้แจงให้สังคมได้รับทราบ และต้องตอบให้ได้ว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร ไม่ใช่ตั้งคนใหม่ขึ้นมาเพื่อตกแต่งบัญชี

@ ซัดเปิดช่องสวมสิทธิ

ส่วนกรณีที่ ครม.มีมติรวบรวมปริมาณและวงเงินการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 55/56 ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เข้าด้วยกัน โดยอ้างว่า เพื่อความยืดหยุ่นและให้เกิดประสิทธิภาพ นั้น นพ.วรงค์กล่าวว่า ใน 1 ปี รัฐบาลจะรับจำนำข้าวเปลือก 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ข้าวนาปี ซึ่งจะสิ้นสุดประมาณ วันที่ 31 มีนาคม โดยที่รัฐบาลอนุมัติกรอบไว้ 15 ล้านตัน ในวงเงิน 2.5 แสนล้านบาท และครั้งที่ 2 ข้าวนาปรัง เริ่มเดือนเมษายน-15 กันยายน โดยที่รัฐบาลตั้งกรอบไว้ 7 ล้านตัน ในวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาการรับจำนำข้าวนาปี มีการรับจำนำสูงกว่าที่รัฐบาลได้วางกรอบไว้ เท่ากับว่ามีกระบวนการสวมสิทธิรอบนาปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การที่รัฐบาลออกมติ ครม.เพื่อยกเลิกกรอบเวลาข้าวนาปีและนาปรังนั้น จะเป็นการเปิดให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น และง่ายต่อการนำข้าวของประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ และเวียนเทียน

@ เปิดแอนิเมชั่นข้าวภาค2

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วรงค์ได้เปิดตัวคลิปวิดีโอแอนิเมชั่น เรื่อง ข้าวภาค 2 (The Rice Espisode 2) ตอน ฉีกหน้ากากจอมบงการ ความยาว 2.30 นาที โดยเป็นการสรุปเหตุการณ์และตัวละครที่เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเนื้อหาในคลิปดังกล่าว มีการระบุถึงตัวละครที่เกี่ยวข้อง โดยจอมบงการคือ "ด" ที่เข้ามาดูแลกระบวนการระบายข้าวในกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่ต้น จนจบ และเป็นตัวแทนของ "เสี่ย ป." ซึ่งเป็นเจ้าของโรงสีใหญ่ ซึ่ง "เสี่ย ป." เป็นคนใกล้ชิดนายใหญ่ โดย นพ.วรงค์กล่าวว่าคลิปดังกล่าวสอดคล้องกับความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ต้องการชี้ให้เห็นว่านายกฯปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น ตั้งแต่การระบายข้าวจนทำให้ประเทศชาติขาดทุนมหาศาล

@ "มาร์ค"บี้ให้พูดความจริง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.กล่าวว่า ข้อมูลที่นายวราเทพจะนำมาชี้แจงก็เป็นข้อมูลชุดเดิม ไม่ได้ติดใจว่าใครจะชี้แจง แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ต้องตอบว่าตัวเลขที่กระทรวงการคลังเคยนำเสนอในการปิดบัญชี ต้องแก้ไขเพราะอะไร ถ้าข้อมูลไม่ตรงก็ต้องเอาข้อมูลมาหักล้างให้ได้ว่าทำไมถึงไม่ตรง และถ้าข้อมูลเป็นอย่างนั้น เหตุใดรัฐบาลยังเดินหน้าโดยไม่สนใจว่าจะสุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายที่จะลุกลามบานปลายกันต่อไป ขณะนี้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลขค่าบริหารจัดการที่มาจากตัวเลขงบประมาณจ่ายขาดให้ ธ.ก.ส.เช่นการจำนำข้าวปี 54/55 เป็นตัวเลขขาดทุนน้อย

ที่สุดใน 3 ฤดูกาลปลูกข้าวที่ผ่านมาในรัฐบาลนี้ เฉพาะฤดู 54/55 นี้ กำลังมีการของบประมาณให้ ธ.ก.ส. เพื่อไปชดเชยดอกเบี้ย เฉพาะดอกเบี้ย 15,000 ล้านบาท จ่ายขาดให้กับ ธ.ก.ส. เพื่อนำไปชดเชยภาระดอกเบี้ยอย่างเดียวในฤดูกาลเดียว รวมแล้วเป็นก้อนที่บอกว่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยจะมีค่าขนข้าว ค่าบริหารทั่วไป ชดเชยภาระดอกเบี้ย ชดเชยต้นเงินจึงอยากให้รัฐบาลอธิบายด้วย


อ่านข่าวที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจำนำข้าวในกระทู้นี้ที่....
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1371014498&grpid=00&catid=&subcatid=
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8821 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556, 19:58:46 »

วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 00:01 น.  ข่าวสดออนไลน์
"คิดผิด-ทำผิด" = เจ๊ง

ทวี มีเงิน

ฟังแถลงข่าวเรื่องจำนำข้าวของ "บุญทรง เตริยาภิรมย์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ยังไงก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้ว่าตอบไม่ตรงคำถามหรือถามไม่ตรงคำตอบ จึงกลายเป็นไปไหนมาสามวาสองศอก

อันที่จริงโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลนี้ มัน "ผิดธรรมชาติ" ดันไปตั้งราคาตันละ 1.5 หมื่นบาท สูงกว่าตลาด 50% เพราะคนที่คิดนโยบายสำคัญผิดคิดว่าเราเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่กำหนดราคาเองได้ แต่ไม่ได้ดูว่าสัดส่วนจิ๊บจ๊อยไม่เกิน 1% เท่านั้น

แถมเข้าใจผิดคิดว่าผู้บริโภคข้าวร่ำรวย ข้อเท็จจริงประเทศที่กินข้าวล้วนยากจน พวกร่ำรวยกินขนมปัง เมื่อข้อสันนิษฐานผิดนโยบายจึงเพี้ยน และไม่ได้ผิดแค่นโยบายแต่วิธีทำงานก็ผิด

อย่างที่ "วราเทพ รัตนากร" รายงานให้ ครม.ทราบว่าปัญหามีทั้งขโมยข้าว ขายสิทธิ์ ข้าวขาดบัญชี งบประมาณดำเนินการไม่เพียงพอ ฯลฯ อีกเพียบ นี่แค่น้ำจิ้ม

เวลาปฏิบัติจริงๆ มีปัญหาใหม่ๆ ตามมาตั้งแต่พ่อค้าท้องถิ่นทำตัวเป็น "โบรกเกอร์" ไปกดราคารับซื้อ เพราะชาวนารายย่อยไม่มีปัญญาขนข้าวไปขายโรงสีที่อยู่ห่างไกล คนที่ได้ประโยชน์คือชาวนาภาคกลางเจ้าของที่นาแปลงใหญ่ ปลูกข้าวไว้ขายฐานะค่อนข้างดีอยู่แล้ว

ส่วนชาวนาอีสานและเหนือเป็นพวกรายย่อย ปลูกข้าวไว้กินเหลือถึงจะขาย จึงได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยทั้งที่เป็นชาวนาส่วนใหญ่ของประเทศและยากจน

แต่พวกที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือโรงสีที่ร่วมโครงการ มีตัวอย่างชัดเจนจากโรงสีพี่น้องสองคน คนหนึ่งเข้าร่วมโครงการ อีกคนไม่ได้เข้าร่วม พอสิ้นโครงการเฟสแรกคนที่เข้าร่วมขยายโรงสีเพิ่มอีก 1 โรง ส่วนคนที่ไม่ได้ร่วมในที่สุดก็อยู่ไม่ได้

ขณะที่การระบายข้าวก็มีข้อครหาว่ามีความไม่ชอบมาพากล มีข้อน่าสงสัยทำไมต้องเป็น "เสี่ย ป." ประมูลได้ทุกครั้ง จนถูกมองว่ามีการเมืองแทรกแซงหรือไม่ นอกจากนั้นเดิมระบบค้าข้าวผูกขาดในมือผู้ส่งออกรายใหญ่ไม่เกิน 5-6 ราย แต่ทุกวันนี้ข้าวถูกผูกขาดอยู่ในมือรายใหญ่รายเดียว

เหนือสิ่งอื่นใดราคาที่จูงใจได้ทำลายคุณภาพข้าวอย่างสิ้นเชิง อย่างที่บางอำเภอในอยุธยาทำนากันถึง 7 ครั้งเร่งให้ทันจำนำข้าว นโยบายนี้จึงทำลายทั้งคุณภาพและระบบการค้าข้าว ต้องสูญเสียตลาด สูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะผิดตั้งแต่นโยบายและวิธีปฏิบัติ

หากจะเดินหน้าต่อต้องรื้อทั้งวิธีคิดและแนวปฏิบัติ ถ้าไม่อยากให้พังมากกว่านี้


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01EazJNelk0Tmc9PQ==&sectionid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8822 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 14:36:38 »

คำตอบล่าสุด..........


“จำนำข้าว” ไปไม่รอด “กิตติรัตน์” ยอมเจ็บหั่นราคาจำนำ ลั่นทุกโครงการถอยได้ไม่เสียหน้า
13 มิถุนายน 2556 10:50 น.

 
      รัฐบาลเค้นทางรอด “จำนำข้าว” กู้สถานการณ์ขั้นวิกฤต “กิตติรัตน์” เจอทางลงแล้ว เตรียมปรับลดราคารับจำนำ อ้างอิงตลาดโลก มั่นใจสามารถทำได้เพราะบีบลดดอกเบี้ยนโยบายยังทำสำเร็จมาแล้ว ครวญมีเรื่องค่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
       
       นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า อาจมีการปรับราคารับจำนำข้าวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลก
       
       “ผมได้เรียนให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้ทราบแล้วว่า การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังสามารถทำได้ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนโครงการใดๆ ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ ซึ่งต้องให้เป็นไปตามสถานการณ์ โครงการรับจำนำข้าวในราคานั้น (15,000 บาท/ตัน) ก็เพราะเราเชื่อว่าราคาจะเป็นไปได้ แต่เมื่อราคาตลาดโลกแตกต่างไป และมีค่าเงินเข้ามาเกี่ยวด้วย ก็ต้องปรับให้สอดคล้อง”
       
       เมื่อสื่อมวลชนถามว่า การปรับราคาจะนำเสนอเข้าคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่จะมีการประชุมในวันนี้หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น


จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000071235
 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8823 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 14:42:35 »

ฝนเพิ่มขึ้นใน กทม.และปริมณฑล รวมทั้งภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งมีถึงร้อยละ 90 ของพื้นที่ ฟ้าคะนอง
ชายฝั่งทะเลทั้งอันดามัน อ่าวไทย และฝั่งทะเลตะวันออก คลื่นสูงเกิน 2 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

พยากรณ์อากาศ  ประจำวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2556
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง"

ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2556

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น.  ร่องมรสุมกำลังแรงยังคงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ในช่วงวันที่ 13-15 มิถุนายน 2556 บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดนครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2556 ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย  

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก
กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.  

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
  
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.  

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
บริเวณจังหวัดนครนายก จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฏร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-29 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม.  
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8824 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 14:53:54 »

วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 12:40 น.  ข่าวสดออนไลน์
ตะกั่วป่ายังวิกฤตหนักกว่า5พันคนวุ่น บ้านเกือบมิด สั่งปิดร.ร.

    เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า น้ำฝนซึ่งตกค้างสะสมอยู่ในอำเภอกะปง จ.พังงา ได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่าเพิ่มเติม ทำให้ปริมาณน้ำที่ท่วมขังอยู่ในตำบลโคกเคียน บางไทร ตำตัว และตำบลตลาดใหญ่ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าเพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 เมตร ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมขังจนรถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ โดยเพราะในย่านเมืองเก่าตะกั่วป่า นายชัยณรงค์ มหาแร่ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองตะกั่วป่า ได้สั่งปิดโรงเรียนในสังกัดทั้ง 3 แห่งเป็นการชั่วคราว เช่นเดียวกับสถานศึกษาอีกหลายแห่งในอำเภอตะกั่วป่า ก็ต้องสั่งปิดการเรียนการสอนในวันนี้เช่นกัน พร้อมสั่งให้จัดตั้งโรงครัวจัดทำอาหารแจกจ่ายราษฎรผู้ประสบภัยในพื้นที่ทั้งหมดแล้ว

     นายสมพร กะสิรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกเคียน ระบุว่าประชาชนในพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1,000 ครอบครัว ประมาณ 5,000 คน กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และไม่สามารถหุงหาอาหารรับประทานเองได้ ขณะที่ทางราชการเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือราษฎรได้อย่างเต็มที่ เพราะสถานที่ทำงานของทางราชการก็ถูกน้ำท่วมหนักเช่นกัน ขณะที่ยังคงมีฝนตกหนักอยู่อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

     เส้นทางคมนาคมส่วนใหญ่ในเขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่า และตำบลโคกเคียน ยังอยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 60 เซนติเมตร ขณะที่บางจุดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำให้รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ โดยเฉพาะถนนภายในหมู่บ้านของตำบลโคกเคียนทั้ง 8 หมู่บ้าน ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทางราชการต้องจัดเตรียมอาหาร และน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้กับราษฎร เพื่อบรรเทาทุกข์เบื้องต้น

     ส่วนบ้านเรือนราษฎรในเขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่า โดยเฉพาะย่านเมืองเก่าน้ำได้เริ่มลดระดับลงแล้ว เนื่องจากการระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับเป็นช่วงที่ไม่มีน้ำทะเลหนุน อย่างไรก็ตามบ้านเรือนราษฎรที่ตั้งอยู่นอกเขตเขื่อนกั้นน้ำ และพื้นที่รอบนอกกลับได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมากกว่า โดยระดับน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรสูงมากกว่า 1 เมตร แต่ยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้

     นายพงศ์พัฒน์ เรืองระพีพรรณ นายอำเภอตะกั่วป่า ระบุว่าเขื่อนกันน้ำท่วมที่บ้านทุ่งหัวนา ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า ดินสันเขื่อนถูกน้ำกัดเซาะทรุดตัวเป็นช่วงๆ หลายจุด เกรงว่าหากเขื่อนพัง น้ำด้านนอกเขื่อนที่สูงกว่า 2 เมตร อาจทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในเขตเทศบาลเมืองตะกั่วป่าเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามทาง อ.ตะกั่วป่า ได้รายงานแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังทาง จ.พังงา แล้ว 

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01URXdNak0yT1E9PQ==&subcatid=
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 351 352 [353] 354 355 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><