23 พฤศจิกายน 2567, 13:41:58
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 332 333 [334] 335 336 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2597110 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 28 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Keartipong07
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 391

« ตอบ #8325 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 15:46:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:40:41
น้องตี๋2521


ขอขอบคุณแทนคณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองกุงน้อย จังหวัดขอนแก่นด้วยครับ


   เหอๆๆ emo9:huhu:น้องตี๋ ๒๑
   
           

                 

                         
                               

        - รบกวนช่วยบอกที่อยู่ปัจจุบัน เพื่อส่งหนังสือ " ประมวลลำนำกลอน ของดวงจำปา " มาให้ ๑ เล่ม

                            หรือ จะให้พี่ปิ้ง ฝากกับหมอตุ่นไว้ที่สมาคมฯ ในวันที่ ๒๓ เม.ย.๕๖ ที่จะถึงนี้

                             ช่วยแจ้งพี่ปิ้งทราบด่วนด้วย ..

                                        คิดถึงเสมอ...อยากไปเยี่ยมที่ ลำปางอีก ..ยังหาเวลาว่างไม่ได้เลย

                                           พี่ปิ้ง ๐๗

                 


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8326 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 22:05:02 »

พี่ปิ้ง

ขอบคุณครับ ที่โทรแจ้งให้ผมทราบเมื่อช่วงก่อนสิบโมงเช้านี้
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8327 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 22:06:10 »

ผมกลับจากอำเภอน้ำปาดมาเมื่อเกือบๆ หกโมงเย็นครับ

โดยแวะทานเที่ยงที่เขื่อนสิริกิต์ ก่อนไปถึงอำเภอน้ำปาด
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8328 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 22:14:13 »

ช่วงนี้เกษตรกรหักข้าวโพดสีเอาเมล็ดออกขายในปริมาณที่ออกสู่ตลาดมากเป็นพิเศษ
เนื่องจากผ่านเทศกาลตรุษสงกรานต์ ซึ่งหยุดหลายวันไปแล้ว
ในทุกๆลาน จะมีกองข้าวโพดจำนวนมาก









      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8329 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 22:19:12 »

พันธุ์ข้าวโพดที่วางขายก็หมดไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเกษตรกรขายข้าวโพดออก ก็ซื้อพันธุ์เพื่อกลับไปปลูกต่ออีกครั้งหนึ่ง
แต่เพราะฝนไม่ตก เมล็ดพันธุ์จึงยังอยู่ในมือของเกษตรกร ที่รอฝนเพื่อจะปลูกต่อไป



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8330 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 22:29:45 »

ในขณะที่ในไร่นา มีต้นที่รอการเก็บเกี่ยวอยู่อีกจำนวนมาก
คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ถึงสิ้นเดือนมิถุนายนหน้าทีเดียว








หมายเหตุ ต้นสีน้ำตาล-แสดงว่าแก่ครบอายุ เก็ยเกี่ยวได้แล้ว
  ในขณะที่ต้นสีเขียว-มีหลายรุ่น มีอายุอีก 30-60 วันจึงจะเก็บเกี่ยวได้
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8331 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 22:35:31 »

ช่วงบ่ายโมงครึ่ง ไปถึงเขื่อนสิริกิต์ แวะเข้าไปทานข้าวเที่ยงที่ "ร้านระเบียงน่าน"









ปลาแดงทอดกระเทียม, ผัดผักฮ่องเต้, ต้มยำปลากด และปลากดคังผัดฉ่า
อาหารปลาสดๆ อร่อยถูกปาก (ถ่ายก่อนกินเช่นกัน แต่ไม่ทันคนนั่งร่วมโต๊ะที่หิวเพราะเวลาล่วงเลยมื้อเที่ยงไปมากแล้ว)
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8332 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 22:36:50 »

สรุปว่า ผลผลิตข้าวโพดที่ออกมาในฤดูนี้มีปริมาณมาก ในระดับที่เกษตรกรอาจได้รับผลกระทบ
โดยราคาจะปรับลดลง เพราะสินค้ามีมากเกินความต้องการของตลาด
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8333 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 23:33:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ Keartipong07 เมื่อ 20 เมษายน 2556, 15:46:39
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:40:41
น้องตี๋2521


ขอขอบคุณแทนคณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองกุงน้อย จังหวัดขอนแก่นด้วยครับ


   เหอๆๆ emo9:huhu:น้องตี๋ ๒๑
   
           

                 

                         
                               

        - รบกวนช่วยบอกที่อยู่ปัจจุบัน เพื่อส่งหนังสือ " ประมวลลำนำกลอน ของดวงจำปา " มาให้ ๑ เล่ม

                            หรือ จะให้พี่ปิ้ง ฝากกับหมอตุ่นไว้ที่สมาคมฯ ในวันที่ ๒๓ เม.ย.๕๖ ที่จะถึงนี้

                             ช่วยแจ้งพี่ปิ้งทราบด่วนด้วย ..

                                        คิดถึงเสมอ...อยากไปเยี่ยมที่ ลำปางอีก ..ยังหาเวลาว่างไม่ได้เลย

                                           พี่ปิ้ง ๐๗

                 



พี่ปิ้งครับ

ตี๋2521-วันชัย ช่อไชยกุล
118 หมู่ 6 ถ.พหลโยธิน ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง 52100
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8334 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 23:41:38 »

บันทึกไว้กันลืม............??

"ความรู้"ที่ขวางกั้น"ความจริง" ดูเหตุที่เกิดก่อนไป"ศาลโลก"
บทบรรณาธิการ 20 April 2556 - 00:00

      ปมปัญหาข้อพิพาทเขาพระวิหารที่เกิดขึ้น ถ้าใครไม่ได้ติดตาม หรือสนใจในรายละเอียดมาระดับหนึ่ง มาฟังการแถลงด้วยวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์  อาจจะเกิดอาการเบื่อหน่ายกับการติดตามการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ที่รัฐบาลได้จัดให้ประชาชนได้ติดตามเพื่อลดกระแสการต่อต้านของกลุ่มประท้วงรัฐบาลที่ไม่ยอมถอนตัวออกจากคู่ความทางคดี เพราะการชี้แจงนั้น เป็นเรื่องเทคนิค ข้อกฎหมาย รายละเอียดยิบย่อย ข้อมูลตัวเลขมากมาย
      วันแรกเป็นการเปิดการร้องต่อศาลโลกให้ตีความคำพิพากษาของฝ่ายกัมพูชา บรรยากาศต่างจากรอบแรกที่มีการเปิดศาลไปปีที่แล้ว เพราะท่าทีของฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งแข็งกร้าวต่อเหล่าบรรดาทีมทนายของไทยในครั้งนั้น กับท่าทีเป็นมิตรจับไม้จับมือกับนักการเมืองไทยที่นำโดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย หรืออีกนัยคือ ลูกน้องพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถือเป็นพิธีกรรมก่อนขึ้นชก แต่เมื่อขึ้นสังเวียน นักการทูตอย่างฮอร์ นัมฮง ก็ประณามประเทศไทยด้วยข้อมูลเท็จ และใช้ถ้อยคำที่ไม่ไว้หน้า
      ในเนื้อหาวันแรกของการชี้แจง มีข้อมูลพาดพิงเรื่องการเมืองไทย ที่ส่งผลต่อประเด็นที่เกิดเป็นข้อพิพาท และกลับไปอ้างการปฏิบัติของรัฐบาลทักษิณในเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก อันถือเป็นจุดอ่อนที่กัมพูชาเห็นถึงความแตกแยกในการเมืองไทย แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะโจทย์ในการร้องของกัมพูชาในการให้ตีความคำพิพากษาปี 2505 ใหม่ และการยื่นคัดค้านของไทยว่าศาลโลกไม่มีอำนาจในการตีความเรื่องเขตแดนนั้น คือเป้าหมายหลัก ส่วนข้อมูลและหลักฐานที่จะสนับสนุนสิ่งที่แต่ละฝ่ายตั้งไว้คือ น้ำหนักที่จะนำไปสู่การพิพากษาในปลายปีนี้ แต่ทนายฝ่ายไทยได้แจงข้อกล่าวหาได้ทุกประเด็น
      นั่นเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการ ซึ่งรัฐบาลไทยได้เดินหน้าในการต่อสู้ในเวทีของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศแล้ว  แม้จะถูกวิจารณ์ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มาจากใจ เพราะเชื่อว่าไทยเสียเปรียบตั้งแต่ต้น แต่ถ้าไม่เดินหน้ารัฐบาลจะได้รับแรงสั่นสะเทือนจากกลุ่มคนไทยที่เฝ้ามองเรื่องนี้อย่างเข้มข้น  อีกทั้งฝ่ายรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าการปลุกประเด็นเรื่องข้อพิพาทที่เกิดขึ้นมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการตั้งคำถาม เพราะความขัดแย้งทางการเมืองของพรรคการเมืองด้วยกันเอง แต่ไม่ได้ตั้งคำถามถึงเป้าประสงค์ของกัมพูชาที่ต้องการกินรวบทั้งหมด เพราะเชื่อว่าตัวเองได้เปรียบทุกประตู
      แม้จะมีบางฝ่ายใช้ประเด็นเรื่องข้อพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยจุดเรื่องชาตินิยมมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อโค่นล้มรัฐบาล หรือพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ก็ตาม แต่ในฐานะที่เราติดตามข้อมูลเกมการเมืองระหว่างประเทศ การปฏิบัติการตามแนวชายแดนเพื่อผลักดันเรื่องดังกล่าวไปสู่เวทีนานาชาติแล้ว ก็มีคำถามต่อรัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของสมเด็จฮุน เซน ว่า มีวาระซ่อนเร้นในเรื่องเขตแดนและผลประโยชน์อื่นหรือไม่
      ถ้านักการเมือง หรือนักวิชาการห้องแอร์บางคน ยังมีมายาคติเดิมๆ ที่คิดว่าฝ่ายที่ตัวเองรังเกียจเดียดฉันท์เพราะเป็นพวกสลิ่ม คลั่งเจ้า ชาตินิยม จ้องจะเล่นเกมล้มรัฐบาลที่ตัวเองเชื่อว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุด อธิบายความด้วยมิติประวัติศาสตร์ อาณาจักร ชาติพันธุ์ โดยละเลยต่อการมองโลกแห่งความเป็นจริง ที่แต่ละประเทศย่อมต้องยึดผลประโยชน์แห่งชาติ และใช้เกมสองหน้าในการต่อสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เราก็จะกลายเป็นรัฐสมัยใหม่ที่อ่อนด้อย และ ตกหลุมอุดมคติจอมปลอม เพราะคนเหล่านั้นยังมีชุดความคิดเดิม 
      แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าเราจะนิยมสงคราม จะเอาสิ่งที่เรียกว่าก้อนกรวด ก้อนดิน ก้อนหิน มาเป็นเจ้าของ ด้วยชุดความคิดแบบทหารที่ต้องรักษาอธิปไตยของชาติ หรือแผ่นดินตารางนิ้วก็เสียไปไม่ได้ แต่เรากำลังอยู่ในสังคมโลก ที่ทุกประเทศย่อมรักษาผลประโยชน์ของชาติตัวเอง ในระดับที่สมดุล ผ่านการพูดคุยและตกลงกันได้ในระดับกลไกต่างๆ    อย่างเปิดเผยโดยคนในชาติมีสิทธิ์ที่แสดงความคิดเห็นได้อย่างหลากหลาย ไม่ใช่การปล่อยให้กัมพูชาสร้างเรื่องเพื่อนำปัญหาไปสู่เวทีสากล เพื่อเอาทุกอย่างไว้ทั้งหมด
      จริงอยู่ว่าในบริเวณชายแดน เส้นเขตแดนไม่ได้หมายถึงความกินดีอยู่ดีของประชาชนตามแนวชายแดน ที่มีทั้งคนไทย คนเขมร และคนไทยผสมกัมพูชากันอยู่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า การคบหา ผูกมิตร ในฐานะเพื่อนบ้าน ที่เราเคยให้ความจริงใจ อะลุ้มอล่วย ไม่ใช้ความรุนแรงในการไล่ชุมชนที่เข้ามาล้ำพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดนนั้น จะเป็นหนทางที่ถูกต้อง เพราะในวันนี้แสดงให้เห็นว่า ปัญหาที่หมักหมม เพราะความที่เรานึกถึงแต่เรื่องความสัมพันธ์ ส่งผลเกิดความอ่อนด้อยของกลไกรัฐที่ขาดประสิทธิภาพ
      เราจึงคิดว่า ประเด็นข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาที่เราเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาให้เขา ก็ยึดเรื่องผลประโยชน์ของชาติตนเป็นที่ตั้ง โดยใช้วิธีสร้างเกม ฉกฉวยโอกาส โดยมีเหล่าบรรดามหาอำนาจหนุนหลังให้กระทำเช่นนี้ ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแย่งก้อนกรวด ก้อนดิน ทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างที่ว่าจริง ก็เชิญนักวิชาการหอคอย และนักการเมืองที่เคยไปอาศัยใบบุญเขมร  ลงไปในพื้นที่ เพื่อดูว่า ความจริงที่มากไปกว่าความรู้มีอยู่เต็มไปหมด.


http://www.thaipost.net/news/200413/72417

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8335 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 23:45:06 »

ตามด้วย..........

ศาลโลก "ศาลยุติธรรม-ศาลการเมือง"
เปลว สีเงิน20 April 2556 - 00:00

     ศึกศาลโลก "รอบสุดท้าย" ระหว่าง "ไทย-เขมร" ก็จบไปแล้วเมื่อคืน (๑๙ เม.ย.๕๖) อย่างว่าแหละ ถ่ายสด ๒ ทุ่ม ขี่เวลาผมเขียนหนังสือพอดี เลยอดดู "กุหลาบโรมาเนีย" ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ขึ้น "ปิดฝาโลง" ทีมเขมร ให้ท่านทูตวีรชัย พลาศรัย ทำหน้าที่ "ตอกตะปูตรึง" ก่อนถีบลงหลุม
      นัดปิดคดีมี ๔ ยก ที่ผ่านไป ๓ ยก แฟนรอบสนามให้ทีมไทยเป็นต่อ ๑๐ เอา ๑ เพราะทำคะแนนจะแจ้งทุกยก และเมื่อครบ ๔ ยกแล้ว ราคาน่าจะไหลไปถึง...ร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว!
      ก่อนจบยก ๓ ในคืนที่ ๑๘ เม.ย. นายฮอร์ นัมฮง น่าจะรู้ตัว "แพ้รูดทุกยก" ดังนั้น ตอนขึ้นให้การคนสุดท้าย เลยออกลูกนักเลงขะแมร์ ขู่ทั้งผู้พิพากษาศาลโลก ขู่ทั้งคนไทย-ประเทศไทย เสียงดังฟังชัดกลางศาล
      "ถ้าศาลไม่ตีความข้อบทปฏิบัติการของคำพิพากษาในปี ๒๕๐๕ เชื่อว่าจะมีผลตามมา ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติใน ๒ ประเทศ เพราะทั้งสองฝ่ายมีข้อขัดแย้งกันต่อคำพิพากษาในปี ๒๕๐๕"!
      ทำเอาผม "ต๊กใจ" แทน ผบ.ทบ., ผบ.ทอ. และ ผบ.ทร. จน...กะปริบปลาย!
      เอาล่ะ...จะอยู่ร่วมอย่างสันติกันไม่ได้ แบบเดียวกับ "ถ้าผมอยู่ไม่เป็นสุข ใครก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุข" หรือไม่นั้น เราดูประเด็นการร้องให้ศาลโลกตีความคำพิพากษา ปี พ.ศ.๒๕๐๕ กันก่อน เพื่อความเข้าใจในการติดตามเรื่อง
      นายฮอร์ นัมฮง ยืนกรานกลางศาลว่า "ขอยืนยันว่าในคำพิพากษาดังกล่าวนั้น แผนที่ภาคผนวก ๑ หรือแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ เป็นส่วนแยกไม่ได้จากข้อบทปฏิบัติการ และแยกไม่ได้จากการตีความคำพิพากษาปี ๐๕"
      แปลภาษาฝรั่งเศส-ภาษาเขมรเป็นไทยก็คือ ด้วยแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ ทำให้เขมรได้ปราสาทพระวิหารมาแล้ว ดังนั้น เขาจึงมั่นใจ....ด้วยแผนที่ภาคผนวก ๑ นี้ ก็จะทำให้เขาชนะอีกในศึกตีความ
      จึงย้ำเน้นต่อศาลว่า...ในการตีความนี้ ศาลต้องเอาแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐ ของเขาเป็นกรอบในการตีความ!
      เหตุที่เน้นตรงนี้เพราะ เขมร-โดยนายฮอร์ นัมฮง เชื่อว่าคำพิพากษาปี ๐๕ ระบุชัด "ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ภายใต้อธิปไตยกัมพูชา" ด้วยเหตุผลนั้น เป็นพันธกรณีทำให้ไทยต้องถอนทหารออกจากปราสาท และบริเวณรอบตัวปราสาท
      "บริเวณรอบปราสาท" ที่ว่านี้...คือตรงไหน?
      เขมรทึกทักเอาพื้นที่ ๔.๖ ตร.กม.ของไทยเป็น "บริเวณรอบปราสาท" ด้วย เพราะแผนที่อัตราส่วน ๑:๒๐๐,๐๐๐ ที่เขาจินตนาการลากเส้นเอาเองตามใจชอบนั้น ลากเอาพื้นที่ ๔.๖ ตร.กม.ไปอยู่ในนั้นด้วย นายฮอร์ นัมฮง จึงย้ำนัก-ย้ำหนา...ศาลโลกต้องตีความภายใต้แผนที่ภาคผนวก ๑
      ไม่งั้น...รบกัน สันติภาพ ๒ ประเทศไม่มี!
      นี่...สรุปประเด็นที่เขมรให้ศาลโลกตีความ ทีนี้ก็มาทำความเข้าใจถึง "กรอบ" ว่า มีเขตอยู่ตรงไหน ที่ศาลโลกจะตีความคำพิพากษาเดิมเมื่อปี ๐๕ ได้-ไม่ได้
      กรอบ-ขอบเขตมีว่า "อะไรที่ไม่มีอยู่ในคำพิพากษาเดิม ศาลจะเอาเข้ามาตีความคำพิพากษาเดิมไม่ได้"!
      ฉะนั้น ก็ต้องย้อนไปดูว่า "คำพิพากษาเดิม" ปี ๐๕ มีว่าอย่างไร เพื่อให้ชัดเจนว่า ศาลจะตีความได้-ตีความไม่ได้ ในประเด็นใดบ้าง?
      ๑๕ มิ.ย.๐๕ ศาลโลกมีคำพิพากษาไว้ ๓ ข้อ
      ๑.ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา
      ๒.ประเทศไทยมีพันธกรณีต้องถอนกำลังทหาร หรือตำรวจ หรือผู้เฝ้ารักษาการซึ่งไทยส่งไปประจำที่ปราสาทพระวิหารหรือในบริเวณใกล้เคียงปราสาท และ
      ๓.ไทยมีพันธกรณีต้องคืนบรรดาโบราณวัตถุที่ไทยได้โยกย้ายออกไปจากปราสาทพระวิหารหรือจากบริเวณปราสาท
      นั่นคือ ร้องให้ตีความข้อ ๑ กับข้อ ๒ จะเห็นชัดว่า ในคำตัดสิน ไม่มีเรื่องแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ ไม่มีเรื่องเขตดินแดน ตามที่เขมรยื่นให้ตีความแต่ประการใดทั้งสิ้น
      โดยนัยนี้ เมื่อพิจารณาคำร้องเขมรที่มุ่งเน้นเรื่องเขตแดน โดยสอดแทรกแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ แบบเจ้าเล่ห์-เจ้ากล เข้ามาให้ศาลตีความ ศาลโลกไม่สิทธิ์-ไม่มีอำนาจรับตีความได้เลย
      เพราะนี่เท่ากับการอุทธรณ์ (อันไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์) คำตัดสินเดิมเมื่อ ๕๐ กว่าปีที่แล้ว แทรกซ่อนเข้ามาในรูปของคำร้องให้ตีความชัดๆ!
      ถึงตรงนี้ อยากบอกตุลาการศาลโลกที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ว่า เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ ผู้พิพากษาศาลโลกวันนั้น "ผิด" ไปแล้วครั้งหนึ่ง เป็นบาปตราตรึงศาลโลกมาถึงวันนี้
      และวันนี้...คดีเดิมนั้น กลับมาทดสอบ "ความยุติธรรม" จากพวกท่านอีกครั้ง คำวินิจฉัยที่จะมีออกมาในอีก ๕-๖ เดือนข้างหน้า นั่นจะเป็นบทพิสูจน์ว่า ตุลาการศาลโลกเป็นหัตถ์แห่งความยุติธรรม หรือที่แท้คือ "มือปิศาจ" ในเสื้อคลุมดำ ใต้อาณัติจักรวรรดิอำนาจระบบทุนโลก?
      เพราะวันนี้ ในศาลโลก ท่ามกลางสายตาคนทั้งโลก ทีมไทย โดยท่านทูตวีรชัย พลาศรัย ศ.โดนัลด์ แมคเรย์ ศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ด ศ.อแลง แปลเลต์ และทนายหญิง "อลินา มิรอง" ได้พิสูจน์ด้วยสัจจะแห่งเอกสารหลักฐานให้ประจักษ์ครบถ้วนแล้วว่า
      ๑.คำร้องให้ตีความนั้น มาในรูปคำอุทธรณ์คำพิพากษาเดิม อันไม่สามารถทำได้
      ๒.ประเด็นที่ร้อง ไม่มีอยู่ในคำพิพากษาเดิม ซึ่งศาลจะยกมาตีความอีกไม่ได้
      ๓.เขมรอ้างอิงแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ ดีนัก ทั้งที่ไม่มีอยู่ในคำพิพากษาเดิม ไทยจึงจัดให้ เพื่อขจัดความคลางแคลงสงสัย พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจใหม่ "ที่ถูกต้อง" ดังนี้.....
      แผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ ที่เขมรยกมา "แหกตาศาล" นั้น ทีมไทยระดมผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ระดับมาตรฐานโลกจากสถาบัน ITC นำแผนที่ทั้งหลาย-ทั้งปวงที่เขมรอ้าง รวมทั้งแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ มาเปรียบเทียบกันเพื่อ "หาค่าเป็นจริง" ทางวิทยาศาสตร์ และทางภูมิศาสตร์พื้นที่ "ที่เป็นจริง"
      เพื่อให้เห็น "ความเป็นจริง" ทางการเปรียบเทียบ ทีมไทยจัดทำบิ๊กแม็พ หรือ map 85 d ขึ้น ที่ อลินา มิรอง นำมาแสดงให้ศาลดู ดังที่เห็นกันแล้ว
      ให้เห็นแต่ละเส้นด้านภูมิศาสตร์พื้นที่เป็นจริง ไม่ว่าสันปันน้ำ เส้นพิกัด โดยเทียบกับเส้นในบิ๊กแม็พ อันเป็นสภาพจริงของพื้นที่ ที่สถาบัน ITC จัดทำด้วยวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ และทางภูมิศาสตร์พื้นที่อันสำรวจสภาพเป็นจริงแล้ว ผลคือ
      แผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ ผิดพลาด-มั่ว-เลอะเทอะ เป็นแผนที่ที่ขีดเส้นเอาเองตามจินตนาการโดยแท้ ไม่มีความเป็นจริงทางสภาพภูมิประเทศภูมิจริง ทั้งไม่มีความเป็นไปได้ทางปฏิบัติ แถมยังมีหลายเวอร์ชั่น และแต่ละเวอร์ชั่นก็ไม่ตรงกันอีกตะหาก!
      และ ๔.ข้อสุดท้าย.....
       จากคำชี้แจงแย้งโต้ของไทย ทั้งแง่กฎหมาย ทั้งแง่ปฏิบัติการ พร้อมเอกสาร-หลักฐาน ศาลโลกไม่มีอำนาจรับตีความคำร้องเขมร อีกทั้งไทยก็ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ กับเขมร ปฏิบัติตามคำตัดสินศาลปี ๐๕ ครบถ้วนแล้ว ซึ่งเขมรเองก็พอใจ ไม่เคยโต้แย้งมาตลอด ๕๐ ปี
      ครับ...ก็จบเท่านี้ ด้วยความเยี่ยมยอดของ "ทีมไทย"!
      ท่านทูตวีรชัย พร้อมคณะ...ทุกท่าน "อยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน" แล้วครับ พวกเราควรลุกขึ้นพร้อมกันและปรบมือให้ ส่วนแพ้-ชนะ ขึ้นอยู่กับสัตย์-อสัตย์ในหัวใจตุลาการศาลโลก
      และบอกให้รู้ไว้นิด ศาลโลกวันนี้ ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อความยุติธรรมระหว่างประเทศอย่างเดียว
      เป็น "ศาลเพื่อการเมือง" ด้วย!
.

http://www.thaipost.net/news/200413/72427
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8336 เมื่อ: 20 เมษายน 2556, 23:46:55 »

ไม่ทราบว่า ยังใช้ได้กับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ ??

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก H.G. Wells (อีกครั้ง)...Poverty wants some things, luxury many, avarice all things. - ความจน อยากได้บางสิ่งบางอย่าง, ความฟุ่มเฟือย อยากได้หลายอย่าง, ความโลภ อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่าง...

http://www.thaipost.net/news/190413/72378
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8337 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 08:58:16 »

วันนี้ร้อนขึ้น ฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
แต่จะเริ่มมีฝนชุกขึ้นในภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ กทม.และปริมณฑล จากหย่อมความกดอากาศสูงจากจีน


พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 21 เมษายน 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 21- 23 เมษายน 2556 นี้ไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดพิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิสูงสุด 38-40 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคกลาง อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก  ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว
ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8338 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 10:49:48 »

ตามต่อ...........

นสพ. มติชน พูดเรื่อง "กองทัพเดินด้วยท้อง" ในการสู้คดีเขาพระวิหาร รอบ 2


มุดครัว′ทีมทนายไทย′ เบื้องหลังจาก′ศาลโลก′ รู้จัก"อลินา มิรอง"ให้มากขึ้น
วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 10:10:24 น.

มติชน 21 เมษายน 2556

การแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลก ในคดีตีความคำพิพากษาปราสาทพระวิหาร ผ่านพ้นไปแล้ว

บทบาทของทีมทนายไทยเป็นอย่างไร เชื่อว่า คงประจักษ์ไปแล้วผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

คณะผู้แทนไทยมาอยู่กรุงเฮกกัน 9 วัน ส่วนบรรดาทีมทนายและทีมสนับสนุนที่ต้องมาเตรียมตัวล่วงหน้าก็อยู่กันยาวปาเข้าไปเกือบสองสัปดาห์

คำถามว่า ห่างบ้านห่างเมือง และทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างนั้น แล้วมีการส่งกำลังบำรุงกันอย่างไร

เรื่องอาหารการกินนั้น คำโบราณว่า "กองทัพเดินด้วยท้อง" ดังนั้น ทีมผู้แทนไทยในกรุงเฮกไม่ยอมละเลยแน่นอน

ถ้าใครลองได้เหยียบย่างเข้าไปในห้องอาหาร "เพอร์เพิ่ล" ของโรงแรมเบลแอร์ ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักของคณะผู้แทนไทย ในระหว่างการแถลงต่อศาลโลก อาจจะเข้าใจไปว่าเดินเข้ามาในร้านอาหารไทยก็ไม่ปาน

เว้นมื้อเช้าที่ต่างคนต่างฝากท้องกันที่โรงแรม แต่พอตกเที่ยงและเย็น ห้องอาหารประจำโรงแรมดังว่าแปรสภาพกลายเป็นห้องอาหารสำหรับผู้แทนไทยรวมถึงกองทัพสื่อไทยที่พากันไปเกาะติดสถานการณ์

โดยอาหารส่งตรงจากครัวบ้านท่านทูตวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำเนเธอร์แลนด์ และตัวแทนประเทศไทย ที่ไม่ใช่แค่ได้ใจหมู่คณะเพราะนำทีมสู้คดีแบบ "สู้เต็มที่" สมกับที่ประกาศไว้ แต่ยังใส่ใจรายละเอียดความเป็นอยู่ชนิดไม่ตกหล่น แถมยังสามารถเจรจากับโรงแรมให้ปิดห้องอาหาร และยอมให้ขนอาหารจากนอกโรงแรมมาเสิร์ฟได้เต็มที่ ตอกย้ำความเป็นนักกฎหมายที่มีความสามารถในการเจรจาสูง

ไล่เรียงดูเมนูอาหารที่เสิร์ฟกันร้อนๆ มีตั้งแต่ขนมจีนแกงเขียวหวาน แกงเผ็ดเป็ดย่าง ไข่พะโล้ ห่อหมก แฮ่กึ๊น ไปจนถึงอาหารจานเดียวอย่างข้าวคลุกกะปิ ข้าวขาหมู หมี่กะทิ และของทานเล่นอย่างขนมจีบซาลาเปา โดยที่ว่ามาทั้งหมดทำเองจากครัวท่านทูตวีรชัย

ภายใต้การกำกับดูแลของคุณลิซ หรืออลิซาเบธ พลาศรัย ภริยาท่านทูตวีรชัยทั้งสิ้น ไม่ได้นำอาหารสำเร็จรูปจากที่ไหนมาอุ่นแบบสุกเอาเผากิน และไม่เคยมีเมนูซ้ำแม้แต่วันเดียว

ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่หลังบ้านนักการทูตที่ดี คอยดูแลคณะผู้แทนไทยให้อิ่มท้องและคอยตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ สอท.ที่ดูแลอาหารการกินไม่ให้ขาดแล้ว ภริยาคู่ชีวิตยังไปให้กำลังใจท่านทูตวีรชัยในห้องพิจารณาคดีที่ศาลโลกทุกวันอีกด้วย

ว่ากันเฉพาะอาหารการกิน ท่านทูต วีรชัย พลาศรัย หัวหน้าคณะ ยังเปิดห้อง 911 บนชั้น 9 เป็นห้องเสบียงสำหรับคณะทำงานสนับสนุนด้านกฎหมายจากกระทรวงการต่างประเทศและทีมทนายที่ปรึกษาต่างชาติ รวมถึงคณะผู้แทนไทยทุกคนที่ทำงานกันหามรุ่งหามค่ำโดยแทบไม่ได้หลับได้นอนที่ให้บริการตัวเองได้ 24 ชั่วโมง

บนห้องมีพร้อมตั้งแต่ชากาแฟ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ แซนด์วิช ขนมขบเคี้ยว เพราะเข้าใจว่าทีมทั้งหมดต้องทำงานแข่งกับเวลา การทานอาหารไม่เป็นเวลาเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่ง ขนาดที่ต้องมีป้ายภาษาอังกฤษติดอยู่หน้าห้องแปลเป็นไทยได้ว่า "เราทำงานดึกมากๆ กรุณาอย่าปิดประตู" กันเลยทีเดียว

อย่าแปลกใจที่ที่ปรึกษากฎหมายต่างชาติ ซึ่งถือเป็นนักกฎหมายระดับโลกและผ่านการว่าความมานับไม่ถ้วน ซ้ำยังมีคดีเต็มมือทั้ง 3 คนจะแสดงความชื่นชมและประทับใจทีมงานไทยอย่างมาก

เอาแค่ ศ.อแลง แปลเล่ต์ ที่มักจะลุกขึ้นมาทำงานหลังเที่ยงคืนก็ยังถึงกับอึ้งเมื่ออีเมล์ไปถามข้อมูลหรือถามว่าพอจะหาอาหารให้ทาน ในเวลาดึกดื่นที่ครัวของโรงแรมปิดไปแล้วได้หรือไม่

ปรากฏว่า ทีมของสถานทูตไทยจะอีเมล์กลับหรือหาทางจัดหาสิ่งที่ต้องการให้ได้ทันที แม้ว่าเวลาที่ศ.แปลเล่ต์อีเมล์มาจะเป็นตี 1 หรือตี 4 กระทั่งเจ้าตัวต้องอีเมล์มาแนะนำเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศไทยว่าให้ปิดมือถือบ้างก็ได้-ไม่ว่ากัน

กลายเป็น "คนดัง" ในชั่วข้ามคืนสำหรับ อลินา มิรอง ทนายสาวผู้ช่วย ศ.อแลง แปลเล่ต์ หลังขึ้นชี้แจงประเด็นแผนที่ต่อศาลอย่างฉาดฉานมาดมั่น แทบจะดูไม่รู้เลยว่านี่คือการขึ้นทำหน้าที่ในศาลโลกครั้งแรกในชีวิต

แถมก่อนขึ้นพูดยังหวั่นๆ จนมือไม้เย็น ท่านทูตวีรชัยซึ่งเป็นคนเลือกให้มิรองทำหน้าที่สำคัญแม้ไร้ประสบการณ์ก็บอกว่า จากที่ทำงานร่วมกันมา 3 ปี ทำให้เชื่อมั่นในตัวเธอและสุดท้ายก็ไม่ผิดหวังกับผลงานที่ปรากฏ

หลังชี้แจงรอบแรกเสร็จชีวิตก็พลิกผัน เพราะใครต่อใครก็พากันชื่นชมกับผลงานของมิรองที่ได้การสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ของมหาวิทยาลัยเดอรัมและทีมสนับสนุนของกระทรวงการต่างประเทศว่าเป็นไม้เด็ด

ที่ช่วยให้เข้าใจภาพและความสำคัญของแผนที่จำนวนมากและประเด็นต่อสู้ทางคดีของไทยได้มากขึ้น

จากที่เคยเดินไปเดินมาแทบจะเหยียบเท้ากันในห้องอาหารคนนอกก็ไม่รู้จัก ตอนหลังเวลาเดินไปไหนก็มีแต่คนทักทายและวิ่งเข้าไปขอถ่ายภาพด้วยจนจบการชี้แจงวันสุดท้าย

เจ้าตัวทำได้แค่โปรยยิ้มแล้วรีบเดินหนีโดยมีช่างภาพไทยขอถ่ายรูปได้รายเดียว ที่เหลือได้แต่ถือกล้องรอค้าง แฟนคลับอย่าคิดว่าเป็นอาการดังแล้วหยิ่ง แต่เป็นเพราะเธอกับ ศ.แปลเล่ต์ต้องรีบบึ่งรถกว่า 5 ชั่วโมงกลับไปทำงานที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่จะเดินทางมาพบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 22 เมษายนนี้ ใครอยากถ่ายรูปด้วยเชิญเตรียมตัวให้พร้อม

บรรดาผู้สื่อข่าวขาเมาธ์นั่งวิเคราะห์กันว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้มิรองดังในชั่วข้ามคืนน่าจะเป็นเพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวในทีมไทยที่ขึ้นชี้แจงศาลโลก แถมอายุยังน้อยกว่าคนอื่นมากๆ

หน้าตาก็น่ามอง แถมยังเก่งอีกต่างหากทั้งที่อายุแค่ 34 ขนาดผู้สื่อข่าวหนุ่มใหญ่วัยใกล้ 50 ยังถึงกับบอกวันเดือนปีเกิดของเธอได้ทันที ทั้งๆ ที่ไม่มีคนถามว่าคือวันที่ 21 เมษายน 1979

แล้วแปลความให้เสร็จสรรพว่าวันเกิดปีนี้เธอน่าจะเดินทางถึงเมืองไทยพอดิบพอดี นอกจากรอถ่ายรูปแล้วก็อย่าลืมอวยพรวันเกิดให้เธอด้วยก็แล้วกัน

หลังเสร็จการชี้แจงด้วยวาจาวันสุดท้าย คณะผู้แทนไทยพากันไปร่วมงานเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความรื่นเริงจากความโล่งอกเพราะภารกิจที่หนักอึ้งแล้วเสร็จ ทีมที่ปรึกษากฎหมายไปกันไม่ครบ หลงเหลือแค่ ศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ด ชาวออสเตรเลีย กับ ศ.โดนัลด์ เอ็ม. แม็คเรย์ ชาวแคนาดา

ผู้ที่ตกเป็นเป้ากระเซ้าเย้าแหย่เป็นลำดับต้นก็คือ ณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเช่นเดียวกัน

แถมต้องทำหน้าที่โฆษกของคณะกลายๆ ให้สัมภาษณ์กับทางเมืองไทยทั้งที่เวลาที่ต่างกันทำให้ต้องถ่างตาอยู่จนถึงตี 1 ตี 2 หรือ ย่ำรุ่งก็ตามที

เสียงกระเซ้าบอกว่า ที่โหมงานอย่างนี้เพราะมีเอี่ยวอยู่ด้วย เป็นสวนยางที่ริมขอบเขาพระวิหารของ จำนง โพธิสาโร ผู้เป็นบิดา

ทีมกฎหมายของไทยในวันนั้น ทั้งศ.ครอว์ฟอร์ด และ ศ.แม็คเรย์ เห็นการทำงานของทีมสนับสนุนที่เป็นข้าราชการตัวเล็กๆ ทั้งหลายของไทยแล้วก็อดไม่ได้ ต้องมาแสดงความชื่นชมเป็นพิเศษ พร้อมทั้งยืนยันว่า การทำงานหนักหนนี้ไม่เสียเปล่าแน่นอน

ศ.แม็คเรย์ ยกตนเองเป็นอุทาหรณ์ว่า ที่เชี่ยวชาญถึงขั้นนี้ได้ก็เพราะเคยรับทำคดีระหว่างประเทศ สร้างประสบการณ์มาแล้วมากมายนั่นเอง

แต่ที่ทำให้วงแตกจนได้ก็ตรงประโยคสุดท้าย ที่ท่านบอกว่า

ถ้าจะให้ดี ต้องหาคดีใหญ่อย่างนี้อีกคดีให้ทำ! (โอ มาย ก็อด !)


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366513230&grpid=03&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8339 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 11:33:23 »

ต่อ...................

โพลชี้ ปชช.ส่วนใหญ่ ปรบมือให้ผู้แทนไทยต่อสู้คดีพระวิหาร ผิดหวังฝ่ายการเมืองโจมตีกัน
วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 09:37:24 น

นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อคณะผู้แทนไทยกรณีปราสาทพระวิหาร กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน  17  จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงราย มุกดาหาร หนองคาย สกลนคร เลย ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ยะลา นราธิวาส และ สงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,165 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-20 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน โดยมีช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 พบว่ากลุ่มตัวอย่างเกือบร้อยละร้อยหรือร้อยละ 97.0 รับรู้รับทราบข่าวกรณีปราสาทพระวิหาร

จากการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือร้อยละ 61.3 มีความเชื่อมั่นต่อคณะผู้แทนไทยต่อการแถลงการณ์กรณีปราสาทพระวิหารในครั้งนี้ ในขณะที่ร้อยละ 33.1 รู้สึกเฉยๆ และร้อยละ 5.6 ระบุไม่เชื่อมั่น
ที่น่าสนใจคือเมื่อสอบถามถึงความพึงพอใจต่อการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายการทูตและฝ่ายการเมืองในกรณีปราสาทพระวิหารนี้พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนมากหรือร้อยละ 65.6 ระบุมีความพึงพอใจในเจ้าหน้าที่ฝ่ายการทูต อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามความพึงพอใจต่อฝ่ายการเมืองนั้นพบว่าน้อยกว่าครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 42.6 มีความพึงพอใจต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายการเมือง

สิ่งที่น่าเป็นห่วงพบว่าตัวอย่างประชาชนที่ถูกศึกษาจำนวนมากหรือร้อยละ 80.0 รู้สึกผิดหวังมาก-มากที่สุด หากประเทศไทยจะต้องเสียพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารให้กับประเทศกัมพูชา  ในขณะที่ ร้อยละ 13.4  ระบุปานกลาง และร้อยละ 6.6 ระบุรู้สึกผิดหวังน้อย-น้อยที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มตัวอย่างประมาณกึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 49.7 รู้สึกผิดหวังต่อฝ่ายการเมืองที่ยังคงมีการออกมาโจมตีกันไปมาให้ประชาชนเห็นตามหน้าสื่อต่างๆ โดยกลุ่มตัวอย่างให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า เนื่องจากเป็นตัวแทนของประชาชนทั่วทั้งประเทศแล้วก็ควรแสดงความเป็นผู้นำที่เสียสละ ควรหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมกันคิดหาแนวทางการแก้ไขปัญหา สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ

นางสาวปุณฑรีก์ ผช.ผอ. กล่าวว่าจากการสัมภาษณ์เชิงลึกเพิ่มเติมพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความกังวลต่อกรณีปราสาทพระวิหารเพราะไม่อยากเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรให้แก่กัมพูชาไปอีก  ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบต่อจิตใจและศักดิ์ศรีของคนไทย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลากือบทั้งชีวิตของพวกเขา  รวมทั้งยังกังวลว่าหากการเจรจาและการตัดสินในครั้งนี้ไม่ยุติลงด้วยดีอาจเป็นเหตุก่อให้เกิดสงครามชายแดนระหว่างไทย–กัมพูชาหรือการสู้รบกันเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้น  ซึ่งสุดท้ายแล้วผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นก็จะไปตกอยู่กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่พักอาศัยอยู่บริเวณนั้น 

นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างยังระบุเพิ่มเติมอีกว่ารู้สึกประทับใจ ชื่นชม และขอปรบมือให้ต่อการทำหน้าที่ของคณะผู้แทนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายการทูตที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดี  แต่ยังคงมีความรู้สึกผิดหวังต่อฝ่ายการเมืองที่ยังคงมีการออกมาโจมตีกันไปมาแทนที่จะหันหน้าเข้าหากันเพื่อหาแนวทางร่วมในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าประชาชนโดยส่วนยังคงมีความหวังและมีความเชื่อมั่นต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายการเมืองว่า  ในที่สุดแล้วนักการเมืองคงจะไม่นึกถึงแต่ประโยชน์ของพวกพ้องตนเองเท่านั้น  แต่จะต้องนึกถึงประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติเป็นหลัก และอยากเห็นการนำเสนอข่าวผลการดำเนินงานที่โปร่งใส ไม่แต่งเติมสีจากฝ่ายการเมือง เหมือนเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่นับวันมีแต่จะสร้างความหดหู่ให้แก่ประชาชน

จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 44.4 เป็นชาย ร้อยละ 55.6 เป็นหญิง ตัวอย่างร้อยละ 7.8 อายุน้อยกว่า 20 ปี     ร้อยละ 20.2 อายุระหว่าง 20–29 ปี ร้อยละ 24.1 อายุระหว่าง 30–39 ปี ร้อยละ 21.1 อายุระหว่าง 40–49 ปี และ ร้อยละ 26.8 อายุ 50 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง              ร้อยละ 73.9 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 21.7 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในขณะที่ร้อยละ 4.4 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี ตัวอย่างร้อยละ 33.5 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 27.5 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 12.7 ระบุเป็นพนักงานเอกชน ร้อยละ 8.6 ระบุข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 7.4 ระบุเป็นนักเรียนนักศึกษา ร้อยละ 7.1 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ ร้อยละ 3.2 ว่างงาน/ไม่ได้ประกอบอาชีพ 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366511652&grpid=00&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #8340 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 12:11:52 »


ตามอ่านอย่างสนุก อิ่มใจ และขอบคุณทีมงานกระทรวงต่างประเทศ
ที่ปรึกษากฎหมาย และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่้ายครับ
หากคนไทย ร่วมมือกันอย่างกรณีนี้
ผมว่า เราไปโลดครับ พี่เหยง
ขอบคุณเรื่องดีๆ ที่สรรหามาให้อ่านกันครับ...



 ปิ๊งๆ รักนะ win
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8341 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 13:14:05 »

หนุน

ขอบคุณสำหรับคำชม
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8342 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 13:19:25 »

ชาวหอใน กทม. เตรียมตัว ระวังใบสั่งจราจรปรับเงินจากกล้องที่ติดไว้ตามแยก

จำแม่นๆ อย่าให้ตุ๊กตาหน้ารถ มีหน้าตาเพี้ยนไปจากคนที่บ้าน เดี๋ยวจะมีเรื่องที่สองตามมา ??


ซ่อมเสร็จแล้ว!!
ระบบบันทึกภาพฝ่าไฟแดง30จุดทั่วกรุง บก.จร.ดีเดย์จับเข้ม แยกไหนบ้าง เชิญดู!!!

วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 11:06:29 น.

เมื่อวันที่ 20 เมษายน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.จร. กล่าวว่า ตามนโยบาย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบังคับใช้กฎหมายด้านการจราจรอย่างมีประสิทธิ บก.จร.จึงได้ดำเนินการจัดซ่อม ระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร หรือ Red Light Camera System ให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งบัดนี้ได้ซ่อมแซมพร้อมใช้งานบันทึกภาพผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรแล้ว โดยมีจุดการติดตั้ง 30 จุดดังนี้
  1. แยกซังฮี้ 2.แยกพญาไท 3.แยกอุรุพงษ์ 4.แยกเหม่งจ๋าย 5.แยกอโศก-เพชร 6.แยกบางโพ 7.แยกประชานุกูล 8.แยกประดิพัทธ์ 9.แยกรัชดา-ลาดพร้าว 10.แยกร่มเกล้า

11.แยกโชคชัย4 12.แยกนิด้า 13.แยกบ้านม้า 14.แยกลำสาลี 15.แยกประเวศ 16.แยกโพธิ์แก้ว 17.แยกคลองตัน 18.แยกพัฒนาการ-ราม24 19.แยกรัชดา-พระราม4 20.แยกศุลกากร

21.แยกราชประสงค์ 22.แยกวิทยุ-เพลินจิต 23.แยกอโศก-สุขุมวิท 24.แยกนรินทร 25.แยกสาทร 26.แยกอังรีดูนังต์ 27.แยกท่าพระ 28.แยกบางพลัด 29.แยกตากสิน 30.แยกบ้านแขก

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากกล้อง Red Light Camera System ในทั้ง 30 จุดนี้แล้ว บก.จร. ยังได้ประสานกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จัดซื้อกล้องตรวจจับความเร็ว เพื่อมาตรวจจับความเร็วผู้ที่ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยเมื่อมีการตรวจจับแล้วจะมีการออกใบสั่งไปยังเจ้าของรถตามหมายเลขทะเบียน เพื่อให้มาชำระค่าปรับภายในเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีโครงการ Lane Change Management System เป็นกล้องตรวจจับการเปลี่ยนช่องทางในเขตห้ามเช่น คอสะพาน ส่วนจ่าเฉยอัจฉริยะก็จะนำมาติดตั้งในเร็วๆนี้ เช่นกัน ทั้งนี้มาตรการในการบังคับใช้กฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ก็เพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดกฎจราจรและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้นขอฝากให้ประชาชนทุกท่านที่ใช้รถใช้ถนนขับขี่รถด้วยความระมัดระวังและอย่าฝ่าฝืนสัญาณไฟจราจร เพราะจะทำให้เกิดอันตรายแก่ตนเองและผู้อื่น สำหรับสถิติที่ผ่านมา ตั้งแต่ มกราคม – เมษายน 2556 มีสถิติการออกใบสั่ง ด้วยระบบดังกล่าว รวมจำนวน 12,044 ราย

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366517189&grpid=00&catid=&subcatid=

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8343 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 16:03:19 »

มาต่อเรื่องเขาพระวิหาร ด้วยบทความ ความเห็นของ "พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร" ในหัวข้อ...

สู้คดีในศาลโลก : ฝีมือข้าราชการประจำ โดย "วสิษฐ เดชกุญชร".
วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15:30:20 น

ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลกอย่างเอาใจจดใจจ่อ แต่อาจจะด้วยเหตุผลที่ต่างกับผู้อื่น ถ้าจะว่ากันในแง่ประวัติศาสตร์ผมไม่รู้สึกผูกพันอะไรนักกับตัวปราสาท เพราะรู้และเห็นอยู่ ชัด ๆ ว่าขอมเป็นผู้สร้าง แต่ถ้าจะดูทางภูมิศาสตร์และการเมือง ซึ่งกำหนดโดยสันปันน้ำ ก็จะเห็น ชัด ๆ เหมือนกันว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตประเทศไทย แต่เมื่อรัฐบาลในสมัยนั้นไปยอมรับ และปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ ว่าปราสาทเป็นของเขมร ผมก็เห็นว่าเรา ไม่มีทางเลือก แต่การที่เขมรจะมาตู่เอาตอนนี้ว่าดินแดนที่อยู่นอกและรอบปราสาทเป็นของเขมร ด้วย ผมก็เห็นว่ายอมไม่ได้ ไม่ว่าดินแดนจะกว้างหรือแคบเพียงใด

ผมดูการถ่ายทอดการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารตั้งแต่ต้นจนถึงคืนสุดท้าย (วัน พฤหัสบดีที่ ๑๙ เมษายน) เมื่อคณะทนายความไทยแถลงปิดสำนวนด้วยวาจา แต่ไม่ได้ดูทางสถานี วิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทย หากไปดูจากการถ่ายทอดโดยอินเตอร์เน็ตของศาลโลก จึงไม่ได้ฟังคำ แปลภาษาไทย ได้ฟังแต่คำแปลภาษาอังกฤษ เมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าท่านเอกอัครราชทูตวีรชัย พลาศรัย ท่านไม่ได้เก่งแต่ภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น ภาษาอังกฤษของท่านก็ยอดเยี่ยม ท่านใช้ประโยค และศัพท์ที่กระทัดรัดและเข้าใจง่าย และหลายประโยคคงจะแทงใจและถูกใจคนฟัง ทั้งที่เข้าข้างเขมร และที่เข้าข้างไทยอย่างแน่นอน หาไม่แล้วนายฮอนำฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศของเขมร คงไม่ผลุนผลันออกจากศาลไปก่อนที่การพิจารณาจะยุติ

พูดถึงรัฐมนตรี ผมออกจะเห็นพ้องกับหลายคน ที่วิพากษ์การที่รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีของไทยแห่กันไปนั่งในศาลเหมือนไปทอดกฐิน (โดยใช้เงินหลวง) ที่เห็นพ้องก็เพราะผม ไม่เห็นรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนไหนมีส่วนอย่างไรในการแถลงของคณะทนายความ เรื่องการเตรียมการ นั้นผมรู้อยู่แล้วว่า นอกจากจะไม่มีรัฐมนตรีคนไหนช่วยแล้ว นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังพูดเป็นเชิงสบ ประมาทเสียด้วยว่า คณะทนายความเป็นคณะที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ตั้งไว้แต่เดิม เพราะฉะนั้น ถ้าแพ้ความพรรคประชาธิปัตย์ก็จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย

การเตรียมการสู้คดีนี้ ผมว่าเราต้องชมเชยและขอบคุณคณะทนายความทั้งไทยและฝรั่ง โดย เฉพาะท่านเอกอัครราชทูตวีรชัย ที่อุตส่าห์ใช้เวลาถึง ๓ ปีในการเตรียมการ และเมื่อฟังคำแถลงของ ทุกคนแล้ว ผมก็เห็นว่าความอุตสาหะของท่านทูตวีรชัยและคณะไม่เสียเปล่า ในที่สุดศาลจะตัดสิน อย่างใดก็ตาม ท่านทูตวีรชัยและคณะก็ได้ทำหน้าที่ของท่านแล้วอย่างสมบูรณ์หาที่ติมิได้

เกี่ยวกับการสู้คดีนี้ ผมไม่อยากจะวิพากษ์หรือด่ารัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตัวจริง เพราะอย่างน้อยรัฐบาลก็แสดงให้เห็นว่า ยอมรับ ความสามารถของท่านทูตวีรชัยและคณะ จนถึงกับยอมตั้งให้ท่านทูตวีรชัยเป็นหัวหน้าคณะ ลองนึกดูว่าถ้ารัฐบาล (หรือ (พ.ต.ท.)ทักษิณ) รังเกียจท่านทูตวีรชัยกับคณะ ว่าเป็นคณะ เดิมที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ตั้งไว้ แล้วดันเอานายสุรพงษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะ ใช้เจ้าหน้าที่ชุดใหม่ และจ้างทนายความใหม่ทั้ง หมด ป่านนี้คนไทยจะมิต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัวกันทั้งประเทศแล้วหรือ ?

เรื่องนี้ควรจะเป็นอุทาหรณ์สอนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และ (พ.ต.ท.)ทักษิณรู้ว่า ข้าราชการ ประจำเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในการบริหารงานบ้านเมือง นักการเมืองไม่ว่าใครก็ตามมานั่งเก้าอี้ ตัวโต ๆ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ แต่ข้าราชการประจำต่างหาก ที่รับ หน้าที่บริหารราชการที่แท้จริงและทำต่อเนื่องไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล

ถ้ายอมรับฝีมือและความสามารถของข้าราชการประจำ และสนับสนุนเขาให้ได้แสดง ฝีมือและความสามารถจริง ๆ นอกจากประเทศชาติบ้านเมืองจะได้ประโยชน์แล้ว รัฐบาลเอง ก็จะได้รับความชมเชยและเป็นที่เชื่อถือด้วย

แต่ถ้ารังแกข้าราชการประจำ ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ทหาร หรือตำรวจ ด้วยการทำลายระบบ คุณธรรม กีดกันคนดีแล้วเอาแต่หลับหูหลับตาตั้งคนของตัวและปูนบำเหน็จให้ได้ตำแหน่งดี ๆ สูง ๆ โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถ ลงท้ายบ้านเมืองก็จะไปไม่รอด และตัวเองก็จะถูกสาปแช่งด้วย


วันนี้ขอสีซอให้ควายฟังอีกเพลงหนึ่งนะครับ...

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366531983&grpid=03&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8344 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 19:43:12 »

เมื่อช่วงสี่โมงเย็นเล็กน้อย
ฟ้านครสวรรค์ปิด พร้อมมีฟ้าคะนอง ลมแรงจนป้ายขนาดใหญ่ล้มหลายแห่ง
แต่ฝนตกลงมาได้ประมาณ 20 นาที ก็หยุดและแดดออกอีกครั้ง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8345 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 20:45:08 »

มาฟังปมที่นักวิชาการจากจุฬาฯ ทักท้วง...??

3 ปมน่าห่วงคดีพระวิหาร'ไม่ง่าย...ที่จะชนะ'


              เสร็จสิ้นไปแล้วกับทีมทนายไทยขึ้นชี้แจงต่อศาลโลก กรณีกัมพูชายื่นให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ถึงขั้นที่หลายคนมั่นใจว่า "งานนี้ชนะแน่" และเท่ากับได้สะสางอดีตอันแสนเจ็บช้ำด้วย

              ทว่าในความเห็นของ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเกาะติดข้อพิพาทนี้มาตั้งแต่ต้น กลับเห็นว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่สังคมไทยอาจจะหลงลืมหรือมองข้ามไป

              "ถึงจุดนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเราจะได้ในสิ่งที่เราต้องการ เพราะกัมพูชาก็มั่นใจในแนวทางของเขา ไม่อย่างนั้นกัมพูชาคงไม่จำเป็นต้องนำเรื่องกลับไปสู่ศาลโลกอีกครั้ง"

หลักฐานค้านล้อมรั้ว

              1.ไทยเสนอประเด็นการล้อมรั้วลวดหนามองค์ปราสาทพระวิหารหลังคำพิพากษาปี 2505 เพื่อบอกว่าไทยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว และว่ากัมพูชาไม่ได้แสดงท่าทีคัดค้าน และไม่เคยติดใจพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรมาก่อนเลย เพิ่งมาสนใจเมื่อไม่นานมานี้เอง

              ประเด็นนี้กัมพูชาได้โต้กลับมา โดยระบุว่า มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรว่ากัมพูชาเคยประท้วงหรือแสดงความไม่เห็นด้วยกับการล้อมรั้วลวดหนามของไทย จึงได้ไปตามอ่านต่อว่ากัมพูชาประท้วงอย่างไร สรุปว่าได้มีการแสดงความเห็นผ่านเจ้าหน้าที่ต่างประเทศหลายครั้ง เช่น บันทึกของสถานทูตฝรั่งเศสที่รายงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศของตน ก็มีการรายงานว่าทั้งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา (ในขณะนั้น) และสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (พระมหากษัตริย์กัมพูชา) ได้แถลงการณ์คัดค้าน

              หรืออย่างประเด็นการล้อมรั้วลวดหนาม ก็มีปรากฏในรายงานของผู้แทนเลขาธิการยูเอ็น (องค์การสหประชาชาติ) ในขณะนั้นที่ถูกส่งเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหา ก็ระบุว่าให้ยึดหลักขันติ อดทนอดกลั้น

              ในส่วนของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา บอกว่าไทยรุกรานเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลโลก ส่วนสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ก่อนที่จะเสด็จไปยังปราสาทพระวิหารก็มีความวิตกจากทางกัมพูชาอย่างมากว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะไทยตรึงกำลังอยู่ และหลังจากที่เสด็จขึ้นไปแล้วก็มีแถลงการณ์คัดค้านออกมา

              ประเด็นเหล่านี้กัมพูชามีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรแนบไปด้วย แต่สื่อไทยไม่ค่อยได้เสนอเท่าไร เหมือนกับว่ากัมพูชาไม่ได้โต้แย้งอะไรเลย จึงยากที่จะบอกว่าไทยได้เปรียบทางคดี

              นอกจากนั้น ไทยยังเน้นย้ำว่าศาลไม่ควรรับพิจารณาคำร้องของกัมพูชาเพราะไม่มีความขัดแย้งเรื่องการตีความคำพิพากษาของศาล กัมพูชายอมรับเส้นรั้วลวดหนามที่ไทยล้อมเอาไว้ แต่กัมพูชามีหลักฐานว่าการตั้งรั้วลวดหนามของไทยเองก็ไม่ชัดเจน เพราะมีการทำแผนที่ 2 ฉบับเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เลือก และในที่สุด ครม.ไทยก็เลือกพื้นที่เล็ก โดยในบันทึกการประชุม ครม. ไม่ได้อธิบายว่าใช้หลักเกณฑ์อะไรในการเลือกหรือกำหนดพื้นที่

หักล้างแผนที่มีน้ำหนักจริงหรือ

              2.หลักฐานการทำแผนที่ชุดใหม่ของ อลินา มิรอง ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ หนึ่งในทีมกฎหมายของไทย เพื่อบอกว่าศาลไม่ควรรับพิจารณาคำร้องของกัมพูชา หรือถ้ารับตีความก็ไม่ควรใช้แผนที่ในภาคผนวก 1 ที่ไทยเรียกว่าแผนที่ 1:200,000 เพราะเป็นแผนที่ที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชัดเจน และจะวุ่นวายหากใช้แผนที่ฉบับนี้ในการปักปันเขตแดน โดยเปรียบเทียบกับแผนที่ชุดใหม่ซึ่ง "ไอบีอาร์ยู" หรือหน่วยวิจัยเขตแดนระหว่างประเทศ (International Boundaries Research Unit) เคยทำเปรียบเทียบเอาไว้ และเห็นปัญหาของแผนที่ 1:200,000

              ประเด็นนี้ไม่แน่ใจว่าศาลจะใช้เป็นข้อพิจารณามากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นที่รู้กันว่าเทคโนโลยีในการทำแผนที่ในปัจจุบันดีกว่าเมื่อ 100 ปีที่แล้วมาก ความถูกต้องแม่นยำย่อมเทียบกันไม่ได้ แต่แผนที่ชุดนี้ (ภาคผนวก 1) เป็นหลักฐานสำคัญของการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 ว่าปราสาทอยู่ใต้อธิปไตยของกัมพูชา จึงไม่แน่ใจว่าแผนที่ใหม่จะทำลายสถานะของแผนที่ภาคผนวก 1 ได้หรือไม่

              นอกจากนั้น แผนที่ 1:200,000 ยังถูกนำไปบรรจุในความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ.2543 หรือเอ็มโอยู 43 ด้วย สรุปว่าแผนที่ฉบับนี้มีสถานะทางกฎหมายอยู่ และใช้ในการปักปันเขตแดนกับลาว แผนที่ชุดนี้มี 11 ระวาง โดยระวางดงรักที่มีปัญหากันอยู่เป็นหนึ่งในแผนที่ชุดนี้

vicinity ของไทยยึดหลักอะไร

              3.เรื่องบริเวณใกล้เคียงปราสาท หรือ vicinity มีประเด็นคือ หลังฝ่ายไทยแถลงด้วยวาจาจบลงเมื่อวันที่ 17 เมษายน ผู้พิพากษาท่านหนึ่งขอให้ทั้งสองฝ่ายไปทำรายงานมาให้ชัดเจนว่า vicinity ในความเห็นของฝ่ายตนมีขอบเขตแค่ไหน

              แน่นอนว่ากัมพูชาต้องบอกว่าขอบเขตของ vicinity คือเส้นที่ปรากฏตามแผนที่ภาคผนวก 1 โดยมีเหตุผลรับรองตามที่ปรากฏในคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505 เพราะศาลเขียนไว้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายให้การยอมรับเส้นบนแผนที่ แล้วตัดสินให้ปราสาทอยู่ในเขตแดนของกัมพูชา สรุปคือกัมพูชาไม่ได้คิดขึ้นมาเอง

              แต่ในส่วนของไทย มีความชัดเจนว่า vicinity ที่ไทยต้องการคือเขตที่ล้อมรั้วลวดหนามเอาไว้ แต่ยังไม่เคยได้ยินเหตุผลว่าใช้หลักการอะไรในการกำหนดเขตดังกล่าว ฉะนั้นไทยต้องแสดงเหตุผลที่น่าเชื่อถือให้ศาลยอมรับให้ได้ ซึ่งน่ากังวลอยู่เหมือนกัน

              "จากเหตุผลทั้งหมดจึงสรุปได้ว่า...ไม่ง่ายเลยที่จะบอกว่าเราชนะแน่ บอกได้แต่เพียงว่าเรื่องนี้หิน" รศ.ดร.พวงทอง ระบุ

              แนวโน้มหลังจากนี้จึงต้องดูปฏิกิริยาหลังคำพิพากษาของศาลว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าศาลไม่รับพิจารณา อาจจะด้วยเหตุผลว่าคำร้องเกินกว่าคำพิพากษาเดิม และศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องเขตแดน ถ้าออกแนวนี้สำหรับไทยก็ถือว่าเสมอตัว หรือจะบอกว่าชนะก็ได้ พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรก็ยังเป็นพื้นที่พิพาทเหมือนเดิม

              แต่ก็มีโอกาสที่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะสื่อมวลชนจะช่วยกันบอกว่าพื้นที่นี้อยู่ใต้อธิปไตยของประเทศใดประเทศหนึ่งเด็ดขาดแล้วจะเกิดปัญหา ฉะนั้นก็อาจทำเป็นพื้นที่อธิปไตยร่วมกัน บริหารร่วมกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ สันติภาพก็คงมี

              เป็นการให้ข้อมูลเพื่อให้สังคมได้พิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ รอบด้าน และเตรียมรับกับคำพิพากษาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอย่างมีสติมากที่สุด

..............................................


(หมายเหตุ : 3ปมน่าห่วงคดีพระวิหาร'ไม่ง่าย...ที่จะชนะ')
คนอ่าน 5060 คน
http://www.komchadluek.net/detail/20130421/156564/3ปมน่าห่วงคดีพระวิหารไม่ง่าย...ที่จะชนะ.html
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8346 เมื่อ: 22 เมษายน 2556, 08:28:19 »

ฝนเพิ่มขึ้นทุกภาค จากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากจีน
ฝนตกหนักบางแห่ง ฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงในบางพื้นที่


ประจำวันที่ 22 เมษายน 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจายกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 22-23 เมษายน 2556 ไว้ด้วย 

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครราชสีมา และบุรีรัมย์

อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี

อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี

อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากทางด้านตะวันตกของพื้นที่

อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #8347 เมื่อ: 22 เมษายน 2556, 08:35:03 »


สวัสดีเช้าวันจันทร์ครับพี่เหยง
เข้ามาอัพเดทข้อมูลครับ
ขอบคุณมากครับ


 ปิ๊งๆ รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8348 เมื่อ: 22 เมษายน 2556, 08:35:25 »

สวัสดี หนุน


ตอนรับมาเยี่ยมครับ
วันนี้พกร่มไปด้วย ฝนเยอะขึ้น
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8349 เมื่อ: 22 เมษายน 2556, 08:42:02 »

สวัสดี อจ. ทราย

เข้ามาแต่เช้า
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 332 333 [334] 335 336 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><