คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ

[เริง2520]

ไม่ร้อน ไม่ฝน กลับบ้านที่นครสวรรค์ได้สบายๆและสวัสดิภาพครับ

พี่เหยง

[เหยง 16]

ขอบคุณ น้องเริง

ถึงนครสวรรค์เดี๋ยวนี้เองครับ
ตั้งแต่อำเภอบางปะหัน รถเริ่มติดมากขึ้น ไล่รายทางจนถึงนครสวรรค์
ฝั่งบางปะหันขาเข้า มีอุบัติเหตุ 1 ราย แต่ไม่สาหัส ส่งผลให้รถติดยาวตรงนั้นกว่า 5 ก.ม.
หวังว่าทุกคนจะเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

[เหยง 16]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 15 เมษายน 2556, 17:26:39
	เมื่อช่วงบ่ายสอง 14.37 น. ไปที่ SCB สาขาเซ็นจูรี่ โอนเงินเข้าบัญชีรุ่น 2516 ของอรมัทน์ เพื่อเข้า โครงการรินน้ำใจให้จุฬาฯเพื่อสร้างหอพักฯ จำนวน 10,000.00 บาท และแจ้งข่าวให้ 'มัท ทราบทางข้อความ SMS ด้วยแล้ว ภาพใบเสร็จตามหลังครับ

[เหยง 16]

"ชลน่าน" เผยสงกรานต์ปีนี้ดุเดือด ตายคาที่มากสุด
วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14:14:14 น.

วันที่ 14 เม.ย. นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์กู้ชีพ ในการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ในรอบ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-13 เมษายน 2556 ว่า จากการประเมินสถานการณ์ของอุบัติเหตุจราจรพบว่า ปีนี้รุนแรงกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัสมากถึง 1,321 ราย เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุมากถึงร้อยละ 67 หรือเกือบ 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และเสียชีวิตที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลมากถึง 43 ราย ซึ่งสาเหตุหลักอันดับ 1 มาจากเมาสุรา และขับเร็ว


ทั้งนี้ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ศูนย์สั่งการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินทั่วประเทศ ของกระทรวงสาธารณสุข ได้รับแจ้งเหตุจากประชาชนทางสายด่วนแพทย์ฉุกเฉิน 1669 จำนวน 6,621 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 19 ของเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งยังถือว่ายังน้อยมาก หน่วยแพทย์ฉุกเฉินออกปฏิบัติการทั้งหมด 2,377 ครั้ง เฉลี่ยชั่วโมงละ 33 ครั้ง ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 33 ประชาชนนำส่งเอง

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวอีกว่า ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศเร่งดำเนินการ 2 เรื่องใหญ่เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิต คือ
1.ให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เข้มงวดกวดขันบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 อย่างเคร่งครัด หากผู้ใดฝ่าฝืนให้ดำเนินคดีทันที
2.ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชน แจ้งเหตุเข้ามาทางสายด่วน1669 ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นบริการฟรี 24 ชั่วโมง หากผู้บาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉินที่มีประมาณ 15,000 ทีมครอบคลุมทั่วประเทศ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือภายใน 10 นาที หลังรับแจ้งเหตุ ก็จะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากกว่านำส่งเอง และลดความเสี่ยงเกิดพิการซ้ำซ้อนจากการช่วยเหลือที่ไม่ถูกวิธีลงได้

[เหยง 16]

มูลเหตุที่ทำให้ที่ดินไทยเริ่มเสื่อมสภาพ

จากสุวรรณภูมิถึงสุวรรณมาลี
ท่านขุนน้อย16 April 2556 - 00:00

     เมื่อไม่นานมานี้....ท่านรองอธิบดีกรมที่ดิน-ด้านวิชาการ คุณ กุลรัศมิ์ อนันต์พงษ์สุข ท่านได้ออกมาให้ข้อมูลรายละเอียด ถึงความเป็นไปในการใช้ที่ดิน เพื่อทำการเกษตรของประเทศไทย ไว้น่าสนใจเอามากๆ ซึ่งถ้าหากจะพูดกันแบบรวบๆ รัดๆ ก็คือ ท่านได้ออกมาแสดงความปริวิตกว่า ผืนแผ่นดินส่วนใหญ่ในประเทศไทยทุกวันนี้ กำลังตกอยู่สภาวะ วิกฤติ อันเนื่องมาจาก สภาวะเสื่อมสภาพ ในระดับทั่วทั้งประเทศ เอาเลยก็ว่าได้...
                              -------------------------------------------------------
      และภาวะวิกฤติที่ว่า...นอกจากจะเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของเกษตรกร อันถือเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว ยังเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้ง กับวิถีทางของประเทศไทย ที่ไม่เพียงแต่เติบโตมาจากสังคมการเกษตรมาโดยตลอด ยังถือเป็นประเทศที่เป็นอู่ข้าว อู่น้ำ เป็น ครัว ของคนทั้งโลก มาอย่างสม่ำเสมอ แต่มาถึงทุกวันนี้ พื้นที่ที่ใช้เป็นแหล่งเพาะปลูก เพื่อลำเลียงอาหารแต่ละชนิด เข้าไปยังครัวของใครต่อใครในโลกนี้ มันกำลังหมดสภาพ หมดความอุดมสมบูรณ์ ลงไปทุกที ชนิดดินแดนที่เคยเต็มไปด้วยดินดำ น้ำชุ่ม จนถูกเรียกขานว่า สุวรรณภูมิ เมื่อครั้งอดีต อาจต้องเหลือแต่ สุวรรณมาลี เอาไว้ปลูก เอาไว้ขาย บนนาผืนน้อยๆ ของใครต่อใคร กันไปแทนที่...
                              ---------------------------------------------------------
      เหตุที่ทำให้ แผ่นดินทอง ของไทย ต้องกลายเป็น แผ่นดินดอกทอง ยิ่งขึ้นไปทุกที ถูกสรุปว่ามาจากเหตุปัจจัยหลักๆ ประมาณ 3 ประการใหญ่ๆ นั่นก็คือ 1. เป็นเพราะที่ดินส่วนใหญ่ มักถูกน้ำฝนหรือน้ำป่าไหลหลากชะล้างเอาหน้าดินซึ่งเคยให้แร่ธาตุและความอุดมสมบูรณ์ออกไป 2. เป็นเพราะบรรดาเกษตรกรส่วนใหญ่มักจะมุ่ง ปลูกพืชเชิงเดี่ยว หรือพืชชนิดเดียวกันเพื่อเอาไว้ขาย ไม่ใช่เอาไว้กิน เอาไว้อยู่ อย่างแต่ก่อน อันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลแต่ละรัฐบาลในอดีต ที่มุ่งผลักดันให้เกษตรกรกระทำการเช่นนี้ ด้วยเหตุเพราะความโง่เง่า เต่าตุ่น หรือความที่ตกเป็น ทาสทางปัญญา หรือ อาณานิคมทางปัญญา ของพวกฝรั่งมาโดยตลอดนั่นเอง และประการสุดท้ายก็คือ 3. เป็นเพราะแรงกระตุ้นจากกลไกตลาดหรือจากนโยบายของรัฐบาลก็แล้วแต่ ที่มักเน้นให้เกษตรกรมุ่งผลิตผลผลิตให้มากๆ เข้าไว้ จนเกิดการหันไปโหมใส่ปุ๋ยเคมี และสารเคมี อันเป็นการทำลายหน้าดินและพื้นดินให้มีแต่แหลกยับเยินยิ่งขึ้นไปอีก...
                              -----------------------------------------------------------
      โดยเฉพาะนโยบาย ใครมีข้าว 1 เกวียน เอาไปเลย 15,000-20,000 บาท นั่นแหละ แม้ว่าท่านรองอธิบดีกรมที่ดิน ท่านจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ตามวิสัยข้าราชการโดยทั่วไป แต่โดยข้อมูลที่ถูกแจกแจงให้เห็นว่า แม้แต่พื้นดินในภาคอีสาน ซึ่งเป็นดินทรายและไม่เหมาะกับการปลูกข้าวเท่าไหร่นัก เนื่องจากเกษตรกรต้องไถดินทรายออกไป และปลูกข้าวกันบนชั้นดินเหนียว อันทำให้ต้องพึ่งพาปริมาณน้ำมากกว่าปกติ แต่ภายใต้ภาวะที่นโยบายรัฐบาล ได้กลายเป็นตัวสร้างแรงกระตุ้น ให้เกิดการรูดปรื๊ด รูดปรื๊ด เช่นนี้ จึงทำให้พื้นที่ดินในภาคอีสาน ถูกนำไปใช้ในการปลูกข้าวกัน แบบชนิดไม่คิดจะบันยะ บันยังใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แถมโหมสาดปุ๋ยเคมี สารเคมี ใส่ในนาข้าวซะ จนว่ากันว่าปริมาณการใช้ปุ๋ยและสารเคมีของประเทศไทย ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้ ถ้าหากเอามากองรวมกันเป็นกระสอบ อาจสูงกว่าตึกใบหยก หรือตึกมหานคร ที่กำลังสร้างใหม่ไปแล้วก็ไม่แน่...
                          ---------------------------------------------------------
      และในจำนวนพื้นที่ประเทศไทย ที่มีอยู่ประมาณ 320 ล้านไร่นั้น ว่ากันว่า ถูกนำมาใช้ทำนาข้าวกันถึง 72 ล้านไร่ หรือเกือบครึ่งของพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด ที่มีอยู่ประมาณ 152 ล้านไร่ นอกนั้นถูกนำไปปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้นซะ 32 ล้านไร่ ปลูกผัก ไม้ดอก และใช้เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์อีก 33 ล้านไร่ เหลือเป็นพื้นที่อยู่อาศัย และรกร้างว่างเปล่า เพียงแค่ 2.49 ล้านไร่เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายวิชาการกรมที่ดิน ท่านจึงพยายามเสนอแนะทางออกเอาไว้ อยู่ด้วยกันหลายหนทาง ที่มีทั้ง เข้าท่า บ้าง และ ไม่เข้าท่า บ้าง ไปตามมี ตามเกิด หรือตามแบบฉบับข้าราชการโดยทั่วไปอีกนั่นแหละ ในแง่ที่ เข้าท่า นั้น...ก็เห็นจะเป็นการจัดตั้งกลุ่มคนผู้มีความรู้ มีความเสียสละ ที่จะไปให้คำแนะนำกับเกษตรกรทั้งหลาย ในนามของ หมอดิน ให้รู้จักวิธีการรักษาสภาพพื้นที่ อันเป็นแหล่งทำกินของตัวเองเอาไว้ให้นานๆ ให้เป็นมรดกสืบต่อไปถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ด้วยการลด-ละ-เลิก การใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี หันมาใช้เกษตรอินทรีย์ หรือใช้จุลินทรีย์ฟื้นฟูหน้าดิน ไปตามวิถีทางธรรมชาติ ฯลฯ เป็นต้น...
                                  --------------------------------------------------------
      ส่วนในแง่ที่ ไม่น่าจะเข้าท่า นั้น...ก็คงได้แก่ความพยายามที่จะจัดให้มีการแบ่ง โซนนิง ในการทำการเกษตร ด้วยการกำหนดเขตพื้นที่เพาะปลูก สำหรับพืชนำร่องประมาณ 6 ชนิด นั่นก็คือ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา อ้อย และปาล์มน้ำมัน เหตุที่ต้องบอกว่า ไม่เข้าท่า นั้น ก็เพราะว่าความพยายามกระทำการเช่นนี้ มันก็คงไม่ต่างอะไรไปจาก สิ่งที่รัฐบาลแต่ละรัฐบาลในอดีต พยายามกระทำการมาโดยตลอด นั่นก็คือการยัดเยียดให้เกษตรกรทั้งหลาย ต้องเดินไปตามความคิด ความต้องการของรัฐบาล ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ หรือเป็นความพยายามที่จะกำหนดทุกสิ่ง ทุกอย่าง จากบนลงล่าง ไม่ต่างไปจากรัฐบาลเมื่อครั้งอดีต ที่ได้พยายามยัดเยียดให้เกษตรกร ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ในแต่ละชนิด แต่ละประเภท จนกลายเป็นปัญหาให้ฝ่ายวิชาการกรมที่ดิน อดไม่ได้ที่จะต้องมานั่งปริวิตกอยู่ในขณะนี้นั่นเอง...
                                ------------------------------------------------------
      แน่ล่ะว่า...ความพยายามแก้ปัญหาด้วยการแบ่ง โซนนิง นั้น อาจทำให้รัฐบาลสามารถควบคุม บริหาร ปริมาณ และคุณภาพของผลิตผล แต่ละชนิดได้ไม่ยากนัก แถมยังช่วยบริหารงบประมาณ ไม่ให้บานปลาย ปลายบาน จนแทบไม่มีเงินเหลือเอาไว้รับจำนำข้าว ชนิดแทบจะเจ๊งกันไปทั้งประเทศอยู่ในทุกวันนี้ ตลอดไปจนการประกันราคาพืชแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็น หอม กระเทียม มันสำปะหลัง ยางพารา ฯลฯ ที่มักก่อให้เกิดความปวดเศียร เวียนเกล้า สำหรับรัฐบาลแต่ละรัฐบาลมาโดยตลอด แต่การกระทำเช่นนี้ นอกจากมันอาจไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต และความต้องการของเกษตรกร ในแต่ละประเภทแล้ว มันยังอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นไปทางธรรมชาติ ที่นับวันจะมีความผันแปร วิปริต ผิดเพี้ยน หนักขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ได้ก่อให้เกิด หลักประกัน ใดๆ สำหรับเกษตรกร แต่ออกจะเป็นการให้หลักประกันกับรัฐบาลซะมากกว่า โดยเฉพาะการควบคุมปริมาณข้าวไม่ให้ทะลักออกมา สร้างปัญหาให้กับรัฐบาลมากเกินไปนัก...
                         ------------------------------------------------------
      ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว...เพียงแค่รัฐบาลเลิกคิดที่จะ กระตุ้น เลิกที่จะเอาเกษตรกรมาเป็น เหยื่อ ในการหาเสียง หาคะแนนนิยม หันไปสร้างหลักประกันชีวิตใ ห้กับเกษตรกรด้วยวิถีทางอื่นๆ ไปพร้อมๆ กับการให้ความรู้ ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ต่อวิถีชีวิตเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการตระหนัก สำนึก บุญคุณของแผ่นดิน ของแม่พระธรณี ที่เคยหล่อเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด จนอาจทำให้เกิดการลด-ละ-เลิก ความโลภลงไปได้บ้าง เกิดความสุขภายใต้วิถีชีวิตที่สอดคล้อง กลมกลืน ไปกับธรรมชาติ หรือ ความพอเพียง นั่นเอง เพียงเท่านี้ แผ่นดินธรรม-แผ่นดินทอง ก็มีโอกาสได้รับการฟื้นฟูบูรณะ ให้เป็นที่พึ่งแก่ชาวไทยและชาวโลก เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต โดยไม่จำเป็นต้องไป อุตส่าห์-หา-กรรม ใดๆ มาใส่ตัวเอาเลยแม้แต่น้อย...
                              --------------------------------------------------------
      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Peter Howard...We have become industrial and technical giants but we have remained moral and spiritual pigmies. - เราได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านอุตสาหกรรมและวิชาการด้านเทคนิคไปแล้ว แต่ในทางจริยธรรมและจิตใจ เราเป็นได้แค่คนแคระเท่านั้น...
                               --------------------------------------------------------

http://www.thaipost.net/news/160413/72267

[เหยง 16]

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Peter Howard...We have become industrial and technical giants but we have remained moral and spiritual pigmies. - เราได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านอุตสาหกรรมและวิชาการด้านเทคนิคไปแล้ว แต่ในทางจริยธรรมและจิตใจ เราเป็นได้แค่คนแคระเท่านั้น...

[หนุน'21]

สวัสดีครับพี่เหยง
ตอนนี้กทม. คงจะเข้าสู้ สภาวปกติ
นั่นคือ ผู้คน รถราจราจร และความวุ่นวาย ฮ่า ฮ่า

แม้ว่าหลายคนกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางก็ตาม
ผมไปเดินที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
นึกว่าคนจะยังไม่มาก ที่ไหนได้ แน่นทั้งคน ทั้งที่จอดรถ

อากาศก็ยังร้อนอบอ้าวอยู่นะครับ รอฝนโปรยลงมาอีกสักรอบ 2 รอบ
ก็น่าจะทำให้เย็นลงอีกนิดนึงครับ

 

[เหยง 16]

หนุน

ขณะนี้ หน้าบ้าน(ถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก) รถยังวิ่งตามกันติดๆ เข้า กทม.อยู่ครับ
น่าจะซาลงในช่วงหลังเที่ยงคืนนี้
ก็อยากให้ทุกครอบครัวกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย

[เหยง 16]

ฝนยังมีต่อเนื่องถึงพรุ่งนี้ โดยเฉพาะในทะเลทั้งสองฝั่ง แต่จะหนักในฝั่งอันดามัน จึงควรระมัดระวังครับ

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง"
ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 16 เมษายน 2556
 
        หย่อมความกดอากาศต่ำอยู่บริเวณทะเลอันดามันตอนบนประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้
       มีกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก

       ในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระวัง

       ในการเดินเรือและเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 16-17 เมษายน 2556 ไว้ด้วย

       ประกาศ ณ วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.30 น.

[เริง2520]

พี่เหยง


คุณแม่พี่สุขภาพแข็งแรงดีเนาะ

[ti2521]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 15 เมษายน 2556, 10:53:33
	สรุปยอดเงินสนับสนุน"มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร" ณ วันที่ 12 เมษายน 2556 มี   1. พี่สิงห์-มานพ ซีมะโด่ง 2513 จำนวน 3,000.00 บาท   2. เหยง-พิเชษฐ์ ซีมะโด่ง 2516 จำนวน 2,000.00 บาท   3. สมชาย ซีมะโด่ง 2517 จำนวน 2,000.56 บาท   4. หมอตุ่น-กำพล ซีมะโด่ง 2525 จำนวน 1,025.00 บาท   5. พี่อี๊ด-สุภาณี ซีมะโด่ง 2514 จำนวน 1,000.25 บาท   6. น้องหยี ซีมะโด่ง 2523 จำนวน 642.00 บาท   7. โด่ง พรชัย เกตุเล็ก ซีมะโด่ง 2516 จำนวน 1,500.00 บาท   8. พี่ประทาน ซีมะโด่ง 14 จำนวน 500.00 บาท   9. หนุน สุเทพ ธัญญสิทธิ์ ซีมะโด่ง 21 จำนวน 1,000.00 บาท 10. พี่ตู่ เพลินพิศ ซีมะโด่ง 14 จำนวน 1,000.00 บาท 11. แหลม ซีมะโด่ง 22 จำนวน 888.00 บาท รวมเป็นเงิน 13,555.56 บาท

.....สวัสดีปีใหม่ไทยครับ พี่เหยง   ร่วมสนันสนุน มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร ด้วยครับ.....

[เหยง 16]

น้องตี๋2521


ขอขอบคุณแทนคณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองกุงน้อย จังหวัดขอนแก่นด้วยครับ

[เหยง 16]

สรุปยอดเงินสนับสนุน"มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร" ณ วันที่ 16 เมษายน 2556 มี

  1. พี่สิงห์-มานพ ซีมะโด่ง 2513 จำนวน 3,000.00 บาท
  2. เหยง-พิเชษฐ์ ซีมะโด่ง 2516 จำนวน 2,000.00 บาท
  3. สมชาย ซีมะโด่ง 2517 จำนวน 2,000.56 บาท
  4. หมอตุ่น-กำพล ซีมะโด่ง 2525 จำนวน 1,025.00 บาท
  5. พี่อี๊ด-สุภาณี ซีมะโด่ง 2514 จำนวน 1,000.25 บาท
  6. น้องหยี ซีมะโด่ง 2523 จำนวน 642.00 บาท
  7. โด่ง พรชัย เกตุเล็ก ซีมะโด่ง 2516 จำนวน 1,500.00 บาท
  8. พี่ประทาน ซีมะโด่ง 14 จำนวน 500.00 บาท
  9. หนุน สุเทพ ธัญญสิทธิ์ ซีมะโด่ง 21 จำนวน 1,000.00 บาท
10. พี่ตู่ เพลินพิศ ซีมะโด่ง 14 จำนวน 1,000.00 บาท
11. แหลม ซีมะโด่ง 22 จำนวน 888.00 บาท
12. ตี๋ วันชัย ช่อไชยกุล ซีมะโด่ง 21 จำนวน 1,000.00 บาท

รวมเป็นเงิน 14,555.56 บาท

[เหยง 16]

เรื่องของจังหวัดนครปฐม......

ครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ (18) : เพลงประจำจังหวัด(2) : นครปฐม
10 เมษายน 2556 17:30 น.


       เพลงเกี่ยวกับจังหวัด อีกเพลงหนึ่ง ที่ ครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ แต่งคำร้องเอาไว้ คือ เพลงนครปฐม
        ...
       เพลงนครปฐม
       คำร้อง ชอุ่ม ปัญจพรรค์ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
       นครปฐม ปฐมเจดีย์ เป็นศรีชาติ
       พุทธศาสน์ เจิดจำรูญ เพิ่มพูนผล
       ประชาราษฎร์ ประกอบกิจ ทั่วทุกคน
       เลี้ยงชีพตน ของคน ทุกคนไป
       อันพวกเรา ชาวจังหวัด นครปฐม
       ต่างเกลียวกลม สามัคคี ให้ดีไว้
       ต่างเลี้ยงตน ได้พอ ไม่ง้อใคร
       เลี้ยงชาติไทย ได้มาก อย่างภาคภูมิ
       
       อำเภอเมือง ชื่อกระเดื่อง เรื่องการค้า
       การทำมา หากิน ไม่ขัดสน
       การเลี้ยงสัตว์ หมูเป็ดไก่ ไม่กังวล
       ค้าได้ผล ตนได้กิน ไม่สิ้นเลย
       ที่สามพราน มีส้มหวาน มะพร้าวดก
       ตลอดศก กินได้ ไม่มีสิ้น
       ส่งไปขาย ต่างประเทศ เป็นอาจินต์
       ทรัพย์ในดิน มากมี ที่สามพราน
       
       นครชัยศรี เลื่องลือ คือเรื่องข้าว
       อีกมะพร้าว มากมี ไม่ว่าที่ไหน
       พันธุ์ข้าวดี มีกลิ่นหอม ละม่อมละไม
       โลกยกให้ เป็นที่หนึ่ง พึงจดจำ
       ทางบางเลน เห็นได้มาก หลากทรัพย์สิน
       ทั้งบนดิน และในน้ำ ทำกินได้
       บนพื้นดิน ปลูกข้าว ทำนาไป
       ในท้องนา จับปลาได้ ขายเป็นเงิน
       
       กำแพงแสน เป็นแดน อันกว้างใหญ่
       ทำพืชไร่ ขายพริกถั่ว ทั่วทุกหน
       ส่งไปขาย ประเทศอื่น ชื่นกมล
       เกิดเป็นผล เงินทอง ของชาวไทย

 
       เพลงนครปฐม นี้ ครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ พยายามนำเอา ชื่อของ อำเภอ และ ความโดดเด่น ของแต่ละอำเภอ มาเสนอไว้ในเนื้อเพลงจนครบถ้วน เช่น อำเภอเมือ อำเภอ สามพราน อำเภอ นครชัยศรี อำเภอบางเลน และ อำเภอกำแพงแสน เป็นการเน้น เนื้อหาสาระ มากเป็นพิเศษ

       
        โดยประวัติ ความเป็นมาของ จังหวัดนครปฐม นั้น ว่ากันว่า...เป็นดินแดน หรือ อู่อารยธรรม สำคัญที่มีประวัติความเป็นมายาวนานในแผ่นดิน สุวรรณภูมิ
       
        จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวว่า เมืองนครปฐม แต่เดิมนั้น ตั้งอยู่ริมทะเล เป็นเมืองเก่าแก่ มีความเจริญรุ่งเรืองมานับตั้งแต่ สมัยสุวรรณภูมิ และเป็นราชธานีสำคัญใน สมัยทวารวดี
       
        ในยุคนั้น นครปฐม เป็นแหล่งเผยแพร่อารยธรรมจากประเทศอินเดีย ซึ่งรวมทั้งพุทธศาสนา นครปฐม จึงเป็นศูนย์กลางของความเจริญ มีชนชาติต่างๆ อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นจำนวนมาก
       
        ต่อมาได้เกิดความแห้งแล้งขึ้นเพราะกระแสน้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองเปลี่ยนเส้นทาง ประชาชนจึงอพยพไปตั้งหลักแหล่งอยู่ริมน้ำ และสร้างเมืองใหม่ขึ้นชื่อ เมืองนครไชยศรี หรือ ศรีวิชัย นครปฐม จึงกลายเป็นเมืองร้างมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนกระทั่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ขณะที่ทรงยังผนวชได้ธุดงค์ไปพบ พระปฐมเจดีย์ และทรงเห็นว่าเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ไม่มีที่ใดเทียบเท่า ครั้นเมื่อได้ครองราชย์ จึงโปรดฯ ให้ก่อเจดีย์แบบลังกาครอบองค์เดิมไว้ โดยให้ชื่อว่า พระปฐมเจดีย์  ทรงปฏิสังขรณ์สิ่งต่างๆ ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ให้มีสภาพดี และโปรดฯ ให้ขุด คลองเจดีย์บูชาเพื่อให้การเสด็จมานมัสการสะดวกขึ้น
       
        ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เริ่มก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ผ่าน เมืองนครปฐม ซึ่งขณะนั้นยังเป็นป่ารก พระองค์จึงโปรดฯ ให้ย้ายเมืองจาก ตำบลท่านา อำเภอนครชัยศรี มาตั้งที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์เหมือนเช่นครั้งสมัยโบราณ
       
        ครั้งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้สร้าง พระราชวังสนามจันทร์ เป็นที่เสด็จแปรพระราชฐานและฝึกซ้อมรบแบบเสือป่า โดยโปรดฯ ให้ตัดถนนเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย รวมทั้งสร้าง สะพานเจริญศรัทธา ข้าม คลองเจดีย์บูชา เชื่อมระหว่างสถานีรถไฟกับองค์พระปฐมเจดีย์ ตลอดจนสร้าง พระร่วงโรจนฤทธิ์ ทางด้านทิศเหนือและบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ให้สมบูรณ์สวยงาม ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และได้โปรดให้เปลี่ยนชื่อจาก เมืองนครไชยศรี เป็น  นครปฐม แทน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
       
        สำหรับ ตราประจำจังหวัดนครปฐม นั้น เป็น รูปเจดีย์องค์ใหญ่ และมี มงกุฎ ติดอยู่ที่ พระปฐมเจดีย์ โดยมี ความหมายว่า เจดีย์องค์ใหญ่ คือ องค์พระปฐมเจดีย์ ที่ พระโสณะเถระ และ พระอุตระเถระ ได้สร้างขึ้น
       
        มงกุฎ หมายถึง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ผู้ทรงอุปถัมภ์สร้างองค์พระปฐมเจดีย์ ต่อเติม ให้สูงใหญ่สง่างาม ตามที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
       
        ส่วน ดอกไม้ประจำจังหวัด ได้แก่ ดอกแก้ว / ต้นไม้ประจำจังหวัด ได้แก่ ต้นจัน
       
        คำขวัญประจำจังหวัด คือ ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน ( ซึ่งยาวมาก จำได้ไม่หมด )
       
        ส่วนสถานที่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ พระปฐมเจดีย์ / พระราชวังสนามจันทร์ / อุทยานแมลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว / พุทธมณฑล / แหล่งดูนกธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน / ตลาดน้ำดอนหวาย / พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย / สวนสามพราน / ฟาร์มจระเข้สามพราน / วัดไร่ขิง / วัดพระประโทน / วัดดอนยายหอม ฯลฯ
       

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000043581
 

[เหยง 16]

กิจกรรมสงกรานต์ของจังหวัดนครปฐมในวันนี้.........

แห่ถวายผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ยิ่งใหญ่
วันอังคารที่ 16 เมษายน 2556 เวลา 17:40 น.

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่องค์พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผวจ.ดนครปฐม พร้อมนายกเหล่ากาชาด จ.นครปฐม ชาวนครปฐม และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ร่วมกันประกอบพิธี แห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ มีความยาวกว่า 300 เมตร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์หรือวันปีใหม่ไทย โดยมีพระธรรมปริยัติเวที เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำเวียนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ 3 รอบ ก่อนกล่าวคำถวายผ้า เพื่อนำขึ้นไปห่มรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ในโอกาสนี้ได้ร่วมกับชาวพุทธ สรงน้ำเจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสและคณะสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย

นอกจากนี้ นายวันชาติ พร้อมด้วย นายชัยภัค สุนทรหงส์ นายอำเภอเมืองนครปฐม นายเอกพันธุ์ คุปตวัช นายกเทศมนตรีนครนครปฐม ร่วมกันเปิดงานมหาสงกรานต์ ถนนสายข้าวหมูแดงหรือถนนสายวัฒนธรรม พร้อมจัดให้มีการแสดงดนตรีของนักร้องชื่อดัง ไอซ์ ศรัญญู ปิดถนนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ฉีดน้ำฉลองสงกรานต์สร้างความชุ่มฉ่ำให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินับหมื่นคน

ที่วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง และสรงน้ำหลวงพ่อไร่ขิงจำลอง เนื่องในวันสรงการนต์หรือวันปีใหม่ไทย โดยมีพระราชวิริยาลังกา เจ้าคณะอำเภอพุทธมณฑล เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง อ.สามพราน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายมนู สร้อยพลอย นายอำเภอสามพราน นายจำรัส ตั้งตระกูลธรรม นายกเทศมนตรีเมืองไร่ขิง และผู้นำชุมชน นำชาวพุทธเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก

ในโอกาสนี้ได้เชิญผู้สูงอายุบริเวณชุมชน ในตำบลไร่ขิงและใกล้เคียงรวมกว่า 2,000 คน สรงน้ำหลวงพ่อไร่ขิงจำลอง สรงน้ำเจ้าอาวาสและคณะสงฆ์รวม 50 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมรับมอบวัตถุมงคลให้เป็นของที่ระลึกปีใหม่ด้วย.
 
ชมภาพที่เหลือต่อที่....
http://www.dailynews.co.th/thailand/197821

[เหยง 16]

		อ้างถึง			ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 19:37:58
	พี่เหยง คุณแม่พี่สุขภาพแข็งแรงดีเนาะ

น้องเริง

ขอบคุณ
กำลังหาภาพอยู่ ถ่ายมาแต่ไม่รู้อยู่ในมือถือหรือในกล้องครับ

[เหยง 16]

บุคคลซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ในวัดไร่ขิง
มีสมาชิกและผู้ติดตามข่าว มาร่วมถ่ายรูปด้วย
ข้อมูลบอกว่า ช่วงนี้ได้เงินจากการบริจาคเต็มลังทุกวัน ??

[เหยง 16]

มาสวัสดีทุกท่าน ในเช้าวันพุธ เปิดงานครั้งแรกของสัปดาห์นี้

ยังงง งง อยู่เลย คิดว่าเป็นวันจันทร์

ประเทศเรามีวันหยุดมากๆ มองแล้ว ไม่ดีแน่ครับ ชาติอื่นเขาทำงานล่วงหน้าเราไป 2 วันกันแล้ว

กลัวจะเป็นการย่ำเท้ารอ จนเราต้องเดินตามชาติอื่นเขา ??

[เหยง 16]

ฝนในภาพรวม ลดลงจากเมื่อวานนี้ แต่จะตกกระจายเพิ่มขึ้น
ทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นลมแรง ชาวเรือยังต้องระมัดระวัง
กทม.และปริมณฑล มีฝนร้อยละ 60 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง พกร่มไปด้วยครับ

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 17 เมษายน 2556
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง"
ฉบับที่ 21 ลงวันที่ 17 เมษายน 2556

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลอันดามันตอนบนได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณรอยต่อประเทศพม่ากับจังหวัดระนองของประเทศไทยแล้ว ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีกหนึ่งวัน 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  อากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดราชบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี
อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆมาก และมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่สุราษฏร์ธานีขึ้นไป ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร
ตั้งแต่นครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก และมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 

[หนุน'21]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 21:02:05
	อ้างถึง ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 19:37:58 พี่เหยง คุณแม่พี่สุขภาพแข็งแรงดีเนาะ น้องเริง ขอบคุณ กำลังหาภาพอยู่ ถ่ายมาแต่ไม่รู้อยู่ในมือถือหรือในกล้องครับ

รอชมภาพคุณแม่พี่เหยงด้วยครับ

 

[เหยง 16]

เจอแล้วครับ อยู่ในมือถือ
ลูกสาวคนเล็กกับอาม่า วัย 89 ปี
ซึ่งเมื่อ 24 ปีที่แล้ว อาม่าเป็นคนอุ้มหลานคนนี้ขณะยังแบเบาะออกมาจากโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
เพื่อพากลับเข้าบ้าน วันนี้โตเป็นสาวแล้ว

[เริง2520]

ท่านยังแข็งแรงมากเลยครับ

[เหยง 16]

น้องเริง

ต้องมีวอลเกอร์ช่วยพยุง เพราะเคยล้มจนกระดูกขาท่อนบนขวาติดกระดูกก้นกบหักเมื่อสองปีก่อนมาแล้ว
เดินเหินไม่สะดวกเหมือนก่อน เลยไม่ยอมเดินทางไกล
ตั้งใจจะไปรับขึ้นไปนครสวรรค์ หลายครั้งแล้วที่ไม่ยอมขึ้นไปด้วย

[Leam]

สวัสดียามเย็นครับ... พี่เหยง..พี่ปิ้ง..พี่สิงห์..พี่ปี๊ด..พี่เริง..พี่หนุน..พี่ตี๋ และพี่น้องทุกท่าน

[เหยง 16]

สวัสดี แหลม

ยังรอภาพจากเมืองจีน ตามด้วยภาพไปสงกรานต์เมืองเหนืออยู่