23 พฤศจิกายน 2567, 18:45:39
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 311 312 [313] 314 315 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2600672 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 42 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7800 เมื่อ: 08 มกราคม 2556, 23:29:07 »

170. จากนั้นคณะของเราไปต่อที่สะพานข้ามแดนจีน-เวียตนาม

สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นใหม่ โดยจีนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด หลังทำลายทิ้ง-ก่อนเกิดสงครามสั่งสอน
สืบเนื่องจากเวียตนามมีแนวความคิดจะส่งกำลังบุกประเทศไทย หลังยกพลบุกเข้าเขมรได้สำเร็จ
เลยคิดจะตีต่อเข้ามายังประเทศไทย แต่จีนปรามเอาไว้ เวียตนามไม่ฟัง จึงเกิดสงครามสั่งสอนขึ้น
ที่สุดเวียตนามต้องย้ายกำลังพลจากเขมรกลับไปรับมือจีนที่ตีลงมา ทำให้ชายแดนไทยปลอดภัย
(เขาเล่ากันว่า พลเอกทวนทอง สุวรรณพัต เป็นผู้แทนฝ่ายไทยไปเจรจากับจีน
ย้ำถึงปัญหาที่เวียตนามจะรุกคืบเข้าไทย หลังพิชิตศึกในเขมรได้แล้ว
และสถาปนาเฮง สัมริน ขึ้นเป็นผู้นำแทนเขมรสามฝ่าย


ฝั่งจีน




ฝั่งเวียตนาม
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7801 เมื่อ: 08 มกราคม 2556, 23:33:06 »

171. ผู้คนของสองประเทศเดินข้ามสะพานไปยังแต่ละฝั่ง โดยไม่ต้องขอวีซ่าเข้าเมือง อาศัยว่ามีชายแดนติดกัน
แต่หากไม่ใช่ชาวเวียตนาม หรือชาวจีน ต้องขอวีซ่าก่อนเข้าเมืองจีน


ซื้้อของข้ามไปขายกันเป็นกระสอบใหญ่ๆ เต็มคันรถใสทีเดียว


รถบรรทุกสินค้าฝั่งเวียตนามจอดรอที่เส้นก่อนจะขับข้ามฝั่งไปจีน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7802 เมื่อ: 08 มกราคม 2556, 23:36:21 »

172. ตรงหลักเขตประเทศฝั่งเวียตนาม ที่นักท่องเที่ยวไปถ่ายภาพเป็นที่ระฤก



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7803 เมื่อ: 08 มกราคม 2556, 23:43:18 »

173. หลังหลักเขตเป็นวัดแบบมหายานเก่าแก่ วันนี้มีพิธีกงเต็กในศาลา ทำให้มักท่องเที่ยวเข้าไปไหว้พระไม่ได้
วัดมีห้องสุขา ค่าบริการ 2,000 ด่องหรือ 3 บาทครับ
















      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7804 เมื่อ: 08 มกราคม 2556, 23:46:46 »

174. ระหว่างนั้นมีพ่อค้าหาบเต้าฮวยมาขาย บริการถ้วยละ 10,000 ด่องหรือ 15 บาทไทย






ฝรั่งก็ยังสนใจซื้อไปลองชิมกันก่อน




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7805 เมื่อ: 08 มกราคม 2556, 23:52:02 »

175. จากนั้นเรานั่งรถไปยังบริเวณสถานีรถไฟ ซึ่งมีภัตตาคารอยู่บริเวณนั้น เพื่อทานอาหารเย็น
ก่อนจะเตรียมขึ้นรถไฟกลับกรุงฮานอยในคืนนั้น

บริเวณนี้เป็นจุดที่มีทั้งรถโดยสาร รถไฟ ตลาด โรงแรมและภัตตาคารในที่เดียวกัน คล้ายๆกับสถานีรถไฟตามเมืองใหญ่ๆของเรา






เอาตาข่ายคลุมสัมภาระเอาไว้ กันกระเป๋าหายหรือมั่วไปกับคณะอื่น






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7806 เมื่อ: 09 มกราคม 2556, 21:42:21 »

มาทบทวนรายการทัวร์ใหม่อีกครั้งครับ.......................

1.



ทัวร์กัมพูชา เที่ยวเมืองพระนครธม ปราสาทหินทรายสีชมพูบันทายศรี ปราสาทตาพรม ล่องเรือโตนเลสาบชมวิถีชีวิตชาวประมง 3 วัน 2 คืน

ทัวร์กัมพูชา เที่ยวเมืองพระนครธม ปราสาทหินทรายสีชมพูบันทายศรี ปราสาทตาพรม ล่องเรือโตนเลสาบชมวิถีชีวิตชาวประมง 3 วัน 2 คืน
ทัวร์กัมพูชา เที่ยวเมืองพระนครธม แตงโมทัวร์นำท่านชมสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลกที่ “ปราสาทหิน นครวัด ” • ชมเมืองพระนครธม เมืองที่มั่งคั่งไปด้วยศิลปะและศูนย์กลางอำนาจที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ ของอาณาจักรขอมโบราณ ชมรอยยิ้มแบบบายน 54 ปรางค์ 216 หน้า ยิ่งใหญ่แห่งอารยะธรรม พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 • ปราสาทบันทายสรี รัตนะชาติแห่งศิลปะขอม • ปราสาทตาพรม สิ่งก่อสร้างด้วยมนุษย์ตกแต่งด้วยธรรมชาติรากไม้ที่ครอบคลุมสวยงามและร่มรื่น • เขาพนมบาแค็ง ศูนย์กลางยโศธรปุระจุดเริ่มต้นของอาณาจักรพระนคร • นั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นพร้อมชมวิถีชีวิตของชาวประมงที่ โตนเลสาบ ทะเลสาบน้ำจืดใหญ่ที่สุดในเอเชีย • พักโรงแรม 4 ดาว ซิตี้ อังกอร์ โฮเต็ล City Angkor Hotel **หรือเทียบเท่า ระดับเดียวกัน


วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2556 : กรุงเทพฯ-จ.สระแก้ว(ตลาดโรงเกลือ)-ปอยเปต-ศรีโสภณ-โตนเลสาป-ปราสาทพนมบาเค็ง

04.30 น. คณะเดินทางพร้อมกัน ณ จุดนัดหมาย (บริเวณหน้าหอชาย ตรงข้าม รร.เตรียมฯ) เจ้าหน้าที่รอให้การต้อนรับท่านและคอยอำนวยความสะดวก

05.00 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยรถบัสปรับอากาศ บริการอาหารกล่อง(1) และเครื่องดื่มบนรถ จากนั้นเชิญท่านพักผ่อนบนรถ

09.00 น. เดินทางถึง ตลาดโรงเกลือ อ. อรัญประเทศ จ. สระแก้ว นำท่านผ่านพิธีการศุลกากรและตรวจคนออกนอกประเทศไทยและเข้ากัมพูชา ด่านปอยเปต  จากนั้นเปลี่ยนรถเป็นรถปรับอากาศฝั่งเขมร นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองศรีโสภณ ผ่านปอยเปต เมืองชายแดนกัมพูชา สู่ จ.เสียมเรียบ ตามถนนหมายเลข 6 ซึ่งสภาพถนนลาดยางและเป็นลูกรังบางช่วง ระยะทาง 154 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
 
12.00 น. บริการอาหารกลางวัน(2) ณ ภัตตาคารโตนเลสาบ
              นำท่านสักการะ องค์เจ๊กองคืจอม พระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์และสวนสาธารณธจัดสไตล์ฝรั่งเศส
บ่าย        นำท่านเดินทางสู่ โตนเลสาบ อยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบ ประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย นำท่านลงเรือล่อง โตนเลสาบ ชมทัศนียภาพเหนือทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ชมความเป็นอยู่ของหมู่บ้านชาวประมง บ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบ โรงเรียน พิพิธภัณฑ์สัตว์ โดยฤดูน้ำหลากน้ำท่วมถึง 7,500 ตร.กม. ลึกถึง 100 ม. ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ กำปงธม , กำปงชะนัง, โพธิสัตว์, พระตะบองและเสียมราฐ(เสียมเรียบ) จากนั้นนำท่านสู วัดใหม่ ชมซากโครงกระดูกชาวเขมรที่เสียชีวิตในสมัยที่การสู้รบกับเขมรแดงในยุคของพอลพต ตั้งแต่ปีพ.ศ.2518-2522 เป็นอนุสรณ์สถานความขัดแย้งทางอุดมการณ์

17.30 น. นำท่านเดินทางไปชม พระอาทิตย์อัสดงที่ เขาพนมบาเค็ง ท่านสามารถมองเห็นวิวของปราสาทนครวัด จากวิวสูงเมื่อท่านมา ยืนอยู่บนเขาพนมบาเค็งแห่งนี้ ชมตะวันที่ค่อยๆคล้อยต่ำลงจนลับสายตา

18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (3)
              หลังอาหารค่ำ นำท่านเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย พัก City Angkor Hotel  (ระดับ 4 ดาว)

หมายเหตุ: สิงที่ควรนำติดตัวไปด้วย
1.อากาศช่วงบ่ายใน โตนเลสาบ อาจจะร้อน โปรดเตรียมหมวก ร่ม แว่นกันแดดติดตัวไปด้วย พร้อมยาประจำตัวที่จำเป็น
2.หลังพระอาทิตย์ตกที่ "เขาพนมบาเค็ง" ฟ้าอาจมืดลงทันที โปรดเตรียมไฟฉายติดตัวไปด้วย
3.เนื่องจากออกเดินทางออกนอกเขตสื่อสารของประเทศไทย ท่านที่มีกิจต้องใช้มือถือในการสื่อสาร โปรดเปิดโรมมิ่งต่างประเทศไว้ด้วย
4.เสื้อผ้า/รองเท้า ที่เหมาะสมกับการเดินทั้งวัน และเสื้อกันหนาวสักหนึ่งตัวติดไปด้วย
   ไกด์แนะนำให้นำรองเท้าผ้าใบไป เนื่องจากต้องเดินไกลและมีการปีนป่านตามโบราณสถานด้วย

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7807 เมื่อ: 09 มกราคม 2556, 21:50:51 »

2.



วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2556: ปราสาทบันทายศรี - ปราสาทตาพรหม - นครธม - นครวัด - ชมโชว์รำอัปสรา

07.00 น. บริการอาหารเช้า(4) ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่ ปราสาทบันทายศรี ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับพระอิศวรภายในพระนามว่า ตรีภูวนมเหศวร หรือ พระอีศวรผู้เป็นใหญ่แห่งโลกทั้งสาม เป็นปราสาทมีขนาดเล็ก สร้างด้วยหินทรายสีชมพูซึ่งหายาก สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1510 โดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในตอนปลายของสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 และเสร็จในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 พ.ศ 1511-1554 บันทายศรีได้ชายาว่าเป็นรัตนชาติแห่งศิลปะกัมพูชาเพราะความสวยงามและฝีมือแกะสลักนี้เอง.. นอกจากความงดงามในฝีมือการสลักแล้วยังมีคุณค่าเกี่ยวกับมนุษย์อย่างลึกซึ้งอันเห็นได้จากความรู้สึกที่แสดงออกมาจากภาพเหล่านั้น... หลังจากชมความสวยงามของปราสาทหินศรีชมพูนี้แล้วพาท่านเดินทางกลับโดยแวะซื้อน้ำตาลปึก เครื่องจักสาร..ซึ่งชาวบ้านวางขายอยู่ริมถนนเหมือนกับสินค้าโอท็อป..หลังช้ออปปิ้งแล้วพาท่านเดินทางสู่ ปราสาทตาพรหม เป็นปราสาทหนึ่งที่ได้รับความประทับใจจากนักท่อง เที่ยวเป็นอย่างมาก ใครๆ ก็อยากมาสัมผัสกับเสนห์ของโบราณสถานแห่งนี้โดยเฉพาะความเป็นธรรมชาตินี้เอง ตาพรหมมีต้นไม้เนื้ออ่อนชนิดหนึ่ง ชาวกัมพูชาเรียกว่า “ต้นสปง” และ ต้นไทร ขึ้นชอนไชโดยทั่ว.. 

12.00 น. บริการอาหารกลางวัน(5) ณ ร้านอาหาร Tonle Chaktumok

บ่าย        นำท่านชมเมือง นครธม เป็นเมืองหลวงโบราณของอาณาจักรกัมพูชาก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 12 ในยุคสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นำท่านถ่ายรูปสะพานนาคราชที่ประตูใต้ของเมืองนครธม ที่นี้มีรูปปั้นเทพและอสูรฉุดพญานาคที่จำลองจากนิยายเรื่องการกวนเกษียรสมุทรของศาสนาฮินดู ซุ้มประตูใต้ของเมืองนครธมเป็นภาพสัก “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร”ซึ่งมีอยู่ทั้ง 4 ทิศของเมืองนครธม หลังถ่ายรูปแล้วพาท่านขึ้นรถลาดตะเวนชมเมืองโบราณเมืองพระนครหลวงหรือเมืองนครธม เพื่อชมสนามหลวงสมัยโบราณ ชมลานช้าง ปราสาทนางสิบสอง พลับพลาพระมหากษัตริย์ ลานพระเจ้าขี้เรื้อน นำท่านลงตรงจุดกลางเมืองแห่งนี้เพื่อชม ปราสาทบายอน เป็นปราสาทสำคัญแห่งหนึ่งของอาณาจักรกัมพูชา สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 12 เพื่อเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนานิกายมหายานในยุคของพระมหากษัตริย์ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 บางคนเรียกเมืองนครธมธมว่า “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” ซึ่งปราสาทบายอนมีหน้าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรรวมทั้งหมดร่วมเป็น 216 หน้า มีรอยยิ้มแตกต่างกันแต่ความหมายเดียวกันนั้นก็คือความ เมตตา กรุณานี้เอง.. แนะนำท่านถ่ายภาพจมูกชนกันกับพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดของนักท่องเที่ยว ถือว่าเป็นไฮไลท์ของปราสาทบายอน หลังชมศิลปะอันสวยงามของบายอนแล้วนำท่านเดินทางสู่ ปราสาทนครวัด “สิ่งมหัศจรรย์ของโลก” ซึ่งเป็นศาสนสถานตั้งอยู่ในเมืองพระนครห่างจากเมืองนครหลวงเพียงแค่ ๑.๕ กม. เท่านั้น นครวัดสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 (ค.ศ 1113-1150) เป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ ตัวเทวสถานแห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดูซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธ นครวัดเชื่อว่าเป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมในสมัยเมืองพระนครซึ่งเป็นยุคที่รุ่งเรือง และเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชาโดยเราสามารถพบเห็นรูปปราสาทนครวัดที่ปรากฏในธงชาติของกัมพูชาหลายยุคสมัย แนะนำท่านถ่ายภาพสลักนางอัปสร “นางฟ้า” ที่ยิ้มเห็นฟัน ถ่ายภาพนครวัดห้าปรางค์และมีเงาสะท้อนในน้ำ ถ่ายภาพนางอัปสร เซ็กซี่ที่สุดที่นุ่งกางเกงขาสั้น..

18.00 น. บริการอาหารเย็น(6) ณ ภัตตาคารโตนเลแม่โขง อาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ พร้อมชมโชว์อัปสราการแสดงนาฎศิลป์เขมรโบราณที่งดงามและอ่อนช้อย หลังจากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย

22.00 น.  ราตรีสวัสดิ์
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7808 เมื่อ: 09 มกราคม 2556, 21:58:47 »

3. 



วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2556 : พนมกุเลน - ปอยแปต - กรุงเทพฯ

07.00 น. บริการอาหารเช้า(7) ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านนั่งรถออกจากตัวเมืองเสียมเรียบประมาณ 70 ก.ม.ไปชม เขาพนนกุเลน (Phnom Kulen)  หรือเขามเหนทรบรรพต พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงย้ายที่ประทับหลายครั้งเมื่อทรงประทับที่เขามเหนทรบรรพต ทรงให้แกะสลักศิวลึงค์นับพันองค์ที่ลำธารเพื่อทรงประกอบพิธี ก็จะให้พราหมณ์ประกอบพิธีที่ต้นน้ำ ให้น้ำไหลผ่านศิวลึงค์ไปให้ประชาชนได้รับน้ำศักดิ์สิทธิทั่วทุกคน 

12.00 น. บริการอาหารกลางวัน( 8 ) (อาหารแบบปิกนิก) บริเวณลานเหนือน้ำตกบนยอดเขา เชิญท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

13.00 น. เดินทางออกจากเขาพนมกุเลน ถึงชายแดนด่านปอยเปต (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) 

18.00 น. นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง

18.45 น. บริการอาหารเย็น (9) ณ ร้านอาหารแมกไม้ จ.สระแก้ว

19.30 น. เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ เชิญท่านพักผ่อนบนรถ

23.30 น. เดินทางกลับถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมกับภาพความประทับใจ

หมายเหตุ: รายการข้างล่างนี้ ไม่มีในโปรแกรมทัวร์ และอาจจะไม่ได้ไปสัมผัส หากเวลามีจำกัด

ที่เสียมเรียบมีพระศักดิ์สิทธิ์คือ องค์เจ๊ก-องค์จอม พระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์และสวนสาธารณะจัดสไตล์ฝรั่งเศส และ ตลาดซาจ๊ะ “The old market” เป็นตลาดที่อยู่กลางเมืองเสียมเรียบ อาคารที่อยู่โดยรอบส่วนใหญ่เป็นอาคารที่สร้างสมัยอาณานิคม.. นักท่องเที่ยวนิยมมาช้อปปิ้งตลาดแห่งนี้เพื่อซื้อของที่ระลึก..สินค้าหลายชนิดเช่น เสื้อผ้าก๊อบ ร้องเท้าและของที่ระลึกต่างๆ นานาชนิด.. 

ด่านปอยเปต - ตลาดโรงเกลือ อาจจะไม่หยุดให้เลือกซื้อสิ้นค้า  เพื่อเร่งเวลาในการเดินทางและไปทันอาหารเย็นที่ร้านแมกไม้

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7809 เมื่อ: 09 มกราคม 2556, 22:06:12 »

4. ข้อมูลเพิ่มเติม

มัคคุเทศน์   : คุณใหม่      โทร 087-826 6423

เบอร์ฉุกเฉิน : คุณหนึ่ง      โทร 085-165 6264
                   คุณแมร์      โทร 089-955 4589

สกุลเงินที่ใช้: ใช้ได้ทั้งเงินบาทไทย 100 เรียล = 1 บาท
                             เงินดอลล่าร์ สรอ. 4,000 เรียล = 1  US $
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #7810 เมื่อ: 11 มกราคม 2556, 21:07:25 »

เที่ยวให้สนุกนะคะ น้องเหยง
 ทานอาหารให้อร่อย
มีมุมถ่ายรูปได้สวยๆ นะคะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7811 เมื่อ: 14 มกราคม 2556, 23:32:45 »

กลับมานครสวรรค์แล้วครับเมื่อบ่ายสามโมง-มีเศษของวันนี้ครับ
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #7812 เมื่อ: 15 มกราคม 2556, 08:50:07 »

สวัสดีครับพี่เหยง
ตามดูตามชมด้วยคนครับ


 รักนะ หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7813 เมื่อ: 15 มกราคม 2556, 21:26:18 »

ขอเวลาทำธุระพรุ่งนี้อีกหนึ่งวันครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7814 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 05:36:42 »

สวัสดีตอนเช้าของวันพุธที่ 16 มกราคม 2556 ตรงกับวันครู

วันนี้จะไปทำธุระที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลับบ่ายๆ ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7815 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 17:53:17 »

นำมาฝากครับ..จากไทยโพสต์

เขาผู้นั้น...คือ 'ครูผู้รักษาประเทศ'
เปลว สีเงิน16 January 2556 - 00:00

    หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม "พระผู้เป็นเนื้อนาบุญประเสริฐ" อีกองค์หนึ่ง ในรัชสมัย "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" แห่งวัดป่าห้วยกุ่ม บ้านโพนงาม ต.โพนงาม อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ท่านรับเป็นเจ้าภาพสร้างอาคาร ๑๐ ชั้นให้กับ "โรงพยาบาลชัยภูมิ" เพื่อการรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยทั่วไป อาทิตย์ที่ ๒๐ ม.ค.๕๖ ตั้งแต่ ๗ โมงเช้าเป็นต้นไป หลวงพ่อจะมาโปรดสัตว์ที่ บ.ยูไอ สตีลไพพ์ จำกัด ที่ซอยคลองมะเดื่อ ถนนเศรษฐกิจ กระทุ่มแบน สมุทรสาคร ผมจึงนำข่าวมาบอก
    สำหรับสาธุชน ผู้รู้-ผู้มีวาสนา ผมบอกแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อาคารนั้นมูลค่า ๒๐๐ ล้านบาท ด้วยบารมีหลวงพ่อลุล่วงไปแล้วกว่า ๘๐% ตามแผนงานจะเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงตกแต่งภายในพร้อมใช้งาน ราวๆ กลางปี ๒๕๕๖ นี้
    หลวงพ่อจะใช้ บริษัท ยูไอ สตีลไพพ์ เป็นสถานที่โปรดสัตว์ เมื่อโอกาสอันหายากยิ่งเช่นนี้มาถึง ท่านใดจะร่วมถวายผ้าป่าสมทบสร้างอาคารโรงพยาบาลกับหลวงพ่อ พร้อมทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหาร ก็ไปได้ตามวัน-เวลาที่ผมบอก สอบถามข้อมูลและเส้นทางได้ที่
    คุณประเสริฐ ๐๘-๑๙๑๓-๒๐๗๑ คุณวรรณ ๐๘-๖๓๐๘-๔๔๔๕ และคุณใหญ่ ๐๘-๕๑๘๘-๘๙๔๓    
    ถ้าวันอาทิตย์ที่ ๒๐ นี้ ไม่สะดวกไปร่วม แต่ประสงค์ร่วมสร้างโรงพยาบาลกับหลวงพ่อสายทอง สามารถโอนเงินเข้าบัญชี "วัดป่าห้วยกุ่ม บัญชีเลขที่ ๔๐๒-๓๔๒๗๐๑๕ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทสโก้ โลตัส ชุมแพ" ก็ขอบคุณ "คุณเพชรดารินทร์" ที่แจ้งข่าวให้เผยแพร่
    เอาละครับ...จบเรื่องบุญ ก็มาหาเรื่องบาปคุยกันต่อ วันนี้ "๑๖ มกรา วันครู" ผมลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า ยกเว้นธรรมชาติ ยกเว้นพ่อ-แม่-ครูบาอาจารย์แล้ว ใครล่ะ...คือครูคนแรกของมนุษย์?
    ผมว่า "สัตว์เดรัจฉาน" คือครูของ "สัตว์มนุษย์"!
    นับตั้งแต่อาหารการกิน สัตว์สอนมนุษย์ให้รู้ว่า ไอ้นี่กินได้ ไอ้นี่กินไม่ได้ พืชชนิดไหนกินใบ ชนิดไหนกินดอก ชนิดไหนกินราก ชนิดไหนกินเปลือก ชนิดไหนกินดิบ ชนิดไหนต้องกินสุก ชนิดไหน กินได้ทั้งต้น-ทั้งใบ-ทั้งดอก เหล่านี้มนุษย์เรียนรู้จากสัตว์
    คือกินตามสัตว์ อะไรที่สัตว์กินแล้วไม่ตาย มนุษย์กินตาม!
    แต่มนุษย์มีเซลล์สมองมากกว่าสัตว์ ก็เลยรู้จักบูรณาการ อย่างสัตว์กินข้าวเปลือก-ข้าวสารแต่พอกระเพาะ แต่มนุษย์ใน พ.ศ.นี้ แค่เต็มกระเพาะไม่พอ ตะกละกินแบบบูรณาการ คือแบบเจ๊ทูเจี๊ยะ ผูกขาดกวาดมากินคนเดียวหมดทั้งประเทศเลย
    ตะกละบูรณาการ ท้องแตกตายกับคุกเป็นที่หวังได้?
    หยูกยารักษาโรคก็เหมือนกัน สัตว์เป็น "อาจารย์หมอ" คนแรกที่สอนวิชาแพทย์ให้มนุษย์  สัตว์เวลามันไม่สบาย ก็หาพืชสมุนไพรกิน มนุษย์ก็เอามากินตามเวลาเจ็บป่วย แร่ธาตุบางอย่างหาไม่ได้จากพืช สัตว์ก็ไปหากินจากดินโป่ง มนุษย์ก็กินดินตาม
    แต่อย่างว่า ยุคบูรณาการแทนที่จะกินแค่แร่ธาตุจากดิน "คือเกลือ" อย่างสัตว์ กลับตะกละ "กินทั้งแผ่นดิน" กินทั้งในน้ำ-บนดิน-ในอากาศ กินหมด อ้างว่าเป็นยารักษาโรคอ้วน กระทั่งดินสร้างบ้านจัดสรรขาย มันก็ยังย้วยไปกิน
    แต่ที่มนุษย์เรียนจากสัตว์แล้วผลออกมาต่างกันก็ตรงน้ำลายนี่แหละ อย่างค้างคาว ถูกยิงปีก "เลียปุ๊บ-หายปั๊บ" สัตว์เป็นแผล มันทำความสะอาดแผลด้วยน้ำลาย เสื้อผ้า-หน้า-ผม ของสัตว์มีขนทั้งหลาย ไม่ว่า หมา-แมว ครีมเสริมหล่อก็...น้ำลาย  
    แต่มนุษย์คงทดลองเสียแล้ว วิชานี้เรียนไม่ผ่าน เพราะน้ำลายนอกปากมนุษย์ไม่มีเอนไซม์-ไม่มีสารต้านเชื้อรักษาโรคเหมือนสัตว์ เลียแล้วแผลไม่หาย จึงได้เพียงกิริยามาใช้ อย่างคนผิดหวัง คนตกเก้าอี้ หมอไทย หมออินเดียรักษาไม่หาย มีวิธีเดียว คือ
    "นอนเลียแผลใจ"!
    อย่างเครื่องดองของเมา เหล้า-ไวน์ อะไรพวกนี้ ผู้ค้นพบการทำเหล้า-ทำไวน์ ต้องไม่ใช้คำว่า "คนแรกของโลก" ที่ถูกควรใช้คำว่า "ฝูงแรกในโลก" เพราะสิงสาราสัตว์ในป่าเป็นฝ่ายค้นพบ และสอนให้มนุษย์รู้จักการกินเหล้า-กินไวน์ว่า กินแล้วมันสะแด่วแห้วขนาดไหน?
    สัตว์พันธุ์ไหนเป็นผู้ค้นพบน้ำเมา ผมก็อ่านหลายชาดก ไม่พบที่ระบุชนิด พบแต่ที่ระบุว่าฝูงสัตว์มาเจอผลไม้ป่าที่สุกคาต้นแล้วหล่นถมทับกันจนเน่า นานเข้า..นานเข้า..เนื้อผลไม้ที่หมักหมมจากเน่าเปลี่ยนเป็นน้ำตาล จากน้ำตาลเกิดแอลกอฮอล์
    สิงสาราสัตว์มากินก็เมาแอ๋ เมื่อเมาก็ล้มลุกคลุกคลานกันไปตามประสา ไม่ว่า เสือ สิงห์ กระทิง แรด ช้าง ม้า วัว ควาย ลิง ค่าง บ่าง ชะนี อีเก้ง อีเห็น ยีราฟ หมาป่า ไฮยีนา หมาเมือง มนุษย์เห็นเข้าก็เลียนแบบ
    น้ำผลไม้หมักแบบนี้กินได้ ก็เลยกินตาม จึงเห็นว่า เมื่อมนุษย์เมา จึงมีอาการเหมือนสัตว์ต่างๆ กันออกไป สัตว์ที่มนุษย์ตอนเมาแล้วเหมือนที่สุด ก็อย่างที่เรียกกัน
    "เมาเหมือนหมา" นั่นไง!
    ใครไม่เคยเห็นหมาเมาเป็นไง ก็ดูเอาจากคนเมาไวน์ ดูจากคนเมาเหล้าไม่เหมือน เพราะกระบวนการสุรา คนละกระบวนการน้ำผลไม้หมัก
    ฉะนั้น คนเมาเหล้าจะคนละแบบกับคนเมาไวน์ ซึ่งไวน์-กระบวนการตามสายพันธุ์อยู่ในวรรณะน้ำเมา ชนิดที่สัตว์กินเป็นต้นแบบ คนเมาไวน์จึงจะมีศักดิ์และสิทธิ์ได้ใช้คำว่า "เมาเหมือนหมา" เพราะเมาแล้วจะออกอาการหมาๆ
    เมาได้ไม่เลือกที่ เมาได้ไม่เลือกเวลา เมาไม่คำนึงถึงหน้าตา จึงได้ชื่อว่า "เมาเหมือนหมา" แถมเห่าได้ไม่เลือกกาลเทศะอีกตะหาก!
    เห็นมั้ย..สัตว์สอนเรื่องกินให้มนุษย์ สอนเรื่องยาให้มนุษย์ เรื่องที่อยู่อาศัยและเรื่องเสื้อผ้า ที่เรียกว่าเครื่องนุ่งห่ม ครูคนแรกของมนุษย์ ก็สัตว์อีกนั่นแหละ
    ไปดูซี อดัมกับอีฟ มนุษย์คู่แรกของโลกน่ะ มาตัวเปล่าเล่าเปลือย จะอยู่-จะนอน ที่ไหนก็ยังไม่ประสา ผมว่าคงเรียนรู้จากสัตว์อันมีอยู่ก่อนมนุษย์แน่ๆ สัตว์ทุกชนิด-ทุกตัว เป็นผู้เจริญแล้ว รู้จักบูรณาการก่อนมนุษย์ บางชนิดจึงรู้จักขุดรูอยู่ บางชนิดขึ้นไปทำรัง-ทำบ้านอยู่บนยอดไม้ บางชนิดอาศัยซอกหิน-ซอกถ้ำ บางชนิดตามสุมทุมพุ่มไม้
    มนุษย์จึงเลียนแบบ ทำบ้านต้นไม้บ้าง อยู่ถ้ำบ้าง ขุดอุโมงค์ใต้ดินบ้าง เอาใบไม้-ใบหญ้ามามุงบังกันแดด-กันฝนบ้าง มีแห่งเดียวบ้าง กะเรี่ยกะราดหลายบ้าน-หลายแห่งบ้าง เตี้ยบ้าง สูงบ้าง สูงถึงชั้น ๗ ก็ยังมี!
    แต่ทีนี้ พอโลกเย็นตัว มันก็มีทั้งร้อน ทั้งหนาว ร้อนไม่เป็นไร เพราะไม่ว่าสัตว์ครู หรือมนุษย์ศิษย์ มีชีวิตแบบ "ตัวเปล่า-เล่าเปลือย" แต่กำเนิด
    แต่หนาวนี่ซี อยู่แบบเปลือยเนื้อ-เปลือยหนัง มันยากทน ตรงนี้แหละถือเป็น "จุดหักเห" ระหว่างสัตว์ครูกับคนศิษย์ สัตว์ไม่รู้จะสอนมนุษย์ยังไง เพราะสัตว์ได้รับพรพิเศษเฉพาะตัวจากธรรมชาติ บางชนิดมีขนเป็นเครื่องป้องกันหนาว ที่ไม่มีขน ก็มีหนังชนิดพิเศษกันหนาว
    มนุษย์ก็เลยแค้น สังคมโลกทุกวันนี้จึงมีคำว่า "ศิษย์ล้างครู-ศิษย์เนรคุณครู"!
    ล้างครูยังไง?
    ก็...สัตว์ตัวเปล่าเล่าเปลือย ไม่หนาว แต่คนหนาว เมื่อสัตว์ไม่สอนวิชาแก้หนาวให้ มนุษย์ก็เลยสนองคุณครูด้วยการจับสัตว์ "ถลกเอาหนัง" มาคลุมร่างตัวเองกันหนาวซะเลย
    จึงเกิดเสื้อหนังสัตว์ หนังเสือ หนังจระเข้ หนังวรนุช หนังหมีขั้วโลก ขนมิงค์ ขนแพะ ขนแกะ ขนเป็ด ขนไก่ หนังหมาก็มี อย่างเสื้อ "หนังหมาจิ้งจอก" นั่นไง
    การที่มนุษย์ทำเช่นนี้ สัตว์บางชนิดเห็นเข้าก็เลียนแบบ มีบ้างเหมือนกัน ไม่ใช่ถลกหนังมนุษย์ไปคลุมร่าง หากแต่สัตว์ถลกหนังสัตว์กันเองไปคลุมร่าง เราก็เห็นกันอยู่ ทุกวันนี้-ขณะนี้ก็มี
    "หมาขี้เรื้อนคลุมหนังราชสีห์" นั่นไง!
    สรุปแล้ว วันนี้-วันครู "ทุกคนมีครู" คำว่าครู ความหมายไม่ใช่แค่ครูสอนหนังสือ ทุกอย่าง ที่ก่อเกิดเป็นความรู้สึก-นึก-คิด-จิตสำนึก แห่งความเป็นมนุษย์ มนุษย์=มนะ ผู้มีใจฝึกแล้วประเสริฐ ถือเป็นครูได้ทั้งนั้น
    หนังสือตัวหนึ่ง-คำหนึ่งบนถุงกล้วยแขกที่เราอ่าน นั่นก็ครู, คำบนป้ายโฆษณา ตาเห็นแล้วกระตุกต่อมคิด นั่นก็ครู, กตัญญูจากสุนัข เราเห็นแล้วสำลักในพระคุณ นั่นก็ครู, พฤติกรรมคนดี-คนชั่ว เห็นเขาทำให้ย้อนสำรวจตัวเรา นั่นก็ครู
    และ...ทุกท่านที่ยืนถือชอล์กอยู่หน้าชั้น ตามดงดอน ตามป่าเขา ตามเป้าปืนโจร ๓ จังหวัดใต้ อุทิศท่านนี้ น้อยมนุษย์จะนึกถึง
    ที่ประเทศไทยยังไม่กลาย เพราะท่านทั้งหลายที่เรียกว่า "ครูบ้านนอก-ครูประชาบาล-ครูดง-ครูดอย" คอยคัดท้ายประเทศไทย บ่มเพาะ "หน่ออ่อน" ทั้งหลาย ให้รู้จัก "ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ คือ ร่างกาย-ลมหายใจ-ชีวิต" ในความเป็นไทยของทุกคน
    สวัสดีครับ..."คุณครูบ้านนอก" ทุกท่าน.

http://www.thaipost.net/news/160113/68151
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7816 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 18:47:16 »

เที่ยวเวียตนามต่อครับ

176. มุ่งไปนิงห์บิงห์ หลังจากลงจากรถไฟเพื่อไปรับข้าวของที่ฝากไว้กับโรงแรม New Moon หน้าสถานีรถไฟ

เส้นทางที่ไปเป็นทางไปเมืองเก่า แต่มีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมาก




ในภาพเป็นบริษัทของฮุนได ซึ่งเติบโตมากทั้งในเวียตนามและในกัมพูชา



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7817 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 18:56:20 »

177. เข้าเขตเมืองนิงห์บิงห์ พบนักเรียนระดับมัธยมขี่จักรยานกลับบ้านในช่วงก่อนเที่ยง
ไกด์สมชายบอกว่า โรงเรียนที่นั่น เช้าวันจันทร์-เชิญธงชาติขึ้นเสา และเย็นวันศุกร์-เชิญธงลงเสา
นักเรียนใส่เครื่องแบบเพียงบางวัน เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับผู้ปกครอง
โรงเรียนมีแบบเรียนเต็มวัน เที่ยงจะปล่อยเด็กกลับไปทานข้าวที่บ้าน เด็กจะไม่เอากระเป๋ากลับบ้าน
เพราะตอนบ่ายต้องกลับไปเรียนต่อ
ส่วนพวกที่เอากระเป๋ากลับคือพวกที่เรียนรอบเช้า, จะมีอีกพวกที่เรียนรอบบ่าย
ในโรงเรียนโรงหนึ่งอาจจะมีการสอน 3 แบบรวมกันอยู่คือเรียนเต็มวัน, เรียนภาคเช้า และภาคบ่าย สุดแต่จะเลือกโรปแกรมเรียน
เด็กพวกนี้เรียนเพื่อรู้หนังสือ แล้วออกไปประกอบอาชีพ, เว้นพวกที่ตั้งใจเรียนเพื่อต่อในระดับสูง (ฐานะทางบ้านต้องดีด้วย)











      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7818 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 19:02:11 »

178. คณะเราเข้าเที่ยววัดในมหานิกาย ซึ่งยังอยู่ในช่วงการก่อสร้างต่อเติมอีกไม่มากนัก
เพราะส่วนใหญ่เสร็จสิ้นไปมากแล้ว








      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7819 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 19:07:15 »

179.



องค์นี้กวนอู แน่นอนครับ





องค์นี้ ไม่ทราบ






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7820 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 19:10:33 »

180. พี่นภดล กำลังเก็บภาพพระพุทธรูป และผู้คนในคตระเบียงทางเข้าศาลาหลังใหญ่







      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7821 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 19:15:13 »

181. พระในแต่ละอิริยาบท













      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7822 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 19:19:10 »

182.







      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7823 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 19:21:47 »

183. เวียตนามมีภิกษุณีอยู่ในนิกานมหายาน





      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7824 เมื่อ: 16 มกราคม 2556, 20:38:18 »

184. วิหารหลังใหญ่ ที่ประดิษฐาน"เจ้าแม่กวนอิมพันมือ"








      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 311 312 [313] 314 315 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><