27 พฤศจิกายน 2567, 13:45:50
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 294 295 [296] 297 298 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2616097 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7375 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2555, 20:17:21 »

สวัสดี น้องน้ำอ้อย

ไม่ได้เจอกันนานพอสมควร นับแต่งานคืนสู่เหย้าละมัง ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7376 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2555, 20:32:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 04 พฤศจิกายน 2555, 08:07:38
เมื่อวานนนี้ ผมไปใช้บริการของโรงพยาบาลเก้าเลี้ยว พบว่า
ตั้งแต่ 1 พ.ย. เป็นต้นมา ต้องเสียค่าบริการ 30 บาททุกครั้งแล้วครับ
จนท.การเงิน อ้างว่า รัฐบาลมีงบไม่เพียงพอ เนื่องจากจัดสรรไปช่วยชาวนาเป็นจำนวนมาก
เงินที่เคนอุดหนุนให้โรงพยาบาลเริ่มไม่พอ โครงการ 30 บาทจึงกลับมาใช้
และเมื่อกลับถึงบ้าน จึงเห็นข่าวขาก นสพ.ผู้จัดการออนไลน์ว่า


ธ.ก.ส.ถูกลอยแพ !
3 พฤศจิกายน 2555 17:26 น.


       หนี้สาธารณะคงค้างของประเทศไทยล่าสุด ณ เดือนสิงหาคม 2555 แตะหลัก 5.01 ล้านล้านบาทแล้ว
       
       คิดเป็นร้อยละ 44.89 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP
       
       แม้จะยังห่างเพดานร้อยละ 60 ของ GDP อยู่อีกมากแน่ก็ใช่ว่าจะวางใจได้ เพราะจากนี้ไปยอดหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นพรวดพราด
       
       แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 ที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติเมื่อเดือนที่แล้ว ประเทศไทยจะก่อหนี้ใหม่อีก 9.59 แสนล้านบาท แบ่งเป็น
       
       1. กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 3 แสนล้านบาท
       
       2. กู้ตามพ.ร.บ.บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ 3.4 แสนล้านบาท
       
       3. กู้ตามพ.ร.ก.กองทุนประกันภัย 4.9 หมื่นล้านบาท และ...
       
       4. กู้มาให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อและ/หรือค้ำประกันเงินกู้ให้รัฐวิสาหกิจ 2.4 แสนล้านบาท
       
       จำเป็นต้องพูดว่ายอดที่ 1 ที่จะต้องกู้ให้หมดภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ตามเงื่อนไขในพ.ร.ก.นั้นเป็นการกู้มากองไว้ก่อนทั้งจำนวน โดยต้องเสียดอกเบี้ย เพราะโครงการยังไม่มีรูปธรรมชัดเจนในวันนี้ ต้องรอผลการประกวดแนวคิดที่บริษัทผู้เข้าร่วมประมูล 8 กลุ่มจะเสนอเข้ามาภายในสิ้นเดือนนี้ก่อน และต่อให้ได้บริษัทผู้ชนะประมูลแล้วก็ไม่ได้เบิกจ่ายไปใช้ทั้งยอด เรื่องนี้รัฐบาลยังตอบคำถามไม่ได้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
       
       แต่ที่จะพูดในวันนี้คือยอดที่ 4 สุดท้ายนั้นเป็นไปตามโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรในฤดูการผลิต 2555/56 เสีย 1.5 แสนล้านบาท
       
       โครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดเป็นส่วนหนึ่งของกรอบวงเงินนี้ !

       
       ที่ต้องจับตาเพราะยอดเงินที่ต้องใช้ในทั้งโครงการในฤดูการผลิต 2555/56 ที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติไปเช่นกันนั้นคือ 4.05 แสนล้านบาท ไม่ใช่ 1.5 แสนล้าน
       
       ซึ่งแปลว่าโครงการนี้ยังขาดเงินอยู่อีกมากกว่า 2.5 แสนล้านบาท
       
       กระทรวงการคลังแจ้งคณะรัฐมนตรีในหนังสือลงวันที่ 18 กันยายน 2555 (ลงนามโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.) และ 3 ตุลาคม 2555 (ลงนามโดยนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.) ว่าส่วนที่ขาดขอให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธ.ก.ส. ระดมเงินจากตลาดเงินหรือจากเงินฝากด้วยตัวเอง หรือถ้าต้องกู้ กระทรวงการคลังจะจัดการให้ แต่จะไม่ค้ำประกันให้
       
       เพราะโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรนี้กินวงเงินเข้าไปร้อยละ 55 ของกรอบวงเงินที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้
       
       หรือถ้ารวมทั้งหมดที่เป็นของฤดูการผลิตนาปรัง 2555 ที่จะต้องจัดหาให้อยู่ก็จะสูงถึงร้อยละ 66
       
       ทำความเข้าใจสักนิดว่าพ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 มาตรา 25 ประกอบมาตรา 28 กำหนดเกณฑ์ไว้ว่าเงินกู้ที่รัฐจะให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานในกำกับ หรือสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อไปใช้ในโครงการที่รัฐบาลเห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการค้ำประกันเงินกู้ด้วย ในปีงบประมาณหนึ่งจะมีได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่านั้น
       
       กรอบวงเงินที่ว่านี้ในปีงบประมาณ 2556 คือ 4.8 แสนล้านบาท
       
       โครงการรับจำนำข้าวซัดเข้าไปแล้ว 2.69 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการกู้ในปีการผลิตใหม่ 1.5 แสนล้านบาทที่กล่าวไว้เบื้องต้น ซึ่งก็ยังไม่พอ บวกกับการกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของปีการผลิต 2551/52 และ 2554/55 อีก 1.13 แสนล้านบาท
       
       ตั้งแต่ปีการผลิต 2547 เป็นต้นมา รัฐต้องรับภาระต้นเงินและดอกเบี้ยที่ใช้ในโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรและรับจำนำข้าว รวมทั้งประกันรายได้เกษตรกร รวมทั้งสิ้น 7.87 แสนล้านบาท มีผลขาดทุน 2.07 แสนล้านบาท มีหนี้คงค้างทั้งสิ้น 4.55 แสนล้านบาท และยังไม่สามารถปิดโครงการได้อย่างสมบูรณ์ ในหนังสือจากกระทรวงการคลังฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม 2555 ตอนท้ายของข้อ 2.1 หน้า 2 กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า
       
       "เป็นภาระงบประมาณที่สูงมาก จำเป็นต้องปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากระบายสินค้าเกษตรได้ช้าและไม่มีงบประมาณเพียงพอ..."
       
       และที่ชัดเจนขึ้นไปอีกคือข้อ 2.2 หน้า 3 ขอคัดมาให้อ่านกันทั้งหมด โดยขอแยกเป็น 2 ย่อหน้า
       
       "เนื่องจากวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลิตผลทางเกษตร ปีการผลิต 2554/55 เป็นวงเงินที่สูงและเป็นภาระต่อเนื่องต่องบประมาณ ทั้งในส่วนเงินทุนธ.ก.ส. กรอบวงเงินกู้เดิม และส่วนที่อยู่ระหว่างขยายปริมาณและกรอบการใช้เงิน (กรณีพิเศษ) เพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 408,160 ล้านบาท (90,000 + 268,660 + 49,500) รวมทั้งกินวงเงินค้ำประกันของโครงการลงทุนของประเทศของหน่วยงานอื่น ๆ ดังนั้น หากจะมีการดำเนินโครงการต่อเนื่อง ควรมีการวิเคราะห์และประเมินผลของโครงการที่ได้ดำเนินการแล้ว รวมทั้งนโยบายการระบายผลิตผลทางการเกษตรที่รับจำนำ อย่างเป็นรูปธรรม ก่อนดำเนินโครงการใหม่ซึ่งใช้วงเงินสูงถึง 405,000 ล้านบาท ทำให้ภาระงบประมาณเพิ่มสูง หากยังไม่มีการระบายผลผลิตโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตรดังกล่าวจะส่งผลต่อความสามารถของกระทรวงการคลังในการค้ำประกันเงินกู้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/56...
       
       “และหากกรณีระบายผลิตผลที่รับจำนำไว้ได้ภายใน 3 ปี จะมีภาระการบริหารปรับโครงสร้างหนี้เฉลี่ยปีละ 224,553 ล้านบาท ซึ่งกระทบต่อการระดมทุนในตลาดเงินที่มีสภาพคล่องตึงตัว ทั้งในด้านต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้น และเป็นภาระงบประมาณเพิ่มสูงขึ้นต่อไป...”

       
       แปลไทยเป็นไทยว่าเราจะมีภาระหนี้เพิ่มปีละประมาณ 3 แสนล้านบาทบวกลบ เฉพาะจากโครงการนี้
       
       หนังสือกระทรวงการคลังทั้ง 2 ฉบับที่ลงนามโดยรมว.และรมช.นี้ จัดทำโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) สำนักจัดการหนี้ 2 มีความยาว 8 หน้าและ 6 หน้าตามลำดับ กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด
       
       ข้อความบางตอน โดยเฉพาะข้อ 2.6 หน้า 4 ในหนังสือฉบับ 3 ตุลาคม 2555 อ่านความระหว่างบรรทัดได้ว่าโครงการนี้เฉพาะตัวนโยบายถือว่าล้มเหลวโดยพื้นฐาน
       
       ตอนหนึ่งคือข้อ 2.3 ในหนังสือฉบับเดียวกันระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 29 มีนาคม 2555 และวันที่ 1 พฤษภาคม 2555
       
       และมีข้อเสนอแนะอย่างจริงจัง หนักแน่น แต่สุภาพ ไว้ประมาณ 10 ข้อ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
       
       1. จะไม่มีการค้ำประกันเงินกู้ให้ธ.ก.ส.อีกแล้วนอกเหนือไปจาก 1.5 แสนล้านบาท
       
       2. อุดช่องโหว่ในการปฏิบัตินโยบาย โดยเฉพาะการบันทึกหนี้ให้ทันเหตุการณ์
       
       3. ให้เร่งระบายขายข้าวออก

       
       หนังสือกระทรวงการคลังทั้ง 2 ฉบับ (ด่วนที่สุด ที่ 0904/16437 และด่วนที่สุด ที่ 0904/17560) คือหลักฐานและคือใบเสร็จที่มีต่อโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคาสูงกว่าราคาตลาดเกือบร้อยละ 50 เป็นอย่างดียิ่ง ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว
       
       ขอชื่นชมข้าราชการกระทรวงการคลัง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ที่บอกเล่าเรื่องราวสู่สาธารณะได้อย่างคลาสสิกยิ่ง
       
       ธ.ก.ส.จะทำอย่างไรต่อ ลูกค้าเงินฝากธ.ก.ส.จะรู้สึกอย่างไร หากได้ทราบเนื้อความในหนังสือทั้ง 2 ฉบับนี้ทั้งหมด
       
       ขอย้ำความในตอนสุดท้ายของหนังสือด่วนที่สุด ที่ 0904/17560 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2555
       
        “...วงเงินส่วนที่เหลือ เห็นควรให้ธ.ก.ส.ระดมเงินจากตลาดและเงินฝาก ธ.ก.ส. ตามกรอบของพระราชบัญญัติธ.ก.ส.เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอ ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ให้โดยไม่ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว”
       
       แปลไทยเป็นไทยง่าย ๆ สั้น ๆ ตามที่จั่วหัวไว้ข้างต้นนั่นแหละ...
       
       ธ.ก.ส.ถูกลอยแพ !

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000134575

บันทึกไว้เป็นข้อมูลเพื่อทราบครับ


ชักจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาซะแล้ว..ครับ

จำนำข้าวถังแตก! รมช.คลังแจงครม.ก่อหนี้บานลอยแพ ธกส. ขู่ไม่ค้ำประกัน
ข่าวหน้า 16 November 2555 - 00:00

      เปิดเอกสารกระทรวงการคลังส่งถึงคณะรัฐมนตรี ผงะ! ชำแหละ "รับจำนำข้าว” สร้างภาระงบประมาณอย่างหนัก พบมีภาระหนี้เพิ่มตกปีละ 2.2  แสนล้านบาท และเอื้อประโยชน์ส่งออกให้ประเทศอื่น แฉมีการรายงานผลขัดกับมติ ครม. จี้พาณิชย์กำกับ-ควบคุมรายงานความคืบหน้า "คำนูณ” เตือนธนาคารเพื่อการเกษตรฯ ระวังถูกลอยแพ หลังคลังจะไม่ค้ำประกันเงินกู้ให้ ขณะที่บอร์ด ธ.ก.ส.เมินร่วมประชุม "เหลิม” โวยลั่นจะฟ้องนายกฯ
      โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังพบปัญหาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้เผยแพร่หนังสือด่วนที่สุด ที่ กค.0904/17560 ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ลงนามโดยนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 3  ตุลาคม เรื่อง “รายงานผลการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 และพิจารณาปริมาณและวงเงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56” โดยเสนอต่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือดังกล่าวมีทั้งหมด 6 หน้า โดยระบุถึงปัญหาและความห่วงใยต่อโครงการรับจำนำข้าวไว้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญคือ ในตอนท้ายของข้อ 2.1 ระบุไว้ว่า "...เป็นภาระงบประมาณที่สูงมาก  จำเป็นต้องปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากระบายสินค้าเกษตรได้ช้าและไม่มีงบประมาณเพียงพอ ดังนั้นก่อนการดำเนินโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตรต่อไป จึงควรมีการประเมินผลกระทบโครงการและแนวทางการบริหารจัดการวงเงินสำหรับการดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรม"
           หนังสือระบุว่า 2.2 เนื่องจากวงเงินดำเนินโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2554/55 เป็นวงเงินที่สูงและเป็นภาระต่อเนื่องต่องบประมาณ ทั้งในส่วนเงินทุน ธ.ก.ส. กรอบวงเงินกู้เดิม และส่วนที่อยู่ระหว่างขยายปริมาณและกรอบการใช้เงิน (กรณีพิเศษ) เพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 408,160  ล้านบาท (90,000+268,660+49,500) รวมทั้งกินวงเงินค้ำประกันของโครงการลงทุนของประเทศของหน่วยงานอื่นๆ 
      ดังนั้นหากจะมีการดำเนินโครงการต่อเนื่อง ควรมีการวิเคราะห์และประเมินผลของโครงการที่ได้ดำเนินการแล้ว รวมทั้งนโยบายการระบายผลิตผลทางการเกษตรที่รับจำนำอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนการดำเนินการโครงการใหม่  ซึ่งใช้วงเงินสูงถึง 405,000 ล้านบาท ทำให้ภาระงบประมาณเพิ่มสูง หากยังไม่มีการระบายผลผลิตโครงการรับจำนำผลิตผลทางเกษตรดังกล่าว จะส่งผลต่อความสามารถของกระทรวงการคลังในการค้ำประกันเงินกู้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56
      “และหากกรณีระบายผลิตผลที่รับจำนำได้ใน 3 ปี จะมีภาระการบริหารการปรับโครงสร้างหนี้เฉลี่ยปีละ 224,553 ล้านบาท ซึ่งกระทบต่อการระดมทุนในตลาดเงินที่มีสภาพคล่องตึงตัว ทั้งในด้านต้นทุน การกู้เงินที่สูงขึ้น และเป็นภาระงบประมาณเพิ่มสูงขึ้นต่อไป” หนังสือระบุ
นอกจากนี้ ข้อ 2.3 หนังสือของกระทรวงการคลังยังระบุอีกว่า การรายงานผลการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ดังกล่าว ไม่สอดคล้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2555 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะต้องกำกับ ติดตาม ควบคุม รวมทั้งรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงาน การเบิกจ่าย การระบายสินค้า ปริมาณและมูลค่าสินค้าคงเหลือ รวมทั้งปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น สำหรับโครงการที่ดำเนินการในปีการผลิต 2554/55 ทุกโครงการ...
      แม้ในข้อ 2.6 กระทรวงการคลังจะระบุว่า “โครงการรับจำนำข้าวเปลือก เป็นโครงการที่ดีที่ช่วยเหลือเกษตรกร” แต่กระทรวงการคลังก็ได้เตือนด้วยเช่นกันว่า “การรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ด ควรมีมาตรการวางแผนการรับจำนำที่ดี  และควรดูแลเรื่องข้าวสวมสิทธิ์จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในอนาคตเมื่อมีการเปิดเสรีอาเซียนในปี 2558 นอกจากนั้นโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของประเทศไทยส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้น ประเทศส่งออกรายอื่นได้ประโยชน์
      ดังนั้น เพื่อลดภาระของประเทศไทยและผลประโยชน์ร่วมกันของกลุ่มประเทศผู้ผลิตข้าว จึงควรจะได้มีการรวมกลุ่มประเทศผู้ส่งออก โดยกำหนดราคาขั้นต่ำในการส่งออกและร่วมกันตั้งกองทุนเพื่อรักษาระดับราคาข้าวขึ้น ซึ่งจะทำให้รายได้ของเกษตรกรของประเทศผู้ผลิตสูงขึ้น"
      ที่น่าสนใจข้อ 2.10 ของหนังสือกระทรวงการคลัง ระบุด้วยว่า เนื่องจากเงินค้ำประกันในปีงบประมาณ 2556 มีจำกัด กระทรวงการคลังเห็นควรจัดสรรวงเงินกู้ไม่เกิน 150,000 ล้านบาท สำหรับเป็นการหมุนเวียนในการดำเนินโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลทางการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล โดยโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 เป็นส่วนหนึ่งของกรอบหนี้ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินกู้และดอกเบี้ย  รัฐบาลรับภาระชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยจากเงินกู้ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินโครงการทั้งหมด 
      “วงเงินส่วนที่เหลือเห็นควรให้ ธ.ก.ส.ระดมเงินจากตลาดและเงินฝาก ธ.ก.ส.ตามกรอบของพระราชบัญญัติ ธ.ก.ส.เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ให้โดยไม่ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว” หนังสือระบุ
      นายคำนูณเปิดเผยว่า ตนได้รับหนังสือจากข้าราชการจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะที่มีความเป็นห่วงประเทศชาติ และหนังสือดังกล่าวที่เสนอเตือนรัฐบาลไปมี 2 ครั้ง โดยฉบับแรกลงวันที่ 18 กันยายน 2555 ที่ลงนามโดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการคลัง และฉบับดังกล่าวที่มีเนื้อหาสาระใกล้เคียงกันโดยได้นำเสนอต่อ ครม.
      เขากล่าวว่า เนื้อหาของหนังสือ 2 ฉบับ สะท้อนปัญหาของโครงการรับจำนำข้าว 3 ประการหลักๆ คือ
        1.การอนุมัติข้าวนาปี วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท   ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต้องระดมเงินจากตลาดและเงินฝาก โดยกระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกัน
        2.ให้กระทรวงพาณิชย์ต้องระบายข้าวให้เร็ว กระทรวงการคลังจะไม่ต้องกู้เงิน
        3.มาตรการอุดช่องโหว 10 ข้อตามเอกสาร ที่เห็นว่าการจ่ายเงินให้โครงการดังกล่าวไม่คุ้มค่า

      นายคำนูณระบุว่า เอกสารดังกล่าวนี้เป็นเอกสารชัดเจนยิ่งกว่าใบเสร็จ ที่ทำให้เห็นว่าการรับจำนำข้าวที่ราคาสูงกว่าท้องตลาด 50% เป็นปัญหา และรัฐบาลไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะข้อมูลไม่ได้มาจากนักวิชาการ ฝ่ายค้าน หรือ ส.ว.  แต่เป็นคนในรัฐบาลเสนอเอง โดยเฉพาะการลงนามในฉบับแรกโดยนายกิตติรัตน์ และฉบับ 2 ของนายทนุศักดิ์ จึงอยากถามว่า นายกิตติรัตน์หัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะตอบเรื่องนี้อย่างไร และจะมีความเห็นขัดแย้งกันเองหรือไม่
      ส.ว.ผู้นี้ได้เคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “ธ.ก.ส.ถูกลอยแพ” ตามข้อ 2.10 ที่ระบุว่า “...วงเงินส่วนที่เหลือ เห็นควรให้ ธ.ก.ส.ระดมเงินจากตลาดและเงินฝาก  ธ.ก.ส.ตามกรอบของพระราชบัญญัติ ธ.ก.ส.เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอ ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ให้โดยไม่ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว
      นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาโครงการรับจำนำข้าวว่า ขณะนี้การรับจำนำข้าวนาปรังที่มีโควตา 14  ล้านตันนั้น ตอนนี้มีการรับจำนำเกินโควตา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดคือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไม่มีเงินเพียงพอจ่ายให้คนที่นำข้าวเข้าจำนำ
      แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  เผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ให้มีการพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อดูแลและบริหารจัดการเรื่องการใช้จ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 2555/56 เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับ ธ.ก.ส. หากการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวมีปัญหา
      “จากการหารือในเบื้องต้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็แสดงความเห็นด้วย เพราะเห็นว่าการดำเนินการในโครงการดังกล่าวต้องมีการบริหารจัดการเรื่องการใช้จ่ายเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามโครงการรับจำนำข้าว” แหล่งข่าวกล่าว
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว โดย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ได้สั่งให้ ธ.ก.ส.ไปหาข้อมูลมา 6 หัวข้อ คือ
                  1. การเริ่มจำนำข้าวมีเมื่อไหร่
                  2. ขั้นตอนเป็นอย่างไร
                  3. มีปริมาณข้าวเปลือกเท่าไหร่
                  4. ข้าวเปลือกอยู่ที่โรงสีไหนบ้าง
                  5. ขายไปแล้วเท่าไหร่ แบ่งเป็นข้าวเปลือกเท่าไหร่ ข้าวสารเท่าไหร่ และ
                  6. ธ.ก.ส.ใช้เงินเท่าไหร่ มีกี่บริษัทที่ขอซื้อ หรือซื้อแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ขั้นตอนเป็นอย่างไร
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิมทราบว่าผู้อำนวยการ ธ.ก.ส. ไม่มาร่วมประชุมและส่งตัวแทนมาประชุม ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมไม่พอใจมาก และมอบให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะกรรมการรวบรวมรายชื่อของผู้บริหารที่ไม่มาประชุมเสนอรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรี พร้อมสาเหตุที่ไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ และให้ทำอย่างนี้กับทุกคณะที่ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นประธานการประชุม
      ทางด้านนางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เผยว่า กรม ได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกข้าวในปี 2556 ไว้ที่ปริมาณ 8.5 ล้านตัน มูลค่า  5,700 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายปี 2555 ที่คาดว่าจะส่งออกได้ 7.3-7.5 ล้านตัน มูลค่า 4,948 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 16.44% และ 15.20% และจะทำให้ไทยเป็นแชมป์ในการส่งออกข้าว ทั้งปริมาณและราคาได้อย่างแน่นอน เพราะในปี 2556 คาดว่าเวียดนามจะส่งออกได้ประมาณ 7 ล้านตัน และอินเดียส่งออกได้ประมาณ 7-8 ล้านตัน.


http://www.thaipost.net/news/061112/64753
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #7377 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2555, 16:08:15 »

ธ .ก.ส อาจจะเป็นอุธาหรณ์ ให้อีกหลายธนาคาร
 ที่ดำเนินการตามนโยบาย ประชานิยมของรัฐบาล
ไม่ว่า จะเป็นออมสิน กรุงไทย  SME และอื่นๆ
ถึงเวลาตัวใคร ตัวมัน คนที่ได้หน้า ก็ได้ประโยชน์ไป แล้ว
คนตามหลังก็แก้ไขเอาเอง
นี่แหละการบริหารงานของไทย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7378 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 12:42:49 »

พี่'อร

ฝ่ายข้าราชการประจำ หรือฝ่ายทำงานไม่น่าจะเกรงกลัวฝ่ายการเมืองจนเกินเหตุ
จะอ้างว่าประชาชนเลือกเขามา ก็ไม่ต่าง เพราะตอนเราเข้าก็ต้องสอบเข้าเช่นกัน
ระบบเลือกตั้ง หรือระบบสอบเข้านั้น ฝ่ายการเมืองกลัว"ระบบสอบเข้า"มากที่สุด !! ??
เพราะ"ระบบเลือกตั้ง" เราจึงได้ควายเข้าสภาฯ เยอะแยะเลย ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7379 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 12:49:16 »

3 วันที่ผ่านมา (จันทร์-พุธ) มีภาระกิจครับ

1.ติดตามเรื่องการเตรียมงานรับจำนำมันสำปะหลัง ซึ่งบอกว่าจะเริ่มเปิดโครงการตั้งแต่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา
   ทราบว่า ขณะนี้รอ ครม.อนุมัติ และคาดว่ายังต้องรออีกนาน เพราะไม่มีเงิน ?? !! ??
   อีกทั้งโกดังสำหรับใส่สินค้าก็ยังไม่ว่าง เพราะมีมันเส้นในโครงการปี 2551/52 และปีที่แล้ว 2554/55 อีกกว่า 1.3 ล้านตัน กองรอขายให้จีน ซึ่งส่ง จนท.ไปตรวจสอบตามโกดังเก็บต่างๆ และขนย้ายกลับไปลงเรือเฉพาะส่วนที่ตรวจผ่าน ส่วนของสินค้าปี 2551/52 เสื่อมสภาพและมีการสับเปลี่ยนเอาดิน-ทรายมากองแทน ส่วนของจริงหายไปโดยไม่ทราบวี่แวว ??

2.ติดตามเรื่องการขายสินค้าข้าวสาร ตามโครงการ G-to-G
   ขณะนี้ไม่มีรายละเอียดในมือ แต่ทราบอย่างไม่เป็นทางการว่า ไม่มีใครเห็นสัญญาขายตัวจริง ??

3.ติดตามผลการเลือกตั้ง ปธน.ของสหรัฐ  แบบตามยุคตามสมัย ซึ่งคงทราบผลกันแล้วว่า โอบามา กลับคืนทำเทียบขาวเป็นรอบที่ 2
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7380 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 12:59:12 »

วันจันทร์ที่ 5 จึงมีนัดถกสถานการณ์ด้านสินค้าเกษตรของประเทศไทยและข้างเคียง VS สรอ. กับกงสุลฝ่ายเกษตร ของสถานฑูตอเมริกันประจำประเทศไทย ในโอกาสมารับตำแหน่งในประเทศไทย และขึ้นไปเยี่ยมถึงจังหวัดนครสวรรค์





ต่างฝ่ายต่างแลกของเยี่ยม ซึ่งกันและกันครับ






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7381 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:01:32 »

ภาคผู้ประกอบการค้าข้าวเปลือกและโรงสีข้าวในจังหวัดนครสวรรค์ก็มาร่วมถกหารือฯ ในครั้งนี้ด้วย



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7382 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:07:20 »

ใกล้จะถึงวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งจะร่วมเดินทางกับคณะของ RCU 2514 ซึ่งมีพี่ประทาน ป้อมจักรศิลป์ นำทัวร์ไปซาปาแล้วละครับ

      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #7383 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:09:02 »

แลกเปลี่ยนอะร๊ายยยยกันอ่ะเหยง ...
ในขวดนั่น ... สินค้าเกษตรรึ?
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #7384 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:10:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 08 พฤศจิกายน 2555, 13:07:20
ใกล้จะถึงวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งจะร่วมเดินทางกับคณะของ RCU 2514 ซึ่งมีพี่ประทาน ป้อมจักรศิลป์ นำทัวร์ไปซาปาแล้วละครับ

อู๊! ... 1-10 ธันวาคม 55 ข้อยไปราชสถาน อินเดียฮิ!
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7385 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:12:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ ทราย 16 เมื่อ 08 พฤศจิกายน 2555, 13:09:02
แลกเปลี่ยนอะร๊ายยยยกันอ่ะเหยง ...
ในขวดนั่น ... สินค้าเกษตรรึ?


ไวน์ขาวปี 2009 จากอเมริกา ผลิตจากองุ่นใน San Francisco Bay
กงสุลบอกว่าทานกับเนื้อปลาขาว แต่คนไทยทานกับส้มตำคงเข้าท่ามากๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7386 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:13:01 »

ชาวซีมะโด่งจำนวนหนึ่ง ประมาณ 20 คน จะเดินทางไปรับไอหนาวที่ซาปา เมืองเหนือสุดของเวียตนาม
ประกอบด้วยเมืองฮานอย ลาวไก ฮาลองเบย์ นิงห์บิงห์ เวลา 5 วัน 4 คืน ใช้สายการบินการ์ต้า แอรืเวย์ QR
กำหนดช่วงเดินทาง เสาร์ที่ 1- พุธที่ 5 ธันวาคม 2555 โดยใช้บริการของ บริษัท ไทยโมเดิร์น ทราแวล จำกัด
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7387 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:13:06 »

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม 2555
วันแรก: กรุงเทพ - ฮานอย - ฮาลองเบย์ - ไนท์มาร์เก็ต ฮาลอง

10.00 น.   พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาท์เตอร์ Q ประตูทางเข้าที่ 8
                จะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ไทยโมเดิร์น ทราแวล จำกัด คอยอำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน

12.50 น.   ออกเดินทางสู่ กรุงฮานอย ประเทศเวียตนาม โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 614
14.50 น.   ถึง สนามบินนอยไบ กรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทสเวียตนาม ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
                เดินทางสู่ อ่าวฮาลอง ระหว่างทางชมทัศนียภาพของหมู่บ้านในชนบท และชาวนากับควายที่กำลังทำงาน
                อยู่ในทุ่งนาข้าวอันกว้างใหญ่ (ใช้เวลาเดินในการเดินทางทางประมาณ 3 ชั่วโมง)

ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
                อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกที่ ไนท์มาร์เก็ตฮาลอง ที่ตลาดแห่งนี้ มีสินค้าพื้นเมืองให้ทุกท่านได้เลือก
                อย่างมากมาย สินค้าราคาถูกหลากหลาย เหมาะอย่งยิ่งที่ทุกท่านจะได้เลือกซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน เช่น
                กระเป๋าผ้าไหม, ไม้หอมแกะสลัก, กระเป๋าปักเลื่อม, เสื้อผ้าชุดอ่าวหญ๋าย (ชุดประจำชาติเวียตนาม) เป็นต้น

                พักที่ Heritage Halong Hotel (ระดับ 4 ดาว) หรือเทียบเท่า
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7388 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:13:11 »

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2555
วันที่สอง: ล่องเรืออ่าวฮาลองเบย์ - ฮานอย - Hanoi Old Quarter - ลาวไก

เช้า           รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแีรม
                จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือ เพื่อล่องเรือชมความงามตามธรรมชาติที่สร้างสรรค์ด้วยความงดงาม
                ดังภาพวาดโดยจิตรกรอ่าวฮาลองประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 1,900 เกาะ ได้รับการประกาศเป็น
                มรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก อ่าวแห่งนี้เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนมากมาย ระหว่างการล่องเรือท่านจะได้รับ
                ชมความงามของเกาะแก่งต่างๆ ทั้งเกาะหมา เกาะแมว เกาะไก่ชน ฯลฯ ถ้ำนางฟ้า ชมหินงอก-หินย้อย
                มากมายล้วนแต่สวยงาม และน่าประทับใจยิ่งนัก ถ้ำแห่งนี้เพิ่งถูกค้นพบ
                ไม่นานมานี้ ซึ่งมีการประดับแสงสีตามผนังและมุมต่างๆ ในถ้ำมีบรรยากาศที่ท่านจะสัมผัสกับความสวยงาม
                ตามธรรมชาติที่เสริมแต่งโดยมนุษย์ แสงสีที่ลงตัวทำให้เกิดจินตนาการรูต่างๆ มากมาย ทั้งรูปมังกร
                เสาค้ำฟ้าทั้ง 4 เสา รูปปีกอินทรีย์ รูปนางฟ้า รูปคู่รักหนุ่มสาว รูปพระพุทธรูป ฯลฯ ตลอดจนเลือก
                ซื้อสินค้าที่ระลึกต่างๆ ตามอัธยาศัย ได้เวลาอันสมควรนำท่านกลับสู่เรือ เพื่อเดินทางกลับท่าเรือฮาลอง

เที่ยง         รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ (อาหารทะเล)
                 เดินทางกลับสู่ กรุงฮานอย โดยรถโค้ชปรับอากาศ จากนั้นนำท่านไปยัง Hanoi Old Quarter
                 ย่านเมืองเก่าที่มีเสหน์ และมีร้านช๊อปปิ้งมากมายให้เลือก

ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
                นำท่านเดินทางเข้า โรงแรมเพื่อทำภาะกิจส่วนตัว Day use (ห้องละ 2 ท่าน)

20.00 น.   นำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟกรุงฮานอย

21.00 น.   ออกเดินทางสู่ เมืองลาวไก โดยรถไฟตู้นอนปรับอากาศ Retraco - SP1 Compartment
                 ระยะทาง 330 กิโลเมตร

                 พักบนรถไฟ 1 คืน (4ท่าน / 1 ห้องนอน ลักษณะเป็นเตียง 2 ชั้น)

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7389 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:13:17 »

วันจัทร์ที่ 3 ธันวาคม 2555
วันที่สาม: ลาวไก - ซาปา - ภูเขาปากมังกร - หมู่บ้านเผ่าม้ง - โบสถ์ซาปา - อิสระช๊อปปิ้ง

06.00 น.    เดินทางถึง สถานีรถไฟจังหวัดลาวไก (กรุณาทำภาระกิจส่วนตัวให้เรียบร้อยบนรถไฟ)
                 นำท่านเดินทางโดยรถโค๊ชปรับอากาศสู่ เมืองซาปา (ระยะทางห่างประมาณ 30 กิโลเมตร)
                 เมืองซาปาเป็นเมืองภูเขาที่เจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสสร้างไว้เป็นสถานที่พักผ่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2465 ปัจจุบันเป็น
                 เมืองท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวียตนาม
                 เมืองซาปาตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร

07.00 น.    รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
                 นำชมทัศนียภาพบริเวณ ภูเขาปากมังกร หรือ ภูเขาฮอมรอง ซึ่งท่านจะได้ชมทัศนียภาพของทะเลหมอก
                 ที่ปกคลุมทั่วเมิองซาปา อันเป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก พร้อมนำท่านชมดอกไม้เมืองหนาวนานาพรรณ
                 บนยอดเขาอันสวยงาม สวนหิน บ้านจำลองชาวเขา และทิวทัศน์อันสวยงามของเทอกเขาฟานสีปัน และท่าน
                 สามารถมองเห็นวิวรอบเมืองซาปาได้ นำท่านชม หมู่บ้านเผ่าม้ง กั๊ต กั๊ต เป็นหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยเผ่าม้งดำ
                 ชมนาขั้นบันไดของชาวเขา  ชมบ้านของชาวม้งดำ ระหว่างเดินชมหมู่บ้าน ท่านสามารถเลือกซื้อของที่ระลึกที่
                 ทำด้วยงานฝีมือของชาวเขา นำท่านเดินทางขึ้นสู่ ภูเขาฮามลอง TRAM TON PASS
                 ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุในซาปา

เที่ยง          รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
                  จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
                  นำท่านเดินชม เมืองซาปา ยามเย็น ชม โบสถ์เก่าแก่ กลางเมืองซาปา นำท่านเที่ยวชม ตลาดเมืองซาปา
                  ซึ่งท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองมากมาย ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมของชาวเขาที่ผลิตเองและ
                  นำมาจำหน่ายในตลาดอย่างมีสีสัน

ค่ำ              รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
                  พักที่ Chau Long Hotel (ระดับ 4 ดาว) หรือเทียบเท่า


                  หมายเหตุ เมืองซาปา จะเป็นเมืองที่อยู่บนภูเขา อากาศจะหนาวเย็นตลอดทั้งปี
                                 โรงแรมส่วนใหญ่ที่ซาปาจะไม่มีแอร์ในห้องพัก จะมีเพียงเครื่องฮีทเตอร์ทำความร้อน


  
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7390 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:14:39 »

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2555
วันที่สี่: น้ำตกสีเงิน - หมู่บ้าน Taphin Village - ลาวไก - ช๊อปปิ้งชายแดน - ฮานอย

เช้า           รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
                จากนั้นนำท่านสู่ น้ำตกสีเงิน Silver waterFall ที่ขึ้นชื่อในเมืองซาปา ระหว่างทางท่านจะพบกับหมู่บ้าน
                ชาวเขาเป็นระยะๆ มีพืชผักที่เห็นเด่นชัดเป็นฟักแม้ว ปลูกเป็นล่ำเป็นสัน เหมือนอาตาข่ายสีเขียวคลุมทั้งภูเขา
                เส้นทางนี้ถือว่าสวยงามมาก ผ่านภูเขาที่สูงเสียดฟ้า  น้ำตกแห่งนี้มีความสูงประมาณ 100 เมตร
                เป็นน้ำตกที่ลดหลั่นไปเป็นชั้นๆ มองเห็นได้ระยะไกล ช่วงฤดูฝนน้ำไหลแรง

เที่ยง         รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
                จากนั้นเดินทางสู่ เมืองลาวไก ระหว่างทางแวะชม Taphin Village ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้า
                อาสัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ท่านจะได้สัมผัสกับคววามสวยงามของขุนเขา ไร่นาแบบขั้นบันได
                ที่กระจายกว้างทั่งขุนเขา ทัศนียภาพสวยงามตัดกับสายหมอกบางๆ และไอหนาวเย็นที่ท่านและคนรัก
                ต้องประทับใจไปอีกนาน จากนั้นอิสระช๊อปปิ้งที่
                ตลาดการค้าชายแดนนเวียตนาม-จีน ซึ่งจำหน่ายสินค้าของจีนและเวียตนามมากมาย

ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
                เดินทางต่อ สู สถานีรถไฟลาวไก

20.00 น.   ออกเดินทางกลับสู่ เมืองฮานอย โดนรถไฟตู้นอนปรับอากาศ TULICO - SP2 Superior Compartment
                พักบนรถไฟ 1 คืน (4 ่ทาน / 1 ห้องนอน ลักษณะเป็นเตียง 2 ชั้น)

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7391 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:14:45 »

วันพุธที่ 5 ธันวาคม 2555
วันที่ห้า: ฮานอย - นิงห์บิงห์ - ล่องเรือกระจาด - ช๊อปปิ้งถนน 36 สาย - สนามบิน -
             กลับกรุงเทพ


05.00 น.   ถึง สถานีรถไฟฮานอย นำท่านเข้าสู่โรงแรมระดับ 3 ดาว เพื่อทำภาระกิจส่วนตัว Day use

เช้า           รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
       
08.30 น.   นำท่านเดินทางสู่ นิงห์บิงห์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

11.00 น.   ถึง นิงห์บิงห์ - รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
                นำท่านลงเรือ พายเรือล่องตามแม่น้ำ Hoang Long ในช่วงแรกของการเดินทาง ท่านจะได้ชมทัศนียภาพ
                ภูเขาสองฝั่งแม่น้ำ ซึ่งมีความยาวหลายกิโลเมตร นำท่านชม ถ้ำตำกีอก ตามตำนานกล่าวว่าถ้ำนี้ถูก
                บรรจงสร้างโดย สายลมและกระแสน้ำ เมื่อครั้งที่น้ำทะเลยังท่วมถึง ซึ่งยังคงมีรอยคราบน้ำปรากฎ
                เป็นหลักฐาน ภาพที่ปรากฎในระหว่างการเดินทางหลายท่านได้เปรียบหเมือน กุ้ยหลินของจีน หรือ
                อ่าวฮาลองเบย์ เพลิดเพลินกับการนั่งเรือกระจาด ล่องเรือผ่านท้องน้ำ ที่สองข้างทางเป็นทุ่งนาข้าว
                ยามฤดูเก็บเกี่ยวก็จะมีชาวไร่-ชาวนา ทำงานให้เห็นอย่างเพลินตา สลับกับทัศนียภาพของภูเขาน้อยใหญ่
                สลับซับซ้อนราวกับภาพสามมิติ นำท่านผ่านชม วัดบิ๊กดอง ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาที่ประวัติอันยาวนาน
                เก่าแก่และมีชื่อเสียงของประเทศเวียตนามเป็นอย่างมาก

17.00 น.   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
                นำท่านเดินทางสู่ใจกลางเมือง ย่านถนน 36 สายเก่า แหล่งขายของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมือง ให้ท่าน
                ได้ช๊อปปิ้งตามอัธยาศัย ย่านถนน 36 สายเก่า มากมายไปด้วยสินค้าของฝาก ของที่ระลึก เช่น
                ตุ๊กตาทำจากไม้ กระเป๋าก๊อปปี้แบรนเนม รองเท้าก๊อปปี้แบรนด์เนม เสื้อผ้า งานไม้แกะสลัก พื้นที่ย่านนี้
                สินค้าจะจำหน่ายเป็นโซน ฯลฯ
                จากนั้นนำท่านสู่ สนามบินนอยไบ กรุงฮานอย

22.55 น.    เหิรฟ้าสู่ กรุงเทพ โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 611

00.45 น.    ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพและประทับใจในบริการ

                 จากนั้นเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาด้วย taxi ด้วยความสุข
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7392 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 13:22:20 »

คณะทัวร์ชุดนี้ ใช้บริการของบริษัท ไทยโมเดิร์น ทราเวล จำกัด
                                       ตั้งอยู่ในอาคารฟอรั่ม ทาวเวอร์ 184/52 ชั้น 15 ถนนรัชดาภิเษก ห้วยขวาง กทม. 10310
                                       โทร 02 245 1415, 02 645 3339, 02 645 4433 โทรสาร 02 245 1416
                                       www.thaimoderntravel.com


คณะทัวร์ชุดนี้ประกอบด้วย ชาวหอและครอบครัว รวม 24 ท่าน (รายชื่อจะปรากฎในลำดับถัดๆไป) รับผิดชอบ...
ค่าเดินทางรวมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าตั๋วรถไฟปรับอากาศแบบตู้นอนห้องละ 4 ท่านไปและกลับฮานอย-ลาวไก
ค่าอาหารและเครื่องดื่มทุกมื้อ รวมค่ารถโค๊ชปรับอากาศทุกเที่ยว
กระเป๋าสัมภาระน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อท่าน
ประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง มีวงเงินค่ารักษาพยาบาลท่านละไม่เกิน 500,000 บาท/ กรณีเสียชีวิต วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท

อัตรานี้ไม่รวม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ค่าบริการ และค่าช้จ่ายส่วนตัวที่ไม่ได้ระบุเอาไว้
ค่าระวางส่วนที่เกิน 20 กิโลกรัม
ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น และคนขับรถ และหัวหน้าทัวร์ ในอัตรา 100 บาท/คน/วัน (รวมลูกค้าจ่ายทิปทั้งหมดท่านละ 500 บาท)

ค่าทัวร์ในครั้งนี้ ท่านละ 19,600 บาท
หมายเหตุ: ไม่รับของแถมเป็นกระเป๋าขนาดเล็กเพื่อใส่ของใช้ส่วนตัว ลดท่านละ 200 บาท
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7393 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 17:35:28 »

ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2555 ได้จ่ายมัดจำไปแล้ว ท่านละ 10,000 บาท

ขณะนี้ ( 5 พ.ย. ถึง 15 พ.ย.) ชาวคณะทัวร์ต้องชำระเงินงวดสุดท้ายจำนวน 9,600 บาทแล้วครับ
                                         ท่านใดที่ไม่ต้องการกระเป๋าแถมจากทัวร์ จ่ายเงินเพียง 9,400 บาท
โอนเงินแล้วโปรดโทรแจ้งให้พี่ประทาน ทราบด้วยครับ


อนึ่งในช่วงต่อไปจะมีการขอ Passport โดยจัดส่งให้บริษัททัวร์ ทั้งแบบส่ง On Hand กับ EMS
โปรดเตรียม Passport ไว้ให้พร้อม โดย Passport ต้องมีอายุมากกว่า 6 เดือนด้วยครับ
ใครมี valid Day ใน Passport น้อยกว่า 6 เดือน สามารถทำใหม่ได้ทันทีครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7394 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 21:52:40 »

รายชื่อผู้ร่วมคณะ ยังไม่ได้มาครับ ที่แน่ๆ 4 หนุ่ม ครบ 1 ห้องในขบวนรถไฟคือ

1.พี่แก้ว-ปรีชา
2.พี่นพ-นภดล
3.พี่สิงห์-มานพ
4.ตัวผมเองครับ

ส่วนที่ไปเป็นคู่ เท่าที่ทราบตอนนี้มี 2 คู่
1.คู่ของพี่ปิ้ง-พี่นิภา
2.คู่ของพี่ประทาน

คงต้องฝากพี่ประทาน และผู้รู้มาเติมชื่อให้ครบในภายหลังครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7395 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2555, 22:04:55 »

ไปเวียตนามครั้งนี้ จะขึ้นไฮเวย์ ซึ่งพึ่งสร้างเสร็จในเดือนที่แล้วนี้เอง ??

เวียดนามเปิดไฮเวย์ยกระดับสายแรกสุดทันสมัยผ่านใจกลางฮานอย
24 ตุลาคม 2555 14:55 น.



ไฮไวย์ 4 ช่องจราจรระยะทางราว 9 กม. แนวเหนือใต้ เป็นทางหลวงยกระดับตลอดสายแห่งแรกของประเทศ ช่วงนี้เป็นเฟสที่ 2 ของโครงการถนนวงแหวนโครงการ 3 แต่เป็นช่วสงที่ตัดผ่านย่านหนึงของตัวเมืองขึ้นเหนือ เพื่อเชื่อมต่อกับทางหลวงเฟสที่ 1 ที่บางช่วงเป็นถนนยกระดับเช่นกัน ภูมิทัศน์ของกรุงฮานอยเปลี่ยนแปลงไม่หยุดยั้งและรวดเร็ว. -- ภาพ: Tuoi Tre Online.

       
       ASTVผู้จัดการออนไลน์ - หลังก่อสร้างมา 2 ปี เวียดนามได้เปิดใช้ทางด่วนยกระดับสายแรกของประเทศเมื่อไม่นานมานี้ ทางหลวงขนาด 4 ช่องจราจรตัดพาดจากทิศใต้ขึ้นสู่ทางตอนเหนือของกรุงฮานอย โดยผ่านกลางเมืองหลวง อำนวยความสะดวกสบายให้แก่การสัญจร และการคมนาคมขนส่ง ระหว่างใจกลางกับย่านรอบนอก
       
       ทางด่วนกระดับได้สร้างภูมิทัศน์ใหม่ที่สวยงามขึ้นในเมืองหลวงของเวียดนามซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั้ง และรวดเร็ว
       
       ปััจจุบัน ในเมืองหลวงของเวียดนามกำลังมีการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่หลายโครงการ รวมทั้งรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนใต้ดิน-บนดินสายแรก จากทั้งหมด 4 สาย ทางวงแหวนอ้อมเมือง โทลเวย์ และไฮเวย์อีกหลายสาย หากใครไม่ได้ไปเยือนฮานอยในชั่วเวลาเพียงข้ามปี กลับไปอีกครั้งหนึ่งก็จะพบว่ามีสิ่งใหม่ๆ ผุดขึ้นเสมอๆ
       
       ทางหลวงยกระดับระยะทาง 9 กม. ที่เปิดใหม่นี้ เป็นเฟสที่ 2 ของโครงการถนนวงแหวน 3 เริ่มจากเขต อ.มายหยิก (Mai Dich) ขึ้นไปทางทิศเหนือ และไปสิ้นสุดลงบริเวณทางตอนเหนือทะเลสาบเหนือ เชื่อมกับเฟสที่ 3 โครงการเดียวกัน ซึ่งได้ช่วยทำให้การคมนาคมจากท่าอากาศยานโนยบ่าย (Noi Bai) เข้าสู่ตัวเมืองสะดวกสบายยิ่งขึ้น ลดความแออัดของยวดยานบนท้องถนนเบื้องล่าง
       
       เวียดนามเปิดใช้ทางยกระดับช่วงจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองมาหลายปีแล้ว และนั่นคืออีกเฟสหนึ่งของทางวงแหวนรอบเมือง
       
       ทางหลวงยกระดับช่วงที่เพิ่งจะเปิดใช้นี้ เริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ค.2553 ด้วยความช่วยเหลือโดยตรงเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) ของรัฐบาลญี่ปุ่นมูลค่าประมาณ 69.5 ล้านดอลลาร์ ผ่านหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือ “ไจก้า”
       
       ถนนไฮเวย์วงแหวนโครงการ 3 สร้างขึ้นตามข้อมูลทางเทคนิค มีระดับความสูงต่ำตามมาตรฐานสากลในการก่อสร้างทางหลวงในเขตเมืองให้รองรับความเร็วของยวดยานได้ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พนักงานขนส่งกรุงฮานอยไม่อนุญาตให้รถยนต์สามล้อ หรือสี่ล้อขนาดเล็ก รวมทั้งรถจักรยานยนต์ใช้ทางด่วนยกระดับเฟสที่ 2 นี้
       
       เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการ ทางด่วนวงแหวนโครงการ 3 จะทำให้การคมนาคมขนส่งจากฝั่งตะวันออกของเมืองหลวงไปยังย่านอุตสาหกรรมทางฝั่งตะวันตกไม่ติดขัด และช่วยลดปัญหาการจราจรจากทิศใต้ขึ้นสู่ทางทิศเหนือ รวมทั้งจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋รายงานในเว็บไซต์ภาษาเวียดนาม.

       

 
รองนายกรัฐมนตรีเหวียนซวนฟุก (Nguyễn Xuân Phúc) เป็นประธานในพิธีเปิดใช้ทางหลวงยกระดับช่วง 9 กม. ในวันเสาร์ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นทางหลวงยกระดับตลอดสายช่วงแรกของประเทศ และตัดผ่านเข้าใกลางเมืองหลวง. -- ภาพ: Tuoi Tre Online/Tuấn Phùng.        
      2
       

       
        "ภูมิทัศน์ใหม่"
Tuoi Tre Online



       3


       4


       5


       6

 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000130071
 


      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #7396 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2555, 07:31:08 »

โปรแกรมดีน่ะเหยง
ขอให้เดินทางปลอดภัยและเที่ยวให้สนุกกันทุกคน ทุกคู่น่ะคะ
  win
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #7397 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2555, 09:12:16 »

รอชมภาพนะครับ
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #7398 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2555, 14:17:45 »

มาสวัสดีพี่เหยง และพี่ๆ ทุกท่าน ครับ

... พี่เหยง ครับ สำหรับโปรแกรม เวียดนาม ... ถ้าพอจะจัดสรรเวลาได้  "หุ่นกระบอกน้ำ" ก็น่าสนใจ ครับ น่าจะมีแห่งเดียวในโลก ที่ฮานอย






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #7399 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2555, 14:54:49 »

อจ.ทราย, ดร. มนตรี

เดี๋ยวจะบอกพี่ประทาน 14 ให้ทราบข้อมูลนี้ไว้ครับ

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 294 295 [296] 297 298 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><