ทราย 16
|
|
« ตอบ #7150 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2555, 09:10:52 » |
|
ฮือ ฮือ ฮือ ... ช่วง 8-13 ตุลา นี่จะต้องพานักศึกษา ป.โท-เอก 18 คน ไปดูงานภาคสนามบนเส้นทาง ... สระบุรี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลฯ ... มีแต่แผนหนึ่ง ยังไม่ได้คิดถึงแผนฯ 2 เลยง่ะ ขอให้ 'แกมี' กลับใจ ... สาธุ
|
|
|
|
|
ทราย 16
|
|
« ตอบ #7152 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2555, 15:35:20 » |
|
เวลา 15.32 น. ฝนตกหนักมั๊กๆแถวพุทธมณฑลสาย 2- สาย 3 ... สงสัย 'แกมี' มาถึงก่อนเวลามั๊ยเนี๊ยยย ...
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7153 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2555, 09:28:59 » |
|
...เมื่อวานพัทยาอากาศดีทั้งวันเลยค่ะ...ไม่ร้อนมาก...
...มีฝนตอนเย็นๆนิดหน่อย...ตกมาปรอยๆ...
...พอให้ต้นไม้ได้สดชื่นค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #7154 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2555, 10:57:04 » |
|
ตอนนี้ืี่ที่บางบัวทอง ฝนตก หนักปนเบาตลอดตั้งเช้ามืดแล้วค่ะ แต่น้ำยังไม่ท่วม ระบายน้ำได้ทัน ดีใจ ดีใจ
|
|
|
|
nok15
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 529
|
|
« ตอบ #7155 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2555, 14:59:40 » |
|
หวัดดีอร คิดเหมือนเค้าเลย...กำลังดีใจว่าคุณน้ำยังไม่มาแต่อันที่จริงเค้าแอบดีใจ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วเพราะอ่านข้อมูลจากห้องของพี่สิงห์ พอมีคนที่มีความรู้สึก เหมือนกันเขียนมาก็มาแจมด้วย ข้อมูลที่ได้จากกระทู้ของน้องเหยงและพี่สิงห์เจ๋งกว่าข้อมูลที่ได้จากรัฐบาลเสียอีก .....ไว้ไปคุยต่อที่ห้องของอรนะ ขอบคุณน้องเหยงเจ้าของห้องนะคะ Nok15
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7156 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2555, 22:15:28 » |
|
พี่ตู่ พี่'อร พี่นก และดร.มนตรี
มีเป็นบางจุดที่ฝนตกหนัก อาทิ จังหวัดอุทัยธานี ฝนตกหนักตลอดเมื่อคืนนี้
แต่ไม่มีปัญหาการระบายน้ำ เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำสะแกกรัง ยังต่ำอยู่ รองรับปริมาณน้ำฝนที่ตกได้สะบาย
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7158 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2555, 22:25:50 » |
|
ภาพจากดาวเทียมเมฆหนาทึบที่ปรากฎอยู่ในตอนกลางของประเทศไทยคือ หย่อมความกดอากาศต่ำแกมี gaemi ซึ่งกำลังพัดไปยังประเทศพม่า
พร้อมๆกับการสลายตัวลงไปเรื่อยๆ พร้อมฝนที่ตกลงมาสร้างความชุ่มชื้นให้กับบริเวณนั้น
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7159 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2555, 22:30:12 » |
|
คาดว่า หมดจาก"พระพิรุณ" แล้ว จะไม่มีพายุในปีนี้อีกแล้ว
น้ำในเขื่อน หรือในอ่างสำคัญๆ ยังมีน้ำในปริมาณที่น้อย
ภาวนาให้มีฝนตกต่อไปอีก เพื่อเติมเขื่อนและอ่างให้เต็ม
เราพร่องน้ำทิ้งไปมาก ด้วยเหตุเป็นโรคจิตที่กลัวน้ำท่วมจนเกินกว่าเหตุ
หากปีหน้า เกิดแล้งน้ำ ความร้อนสูงจะลำบากมาก และจะพบบทพิสูงจน์ว่า
น้ำท่วม หรือ ฝนแล้ง อะไรจะดีกว่ากัน ?? !! โดยตั้งสมมุติฐานว่า ความสมดุลไม่มีอย่างแน่นอน ??
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7160 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2555, 09:06:31 » |
|
...พี่เอาฝนแล้งค่ะ...
...เพราะพี่กลัวน้ำท่วม...
...ถึงจะต้องขยันรดน้ำต้นไม้หน่อย...
...แต่จัดสวนที่บ้านสะดวกกว่าหน้าฝน...
...ต้องทิ้งให้ต้นไม้ขึ้นรกร้าง...
...ตัดไม่ไหวค่ะฝนชุกต้นไม้ขึ้นเร็วมาก...
...ส่วนคนที่ต้องเดือดร้อนเพราะหน้าแล้ง...
...คนที่มีส่วนรับผิดชอบน่าที่จะแก้ปัญหาได้...
...ดูญี่ปุ่นเค้าประสบภัยธรรมชาติยิ่งกว่าเรา...
...แต่คนก็ยังนิยมไปเที่ยวกันเยอะแยะเลย...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7161 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2555, 09:40:24 » |
|
...ดูข่าวทางทีวี...และหนังสือพิมพ์...
...บอกว่าที่เชียงใหม่ตอนนี้อุณหภูมิลดลงถึง 9 องศา...
...เท่ากับตอนที่พี่ตู่ไปจิวจ่ายโกวเลยนะเนี่ย...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #7162 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2555, 10:04:25 » |
|
อาจมีหิมะตกที่เชียงราย ..ตามข่าวเขาหนังสือพิมพ์
|
|
|
|
Angy20
Full Member
ออฟไลน์
รุ่น: 2520
คณะ: บัญชี
กระทู้: 252
|
|
« ตอบ #7163 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2555, 10:11:16 » |
|
จริงหรือเปล่าเชียงรายมันบ้านเรานะ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7164 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2555, 15:43:19 » |
|
พี่ตู่
ฝนแล้ง ก็ไม่ได้เงินชดเชย 5,000 บาทนะครับ แถมต้องซื้อน้ำกิน น้ำใช้ด้วย ที่สำคัญในหลายครั้งที่ผ่านๆมา ภัยแล้งก็ให้เกิดทุกพิกภัยต่างๆ รวมทั้งโจรภัยด้วย
อีกทั้งในหลายปีที่ผ่านมา ภัยแล้งในช่วงหน้าร้อน อุณหภูมิในประเทศขึ้นสูงถึง 43 องศาเซลเซียส ชาวอเิมริกาเจอแค่ 36 องศาเซลเซียสถึงเสียชีวิตแล้ว ที่น่าห่วงคือ เด็กและคนแก่ครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7165 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2555, 15:48:04 » |
|
ครูเริง และน้องแองจี้20
เป็นพยากรณ์ แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่รุนแรงมาก เหมื่อนเมื่อ 2 ปีก่อน ที่หิมะตกในตอนเหนือของเวียตนามเป็นครั้งแรก เราตัดต้นไม้ไปมาก ลมหนาวจากความกดอากาศสูงผ่านเข้ามาได้ ก็สามารถพาหิมะจากแผ่นดินใหญ่จีนเข้ามายังภาคเหนือของประเทศไทยได้เช่นกัน
แน่นอนว่า หากมีพายุหิมะเกิดขึ้นในประเทศไทย คนแก่ เด็กอ่อนมีปัญหาแน่นอนครับ
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7167 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2555, 16:14:10 » |
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7169 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 19:56:57 » |
|
การเมืองเรื่องข้าว นำมาลงไว้เพื่อเป็นหลักฐานครับ..........??ส.ส่งออกข้าวแฉ รบ.โกหกขายจีทูจี ห่วงชาวนาไม่รู้ตัวหายนะกำลังมาเยือน10 ตุลาคม 2555 01:09 น. นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวยันตรวจสอบทุกประเทศแล้ว ไม่มีการขายข้าวแบบจีทูจีจากรัฐบาลไทยแม้แต่เม็ดเดียว จี้แบงก์ชาติตรวจสอบว่ามีเงินเข้ารัฐจริงหรือเปล่า พร้อมเตือนชาวนาดีใจวันนี้แต่ยังไม่รู้ตัวอันตรายกำลังจะมาถึง เพราะรัฐคงอั้นไว้ได้อีกไม่นาน วันที่ 9 ต.ค. นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าว ให้สัมภาษณ์ในรายการ “คนเคาะข่าว” ผ่านทางโทรศัพท์ว่า โครงการจำนำข้าวเชื่อว่ารัฐบาลมีเจตนาดีต่อเกษตรกร แต่ความสมดุลไม่ดี ที่ผ่านมารัฐบาลอยากไล่ราคาตลาดโลกให้สูงถึงตันละ 15,000 บาทข้าวเปลือก ไล่มา 12 เดือนแล้ว ตลาดโลกไม่ยอมตาม ในประเทศก็ไม่เคยขายได้ เอกชนไม่ซื้อเพราะซื้อไปก็ขายไม่ได้ แม้ว่าราคาข้าวขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์ แต่รายรับจากการขายข้าวไปต่างประเทศลดลง 33 เปอร์เซ็นต์ เพราะราคาสูงเกินไปทำให้ขายได้น้อย ในเมื่อทดลองมาแล้ว 12 เดือน เห็นชัดเจนว่าราคานี้มันสูงเกินไป ยอดขายของผู้ส่งออกหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่รัฐบาลยังคงไม่ยอมปรับ ปกติตามกลไกตลาดถ้าขายไม่ได้ต้องลดราคา ถ้าขายได้ถึงเพิ่มราคา แต่รัฐบาลใช้ราคาตั้งโด่นี้มาทั้งปี แล้วยังจะต่อปีที่สอง ทั้งๆ ที่หนึ่งปีไม่สำเร็จก็ยังจะทำอีก ทำผู้ส่งออกข้าวลำบาก ข้าวเสียหายมาก นายวิชัยกล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่มีปัญญาระบายข้าว เอกชนก็ไม่มี เรื่องขายข้าวแบบจีทูจี (รัฐต่อรัฐ) เป็นเรื่องพิสดารมาก เพราะ 12 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว รัฐบาลชุดนี้ยังไม่มีการส่งมอบข้าวในระบบจีทูจีแม้แต่เม็ดเดียว ไม่มีหลักฐานเลยว่ามีการส่งออก เราไปตรวจสอบทุกประเทศที่รัฐบาลกล่าวว่าได้มีการขายไป เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บังกลาเทศ จีน ไอเวอรีโคสต์ เป็นไปไม่ได้เลย เพราะฟิลิปปินส์ไม่ได้ซื้อข้าวจากไทย อินโดนีเซียมีส่งออกไม่ถึง 3 แสนตัน แล้วที่ส่งมอบนี้เป็นสัญญาที่ตกลงไว้ตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน ส่วนบังกลาเทศไม่มีเลย ไอเวอรีโคสต์ ส่งออกแค่แสนตัน แล้วเป็นเอกชนที่ขายไม่ใช่รัฐบาลขาย จีนก็เป็นเอกชนขาย ประมาณ 1-2 แสนตัน ยอดทั้งหมดที่ส่งออกจากไทย ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่ารัฐบาลมีการขายข้าวให้รัฐบาลต่างประเทศ เป็นเอกชนที่ขายทั้งหมด แล้วหากรัฐบาลบอกว่าที่เอกชนขาย คือรัฐบาลขายไปต่างประเทศแล้วให้เอกชนส่งแทนที่หน้าโกดัง เป็นเรื่องพิสดาร เพราะสัญญาซื้อขายรัฐบาลต่อรัฐบาล รัฐบาลไทยต้องส่งมอบข้าว แล้วต่างชาติจ่ายเงินมาให้รัฐบาลไทย เข้าใจว่าแบงก์ชาติตรวจได้ง่ายว่ามีเงินเข้ารัฐบาลไทยหรือเปล่า ถ้ามีก็แสดงว่ามีการขายจีทูจี ถ้าไม่มีก็คือไม่มี เราเป็นพ่อค้าติดตามอยู่ทุกวันไม่เห็นเลยว่ามีการขายไปต่างประเทศ นายวิชัยกล่าวอีกว่า อยู่ๆรัฐบาลมาบอกว่าผู้ส่งออกกดราคาแล้วไม่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ทั้งๆ ที่เรารับใช้เกษตรกรมาหลายสิบปี เราขายได้ราคาสูงที่สุด แล้วเกษตรกรผลิตได้เท่าไหร่เราขายให้หมด แต่เวลานี้รัฐบาลมายุ่งเรื่องราคา เกษตรกรดีใจเห็นรัฐบาลเป็นเทวดา รับซื้อในราคาแพงขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไม่รู้สึกตัวว่าข้าวที่ปลูกมาจะระบายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ปลูกไม่ได้ อันตรายกำลังจะมาถึง แล้วมันอุ้มไปได้ไม่นาน เวลาใกล้จะหมดแล้ว อย่างไรก็ต้องโผล่ขึ้นมาว่ามันอยู่ไม่ได้ ส่วนกรณีที่นายกฯ บอกว่าเป็นเอ็มโอยูซื้อขายข้าว ตนไม่เชื่อว่ามีสัญญา แล้วการค้าขายข้าวไม่ใช่แค่เอ็มโอยู มีสัญญญาซื้อขายก็ยังใช้ไม่ได้ จนกว่าจะมีการเปิด L/C (LETTER OF CREDIT) มาให้เรา หมายความว่าไปขอให้แบงก์สัญญากับเราว่าจะจ่ายเงินให้ ถ้าส่งข้าวให้เขา แล้วถ้า L/C ไม่มาก็ไม่สำเร็จ จะอย่างไรก็แล้วแต่ถ้าการจ่ายเงินให้เราไม่มีหลักฐาน ใครจะกล้าส่งข้าวไป ไม่สำคัญว่าเป็นเอ็มโอยูหรือสัญญาซื้อขาย จนกระทั่งมี L/C ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องเปิดเผย จะมาอ้างโน่นอ้างนี่ไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องต้องห้าม จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000124040
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7170 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 20:00:53 » |
|
ตามด้วยข้อมูลวิธีการขาย ข้อหลังๆ เสียเปรียบมากๆ !!!จำนำข้าว-ระบายข้าว เปิด 11 วิธี ขาย ′จีทูจี′วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 13:45:06 น. (ที่มา:มติชนรายวัน 10 ตุลาคม 2555) การระบายข้าวแบบจีทูจี (government to government) หรือรัฐต่อรัฐ ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นแค่ตัวเลขลม ไม่มีการส่งขายออกต่างประเทศจริง
และข้าวที่อนุมัติได้ระบายหมุนเวียนขายในประเทศ ซึ่ง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำหนดเปิดแถลงชี้แจงขั้นตอนการระบายข้าวที่ถูกตั้งข้อสงสัยดังกล่าว ในวันที่ 10 ตุลาคม
ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบวิธีการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาล 5 วิธีการ ได้แก่
1.การเจรจาขายแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) 2.เปิดประมูลขายเป็นการทั่วไปให้พ่อค้าข้าวและผู้ส่งออก 3.ซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟด) 4.ขายให้องค์กรภายในประเทศหรือนอกประเทศ และ 5.บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ
โดยมอบหมายให้คณะกรรมการระบายข้าว ที่มีนายบุญทรงเป็นประธาน และมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ทำหน้าที่ในการกำหนดและกำกับดูแลการระบายข้าวที่เหมาะสมและได้ประโยชน์สูงสุด
จากการประเมินสถานการณ์การค้าข้าวโลกในปีนี้ พบว่าตลาดค้าข้าวโลกเจอปัญหาอินเดียนำข้าวในสต๊อกออกมาดัมพ์ราคาขาย ประกอบกับเศรษฐกิจโลกไม่ดีจึงหันไปซื้อข้าวราคาถูกลงแทน
ทำให้ตลาดค้าข้าวโลกต้องแข่งขันลดราคาขายตาม สวนทางกับนโยบายรัฐบาลไทยที่ต้องการเพิ่มราคาข้าวและเพิ่มรายได้เกษตรกรในประเทศ เน้นการระบายข้าวแบบจีทูจีเป็นหลัก เพราะขายได้ปริมาณสูง และได้ราคาต้นทุนที่แท้จริง
ขณะที่การเปิดประมูลระบายข้าวทั่วไป จะเจอปัญหาการเสนอซื้อในราคาต่ำ และผู้เสนอซื้อจะใช้ราคาขายข้าวอินเดีย ซึ่งเป็นราคาต่ำมาเป็นเกณฑ์ในการตั้งราคาเสนอซื้อ ทำให้ราคาที่เสนอต่ำกว่าราคาเกณฑ์กลางที่คณะกรรมการกำหนดไว้ที่คำนวณย้อนหลังจากราคาซื้อขาย 3 เดือนเป็นหลัก เช่นเดียวกับการเสนอราคาซื้อขายในตลาดเอเฟท (ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า) มักอ้างอิงราคาข้าวอินเดียในราคาต่ำ
คณะกรรมการระบายข้าวจึงหันใช้วิธีการขายแบบจีทูจี เพราะมีความคล่องตัวในเรื่องการเจรจาเงื่อนไข และมีวิธีการส่งมอบข้าว หรือ INCOTERM ปี 2010 (International Commercial Terms) ได้มากถึง 11 รูปแบบ (ข้อตกลงเงื่อนไขการขนส่ง INCOTERM 2010 หรือข้อกําหนดในการส่งมอบสินค้า หรือเงื่อนไขการส่งมอบสินค้า Incoterms ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายที่เป็นสากล กําหนดขึ้นโดยสภาหอการค้านานาชาติ หรือ International Chamber of Commerce
เพื่อให้คู่ค้าทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทราบถึงขอบเขตความรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายและความ เสี่ยงต่างๆ โดยช่วยให้ทั้งสองฝ่ายที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมมีความเข้าใจตรงกัน) ดังต่อไปนี้
1.EXW-Ex Works (...the named place)
ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้า เมื่อผู้ขายได้เตรียมสินค้าไว้พร้อมสำหรับส่งมอบให้กับผู้ซื้อ ณ สถานที่ของผู้ขายเอง โดยผู้ซื้อจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการขนส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของผู้ซื้อเอง
2.FCA-Free Carrier (...the named point of departure)
เงื่อนไขการส่งมอบ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้า เมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้รับขนส่งที่ระบุโดยผู้ซื้อ ณ สถานที่ของผู้รับขนส่งที่ผู้ขายต้องทําพิธีการส่งออกรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า และความเสี่ยงภัยระหว่างการขนส่งจากสถานที่ของผู้ขาย จนกระทั่งถึงสถานที่ของผู้รับขนส่งฯ ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการขนสินค้าและความเสี่ยงภัยต่างๆ ไปยังจุดหมายปลายทางเป็นของผู้ซื้อ
3.FAS-Free Alongside Ship (...the named port of origin)
เงื่อนไข การส่งมอบนี้ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้า เมื่อผู้ขายได้นําสินค้าไปยังกราบเรือ ณ ท่าเรือต้นทางที่ระบุไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายในการนำของขึ้นเรือ ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า ความเสี่ยงภัยในการนำของขึ้นเรือและระหว่างการขนส่งเป็นภาระของผู้ซื้อใน ทันทีที่สินค้าถูกส่งมอบไปยังกราบเรือและผู้ซื้อต้องรับผิดชอบการทําพิธีการส่งออกด้วย
4.FOB-Free On Board (...the named port of origin)
เงื่อนไขการส่งมอบนี้ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้า เมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าข้ามกราบเรือขึ้นไปบนเรือสินค้า ณ ท่าเรือต้นทาง ที่ระบุไว้ ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบการทําพิธีการส่งออกด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งความเสี่ยงภัยในการ ขนส่งสินค้าเป็นภาระของผู้ซื้อ ในทันทีที่ของผ่าน กราบระวางเรือไปแล้ว
5.CPT-Carriage Paid To (...the named place of destination)
เงื่อนไขการส่งมอบนี้ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้รับขนส่งที่ระบุโดยผู้ซื้อ ณ สถานที่ของผู้รับขนส่งสินค้าที่เมืองท่าต้นทาง ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบในการทําพิธีการส่งออกและจ่ายค่าระวางขนส่งสินค้า ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งความเสี่ยงภัยในการขนส่งเป็นภาระของผู้ซื้อในทันทีที่สินค้าถูกส่งมอบให้แก่ผู้รับขนส่งสินค้าที่เมืองท่าต้นทาง
6.CIP-Carriage and Insurance Paid To (...the named place of destination)
เงื่อนไขการส่งมอบนี้ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้รับขนส่งที่ระบุโดยผู้ซื้อ ณ สถานที่ของผู้รับขนส่งสินค้าที่เมืองท่าต้นทาง ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบในการทําพิธีการส่งออกจ่ายค่าระวางขนส่งสินค้าและค่าประกันภัยขนส่งสินค้า เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงภัยในการขนส่งสินค้าจนถึงมือผู้ซื้อให้แก่ผู้ซื้อด้วย
7.CFR-Cost and Freight (...the named port of destination)
เงื่อนไขการส่งมอบนี้ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าข้ามกราบเรือขึ้นไปบนเรือสินค้า ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบในการทําพิธีการส่งออกและจ่ายค่าระวางขนส่งสินค้า ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งความเสี่ยงภัยในการขนส่งสินค้าเป็นภาระของผู้ซื้อในทันทีที่ของผ่านกราบระวางเรือไปแล้ว
8.CIF-Cost, Insurance & Freight (...the named port of destination)
เงื่อนไขการส่งมอบนี้ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าข้ามกราบเรือขึ้นไปบนเรือสินค้า ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบในการทําพิธีการส่งออก จ่ายค่าระวางเรือ และค่าประกันภัยขนส่งสินค้าเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงภัยในการขนส่งสินค้าจนถึงมือผู้ซื้อให้แก่ผู้ซื้อด้วย
9.DAT - Delivered At Terminal (...Delivered At Terminal)
เป็นเทอมใหม่แทน DEQ (Delivered Ex Quay) จากข้อมูลเบื้องต้น เทอม DAT สามารถใช้กับการขนส่งแบบใดก็ได้รวมทั้งใช้ได้กับการขนส่งที่ต้องใช้ทั้งสองโหมด สำหรับการส่งมอบสินค้านั้นถือว่าผู้ขายได้ส่งมอบสินค้า เมื่อมีการขนถ่ายสินค้าลงจากยานพาหนะที่บรรทุกไปไว้ยังที่ที่ผู้ซื้อจัดไว้ ณ อาคารขนถ่ายสินค้าในท่าเรือหรือปลายทางตามที่ระบุไว้
10.DAP - Delivered At Place (... Delivered At Place)
เป็นเทอมใหม่แทน DAF (Delivered At Frontier), DES (Delivery Ex Ship), DEQ (Delivered Ex Quay) และ DDU (Delivered Duty Unpaid) ซึ่งทางหอการค้านานาชาติเห็นว่า ทั้งสี่เทอมดังกล่าวค่อนข้างคล้ายกันมากแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย จึงยุบรวมกันเพื่อให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น และตามข้อมูลเบื้องต้น ผู้ขายตามเทอม DAP จะต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายต่าง ยกเว้นค่าภาษีและพิธีการนำเข้า และต้องรับความเสี่ยงภัย จนสินค้าถึงจุดหมายปลายทาง
11.DDP-Delivered Duty Paid (Door to Door) (...the named point of destination)
เงื่อนไข การส่งมอบ ผู้ขายจะสิ้นสุดภาระการส่งมอบสินค้าเมื่อผู้ขายได้จัดให้สินค้าพร้อมส่งมอบ ณ สถานที่ปลายทางของผู้ซื้อซึ่งผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบ การทําพิธีการส่งออก จ่ายค่าระวางขนส่งสินค้า ค่าประกันภัยขน ส่งสินค้า และเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการนําของลงจากเรือและค่าขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่ผู้ซื้อระบุไว้ จนกระทั่งสินค้าพร้อมส่งมอบ ณ สถานที่ปลายทาง ผู้ขายต้องเป็นผู้ดําเนินพิธีการนําเข้าสินค้าให้แก่ผู้ซื้อและเป็นผู้จ่ายค่าภาษีนําเข้าแทนผู้ซื้อด้วย
การเจรจาขายข้าวจีทูจีของแต่ละประเทศ จึงมีราคาและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
บางประเทศในเอเชียนิยมซื้อหน้าคลังและว่าจ้างบริษัทมาขนย้ายข้าวจากคลัง ปรับปรุง และส่งไปกับตู้คอนเทนเนอร์ที่มีการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศตามปกติ
ไม่เหมือนการขายแบบซีไอเอฟที่ผู้ขายต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ปรับปรุงข้าว และการส่งมอบถึงท่าเรือผู้ซื้อ วิธีการนี้กระทรวงพาณิชย์จะหลีกเลี่ยงในการเจรจาจีทูจี เพราะมีขั้นตอนยุ่งยากและต้นทุนสูงกว่าการขายหน้าคลัง
โดยทุกครั้งที่มีการขนข้าวออกต้องมีการชำระเงินค่าข้าวก่อน ไม่ว่าจะเป็นรูปเงินสดหรือผ่านบัญชีชำระเงิน พร้อมกับหนังสือยืนยันการส่งออกข้าวแล้ว http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349851157&grpid=01&catid=&subcatid=
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7171 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 20:03:00 » |
|
ความเห็นของอดีตชาวนครปฐมที่เคยเป็นนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยอดีต กก.นโยบายข้าวฯ แนะรัฐแจกเงินชาวนาโดยตรงยังดีกว่าจำนำ10 ตุลาคม 2555 02:57 น. อดีตกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ แจงจำนำข้าวนอกจากขาดทุนยังต้องเสียค่าโง่อีกสารพัดรวมแล้วประมาณ 1.23 แสนล้านบาท แถมชาวนากลุ่มที่จนที่สุด 1.25 ล้านครอบครัวเข้าไม่ถึงโครงการ แนะจ่ายเงินให้โดยตรงดีกว่า ใช้งบแค่ 4 หมื่นล้าน ถึงมือชาวนาทุกคนอย่างแท้จริง ซ้ำยังตัดวงจรทุจริตได้ด้วย แต่เชื่อรัฐบาลไม่ทำเพราะโกงไม่ได้ วันที่ 9 ต.ค. นายปราโมทย์ วินิชานันท์ อดีตกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมชาวนาไทย พร้อมด้วย นางสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV โดยนายปราโมทย์กล่าวว่า ตัวเลขล่าสุดทั้งนาปี-นาปรัง รวมกันที่เข้าโครงการรับจำนำประมาณ 2.16 ล้านราย เราพบตัวเลขที่น่าตกใจว่าชาวนา ที่ทำนาปีประมาณ 1.25 ล้านครอบครัว ไม่ได้มีโอกาสเข้าโครงการรับจำนำ เพราะเป็นชาวนาที่ทำแค่ 3-5 ไร่ และทำไว้เพื่อบริโภค อยู่นอกเขตชลประทาน ทำนาได้เพียงปีละครั้ง เขาจึงไม่มีข้าวที่จะมาเข้าโครงการจำนำ ซึ่งเป็นกลุ่มชาวนาที่จนที่สุด นี่คือปัญหาที่รัฐบาลไม่ได้มอง คิดแค่หยาบๆ นายปราโมทย์กล่าวต่อว่า นอกจากขาดทุนจากการรับจำนำ ซึ่งตนคำนวณแบบหยาบๆแค่ปีแรกอยู่ที่ประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาท ยังมีค่าโง่ต่างๆตามมาอีกมากมาย ดังนี้ - พอประกาศว่าจะจำนำ 15,000 บาท/ตัน ราคาทุกอย่างแพงหมด ทั้งปุ๋ย สารเคมี ค่าแรง ที่น่าเจ็บปวดคือเดิมเสียค่าเช่าที่นา 500 บาทต่อไร่/ครั้ง แต่วันนี้ขึ้นไป 100 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นว่าเราเอาภาษีประชาชนไปจ่ายให้เจ้าของที่ดิน มันไม่ยุติธรรมต่อผู้เสียภาษี แล้วที่บอกว่าชาวนาได้แต่ต้องจ่ายโน่นนี่ กว่าจะถึงบ้านหมดพอดี - กระทรวงพาณิชย์แถลงเองว่าการบริหารจัดการโครงการนี้ใช้เงิน 1.1 หมื่นล้าน ตั้งแต่ดอกเบี้ยธกส. ค่าประกันภัย ค่าโกดัง ฯลฯ - พอบอกว่าต้องใช้กระสอบจำนวนมหาศาล 126 ล้านใบ วันนี้ต้องซื้อกระสอบใบละ 54 บาท คิดเป็นเงิน 6.8 พันล้าน เงินที่ต้องเสียให้ต่างชาติโดยไม่จำเป็น โดยที่ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ได้ประโยชน์ โรงสีต้องแห่ไปแย่งกันซื้อ เพราะไม่มีกระสอบจะใส่ - ปกติโรงสี สีข้าวแล้วขายให้ผู้ส่งออก เสียค่าบรรทุกครั้งเดียว แต่ทุกวันนี้โรงสีต้องส่งให้รัฐบาล แล้วคนประมูลข้าวก็ต้องเอารถมาขนอีกครั้งนึง คิดที่ 12 ล้านตัน จะเสียค่าขนส่ง ค่าน้ำมัน อีกประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท - ค่าจ้างโรงสี ทั้งหมด 21 ล้านตัน คูณด้วย 500 คิดเป็นตัวเลขกลมๆ อยู่ที่ประมาณ 1.05 หมื่นล้านบาท ที่ต้องแปลงข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร ซึ่งปกติโรงสีทำอยู่แล้ว แต่วันนี้คุณต้องจ้างเขา ช่องว่างตรงนี้รวมๆ กันแล้วประมาณ 1.23 แสนล้านบาท ยังไม่รวมทุจริต คำถามคือ ถ้าเราต้องสูญเสียเยอะขนาดนั้น เราหาทางออกด้วยการจ่ายเงินให้ชาวนาจริงๆ โดยตรงเลยดีกว่า คำนวณแล้วประมาณไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท แล้วถึงมือชาวนาโดยตรงทุกครอบครัวแน่ๆ ส่วนชาวนาปีที่จนที่สุดให้คูณสองเลยก็ยังได้ แล้วยังจะช่วยตัดวงจรทุจริต ไม่มีจำนำก็ไม่มีข้าวให้ทุจริต ถ้ารัฐบาลจริงใจกล้าทำ ตนจะกราบงามๆสามครั้งเลย นายปราโมทย์ยังกล่าวด้วยว่า ที่เจ็บปวดที่สุดคือจำนำข้าวได้สร้างค่านิยมทุจริต เพราะทุจริตแล้วรวย จะปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้มันทุจริตทั้งขบวนการ ตัวเลขชาวนา นาปรังที่เข้าโครงการเกินไป 5 แสนกว่าราย ถามว่ามาจากไหน เราได้ข่าวมาว่าคนปลูกมันก็เข้าโครงการข้าว เรากำลังยินยอมให้มีการทุจริต เพราะทำไปก็จับไม่ได้ สังคมก็ยอมรับ เป็นสิ่งที่ประเทศชาติกำลังจะสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ อดีตกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติกล่าวด้วยว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าโครงการจำนำขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือเป็นทางลงที่ดีของรัฐบาล แต่หลังจากนั้นก็ต้องคิดวิธีใหม่เพื่อช่วยชาวนา ซึ่งก็มีวิธีมากมายแต่รัฐบาลไม่ทำ ยกตัวอย่างนโยบายระบายข้าวตามที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ คือ 1. จีทูจี 2. ประมูลขายใน-นอกประเทศ 3. ผ่านตลาดสินค้าล่วงหน้า จนถึงวันนี้แม้แต่ตันเดียวก็ไม่ขาย ที่สำคัญตลาดสินค้าล่วงหน้าไม่มีใต้โต๊ะแม้แต่บาทเดียว นี่ก็จะตอบได้ว่า มีวิธีดีๆ มากมาย แต่รัฐบาลไม่ทำ ก็เพราะโกงกินไม่ได้ จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000124047
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7174 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2555, 20:13:33 » |
|
ในขณะที่ยังมีความกังวลว่า พายุพระพิรุณ อาจย้อมกลับมาในทะเลจีนใต้ครับ.........."ชวลิต" แนะจับตาพายุ "พระพิรุณ" เข้าไทยกลางเดือนต.ค.นี้ ภาคใต้อ่วมสุด!วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12:59:19 น. วันที่ 10 ต.ค. ในการเสวนาเรื่อง "2012! 18 ภัยพิบัติ ความเสี่ยงที่คนไทยต้องเจอ" นายชวลิต จันทรรัตน์ กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจแหล่งน้ำ บริษัท ทีมกรุ๊ป กล่าวว่า ขณะนี้ต้องจับตาพายุไต้ฝุ่นพระพิรุณ ซึ่งเป็นพายุลูกที่ 23 แม้จะอยู่ในแถบประเทศฟิลิปปินส์และไม่ส่งกระทบกับภาคเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานครก็ตาม เนื่องจากหมดฤดูมรสุมแล้ว แต่ในช่วงกลางเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิการยน จะเลื่อนไปอยู่บริเวณภาคใต้ เพราะเส้นทางของพระพิรุณที่วนไปมาแถบประเทศฟิลิปปินส์ จะอ้อมวนแหลมญวนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และผ่านเข้าสู่จ.ชุมพร ตามลำดับ ซึ่งเป็นเส้นทางของพายุปกติในฤดูนี้ ทั้งนี้ ต้องใช้เวลาอีกราว 2 วัน จึงจะทราบเส้นทางที่แน่ชัดของพายุพระพิรุณhttp://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349848243&grpid=&catid=19&subcatid=1904
|
|
|
|
|