24 พฤศจิกายน 2567, 06:17:40
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 257 258 [259] 260 261 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2609206 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 27 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #6450 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2555, 09:00:03 »

จุฬาฯ นครสวรรค์เข้มแข็งดีจังน่ะเหยง
 รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6451 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2555, 10:05:30 »

พี่'อร, อจ.ทราย และน้องตี๋

จุฬาฯ นครสวรรค์ได้ นพ.ศักดิ์ชัย นิลวัชรารัง แพทย์2515 ผอ.รพ.สวรรค์ประชารักษ์ เป็นนายกสมาคมฯ
เนื่องจากพี่หมออยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เริ่มรับราชการ และได้กำลังคนจาก รพ.ช่วยเหลือด้วย งานจึงเดินไปได้ด้วยดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6452 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2555, 10:15:49 »

วันนี้ฟ้าเปิด แดดแรงขึ้น หลังฝนตกลงมาอย่างหนักหลายวัน
แต่ยังประมาทไม่ได้ เนื่องจากฝนที่ตกตามเขา จะสะสมและไหลหลากลงสู่พื้นที่ราบลุ่ม ดังเช่นที่ สุโขทัย

กทม. ยังคงมีฝนตกในช่วงบ่ายและค่ำ เช่นเดิม


พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 15 มิถุนายน 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยในคืนนี้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6453 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2555, 13:43:22 »

ช่วงนี้ กำลังเร่งซ่อมแซมรั้วบ้าน ด้วยการก่ออิฐพร้อมเทคอนกรีตเสริมเพื่อกั้นน้ำในฤดูต่อไปอยู่ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6454 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2555, 13:52:03 »

วันนี้วันเสาร์ มีคำเตือนของอุตุนิยมวิทยาเพิ่มเติมครับ

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2555
ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง"

ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2555

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง
ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นในพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.55) ทำให้ด้านรับลมมรสุมทางตะวันตกของประเทศและภาคตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้นกับมี
ฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงวันที่ 17-21 มิถุนายน 2555 ไว้ด้วย
อนึ่ง พายุโซนร้อน “กูโซล” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนตัวเลี้ยวเบนไปทางประเทศญี่ปุ่น พายุนี้จะไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา และน่าน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6455 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2555, 13:59:15 »

อยากให้เมืองไทย มีหญิงเก่ง ที่เห็นกับประโยชฯของบ้านของเมืองแบบนี้
ขนาดเป็นเพียงฝ่านค้าน


ILOปลดล็อกพม่ารับ'ซูจี'เยือน
ต่างประเทศ15 June 2555 - 00:00

      แรงงานสากลตอบแทนความคืบหน้าปฏิรูปแรงงานในพม่า ตัดสินใจยกเลิกบทลงโทษที่ห้ามพม่ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมด้านแรงงานระหว่างประเทศขององค์การที่บังคับใช้มานานกว่าทศวรรษแล้ว ก่อนหน้า "อองซาน ซูจี" มาเยือนเจนีวาไม่กี่ชั่วโมง ขณะซูจียังย้ำเตือนต่างชาติเลี่ยงลงทุนบริษัทน้ำมันรัฐจนกว่าจะมีความโปร่งใส
      คำประกาศขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) มีขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์ระบุว่า องค์การได้ยกเลิกข้อจำกัดการมีส่วนร่วมเต็มรูปแบบของพม่าต่อกิจกรรมต่างๆ ของไอแอลโอแล้ว และตัดสินใจจะทบทวนความคืบหน้าของการกำจัดการบังคับใช้แรงงานในปีหน้า
      ข้อจำกัดเชิงลงโทษดังกล่าว ออกจากที่ประชุมไอแอลโอปี 2542 ซึ่งได้ห้ามพม่าเข้าร่วมการประชุมหรือได้รับความช่วยเหลือทางเทคนิคจากองค์การ เพื่อลงโทษที่พม่าไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำของไอแอลโอ ซึ่งได้สอบสวนพบหลักฐานการบังคับใช้แรงงานอย่างเป็นระบบและกว้างขวางโดยเจ้าหน้าที่ทางการพม่า โดยเฉพาะในโครงการสาธารณูปโภค
      ปีต่อมาไอแอลโอยังได้ออกข้อมติแข็งกร้าวรบเร้าชาติสมาชิก เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีชาติใดส่งเสริมการบังคับใช้แรงงานโดยรัฐบาลทหารขณะนั้น หลายคนตีความว่าข้อมตินี้เป็นสัญญาณให้ความชอบธรรมแก่การแซงก์ชั่นพม่า แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า การตัดสินใจเมื่อวันพุธจะนำไปสู่การยกเลิกมาตรการแซงก์ชั่นของสหภาพยุโรปที่เหลืออยู่หรือไม่
      การยกเลิกบทลงโทษของไอแอลโอที่มีสมาชิก 185 ประเทศ มีขึ้นภายหลังคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปเยือนพม่าและได้พบประธานาธิบดีเต็ง เส่ง รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในเดือนนี้ ไอแอลโอและรัฐบาลพม่ายังได้ลงนามข้อตกลงว่าด้วยการบังคับใช้แรงงานฉบับหนึ่งด้วยเมื่อเดือนมีนาคม
      นางซูจีได้ออกเดินทางจากย่างกุ้งไปถึงนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่คืนวันพุธ โดยนางมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมประจำปีของไอแอลโอที่นี่วันพฤหัสบดี การเยือนยุโรปครั้งแรกในรอบ 25 ปีของนางซูจีครั้งนี้จะเป็นการเดินสายเยือน 5 ชาติ ที่รวมถึงการรับรางวัลโนเบลที่นอร์เวย์และขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาอังกฤษ
      ในการแสดงสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมรัฐมนตรีไอแอลโอวันพฤหัสบดี นางซูจีได้กล่าวเตือนรัฐบาลประเทศต่างๆ อีกครั้งเรื่องการลงทุนในพม่า โดยย้ำว่าไม่ควรอนุญาตให้บริษัทของประเทศเข้าไปร่วมลงทุนในบริษัทเมียนมาร์ออยล์แอนด์ก๊าซเอนเตอร์ไพรส์ (เอ็มโอจีอี) จนกว่าบริษัทของรัฐแห่งนี้จะปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความโปร่งใสและรับผิดชอบ
      "รัฐบาลพม่าจำต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่ได้ยอมรับกันระหว่างประเทศ เช่น ประมวลข้อปฏิบัติที่ดีว่าด้วยความโปร่งใสด้านงบประมาณของไอเอ็มเอฟ ประเทศอื่นๆ สามารถช่วยเหลือได้ด้วยการไม่อนุญาตให้บริษัทของตนไปร่วมทุนกับเอ็มโอจีดี เว้นแต่พม่าได้ลงนามหลักเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้แล้ว" นางซูจีกล่าว พร้อมเสริมว่า พม่ายินดีต้อนรับนักลงทุนต่างชาติที่มีความรับผิดชอบเข้ามาสร้างงานในพม่า
      ส.ส.ฝ่ายค้านผู้นี้ยังได้แสดงความเป็นห่วงปัญหาขัดแย้งข้ามเชื้อชาติศาสนาระหว่างชาวพุทธยะไข่กับชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ต่อที่ประชุมนี้ด้วย และว่าต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น "ไม่มีหลักกฎหมาย ความรุนแรงระหว่างกลุ่มชนแบบนี้ก็จะมีอยู่ต่อไป สถานการณ์ตอนนี้ต้องมีการรับมืออย่างนุ่มนวลและอ่อนไหว เราต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อฟื้นฟูสันติภาพ".


http://www.thaipost.net/news/150612/58252


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6456 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2555, 10:32:58 »

ได้ภาพของ ซูจี ขณะแถลงที่องค์กร ILO เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2555 มาแล้วครับ
หญิงวัย 60 เศษ แต่งกายชุดประจำชาติของตัวเอง ดูเด่นมีเอกลักษณ์
หากเป็นผู้นำไทยไปคงจะแต่งชุดประจำชาติของสวิสเป็นแน่ ??




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6457 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2555, 10:41:47 »

วันนี้ฝนตกเพิ่มขึ้นในเกือบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ที่ฝนอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 30 ทั้งสองฝั่ง แต่คลื่นลมในทะเลยังแรงอยู่
กทม.และปริมณฑล มีฝนช่วงบ่ายถึงค่ำเช่นเดิม ร่มและอุปกรณ์กันฝนยังคงจำเป็น
ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงมีแบบทั่วทุกพื้นที่ และตกหนักเป็นแห่งๆ
ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วง 2-3 วันนี้

ฝนที่ตกลงมาหลายวันก่อน สร้างความเสียหายให้บางพื้นที่ในจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลกและพิจิตรแล้ว

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 17 มิถุนายน 2555
ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง"

ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และอำนาจเจริญ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉลับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ ในระยะ 2-3 วันนี้ไว้ด้วย
ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย เริ่มจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ด้านรับลมมรสุมทางตะวันตกของประเทศและภาคตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงวันที่ 17-21 มิถุนายน 2555 ไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา และน่าน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และอำนาจเจริญ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6458 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2555, 11:34:12 »

เมื่อวานนี้ (วันที่ 16 มิถุนายน 2555) ซูจี รับรางวัลโนเบล ย้อนหลังจากที่ได้รับในปี พ.ศ. 2537

วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 21:04 น.  ข่าวสดออนไลน์
ไฮไลต์คำต่อคำ "ซูจี"กล่าวสุนทรพจน์รับโนเบล-ลูกชายปลื้มนั่งฟัง







    เมื่อ 16 มิ.ย. เอเอฟพีรายงานว่า นางอองซาน ซูจี ผู้นำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคนสำคัญของพม่า ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ อย่างเป็นทางการ ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งซูจีเป็นผู้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้เมื่อปี 2534 ขณะที่ถูกกักบริเวณอยู่แต่ภายในบ้านพัก ทั้งนี้ นายคิม อริส บุตรชายนางซูจี เข้ารับฟังการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ด้วย

    นางซูจี กล่าวว่า คณะกรรมการรางวัลโนเบลได้ยอมรับในผลงานการต่อสู้ของเธอ แม้จะถูกกดขี่และโดดเดี่ยวในประเทศพม่า แต่พม่าก็เป็นส่วนหนึ่งของโลก คณะกรรมการก็ได้ยอมรับถึงมนุษยธรรมว่ามีเช่นกันในประเทศพม่า นางซูจี ยังเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าปล่อยนักโทษการเมืองที่เหลืออยู่ทั้งหมด

    ในตอนท้าย ซูจี กล่าวขอบคุณผู้ที่มีความรักในเสรีภาพ และความยุติธรรมทั่วโลก ที่ยังคงติดตามสถานการณ์ในพม่าอย่างใกล้ชิด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นส่งผลกระทบสำคัญให้เกิดการปฏิรูป ซึ่งนำเธอมาสู่เวทีรางวัลโนเบลได้ในครั้งนี้

 ด้านเอพีสรุปคำกล่าวสุนทรพจน์ของนางซูจีที่สำคัญ เป็นหัวข้อดังนี้

พลังของรางวัลสันติภาพ

    "หลายครั้งในช่วงที่ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพัก ทำให้คิดไปว่าฉันคงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกที่แท้จริงอีกแล้ว การได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพทำให้ฉันมีตัวตนขึ้นมาอีกครั้ง รางวัลนี้ดึงฉันกลับมาสู่สังคมมนุษย์ที่กว้างใหญ่ขึ้น และที่สำคัญกว่านั้น รางวัลโนเบลได้ดึงความสนใจของโลกมาสู่การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในพม่า ว่าเราจะไม่ถูกลืม"

การเพิกเฉยต่อความทุกข์ร้อนของผู้อื่นกระตุ้นให้เกิดสงคราม

    "สงครามโลกครั้งที่ 1 แสดงถึงการใช้วัยหนุ่มสาวและศักยภาพไปอย่างสิ้นเปลืองน่าใจหาย เป็นการถลุงทรัพยากรมีค่าของโลกอย่างโหดร้าย และเพื่ออะไรหรือ เกือบศตวรรษที่ผ่านมา เราก็ยังไม่พบคำตอบที่น่าพอใจ เรายังไม่รู้สึกผิดกันอีกหรือ หากความรุนแรงที่แม้ลดระดับลง ความประมาท ความเลินเล่อจะยังมีผลต่ออนาคตและมนุษยชาติของเรา สงครามไม่ใช่เป็นแค่สถานที่ซึ่งสันติภาพถูกบีบให้ตายเท่านั้น แต่ที่ใดก็ตามที่ความทุกข์ร้อนถูกละเลย นั่นจะเป็นเมล็ดพันธุ์ความขัดแย้ง และเมื่อความทุกข์ทรมานนั้นถูกลดความสำคัญลง ก็จะกลายเป็นความเคืองแค้นและเดือดดาล

เราอยู่ในยุคเรืองปัญญา

     "เราโชคดีที่อยู่ในยุคที่ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการสังคมและมนุษยธรรมเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่เพียงเพราะพึงปรารถนา แต่ยังถือเป็นเรื่องจำเป็น ดิฉันโชคดีที่ได้อยู่ในยุคนี้ ในยุคที่ชะตากรรมของนักโทษแห่งมโนธรรมไม่ว่าอยู่ที่ใด ก็เป็นเรื่องห่วงใยของผู้คนในทุกๆ ที่ เป็นยุคที่ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแผ่ขยาย ถึงจะไม่ทั่วถึงไปหมด แต่ก็เป็นที่ยอมรับว่าเป็นสิทธิที่มีมาแต่กำเนิดของทุกคน

สันติภาพสมบูรณ์แบบต้องเป็นเป้าหมายของเรา

    "สันติภาพอย่างสิ้นเชิงในโลกนั้นเป็นเป้าหมายที่ยังไม่บรรลุผล แต่นี่เป็นสิ่งที่เราต้องเดินหน้าต่อไปยังเส้นทางนี้ จับตาไว้ราวกับเราเป็นนักท่องเที่ยวในทะเลทรายที่เพ่งมองไปยังดาวนำทาง ที่จะนำไปสู่การรอดชีวิต แม้เราจะไม่บรรลุถึงสันติภาพที่สมบูรณ์แบบบนโลกนี้ แต่ความมุมานะโดยพื้นฐานจะทำให้ได้มาซึ่งสันติภาพที่รวมเอาบุคคลและประเทศต่างๆ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความเชื่อมั่นและมิตรภาพต่อกัน ช่วยกันทำให้ชุมชนชาวโลกปลอดภัยขึ้นและมีเมตตามากขึ้น"

พลังเมตตาสร้างสันติภาพ

    "เมื่อพูดถึงกำลังใจในความขมขื่น คงไม่ได้มีมากมายอะไร แต่ดิฉันได้พบกับสิ่งที่ชื่นใจที่สุดและล้ำค่าที่สุด เป็นบทเรียนที่ทำให้ดิฉันรู้ถึงคุณค่าของความเอื้ออารี ทุกน้ำใจที่ดิฉันได้รับ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ทำให้ดิฉันเชื่อว่าจะไม่มีทางเพียงพอในโลกของเรา การมีเมตตาคือการตอบรับความซาบซึ้งและความอบอุ่นของมนุษย์ด้วยความหวังและความต้องการของผู้อื่น แม้จะเป็นน้ำใจเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้หัวใจที่หนักอึ้งนั้นเบาลงได้ ความเมตตานั้นเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนได้"

จินตนาการถึงโลกที่ปราศจากผู้อพยพ

    "เป้าหมายสูงสุดของเราน่าจะเป็นการทำให้โลกนี้ปราศจากผู้อพยพ คนเร่ร่อนไร้บ้าน และผู้สิ้นหวัง โลกในทุกส่วนทุกมุมจะเป็นสถานที่หลบภัยของคนที่ไร้ถิ่นฐานได้มีเสรีภาพและวิสัยที่จะอยู่ในสันติภาพได้ ทุกความคิด ทุกคำพูด ทุกการกระทำที่เป็นไปในทางบวกและส่งเสริมสุขภาพนั้นเป็นการสนับสนุนสันติภาพ พวกเราในแต่ละคนและทุกคนต่างอยู่ในวิสัยที่จะสนับสนุนแบบนั้นได้ ขอให้เราร่วมมือกันพยายามสร้างโลกสันติภาพที่เรานอนหลับได้อย่างปลอดภัยและตื่นขึ้นมาอย่างเป็นสุขเถิด"

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNek9UZzFOVFEyT0E9PQ==&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6459 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2555, 12:06:33 »

สองวันที่ผ่านมา ต้องคุมงานสร้างกำแพงกั้นน้ำครับ





      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6460 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2555, 12:19:48 »

ปรากฎว่า เร่งเทปูน จนเป็นเหตุให้แผงคอนกรีตบล๊อคที่ก่อไว้ พังลงมาเสียหาย
วันนี้จึงต้องแก้ไข เอาส่วนที่พังออกพร้อมก่ออิญมอญเข้าไปเสริมแทนครับ
เวลาเข้าเว็ปเลยหายไปด้วยเหตุฉะนี้ แล ฯ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6461 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2555, 12:26:59 »

ภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก ยังคงมีฝนในปริมาณที่มาก ประชาชนควรระวัดระวัง
ภาคใต้ทั้งสองฝั่ง ฝนลดลง แต่คลื่นลมในทะเลยังแรงอยู่และคลื่นสูง


พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2555
ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง"

ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2555

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 19-21 มิถุนายน 2555 ไว้ด้วย
อนึ่ง พายุโซนร้อน “ตาลิม” เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (19 มิ.ย. 55)
มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน หรือที่ ละติจูด 19.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 115.0 องศาตะวันออก พายุนี้มีทิศทางการเคลื่อนที่ไปทางเกาะไต้หวัน และไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดบึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 

      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #6462 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2555, 14:04:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 19 มิถุนายน 2555, 12:06:33
สองวันที่ผ่านมา ต้องคุมงานสร้างกำแพงกั้นน้ำครับ


ยังไม่กลางปีเลย เหยงเริ่มเหนื่อยแล้วรึ???
เก็บแรงไว้รับมือกับเหตุการณ์จริงด้วยน่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6463 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2555, 14:16:40 »

อจ.ทราย

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ
ที่ต้องเริ่มเตรียมการตั้งแต่ตอนี้ เนื่องจากไปเห็นมากับตา ที่อำเภอบางระกำ น้ำขึ้นมากทีเดียว
น้ำจาก อ.บางระกำไหลเอ่อข้ามมาที่ อ.วชิรบารมีและ อ.สามง่าม จังหวัดพิจิตรบ้างแล้ว
ซึ่งน้ำส่วนนีจะลงแม่น้ำยม ซึ่งไหลผ่านหลังบ้านครับ ไปบรรจบกับแม่น้ำน่าน ที่อำเภอชุมแสง
ก่อนจะรวมกับสาย ปิง-วังที่พบกันบริเวณปากน้ำโพ

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6464 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2555, 21:46:22 »

พายุ "กูโซล" ซึ่งกำลังพัดผ่านเกาะญี่ปุ่นในขณะนี้ (คืนนี้)



เส้นทางเดินของพายุ
ผู้จะเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงนี้ ต้องระมัดระวัง






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6465 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2555, 11:26:49 »

ประเทศไทยมีฝนตกในพื้นที่ลดลงจากเมื่อวานนี้
แต่ฝนยังตกกระจายในทุกพื้นที่ คลื่นลมในภาคใต้ทั้งสองฝั่งยังมีกำลังแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง


พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนกระจาย สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนยังมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กในทะเลอันดามัน
ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 20-21 มิถุนายน 2555 ไว้ด้วย
อนึ่ง พายุโซนร้อน “ตาลิม” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีทิศทางการเคลื่อนที่ไปทางเกาะไต้หวัน และไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6466 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2555, 11:45:14 »

แนวทางเดินของพายุ "ตาลิม" คาดว่าจะส่งผลให่ไต้หวันต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 วัน
ส่วนคาบสมุทรเกาหลีจะเริ่มมีผลในวันพรุ่งนี้


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6467 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2555, 16:07:49 »

ล่าสุด

พายุ"ตาลิม" ความเร็วลม 83 กม./ชม. กระหน่ำไต้หวัน จนราษฎรกว่า 2,000 คนได้รับผลกระทบอย่างหนัก
การรถไฟภายในเกาะไต้หวัน การบินทั้งในและต่างประเทศต้องยุติลงชั่วคราว
พายุได้ออกจากไต้หวัน เลี้ยงขวามุ่งสู่ตอนใต้ของเกาะญี่ปุ่นแล้ว
แต่อิทธิพลของพายุ ยังทำให้ฝนตกในไต้หวันอยู่อีก 1-2 วัน

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6468 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2555, 16:14:46 »

ส่วนพายุ "กูโซล" ซึ่งพัดผ่านญี่ปุ่นจากตอนใต้ขึ้นสู่ตอนเหนือนั้น

แรงลมบวกฝนตกอย่างหนักทำให้ชายฝั่งแปซิฟิคของญี่ปุ่น โดยเฉพาะจังหวัดมิยางิ (ซึ่งเจอกับซึนามิ)
ต้องอพยพประชาชน 10,400 คนขึ้นที่สูง เที่ยวบินทั้งใน-นอกประเทศ ต้องยกเลิกไป 500 เที่ยวบิน
และช่วงค่ำนี้ พายุที่ความเร็ว 65 กม./ชม. จะข้ามสู่เกาะฮอนชู เกาะใหญ่สุดของประเทศในตอนเหนือ




ตาของพายุ "กูโซล" ที่พัดผ่านเกาะญี่ปุ่น

                                   



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6469 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2555, 20:29:47 »

เป็นงง !! กับคำให้สัมภาษณ์ของ รมต.
ไม่ทราบว่า แม่น้ำ 4 สาขามารวมกันที่นครสวรรค์


ค้นพบนครสวรรค์เป็นหัวใจการป้องกันน้ำท่วม
วันพุธที่ 20 มิถุนายน 2555 เวลา 16:11 น.

                      

 “ปลอด”คุยจีน เตรียมส่งชุดทำงานบริหารน้ำมาให้คำปรึกษา ค้นพบนครสวรรค์เป็นหัวใจการป้องกันน้ำท่วม เป็นพื้นที่ของแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ที่ไหลมารวมกัน ไม่ใช่ชัยนาทอย่างที่เคยเข้าใจ ย้ำต้องคุมต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำให้ได้  วันนี้ ( 20 มิ.ย.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญ กระทรวงทรัพยากรน้ำ สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า รัฐบาลจีนได้ส่งทีมงานชุดนี้มาให้คำปรึกษากับไทย ซึ่งชุดนี้ถือเป็นชุดที่เก่งที่สุดของจีนในเรื่องน้ำ มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ 50 คน แต่เขาส่งมาช่วยไทย 25 คน โดยเสนอรายงานมา 3 เรื่องใหญ่ คือ การบริหารจัดการป้องกันน้ำท่วม การทำงานของหน่วยราชการในสายตาของเขา และการก่อสร้าง ซึ่งในรายงานทั้งหมดมี 12 ประเด็นย่อยเช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การบริหารจัดการน้ำ การระบายน้ำ แก้มลิง การทำฟลัดเวย์หรือเจ้าพระยา 2 การสร้างเขื่อน การป้องกันพื้นที่สำคัญ

นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า สำหรับทีมนี้จะมาดูในเรื่องลุ่มน้ำเจ้าพระยา และจะมีอีกทีมมาดูในลุ่มน้ำภาคอีสานและใต้ จากการมาทำพื้นที่ของเขามีเรื่องที่น่าตกใจคือเดิมเราคิดว่า จ.ชัยนาทเป็นพื้นที่สำคัญในการป้องกันน้ำท่วม เพราะเรามองด้านชลประทาน แต่เขากลับบอกว่าไม่ใช่ พื้นที่ จ.นครสวรรค์ต่างหากที่เป็นหัวใจและเป็นพื้นที่ควบคุมป้องกันน้ำท่วม เนื่องจากเป็นพื้นที่ของแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ที่ไหลมารวมกัน แต่เรากลับมองข้ามสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราคุมจุดนี้ได้เราก็คุมน้ำท่วมได้  นอกจากนี้เขายังพูดถึงกระทรวงน้ำ โดยบอกว่าเรามีหน่วยงานด้านน้ำเยอะแต่ต่างคนต่างทำควรให้อยู่ภายใต้องค์กรเดียว ซึ่งเรื่องนี้เราก็คิดเหมือนกัน

เมื่อถามว่าจีนเสนอสร้างเขื่อนหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าว่า ในรายงานคงมีแต่ตนยังไม่ได้อ่าน อย่างไรก็ตามสำหรับการคุมน้ำนั้น เราต้องคุม 3ส่วนให้ได้ คือตอนบนมีเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำ ตอนกลางมีแก้มลิงเพื่อชะลอน้ำ และตอนปลายต้องมีคลองเพื่อระบายน้ำ ทั้งนี้ตนจะรายงานผลการหารือให้ครม.รับทราบในอังคารหน้า และวันศุกร์ตนจะไปประชุมเรื่องเขื่อนแก่งเสือเต้นว่า ถ้าเราไม่สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นเราจะทำอย่างไร จะบริหารน้ำอย่างไร และพื้นที่ระหว่างจังหวัดที่เชื่อมต่อกันจะดูแลน้ำที่ไหลผ่านอย่างไร ตนเชื่อว่าการสร้างเขื่อนเราทำไปคู่กับการปลูกป่าได้ เพราะไม่มีเขื่อนไหนดีทั้งหมด หรือเขื่อนไหนไม่ดีทั้งหมด และตนมั่นใจว่าปีนี้น้ำคงไม่ท่วมหนักแน่นอน อย่าไรก็ตามตนอยากจะฝากว่ากรณีที่เราร่วมมือกับจีนทำไมไม่เป็นเรื่องแต่พอไปร่วมทำงานกับสหรัฐฯเป็นเรื่องเป็นราว ไม่รู้ว่าฝ่ายค้านเล่นเกมมากเกินไปหรือไม่ และเรื่องนี้ไม่เห็นมาบอกว่าต้องเข้าสภาตามม. 190 เลย ฝ่ายค้านก็มัวแต่หาเรื่องไปวันๆ.

http://www.dailynews.co.th/thailand/120748
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6470 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2555, 21:02:32 »

ปล่อยเต่าอย่าคิดว่าได้บุญ
วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2555 เวลา 18:21 น.


เตือนคนไทยให้รู้ว่าปล่อยเต่าไม่ได้บุญ นักวิชาการชี้มนุษย์เป็นภัยร้ายต่อเต่าไทยอันดับหนึ่ง เหตุจำนวนเต่าในธรรมชาติลดเกินครึ่ง

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.  ที่จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. ชั้น 4 อาคารจามจุรีสแควร์ ดร.พิชัย  สนแจ้ง ผอ.องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ(อพวช.) พร้อมด้วย ศ.ดร.สุพจน์  หารหนองบัว คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันเป็นประธานเปิดนิทรรศการ “เต่า” หวังให้คนรุ่นใหม่อนุรักษ์เต่า เหตุปริมาณเต่าในธรรมชาติลดลงเกินกว่าร้อยละ 50 ชี้มนุษย์คือภัยคุกคามเต่าอันดับ 1 เตือนปล่อยเต่าเป็นการทำบาปโดยตรง
          ดร.พิชัย   เปิดเผยว่า  อพวช. เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และความหลากหลายทางชีวภาพให้กับประชาชน ผ่านสื่อการเรียนรู้รูปแบบต่าง ๆ การจัดนิทรรศการ “เต่า” (Turtles) เกิดขึ้นจากความร่วมมือกัน ระหว่าง อพวช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งสำหรับการสร้างความตระหนักให้กับสังคมในการอนุรักษ์เต่า  อันจะเป็นประโยชน์ในเชิงนิเวศวิทยาของประเทศไทย
         “นิทรรศการเต่า จะแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ประกอบด้วยเรื่อง ชีววิทยาเต่า จัดแสดงเกี่ยวกับสรีระวิทยาของเต่า ส่วนต่อมาคือ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเต่า รวมถึงวิถีชีวิตของคนที่เกี่ยวข้องกับเต่า อาทิ ทำไมเต่าอายุยืน  “กลิ่นเต่า” เหม็นแค่ไหน ความเชื่อเกี่ยวกับเต่า งานศิลปะจากเต่า ในส่วนสุดท้ายจะนำเสนอเรื่อง ความสำคัญและการอนุรักษ์ ซึ่งเกี่ยวกับสาเหตุที่เต่าลดจำนวนลง บทบาทของเต่าในระบบนิเวศ และความสำคัญในการอนุรักษ์เต่า คนไทยใช้ประโยชน์จากเต่าอย่างไร ปล่อยเต่าอย่างไรให้ได้บุญ รวมถึงเรื่องเต่าต่างประเทศในไทย” ดร.พิชัยกล่าว
           ศ.ดร.สุพจน์  กล่าวว่า ปัจจุบันเต่าไทยกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติที่มาจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งถูกคุกคามทั้งจากภัยธรรมชาติได้แก่ความเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศวิทยาของโลก ตลอดจนจากนักล่าที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก คือ มนุษย์ ทั้งจากการล่าเพื่อนำไปบริโภคด้วยความเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ หรือแม้กระทั่งการจับเพื่อนำไปปล่อยตามความเชื่อทางศาสนา ล้วนแต่ส่งผลให้สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีวิวัฒนาการและอยู่บนโลกมานานมากกว่า 220 ล้านปี ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 ดังนั้น จึงอยากให้สังคมเกิดความตระหนักถึงการร่วมกันอนุรักษ์สัตว์ดึกดำบรรพที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศวิทยาในประเทศไทยจากการเข้ามาชมและเรียนรู้ในนิทรรศการชุดนี้ ซึ่งจะสะท้อนปัญหาวิกฤตการณ์การอยู่รอดของเต่าในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
           รศ.ดร.กำธร  ธีรคุปต์ หัวหน้าภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นคว้าวิจัยเต่าในประเทศไทย  กล่าวว่า มนุษย์เข้าไปทำลายวิถีชีวิตของเต่าหลายรูปแบบ ทั้งการลุกล้ำถิ่นที่อยู่ของเต่า การปล่อยสารพิษลงแหล่งน้ำ การจับเต่าในธรรมชาติ มาบริโภค หรือแม้นกระทั่งการทำบุญปล่อยซึ่งมีงานวิจัยว่าเต่าที่มนุษย์ซื้อมาปล่อยตามความเชื่อทางศาสนานั้นตายกว่าร้อยละ 90 ถึงเวลาที่ควรจะช่วยกันอนุรักษ์
         “ ปัจจุบันจำนวนเต่าในธรรมชาติทุกชนิด ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 บางชนิดเหลือพียงร้อยละ 5 และบางชนิดใกล้สูญพันธุ์ เช่น ตะพาบม่านลาย, เต่ากระอานและเต่าลายตีนเป็ด  เต่า 3 ชนิดของไทยติดอันดับ เต่า 25 ชนิดของโลก ที่ใกล้สูญพันธ์ เช่นเดียวกับ ตะพาบหัวกบ ที่อาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำซึ่งเป็นน้ำกร่อย  นับเป็นอีกชนิดหนึ่งที่ที่หาได้ยากมากในบ้านเราแต่ยังมีอยู่บ้างหาได้ในประเทศเวียดนาม กัมพูชา ทั้งนี้ เต่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ที่เป็นทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่า ดังนั้นการลดจำนวนลงของเต่าย่อมมีผลกระทบอย่างแน่นอนในห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติ
ขณะที่อีกความนิยมหนึ่งคือการทำบุญปล่อยเต่า ส่วนตัวเห็นว่าเป็นการทำบาป 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเต่าในบ้านเรามีมากกว่า 30 ชนิด แต่ละชนิด ก็อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ต่างกัน อาหารต่างกัน เมื่อผู้ทำบุญไม่มีความรู้เรื่องชนิดของเต่า อาหารที่เหมาะสม รวมทั้งพื้นที่ที่เหมาะสมในการปล่อย เท่ากับว่าเป็นการปล่อยเต่าให้ตายได้บาปมากกว่าได้บุญ อีกความนิยมคือ การเลี้ยงเต่าไว้เป็นสัตว์เลี้ยง ตนเห็นว่าหากมีการศึกษาข้อมูลของเต่าให้ดี มีการขออนุญาตครอบครองและสามารถการเลี้ยง ขยายพันธุ์ได้ นับเป็นการอนุรักษ์เต่าอีกทาง แต่ผู้เลี้ยงต้องมีการศึกษาธรรมชาติของเต่าชนิดนั้นๆ ให้ดีก่อน เพราะเต่าเป็นสัตว์ที่อ่อนไหวง่ายในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่าง หากไม่มีข้อมูลในการดูแล จะเป็นการนำเต่ามาทรมานมากกว่า” รองศาสตราจารย์ ดร.กำธร กล่าว
            นิทรรศการ “เต่า” (Turtles) จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน เป็นต้นไป ณ จัตุรัสวิทยาศาสตร์ อพวช. ชั้น 4 อาคารจามจุรีสแควร์ สามย่าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 160 5356 หรือ www.nsm.or.th

http://www.dailynews.co.th/education/120364
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6471 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2555, 13:41:11 »

หายไป 3 วันเต็มๆ ด้วยกำลังคุมงานก่อสร้างรั้วเพิ่มเติมจากของเดิมเพื่อกันน้ำท่วมครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6472 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2555, 13:44:35 »

วันนี้คุณมิ้ง 17 โทรไปหา แจ้งว่า ฝรั่งชาวอังกฤษมีแบบให้สร้างประตูกันน้ำ
โดยสร้างลงติดกับพื้นแล้วยกขึ้นมาเพื่อกันน้ำได้

จึงเสนอความคิดให้คุณมิ้งเก็บข้อมูลไว้ เผื่อน้ำท่วมขึ้นมาจริงๆ อาจจะต้องใช้ขึ้นมา

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6473 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2555, 13:48:53 »

วันนี้.....24 มิถุนายน
เมื่อ 24 มิถุนายน 2475 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองขึ้นในประเทสไทย


นาทีปฏิวัติ ๒๔๗๕: "ย่ำรุ่ง" คือกี่โมง, พระยาพหลฯ ยืนอ่านประกาศตรงไหน, อ่านอะไร?
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 21:00:00 น.

โดย ปรามินทร์ เครือทอง

นาทีปฏิวัติ ๒๔๗๕ : อยากรู้ “ย่ำรุ่ง” คือกี่โมง, พระยาพหลฯ ยืนอ่านประกาศตรงไหน, อ่านอะไรแน่?


กุหลาบ สายประดิษฐ์ เขียนเรื่อง “เบื้องหลังการปฏิวัติ ๒๔๗๕” ลงใน หนังสือพิมพ์สุภาพบุรุษ ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน ปี ๒๔๘๔ จำนวน ๑๖ ตอน โดยอาศัยข้อมูลส่วนหนึ่งจากการสัมภาษณ์ พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง บวกกับตอนที่ ๑๗ เป็นการสัมภาษณ์ พลตรี พระประศาสน์พิทยายุทธ อีก ๑ ตอน เมื่อมีการพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในปี ๒๔๙๐


เบื้องหลังการปฏิวัติ ๒๔๗๕ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติการยึดอำนาจของคณะผู้ก่อการฯ เกือบจะทุกแง่มุม เรารู้แม้กระทั่งว่าคืนวันที่ ๒๓ มิถุนายน พระยาพหลฯ เข้านอนตอนตี ๒ และหลับสนิท แม้ว่าวันรุ่งขึ้นคือวันคอขาดบาดตายของตัวเองก็ตาม


นอกจากนี้ยังได้บอกเล่าเหตุการณ์เบื้องหน้าเบื้องหลังนับตั้งแต่ “ฝ่ายทหาร” มีแนวคิดในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แล้วลำดับเหตุการณ์เรื่อยมาสู่ขั้นตอนวางแผน จนกระทั่งถึงวัน “เอาจริง” ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕


แต่พอถึงวินาทีสำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คือตอนที่พระยาพหลฯ ควักกระดาษออกมาอ่านประกาศยึดอำนาจ ปรากฏว่า เบื้องหลังการปฏิวัติ ๒๔๗๕ และหนังสือเล่มอื่นๆ ข้ามรายละเอียดตรงนี้ไปอย่างน่าเสียดาย


ไม่มีรายละเอียดเรื่องนี้ ไม่มีภาพถ่าย ไม่มีคำบอกเล่าที่ชัดเจน ในวินาทีที่สยามเปลี่ยนแปลงการปกครอง


เลยไม่รู้ว่าวินาทีนั้นหรือก่อนหน้านั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะตำแหน่ง “จุดยืน” ที่แท้จริงของพระยาพหลฯ ขณะอ่านประกาศยึดอำนาจอยู่ตรงไหน หันหน้าไปทางไหน เหล่าทหารยืนฟังอยู่ทางด้านไหนของลานพระบรมรูปทรงม้า อ่านประกาศเวลา “ย่ำรุ่ง” คือเวลากี่โมงกี่นาที และอ่านอะไร?


แม้จะไม่ใช่ “สาระสำคัญ” ทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่ก็เป็นรายละเอียดที่ “อยากรู้” ได้เหมือนกัน


เวลา “ย่ำรุ่ง” คือกี่โมงกันแน่?


เพื่อค้นหาคำตอบนี้ เราจึงตามไปดูการปฏิบัติงานของฝ่ายทหาร และเริ่มจับเวลาตั้งแต่ฝ่ายทหารตื่นนอน ราวๆ ตี ๓ อาบน้ำแต่งตัว กินอาหารเช้า พร้อมออกปฏิบัติการยึดอำนาจ


ตี ๔ นายพันเอก พระยาทรงสุรเดช อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชาทหาร กรมยุทธศึกษาทหารบก กับนายทหาร ๓ นาย พร้อมกันที่บ้านพระยาทรงฯ ซักซ้อมแผนการก่อนออกเดินทางไปยัง “ตำบลนัดพบ”


ตี ๔ ครึ่ง นายพันโท พระประศาสน์ฯ ผู้อำนวยการแผนกโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ขับรถไปรับ นายพันเอก พระยาพหลฯ ที่บ้านบางซื่อ ก่อนจะเดินทางไปยังตำบลนัดพบ


ตี ๕ พระยาทรงฯ มาถึงตำบลนัดพบที่ ๔ แยกตัดทางรถไฟ ห่างจากบ้านพระยาทรงฯ ที่บางซื่อ ประมาณ ๒๐๐ เมตร เพื่อพบกับคณะนายทหารผู้ร่วมก่อการฯ ฝ่ายทหาร


พระยาทรงฯ ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายทหาร สั่งดำเนินการตามแผนทันที คือบุกยึดคลังอาวุธที่กรมทหารม้าที่ ๑ รักษาพระองค์ โดยต้องทำการก่อนเวลาเป่าแตรปลุกทหารเวลา ตี ๕ ครึ่ง


ตี ๕ ครึ่ง คณะผู้ก่อการฯ บุกถึงกรมทหารม้าที่ ๑ รักษาพระองค์ พระยาพหลฯ นำกำลังเข้าตัดโซ่กุญแจคล้องคลังอาวุธ นำอาวุธปืนและหีบกระสุนออกมา พระประศาสน์ฯ เข้ายึดรถรบ รถยนต์หุ้มเกราะ และรถบรรทุก พร้อมกำลังทหารม้าเป็นผลสำเร็จ


ทั้งหมดเคลื่อนกองกำลังไปยัง กรมทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์ อยู่ห่างกันประมาณ ๑๐ นาที มี นายพันเอก พระยาฤทธิอัคเนย์ เป็นผู้บังคับการกรม ซึ่งเตรียมการจัดกำลังทหารและอาวุธรออยู่ก่อนแล้วประมาณ ๑๕ นาที


เมื่อกองกำลังจากกรมทหารม้า เดินเท้ามาถึง กรมทหารปืนใหญ่ พระยาทรงฯ ออกคำสั่งให้ทหารจากกรมทหารม้า ขึ้นรถบรรทุกของกรมทหารปืนใหญ่ซึ่งจอดรออยู่แล้วโดยพลัน


ขณะนี้กองกำลังผสมของผู้ก่อการฯประกอบด้วย ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ที่มีทั้งกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์หนักเบา มุ่งหน้าสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ขณะผ่านกองพันทหารช่าง พระยาพหลฯ เพียงแค่ตะโกนเรียกและกวักมือ ทหารช่างที่กำลังฝึกอยู่หน้ากองพัน ก็กระโดดขึ้นรถตามมาด้วย โดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริง


ขบวนทหารของกองกำลังของคณะผู้ก่อการฯ นำขบวนด้วย “ไอ้แอ้ด” รถถังขนาดเล็กจากกรมทหารม้า ตามด้วยรถบรรทุกทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ ปิดท้ายด้วยกองพันทหารช่าง ใช้เส้นทางผ่านสะพานแดง ถนนพระราม ๕ เลี้ยวหน้าวัดเบญจมบพิตร เข้าถนนศรีอยุธยา มุ่งหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า


๖ โมง ๕ นาที  กองกำลังหลักถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ช้ากว่าเวลานัดหมายหน่วยอื่น ๕ นาที


ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า มีกองพันพาหนะทหารเรือ นำโดย นาวาตรี หลวงสินธุสงครามชัย ร.น. มาตรงตามเวลานัด ๖ โมงตรง นอกจากนี้ยังมีกำลังจากนักเรียนโรงเรียนนายร้อยทหารบก โดยมี นายพันโท พระเหี้ยมใจหาญ ผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยทหารบก กำกับมา ส่วนกองพันทหารราบที่ ๑๑ ของ นายพันตรี หลวงวีระโยธา ซึ่งกำลังฝึกทหารอยู่ที่ท้องสนามหลวงนั้น ถูกหลอกให้ตามพระประศาสน์ฯ มาภายหลัง


“ทหารทั้งปวงที่มาชุมนุมอยู่ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าในวันนั้น ต่างได้มาโดยมิรู้ว่า กำลังมีการปฏิวัติเพื่อยึดอำนาจการปกครองจากพระราชาของตน”


นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายพลเรือนที่เริ่มกันตั้งแต่เที่ยงคืน เช่น การควบคุมหัวรถจักรรถไฟ  การเฝ้าสังเกตการณ์ตามบ้านเจ้านายและบุคคลสำคัญ เพื่อ “ล็อก” ไม่ให้ติดต่อสังการใดๆ ได้ ซึ่งน่าจะเป็นหัวใจสำคัญ ที่ทำให้การก่อการครั้งนี้สำเร็จ โดยปราศจากการต่อต้าน


ทางด้านอื่นๆ มีการปฏิบัติงานในกลุ่มของหลวงโกวิทย์อภัยวงศ์ ทำหน้าที่ยึดกรมไปรษณีย์โทรเลข และตัดสายโทรศัพท์ ในเวลา ตี ๔ ตรง ส่วนหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ลอยเรืออยู่ในคลองวัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อรอเวลาแจกใบปลิว “ประกาศคณะราษฎร” แก่ประชาชน ซึ่งหากทำการไม่สำเร็จก็จะนำใบปลิวนั้นทิ้งลงในน้ำทันที


เป็นอันว่ากองกำลังของคณะผู้ก่อการฯมาชุมนุมพร้อมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า มีกำลังทหารและอาวุธพร้อมรบ เป็นที่เรียบร้อยโดยตลอด เมื่อเวลา ๖ โมง ๕ นาที การประกาศยึดอำนาจขั้นสุดท้ายพร้อมแล้ว


แต่...


“ครั้นแล้วพอได้เวลา๗.๐๐ น. พ.อ. พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าของคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้อ่านประกาศยึดอำนาจเสียงสนั่นดังลั่น มีนายทหารของคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง ทั้งทหารบก ทหารเรือ กระจายกันคุมเชิงอยู่รอบๆ


ในที่สุด เมื่อได้อ่านคำประกาศสุดสิ้นแล้ว ก็ได้เปล่งเสียงไชโยกึกก้อง แล้วก็นำขบวนเข้างัดพระทวารด้านหน้าของพระที่นั่งอนันตสมาคม


จัดเป็นความสำเร็จเบื้องต้นของคณะฝ่ายทหารที่ทำการยึดอำนาจ”


เป็นอันว่า พระยาพหลฯ หัวหน้าคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง อ่านประกาศยึดอำนาจ เมื่อเวลา ๗ โมงตรง ตามบันทึกของ พลโทประยูร ภมรมนตรี ซึ่งไปปฏิบัติการยึดสถานีโทรศัพท์กลาง วัดเลียบ ตั้งแต่ ตี ๔ แต่ใช้เวลาเพียง ๑๕ นาที ก็สำเร็จภารกิจ และเป็นไปได้ว่า พลโทประยูร ภมรมนตรี อาจจะเดินทางไปสมทบกับคณะทหารที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และ “อยู่ในเหตุการณ์” ที่ พระยาพหลฯ อ่านประกาศยึดอำนาจ เพราะเป็นผู้รับเสด็จ สมเด็จฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตที่พระที่นั่งอนันตสมาคม เวลา ๘ โมงตรง๙ และบันทึกของพระยาฤทธิอัคเนย์ก็ยืนยันว่า “พวกก่อการฝ่ายพลเรือนก็มีไปรวมอยู่ ณ ที่นั้นบ้าง”


น่าเสียดายที่คณะทหาร “พกปืน” ไม่พกกล้อง เราจึงไม่มี “ช็อตเด็ด” ในวินาทีที่สำคัญที่สุดของสยามประเทศ ในขณะที่บันทึกของ “๔ ทหารเสือ” ก็ไม่ได้บรรยายถึงบรรยากาศและรายละเอียดขณะนั้น เราจึงไม่ทราบอยู่ดีว่า พระยาพหลฯ หยิบประกาศยึดอำนาจออกจากกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกง ขณะอ่านประกาศหันหน้าไปทางไหน พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งอนันตสมาคม สนามเสือป่า หรือพูดกับพระบรมรูปทรงม้า เพราะทั้งหมดนั้นคือ “สัญลักษณ์” แห่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทั้งสิ้น


มีเพียง “ข้อสันนิษฐาน” ว่า พระยาพหลฯ น่าจะยืนอยู่ทางด้านซ้ายของพระบรมรูปทรงม้า อันเป็นตำแหน่งที่มีหมุดทองเหลืองของคณะราษฎรฝังอยู่กับข้อความ “๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง ณ ที่นี้ คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ”


ซึ่งก็ไม่รู้แน่ว่า “ณ ที่นี้” หมายถึง “จุด” ที่พระยาพหลฯ ยืนอยู่ หรือหมายถึง “บริเวณ” ลานพระบรมรูปทรงม้าทั้งหมด


นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องเวลา “ย่ำรุ่ง” ว่าหมายถึงเวลาที่เหล่าทหารกองผสมมาพร้อมกันตอน ๖ โมง ๕ นาที หรือเวลา ๗ โมงตรง ที่พระยาพหลฯ เริ่มอ่านประกาศยึดอำนาจ อันเป็นวินาทีแห่งการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพราะ “ชาวโหร” เมืองไทย นิยมเอาเวลา ตี ๕ หรือ ๖ โมงตรงเป็นหลัก


แต่หากพิจารณาจากคำ “ย่ำรุ่ง” แล้ว คณะราษฎรอาจจะมีเจตนาที่จะสื่อถึง “แสงแรก” แห่งระบอบรัฐธรรมนูญ หรือ “ฟ้าใหม่” ที่อำนาจการปกครองเป็นของประชาชน ซึ่งน่าจะหมายถึงเวลาแห่งการชุมนุมโดยพร้อมเพรียงของทหารกองผสมเมื่อเวลา ๖ โมง ๕ นาที เพราะเวลา ๗ โมงเช้านั้น น่าจะเกินเวลา “ย่ำรุ่ง” ไปแล้ว


ดังนั้น เวลา “ย่ำรุ่ง” ที่ปรากฏในหมุดทองเหลืองของคณะราษฎร น่าจะหมายถึงเวลา ๐๖.๐๕ น. นั่นเอง


ยังข้อน่าสงสัยอีกข้อหนึ่งคือ เมื่อเวลา ๖ โมง ๕ นาที เหล่าทหารกองผสมมาชุมนุมพร้อมกันแล้ว เหตุใดพระยาพหลฯ ต้องรอจนถึง ๗ โมงตรง จึงเริ่มอ่านประกาศ


เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่หายไป ๕๕ นาที


สงสัยคณะทหารรออะไร?


เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ หลังเวลา ๖ โมง ๕ นาที คือการจัดแถวทหาร จัดเตรียมอาวุธให้อยู่ในสภาพเตรียมพร้อม และวางแนวป้องกันการตอบโต้จากฝ่ายรัฐบาล ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๓๐ นาที


แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการ “รอ” ผลการปฏิบัติงานของทีม “จับตัวประกัน” ของพระประศาสน์ฯ


หลังจากเวลา ๖ โมง ๕ นาที รถเกราะปิดท้ายขบวนทหารของพระประศาสน์ฯ ที่เคลื่อนพลมาจากกรมทหารปืนใหญ่ มาถึงลานพระบรมรูปทรงม้า พระยาทรงฯ “ผู้อำนวยการฝ่ายทหาร” ก็มีคำสั่งทันที


“พระประศาสน์ฯ ไปจับกรมพระนครสวรรค์ฯ พระยาสีหราชเดโชชัย และพระยาเสนาสงคราม”


สมเด็จฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เวลานั้นทรงมีอำนาจเป็น “เบอร์ ๒” ของประเทศ ขณะที่มีการปฏิวัติ ทรงเป็นผู้รักษาพระนคร เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแปรพระราชฐานไปหัวหิน นอกจากนี้ยังทรงเป็นประธานอภิรัฐมนตรี เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๑ รักษาพระองค์ และอื่นๆ ส่วน นายพลโท พระยาสีหราชเดโชชัย เวลานั้นเป็นเสนาธิการทหารบก “เสือร้ายที่สุดของทหาร” และ นายพลตรี พระยาเสนาสงคราม เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ ๑ รักษาพระองค์


บุคคลทั้งสามมีส่วนชี้เป็นชี้ตายในการปฏิวัติครั้งนี้อย่างยิ่ง เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารในพระนครพระประศาสน์ฯ โดยใช้เวลาเจรจาต่อรองพอสมควร ก่อนจะควบคุมตัวสมเด็จฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ที่วังบางขุนพรหมมาได้ โดยไม่ให้เวลาเปลี่ยนเครื่องทรง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปบ้านพระยาสีหราชเดโชชัย ใกล้วัดโพธิ์ แล้วก็ทำสำเร็จโดยไม่มีการขัดขืนต่อสู้แต่อย่างใด


ขาดแต่พระยาเสนาสงคราม ซึ่งบ้านอยู่ไกลและนอกเส้นทางปฏิบัติงาน หากต้องเดินทางไปอาจจะทำให้กลับไปลานพระบรมรูปทรงม้าไม่ทันเวลานัดหมาย ซึ่งพระประศาสน์ฯ มีเวลาปฏิบัติการ “จับตัวประกัน” ทั้งหมดไม่เกิน ๑ ชั่วโมง


แต่สุดท้ายพระยาเสนาสงครามก็ถูก “ทีมสำรอง” ควบคุมตัวได้ แต่พระยาเสนาสงครามขัดขืนต่อสู้จึงถูกยิงบาดเจ็บต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล นับเป็นคนเดียวในการก่อการครั้งนี้ที่ได้รับบาดเจ็บ


ภารกิจจับตัวประกันสำเร็จแล้วพระประศาสน์ฯ ก็รีบมุ่งหน้าสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า ตามแผนที่จะนำตัวประกันไปกักไว้ในพระที่นั่งอนันตสมาคม
 
“กรมพระนครสวรรค์ฯ และพระชายา ขึ้นไปบนพระที่นั่งอนันตสมาคม และรีบจัดที่ประทับอันสมควรถวาย แต่ควบคุมไว้อย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้การนองเลือดมีขึ้นได้
   
เจ้าคุณพหลฯ ก็ประกาศเปลี่ยนการปกครองแผ่นดิน...”


สรุปว่าเวลาที่หายไปราว ๕๕ นาทีนั้น คณะผู้ก่อการฯ กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการ “จับตัวประกัน” ซึ่งถือว่าเป็นช่วง “อันตราย” มากที่สุดต่อแผนการก่อการครั้งนี้ และหากแผนการจับตัวประกันผิดพลาด ก็หนีไม่พ้นการนองเลือดอย่างแน่นอน


ระหว่าง “รอ” พระยาพหลฯ ทำอะไร?


เวลา ๕๕ นาที ในสถานการณ์ “ปฏิวัติ” ย่อมไม่ใช่เวลาที่คณะผู้ก่อการฯ “หลับเอาแรง” แน่ บางท่านคงจะวุ่นวายในการตรวจความพร้อมของแนวป้องกัน ประชุมซักซ้อมแผนการ บางท่านอาจจะอยู่ในอาการ “ตื่นระทึก”


มีหลักฐานชี้ว่าระหว่าง “รอ” นั้น พระยาพหลฯ พักอยู่บริเวณหัวมุมสนามเสือป่า ด้านซ้ายมือของพระบรมรูปทรงม้า อันเป็น “สถานกาแฟนรสิงห์”


“แต่ในระหว่างบรรยากาศของความขมุกขมัวนั้นเอง นายพันเอกร่างอ้วนอุ้ยอ้าย ดำจ้ำม่ำ ในเครื่องแบบทหารปืนใหญ่รักษาพระองค์ สวมท๊อปบู๊ทและเหน็บคอลท์รีวอลเวอร์ที่บั้นเอว ก็ก้าวออกมาจากร่มเงาของต้นโศก ที่กำลังมีดอกงามบานสพรั่งอยู่หน้า ‘กาแฟนรสิงห์’ ใบโศกยังมีหยาดเม็ดฝนเกาะอยู่จากพระพิรุณเมื่อราตรีที่แล้ว”


“สถานกาแฟนรสิงห์” ที่พักรอของพระยาพหลฯ อยู่บริเวณหัวมุมสนามเสือป่า ด้านซ้ายของพระบรมรูปทรงม้า ตั้งขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เป็นที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม อยู่ในสังกัดกรมมหรสพ ซึ่งใช้ตรา “นรสิงห์” เป็นตราประจำกรม มาเป็นชื่อและตราประจำร้าน


“สถานกาแฟนรสิงห์ ซึ่งรัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตั้งขึ้นเป็นที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในยามว่าง ตัวอาคารปลูกสร้างงดงามมาก สถานที่สะอาดโอ่โถง มีสนามหญ้าตั้งโต๊ะเก้าอี้เต็มไปหมด เครื่องใช้สอยต่างๆ เช่น จาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ ถ้วยชา ผ้าปูโต๊ะ มีตรานรสิงห์สีเขียวประทับอยู่ทุกชิ้น ล้วนแต่สั่งมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น โดยมากฝรั่งนิยมชมชอบไปพักผ่อนกันมาก”


“สถานกาแฟนรสิงห์” เป็นที่พบปะชุมนุมของ “คนมีระดับ” ในสมัยนั้น รวมถึงหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นที่นัดพบกับ นายร้อยโทประยูร ภมรมนตรี ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเล็กน้อย เพื่อแนะนำหลวงอรรถกิจกำจร น้องชายหลวงประดิษฐ์มนูธรรมให้รู้จัก เพื่อเข้าร่วมเป็นผู้ก่อการฯ


แต่ “สถานกาแฟนรสิงห์” ในระยะแรกต้องประสบกับการขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจาก “ผู้มีฐานะดี” มักนิยม “เซ็นเชื่อ” ด้วยลายมือที่อ่านไม่ออก จึงไม่สามารถตามเก็บเงินได้


ต่อมาจึงมีการแต่งตั้ง พระเจนดุริยางค์ หัวหน้ากองดนตรีฝรั่งหลวง สังกัดกรมมหรสพ เป็นผู้อำนวยการ และมี ขุนพิสิฐนนทเดช หัวหน้าแผนกบัญชีและพัสดุ เป็นผู้จัดการร้าน กิจการจึงกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งด้วยนโยบายวางป้าย “จ่ายสด” ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษทุกโต๊ะ


ในวันเสาร์และอาทิตย์ ช่วงเวลา ๕ โมงเย็น ถึง ๑ ทุ่ม “สถานกาแฟนรสิงห์” จะมีการบรรเลงเพลงโดยพระเจนดุริยางค์เป็นผู้อำนวยการเพลง เป็นร้านอาหารแห่งแรกในสยามที่เปิดการเต้นรำและมีเบียร์สดจากเยอรมนีจำหน่าย ด้านอาหารเน้นอาหารฝรั่ง ส่วนขนมหวานรับมาจากวังเจ้านาย มีไอศกรีมผลิตจากน้ำกลั่นจากต่างประเทศเท่านั้น


ช่วงรุ่งเรืองของ “สถานกาแฟนรสิงห์” โดยเฉพาะในวันที่เปิดการเต้นรำ จะมีรถยนต์มากถึง ๒๐๐ คัน จอดเต็มลานตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงหน้าพระบรมรูปทรงม้า ถึงกับมีคนกล่าวว่า “ถ้าผู้ใดไม่เคยไปต่างประเทศ ถ้าได้ไปที่กาแฟนรสิงห์นี้แล้ว ก็เหมือนไปต่างประเทศ”


สุดท้ายหลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกรมมหรสพถูกยุบ “สถานกาแฟนรสิงห์” ถูกโอนให้กรมรถไฟ ขุนพิสิฐนนทเดชไม่รับเป็นผู้จัดการต่อ ไม่นานก็ต้องเลิกกิจการกลายเป็นตำนานไป


แต่ขณะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง“สถานกาแฟนรสิงห์” ยังไม่ได้เลิกกิจการ ส่วนขุนพิสิฐนนทเดช ผู้จัดการร้าน ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการฯ แต่อย่างใด เพราะขณะนั้นไปรับราชการเป็นพะทำมะรง สังกัดกรมพลำภังค์ อยู่ต่างจังหวัด


ดังนั้นขณะเวลา “ย่ำรุ่ง” ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน “สถานกาแฟนรสิงห์” ยังไม่เปิดร้าน คณะผู้ก่อการฯ จึงไม่สามารถเข้าไปนั่ง “จิบกาแฟ” ขณะรอทีมจับตัวประกัน เพียงแต่อาศัยร่มไม้โศกหน้าร้านเป็นที่รอ ซึ่งไม่เป็นปัญหาอะไรเพราะพระยาพหลฯ ได้จิบโกโก้ร้อนมาแล้วหนึ่งถ้วยก่อนออกจากบ้าน


(คลิกอ่านต่อตอนที่ 2 ที่นี่)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1340456101&grpid=01&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6474 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2555, 13:51:37 »

นาทีปฏิวัติ ๒๔๗๕ ฯ (2)
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 20:59:59 น.
 
จาก “สถานกาแฟนรสิงห์” ถึง “หมุดคณะราษฎร”
 
“การก้าวออกมาจากร่มเงาของต้นโศกที่มืดครึ้มอยู่ในขณะนั้น เขาได้ก้าวออกมาปรากฏตนท่ามกลางแถวทหาร พร้อมด้วยการอ่านแถลงการณ์ยืดยาว ซึ่งสรุปแล้ว คือการประกาศยึดอำนาจการปกครอง จากพระมหากษัตริย์พระองค์นั้นโดยสิ้นเชิง”


หนังสือ ๑๐๐ ปี พระยาพหลฯ ได้ให้รายละเอียด บรรยากาศ และอารมณ์ เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ไม่ได้อ้างอิงหลักฐานว่าได้มาจากที่ใด


“ครั้นถึงเวลาย่ำรุ่งเศษ นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ในเครื่องแบบยศตำแหน่งจเรทหารปืนใหญ่ ก็ก้าวจากใต้ต้นโศกด้านสนามเสือป่า ซึ่งยืนรออยู่ท่ามกลางนายทหารผู้ใหญ่ด้วยกัน ไปปรากฏตัวเบื้องหน้าแถวทหาร โดยมีผู้บอกทำความเคารพแล้ว ก็คลี่กระดาษออกมาอ่านด้วยเสียงอันดัง แต่มิได้ขึ้นต้นแบบทักทหารเหล่านั้นเลย เพราะฝ่ายพลเรือนเขียนให้อย่างนั้น”


นักหนังสือพิมพ์ทั้ง ๒ ท่านที่เขียนเล่าเหตุการณ์ “วันปฏิวัติ” นี้อาจจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง แต่อาศัยคำบอกเล่าและการสัมภาษณ์เป็นพื้น จึงอาจมีการ “เติมสีสัน” เข้าไปเจือปนบางส่วน


ต่างจากบทสัมภาษณ์ของพระยาฤทธิอัคเนย์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น มีรายละเอียดชัดเจนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย


“เมื่อเห็นกำลังทหารหน่วยต่างๆ พากันพรั่งพร้อมสมความมุ่งหมายแล้ว พระยาพหลฯ ก็เริ่มดำเนินงานตามแผนทันที โดยเรียกประชุมบรรดาผู้บังคับบัญชาทางทหารทั้งหมด ให้ไปประชุมพร้อมกันที่กลางลานพระบรมรูปทรงม้า เบื้องหน้าอนุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราช


ทหารที่มารวมกันอยู่ ณ ที่นั้น ต่างก็พากันยืนล้อมเป็นรูปครึ่งวงกลม เบื้องหน้าพระยาพหลฯ นายทหารเหล่านี้มีอยู่มากด้วยกันที่คิดว่ามาเพื่อฝึกฝนยุทธวิธี กับมีนายทหารผู้ก่อการที่ทราบเรื่องดีแล้วแทรกกระจายอยู่ทั่วไป พวกก่อการฝ่ายพลเรือนก็มีไปรวมอยู่ ณ ที่นั้นบ้าง


เบื้องหลังพระยาพหลฯ มีนายทหารเสือของคณะปฏิวัติกับบุคคลชั้นหัวหน้าสำคัญ ได้แก่ พระยาทรงฯ พระยาฤทธิฯ พระยาประศาสน์ฯ ยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ


ครั้นแล้ว พระยาพหลฯ ก็อ่านประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครอง ท่ามกลางนายทหารเหล่านั้น”


หากจินตนาการตาม “คำให้การ” ของพระยาฤทธิอัคเนย์แล้ว ดูเหมือนว่า พระยาพหลฯ จะอ่านประกาศยึดอำนาจ ทางด้าน “หัวม้า” เพราะเป็น “เบื้องหน้าอนุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราช” โดยมีกองทหารล้อมเป็นรูปครึ่งวงกลมอยู่ด้านหน้าพระยาพหลฯ ด้านหลังเป็น “๓ ทหารเสือ” ซึ่งมีพระยาฤทธิอัคเนย์ผู้บอกเล่าเหตุการณ์รวมอยู่ด้วย


ส่วนพระยาพหลฯ จะหันหน้าเข้าพระบรมรูปทรงม้า โดยมีกองทหารเข้าแถวชิดอยู่กับอนุสาวรีย์ หรือพระยาพหลฯ จะหันหน้าออก โดยยืนชิดกับอนุสาวรีย์นั้น และมีคณะทหารอยู่ถัดออกไปด้านนอกหรือไม่นั้น ไม่ปรากฏใน “คำให้การ”


ปัญหาก็คือ หากพระยาพหลฯ ไปยืนอ่านประกาศด้าน “หัวม้า” แล้ว เหตุใด “หมุดคณะราษฎร” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็น “จุด” ที่พระยาพหลฯ ยืนอ่านประกาศยึดอำนาจ จึงถูกฝังไว้ทางด้าน “ซ้ายมือ” ของพระบรมรูปทรงม้า?


อีกทั้งยังมีคำจารึกยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า “ณ ที่นี้ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ เพื่อความเจริญของชาติ”


เป็นไปได้หรือไม่ว่า “ณ ที่นี้” อาจหมายถึง “บริเวณ” ลานพระบรมรูปทรงม้าทั้งหมด ซึ่งต่างจากคำว่า “ณ จุดนี้”


หรือความทรงจำของพระยาฤทธิอัคเนย์คลาดเคลื่อน


หรือหมุดทองเหลืองของคณะราษฎร ถูกย้าย!?


โชคยังดีที่พระยาพหลฯ ราวกับจะรู้ว่า วันหนึ่งคนจะลืม และมาถกเถียงหา “จุดกำเนิด” ของรัฐธรรมนูญในกาลข้างหน้า


พระยาพหลฯ จึงตกลงใจที่จะสร้าง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” ฝังไว้ ณ จุดที่ท่านได้ยืนอ่านประกาศยึดอำนาจ เมื่อเวลาเช้าของวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ อันเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐธรรมนูญแห่งประเทศสยาม


จุดประสงค์เพื่อเตือนความทรงจำของคณะผู้ก่อการฯ เอง ที่อาจจะลืมเลือนไป หรือผู้ก่อการฯ บางคน ที่วันนั้นไปปฏิบัติงานที่อื่น ไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ขณะพระยาพหลฯ อ่านประกาศยึดอำนาจ รวมทั้งเพื่อความทรงจำของประชาชนชาวสยามทั้งปวง


“ข้าพเจ้าเชื่อว่าบางท่านคงจะจำได้แต่เพียงเลือนๆ ส่วนบางท่านที่ต้องถูกใช้ไปทำหน้าที่อื่นๆ ที่ห่างไกลออกไป ก็คงจะไม่ทราบ ว่าจุดนั้นอยู่แห่งใดแน่


ข้าพเจ้าเห็นว่า พวกเราชาวสยามไม่ควรจะหลงลืมที่สำคัญอันนี้เสียเลย, เพราะเป็นที่กำเนิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร์สยาม ซึ่งเสมือนดังว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ ทั้งเป็นมิ่งขวัญของประชาชาติด้วย...”


พระยาพหลฯ ยังได้เดินทางไปเป็นประธานทำพิธีฝังหมุดทองเหลืองนี้ด้วยตัวเอง


พิธีฝังหมุดที่พระลานพระบรมรูปทรงม้า


---------------
                                                         
๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๙


เวลาเช้า เจ้าหน้าที่จะได้เตรียมการจัดตั้งปรำและฉัตรเบญจา อาสนสงฆ์ไว้พร้อมสรรพ


เวลาบ่าย ๑๔.๓๐ นาฬิกา พระสงฆ์วัดเบ็ญจมบพิตรมีพระธรรมโกศาจารย์เป็นประธาน รวม ๙ รูป พร้อมกัน ณ อาสนสงฆ์ที่เตรียมไว้ เมื่อนายกรัฐมนตรีมายังโรงพิธี เจ้าพนักงานสังฆการีอาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีล แล้วเจริญพระปริตต์ตามสมควร เสร็จแล้วพรมน้ำมนตร์และเจิมหมุดที่หลุม ครั้นแล้วนายกรัฐมนตรี เริ่มจับหมุดฝังเป็นปฐมฤกษ์ พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถาจบแล้ว นายกรัฐมนตรีประเคนเครื่องไทยธรรม พระสงฆ์อนุโมทนา แล้วเป็นเสร็จพิธี.


น่าเสียดายที่เอกสารของพระยาพหลฯ ก็ยังไม่ให้ความชัดเจนอยู่ดี เพราะร่างสุนทรพจน์ของพระยาพหลฯ ที่ใช้กล่าวในวันพิธีฝัง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” แม้จะยืนยันว่า “จุด” ที่จะฝังหมุดนั้นเป็นจุดเดียวกับที่ยืนอ่านประกาศยึดอำนาจ แต่ก็ไม่ได้บอก “พิกัด” ชัดเจนไว้ในเอกสารว่า “จุด” นั้น อยู่ตำแหน่งไหนในลานพระบรมรูปทรงม้า เนื่องจากสุนทรพจน์นั้นใช้กล่าวก่อนจะทำพิธีฝังหมุด ซึ่งทุกคนในที่นั้นย่อมเห็นด้วยตาอยู่เอง จึงไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำอีก


อย่างไรก็ดี ตลอดเวลาหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง มักจะมีข่าวเรื่อง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” นี้ ถูกแงะไปเก็บบ้าง ถูกย้ายที่แก้เคล็ดบ้าง แต่ก็ขาดหลักฐานยืนยันว่า ย้ายจากไหนไปไหน แล้วนำกลับมาไว้ตำแหน่งเดิม “แป๊ะๆ” เลยหรือไม่


เนื่องจาก “พิกัด” ที่แท้จริงไม่มี หลักฐานการเคลื่อนย้ายยังไม่ชัด จึงต้องถือ “เสมือนว่า” ณ “จุดยืน” ที่พระยาพหลฯ อ่านประกาศยึดอำนาจ หรือจุดที่ฝัง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” ยังคง “แน่นิ่ง” อยู่ที่เดิม ไม่ได้มีการ “เปลี่ยนแปลง” เลยในช่วงเวลา ๘๐ ปีมานี้


พระยาพหลฯ ไม่ได้อ่านประกาศคณะราษฎร?


ปัญหาสุดท้าย ที่ไม่ได้เป็นข้อถกเถียงใหญ่โต แต่เอกสารชั้นหลังๆ มักจะ “เชื่อว่า” เมื่อเวลา “ย่ำรุ่ง” นั้น พระยาพหลฯ ได้อ่าน “ประกาศคณะราษฎร” ต่อหน้าเหล่าทหารกองผสม ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งที่จริงบรรดา “คำให้การ” หรือบทสัมภาษณ์ของ “๔ ทหารเสือ” ก็ไม่ได้บอกเลยว่าสิ่งที่ พระยาพหลฯ ยืนอ่านขณะนั้นคือ “ประกาศคณะราษฎร” (ฉบับที่พิมพ์แจกประชาชนโดยหลวงประดิษฐ์มนูธรรม)


บทสัมภาษณ์ของพระยาพหลฯ ผู้อ่านประกาศยึดอำนาจ ที่เรียบเรียงโดย กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า


“เมื่อได้จัดการชุมนุมกำลังทหารในพระนคร และเชิญเสด็จเจ้านายมากักตัวไว้เป็นประกันสำเร็จลุล่วงตามอุบายและแผนการแล้ว พระยาพหลฯ ก็ประกาศวัตถุประสงค์ของการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตย”


บันทึกของพระยาทรงฯ ก็ไม่ได้ยืนยันว่าเป็น “ประกาศคณะราษฎร” เช่นกัน


“ผู้อำนวยการฝ่ายทหาร ได้ต้อนทหารทั้งหมดเข้าประตูรั้วเหล็กของพระที่นั่งอนันต์ฯ ภายหลังที่พระยา พหลฯ ได้อ่านคำประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครอง และได้ถูกตะโกนแต่งตั้งขณะนั้นเป็นต้นไป”


คำสัมภาษณ์ของพระฤทธิอัคเนย์ก็ตรงกับพระยาพหลฯ และพระยาทรงฯ


“ครั้นแล้ว พระยาพหลฯ ก็อ่านประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครอง ท่ามกลางนายทหารเหล่านั้น”


สุดท้ายคือบันทึกของพระประศาสน์ฯ ก็เช่นเดียวกับพระยาพหลฯ พระยาทรงฯ และพระยาฤทธิอัคเนย์


“เจ้าคุณพหลฯ ก็ประกาศเปลี่ยนการปกครองแผ่นดิน”


เมื่อเป็นเช่นนี้ คำถามคือ “ย่ำรุ่ง” ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ พระยาพหลฯ อ่านอะไร?


หลักฐานที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งที่ให้ความชัดเจนในเรื่องนี้คือหนังสือเรื่อง ทหารเรือปฏิวัติ ของ นายหนหวย ซึ่งได้ข้อมูลมาจากการสัมภาษณ์ผู้ก่อการฯ ฝ่ายทหารเรือเป็นหลัก ได้กล่าวว่า


“ที่นี้ พระยาพหลฯ พระยาทรงฯ สองสหายก็พากันร่างคำแถลงการณ์ขึ้นเพื่อประกาศแทนคำสมมุติในการฝึก คำแถลงการณ์นี้ได้เขียนเป็นภาษาเยอรมัน คำแถลงการณ์ฉบับนี้ไม่ใช่ฉบับที่พิมพ์แจกจ่ายแก่ประชาชน”


เหตุที่ต้องเขียนคำแถลงการณ์นี้เป็นภาษาเยอรมัน น่าจะเพื่อป้องกันการมีหลักฐานมัดตัวหากถูกจับ และเข้าใจการ “แทรก” คำสมมุติในการฝึก คือการกำหนดรูปแบบการฝึก การแบ่งฝ่ายรุกรับ ก็น่าจะเป็นการอำพราง “เนื้อหา” ในคำประกาศ (เช่นเดียวกับ “คำประกาศคณะราษฎร” ก็มีการอำพรางด้วยการพิมพ์ “แทรก” อยู่ในเนื้อหาอื่นๆ ก่อนจะตัดเนื้อหานั้นทิ้ง เหลือแต่คำประกาศ)


เพราะเมื่อถึงเวลาที่พระยาพหลฯ อ่านประกาศจริงๆ ก็เหลือเฉพาะ เนื้อหาเรื่องการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง และการกำชับกำลังพลในที่นั้นให้เชื่อฟังแต่โดยดี โดยควักคำประกาศออกมาจากกระเป๋าเสื้อ อ่านด้วยเสียงสนั่นดังลั่นลานพระบรมรูปทรงม้า


“แถลงการณ์ภาษาเยอรมันแต่อ่านเป็นภาษาไทย ของพระยาพหลฯ ฉบับนั้น มีใจความสำคัญแต่เพียงว่าบัดนี้คณะราษฎร, ทหาร, พลเรือน ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองไว้แล้วโดยเด็ดขาด เพื่อลบล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชอันเก่าแก่ลง และสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นตามแบบอารยะชาติทั้งหลาย


ขอให้นายทหารที่มิได้เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติอยู่ในความสงบอย่าทำการขัดขวาง และออกจากลานพระรูปฯ ไปไม่ได้จนกว่าจะได้สั่งให้กลับไป หากจะพอใจให้ความร่วมมือสนับสนุนแก่คณะราษฎร ซึ่งยึดอำนาจการปกครองก็ยินดียิ่ง ทั้งนี้เพื่อความเจริญของชาติบ้านเมือง”


ซึ่งเรื่องนี้ก็สอดคล้องต้องกัน กับร่างสุนทรพจน์ของพระยาพหลฯ ในวันพิธีฝัง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” เช่นเดียวกัน


“ณ จุดที่ข้าพเจ้าได้รับอุปโลกน์จากพวกพี่น้องผู้ร่วมก่อการให้เป็นผู้นำ และที่นั้นข้าพเจ้าได้ยืนกล่าวสุนทรพจน์ เพื่อปลุกใจเพื่อนที่เคยร่วมตายทั้งหลาย และได้สั่งการอย่างเด็ดขาดในการที่จะดำเนินการต่อไป และได้กำหนดโทษไว้อย่างหนัก ถ้าผู้ใดขัดขืนคำสั่งและละเมิดวินัยในการกระทำหน้าที่ ซึ่งเกี่ยวแก่การเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น”


จึงน่าจะเป็นที่แน่นอนว่า วันนั้น พระยาพหลฯ ไม่ได้อ่าน “ประกาศคณะราษฎร” แต่เป็นแถลงการณ์ยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีการปลุกใจ และสั่งการควบคุมทหารให้ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเด็ดขาด


สรุป


ในวันยึดอำนาจการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ กองทหารผสมมาชุมนุมพร้อมกันเวลา “ย่ำรุ่ง” ๐๖.๐๕ น. จากนั้นเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. พระยาพหลฯ ก้าวมายืนอยู่ ณ จุดที่ฝัง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” ในลานพระบรมรูปทรงม้า ท่ามกลางเหล่าทหารกองผสม เพื่ออ่านแถลงการณ์ยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง และปลุกใจเพื่อนทหารที่มาชุมนุมอยู่ที่นั้น


เมื่อกล่าวจบคณะผู้ก่อการฝ่ายทหารก็นำทหารเปล่งเสียงขึ้น ๓ ครั้ง


ไชโย, ไชโย, ไชโย


ปัจจุบัน “สถานกาแฟนรสิงห์” อันเป็น “ก้าวแรก” ของรัฐธรรมนูญ ได้เลิกกิจการไปแล้ว คณะราษฎรรุ่นก่อตั้งก็ไม่เหลือแล้ว หลัก ๖ ประการในคำประกาศคณะราษฎร ก็เหลือเป็นเพียงอนุสาวรีย์ สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียง “จุดยืน” ของรัฐธรรมนูญที่หลายคน “ไม่รู้จัก” ซึ่งถูกฝังสนิทอยู่ “เบื้องล่าง” พระบรมรูปทรงม้า ที่ยังคงมีผู้ “เซ่นไหว้” ไม่เสื่อมคลาย


(อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ พร้อมภาพประกอบและเชิงอรรถ ได้ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับประจำเดือนมิถุนายน 2555)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1340456807&grpid=no&catid=53&subcatid=5300
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 257 258 [259] 260 261 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><