23 พฤศจิกายน 2567, 21:58:38
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 251 252 [253] 254 255 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2603670 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 35 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6300 เมื่อ: 03 มิถุนายน 2555, 22:25:36 »

164.

มีกังหันลมตั้งอยู่ในตู้ข้างละ 6 ตัว แต่ยังไม่ทราบอรรถประโยชน์ที่สร้างขึ้นมา

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6301 เมื่อ: 03 มิถุนายน 2555, 22:31:27 »

165.

ขณะที่อยู่วัดเชียกงหมิวแห่งนี้ มีกรุ๊ปทัวร์เข้ามา 3 กลุ่ม โดย 2 กลุ่มใหญ่มีไกด์พาเข้ามาโดยนั่งรถบัส เป็นคนไทย
ส่วนกรุ๊ปที่ 3 เดินทางมากันเองจากจังหวัดระยอง ภาษษไทยลั่นศาลไปหมด


ประการสำคัญ เจ้าหน้าที่ของวัดแห่งนี้แต่งชุดแดง และพูดภาษาไทยได้ทุกคนครับ
[/color]



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6302 เมื่อ: 03 มิถุนายน 2555, 22:35:02 »

166.

ฝนตกในช่วงที่จะกลับไปสถานีรถไฟฟ้า จึงต้องรอให้ฝนเบาลง เพื่อจะเตรียมไปหาที่พักและอาหารเที่ยง ก่อนจะเดินทางไปชม Disneyland ในภาคบ่าย

ฝนหยุดตก พร้อมพาทัวร์คณะใหม่มา คนไทยอีกเช่นกัน รวมเวลา 2 ชั่วโมง มีคนไทยมารวมทั้งสิ้น 5 คณะแล้ว

ฮ่องกงมีอะไรดีปานนั้น คนไทยถึงไปท่องฮ่องกงไม่ขาดสาย


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6303 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 08:47:32 »

สวัสดี ในวันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน 2555 ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาคือวันวิสาขบูชา และเป็นวันครบรอบ 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ หรือพุทธยันตี
ประเทศไทยมีร่องมรสุมพัดผ่านภาคเหนือและภาคอีสาน บวกกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่านทะเลอันดามันและอ่าวไทย ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักในหลายๆ พื้นที่ ทะเลมีคลื่นแรงชาวเรือต้องระมัดระวังการเดินเรือ

ท่านที่จะไปบำเพ็ญบุญในวันนี้ โปรดตระเตรียมอุปกรณ์กันฝนไปด้วย


พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมได้เลื่อนขึ้นไปพาดผ่านตอนบนสุดของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วประเทศมีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในทะเลอันเดามันควรงดออกจากฝั่งในระยะ 2-3 วันนี้ไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ เลย หนองบัวลำภู นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก  ฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. 
 
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #6304 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 09:42:54 »

สวัสดีวันวิสาขบูชาครับพี่เหยง
ตามพี่เที่ยวฮ่องกง เพลินเลยครับ ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย
เผื่อจะพาครอบครัวไปตะลุยบ้าง ไม่ได้ไปนานนนนน  มากแล้วเหมือนกันครับ
ขอบคุณสำหรับรูป เรื่องเล่า มากเลยครับ



 ปิ๊งๆ รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6305 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 10:09:48 »

พุทธพาณิชย์อู้ฟู่!! วิสาขะ..วัดรวย เงินสะพัด 6 พันล.!!!
3 มิถุนายน 2555 19:39 น.

 
       วัดครึ่งนึง กรรมการครึ่งนึง...พุทธพาณิชย์เบ่งบานมาช้านาน เป็นเงามืดด้านหนึ่งของพระพุทธศาสนา จึงมีคำถามว่า ศาสนาพุทธนั้น เน้นเรื่องพระธรรมคำสอน ยึดถือปฏิบัติ ไม่ใช่หรือ ทำไมวัด พระสงฆ์ ในสังคมพระพุทธศาสนาของไทย จึงมุ่งแต่การเรี่ยไรเงิน ทรัพย์สิน เพื่อมาสร้างวัตถุ เช่น ศาลา โบสถ์ วิหาร อย่างยิ่งใหญ่เกินตัว
       
       มีการวิเคราะห์พบว่า ในวันพระใหญ่แต่ครั้ง มีเงินสะพัดจากเงินทำบุญถึงครั้งละ 6 พันล้านบาท แต่ขณะที่ปีหนึ่งคนไทย ทำบุญเข้าวัดถึงปีละ 3.5 หมื่นล้านบาท
       
      เศรษฐกิจเงินบุญ
       
       ศาสนาพุทธในเมืองไทยนั้นมีธรรมชาติอยู่อย่างหนึ่งคือดำรงอยู่ด้วยศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน และยอมรับว่าการจะดำรงคงอยู่ของพุทธศาสนาในเมืองไทยจำเป็นต้องมีเงินเข้ามาหล่อเลี้ยง ทว่าด้วยศรัทธาของสังคมที่มีรากฐานความเชื่อในพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน
       
       การบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้คนนั้นแขวนเกี่ยวอยู่กับความเชื่อเรื่องบุญกรรมก็ทำให้ประเทศไทยถึงขั้นติดอันดับหนึ่งเรื่องใจบุญที่สุดในโลกมาแล้ว จากการเปิดเผยของมูลนิธิช่วยเหลือการกุศลแชริตี เอด ฟาวน์เดชั่น (ซีเอเอฟ) แห่งสหราชอาณาจักรโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อประชากรพบว่าคนไทยร้อยละ85 บริจาคเงินเป็นประจำ
       
      เกียรติอนันท์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยถึงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า คนไทยทำบุญเฉลี่ย 250 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ทำให้เห็นได้ว่าตลาดการทำบุญนั้นมีมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยมีทั้งบริจาคเข้าวัดและบริจากเพื่อการกุศลอื่นๆด้วย และคิดรวมถึงการบริจาคเป็นสิ่งของ
       
       “ผมคิดว่าทำบุญเข้าวัดก็ไม่ต่ำกว่า3หมื่น 5 พันล้านบาทต่อปี โดยในวันพระใหญ่แต่ละวันผมคิดว่าน่าจะมีเงินไหลเวียนไม่ต่ำกว่า 6พันล้านบาท ซึ่งการที่เงินไหลเวียนระดับนี้ เรากำลังพูดถึงธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของศาสนาพุทธเป็นหลัก”
       
       ในมุมด้านการตลาดนั้น ความศรัทธาต่อวัดคือส่วนหนึ่งที่จะทำให้ผู้คนแห่แหนกันไปร่วมทำบุญบริจาค ซึ่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยดังกล่าว มองว่า คนไทยจะบริจาคเงินเกิดจากความเชื่อเรื่องบุญที่จะได้รับผลตอบแทน ได้ขึ้นสวรรค์ ได้พบประสบสิ่งดี ดังนั้นการทำบุญกับวัดที่ดีน่าเลื่อมไส หรือกับพระที่ประพฤติตนให้เป็นที่ศรัทธาจึงเป็นสิ่งที่ชาวพุทธยึดถือปฏิบัติกัน
       
       “เหมือนคนจะมองว่าการบริจาคให้พระนั้น ความบริสุทธิ์ของพระจะมีผลต่อปริมาณบุญที่จะได้รับกลับมา แต่เราไม่มีเครื่องวัดความบริสุทธิ์ของพระ เพราะฉะนั้นจึงยึดเอาชื่อเสียงมาเป็นเกณฑ์ พระเกจิอาจารย์ดังๆ ทำบุญกับท่านรับพรจากท่านก็น่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า
       
      “เพราะฉะนั้นถึงแม้เงินจะไหลเวียนสูงถึง 35พันล้าน แต่จริงๆ กระจุกอยู่ในวัดใหญ่มากกว่าวัดเล็กๆ เราจึงเห็นวัดบางวัดต้องปิดตัวไป หรือต้องอยู่กันแบบสภาพทรุดโทรม บางวัดศาลามูลค่า 50-60 ล้านได้ แต่ว่าบางวัดแค่ศาลายังไม่มีเลย”
       
       ความศรัทธาของชาวพุทธนอกจากศรัทธาในตัวพระเป็นรายบุคคล ซึ่งอาจเกิดจากการที่ลูกศิษย์บางคนเคารพนับถือแล้วได้โชคได้ดี จึงนำไปเล่าลือกลายเป็นชื่อเสียงของท่าน พุทธศาสนิกชนก็ยังศรัทธาในวัดใหญ่ๆที่มีชื่อเสียงด้านความดีของพระในวัด ซึ่งเกียรติอนันท์เห็นว่า วัดเหล่านี้เปรียบเสมือนแบรนด์ที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว ขณะที่วัดเล็กๆก็ลำบากในการดำรงไว้ซึ่งพุทธศาสนา
       
       “การทำบุญของคนไทยนั้นไม่ได้ทำบุญจนเกินตัว ก็จะรู้จักประมาณตนอยู่ในระดับนึงอยู่แล้ว ซึ่งก็จะเป็นการทำบุญเพื่อผ่อนคลายจากความตึงเครียดจากการทำงาน ผมคิดว่าต่อให้มูลค่าการทำบุญตรงนี้มันโตขึ้นก็ไม่เสียหาย เพราะผลที่ได้รับนั้นมันมากกว่า นั่นคือการที่คนไทยมีสำนึกทางจิตใจที่ดีขึ้น”
       
       ทำบุญให้ถึงแก่น
       
       จากมูลค่าของเงินที่ไหลเวียนอยู่ในการทำบุญของชาวพุทธ ด้านหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือการเสาะหาผลประโยชน์จากบุคคลบางกลุ่ม กรณีของพระจัดงานบุญเรี่ยไรจึงเกิดขึ้นบ่อยๆ บางครั้งถึงขั้นนำสวรรค์นำนิพพานมาขาย ในมุมมองของผู้ที่ดำรงอยู่ในแวววงพุทธศาสนาอย่าง หลวงพ่อทอง อาภากโร เจ้าอาวาสวัดสนามใน ให้ข้อคิดว่า ถ้าพูดถึงเรื่องพระแสวงหาผลประโยชน์ก็เห็นจะพูดกันได้ไม่จบ
       
       “หลายครั้งมันเกินความจำเป็น บางวัดสร้างกันจนไม่มีที่ยืนให้กับต้นไม้ มันโฆษณากันเกินไป เดี๋ยวก็สร้างเจดีย์ ศาลา เดี๋ยวก็สร้างอะไรที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันกลายเป็นทำให้คนโลภ คนไม่โลภในวัตถุ แต่โลภบุญ เรียกอีกอย่างว่า เมาบุญ จิตใจมันก็ตกต่ำเหมือนกัน”
       
       อย่างไรก็ตามเป็นข้อสังเกตว่า บางทีการทำบุญมากๆในสังคมไทย อาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่า เพราะผลประโยชน์ที่มากขึ้น ทำให้คนที่จิตใจอ่อนแออาจไหลเอนไปตามเงินที่มากองตรงหน้า
       
       “ถ้าฝึกมาไม่ดี จิตใจอ่อนแอเรียกว่าเสียพระเลยนะ กลายเป็นทำให้พระโลภ แล้วพระก็นำให้คนโลภไปอีก บวชซื้อรถ บวชผ่อนบ้าน พระบางรูปทำเป็นธุรกิจเลยนะ พุทธศาสนาในสังคมไทยเป็นเรื่องของรูปแบบมากจนเกินไป”
       
       โดยชาวพุทธในเมืองไทยนั้นการทำบุญ รักษาศีลเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ยังขาดการปฏิบัติ ในที่นี้ก็คือการมีสติอยู่กับปัจจุบัน การตื่นรู้ในทุกขณะจิตของชีวิต รู้ถึงทุกข์ รู้ถึงเหตุแห่งทุกข์ แล้วถึงลงมือดับทุกข์ด้วยตัวเอง
       
       “คราวนี้เราไม่รู้ คนไม่รู้ไม่เข้าใจ มันก็เดินผิดทิศหลงทาง ไปแก้กรรมบ้าง ไปสะเดาะเคราะห์ ศาสนาพุทธตอนนี้มันติดอยู่ที่พิธีกรรมมากจนเกินไป ถ้ารู้มีสติก็แก้ไขมันดำรงอยู่ในการใช้ชีวิตปกติ”
       
       ในความเห็นของเจ้าอาวาสวัดสนามในมองว่า ทางออกนั้นต้องเริ่มจากคณะสงฑ์ที่ต้องหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่ควรนั่นคือการมุ่งเน้นที่การปฏิบัติ เพราะอย่างไรเสียพระก็ต้องเป็นฝ่ายนำผู้คนในสังคมให้ไปพบกับหนทางที่ถูกต้อง
       
       “คือถ้าให้คนธรรมดาหันมานำพระ เลิกบริจาค คนธรรมดาก็จะรู้สึกบาป ไปเถียงพระ ดังนั้นพระต้องเป็นฝ่ายนำ”
       
       ในวันพระใหญ่แต่ละวันนั้น หลวงพ่อทอง อาภากโรให้คำแนะนำง่ายๆว่า วันเหล่านี้ถือเป็นหมุดหมายหนึ่งในการริเริ่มในการปฏิบัติธรรม
       
       “ไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่ต้องมีวัตถุเยอะแยะ ปฏิบัติก็คือให้เราอยู่กับตัวเอง มีสติ รู้ตัว แค่นี้ก็เป็นการกระทำบุญที่ถูกที่ตรง ไม่ต้องเอาวัตถุมากมายมาสักการะบูชา มันเป็นแค่ส่วนประกอบนิดหน่อย การปฏิบัติบูชาเป็นที่สุด ไม่ต้องมีการบริกรรมคาถา ให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน การยืน การนั่ง การนอน การเดิน การพูด การเหยียด การเคลื่อน การไหวยิ่งเป็นบุญสูงเป็นบุญที่สุดเลย ให้เรามีสตินี่แหละ”
       
       
       วิธีทำบุญในวันพระใหญ่
       
       1.ให้ทำบุญกับวัดที่คนไม่ค่อยไปเพื่อกระจายเงินไปยังวัดที่ยังขาดแคลนบ้าง
       2.เลือกวัดที่ดีที่ตอบแทนกลับสู่สังคมด้วย
       3.หากทำไม่ได้ทั้งสองข้อแรก (ไม่มีเวลาพอจะหาวัด) ก็อาจจะไม่ต้องทำบุญเป็นสิ่งของ หรือเงินทอง เพียงแค่ปฏิบัติธรรมด้วยตัวเองก็ถือเป็นบุญที่สูงสุดแล้ว
       
       ภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต

จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9550000068116
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6306 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 10:22:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 04 มิถุนายน 2555, 09:42:54

สวัสดีวันวิสาขบูชาครับพี่เหยง
ตามพี่เที่ยวฮ่องกง เพลินเลยครับ ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย
เผื่อจะพาครอบครัวไปตลุยบ้าง ไม่ได้ไปนานนนนน  มากแล้วเหมือนกันครับ
ขอบคุณสำหรับรูป เรื่องเล่า มากเลยครับ



 ปิ๊งๆ รักนะ

สวัสดี หนุน

วันนี้แม้ไม่ได้ออกไปทำบุญตรงวัน แต่ได้ออกไปดำเนินการมาแล้ว ตลอด 3 วันที่ผ่านมา
อาทิ นำข้าวสาร น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมันพืช สบู่ แปรงและยาสีฟัน ผงซักฟอก ไปถวายให้วัดบ้านมะเกลือ
ซึ่งมีพระเณรมากที่สุดวัดหนึ่ง เนื่องจากเป็นวัดที่มีโรงเรียนสอนพระปริยัติ บาลีธรรม

ส่วนการไปเที่ยว แต่เดิมใช้บริการของทัวร์ นั่งรถจากโรงแรมไปลงปลายทาง
เลยไม่รู้เรื่องราว วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของชาวบ้านเลย
คราวนี้จึงลองดู เนื่องจากเคยไปกับทัวร์มาก่อน
เดิมจ่ายเงินเป็นก้อนให้ทัวร์ แล้วไม่ต้องรับรู้เรื่องใดๆ กิน เที่ยว ช๊อป นอน จนกลับถึงบ้าน
ไปครั้งนี้ต้องเตรียมตัวทุกอย่าง เพราะไม่ได้นั่งรถบัสแบบเหมาทัวร์
ไป-กลับ เบ็ดเสร็จรวม 5 คน เทียบกับไปกับทัวร์
ประหยัดลงมาได้ 28,000 บาทเศษหรือคนละกว่า 5,000 บาท
เองเงินไปซื้อทองคำแท่งได้ 1 บาท เหลือไปทานข้าวมื้อใหญ่ในเมืองไทยได้อีก ??!!


ในวาระสำคัญแห่งพุทธศาสนา
พี่เหยงขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ ดลบันดาลให้หนุนและครอบครัวมีความสุข ความเจริญ
ไม่มีทุกข์ สุขกาย สุขใจตลอดไปครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6307 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 21:27:24 »

อีกหนึ่งบทความ โดยเป็นบทบรรณาธิการของ ไทยโพสต์ ออนไลน์

ร่วมเฉลิมฉลองปีพุทธชยันตี ด้วยการลงมือกระทำ ตามพระธรรมคำสั่งสอน
บทบรรณาธิการ    4 June 2555 - 00:00

       วิสาขบูชา ปีพุทธศักราช 2555 พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นปีพุทธชยันตี 2,600 ปี หรือการตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศาสดาแห่งพุทธศาสนามายาวนานถึง 2,600 ปี เราจึงได้เห็นการเฉลิมฉลองจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทั้งในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีผู้นับถือศาสนาพุทธพำนักอาศัยอยู่ แม้กระทั่งองค์การสหประชาชาติก็ร่วมรณรงค์เฉลิมฉลอง เพราะตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2542 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้มีมติเห็นชอบ ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลกอีกวันหนึ่ง ทั้งนี้ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า

      “ทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายในโลก จะเห็นได้จากการยกเลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ ซึ่งเท่ากับเป็นการเลิกทาสโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่าอีกด้วย กล่าวคือทรงสอนให้ ไม่ฆ่าสัตว์ ให้รู้จักช่วยเหลือสัตว์ เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งคือ พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้ทุกศาสนา สามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนา เพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อชาวโลก” 

      พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยอาจจะร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตี หรือวันวิสาขบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ตามความตั้งใจ  ตามเจตนาการตั้งจิตอธิษฐาน ตามแต่อัตภาพ ตลอดจนตามแต่จริตของแต่ละคน เพราะมีการจัดงานหลากหลายรูปแบบให้เลือก อันเป็นสื่อสะท้อน หรือเป็นการแสดงสัญลักษณ์ถึงความเคารพและศรัทธาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนมาเป็นเวลานานถึง 2,600 ปี แต่น่าตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากการเฉลิมฉลองเชิงสัญลักษณ์ดังกล่าวแล้ว พุทธศาสนิกชนมากน้อยเพียงใด จะประจักษ์ และตระหนักเข้าใจแก่นแท้ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรารถนาให้ทุกคนได้เข้าถึงและเข้าใจมาจวบจนวันนี้กว่าสองพันปี

      ข้อสงสัยนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปแบบของการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี จนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่วกับภาวะจราจรที่ติดขัดเมื่อเร็วๆ นี้ แต่มองข้ามความจริงมิได้ว่า สังคมไทยก้าวข้ามสาระสำคัญของวันวิสาขบูชาเกินกว่าที่ท่องจำตั้งแต่เด็กๆ ไว้ว่า เป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้าหรือไม่ และอย่างไร จะปฏิเสธได้เต็มปากหรือเปล่าว่า นอกจากวันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการประจำปี เป็นวันพระใหญ่ที่ศาสนิกชนจะไปทำบุญใส่บาตร และพยายามงดเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือรักษาศีลห้า รวมทั้งการปฏิบัติธรรม บำเพ็ญภาวนาแล้ว ในชีวิตประจำวันหลังจากวันสำคัญทางศาสนาดังกล่าวแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังคงดำรงชีวิตตามอำเภอใจ สุดโต่งด้านใดด้านหนึ่ง และน้อยนักจะเดินสายกลางตามหลักพระธรรมคำสั่งสอนอันเป็นหัวใจของพุทธศาสนา

      การเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี ไม่ควรหยุดอยู่แค่งานพิธีเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นโอกาสที่ทุกคนที่สนใจหรือแม้แต่สงสัยในพุทธศาสนาจะได้หาความรู้อย่างจริงจัง เข้าให้ถึง เพื่อทำความเข้าใจว่า เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงเป็นสัตบุรุษ หรือองค์ศาสดาผู้ยิ่งใหญ่สืบต่อมาจนทุกวันนี้ พุทธศาสนิกชนสมควรต้องตระหนักรู้ว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้หนทางการแก้ปัญหาทุกข์ที่ยั่งยืนให้ตรงกับเหตุ ด้วยเหตุผลและปัญญาและการกระทำที่พึ่งตนเองที่เรียกว่า "อริยสัจ 4" คือ 1.กำหนดทุกข์ปัญหาให้ถูกต้องตามเป็นจริง 2.สมุทัย...หาสาเหตุของการเกิดทุกข์ให้ถูกต้องตามเป็นจริง 3.นิโรธ ..พิจารณาเหตุผลถึงการจะทำให้ทุกข์นั้นหมดไป 4.มรรค ..กำหนดหนทางปฏิบัติด้วยการพึ่งตนเอง และทรงชี้หนทางสายกลางของการสร้างสุขที่ถูกต้องด้วยตนเอง อริยมรรคมีองค์ 8 ซึ่งก็คือ ศีล สมาธิ และปัญญา

      ร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตีปีที่ 2,600 ด้วยการลงมือประพฤติปฏิบัติ นำพระธรรมคำสั่งสอน หรือสิ่งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ไปประยุกต์ใช้กับชีวิตตนเอง น่าจะเป็นการเข้าถึงเข้าใจในแก่นแท้ที่พระพุทธเจ้าทรงปรารถนาอยากเห็นพุทธศาสนิกชนเดินตาม โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่สังคมมีแต่ความขัดแย้งทางความคิด มีปัจจัยก่อให้เกิดความทุกข์ และความระแวงสงสัย เพราะความซับซ้อนของกลุ่มผู้มีอำนาจและอิทธิพลทางการเมือง ตลอดจนการมีวาระซ่อนเร้นอิงผลประโยชน์ส่วนตนมากมายโดยใช้ปัญญาอย่างขาดสติและขาดจริยธรรมนั้น ยิ่งเป็นโอกาสที่ต้องช่วยกันกระตุ้นเตือนถึงการใช้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหาทางออกหรือบทสรุปก่อนที่จะคิดตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
 
      ในฐานะสื่อมวลชนที่เป็นผู้สะท้อนถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยแล้ว เห็นว่า สื่อสาธารณะมากมายในยุคเทคโนโลยีไร้พรมแดนนี้ การรู้จักนำหลักคำสอนเกี่ยวกับ "กาลามสูตร" ของพระพุทธเจ้า มาเพื่อเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว หรือเป็นทางออกของการแก้ปัญหาในประเด็นต่างๆ นั้น เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนพึงศึกษาและลงมือปฏิบัติที่สุด เพราะกาลามสูตร เป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ อันได้แก่
1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา (มา ปรมฺปราย)
3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย) และ
10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)

      ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก หากพุทธศาสนิกชนจะลุกขึ้นฉลองพุทธชยันตีให้เพิ่มมากกว่าการเฉลิมฉลองตามพิธีกรรมอันเป็นเชิงสัญลักษณ์ โดยเฉพาะในการลงมือกระทำหรือเดินตามรอยพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งนี้เชื่อได้ว่า หากสังคมไทยเข้าถึงเข้าใจในแก่นแท้หัวใจของคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนำมาปฏิบัติแล้ว ปัญหาปรองดองจอมปลอมที่กำลังสร้างความปั่นป่วนและวิกฤติรอบใหม่ให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ทุกคนจะสามารถจะแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญสังคมไทยจะไม่ถูกหลอกให้เชื่อว่า นี่คือประชาธิปไตยและเพื่อคนไทยอย่างแน่นอน.


http://www.thaipost.net/news/040612/57733
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6308 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 21:32:17 »

167.

ออกจากวัด ก็เดินกลับสูสถานีรถไฟ Che Kung Temple
เพื่อเตรียมต่อรถไฟกลับไปยัง City Gate หรือสถานี Tung Chung
เพื่อหาอาหารเที่ยงทาน และเดินทางต่อไป Disneyland




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6309 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 21:36:06 »

168.

ระบบรถไฟฟ้าของฮ่องกง จ่ายไฟฟ้าผ่านสายไฟซึ่งขึงอยู่เหนือตัวรถ
ผิดกับของไทยที่จ่ายไฟฟ้าผ่านราง ระบบไหนจะปล่อยภัยกว่ากัน ??
ของเขาไม่อนุญาตให้ใครลงไปเดินในรางเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ค่าปรับถึง HK$55,000 หรือ 220,000 บาท

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6310 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 21:38:18 »

169.

เริ่มเห็นบรรยากาศของการไปเที่ยว Disneyland แล้วครับ

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6311 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 21:44:23 »

170.

เรากลับไปที่ Food Republic ซึ่งตั้งอยู่บน City Gate ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า Tung Chung




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6312 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 21:47:21 »

171.

วันนี้สั่ง ข้าวราดผัดกระเพรา ไข่ดาว แถมน้ำซุปถ้วยหนึ่ง ในราคา HK$43
เน้นกับผู้รับออเดอร์ว่า เอาแบบเผ็ดมาก ซึ่งแม่ค้าก็พูดไทยได้ชัดเจน




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6313 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 21:50:50 »

172.

ลูกสาวไปสั่งข้าวผัดแบบเกาหลีมา 1 จาน ในราคา HK$43 เช่นกัน



น้ำ Bonaqua ขนาด 500 ซีซี ขวดละ HK$20

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6314 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 21:57:13 »

173.

อิ่มมื้อเที่ยงแล้ว เราออกเดินทางจากสถานี Tun Chung ไปสถานี Sunny Bay
ซึ่งห่างออกไป 1 สถานี เพื่อเปลี่ยนขบวนรถไปสู่ Disneyland






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6315 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 22:00:52 »

174.

ณ สถานีซันนี่เบย์ Sunny Bay เพื่อรอขบวนรถไฟจาก Disneyland มารับ



ขบวนรถมาแล้ว ??


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6316 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 22:04:49 »

175.

บรรยากาศภายในขบวนรถ











      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6317 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 22:07:55 »

176.

วิ่งเพียง 1 ป้ายก็ถึงแล้ว







      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6318 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 22:09:18 »

ขณะนี้ 22.10 น.ครับ
ฟ้าเริ่มร้องอีกครั้งแล้ว พร้อมกับลมที่พัดแรง
ขออนุญาตไปดูความเรียบร้อย ก่อนฝนตกครับ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #6319 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555, 08:05:09 »

สวัสดีตอนเช้าค่ะ น้องเหยง
 ตามมาเที่ยวต่อค่ะ
ที่กรุงเทพฯ ฝนลงแค่ปรอยๆ อยากให้ตกหนักสักที่เหมือนกัน
แต่ก็คลายร้อนค่ะ
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #6320 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555, 08:41:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 04 มิถุนายน 2555, 10:22:53
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 04 มิถุนายน 2555, 09:42:54

สวัสดีวันวิสาขบูชาครับพี่เหยง
ตามพี่เที่ยวฮ่องกง เพลินเลยครับ ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย
เผื่อจะพาครอบครัวไปตะลุยบ้าง ไม่ได้ไปนานนนนน  มากแล้วเหมือนกันครับ
ขอบคุณสำหรับรูป เรื่องเล่า มากเลยครับ



 ปิ๊งๆ รักนะ

สวัสดี หนุน

วันนี้แม้ไม่ได้ออกไปทำบุญตรงวัน แต่ได้ออกไปดำเนินการมาแล้ว ตลอด 3 วันที่ผ่านมา
อาทิ นำข้าวสาร น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมันพืช สบู่ แปรงและยาสีฟัน ผงซักฟอก ไปถวายให้วัดบ้านมะเกลือ
ซึ่งมีพระเณรมากที่สุดวัดหนึ่ง เนื่องจากเป็นวัดที่มีโรงเรียนสอนพระปริยัติ บาลีธรรม

ส่วนการไปเที่ยว แต่เดิมใช้บริการของทัวร์ นั่งรถจากโรงแรมไปลงปลายทาง
เลยไม่รู้เรื่องราว วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของชาวบ้านเลย
คราวนี้จึงลองดู เนื่องจากเคยไปกับทัวร์มาก่อน
เดิมจ่ายเงินเป็นก้อนให้ทัวร์ แล้วไม่ต้องรับรู้เรื่องใดๆ กิน เที่ยว ช๊อป นอน จนกลับถึงบ้าน
ไปครั้งนี้ต้องเตรียมตัวทุกอย่าง เพราะไม่ได้นั่งรถบัสแบบเหมาทัวร์
ไป-กลับ เบ็ดเสร็จรวม 5 คน เทียบกับไปกับทัวร์
ประหยัดลงมาได้ 28,000 บาทเศษหรือคนละกว่า 5,000 บาท
เองเงินไปซื้อทองคำแท่งได้ 1 บาท เหลือไปทานข้าวมื้อใหญ่ในเมืองไทยได้อีก ??!!


ในวาระสำคัญแห่งพุทธศาสนา
พี่เหยงขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ ดลบันดาลให้หนุนและครอบครัวมีความสุข ความเจริญ
ไม่มีทุกข์ สุขกาย สุขใจตลอดไปครับ

ขอบพระคุณมากครับพี่เหยง
ตามชมต่อครับ มีบางตอนเปิด Maps จาก iPad สะกดรอยตามพี่ไปด้วยนะครับนี่
สมาชิกที่บ้านผมยังไม่เคยไปฮ่องกงดิสนีย์ เลยครับ


 หลั่นล้า รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6321 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555, 20:17:10 »

สวัสดีครับ พี่'อร หนุน

หลายปีก่อนที่ไปกับทัวร์ ซึ่งใช้วิธีนั่งรถบัสจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง
ทำให้เราไม่ทราบชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกงเลย

ทัวร์พาเราไปทานข้าว ไกด์ก็พกพริกขี้หนู น้ำพริกตาแดงบ้าง น้ำพริกนรกบ้าง ไปให้พวกเรา
อาหารที่รสชาติจืดชืด ไข่เจียวที่ทานกับซีอิ้วหวาน ไกด์ก็พกซ๊อสพริกไปให้เราด้วย

สรุป ไปทัวร์ฮ่องกง เราไม่รู้จักชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นั่นเลย
        เมื่อลูกสาวเสนอโครงการไปเที่ยวเอง โดยไม่อาศัยทัวร์ จึงสนใจ
        ดังเช่น สมาชิกห้อง 17 ของน้องอ้อยพากันไปเที่ยวอินเดีย แบบนั้นเลย
        ที่สามารถสะท้อนมุมอีกมุมที่ไม่เคยเห็นออกมา
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6322 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555, 22:55:21 »

177.

การรถไฟฟ้า MTR ของฮ่องกงจัดให้ทุกวันอาทิตย์เป็นวันที่อนุญาตให้เด้กอายุตำกว่า 7 ขวบ ขึ้นรถไฟฟ้าฟรี
เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถพาเด็กเหล่านี้ออกไปเปิดโลก ร่วมกับครอบครัวโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสาร
เป็นกุศโลบายที่ดี พัฒนาเด็กเพื่อชาติ มากกว่าการแสวงหากำไรเพียงสถานเดียวของกลุ่มผู้ลงทุน






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6323 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555, 22:58:24 »

178.

เพียงจัดสถานที่ที่เหมาะสมให้มีการถ่ายภาพ ผู้คนก็หลั่งไหลมาท่องเที่ยว
เงินจากการใช้จ่ายก็เข้ากระเป๋า สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นกอบเป็นกำ




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #6324 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555, 23:01:55 »

179.





แต่ละถุงที่หิ้วออกไป Disneyland ได้เงินเป็นกอบ-เป็นกำ สินค้าแบรนด์ Disneyland TM ราคาแพงเสมอ







      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 251 252 [253] 254 255 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><