คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ

[เหยง 16]

รายงานของสื่อเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้.........

สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังน่าห่วงหลายจุด 

ภาคใต้ 15 ม.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้หลายจุดยังน่าเป็นห่วง ถนนหลายสายถูกตัดขาด ทำให้ชาวบ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ขณะที่ยังมีคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยายังมีฝนตกหนักในภาคใต้ต่ออีก 1-2 วัน

ที่ จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ถนนสายนคร-ทุ่งสง ตำบลท้ายสำเภา อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกน้ำกัดเซาะจนขาด ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร เป็นระยะทางเกือบ 4 เมตร และคาดว่าน้ำจะหลากเข้าท่วมตัวเมืองนครศรีธรรมราชในช่วงค่ำวันนี้ เทศบาลต้องเร่งอพยพประชาชนมาอยู่ในที่ปลอดภัยชั่วคราว ทั้งระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำตามจุดต่าง ๆ

ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานี น้ำป่าระลอกใหม่จากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น หลากลงคลองสะวาด และเข้าท่วมพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ ความแรงของน้ำยังได้กัดเซาะตัวสะพาน ที่เชื่อมระหว่างบ้านปากฮาย ตำบลคลองสระ อำเภอกาญจนดิษฐ์ กับบ้านกรุงชิง อำเภอนบพิตำ จนขาด ทั้งที่เพิ่งจะซ่อมแซมเสร็จและใช้งานมาได้เพียง 4 วัน ประชาชนกว่า 1,000 ครัวเรือนถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ชาวบ้านต้องใช้เรือผูกติดกับเชือกชักรอก ข้ามคลองกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว

ขณะที่อ่างเก็บน้ำป่าพะยอม ตำบลเกาะเต่า อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ระดับน้ำเกินความจุอ่างแล้ว ชลประทานต้องเร่งระบายน้ำออก ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพขึ้นมาอาศัยถนนเป็นที่พักชั่วคราว

ด้าน จ.นราธิวาส ระดับน้ำท่วมเริ่มทรงตัวหลังฝนตกหยุดตก และมีแนวโน้มลดลงตามลำดับ แต่กลับเกิดปัญหาขยะมูลฝอยจำนวนมากที่ลอยมากับกระแสน้ำ และส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้าน

ที่ จ.สงขลา สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายลงตามลำดับ น้ำในคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำที่ 1 ลดระดับลงจนต่ำกว่าตลิ่งอย่างมาก เทศบาลนครหาดใหญ่ได้ปรับลดระดับการเตือนภัยเป็นธงเขียว ซึ่งหมายถึงสภาวะปกติแล้ว

อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนภาคใต้ ตั้งแต่ จ.ชุมพรลงไป ยังมีฝนตกเกือบทั่วไป โดยเฉพาะ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ยังมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ต่อไปอีก 1-2 วัน จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ในระยะนี้ คลื่นสูง 2-3 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง.- สำนักข่าวไทย

ที่มา : สำนักข่าวไทย 

[เอมอร 2515]

 เมื่อเช้าดูข่าว ยังเห็น น้ำยังท่วมอยุ่มาก
เห็นรถบรรทุกวิ่งน้ำกระจาย
 แม้จะมาเร็ว ไปเร็ว
 แต่บางที่ยังท่วมขังอยู่
ปีนี้ ประเทศไทยแย่เลย
แถมมาโดนข่าววินาศภัย
กระหน่ำซ้ำอีก

[Angy20]

เสียใจกับชาวภาคใต้ด้วยค่ะ

[เหยง 16]

สวัสดี น้องแองจี้

ชาวใต้ท่วมปีละ 2 ครั้งแล้ว หัวปี-ท้ายปี
มีนาคม 54 และสิ้นปี 31 ธ.ค. 54-1 ม.ค. 55 เป็นต้นมา
ต้องดูว่าปลายปีนี้จะเจออีกครั้งหรือเปล่า ??

[เหยง 16]

		อ้างถึง			ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 16 มกราคม 2555, 13:53:03
	เมื่อเช้าดูข่าว ยังเห็น น้ำยังท่วมอยุ่มาก เห็นรถบรรทุกวิ่งน้ำกระจาย  แม้จะมาเร็ว ไปเร็ว  แต่บางที่ยังท่วมขังอยู่ ปีนี้ ประเทศไทยแย่เลย แถมมาโดนข่าววินาศภัย กระหน่ำซ้ำอีก

พี่'อร

หากมองจากแผนที่จะพบว่า คลองที่มีอยู่นั้น ตัดขนานกับทางน้ำเป็นส่วนใหญ่
รวมทั้งถนนที่สร้างไว้ ก็ไม่มีช่องระบายน้ำ เพื่อให้น้ำไหลผ่านไปได้
น้ำที่ท่วมมาจึงกัดเซาะถนน คอสะพาน จนขาดเพื่อเปิดทางให้น้ำได้ไหลไปลงทะเล

[เหยง 16]

ฝนในภาคใต้เริ่มหยุดตกแล้ว แต่น้ำไหลบ่าลงจากเขายังมีอยู่ คาดว่าอีก 1-2 วันจึงจะเบา
ลง

                              พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 16 มกราคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น.  คลื่นกระแสลมตะวันตกที่เคลื่อนผ่านบริเวณภาคเหนือและ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ ส่วนบริเวณยอดดอยในภาคเหนือจะมีอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ในระยะ 1-2 วันนี้ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย
สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนกระจาย แต่ปริมาณเริ่มลดน้อยลง และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงในระยะนี้

[swsm]

เป็นห่วงเจ้าเจตน์เหมือนกันค่ะ ..    

[เหยง 16]

อ่านข่าวสดมาครับ..


วันที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7709 ข่าวสดรายวัน
คุณค่าที่เหลืออยู่

หน้าต่างศาสนา
พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี สำนักส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ


เราอาจเคยคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือ เงิน รถ บ้าน อาหาร อากาศ ฯลฯ

แต่พอเราผ่านภัยพิบัติต่างๆ ในชีวิตไปได้ จะทำให้รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ชีวิต นั่นเอง เพราะ...

1.สมบัติทุกอย่างจะมีค่าก็ต่อเมื่อเรามีชีวิต แต่หากไม่มีชีวิตทุกอย่างก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เหมือนผู้ประสบภัยที่ต้องหนีน้ำท่วม หรือผู้ประสบอัคคีภัยที่ต้องเอาตัวรอดภายในเสี้ยววินาที แล้วไม่สามารถถือสิ่งใดติดมือมาได้เลย เกิดความเศร้าเสียใจ เสียดายสมบัติ ลืมสิ่งที่มีค่าสุดคือ ชีวิตเราเองและคนที่เรารักที่รอดมาได้ แทนที่จะดีใจกับชีวิตนี้ กลับเอาความทุกข์ไปใส่ตัวเอง

2.สิ่งสำคัญที่สุด คือ สิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ใช่สิ่งที่หายไป คุณค่าจริงๆ ของทุกสิ่ง คือ เมื่อมันยังอยู่กับเราและเราได้ใช้มันเท่านั้น อย่างกับเสื้อ 1 ตัวที่เราใส่ กับเสื้อ 100 ตัวที่อยู่ที่บ้านหรือที่ร้านค้า ตัวไหนมีค่ามากกว่ากัน ก็ต้องเป็นเสื้อตัวที่เราใส่อยู่ ซึ่งให้ความอบอุ่นกับเราได้ ส่วนอีกร้อยตัวจะมีราคามากขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้นและไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป เหมือนผู้ประสบภัยที่อาจจะเอาเสื้อมาได้ตัวเดียว ก็ให้รู้ว่านั่นคือสิ่งที่มีค่าสุดแล้ว ส่วนเสื้อตัวอื่นถึงมี แต่ไม่ได้ใส่ก็ไม่มีประโยชน์

...เพราะคุณค่าจริง มีเพียงแค่หนึ่งชีวิตกับสิ่งของที่ติดตัวเราไปได้ตลอด นั่นคือ บุญและกุศล ที่เราสั่งสมมานั่นเอง...

มีครั้งหนึ่งตอนทำกิจกรรมธรรมะเยียวยาใจ ณ ศูนย์ประสบภัยน้ำท่วม จ.ราชบุรี พระวิทยากรได้ถามถึงความรู้สึกของผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่มีความทุกข์ไม่ต่างกัน คือ เด็กมีความทุกข์ที่ไม่ได้ไปเรียน วัยรุ่นมีความทุกข์ที่ไม่ได้ไปเที่ยว หญิงวัยกลางคนนั่งปลอบใจ หญิงสูงวัยกำลังร้องไห้กับการสูญเสียบ้านที่ใช้เวลานานกว่าจะสร้างมาได้และคิดว่าคงหาไม่ได้อีก กับชายวัยกลางคนที่เริ่มทำใจ เมื่อไม่คิดถึงเหตุการณ์เหล่านั้น แล้วแต่ละคนก็พูดถึงระดับน้ำที่ประสบกันมา

"อย่าเครียดไปเลยครับ บ้านของผมท่วมแค่ตาตุ่มเอง แต่ต้องอพยพแล้ว" โยมผู้ชายกลางคนพูดขึ้น

"สงสัยเขากลัวน้ำจะมาเพิ่มใช่ไหมล่ะ เจริญพร" พระวิทยากรถามขึ้น

"เปล่าหรอกครับ คือท่วมแค่ตาตุ่มตอนยืนอยู่บนหลังคานะครับ" เขาตอบแบบอารมณ์ดี ทำให้ทุกคนยิ้ม

"เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไปหมดทั้งสุขและทุกข์ เหลือแค่ว่าเราจะเก็บอะไรไว้เท่านั้น สุขหรือทุกข์" คือ ข้อสรุปที่เกิดขึ้นในวันนั้น

หน้า 23

[เหยง 16]

กลับมาที่วัดที่เจ็ด
วัดที่เจ็ด วัดช้างค้ำ ชื่อเต็มคือ "วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร"
เป็นวัดที่เก็บอัฐิของเจ้าผู้ครองนครน่าน ในอดีต







พระประธาน ภายในพระอุโบสถ วัดช้างค้ำ



พระวิหารซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพระอุโบสถ (ภาพจากในเน็ตครับ)

[เหยง 16]

ภาพจากเน็ตครับ

ภาพพระอุโบสถ คู่กับพระวิหาร (หลังที่สูงกว่า)



พระธาตุ ตั้งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ

[เหยง 16]

หน้าอุโบสถ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร

[เหยง 16]

เข้าไปในพระวิหาร



ของโบราณที่วางไว้หน้าประตูทางเข้าพระวิหาร

[เหยง 16]

วิหารพระเจ้าทันใจ ตั้งอยูหลังพระธาตุ

[เหยง 16]

ติดๆ กันเป็นสถูปบรรจุอัฐิเจ้าผู้ครองนครน่านตั้งอยู่

[เหยง 16]

วัดถัดไปเป็นวัดที่แปดคือ "วัดพญาภู" อยู่ห่างจากวัดที่สี่-เจ็ดไม่มากนัก แต่ต้องขับรถไป
จำไว้ว่าอยู่ใกล้เรือนจำกลางจังหวัดน่านก็ได้ครับ


ประวัติโดยสังเขปของวัดพญาภู
วัดพญาวัด ตั้งอยู่ที่บ้านพญาวัด ตำบลดู่ใต้ ตามเส้นทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ กิโลเมตรที่ ๒๔๙-๒๕๐ ก่อนถึงตัว เมืองน่าน มีทางแยกซ้ายมือ ทางหลวงหมายเลข ๑๐๒๕ เข้าไปประมาณ ๓๐๐ เมตร วัดพญาวัด นับเป็น ปูชนียสถาน ที่เก่าแก่ และสำคัญ ของจังหวัดน่าน แห่งหนึ่ง มี เจดีย์จามเทวี หรือ พระธาตุวัดพญาวัด ซึ่งเป็นศิลปะผสมระหว่างล้านนา ล้านช้าง และศิลปะน่าน และ พระพุทธรูปพระเจ้าสายฝน ประดิษฐานอยู่ ภายในพระวิหาร ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ ของชาวบ้าน และมาขอฝน เมื่อเกิดความแห้งแล้ง ฝนไม่ตกตาม ฤดูกาลครับ



 

[เหยง 16]

เนื่องจากถนนซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดพญาภูเล็กและแคบ การถ่ายภาพหน้าบันของประตูวัดเก่า กระทำแทบไม่ได้เลย
หากจะถ่ายให้ได้ต้องเข้าไปในบ้านฝั่งตรงข้ามประตูวัด ซึ่งจะเป็นการไปรุกล้ำชาวบ้านเข้า

[เหยง 16]

พระวิหาร

[เหยง 16]

ภายในพระวิหาร



พระอัครสาวก (พระยืน-ด้านซ้าย)


พระอัครสาวก (พระยืน-ด้านขวา)

[เหยง 16]

พระธาตุอยู่ด้านหลังพระวิหาร

[เหยง 16]

วัดพญาภู เงียบสงบมากครับ บรรยากาศดีมากด้วย ไม่มีเสียงใดๆมารบกวนเลย




พระประธานในโบสถ์
ในโบสถ์ยังพบ สิ่งของที่ใช้ในการทำพิธีสืบชะตา ในคืนวันปีเก่าขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา

[เหยง 16]

ผ่านไปแล้ว 7 วัด + 1 วัดเมื่อวานนี้คือ วัดพระธาตุแช่แห้ง เวลาเลยเที่ยง
จึงขับรถอกไปทางริมน้ำน่าน ร้านอาหารในบรืเวณนี้ รสชาติใช้ได้ และราคาไม่แพงครับ

[เหยง 16]

จากร้านอาหาร ไปทานกาแฟต่อที่ร้านภูฟ้า ที่อยู่ใกล้กับทางขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำน่านไปวัดพระธาตุแช่แห้ง
ร้านนี้ขายกาแฟ ขนนมากกว่าสินค้าประเภทอื่นๆ ของร้านภูฟ้า

[เหยง 16]

อิ่มแล้ว จึงออกเดินทางต่อ โดยตรงไปทางที่จะออกอำเภอปัว (ทางไปสนามบิน)
วัดที่เก้า คือ วัดสวนตาล

[เหยง 16]

ประวัติวัดสวนตาล อ.เมืองน่าน
วัดสวนตาล  ไหว้พระเจ้าทองทิพย์

            วัดนี้สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมมาวดีชายาของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่านเมื่อราว พ.ศ.1955 เป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองน่านด้านพิศเหนือ ในบริเวณที่เป็นสวนตาลหลวง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด ตัวเจดีย์หลังวิหารนั้น เดิมเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย ต่อมาพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ผู้ครองนครน่านโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2547 ได้แก้ไขรูปทรงเป็นเจดีย์ยอดปรางค์ ดังปัจจุบัน

            ภายในวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน พระเจ้าทรงทิพย์ พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยองค์ใหญ่หน้าตักกว้าง  10  ฟุต  สูง 14  ฟุต  4 นิ้ว  พระเจ้าติโลกราช แห่งนครเชียงใหม่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี  พ.ศ.1993 เพื่อแสดงถึงชัยชนะ ที่พระองค์สามารถยึดเมืองน่าน ไว้ในพระราชอำนาจ

            ทุกปีใหม่ช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์ ชาวน่าน จัดงานนมัสการ และสรงน้ำพระเจ้าทองทิพย์ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระพี่นางเธอ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ฯ ประทานน้ำสรงเป็นประจำทุกปี ชาวน่านเคารพนับถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง
 

[เหยง 16]

ภายในวัดสวนตาล