23 พฤศจิกายน 2567, 18:01:28
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 199 200 [201] 202 203 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2599911 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 19 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5000 เมื่อ: 08 มกราคม 2555, 16:04:54 »

มติชนออนไลน์ นำภาพใน มธ. ศูนย์รังสิต จำนวน 21 ภาพมาโพสต์ให้ชม ก่อนเปิดเรียนในวันพรุ่งนี้ 9 มกราคม 2555

ประมวลภาพ "มธ.รังสิต" หลังอุทกภัย-ก่อนเปิดเทอม 9 ม.ค. 55 เมื่อบาดแผลจาก "น้องน้ำ" ยังไม่ระเหยหาย
วันที่ 08 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 10:00:00 น

ในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 สถานที่ทำการของหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งได้เปิดตัวเองเป็นศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย โดย 1 ในศูนย์ใหญ่ขณะนั้น ก็มี "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต" เป็นอีกหนึ่งแห่งที่รองรับประชาชนผู้เดือดร้อน ก่อนที่ศูนย์พักพิงดังกล่าวจะประสบอุทกภัยเสียเอง


หลังน้ำลดปรากฏภาพสะเทือนความรู้สึกต่อศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้เคยข้องเกี่ยวแวะเวียนไปยัง มธ.ศูนย์รังสิต เพราะในหลายมุมของมหาวิทยาลัย แม้น้ำจะลดจนเหือดแห้งไปแล้ว แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยของปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งมีพลังทำลายล้างเหนือทุกสิ่งเอาไว้


ม.ธรรมศาสตร์ "ศูนย์รังสิต" เริ่มเปิดให้บริการแก่เหล่าผู้แสวงหาความรู้ในปีการศึกษา 2529 นักศึกษารุ่นแรกที่ได้ประเดิมชีวิต "เฟรชชี่" หรือ "เพื่อนใหม่" ปี 1 ณ ศูนย์รังสิต ที่ยังมีบทบาทเป็นที่รู้จักในปัจจุบันนี้ ก็มีอาทิ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
 

ในช่วงแรกๆ นักศึกษาสังกัดคณะสายสังคมศาสตร์ จะเรียนปี 1 รวมกับเพื่อนๆ สายวิทยาศาสตร์ ที่รังสิต จากนั้นเมื่อขึ้นปี 2 ก็จะได้มาเรียนที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ที่หลายคนยอมรับว่ามีบรรยากาศ "เย็น-ขลัง" กว่า


ต่อมาธรรมศาสตร์มีจุดเปลี่ยน ด้วยนโยบายที่กำหนดให้นักศึกษาที่เข้ามาเป็น "เพื่อนใหม่" ในรหัส 44 สายสังคมศาสตร์ ต้องเรียนที่ศูนย์รังสิต 2 ปี และท่าพระจันทร์ 2 ปี แม้จะมีการเคลื่อนไหวคัดค้านการย้ายปริญญาตรีสายสังคมศาสตร์ไปอยู่ที่รังสิตก็ตาม แต่ในท้ายที่สุด ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้ "บริหารจัดการ" ให้นักศึกษาในสายสังคมศาสตร์รหัส 49 เป็นต้นไป ต้องเรียนที่ศูนย์รังสิตทั้ง 4 ปี เช่นเดียวกับสายวิทยาศาสตร์
 

ทิ้งให้ข้อถกเถียงถึงต้นทุนทางสังคมบวกกับสถานที่ตั้งใน "พระนคร" อันสอดรับกับวิชาความรู้ด้านสังคมศาสตร์มากกว่าที่ศูนย์รังสิต ยังคงกลายเป็นเรื่องค้างคาใจกันต่อไป
 

ในวันที่ 9 มกราคม 2555 นี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเปิดเทอมภาคเรียนที่ 2 ซึ่งต้องเลื่อนมาจากเดือนพฤศจิกายนปีก่อนเพราะสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ "มติชนออนไลน์" จึงได้สำรวจการฟื้นฟูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต หลังน้ำลด มานำเสนอ ดังต่อไปนี้

คลิ๊กไปชมได้เลย..ที่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1325947747&grpid=01&catid=19&subcatid=1903






 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5001 เมื่อ: 08 มกราคม 2555, 16:21:27 »

เปิดแผนแม่บท "กยน." จัดการ "น้ำ" เร่งด่วน-ยั่งยืน
วันที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 13:00:00 น.


หมายเหตุ - สาระของร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาอุทกภัยระยะเร่งด่วน และร่างแผนปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำแบบบูรณาการและยั่งยืน (กรณีลุ่มน้ำเจ้าพระยา) ที่เสนอโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

แผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาอุทกภัยระยะเร่งด่วน

เพื่อรองรับปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในปี 2555 แผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน มีหลักการสำคัญ คือ ลดระดับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำท่วม ซึ่งหากเกิดปัญหาอุทกภัยจะต้องมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมน้อยที่สุด ประกอบด้วย 6 แผนหลัก ได้แก่ แผนงานบริหารจัดการเขื่อนเก็บน้ำหลักและการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศประจำปี แผนงานฟื้นฟูและปรับปรุงประสิทธิภาพสิ่งก่อสร้างเดิมหรือตามแผนที่วางไว้แล้ว แผนงานพัฒนาคลังข้อมูล ระบบพยากรณ์และเตือนภัย แผนงานเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่ แผนงานกำหนดพื้นที่รับน้ำนองและมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่เพื่อการรับน้ำ และแผนงานปรับปรุงองค์กรเพื่อบริหารจัดการน้ำ ดังนี้

1.แผนงานบริหารจัดการเขื่อนเก็บน้ำหลักและการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศประจำปี ระยะเวลาแล้วเสร็จ รายงานความก้าวหน้าต่อ กยน. ระยะเวลาแล้วเสร็จเดือนมกราคม 2555

2.แผนงานพื้นฟูและปรับปรุงประสิทธิภาพสิ่งก่อสร้างเดิมหรือความแผนที่วางไว้ แยกเป็น

-การปรับปรุงคันกั้นน้ำ อาคารบังคับน้ำ ระบบระบายน้ำให้ดีมีประสิทธิภาพในพื้นที่ทั่วไป งบประมาณปี 2555 จำนวน 7,062.82 ล้านบาท ส่วนปี 2556 จำนวน 4,435.7 ล้านบาท

 
 

-การปรับปรุงการระบายน้ำ ขุดคลอง ขจัดสิ่งกีดขวางกั้นคูคลอง และทางระบายน้ำ งบประมาณปี 2555 จำนวน 1,695.27 ล้านบาท

-การเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและบริหารจัดการน้ำหลากในพื้นที่เฉพาะ งบประมาณปี 2555 จำนวน 2,984.05 ล้านบาท

-การเสริมคันกั้นน้ำและการดำเนินการตามแนวพระราชดำริ งบประมาณปี 2555 จำนวน 868.2 ล้านบาท

3.แผนงานพัฒนาคลังข้อมูลและระบบพยากรณ์เตือนภัย จะแล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2555

-จัดทำแผนการพัฒนาคลังข้อมูล/จัดตั้งศูนย์ข้อทมูลแห่งชาติ

-จัดทำแผนการปรับปรุงระบบการพยากรณ์

-จัดทำแผนการระบบการเตือนภัย

4.แผนงานเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่-พัฒนาระบบป้องกันบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ที่มีความสำคัญ-ให้มีระบบสร้างคลังเครื่องมือ-จัดเตรียมแผนคมนาคมเมื่อเกิดอุทกภัย-แก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียจากน้ำท่วมขัง-จัดทำแผนช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบ ฯลฯ ระยะเวลาแล้วเสร็จ มี.ค.2555

5.แผนงานกำหนดพื้นที่รับน้ำนอง และมาตรการเยียวยา -กำหนดพื้นที่รับน้ำนองในเขตเจ้าพระยาตอนบน/เจ้าพระยาตอนล่าง-จัดทำแผนการผันน้ำลงสู่พื้นที่รับน้ำนอง-กำหนดมาตรการชดเชยผู้เสียหาย ระยะเวลาแล้วเสร็จ มี.ค.2555

6.แผนงานปรับปรุงบริหารองค์กรเพื่อการจัดการน้ำ ซึ่งในเดือนมกราคม 2555 จะต้องแล้วเสร็จ ประกอบด้วย

-จัดการประชุมหารือระหว่างคณะกรรมการ กยน.และคณะกรรมการ กยอ. เพื่อจัดทำข้อเสนอแผนงานการปรังปรุงองค์กรเพื่อบริหารจัดการน้ำ

-จัดให้มีคณะงานเฉพาะกิจเพื่อติดตามการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัยหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน

ทั้งนี้ งบประมาณในการจัดทำแผนระยะเร่งด่วน ในปี 2555 จำนวน 12,610.34 ล้านบาท ส่วนปี 2556 จำนวน 4,515.7 ล้านบาท

แผนปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำแบบบูรณาการและยั่งยืน

การบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศจำเป็นต้องดำเนินการในระดับลุ่มน้ำและครอบคลุมทุกลุ่มน้ำในประเทศทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยพื้นที่ต้นน้ำ ควรให้ความสำคัญกับแนวทางด้านการชะลอน้ำพื้นที่กลางน้ำ ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำ และพื้นที่ท้ายน้ำ ควรให้ความสำคัญกับการเร่งระบายน้ำและการผลักดันน้ำ โดยการดำเนินการเพื่อแก้ไขและบรรเทาความเสียหายอันเนื่องมาจากปัญหาอุทกภัยที่ได้ดำเนินการภายใต้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ภายใต้แผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประกอบด้วยแผนการดำเนินงานและกลุ่มโครงการที่สำคัญดังนี้

1.โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ตันน้ำ โดยการปลูกป่า สร้างฝายแม้ว และอนุรักษ์ฟื้นต้นน้ำ ฯลฯ ของแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน สะแกกรัง ท่าจีน ป่าสัก มีระยะเวลาในการศึกษา สำรวจ ออกแบบ 1-2 ปี งบประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบ

2.โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำป่าสัก เช่น โครงการแก่งเสือเต้น โครงการแม่วงก์ ฯลฯ

ระยะเวลาในการศึกษา 1-2 ปี งบประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบ

3.โครงการปรับปรุงพื้นยที่เกษตรชลประทานเป็นแก้มลิงประมาณ 2 ล้านไร่ เพื่อใช้เก็บน้ำหลากชั่วคราวประมาณ 6,000-10,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ในฤดูน้ำหลาก และสามารถใช้เป็นแหล่งปลูกข้าวนาปรังได้ปีละ 2 ครั้ง ประกอบด้วย พื้นที่ชลประทานของโครงการชลประทานพิษณุโลก (เขื่อนนเรศวร) และพื้นที่ชลประทานของโครงการเจ้าพระยาใหญ่ (เขื่อนชัยนาท) และพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ (ดูตารางประกอบ)

ระยะเวลาในการศึกษา ออกแบบ สำรวจ 1-3 ปี งบประมาณ 60,000 ล้านบาท มีกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบ

4.โครงการจัดทำน้ำหลากหรือฟลัดเวย์ และหรือทางผันน้ำ ขนาดไม่น้อยกว่า 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมทั้งถนนและอาคารองค์ประกอบต่างๆ เพื่อรับน้ำหลากจากแม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาหรือทั้งสองฝั่ง

ระยะเวลาในการศึกษาออกแบบ สำรวจ 1-2 ปี งบประมาณ 120,000 ล้านบาท มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม รับผิดชอบ

5.โครงการจัดทำผังการใช้ที่ดินและการใช้ประโยชน์ที่ดินในผัง รวมทั้งการจัดทำพื้นที่ปิดล้อม (คันริมแม่น้ำและระบบระบายน้ำ) ของพื้นที่ชุมชน พาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม ระยะเวลาในการศึกษา สำรวจ ออกแบบ 1-3 ปี งบประมาณ 50,000 ล้านบาท มีกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบ

6.โครงการปรับปรุงสภาพลำน้ำสายหลัก และคันริมแม่น้ำส่วนที่เหลือ จากกลุ่มโครงการที่ 3 และ 5 ใช้ระยะเวลาในการสึกษา สำรวจ ออกแบบ 1-2 ปี งบประมาณ 7,000 ล้านบาท มีกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบ

7.โครงการจัดระบบฐานข้อมูล ระบบพยากรณ์ ระบบเตือนภัย รวมทั้งการตจัดตั้งองค์กร กฎระเบียบที่จำเป็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ใช้ระยะเวลาในการศึกษา ออกแบบ สำรวจ 1-2 ปี งบประมาณ 3,000 ล้านบาท มีสำนักนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบ

ทั้งนี้ งบประมาณในการจัดทำแผนแบบบูรณาการและยั่งยืนทั้งหมด 300,000 ล้านบาท



หน้า 2 มติชนรายวันฉบับวันที่ 7 ม.ค. 2555

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1325908417&grpid=01&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5002 เมื่อ: 08 มกราคม 2555, 16:37:00 »

ฟัง "นักวิทยาศาสตร์" บ้าง ที่ผ่านมามีแต่ "หมอดู และหมอเดา" ??

′นาซ่า′หักคำทำนายโหร ยันปี2012 ไม่ใช่ปีแห่งหายนะโลกแตก เผยหนักสุดมีแค่ 4 วิกฤต
วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 17:30:29 น.

 
นักวิทยาศาสตร์ไทยประจำนาซาออกโรงค้านข่าวคำพยากรณ์ 2012 ไม่ใช่ปีแห่งหายนะหรือโลกแตก ชี้หวั่น 4 เงื่อนไข ′โรคระบาด-สงครามนิวเคลียร์-ซุปเปอร์โวลเคโน-อุกกาบาตชนโลก′ กระทบต่อมนุษย์ ยันนาซ่าติดตามใกล้ชิดไม่มีสัญญาณว่าจะถึงวันสิ้นโลก


ภายหลังมีคำทำนายว่า พ.ศ.2555 หรือ ค.ศ.2012 ถือเป็นปีแห่งหายนะของโลก และมีการพยากรณ์เกิดขึ้นมากมายว่าจะเกิดภัยธรรมชาติเกิดแผ่นดินไหว สึนามิ น้ำท่วม ภูเขาไฟระเบิด เขื่อนแตก และอุกกาบาตพุ่งชนโลก จนสร้างความหวั่นไหวให้กับผู้คน เป็นจำนวนมาก


จากกระแสข่าวดังกล่าว นายธวัช วิรัติพงศ์ ผู้จัดการด้านวิจัยและพัฒนาด้าน Advanced Tracking and Observational Techniques แห่งองค์การ บริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซ่า) ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์มติชนเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ถึงกระแสข่าวที่ออกมาว่าโลกจะแตก ว่ารู้สึกเป็นห่วง เพราะการพูดและบอกต่อผ่านระบบออนไลน์ ที่ส่งต่อถึงกันอย่างรวดเร็วจะก่อให้เกิดความแตกตื่นได้ เช่น ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้มีลัทธิหนึ่งถึงขั้นชักชวนให้คนฆ่าตัวตายหมู่หนีการเจอสภาพโลกแตก มีคนหลงเชื่อฆ่าตัวตายไปราว 30 คน อยากจะอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ว่าเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดทั้งสิ้น


"มีความเข้าใจผิดในข่าวลือ หรือเรื่องราวที่บอกต่อๆ กันอยู่ 4 เรื่อง ซึ่งอ้างว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสาเหตุให้โลกแตกคือ 1.ในดาว Nibiru (Planet X) ซึ่งมีขนาด 4 เท่าของโลกจะเคลื่อนเข้ามาชิดหรือชนโลก 2.จะเกิดพายุสุริยะ (Solar Storm) หรืออนุภาคที่พัดจากดวงอาทิตย์มายังโลกอย่างรุนแรงมาก ส่งให้เกิดความเสียหายต่อโลกอย่างมาก 3.โลกและดาวนพเคราะห์อื่นๆ จะเคลื่อนตัวมาเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน โลกจะเคลื่อนตัวผ่านวงโคจรอยู่ในระนาบเดียวกัน (Galactic Plane) คือโลกและดวงอาทิตย์จะอยู่แนวเดียวกับศูนย์กลางของทางช้างเผือก และ 4.ขั้วแม่เหล็กโลกจะหมุนสลับกลับขั้วจากเหนือไปใต้ ซึ่งทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมา มีการทำนายว่าจะมีผลให้โลกแตกหรือเกิดเหตุการณ์รุนแรงเทียบเท่ากับโลกแตกในวันที่ 21 ธันวาคม 2555" นายธวัชกล่าว
 

นายธวัชกล่าวว่า ความจริงข่าวลือดังกล่าว องค์การนาซ่าเคยแถลงข่าวเพื่ออธิบายให้ประชาชนทราบอย่างเป็นทางการไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะชี้แจงอธิบายให้คนไทยฟัง เพื่อความสบายใจและเป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
 

"ถ้าดาว Nibiru มีจริง กล้องดูดาวขนาดใหญ่จากหอดูดาวต่างๆ ต้องจับได้ และที่อ้างว่าดาว Nibiru ไปแอบอยู่หลังดวงอาทิตย์ ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะจะแอบอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา และดาวทุกดวงรวมทั้งโลกด้วยก็เคลื่อนตัวตลอดเวลาเช่นกัน และที่บอกว่าพายุสุริยะจะเกิดรุนแรงทุกๆ 11 ปี มาเป็นเวลาหลายล้านปีมาแล้ว และที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้โลกแตกหรือเกิดเหตุอภิมหาภัยพิบัติแต่อย่างใด ความเสียหายในปี 2555 คงจะมี เช่น ส่งผลต่อระบบสื่อสารดาวเทียม เป็นต้น แต่อาจจะน้อยกว่าเมื่อ 11 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ เพราะเรารู้ตัวและมีประสบการณ์ และได้หาวิธีป้องกันไว้บ้างแล้ว" นายธวัชกล่าว
 

นักวิทยาศาสตร์ไทยประจำนาซ่า กล่าวว่า นาซ่ายืนยันว่าในปี 2555 จะไม่มีการเรียงตัวในแนวเดียวกันของดาวนพเคราะห์หลายๆ ดวง และการเรียงตัวนี้จะยังไม่เกิดในอีกหลายสิบปี และถึงแม้ว่าจะมีการเรียงตัวกันของดวงดาวจริง จะไม่ส่งผลต่อโลก เพราะดาวส่วนใหญ่อยู่ห่างไกลจากโลกมาก ที่มีผลต่อโลกที่รู้รู้กันอยู่ ก็คือ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ส่วนเรื่องขั้วแม่เหล็กโลกจะหมุนเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ กว่าจะเปลี่ยนกลับขั้วจากขั้วเหนือเป็นขั้วใต้ได้ต้องใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 400,000 ปี และไม่มีผลต่อชีวิตมนุษย์เพราะจะเป็นไปอย่างช้าๆ ใช้เวลานานมาก การจะเปลี่ยนอย่างฉับพลันในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 นั้น เป็นไปไม่ได้เลย


นายธวัชกล่าวว่า ความจริงแล้ว คำว่าโลกจะแตกตามความเข้าใจของนักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้หมายความว่า แผ่นดินไหว แผ่นดินแยกดินถล่มเสมอไป แต่ความหมายจะรวมไปถึงมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนตายจำนวนมากเป็นร้อยล้านหรือพันล้าน ซึ่งตามหลักการวิทยาศาสตร์แล้ว ความเป็นไปได้ที่จะทำให้โลกแตกตามหลักการเช่นนี้ ที่นักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าเป็นกังวลมากมี 4 ประการ คือ 1.เกิดโรคระบาดจากไวรัสในเวลาอันรวดเร็ว และไม่สามารถควบคุมได้ 2.เกิดสงครามนิวเคลียร์ ซึ่งเวลานี้คาดว่าประเทศที่จะสร้างปัญหาเรื่องระเบิดนิวเคลียร์นั้น ไม่ใช่เกาหลีเหนือ หรืออิหร่านตามที่หลายคนกลัว เพราะสองประเทศนี้มีระเบิดนิวเคลียร์ไม่มากพอ แต่น่าจะเป็นสหรัฐอเมริกากับรัสเซียมากกว่า เนื่องจากสองประเทศนี้มีระเบิดนิวเคลียร์เก็บอยู่ประเทศละมากกว่าพันลูก


นายธวัชกล่าวว่า ประการที่ 3.ถือว่าน่ากังวลที่สุดคือ การเกิดซุปเปอร์โวเคโน (super voacno) หรือการระเบิดของภูเขาไฟที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งปกติแล้วซุปเปอร์โวเคโนนี้จะมีคาบเวลาการระเบิดประมาณ 7 แสนปี ช่วงเวลานับจากนี้จะครบรอบคาบพอดี นักวิทยาศาสตร์ค่อนข้างห่วงเรื่องนี้และจับตาการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด โดยซุปเปอร์โวเคโนนี้จะอยู่ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 23-24 ไมล์ มีความกว้างตั้งแต่ 10-100 กิโลเมตร โดยทั่วโลกมีซุปเปอร์โวเคโนอยู่ 6 แห่ง คือ ที่สหรัฐอเมริกา 3 แห่ง ประเทศญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาะสุมาตรา ประเทศฟิลิปปินส์ ประการสุดท้าย คือ เรื่องอุกกาบาตชนโลก


"ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าทีมดูแลโครงการค้นหาวัตถุนอกโลก กำลังจับตามองเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พบว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีอุกกาบาต ชื่อ 2005YU 55 ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 400 เมตร โคจรพุ่งเฉียดห่างจากโลกประมาณ 3 แสน 2 หมื่น 5 พันกิโลเมตร ถือว่าเฉียดโลกมากที่สุด โดยอุกกาบาตลูกนี้ค้นพบมาตั้งแต่ปี 2005 และรู้ว่ามันจะผ่านมาเฉียดโลกเมื่อเดือนที่แล้ว ถึงตอนนี้เราก็เฝ้าจับตาดูอยู่ พบว่าอีกประมาณ 16 ปี จะมีอุกกาบาตในลักษณะดังกล่าวพุ่งเข้าหาโลกอีก เรากำลังวางแผนจัดการ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเข้าใกล้มากแค่ไหน" นายธวัชกล่าว


นายธวัชกล่าวว่า ขอยืนยันในฐานะนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ติดตามเรื่องโลกและเรื่องนอกโลกที่จะมีผลต่อโลกอย่างใกล้ชิดว่าเวลานี้ไม่มีสัญญาณหรือเหตุการณ์ใดๆ ที่จะบอกว่าโลกจะแตกในปี 2012 แต่หากจะมีเหตุ 4 ข้อตามที่ตนบอกเอาไว้ข้างต้นและทำให้คนทั่วโลกตายนับร้อยล้าน หรือพันล้านจริง ไม่จำเป็นต้องเกิดในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 อย่างที่เป็นข่าวลือกัน แต่อาจจะเกิดก่อนหรือหลังจากนั้นก็ได้


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1325411930&grpid=00&catid=19&subcatid=1904
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5003 เมื่อ: 08 มกราคม 2555, 16:37:53 »

วัดที่สี่คือ วัดพญาวัด แปลว่า วัดเป็นใหญ่แห่งวัด

วัดนี้มีพระธาตุจามเทวี ซึ่งถือเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน



พระอุโบสถ มองจากด้านหน้า ช่อฟ้าตัวหน้า หลุดไป (สอบถามแล้ว ไม่ทราบสาเหตุ ?)



มองจากด้านหลังพระอุโบสถ เห็นพระธาตุน้อย (ในสภาพทรุดโทรม) ตั้งอยู่ด้านหลังโบสถ์ ก่อนถึงตัวพระธาตุจามเทวี
 


พระธาตุจามเทวี ก่ออิฐสอดิน เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ลดหลั่นกัน 5 ชั้นแต่ละชั้นและแต่ละด้านก่อเป็นซุ้ม 3 ซุ้ม
มีพระพุทธรูปยืนประจำอยู่ในซุ้ม




 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5004 เมื่อ: 08 มกราคม 2555, 17:19:59 »

โบว์ชัวร์ของวัดที่แจกให้นักท่องเที่ยว






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5005 เมื่อ: 08 มกราคม 2555, 17:59:31 »

จาก"วัดพญาวัด" ออกถนนใหญ่สาย 101 ข้ามสะพานเข้าเมืองไป 2 ไฟแดง จุดนี้จะมีวัดหลายวัด

ตรงไฟแดงที่สองคือวัดศรีพันต้น ซึ่งไม่มีในรายการไหว้พระ 9 วัด แต่ก็สามารถจอดไหว้ได้

แต่เนื่องจากถูกบังคับเลี้ยวขวาซะก่อน พอจอดรถได้ ก็อยู่หน้า "วัดมิ่งเมือง" พอดี



วัดมิ่งเมือง เป็นที่ตั้งของ "ศาลหลักเมือง" ด้วยครับ



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5006 เมื่อ: 08 มกราคม 2555, 18:02:06 »

บรรยากาศในวัดมิ่งเมือง ในส่วนของเสาหลักเมือง






      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5007 เมื่อ: 08 มกราคม 2555, 18:20:30 »

ขออนุญาตออกไปงานที่วัดนครสวรรค์ครับ

โดยมีพยากรณ์อากาศ จากอุตุนิยมวิทยา เมื่อ 17.00 น. ดังนี้ครับ


พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 8 มกราคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ มีกำลังปานกลาง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 9-14 ม.ค. 55 จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ทำให้ภาคเหนือมีฝนในระยะแรกจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา บริเวณภูเขาสูงในภาคเหนือจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้จะมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนเข้ามาปกคลุม ลักษณะเช่นนี้ทำให้อ่าวไทยคลื่นลมแรงขึ้น และภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้น โดยจะมีฝนตกหนักได้ในหลายพื้นที่

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5008 เมื่อ: 09 มกราคม 2555, 09:00:19 »

สวัสดีในเช้าวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2555 ครับ

พยากรณ์อากาศของอุตุนิยมวิทยาในเช้าวันนี้......


พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 9 มกราคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ มีกำลังปานกลาง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 9-14 ม.ค. 55 จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ทำให้ภาคเหนือมีฝนในระยะแรกจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา บริเวณภูเขาสูงในภาคเหนือจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม.  

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.  

ภาคกลาง  อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร  

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ออกประกาศ : 9 มกราคม 2555 06:00

  
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #5009 เมื่อ: 09 มกราคม 2555, 19:29:10 »

สวัสดีครับพี่เหยง ... ครอบครัวพี่เหยง น่ารัก และอบอุ่นมากครับ  ^_^

ติดตามชมต่อครับ ... เก็บข้อมูล ไว้ตามไปเที่ยวครับ ... คราวที่่ไปหัวหิน เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน











      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #5010 เมื่อ: 09 มกราคม 2555, 19:29:41 »

ก็ตามพี่เหยงไปวัดห้วยมงคล มาแล้วครับ  หลั่นล้า

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5011 เมื่อ: 09 มกราคม 2555, 21:44:37 »

สวัสดีปีใหม่ ดร. มนตรี

ขอให้น้อง และครอบครัว มีความสุขตลอดปี 2555
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5012 เมื่อ: 09 มกราคม 2555, 21:49:03 »

พยากรณ์อากาศ ของอุตุนิยมวิทยา ระบุ........

พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 9 มกราคม 2555
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.  บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และในวันที่ 10-12 ม.ค. จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านบริเวณภาคเหนือ ทำให้ มีฝนเล็กน้อยในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลงได้ 2-3 องศา
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงวันที่ 10-14 ม.ค. 55 ทำให้ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

สรุป ภาคเหนือ อากาศยังหนาวเย็นและมีหมอกจัดในตอนเช้า และอาจมีฝนตกลงมาได้เล็กน้อย
       ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและอาจตกหนักในบางแห่งโดยเฉพาะในอ่าวไทย คลื่นสูงและลมแรง 
 



      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #5013 เมื่อ: 10 มกราคม 2555, 08:51:23 »

สวัสดีค่ะ น้องเหยง
ที่นครสวรรค์ ตอนนี้ คงกำลังอากาศดีนะคะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5014 เมื่อ: 10 มกราคม 2555, 12:51:22 »

สวัสดีครับพี่'อร

นครสวรรค์ เช้า-อากาศออกหนาวเย็นเล็กน้อย แต่บ่าย-จะออกร้อนครับ
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #5015 เมื่อ: 10 มกราคม 2555, 17:57:16 »

อากาศที่ลิสบอนก็อุ่นกว่าปกติ สำหรับเดือนมกราคม    ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5016 เมื่อ: 10 มกราคม 2555, 21:42:38 »

น้องหะยี

ดูท่า ภาคใต้อ่วมแน่
ขนาด ครม. ประกาศให้วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2555 ซึ่งเป็นวันตรุษจีน
เป็นวันหยุดราชการของ 3 จังหวัดภาคใต้คือ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยเลย


ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง บริเวณภาคใต้ "

ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 10 มกราคม 2555
 
     ในช่วงวันที่ 12-15 ม.ค. 2555 จะมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนผ่านบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใก้ลทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มริมน้ำบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 12-14 ม.ค. นี้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนและอุณหภูมิลดลง


ประกาศ ณ วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555
ออกประกาศ เวลา 16.30 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5017 เมื่อ: 11 มกราคม 2555, 09:38:57 »

ประกาศเตือน ฉบับที่ 2.......

ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง บริเวณภาคใต้ "

ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 11 มกราคม 2555
 
     ในช่วงวันที่ 12-15 ม.ค. 2555 จะมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนผ่านบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มริมน้ำบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 12-14 ม.ค. นี้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนและอุณหภูมิลดลง


ประกาศ ณ วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555
ออกประกาศ เวลา 5.30 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5018 เมื่อ: 11 มกราคม 2555, 17:46:16 »

เตือนภัยฉบับที่ 4 ในช่วงเย็นครับ..

ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง บริเวณภาคใต้"

ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 11 มกราคม 2555
 
     ในช่วงวันที่ 12-15 ม.ค. 2555 จะมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนผ่านบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นและอุณหภูมิจะลดลง ส่วนบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ดังนี้
ในช่วงวันที่ 12-14 ม.ค. 2555 บริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
ในช่วงวันที่ 13-15 ม.ค. 2555 บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา
จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มริมน้ำบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมใน
อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

ประกาศ ณ วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555
ออกประกาศ เวลา 15.30 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #5019 เมื่อ: 11 มกราคม 2555, 17:54:37 »

มีเตือนภัยเรื่องแผ่นดินไหว ซึนามิ แถวอาเจะ อินโดนีเซียด้วยค่ะ
จะกระทบมาถึงภาคใต้ของเราด้วยหรือเปล่า ก็ไม่รู้ ..
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5020 เมื่อ: 11 มกราคม 2555, 22:22:55 »

น้องหยี

ประเทศไทย มีเหลือเพียงไม่กี่จังหวัดเท่านั้น ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จากฝนตกหนักและน้ำท่วม
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5021 เมื่อ: 11 มกราคม 2555, 22:27:29 »

ขออนุญาตกลับไปไหว้พระวัดที่ 4 ของจังหวัดน่าน หลังพาไปแชเรื่องอื่นซะ 2-3 วัน

"วัดมิ่งเมือง" เป็นวัดที่มีศิลปะปูนปั้น ตรงซุ้มประ๖ุทางเข้าพระอุโบสถ



ภาพจากโบชัวร์





      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5022 เมื่อ: 11 มกราคม 2555, 22:30:05 »

พระประธานในพระอุโบสถ วัดมิ่งเมือง





      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5023 เมื่อ: 11 มกราคม 2555, 22:32:53 »

วัดนี้มีมัคคุเทศก์น้อย พานักท่องเที่ยวชมสถานที่ในวัดด้วย

หมายเหตุ: เป็นความคิดที่ดี เรื่องให้มีมัคคุเทศก์น้อย พานักท่องเที่ยวชมสถานที่
เพราะนักท่องเที่ยวจะได้ชมรายละเอียดที่มีได้ทั้งหมด นักเรียนที่เป็นมัคคุเทศก์น้อยก็พอมีรายได้ไว้ใช้




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5024 เมื่อ: 11 มกราคม 2555, 22:38:43 »

ออกจากวัดมิ่งเมือง เดินไปถึงสี่แยก (จำชื่อสี่แยกไม่ได้ครับ)
เป็นสี่แยกซึ่งจะมี "วัดภูมินทร์"อยู่ตรงข้ามกับ "วัดช้างค้ำ" และ"พิพิธภัณฑ์" ตรงข้ามกับ "สำนักงานท่องเที่ยว"

เราเลือกที่จะเดินไปทาง"พิพิธภัณธ์"เพื่อเจอสามแยกเล็กๆ จะพบทางเข้า"วัดหัวข่วง" ซึ่งเลือกเป็นวันที่ 5 ในการไหว้พระ


นี่ครับอาคารพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจังหวัดน่าน




      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 199 200 [201] 202 203 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><