21 กันยายน 2567, 11:23:32
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 140 141 [142] 143 144 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2522307 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3525 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 17:54:45 »

ไม่รู้ว่าจะมีเล่ห์อะไรออกมาให้ชมอีก ?? !!

http://www.thairath.co.th/content/eco/208790

"กิตติศักดิ์" สั่ง เจ้าท่าเปิดมือถือช่วยเหลือประชาชน

รมช.คมนาคม สั่งเจ้าท่าเปิดมือถือช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชม. ด้านอธิบดีกรมเจ้าท่าเผย ได้รับมอบเรือท้องแบน 15 ลำ เพื่อช่วยประชาชน หากต้องการความช่วยเหลือ โทรสายด่วน 1199
ฯลฯ

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3526 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 18:15:54 »

ข้อเสนอของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช

เบรก3เขื่อนใหญ่หยุดปล่อยน้ำ
วันพุธ ที่ 12 ตุลาคม 2554 เวลา 15:53 น

“สมิทธ” แนะหยุดปล่อยน้ำ 3 เขื่อนใหญ่ บรรเทาน้ำท่วมภาคกลาง พร้อมเร่งตั้งเครื่องสูบน้ำลงอ่าวไทย เผยกทม.รอดยาก ชี้น้ำท่วมหนักบริหารจัดการผิด

วันนี้ (12 ต.ค.) นายสมิทธ  ธรรมสโรช  ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา  กล่าวถึงข้อเสนอในการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดของประเทศไทยว่า  ขณะนี้ควรให้ 3 เขื่อนใหญ่ เช่น เขื่อนภูมิพล  เขื่อนสิริกิต์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หยุดปล่อยน้ำ  เพราะฝนไม่ตกแล้ว  จากนั้นตั้งเครื่องสูบน้ำที่ปลายแม่น้ำที่จะลงสู่ทะเลให้มากที่สุด เพื่อสูบน้ำออกปากอ่าว นี่คือวิธีเดียวที่จะระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ส่วนในพื้นที่กทม.นั้นยอมรับว่าอาจได้รับผลกระทบแน่นอน แม้จะมีการลงทุนทำอุโมงค์ยักษ์เพราะการระบายน้ำลงสู่เจ้าพระยาเมื่อเจ้าพระยาล้นก็จะกระทบกับพื้นที่อยู่ดี  รวมถึงความไม่มั่นใจในเขื่อนรอบกทม.ที่ทำไว้ว่าจะแข็งแรงพอรับน้ำหรือไม่

พร้อมแนะนำให้กทม. รับผิดชอบดูแลการป้องกันน้ำในพื้นที่ปริมณฑลข้างเคียงเช่น ปทุมธานีด้วย  เนื่องจากกทม.อยู่ติดจังหวัดต้นน้ำ หากแนวกั้นพังน้ำก็ต้องไหลเข้ากทม. ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงน้ำล็อตใหญ่ที่มาจากเขื่อนภูมิพล สิริกิติติ์  ป่าสักชลสิทธิ์ กำลังผ่านเข้ามาใน 3-4 จังหวัดที่ท่วมอยู่แล้ว  กทม.จึงต้องระวังเพราะเป็นช่วงน้ำทะเลหนุน ตอนนี้ดูแล้วกทม. คงรอดยาก

“ในช่วงที่เกิดน้ำท่วมรุนแรงผมว่าเราควรหยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนได้แล้ว  ฝนช่วงนี้ไม่มี  ปริมาณน้ำฝนที่จะตกเข้าเขื่อนแล้ว ทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนนี้ 3 เขื่อนใหญ่จะไม่มีน้ำเข้าแล้ว แต่เรายังปล่อยน้ำมหาศาลซ้ำเติมระบบน้ำท่วมที่อยู่ในภาคกลาง ฉะนั้นมันจึงท่วมหมดความเสียหายเป็นแสนล้านบาท การบริหารน้ำไม่มีการประสานงานกันทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน การไฟฟ้าว่าควรจะเก็บหรือปล่อยน้ำแค่ไหน” นายสมิทธ กล่าว

นายสมิทธ กล่าวต่อว่า  สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัจจัยจากภัยธรรมชาติ เพราะปริมาณฝนไม่ได้มากกว่าปกติจนทำให้เกิดน้ำท่วมได้ขนาดนี้ แต่ปัญหาหลักคือความผิดพลาดในการบริหารจัดการน้ำ ตั้งแต่ต้นที่เขื่อนใหญ่เก็บน้ำไว้จนเต็มที่  เพราะเกรงว่าหน้าแล้งจะไม่มีน้ำใช้ และเมื่อฝนตกหนักน้ำล้นเขื่อนจึงต้องปล่อยออกมาพร้อมกัน  สถานการณ์จึงวิกฤติอย่างที่เห็น  อย่างไรก็ตาม  ตนเห็นด้วยกับการตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) โดยรวมเอาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยงานกัน  แต่ปัจจัยที่ยังน่าเป็นห่วงคือการให้ข้อมูลของนักวิชาการที่ไม่รู้ข้อมูลจริง ทำให้รัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิด  เกิดความแตกตื่น รวมถึงจุดอ่อนที่หน่วยงานต่าง ๆยังไม่ประสานข้อมูลกันเท่าที่ควร  ซึ่งตนมองว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องตั้งกระทรวงน้ำ เพราะหน่วยงานบริหารน้ำในประเทศไทยมีถึง 20 หน่วยงาน  แค่นำหน่วยงานเหล่านี้มารวมกันก็จะสามารถไปควบคุมให้บริหารมีประสิทธิภาพ

นายสมิทธ กล่าวอีกว่า  ขอให้คนที่ไม่มีความรู้เรื่องอุตุนิยมวิทยา หรืออุทกวิทยาหยุดให้ข้อมูลที่จะทำให้ประชาชนตื่นกลัว  เช่น พายุในช่วงนี้ที่ส่วนตัววิเคราะห์แล้วไม่พัดผ่านเข้าไทย พร้อมกันนี้ ขอเตือนสิ่งที่รัฐบาลต้องระวังจากนี้คือร่องลมมรสุมที่จะเลื่อนจากภาคกลางตอนล่างไปยังตอนใต้  ผ่านจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช  สงขลา  ซึ่งปีที่แล้วช่วงเดือนเดียวกันก็มีพายุดีเปรสชั่น ก่อตัวทางทะเลจีนตอนล่างพัดเข้าสู่อ่าวไทย คลื่นลมที่พัดมาจะทำให้เกิดสตรอมเสิร์ช สูง 4-5 เมตร ทำให้คนที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่ง  จำเป็นต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย.

 
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=38&contentID=169267

 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3527 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 18:22:29 »

อัพเดทเมืองนครสวรรค์.....

ระบบประปาของเทศบาลนครนครสวรรค์ไม่สามารถส่งน้ำประปาได้
เนื่องจากน้ำท่วมมอเตอร์ปั๊มน้ำประปา
ในขณะที่ไฟฟ้าในบริเวณนั้น(บริเวณศาลเจ้าแม่ หน้าผา) ใช้การได้แล้ว
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3528 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 19:42:33 »

ทอดกฐิน-ทอดผ้าป่า ขณะประสบภัยน้ำท่วม

วันนี้วันออกพรรษา ต่อไปนี้คือ 1 เดือนของเทศกาลทอดกฐินและทอดผ้าป่า ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำกำลังจะบ่าเข้าอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กทม. สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ในขณะที่มีการพยากรณ์ว่า ภาคใต้จะเจอฝนในรอบสอง หลังจากต้นปี รับน้ำเต็มๆ ไปแล้ว 1 ระลอก

จะมีใครสักกี่คน ในจังหวัดที่กล่าวมาข้างต้นหรือ ณ ที่ใดในประเทศ คิดจะรวบรวมเงิน ปัจจัยต่างๆ กลับไปทอดกฐิน / ผ้าป่า ณ บ้านเกิดตัวเอง และในขณะที่มีวัดจำนวนมากประสบภัยน้ำท่วมอยู่ด้วยในขณะนี้ ซึ่งหลังน้ำท่วมผ่านไป ก็คงจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยเพื่อบูรณะ ซ่อมแซม ส่วนที่เสียหายไปกับน้ำ ทั้งนี้ยังไม่พูดถึงการก่อสร้างพนังกั้นน้ำสำหรับการต่อสู้ในปีต่อๆ ไป

ปีนี้ หากมีใครสักคนช่วยติดตามบันทึกก็ดีนะครับว่า มีวัดใดบ้างที่เป็น กฐินเงินล้าน กฐินเงินแสน กฐินเงินหมื่น กฐินเงินพัน จะได้ลงกินเนสส์?? ไว้เป็นประวัติ


'ทำบุญ' ออกพรรษา 'ยุคน้ำท่วม'แบบไหน? 'มหากุศล'
วันพุธ ที่ 12 ตุลาคม 2554 เวลา 0:00 น


แล้ววันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาเป็นวัน ’ออกพรรษา“ ก็เวียนมาถึงอีกครั้งในวันที่ 12 ต.ค. นี้ โดยวันออกพรรษาหรือวัน “ปวารณาออกพรรษา” เป็นหนึ่งในวันสำคัญทางพุทธศาสนา เป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือนของพระสงฆ์เถรวาท เป็นวันที่พระสงฆ์ทำสังฆกรรมปวารณาออกพรรษา ซึ่งนี่เป็นข้อปฏิบัติตามพระวินัยสำหรับพระสงฆ์โดยเฉพาะ แต่ออกพรรษาก็เกี่ยวข้องกับชาวพุทธทั่วไปด้วย...
   
ทั้งนี้ วันออกพรรษา พุทธศาสนิกชนแต่อดีตกาลจะเข้าวัดบำเพ็ญกุศลแก่พระสงฆ์ และถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน หรือแรม 1 ค่ำ เดือน 11 พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยก็นิยมทำบุญตักบาตรครั้งใหญ่ เรียกว่า “ตักบาตรเทโว” หรือ “ตักบาตรเทโวโรหนะ” เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติ กล่าวคือ ในวันถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากเทวโลกกลับจากการโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์
   
นอกจากนี้ ช่วงเวลาหลังวันออกพรรษา ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12  ชาวพุทธยังถือเป็นเวลากฐินกาล หรือ “ทอดกฐิน” ตามพระวินัยปิฎกเถรวาท ก็เป็นช่วงเวลาที่พุทธศาสนิกชนจะร่วมบำเพ็ญกุศลเนื่องในงานกฐินประจำปี ณ วัดต่าง ๆ โดยถือว่าเป็นงานบำเพ็ญกุศลที่ได้บุญกุศลมากงานหนึ่ง
   
ทว่าปีนี้...ก็อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ น้ำท่วมใหญ่ในหลายสิบจังหวัด วัดวาอารามจมอยู่ใต้น้ำมากมาย พระสงฆ์องค์เจ้าเดือดร้อนจำนวนมาก คนไทยก็ทุกข์สาหัสกันกลาดเกลื่อน ซึ่งสภาพการณ์เป็นเช่นนี้...สำหรับชาวพุทธที่ไม่ประสบภัยน้ำท่วม ควรทำบุญออกพรรษาแบบไหนจึงเหมาะสม???
   
กับปุจฉาข้อนี้ ทาง พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย บอกว่า...เทศกาลวันออกพรรษาสิ่งที่พุทธศาสนิกชนพึงกระทำคือการทำบุญ-ตักบาตรเทโว แต่ในปีนี้เป็นกรณีพิเศษ
   
“ประชาชน และพระสงฆ์ ต่างประสบความเดือดร้อนจากน้ำท่วม จึงอยากจะขอเชิญชวนให้อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทำบุญตักบาตรด้วยข้าวสารอาหารแห้งเพื่อรักษาประเพณีทางศาสนาให้คงอยู่ และนำเครื่องอุปโภคบริโภคออกมาช่วยกันบริจาคให้ผู้เดือดร้อน
   
อยากให้ทุกคนช่วยกันซับน้ำตา สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นขณะนี้นั้นหนักหนาสาหัสมาก ไม่มีอะไรดีไปกว่าการแบ่งปันน้ำใจซึ่งกันและกัน คนไทยเราอยู่รอดกันมาได้เพราะความมีน้ำใจ ความเอื้ออารี ช่วยเหลือกัน ทุกคนคือคนไทย พี่น้องกัน ใครมีกำลังทรัพย์ก็ช่วยทรัพย์ ใครมีของก็ช่วยบริจาคของ ใครมีแรงก็ช่วยแรง...“ …พระเทพวิสุทธิกวี แนะเรื่อง ’การทำบุญในยุคน้ำท่วมใหญ่“
     
ด้าน พระพิศาลธรรมพาที หรือ พระพยอม กัลยาโณ แห่งวัดสวนแก้ว บอกว่า...ปีนี้น้ำท่วมมาก ประชาชนและวัดเป็นจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน ทางวัดสวนแก้วก็จะมอบเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวเกษตรกรชาวสวนชาวไร่ที่เดือดร้อนเพราะน้ำท่วมครอบครัวละ 10,000 บาท จำนวน  30 ครอบครัว โดยมีเงื่อนไขให้ส่งคนในครอบครัว 1  คนมาช่วยทำงานให้วัด ปลูกกล้วยปลูกผักปลูกหญ้า 1 เดือน มีที่อยู่ที่กินให้เรียบร้อย ซึ่งได้ไอเดียมาจากบริษัทซึ่งหยุดทำงานเพราะน้ำท่วม จึงส่งพนักงานมาช่วยทำงานให้วัดโดยจ่ายเงินเดือนให้ปกติ
   
“ออกพรรษานี้ อาตมาขอความร่วมมือวัดทุกวัดที่ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมช่วยบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้งเพื่อช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ส่วนวัดที่ถูกน้ำท่วมก็ขอฝากประชาชนช่วยกันดูแล”
   
หลังออกพรรษาก็ถึงเทศกาลทอดกฐิน ปีนี้วัดถูกน้ำท่วมจำนวนมาก การทอดกฐินและทอดผ้าป่าของญาติโยมจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวัดมาก ซึ่งอยากให้สำรวจความต้องการของวัด ต้องคุยกับทางวัดว่าต้องการอะไรเป็นพิเศษเพื่อจัดหาของที่ถูกกับความต้องการ ความจำเป็น กฐินที่ท่านทั้งหลายทำไปนั้นจะได้เกิดเป็นมหากุศลจริง ๆ เพราะนำไปช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และบำรุงศาสนาได้อย่างแท้จริง
   
พระพยอมกล่าวอีกว่า...สิ่งสำคัญในตอนนี้คือ ข้าวสาร อาหารแห้ง เชื่อว่าพระหลาย ๆ วัดคงไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ไปอีกระยะหนึ่ง ที่สำคัญชาวบ้านในพื้นที่ก็ยากลำบาก ขาดเสบียงอาหารไม่ต่างกัน เพราะหายไปกับน้ำหมดแล้ว ดังนั้นกฐินในปีนี้ญาติโยมต้องนึกไปถึงปีหน้าเลย กฐินที่ท่านทำจะได้เกิดประโยชน์กับพระและวัดจริง ๆ เรียกว่าเป็นคุณจริง ๆ การจะได้บุญได้กุศลอย่างแท้จริง ไม่ใช่เอะอะทำอะไรก็บอกว่านี่เป็นมหาบุญ มหาทาน แต่ทำไปโดยไม่คิดใคร่ครวญ ไม่รอบคอบ อย่างนี้ประโยชน์ก็ไม่เกิด
   
“พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า คนให้ทานเก่งใช่ว่าต้องสรรเสริญ แต่ควรสรรเสริญคนที่ทำทานโดยคิดใคร่ครวญดีแล้วเพราะจะเกิดประโยชน์แก่ผู้รับมากกว่า ฉะนั้น การทำบุญ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ในปีนี้ก็ต้องสำรวจความจำเป็นของวัด มิฉะนั้นก็จะเป็นแค่พิธีกรรมเท่านั้น ไม่สามารถช่วยรักษาพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป...” ...พระพยอมกล่าว พร้อมทั้งระบุด้วยว่า...วัดกับชาวบ้านต้องร่วมแรงร่วมใจ แบ่งปัน พึ่งพาช่วยเหลือกันและกันยามเดือดร้อน ก็จะเกิดความสามัคคีปรองดอง ได้พึ่งพาอาศัยในการทำสิ่งดีงามกันต่อไป
   
นี่ก็เป็นวิสัชนา ’ทำบุญทำกุศลเทศกาลออกพรรษา“ ปีนี้
   
ในยุคที่หันไปทางไหนก็เจอ ’น้ำท่วม...น้ำท่วม...น้ำท่วม“.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=23&contentId=168945
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #3529 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 19:54:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 14:05:54
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 13:30:13
สวัสดีครับพี่ปี๊ด

จะกลับไปลุยน้ำที่นครสวรรค์มั้ย ??

เข้าบ้านไม่ได้ ครับ น้องเหยง อยู่ถัด รพ. สวรรค์ประชารักษ์ฝั่งตรงข้าม ด้านหลังต่อบ้านพัก หมอ ใช้เลขที่บ้าน ถ.ธรรมวิถี
แถวนั้นจะอิ่มนํ้า ก่อน เพราะเป็นแนวทางนํ้าโบราณ เขากบ สงสารเพื่อนๆ เขาทำงานกันไม่หยุดเลย หินคลุกไม่มีก็ไปขุดหิน
ภูเขามาถม หินลูกรัง พอ ดั้ม นํ้าก็พัดเอาไปบ้างส่วน แล้วก็จะพัดออกไปเรื่อยๆ ก็ต้องถมซํ้าอีก ทำงานเครียดกันมาตั้งแต่
เดือน สิงหาแล้ว ครับ ถ้าเหตุ ที่เกิด เกิดจาก การพนัน ตามข่าว ไอ้คนที่ก่อเหตุ ก็น่าจะเป็นอาหารไส้เดือนได้

พี่ปิ๊ด ... บอกท่านนายกฯ พักผ่อนบ้างเถอะครับ แค่นี้ก็ซึ้งแล้ว  ทำดีที่สุดแล้วครับ

ที่เหลือ พวกเรา ก็มาเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขกัน ...  อีกสักพัก ก็สามารถผ่านระยะเวลาแบบนี้ไปได้แล้วครับ
สะใจจัง
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #3530 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 19:59:51 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 13:04:55
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 11:29:30
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 07:39:49
ดร.มนตรี

ตั้งแต่ก่อน 06.00 น. ฝนเทลงมาหนักพอสมควร พี่กำลังเร่งสูบน้ำอยู่ครับ รู้สุกน้ำท่วมจะลามไปทั่วอีกครั้งหนึ่ง


หากว่า ท่าทางจะสูบสู้ไม่ไหว ก็พักนะครับพี่ ... แต่ถ้ายังไหวอยู่ก็สู้กันอีกสักยก

ตอนนี้ได้แต่หวังว่า หลังวันที่ 18 ต.ค. ไปแล้วระดับน้ำในแม่น้ำ น่าจะลดลง เป็นลำดับจนถึงสิ้น ต.ค. จน กลาง พ.ย. เหตุการณ์น่าจะปกติ นะครับ 


ดร.มนตรี

คุณตัน แกเป็นนักโปรโมทนะครับ
แกออกมาพูดในครั้งนี้ พี่ดูว่ามี 2 นัย คือ
     หนึ่ง-บริษัท พนักงานในการดูแลของแกกำลังประสบภัยน้ำท่วม และพี่เชื่อว่า แกไม่ได้ประกันภัยน้ำท่วมเอาไว้ด้วย
     สอง-ขอให้มหาชนช่วยเหลือแกด้วย ?? !! (ขณะนี้ แกโดนช้างเหยียบ ด้วยการลดราคาโออิชิ 2 ขวด 35 บาท โปรโมชั่นยาวเป็นเดือนทีเดียว)


ครับพี่เหยง ...

แต่สิ่งที่คุณตัน ทำในอดีตที่ผ่านๆมา เช่นการบริจาคทรัพย์ บริจาคแรง แม้แต่บริจาคความคิด เพื่อสาธารณกุศล รวมถึงการบริจาคช่วยเหลืออุทกภัยเที่ยวนี้ ... แม้บางครั้งจะแฝงด้วยการโปรโมท ... แต่ถ้าทำแล้วสังคมได้ประโยชน์ ไม่เกิดผลเสียกับใคร ... ธุรกิจคุณตันได้ประโยชน์  Win-Win ทุกฝ่าย

สำหรับผมแล้ว ... ถึงเวลาถ้า คนแบบคุณตัน เดือดร้อนขึ้นมา ... อะไรช่วยกันได้ก็ยินดีเต็มที่ เท่าที่สามารถทำได้ครับ  ^_^
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3531 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 20:33:36 »

ดร.มนตรี

พี่ยอมรับตามที่น้องบอก ซึ่งเป็นความจริง เพราะเศรษฐีคนอื่น มีแต่จะเอาเปรียบ และไม่เคยคิดบริจาคจริงๆ
หรือบริจาคก็เป็นแบบ "ทำบุญเอาหน้า ภาวนากันตาย" หรืออีกนัยคือ "เนื้อมีให้แต่เสือกิน หมาไม่มีสิทธิ"
คือ บริจาคกับบุคคลที่โด่งดัง มีชื่อเสียง มีอำนาจ และสามารถตอบแทนกลับได้
เขาจะไม่บริจาคตรง โดยบริจาคผ่านผู้มีอำนาจ เพื่ออนาคตให้ผู้มีอำนาจตอบแทนกลับครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3532 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 20:37:36 »

ที่สุด จังหวัดนครสวรรค์ต้องย้ายที่ทำการของศาลากลางไปอยู่ที่เนินเขาเขียวคือ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาคเหนือ ในขณะที่เทศบาลยังไม่สามารถกู้ระบบประปาคืนกลับมา เนื่องจากมอเตอร์ปั้มน้ำที่ใช้จ่ายน้ำไปยังบ้านต่างๆ จมน้ำ-หมดสภาพ !!

ผู้ว่าฯ"นครสวรรค์"ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ บางจุดท่วมมิด 3 เมตร
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19:59:50 น.
  
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ว่าสถานการณ์น้ำท่วมที่ทะลักเข้าเมืองปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ เมื่อ 2 วันก่อนนั้น ล่าสุดคันกั้นน้ำบริเวณเชิงสะพานเดชาติวงศ์ ช่วงป่าไม้จังหวัดเกิดพังเป็นแนวยาว ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมขยายวงมากขึ้นจนเกือบเต็มพื้นที่ร้อยเปอร์เซ็นต์

ทำให้นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่น้ำท่วม ให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่น้ำท่วมไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยภายในเวลา 18.00 น. เนื่องจากน้ำที่ทะลักเข้ามาท่วมในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ เนื่องจากพนังกั้นน้ำพังช่วงตลาดบ่อนไก่ ขยายวงกว้างเกินควบคุมโดยน้ำได้ท่วมจากจุดกลางตัวเมืองปากน้ำโพ คือ ถนนโกสีย์ ถนนมาตุลี ถนนอรรถกวี ถนนอารักษ์ ถนนดาวดึงส์ เรื่อยมาจนถึงอุทยานสวรรค์ และท่วมถนนซอยหิมพานต์ ข้ามฝั่งมาท่วมภายในศูนย์ท่ารถจนมิดสูงกว่า 2 เมตร แถมระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่องจุดที่ต่ำที่สุดรอบๆ อุทยานสวรรค์เกินกว่า 3 เมตรแล้ว

นายชัยโรจน์ มีแดง กล่าวว่า เวลานี้ศาลากลางจังหวัดน้ำท่วมหมดแล้ว ทำให้ทางจังหวัดต้องหาสถานที่ทำงานชั่วคราว โดยเบื้องต้นได้ใช้อาคารสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาคเหนือ ที่บริเวณเชิงเขาเขียวเป็นศูนย์ราชการชั่วคราว โดยจะใช้โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (จิรประวัติ) จังหวัดนครสวรรค์เป็นสถานที่จอดรถ ส่วนราชการจะสามารถไปทำงานได้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนช่วงนี้ไปก่อน

"การที่ทางจังหวัดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเนื่องจากน้ำที่ไหลเข้าท่วมมีปริมาณเกินควบคุมได้ คงต้องปล่อยให้น้ำไหลเข้ามาในเขตเทศบาลจนน้ำมีระดับเท่ากันกับแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าน้ำจะหยุดไหลเชี่ยวและนิ่ง ทางจังหวัดทำได้เพียงอพยพชาวบ้านให้ปลอดภัย จากนั้นค่อยๆ สูบน้ำออกเพื่อกู้กลับคืนมา" นายชัยโรจน์กล่าว
 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318424458&grpid=00&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3533 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 20:57:45 »

รับทราบข่าวล่าครับ.....

คณะกรรมการชมรมนิสิตเก่าหอพักฯ ได้ลงมติเลื่อนการจัดงาน "คืนสู่เหย้า" ออกไปก่อน
ซึ่งกำหนดเดิมจะจัดงานในวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 54 ณ ศาลาพระเกี้ยว
เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลาย
รวมทั้งชมรมฯ จะจัดกิจกรรมซับน้ำตาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3534 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 21:28:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 19:59:51
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 13:04:55
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 11:29:30
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 07:39:49
ดร.มนตรี

ตั้งแต่ก่อน 06.00 น. ฝนเทลงมาหนักพอสมควร พี่กำลังเร่งสูบน้ำอยู่ครับ รู้สุกน้ำท่วมจะลามไปทั่วอีกครั้งหนึ่ง


หากว่า ท่าทางจะสูบสู้ไม่ไหว ก็พักนะครับพี่ ... แต่ถ้ายังไหวอยู่ก็สู้กันอีกสักยก

ตอนนี้ได้แต่หวังว่า หลังวันที่ 18 ต.ค. ไปแล้วระดับน้ำในแม่น้ำ น่าจะลดลง เป็นลำดับจนถึงสิ้น ต.ค. จน กลาง พ.ย. เหตุการณ์น่าจะปกติ นะครับ 


ดร.มนตรี

คุณตัน แกเป็นนักโปรโมทนะครับ
แกออกมาพูดในครั้งนี้ พี่ดูว่ามี 2 นัย คือ
     หนึ่ง-บริษัท พนักงานในการดูแลของแกกำลังประสบภัยน้ำท่วม และพี่เชื่อว่า แกไม่ได้ประกันภัยน้ำท่วมเอาไว้ด้วย
     สอง-ขอให้มหาชนช่วยเหลือแกด้วย ?? !! (ขณะนี้ แกโดนช้างเหยียบ ด้วยการลดราคาโออิชิ 2 ขวด 35 บาท โปรโมชั่นยาวเป็นเดือนทีเดียว)


ครับพี่เหยง ...

แต่สิ่งที่คุณตัน ทำในอดีตที่ผ่านๆมา เช่นการบริจาคทรัพย์ บริจาคแรง แม้แต่บริจาคความคิด เพื่อสาธารณกุศล รวมถึงการบริจาคช่วยเหลืออุทกภัยเที่ยวนี้ ... แม้บางครั้งจะแฝงด้วยการโปรโมท ... แต่ถ้าทำแล้วสังคมได้ประโยชน์ ไม่เกิดผลเสียกับใคร ... ธุรกิจคุณตันได้ประโยชน์  Win-Win ทุกฝ่าย

สำหรับผมแล้ว ... ถึงเวลาถ้า คนแบบคุณตัน เดือดร้อนขึ้นมา ... อะไรช่วยกันได้ก็ยินดีเต็มที่ เท่าที่สามารถทำได้ครับ  ^_^

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 12 ตุลาคม 2554, 20:33:36
ดร.มนตรี

พี่ยอมรับตามที่น้องบอก ซึ่งเป็นความจริง เพราะเศรษฐีคนอื่น มีแต่จะเอาเปรียบ และไม่เคยคิดบริจาคจริงๆ
หรือบริจาคก็เป็นแบบ "ทำบุญเอาหน้า ภาวนากันตาย" หรืออีกนัยคือ "เนื้อมีให้แต่เสือกิน หมาไม่มีสิทธิ"
คือ บริจาคกับบุคคลที่โด่งดัง มีชื่อเสียง มีอำนาจ และสามารถตอบแทนกลับได้
เขาจะไม่บริจาคตรง โดยบริจาคผ่านผู้มีอำนาจ เพื่ออนาคตให้ผู้มีอำนาจตอบแทนกลับครับ


ขออนุญาต ดร.มนตรี และแฟนคลับของคุณตัน นำบทความจาก "มติชน ออนไลน์" มาลงไว้เพื่อบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ครับ

..............................................

เบื้องหลัง 1 คืนที่โรงงาน "อิชิตัน" ของ "กัปตัน" และ "คำขอร้อง" จาก "ตัน ภาสกรนที"
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 18:30:27 น.
 
"ผมเพิ่งโทรไปบอกลูกน้องว่าเรือ 100 ลำที่จะเอาไปบริจาค  ให้เก็บไว้ลำหนึ่ง"
 
"ตัน  ภาสกรนที" เล่าให้ฟังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ตอนแรก ลูกน้องคิดว่า "ตัน" จะเล่นเคล็ดตัวเลข

ลดจำนวนเรือจาก 100 เหลือ 99

เมื่อลูกน้องถามว่าอีกลำหนึ่งจะเอาไปไหน

คำตอบก็คือ "เอาไว้ที่บ้าน"

"ตัน" บอกว่ามัวแต่ช่วยคนอื่น  แต่ลืมตัวเอง

มหันตภัยครั้งนี้ใหญ่หลวงกว่าที่ใครจะคาดคิด

"จุดต่ำสุด" หรือ "จุดที่แย่ที่สุด" ที่คนอยุธยาและนครสวรรค์เคยคาดการณ์ไว้  วันนี้ทุกคนรู้แล้วว่า "ความจริง" ครั้งนี้เลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้หลายเท่าตัวนัก

ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา  "ตัน" ค่อนข้าง "อิน" กับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ตอนแรก เขาคิดว่าน้ำท่วมครั้งนี้จะบริจาคเงินช่วยเหลืออย่างเดียว

เพราะช่วงนี้ "ตัน" เริ่มลุยธุรกิจชาเขียว "อิชิตัน" อย่างเต็มตัว

ไม่มีเวลาว่างเหมือนตอนที่ช่วยน้ำท่วมครั้งก่อน

เขาขออนุญาตคู่ชีวิต "อิง" สุนิสา ภาสกรนที ว่าจะบริจาคเงินก้อนใหญ่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

40 ล้านบาท
 
แต่หลังจากเห็นข่าวอุทกภัยครั้งใหญ่ "ตัน" ก็ทนไม่ได้  เขาระดมมิตรรักแฟนเพลงจาก "แฟนเพจ" ของเขามาช่วยบรรจุของลงถุงยังชีพ  เพื่อนำไปบริจาคให้กับผู้ที่เดือดร้อน

ครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 กันยายน  ที่ "อารีน่า10"

มีคนไปร่วมประมาณ 2,000 คน

จากนั้น "ตัน" ก็ลุยซื้อเสื้อชูชีพ 10,000 ตัว และเรือท้องแบนขนาด 15-20 ที่นั่งจำนวน 100 ลำ

ส้วมไฟเบอร์ 12 หลัง  ส้วมกระดาษอีก 100 ชุด

และวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา  "ตัน" ก็ขอแรง "แฟนเพจ" เป็นครั้งที่ 2 เพื่อบรรจุของลงในถุงยังชีพจำนวน 20,000 ชุด

ครั้งนี้มีคนไปร่วม "จิตอาสา" ถึง 7,000 คน

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม  "ตัน" มีกำหนดการต้องไปมอบของให้กับผู้ว่าฯลพบุรี
 
แต่เขาเปลี่ยนใจ  เมื่อทราบข่าวจากลูกน้องว่าโรงงาน "อิชิตัน" มูลค่า 3,500 ล้านบาทของเขากำลังอยู่ช่วงวิกฤต
 
"ตัน" ตัดสินใจเข้าไปโรงงาน "อิชิตัน"

เพื่อสู้กับ”น้ำ”กับลูกน้อง
..................
 

ตั้งแต่เริ่มบริษัท ไม่ตัน และเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งเครื่องดื่มดับเบิ้ลดริ้งก์ และชาเขียวอิชิตัน

"ตัน" ใช้ระบบการจ้างผลิต

เพราะโรงงานใหม่ของเขาอยู่ระหว่างการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักร

และด้วยสไตล์การตัดสินใจอย่างรวดเร็วของ "ตัน"

โรงงานมูลค่า 3,500 ล้านบาทใช้เวลาก่อสร้างไม่ถึง 1 ปี

เดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้  โรงงานของเขาจะเดินเครื่องอย่างเต็มที่

และจะเป็นโรงงานชาเขียวที่มีกำลังการผลิตสูงสุดในเมืองไทย

ทันทีที่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่   และน้ำเริ่มตีโอบนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ

"ตัน" ก่อกำแพงสูงกว่า 3 เมตร  รอบโรงงาน

ตอนแรกเขาเชื่อมั่นว่ากำแพงดังกล่าวจะสู้กับ "น้ำ" ได้

แต่เมื่อโรงงานฮอนด้าถูกน้ำทะลักเข้าร่วม

ความมั่นใจของ "ตัน" เริ่มลดลง

แต่ยังเชื่อว่า "ปาฎิหาริย์" น่าจะมีจริง

คืนวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม  เขาได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องว่า "กำแพง" ที่กั้นไว้เริ่มจะสู้ไม่ไหว

อาหารและน้ำเริ่มร่อยหรอ และน้ำมันที่ใช้กับเครื่องปั่นไฟเริ่มไม่พอเพียง

ในขณะที่ลูกน้องเริ่มหมดแรงลงเรื่อยๆ

"ตัน" ตัดสินใจเข้าไปโรงงาน  เพื่อให้กำลังใจและสู้ร่วมกับ "ลูกน้อง"

ตอนเช้าที่คุยกัน  "ตัน" ยังมีเสียงที่สดใส

เขายังคิดแก้ปัญหาเรื่องการขนน้ำมันเข้าไปโรงงาน

และวางแผนจะไปนอนที่โรงงานร่วมกับลูกน้อง


"ผมเตรียมชุดนอนไว้แล้ว"

แต่พอตอนบ่าย  เมื่อโทรศัพท์ไปคุยกันอีกครั้งหนึ่ง

เสียงของ "ตัน" เริ่มเปลี่ยนไป

เขาบอกว่าคงต้องยอมรับความเป็นจริง  และวางแผนอพยพลูกน้องออกจากโรงงานให้ปลอดภัยที่สุด

"ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน"
 

ผ่านไปจนถึงช่วงเย็น  ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้  ช่วง "เจาะข่าวเด่น" 

"สรยุทธ์  สุทัศนะจินดา" บุกเข้าไปในโรงงาน "อิชิตัน" เพื่อสัมภาษณ์ "ตัน"

ไม่มีใครเห็นภาพ  เพราะรถถ่ายทอดสดไม่สามารถเข้าไปได้
 

มีแต่เสียงของ "ตัน" และ "สรยุทธ์"

ช่วงต้นเขายังคุมอารมณ์อยู่  "ตัน" ยังบอกว่าคนที่เดือดร้อนกว่าเขายังมีอีกมากมาย  เขายังมีกำลังที่จะสู้ต่อได้

"แต่วันนี้คงจบแล้วสำหรับภารกิจกู้โรงงาน พรุ่งนี้ก็กลับไปทำมาหากินกันต่อ  ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เราต้องมีกำลังใจ"

เมื่อ "สรยุทธ์" รู้ว่า "ตัน" จะนอนค้างที่นี่ เพื่อส่งพนักงานคนสุดท้ายออกไปให้หมด และเหลือคนอยู่เฝ้าโรงงาน 5 คน 

เขาเสนอทางเลือกว่าให้ช่วยนำพนักงานออกให้หมดภายในคืนนี้แล้ว "ตัน" ออกไปด้วยกันกับเขา

แต่ "ตัน" ปฏิเสธ บอกว่าที่นี่ยังมีเครื่องปั่นไฟ มีอาหาร

"ผมขออยู่ที่นี่สักคืนหนึ่ง" เสียงของ "ตัน" เริ่มสั่นเครือ และขาดหายเป็นช่วงๆ


"....อยู่ให้สมกับที่ลงทุนไป"

ในจอโทรทัศน์มีแต่ความเงียบประมาณ 10 วินาที   

ไม่มีเสียงของ "ตัน" หรือ "สรยุทธ์"

เพราะ "ตัน" ร้องไห้
.................

ภาพของ "ตัน" น้ำตาคลอ แพร่ภาพอีกครั้งในช่วง "เรื่องเล่าเช้านี้"

พร้อมกับ "แฟนเพจ" เข้ามาให้กำลังใจ 6,000 กว่าคน

3 โมงเย็นของวันพุธที่ 12 ตุลาคม  "ตัน" เพิ่งออกจากโรงงาน

"คุณเชื่อไหม  ตลอดระยะทาง 14 กิโลเมตรจากโรงงาน  มันมีแต่น้ำ  ทุกโรงงานมีแต่น้ำท่วมกับท่วมมาก"

เขาเล่าว่าระหว่างที่นั่งรถจะมีคนงานโรงงานต่างๆขอโดยสารออกมาด้วย

แต่ละคนอยู่ในสภาพที่ทั้งหมดแรง และหมดกำลังใจ

"ผมยังมีแรง มีเงินที่จะสู้ต่อ  แต่บางคนบ้านก็ถูกน้ำท่วม โรงงานก็ท่วม บ้านก็ไม่มีอยู่ งานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี น่าสงสารมาก"

จากประสบการณ์ครั้งนี้  "ตัน" อยากฝากไปถึงคนไทยทุกคนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง  ไม่ใช่ของรัฐบาล  แต่เป็นของคนไทยทุกคน

"ถ้าเรียกร้องได้  ผมอยากเรียกร้องให้คนไทยที่ยังมีแรงอยู่ให้ออกมาช่วยกันให้มากที่สุด  ใครมีเงินช่วยเงิน ช่วยเรื่องสิ่งของ  ใครมีแรงช่วยออกแรง  ปัญหาวันนี้มันหนักหนาสาหัสจริงๆ"


"ผมขอร้อง..." 

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318417081&grpid=01&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3535 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 21:41:38 »

รวบรวมสถานที่จอดรถยนต์หนีน้ำท่วม... ใครยังไม่รู้ "เช็ค" โลด!!
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 17:39:10 น.
 
กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.)  ได้เผยแพร่ข้อมูลสถานที่ที่ให้บริการจอดรถยนต์  โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  เพื่อหนีจากสถานการณ์น้ำท่วม  ผ่านเว็บไซต์  www.trafficpolice.go.th   ซึ่งเป็นข้อมูลที่อัพเดทแล้ว พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ   ซึ่งก่อนที่ประชาชนจะเดินทางไป ควรโทรศัพท์สอบถามล่วงหน้าก่อนด้วย เนื่องจากบางสถานที่อาจเต็มแล้ว

รายชื่อสถานที่จอดรถฟรีมีดังนี้

- สนามบินดอนเมือง บริเวณอาคารจอดรถผู้โดยสารภายในประเทศ และอาคารคลังสินค้าสูง 5 ชั้น รับรถได้ 3,000 คัน ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ 0-2535-1533, 1466, 0-2535-1515, 1516, 0-2535-1349, 1630

- ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต สามารถนำรถมาจอดได้ที่บนอาคารจอดรถของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-958-0011 กด 0

- ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ เปิดพื้นที่ดาดฟ้าชั้น 6 รองรับรถได้ถึง 750 คัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7-16 ต.ค.โดยสามารถจอดค้างคืนตลอดระยะเวลาดังกล่าว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายสื่อสารการตลาด โทร.02-721-8888 ต่อ 313 , 314 หรือ http://www.twitter.com/seaconsquare, www.facebook.com/SeaconSquareFanPage

- บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา เปิดให้บริการจอดรถฟรีที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า, บางนา, พระราม 2, พระราม 3, แจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์, รามอินทรา, เชียงใหม่ แอร์พอร์ต,เชียงราย, ขอนแก่น, อุดรธานี, ชลบุรี และเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช สอบถามเพิ่มเติม โทร 02-667-5555 ต่อ 4108 ,02 667 5555 ต่อ 4108

- ตลาดนัดบานาน่าสแควร์ ข้างโลตัสลพบุรี และตึกจอดรถของห้างโลตัสอีก 8 ชั้น รวมจอดรถได้กว่า 1,500 คัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณอู้ 089- 884-4839

- ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ (เหมาะสำหรับคนที่อยู่แถว สมุทรปราการ ประเวศ พัฒนาการ อ่อนนุช หรือแถวๆ นั้น) รองรับรถยนต์ได้ถึง 650 คัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-787-2191

- อาคาร HobbyLobby แยกแคราย จ.นนทบุรี ตรงข้ามเอสพลานาด รองรับรถยนต์ได้ 400 คัน สอบถามเพิ่มเติม โทร 081-906-9460

- อิมพีเรียลลาดพร้าว เปิดบริการจอดรถฟรีฉุกเฉินในบริเวณเขตพื้นที่ลาดพร้าว วังทองหลางตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อ โทร.02-9349150

- เดอะมอลล์ สาขารามคำแหง ฝั่งเดอะมอลล์ 2 เปิดให้จอดรถที่ชั้น 3

- เดอะมอลล์ 3 เปิดให้จอดรถที่ ชั้น 3บี  ขึ้นไป ติดต่อ 02-310-1000 ต่อฝ่ายธุรการ

- แฟชั่นไอส์แลนด์ เปิดให้จอดรถ เริ่มวันที่ 8 ต.ค. ติดต่อ 0-2947-5000

- สนามบินสุวรรณภูมิ ให้จอดฟรีถึงวันที่ 15 ต.ค. และอาจขยายเวลาออกไปอีก สอบถามเพิ่มเติม โทร 02-132-6535 หรือ ประชาสัมพันธ์ของสนามบิน 02-132-1888

- กองทัพอากาศ ที่โรงเรียนนายเรืออากาศ จำนวน 1,000 คัน, หอประชุมกองทัพอากาศ 600 คัน, สวนสุขภาพ 100 คัน, พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ 100 คัน, สนามกีฬาธูปะเตมีย์ 300 คัน โดยต้องเตรียมหลักฐานจำนวน 2 ชุด ติดด้านหน้ากระจกรถยนต์ จำนวน 1 ชุด ได้แก่ สำเนาทะเบียนรถ, สำเนาบัตรประชาชาชน, หมายเลขโทรศัพท์ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ ที่ตั้งท่าอากาศยานดอนเมือง โทร 1111 ต่อ 5 (โทรได้ตลอดเวลา) และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ 02-5342096 ในเวลาราชการ, 02-5341700 ต่อ 15 นอกเวลาราชการ

- สถานีแอร์พอร์ตลิงก์ มักกะสัน ให้จอดรถฟรี 200 คัน บริเวณลานจอดรถชั้น 1 สถานีมักกะสัน โดยต้องนำสำเนาทะเบียนรถ และสำเนาบัตรประชาชนมาติดต่อเจ้าหน้าที่ บริเวณชั้น 3 ของสถานีมักกะสัน หรือโทรศัพท์หมายเลข 02-308-5600 ต่อ 2906 หรือ 2907 ตั้งแต่เวลา 07.00-23.00 น.

- ห้างสรรพสินค้าตั้ง ฮั่ว เส็ง ย่านบางพลัด ติดต่อสอบถาม 0-2434-0448 ต่อ 1222, 1234, 8999 ติดต่อ พร้อมเตรียมเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของผู้ฝาก สำเนาคู่มือการจดทะเบียนรถหน้าที่แสดงชื่อเจ้าของรถ และหน้าที่แสดงการชำระภาษีประจำปี

- เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขารัชโยธิน, รังสิต, สุขุมวิท, ปิ่นเกล้า และเอสพลานาด งามวงศ์วาน-แคราย โดยเตรียมเอกสารสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนรถ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สาขา รัชโยธิน 02 5115427 ต่อ 190-191, สาขา รังสิต 02 5677047 ต่อ 106-107, สาขา สุขุมวิท 02 7412897, สาขา ปิ่นเกล้า 02 4349075, สาขา งามวงศ์วาน-แคราย 02 5807491 และ www.facebook.com/majorgroup

 
สำหรับจุดจอดรถ 109 จุดที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (บก.น.1-9) เตรียมไว้บริการประชาชนในเขตนครบาลนั้น ประกอบด้วย

1.อาคารจอดรถ กทม. ถนนไกรสีห์ จำนวน 400 คัน
2.อาคารสนามม้านางเลิ้ง จำนวน 100 คัน
3.โรงแรมปรินซ์พาเลส จำนวน 50 คัน
4.อาคารจอดรถ สวนสัตว์ดุสิต จำนวน 400 คัน
5.ศูนย์การค้า SUPREME จำนวน 150 คัน
6.บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำนวน 100 คัน
7.ศูนย์การค้าเอสพานาด จำนวน 500 คัน
8.ศูนย์การค้าฟอร์จูน จำนวน 400 คัน
9.อาคารไซเบอร์เวิลด์ จำนวน 300 คัน
10.สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (ศูนย์วัฒนธรรม) จำนวน 80 คัน
11.ห้างแพลตตินัม จำนวน 150 คัน
12.ห้างพันธุ์ทิพย์ จำนวน 100 คัน
13.ห้างพาราเดียม จำนวน 100 คัน
14.โรงแรมอมารีวอเตอร์เกท จำนวน 100 คัน
15.ตึกชาญอิสระ 2 จำนวน 50 คัน
16.อาคารอิตัลไทย จำนวน 50 คัน 
รวมพื้นที่ บก.น. 1 ทั้งหมด 3,050 คัน

17.บิ๊กซี แจ้งวัฒนะ จำนวน 69 คัน
18.ห้างไอที หลักสี่ จำนวน 1,000 คัน
19.ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะอาคารบี จำนวน 300 คัน
20.สนามบินดอนเมือง จำนวน 3,000 คัน
21.ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว จำนวน 3,000 คัน
22.ห้างเมเจอร์รัชโยธิน จำนวน 1,200 คัน
23.ลานจอด รฟม.(รัชดา-ลาดพร้าว) จำนวน 2,000 คัน
24.ลานจอดรถบีทีเอส หมอชิตเก่า จำนวน 2,000 คัน
25.ลานจอดรถจตุจักร จำนวน 1,000 คัน
26.ลานจอดรถสวนรถไฟ จำนวน 200 คัน
27.ตึก ปตท.(สำนักงานใหญ่) จำนวน 500 คัน
28.ธนาคารออมสิน (สำนักงานใหญ่) จำนวน 500 คัน
29.ห้างเซ็นทรัล รามอินทรา จำนวน 300 คัน
30.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำนวน 500 คัน
31.มหาวิทยาลัยศรีปทุม จำนวน 50 คัน
32.ห้าง MAX VALUE จำนวน 50 คัน
33.ตลาดบองมาเช่ จำนวน 100 คัน
34.ห้างบิ๊กซีวงศ์สว่าง จำนวน 50 คัน
35.โรงเรียนฤทธิยะ สายไหม จำนวน 200 คัน
36.โรงเรียนสายไหม จำนวน 50 คัน
37.โรงเรียนนายเรืออากาศ จำนวน 200 คัน
38.ลานจอดรถบุญถาวร จำนวน 150 คัน
39.ลานจอดรถโลตัส นวมินทร์ จำนวน 80 คัน
40.ถนนคู้บอน (เลียบวงแหวน-แยกคลองสอง) จำนวน 200 คัน
41.ถนนพระยาสุเรนทร์ (แยกคลองสอง-แยกลำกะโหลก) จำนวน 200 คัน
42.ถนนเลียบคลองสอง ตลอดแนว จำนวน 150 คัน
43.ห้าง THE MARKET (ถ.ประชาราษฎร์ สาย ๒) จำนวน 20 คัน
รวมพื้นที่ บก.น. 2  จำนวน 17,069 คัน

44.มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต จำนวน 1,500 คัน
45.มหาวิทยาลัยมหานคร จำนวน 2,000 คัน
46.มหาวิทยาลัยเทคโนพระจอมเกล้า จำนวน 2,000  คัน
47.สภ.ท่าอากาศสุวรรณภูมิ จำนวน 2,000 คัน
48.ห้างเดอะมอลล์บางกะปิ จำนวน 3,000 คัน
49.ห้างพันทิพย์บางกะปิ จำนวน 300 คัน
50.โรงแรมเดอะมอลล์อินน์ จำนวน 50 คัน
51.ห้างแฟชั่นไอแลนด์ จำนวน 1,500  คัน
52.ห้างเพรียวเพลส จำนวน 300 คัน
53.ห้างอมอรินี่ จำนวน 300  คัน
54.ห้างบิ๊กซ๊ลาดพร้าว จำนวน 2,000 คัน
55.ห้างซีคอนสแควร์ จำนวน 1,000 คัน
56.ห้างพาราไดซ์พาร์ค จำนวน 600 คัน
57.ริมถนนสาย 351 จำนวน 50 คัน
58.ศูนย์อัญมนีเจโมโปลิส จำนวน 200 คัน
59.มหาวิทยาลัยรามคำแหง(บางนา) จำนวน 100 คัน
60.ลานจอดรถบริษัทนัมเบอร์วัน จำนวน 100 คัน
61.การกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 1,500 คัน
62.ใต้ทางด่วนระหว่างด่วนศรีรัช-มอเตอร์เวย์ จำนวน 300 คัน
63.ลานจอดรถร้าน 13 เหรียญพระรามเก้า จำนวน 300 คัน
รวมพื้นที่จอดรถ บก.น.4 จำนวน 11,600 คัน

64.ห้างฟิวเจอร์ จำนวน 500  คัน
65.ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 3 จำนวน 900 คัน
66.ห้างบิ๊กซีเอกมัย จำนวน 1,000 คัน
67.ห้างจัสโก้ สุขุมวิท 71 จำนวน 800 คัน
68.ห้างบิ๊กซีราชดำริ จำนวน 250 คัน
69.ห้างเซ็นทรัลชิดลม จำนวน 250 คัน
70.ห้างเซ็นทรัลบางนา จำนวน 780 คัน
71.เอสบีเฟอร์นิเจอร์ บางนา จำนวน  600 คัน
72. ห้างบิ๊กซีพระราม 4  จำนวน  200 คัน
73.ห้างโลตัสพระราม 4 จำนวน 200 คัน
รวมพื้นที่จอดรถ บก.น.5 จำนวน 5,480 คัน

74. ลานจอดรถดิโอลด์สยาม จำนวน 250 คัน
75.อาคารศรีวรจักร์ จำนวน 100 คัน
76.อาคารคลองถมเซ็นเตอร์ จำนวน 100 คัน
77.อาคารจอดรถริเวอร์ซิตี้ จำนวน 200 คัน
78.อาคารจอดรถเท็กซัส จำนวน 100 คัน
79.ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ จำนวน 3,000 คัน
80.ห้างมาบุญครอง จำนวน 1,000 คัน
81.ห้างสยามพารากอน จำนวน 3,000 คัน
82.สนามกีฬาแห่งชาติ จำนวน 300 คัน
83.อาคารจอดรถจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 1,000 คัน
84.อาคารจอดรถตึกเจมส์ทาวเวอร์ จำนวน 100 คัน
85.โรงแรมมณเฑียร จำนวน 50 คัน
86.อาคารจอดรถโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา จำนวน 50 คัน
87.อาคารจอดรถโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน จำนวน 50 คัน
รวมที่จอดรถพื้นที่ บก.น. 6 จำนวน 9,300 คัน

88.ห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า จำนวน 2,000 คัน
89.ห้างเมเจอร์ปิ่นเกล้า จำนวน 800 คัน
90.ห้างพาต้าปิ่นเกล้า จำนวน 100 คัน
91.ห้างโลตัสปิ่นเกล้า จำนวน 500 คัน
92.ถนนพุทธมณฑลสาย 1 จำนวน 300 คัน
93.สนามหลวงธนบุรี จำนวน 500 คัน
94.อาคารจอดรถ รพ.ยันฮี จำนวน 200 คัน
95.ห้างตั้งฮั่วเส็ง จำนวน 300 คัน
รวมพื้นที่จอดรถ บก.น.7 จำนวน 4,700 คัน

96.โรงเรียนอิสลามวิทยาลัย จำนวน 300 คัน
97.ห้างบิ๊กซีบางปะกอก จำนวน 100 คัน
98.ห้างโลตัสบางปะกอก จำนวน 100 คัน
99.ห้างเดอะมอลล์ท่าพระ จำนวน 100 คัน
100.ห้างบิ๊กซีท่าพระ จำนวน 100 คัน
101.โรงเรียนวัฒนาบริหารธุรกิจ จำนวน 80 คัน
102.สถาบันราชภัฎบ้านสมเด็จ จำนวน 100 คัน
103.ห้างบิ๊กซี จำนวน 100 คัน
104.คู่ขนานถนนราชพฤกษ์ใต้สะพานบางสะแก จำนวน 300 คัน
105.โรงแรมมาริออท จำนวน 100 คัน
รวมพื้นที่จอดรถบก.น. 8 จำนวน 1,380 คัน

106.มหาวิทยาลัยธนบุรี จำนวน 200 คัน
107.มหาวิทยาลัยเอเซีย จำนวน 500 คัน
108.มหาวิทยาลัยสยาม จำนวน 200 คัน
109.ถนนกาญจนาภิเษกช่องคู่ขนานเข้า-ออก จำนวน 10,000 คัน
รวมพื้นที่จอดรถบก.น.9 จำนวน 10,900 คัน

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318415658&grpid=01&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #3536 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 07:54:11 »


เหยงน้องรัก

              เอาใจช่วยให้ผ่านวิกฤติครั้งหนักหนาสาหัสนี้ไปได้นะ...
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #3537 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:00:33 »

สวัสดีครับ พี่เหยง ...


ปล.

วันนี้มารายงานตัวสายหน่อย ^_^
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3538 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:16:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย 14 เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 07:54:11

เหยงน้องรัก

              เอาใจช่วยให้ผ่านวิกฤติครั้งหนักหนาสาหัสนี้ไปได้นะ...


พี่อ้อย

ขอบคุณครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3539 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:17:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 10:00:33
สวัสดีครับ พี่เหยง ...


ปล.

วันนี้มารายงานตัวสายหน่อย ^_^


รับรายงานตัวครับ
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #3540 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:24:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 10:17:26
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 10:00:33
สวัสดีครับ พี่เหยง ...


ปล.

วันนี้มารายงานตัวสายหน่อย ^_^


รับรายงานตัวครับ

รายงานตัวพร้อมกำลังใจ
น่ะเพื่อน!
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3541 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:31:08 »

ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝนฟ้าคะนองกระจาย บางแห่งฝนตกหนัก

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย วันนี้ (13ต.ค.) ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักได้บางแห่งในระยะนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา

ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา.

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3542 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:37:26 »

ฟิลิปปินส์เจอพายุลูกที่ 18-ตุรกีเกิดน้ำท่วมฉับพลัน
วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2011 เวลา 06:49 น

องค์การบริหารอวกาศและการบินแห่งชาติของสหรัฐ(นาซา) ระบุว่า ศูนย์กลางการก่อตัวของพายุโซนร้อนบันยัน Banyan อยู่ในทะเล แต่จากข้อมูลที่ได้จากดาวเทียม ได้แสดงให้เห็นว่า อิทธิพลของพายุได้เข้าสู่พื้นที่ทางใต้ของฟิลิปปินส์เรียบร้อยแล้ว หลังจากเพิ่มกำลังแรงลมจากหย่อมความกดอากาศต่ำกลายเป็นดีเปรสชั่น 23 ดับเบิลยู ก่อนจะทวีความแรงลมกลายเป็นพายุโซนร้อน บันยัน

การพัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ของพายุบันยัน เกิดขึ้นในช่วงที่พื้นที่หลายส่วนใน 3 จังหวัด ของฟิลิปปินส์ยังคงจมอยู่ในน้ำ หลังจากถูกพายุเนสาดและนาลแกพัดถล่ม ซึ่งเชื่อว่า อิทธิพลของพายุบันยัน จะทำให้เกิดน้ำท่วมในจังหวัดอากูซานและมิซามิส ทางตอนใต้ของประเทศ แต่ทางการได้สั่งอพยพประชาชนหลายร้อยครอบครัว ไปยังพื้นที่ปลอดภัย และคาดว่า พายุจะเคลื่อนตัวขึ้นไปทางเหนือ ที่อาจส่งผลกระทบต่อจังหวัดทางภาคกลางและภาคใต้กว่า 20 จังหวัด และนับเป็นพายุลูกที่ 18 แล้ว ที่เล่นงานฟิลิปปินส์ในปีนี้

ขณะเดียวกัน เกิดน้ำท่วมฉับพลันในจังหวัดอันตัลยา ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตอนใต้ของประเทศตุรกี โดยกระแสน้ำทำให้สะพาน 3 แห่ง และบ้าน 3 หลัง พังเสียหายด้วย มีผู้สูญหาย 6 คน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหา ขณะที่ชาวเมือง 25 คน ได้รับการช่วยชีวิตไว้ได้  ทั้งนี้ ฝนตกหนักได้สร้างความเสียหายในจังหวัดอันตัลยา อย่างมาก จนทำให้ต้องปิดโรงเรียน และการเดินทางทางอากาศได้รับผลกระทบ บ้านเรือนและร้านค้าต่างๆ ถูกน้ำท่วม


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=88037&catid=177&Itemid=525

      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3543 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:46:10 »

สวัสดีค่ะ น้องเหยง
มาติดตามข่าวค่ะ
ว่าน้องเหยงสู้น้ำจะขนะแล้วหรือยัง
อดทนสุ้ต่อไปนะคะ
ที่บ้านพี่หน้าบ้านน้ำเกือบแห้งแล้วค่ะ
กำลังรอน้ำ ระลอกต่อไปค่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3544 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:49:08 »

พี่'อร

ติดตั้งไดร์โว่แล้ว อย่าลืมใส่ระบบกันไฟรั่วไว้ด้วย
อาทิ ติดสายดินไว้ในบริเวณใกล้เคียงด้วยครับ เผื่อไฟฟ้าลัดวงจรจะได้ไม่เป็นอะไร
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3545 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:51:27 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 11 ตุลาคม 2554, 19:51:46

บ้านพี่อรถูกนํ้าท่วมด้วยหรือค่ะ
แรงกายมาไม่ถึง
แต่ขอส่งแรงใจมาช่วย
วิกนํ้าน่ะค่ะ
ทราย
ขอบคุณค่ะ น้องทราย
ยังไม่ท่วมค่ะ แค่เข้าบ้านเล็กน้อย
แค่น้ำข้ามคลองมาบางส่วน แต่อบต.สูบกลับไปได้แล้วค่ะ
ตอนนี้ก็รอว่า อบต.จะสู้น้ำระลอกใหม่ได้แค่ไหนค่ะ
แต่พี่กั้นกระสอบทราย อิฐบล็อก และเตรียมไดร์ไว่ ไว้สู้แล้วหากน้ำข้ามคลองมา
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3546 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:53:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 10:49:08
พี่'อร

ติดตั้งไดร์โว่แล้ว อย่าลืมใส่ระบบกันไฟรั่วไว้ด้วย
อาทิ ติดสายดินไว้ในบริเวณใกล้เคียงด้วยครับ เผื่อไฟฟ้าลัดวงจรจะได้ไม่เป็นอะไร

ขอบคุณค่ะน้องเหยง
ที่บ้านปลั๊กมีสายดินอยู่แล้ว น่าจะพอใช้ได้ไหมคะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3547 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:56:42 »

พี่'อร

ดีแล้วครับ กันไว้ดีกว่าแก้

ผมใช้แทงทองแดงประกอบขึ้นมาเพิ่มเติม เนื่องจากจุดที่สูบน้ำเป็น คสล. ไม่มีดินเลย
จึงใช้หัวคีบจับเข้ากับราวเหล็ก เพื่อลดความแรงของกระแสไฟฟ้า




หัวคีบจับกับเหล็กเสารั้ว เนื่องจากที่บ้านไม่มีปลั๊กสายดิน จึงทำทุกจุดที่มีไดร์โว่อยู่
สายเดี่ยวขนาด 2.5 sq.mm. สายลวดทองแดงใหญ่มากจะช่วยลดความแรงของกระแสไฟฟ้าได้บ้างครับ


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3548 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 10:57:39 »

มีอีกเรื่องหนึ่งครับ.....

ใส่ใจแล้วน้ำจะไม่ท่วมบ้านครับ

ไดร์โว่จะทำงานได้ตลอดทั้งวัน-ทั้งคืน หากตัวมันจุ่มอยู่ในน้ำตลอดเวลา
น้ำจะเป็นตัวลดความร้อนให้กับไดร์โว่ (แต่ก็ต้องระวังเรื่องไฟฟ้ารั่วไว้ด้วย ??!!)
การตั้งไดร์โว่ในลักษณะแข่น้ำ จึงช่วยให้มันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากไดร์โว่ดูดน้ำจนแห้งแล้ว ต้องถอดปลั๊กออกและปล่อยให้ตัวมันเย็นลง น้ำขึ้นค่อยเสียบปลั๊กใหม่

อีกประการหนึ่ง ไดร์โว่จะเสียประสิทธิภาพการดูดน้ำ หากหัวกระโหลกตัน เพราะมีสิ่งของไปติด
เราควรจะถอดปลั๊กไฟออกและล้างหัวกระโหลกของมันทุกๆ 3 หรือ 5 ชั่วโมงแล้วแต่สะดวก
ในกรณีที่เป็นช่วงกลางคืน ซึ่งเราจะเปิดปั้มไว้ตลอดคืนนั้น ล้างหัวกระโหลกก่อนเข้านอนครับ
เช้าขึ้นมาค่อยไปดูใหม่อีกที
มีเหมือนกันที่หลายๆคน เอาตระกร้าพลาสติดที่มีรูขนาดเล็กๆ มารองไดร์โว่อีกชั้น ก่อนหย่อนลงน้ำเพื่อกันสิ่งอุดตัน
สิ่งอุดตั้นที่ผมเจอคือ ก้อนหินขนาดหัวแม่มือ ซากหอย ถุงพลาสติดทุกชนิดและถุงก๊อบแก๊ป(เจอเยอะมาก) เศษกระดาษ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3549 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 11:03:42 »

พี่'อร

ตัวเติมน้ำให้ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดที่จมน้ำอยู่ในขณะนี้

ดูทิศทางการเดินของ Banyan ซีครับ เป็นไปแบบเสมือนแกล้งคนไทยที่กำลังจมน้ำอยู่เลย
พัดผ่านทางตอนใต้ของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ แล้วแถขึ้นเหนือมาพาดผ่านทะเลจีนตอนใต้และตอนใต้ของเกาะไหหลำ
จากนั้นวกลงใต้เล็กน้อยเพื่อเข้าฝั่งเวียตนามใต้เมืองเว้-ดานัง แล้วเข้าลาว
ออกใต้จังหวัดมุกดาหาร ในช่วงวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม นี้ โดยน่าจะเป็นช่วงค่ำๆ ไปแล้ว (หากไม่มีการเปลี่ยนทิศทางเดิน)
ส่งผลกระทบต่อภาคอิสาน ภาคตะวันออก ภาคกลางตอนบน หรือภาคเหนือตอนล่าง กทม.และปริมณฑล


      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 140 141 [142] 143 144 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><