เหยง 16
|
|
« ตอบ #675 เมื่อ: 17 ตุลาคม 2553, 15:54:22 » |
|
พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ?? !! ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรีระเริงมาเก๊าทิ้งชาวบ้านจมน้ำ-ลพบุรีปิดเส้นบายพาส 17 ตุลาคม 2553 12:40 น. คนงานภายในเขตอุตสาหกรรมนวนคร อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ตัดสินใจเดินลุยน้ำออกมาจากโรงงาน หลังติดอยู่ภายในโรงงานนานกว่า 10 ชั่วโมง จากเหตุน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่มีรถบรรทุกและเรือท้องแบนเข้าไปรับ เพราะอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ขณะที่สถานการณ์ในหลายอำเภอยังน่าเป็นห่วง เพราะระดับน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะบริเวณถนนมิตรภาพ บางช่วงรถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ส่วนที่ จ.ปราจีนบุรี สถานการณ์น่าเป็นห่วงเช่นกัน ล่าสุด น้ำท่วมใน อ.นาดี ไหลไปยัง อ.กบินทร์บุรี ส่งผลให้พื้นที่ 6 ตำบลมีระดับน้ำสูงขึ้นอีก ถนนในหมู่บ้านถูกตัดขาด ชาวบ้านส่วนใหญ่ขนย้ายทรัพย์สินไม่ทัน บางบ้านจำใจย้ายไก่เลี้ยงบนบ้าน ขณะที่บางส่วนต้องปล่อยทิ้งไว้กับน้ำ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดพาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทุกอำเภอ เดินทางไปยังฮ่องกงและมาเก๊า ส่วนที่ จ.ลพบุรี ฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำจากเขาสามยอดไหลท่วมพื้นที่ ต.นิคม เขาสามยอด ท่าศาลา ในเขต อ.เมือง ประชาชนหลายพันครอบครัวได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะร้านค้าและลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าบางแห่ง ซึ่งน้ำไหลเข้าท่วมตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ทั้งนี้ แขวงการทางลพบุรี ได้ประกาศปิดเส้นทางระหว่างเส้นบายพาส ที่วิ่งมาจาก อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ไม่ให้รถทุกชนิดวิ่งเข้าไปในเส้นทางดังกล่าว เนื่องจากระดับน้ำไหลเชี่ยวกราก พิมพ์จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000146127
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #676 เมื่อ: 17 ตุลาคม 2553, 19:21:09 » |
|
ประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 24 ครับ ประกาศเตือนภัย " ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน" ฉบับที่ 24 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2553 ในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค. นี้ หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกจะเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางและภาคตะวันออกที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 18-20 ต.ค. 53 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา
ประกาศ ณ วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ออกประกาศ เวลา 16.00 น.
สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #677 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 08:42:35 » |
|
วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม 2553 วันนี้"พี่สิงห์"แจ้งว่า จะเข้าร่วมแข่งกอล์ฟที่จังหวัดภูเก็ต ไม่ทราบสภาพอากาศที่นั่นเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ภาคกลางยังไม่เห็นแสงอาทิตย์ เมฆหนาตา บางพื้นที่ยังมีฝน นครสวรรค์เมื่อคืนมีฝนตกถึง 2 รอบ แรงพอสมควร อ่านประกาศเตือนภัย จากอุตุนิยมวิทยาครับ ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน" ฉบับที่ 26 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2553 ในวันนี้ (18 ต.ค.53) หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคกลางเคลื่อนทางตะวันตกตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังมีมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนบริเวณเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 18-20 ต.ค. 53 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา
ประกาศ ณ วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ออกประกาศ เวลา 05.30 น.
สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #678 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 09:20:46 » |
|
วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 19:00:15 น. มติชนออนไลน์ อาลัย "เกษม จาติกวนิช" "ซูเปอร์เค" ผู้ล่วงลับ นายเกษม จาติกวณิช หรือฉายาที่ได้รับจากสื่อมวลชนว่า "ซูเปอร์เค" ก็ดูจะไม่ผิดนัก จากฝีมือการบริหารหน่วยงานต่างๆ อาทิ ประธานกรรมการบริษัท BTSC (รถไฟฟ้า BTS) ผู้ก่อตั้งและผู้ว่าการคนแรกของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจพร้อมกันถึง 4 แห่งคือ ไทยออยล์, บางจากปิโตรเลียม, ปุ๋ยแห่งชาติ และ เอเชียทรัสต์ นอกจากนี้เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเกษม จาติกวณิช เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2467 เป็นบุตรคนที่ 1 ในจำนวนบุตรธิดา 8 คนของ พระยาอธิกรณ์ประกาศ (หลุย จาติกวณิช) อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และองคมนตรีในรัชกาลที่ 7 สมรสกับ คุณหญิงชัชนี จาติกวณิช (สกุลเดิม ล่ำซำ บุตรสาวนายโชติ ล่ำซำ และนางน้อม (อึ้งภากรณ์) เขา จบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า และสาขาเครื่องกล ที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2490 และเดินทางไปศึกษาต่อ ระดับปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า ที่ มหาวิทยาลัยยูท่าห์ สหรัฐอเมริกา โดยงานแรกที่เขารับผิดชอบ คือ การสร้างเขื่อนยันฮี หรือ เขื่อนภูมิพล โดยต้องทำรายงานเพื่อเสนอขอกู้เงินจาก ธนาคารโลก จำนวนถึง 65 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่นับว่าสูงมากในสมัยนั้น และทำให้นายเกษมมีโอกาส ได้สะสมความรู้ในการบริหารโครงการ และบริหารการเงิน เป็นอย่างมาก หลังเขื่อนภูมิพลก่อสร้างแล้วเสร็จ นายเกษมก็ได้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการไฟฟ้ายันฮี ต่อมาได้สร้าง โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ขึ้นที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ต่อมาเมื่อ การไฟฟ้ายันฮี กลายสภาพเป็น การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เกษม จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ว่าการ กฟผ. คนแรกต่อมาในรัฐบาลพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายเกษมได้รับแต่งตั้งให้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และในรัฐบาล เกรียงศักดิ์ 2 ได้รับแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษานายกฯ หลังจากลาออกจาก กฟผ. นายเกษมได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจในคราวเดียวกันถึง 4 แห่งคือเป็น กรรมการอำนวยการไทยออยล์, ประธานกรรมการ บางจากปิโตรเลียม, ประธานกรรมการบริษัทปุ๋ยแห่งชาติ และประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร แบงก์เอเชียทรัสต์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2543 นายเกษม จาติกวณิช ได้ตอบรับคำเชิญของ นายคีรี กาญจนพาสน์ ดำรงตำแหน่งเป็น ประธานกรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ในวัย 67 ปี โดยเขามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้โครงการรถไฟฟ้าสายแรกของไทย สามารถเปิดให้บริการต่อสาธารณะได้สำเร็จ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบขนส่งมวลชน ที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร มาจนถึงปัจจุบัน จากการสอบถามพนักงานโรงแรมโฟร์ ซีซันส์ (รีเจนท์เดิม) ที่นายเกษมมักจะไปใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ ก็ได้คำตอบเดียวกันว่า ได้เห็นท่านนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และทานอาหารเช้า แทบทุกวัน และบางครั้งก็มาพร้อมกับคุณหญิงชัชนี จาติกวนิช โดยทุกคนต่างก็ได้เห็นถึงแง่มุมต่างๆของท่าน ทั้งด้านหน้าที่การงาน ปรัชญาในการดำรงชีวิต ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านเป็นคนเรียบง่ายและติดดิน มีความรักและความเมตตาให้กับบุคคลที่อยู่รอบกาย ทุกครั้งท่านจะเล่าถึงเกร็ดชีวิตการทำงาน และถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอย่างไม่ถือตัว จนกระทั่งเป็นที่รักของพนักงานที่นั่นมานานหลายสิบปี นายเกษม จาติกวนิช เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2553 โดยการเคลื่อนศพไปยังบ้านพักที่หมู่บ้านเลควูด บางนา ในวันที่ 18 ตุลาคม 2553 เวลาประมาณ 11.00 น. *ข้อมูลส่วนหนึ่งจากวิกิพีเดีย http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287316306&grpid=01&catid=
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #679 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 20:31:39 » |
|
สถานการณ์น้ำท่วมไม่ค่อยจะดีเลย แต่ผมไม่ชอบข่าวแบบนี้ น่าเบื่อ ไม่มีพวกมัน แจกของกันเองไม่ได้ ชาวบ้านอย่างเราๆ อยู่ไม่ได้หรือ ??วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:07:46 น. มท.1 บินด่วน แจกถุงยังชีพ สีคิ้ว-ปากช่องที่กองบินตำรวจ ท่าแร้ง ถนนรามอินทรา เวลา 09.30 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะเดินทางโดยเฮริคอปเตอร์ ไปยัง อ.สีคิ้ว และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อมอบถุงยังชีพของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม นายชวรัตน์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ อ.ปักธงชัย ในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมาก ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วง แต่ทราบว่า นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้นอนเลย เพราะอยู่ในพื้นที่ตลอด และน้ำป่าที่ไหลมานั้น ก็ไม่ทราบว่าจะป้องกันอย่างไร เพราะอยู่เหนือความคาดหมาย ไม่ใช่ว่ากระทรวงมหาดไทย ไม่ได้เตรียมการป้องกัน แต่กรมอุตุนิยมวิทยา ยังไม่สามารถพยากรณ์อากาศได้เลย ซึ่งขณะนี้ทราบว่าให้หลายอำเภออยู่ในขั้นวิกฤติ และได้ประกาศเป็นพื้นที่เขตภัยพิบัติ ซึ่งถือว่าหลายพื้นที่สามารถทำงานได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ แต่ภัยที่เกิดขึ้นเกินกว่าเครื่งอมือขนาดใหญ่ที่มีอยู่จะรับไหว เมื่อถามว่าถุงยังชีพที่นำไปแจกล้วนเป็นอาหารแห้ง ผู้ประสบภัยไม่สามารถที่จะนำมาบริโภคได้ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ถุงยังชีพที่นำไปแจกนั้น เป็นเฉพาะในพื้นที่ที่สถานการณ์ทุเลาลงแล้ว ส่วนในพื้นที่ๆ ยังประสบภัยอยู่ จะต้องใช้เป็นอาหารสำเร็จรูป หรือข่าวกล่อง ซึ่งทางจังหวัดได้อำเนินการแล้ว ในเบื้องตนคาดว่านายกรัฐมนตรี จะมีการเรียกประชุมด่วนเพื่อรับมือ และเตรียมแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งนายกฯอาจจะทำหน้าที่ประธานในการประชุม แทนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ด้านนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ในขณะนี้มีหลายจังหวัดที่น่าเป็นห่วง ซึ่งใน 4-5 วันนี้ยังต้องเฝ้าระวังพายุเมรี อีกลูกที่เป็นพายุขนาดใหญ่ อาจจะพาดมายังประเทศไทย อละจะต้องมีการประมาณการว่าจะมีผลกระทบต่อจังหวัดใดบ้าง ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับหน่วยงานอื่นปฏิบัติตามแผ่นการที่ได้มีการซักซ้อมไว้ อีกทั้งในวันที่ 23-27 ต.ค. นี้จะต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทะเลหนุน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับจ.สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และกทม. ส่วนสถานการ์น้ำเหนือเหนือนั้น เชื่อว่ายังสามารถรับมือได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287378493&grpid=&catid=19
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #680 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 20:52:11 » |
|
ประกาศฉบับล่าสุดของวันนี้ ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน" ฉบับที่ 28 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2553
ในวันนี้ (18 ต.ค.53) ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกชุกต่อเนื่อง แต่จะมีปริมาณลดน้อยลงโดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง จึงขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ สำหรับพื้นที่ลุ่มใกล้ลำน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกยังคงต้องระมัดระวังน้ำล้นตลิ่งต่อไปอีก ในวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.53) ปริมาณฝนบริเวณประเทศไทยจะเบาบางลงและจะมีอากาศเย็นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “เมกี” บริเวณเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.53) สำหรับพายุนี้จะเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือเข้าสู่ประเทศจีนตอนใต้ต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ออกประกาศ เวลา 16.00 น. สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #681 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 07:43:20 » |
|
มาสวัสดีตอนเช้าครับ
สถานการณ์น้ำในประเทศยังไม่ขึ้น แถมยังมีฝนตกเพิ่มในช่วงนี้ ต้องระวังเรื่องน้ำท่วมต่อไปจนถึงสิ้นสัปดาห์นี้
ส่วน"พายุเมกี"เบนขึ้นเหนือมากขึ้น นั่นคือ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน รับภาระเพิ่มขึ้น ขณะที่เวียตนาม ลาว ไทย ภาระเบาลงประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน" ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2553 ร่องมรสุมได้เลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ในประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและภาคกลาง จึงขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้ สำหรับพื้นที่ลุ่มใกล้ลำน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกยังคงต้องระมัดระวัง น้ำล้นตลิ่งต่อไปอีก สำหรับ มวลอากาศเย็นจะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน โดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา อนึ่ง เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ พายุไต้ฝุ่น “เมกี” (MEGI) มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง หรือที่ละติจูด 16.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.7 องศาตะวันออก พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 23-24 ตุลาคมนี้
ประกาศ ณ วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ออกประกาศ เวลา 05.00 น.
สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #682 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 08:44:27 » |
|
ภาพ "เมกิ" ขณะผ่านฟิลิปปินส์ เมื่อวานนี้ ซึ่งข่าวแจ้งว่าหนักกว่า "ทุเรียน" มาก
แผนที่อากาศของหอสังเกตการณ์ฮ่องกง (Hong Kong Observatory) จำลองจากภาพถ่ายของดาวเทียม MTSAT-2 เวลา 05.01 วันอังคาร (19 ต.ค.) นี้ หรือ 03.01 น.เวลาในประเทศไทย แสดงให้เห็นไต้ฝุ่นเมกี (Megi) ที่อ่อนกำลังลงเป็นระดับ 3 ตามคาด กำลัง "เล่นน้ำ" ในทะเลจีนใต้ ส่งไอขึ้นคละคลุ้ง กินอาณาบริเวณกว้างขวางเกือบเท่าๆ กับบริเวณทั้งหมดของท้องทะเล นักพยากรณ์อากาศกล่าวว่า เมกิเป็นพายุใหญ่ที่สุดที่เกิดทั่วโลกในปีนี้ ใหญ่กว่าและรุนแรงกว่า "ทุเรียน" ซูเปอร์ไต้ฝุ่นชื่อไทยๆ ในปลายปี 2549 ภาพจำลองโดยสำนัก TSR ในกรุงลอนดอน แสดงให้เห็นพลังอำนาจที่ศูนย์กลางของไต้ฝุ่นเมกี ขณะเคลื่อนตัวพ้นเกาะลูซอนใหม่ๆ ตอนบ่ายวันจันทร์ (18 ต.ค.) ที่ผ่านมา ต่างไปจากไต้ฝุ่นทุเรียนในปลายปี 2549 นับเป็๋นโชคดีที่ซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกล่าสุดไม่ได้พัดผ่าน เขตที่มีประชากรหนาแน่น แต่ทางการฟิลิปปินส์ก็กำลังจะเริ่มสำรวจความเสียหายทั้งหมดในวันอังคารนี้ อ่านและชมภาพทั้งหมดได้ที่ http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000146987
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #683 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 16:21:36 » |
|
ตั้งใจมาสวัสดีพี่เหยง ย้อนหลังหลายๆวันเลยครับ ... เจอข่าวเศร้า ขอไว้อาลัย ท่านด้วยคนครับ
|
|
|
|
ดร.มนตรี
|
|
« ตอบ #684 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 16:52:26 » |
|
ขออนุญาต ฝากข่าว ... ครับ
บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) ศูนย์บริหารงานจ.นครราชสีมา ได้นำรถเครนช่วยขนย้ายประชาชนในตัวเมืองที่ประสบภัยน้ำท่วมซึ่งรถเล็กไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ และติดตั้งเลขหมายโทรศัพท์ตามจุดที่มีน้ำท่วมหนักและมีศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่จ.นครราชสีมาในเบื้องต้น 5 จุดให้ประชาชนได้ติดต่อสื่อสารติดตามสถานการณ์ห่วงใยผู้ประสบภัยได้ฟรี! โดยเลขหมายตามศูนย์ประสบภัยต่างๆมีดังนี้
1.ศูนย์ฯถนนมิตรภาพ ซอย 6 โทร. 044-261039
ผู้ประสานงาน ผอ.อ้อน โทร.081-1853366
2.บริเวณหน้าขนส่ง ตะคองเก่า โทร. 044-261042 , 044-261053
ผู้ประสานงาน คุณอธิชา 083-1011149
3.บริเวณถนนช้างเผือก หัวมุมรร.สุรนารี โทร. 044-270356, 044-270358
ผู้ประสานงาน คุณคู่ขวัญ โทร. 087-2572145
4. ที่ KCTV โคราช โทร. 044-273203
5. ที่ พีกาซัส ทาวเวอร์ โทร. 044-270371
ผู้ประสานงาน คุณเลิศ บุญเกาะโทร. 081-9669142
นอกจากนี้ท่านสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและแจ้งขอรับความช่วยเหลือหรือประสานงานเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายการตลาดทีทีแอนด์ที โทร. 02-6932100 ต่อ 4601 , 4620 หรือ โทร 085-4858012.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #685 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 17:28:16 » |
|
ขอบคุณ ข่าวดีของ ดร.มนตรี ที่ TT&T ได้เข้ามาช่วยเหลือประชาชน ในภาวะวิกฤติในครั้งนี้ข่าวของอุตุนิยมฉบับล่าสุดครับ ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน" ฉบับที่ 32 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2553 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกต่อไปได้อีก แต่ปริมาณจะลดลง สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออก ยังคงต้องระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมต่อไปอีก ในช่วงวันที่ 19 - 22 ต.ค. มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่เข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “เมกี” (MEGI) ได้เคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลางแล้ว คาดว่า จะเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ใกล้เกาะฮ่องกง ในช่วงวันที่ 22-23 ตุลาคม 2553 ซึ่งพายุนี้จะไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #686 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 18:01:37 » |
|
พายุ"เมกิ" จีนรับไปเต็มๆวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 11:27:34 น. มติชนออนไลน์ เอเชียระส่ำ"พายุเมกิ"ร้ายหนัก จีนอพยพผู้คนเรือนแสนหนี เวียดนามตายแล้ว 21 ศพสำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า ซูเปอร์พายุ"เมกิ"ได้ถล่มฟิลิปปินส์อย่างหนัก และทำให้มีผู้เสียชีวิต10 ราย และขณะนี้พายุได้เคลื่อนตัวด้วยระดับความเร็ว 140 ไมล์ต่อชม.และอาจรุนแรงขึ้นได้ในวันอังคารนี้ โดยจีนจะกลายเป็นประเทศต่อไปที่จะเผชิญพายุนี้ ซึ่งคาดว่าพายุจะถล่มพื้นทางตอนใต้ของจีน ขณะที่ทางการจีนได้ได้อพยพผู้คนนับแสนคนจากหมู่บ้านต่าง ๆ ในมณฑลไฮหนาน หลังเกิดน้ำท่วมก่อนหน้านี้จากพิษฝนตกหนักจากแรงพายุ นอกจากนี้ แรงพายุยังทำให้เกิดน้ำท่วมระดับรุนแรงเป็นประวัติการณ์ในมณฑลนี้ และกระทบต่อถนน เขื่อนซึ่งมีน้ำล้น และระบบเครือข่ายโทรคมนาคมถูกตัดขาด ไปทั่วเมือง ส่วนที่เวียดนาม แรงพายุทำให้มีฝนตกหนักและน้ำท่วม ทำให้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 21 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนว่า พายุมากิอาจส่งผลให้ประเทศประสบภาวะน่าสลดเพิ่มขึ้น หลังก่อนหน้านี้เวียดนามเพิ่งเผชิญพายุถล่มประเทศ และชาวบ้านส่วนหนึ่งเพิ่งจะได้คืนถิ่นฐาน และบางส่วนยังไม่ได้กลับคืนถิ่นฐาน แต่ก็ต้องอพยพออกจากบ้านอีกรอบเพราะพายุมากิมาเยือน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287462569&grpid=&catid=06
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #687 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 18:23:25 » |
|
ประกาศเตือนฉบับล่าสุด ประกาศเตือนภัย "สภาวะอากาศของประเทศไทย" ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2553 มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่เข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือและ ภาคกลางตอนบนแล้ว ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดน้อยลงและมีอากาศเย็น โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา สำหรับพื้นที่ที่เกิดสภาวะน้ำท่วมบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ สระบุรี ลพบุรี อ่างทอง อยุธยา และพื้นที่ของจังหวัดใกล้เคียง อาจมีฝนตกได้เล็กน้อยโดยจะไม่มีผลกระทบกับสภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนร่องมรสุมได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง สำหรับพายุไต้ฝุ่น “เมกี” (MEGI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางได้เคลื่อนตัวทางทิศเหนือไปยังประเทศจีนตอนใต้ และเกาะฮ่องกง พายุนี้ไม่เข้าประเทศไทยและไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยาจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป
ประกาศ ณ วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ออกประกาศ เวลา 15.30 น.
สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
|
|
|
|
ภาณุ ปาตานี
|
|
« ตอบ #688 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 06:08:19 » |
|
สวัสดีครับ........พี่เหยงและพี่น้องทุกท่าน
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #689 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 09:24:25 » |
|
สวัสดีครับ..ยาและ RCU ทุกท่าน
น้ำท่วมเพิ่มเติมครับ อำเภอหนองไผ่ เพชรบูรณ์ น้ำขึ้น ชาวไร่ชาวนาเสียหายหนัก ทั้งข้าวและข้าวโพด
อำเภอท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมสูงขึ้น ตัวอำเภอจมน้ำกว่า 1 เมตรแล้วครับ ไม่จำเป็นอย่าเดินทางผ่านอำเภอนี้
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #690 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 18:18:54 » |
|
ดูท่า ขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร และอุบลราชธานี ซึ่งลำน้ำชี ผ่านจะ เจอน้ำท่วมเป็นแน่
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #691 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 09:05:44 » |
|
เช้าวันศุกร์ เห็นแดดแล้วครับ ในขณะที่ มท.แจ้งว่า 11 วันที่ผ่านมา มี 28 จังหวัดรวม 170 อำเภอประสบภัยน้ำท่วม โดยหนักสุดคือ โคราช 24 อำเภอ และยังไม่รวมถึงจังหวัดที่มี"ลำน้ำชี"และ"ลำน้ำมูล" ซึ่งน้ำจะไหลไปลงแม่น้ำโขงในอีก 3-17 วันข้างหน้านี้
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #692 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 10:00:48 » |
|
...ชลบุรี...รอด...หมอประสิทธิ์ยังเอะใจ...เอ๊ะ...เป็นไปได้ไง... ...แต่บ้านพี่ตู่น้ำท่วมไปแล้วค่ะ...แต่ก่อนท่วมมากกว่านี้อีก...ท่วมถึงเข่า...ในขณะที่บ้านอื่นเขาไม่ท่วมกัน... ...ตอนนี้หลายจังหวัดท่วมกันไปทั่ว...แต่บ้านเรารอด...เดชะบุญ... ...เอาใจช่วยให้น้ำลดลงเร็วๆค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #693 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 13:43:35 » |
|
พี่ตู่ครับ
น่าห่วงจังหวัดที่น้ำจะไหลผ่าน เช่น สายแม่น้ำมูล มี-->บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีษะเกษ-อุบลราชธานี-->แม่น้ำโขง สายแม่น้ำชี มี-->ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี-->แม่น้ำโขง ไม่เห็นมีส่วนราชการใดแจ้งเตือนให้ อบต. เทศบาล อำเภอ อบจ. ให้สำรวจและเปิดเส้นทางน้ำทั้ง ชี & มูล ให้น้ำไหลสะดวก ตลอดจนให้ชาวบ้านในจังหวัดที่ว่านี้ ขนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยง รวมทั้งครอบครัวหนีน้ำ-ขึ้นที่สูงไว้ก่อน เฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งน้ำจากทั้ง ชี & มูล จะไหลไปลงแม่น้ำโขง ต้องระวังมากๆทีเดียว ถ้าวางแผนพลาด น้ำ 2 ส่วนนี้เล่นเมืองอุบลฯ จนบาดาลแน่นอน
|
|
|
|
มีนา
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865
|
|
« ตอบ #694 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 13:47:15 » |
|
น้องเหยงพอรู้มั้ยว่าแถว สภ.หนองบัว น้ำท่วมหรือเปล่าคะ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #695 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:06:09 » |
|
สอบถามให้แล้วครับ สภ.หนองบัว ตลาดหนองบัว รวมทั้งถนนจากอำเภอชุมแสงไปอำเภอหนองบัว ไม่มีน้ำท่วม เดินทางสะดวกครับ สภ.หนองบัว โทร 056 251 434 ครับ
|
|
|
|
มีนา
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865
|
|
« ตอบ #696 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:15:13 » |
|
ขอบคุณมากค่ะ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #697 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:26:34 » |
|
พี่ครับ
ทราบมาว่าน้ำจากหนองบัว ไพศาลี ตากฟ้า ท่าตะโกและตาคลี(นครสวรรค์ฝั่งตะวันออก) เริ่มไหลไปสู่จังหวัดลพบุรีบ้างแล้ว ปริมาณน้ำที่ท่วมขังเริ่มลดระดับลง
ในขณะที่ บรรพตพิสัย เก้าเลี้ยว เมืองนครสวรรค์ โกรกพระ และพยุหะคีรี(นครสวรรค์ฝั่งตะวันตก) ซึ่งแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ระดับน้ำขยับสูงขึ้น เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำปิงรับน้ำจากจังหวัดกำแพงเพชรแล้วไหลผ่านลงมา ที่ต่ำยังมีน้ำท่วมขังอยู่ หากเขื่อนเจ้าพระยา ทีี่จังหวัดชัยนาทปล่อยน้ำท้ายเขื่อนในระดับ 2,400 ลบ.เมตร/วินาที นครสวรรค์ก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้น และน้ำในอัตรานี้จะไม่กระทบ กทม. เมื่อรวมน้ำกับแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำน้อย แม่น้ำสุพรรณ ที่อำเภอบางไทร เนื่องจากไม่เกิน 3,500 ลบ.เมตร/วินาที
กลัวแต่ ผู้ใหญ่ของประเทศจะสั่งชะลอการปล่อยน้ำเท่านั้น เพื่อเอาใจคนกรุงเทพ ซึ่งจะเสียหายมากในทุกๆจังหวัดที่น้ำไหลผ่าน เพราะไม่คุ้มกับการให้ทุกๆจังหวัดรับภาระน้ำท่วมเพื่อคนกรุงเทพ เหมือนอดีตที่เคยสั่งเคยทำกัน
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #698 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 15:39:24 » |
|
พี่ตู่
ตกลงว่า น้ำไม่ท่วมแล้วใช่ไหมครับ?? เพราะผู้จัดการออนไลน์เพิ่งลงข่าวน้ำท่วมศรีราชาเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน 22 ตุลาคม 2553 13:08 น. ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ว่าฯ ชลบุรี เร่งวางแผน ช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วม หลายหมู่บ้านในอำเภอศรีราชา หลังระดับน้ำสูงกว่า 150 ซม. เสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน วันนี้ (22 ต.ค.53) ที่หมู่บ้านบูลเลอร์วาร์ด อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี, นายยุติศักดิ์ เอกอัคร นายอำเภอศรีราชา, นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี, นายอาคม พันธุ์เฉลิมชัย นายกเทศมนตรีตำบลเจ้าพระยาสุรศักดิ์, พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ตำบลสุรศักดิ์ หลายหมู่บ้าน สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก สาเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้เนื่องจากเช่วงคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นราบลุ่ม และพื้นที่ต่ำ ทำให้น้ำไหลจากที่สูงมารวมกันบริเวณดังกล่าว ซึ่งมีระดับความสูงประมาณ 150-160 ซม. ทำให้หลายบ้านมีน้ำท่วมพื้นชั้นแรก ทำให้ทรัพย์สินที่อยู่ชั้นล่างถูกน้ำท่วมขังเสียหายหลายรายการ นายวิชิตกล่าวว่า ขณะนี้จะต้องเร่งประสานกับกรมชลประทาน นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ มาติดตั้ง เพื่อสูบน้ำที่ท่วมขังลงสู่ทะเลโดยเร็ว เพราะหากให้น้ำท่วมขังเป็นเวลาหลายวัน ยิ่งจะสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ทางเทศบาลฯ ทหาร ได้นำรถบรรทุก รถจีเอ็มซี และเรือมาช่วยขนสิ่งของออกจากบ้านเรือนประชาชน นอกจากนี้ ทางจังหวัด กาชาดจังหวัด สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือ โดยนำเต็นท์มาตั้งและตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมนำชุดยังชีพมามอบให้ผู้ประสบภัย http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000149095
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #699 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 16:19:16 » |
|
หยุดข่าวน้ำท่วม...ดูข่าวนางสาวไทยซึ่งเป็นน้องชาวจุฬาฯก่อน วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23:29 น. ข่าวสดออนไลน์ นิสิตนิเทศ จุฬาฯ คว้ามงกุฎนางสาวไทย
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) ร่วมกับสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดประกวดนางสาวไทยประจำปี 2553 รอบสุดท้าย ภายใต้แนวคิด “งามอย่างยั่งยืน” ควบคู่กับการดำรงตำแหน่งทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และทูตทางการค้า โดยมีคุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล เป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน และผู้สวมมงกุฎเพชร ให้แก่นางสาวไทยคนใหม่ คนที่ 46 ผู้พิชิตมงกุฎนางสาวไทย ประจำปี 2553 ได้แก่ หมายเลข 17 กิ๊ฟ น.ส.กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ พ่วงด้วยรางวัลมิสอินเทลลิเจนต์ รางวัลมิสบอดี้ เฟอร์เฟ็คต์ และรางวัลขวัญใจช่างภาพ กิ๊ฟ กฤชภร เกิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2533 ที่จ.เชียงใหม่ อายุ 20 ปี ส่วนสูง 172 ซ.ม. หนัก 54 ก.ก. กำลังศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความสามารถพิเศษ จินตลีลา รำไทยประยุกต์ การแสดง และเพิ่งคว้ารางวัลนางสาวเชียงใหม่ ประจำปีนี้ นางสาวไทยคนใหม่กล่าวเมื่อครั้งผ่านเข้ารอบ 18 คนสุดท้าย ว่า “อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆในช่วงปิดภาคเรียน พอรู้ว่าได้เข้ารอบ 18 คน ตื่นเต้นและดีใจ คิดว่าเราจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆด้วย ซึ่งกิ๊ฟก็คาดหวังไว้เหมือนกันว่าอยากมีโอกาสได้รับเลือกเป็นนางสาวไทย ส่วนแนวคิดของการประกวดปีนี้กิ๊ฟคิดว่า งามอย่างยั่งยืน คือ ความงามที่อยู่บนพื้นฐานของจริยธรรม เพราะการดำเนินชีวิตอย่างมีจริยธรรม นอกจากชีวิตจะมีความสุข ยังทำให้จิตใจของเราแจ่มใส และเมื่อเรามีจิตใจที่แจ่มใส สดชื่น ความงามก็จะเผยออกมาจากภายในค่ะ” สำหรับรองอันดับที่ ตำแหน่ง 1 ได้แก่ หมายเลข 10 โอปอ น.ส.วรรัตน์ นิยมเดช และรองอันดับที่ 2 ได้แก่ หมายเลข 12 อุ๋ม น.ส.สิริมา อรชร ทั้งสามคนตอบคำถามคล้ายกันในช่วงสัมภาษณ์บนเวที ในคำถามว่า “หากคุณมีโอกาาสเลือกทางเดินของอาชีพ 3 แนวทาง จะเลือกอาชีพอะไรอันดับแรก เพราะอะไร ระหว่างนักการเมือง นักธุรกิจ หรือนักข่าว” ซึ่งต่างอยากเป็นนักข่าว โอปอ น.ส.วรรัตน์ ตอบว่า เลือกอาชีพนักข่าว เพราะแตกต่างจากอาชีพอื่น ต้องมีศีลธรรมและจริยธรรม การที่รายงานสิ่งที่ถูกต้อง ล้วนมีความสำคัญต่อเหตุการณ์บ้านเมือง นักข่าวจะต้องนำเสนอข้อเท็จจริง โดยขอเลือกเป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจ เพราะได้รายงานความเคลื่อนไหวของประเทศ ทั้งข่าวน้ำมัน และข่าวหุ้น อุ๋ม น.ส.สิริมา ตอบว่า เลือกอาชีพนักข่าว เพราะการที่เราได้เป็นนักข่าว ไม่ใช่เพียงอ่านข่าวอย่างเดียว เราจะได้ติดตามข่าวต่างๆ ทำให้เรารู้จักเอาตัวรอดในชีวิตประจำวัน และทำให้เราพัฒนาบุคคลิกภาพที่ดีได้ด้วย ส่วน กิ๊ฟ น.ส.กฤชภร ตอบว่า เลือกอาชีพนักข่าว เพราะในชีวิตประจำวัน ต้องมีการติดต่อสื่อสารมากมาย โดยจะนำเสนอข่าวการทำความดี เชิดชูเกียรติคนทำความดี เป็นการปลูกฝังให้เด็กๆ ทำความดี และต่อยอดความดีนั้นต่อไป http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNE56WTNPRGd6Tnc9PQ==
|
|
|
|
|