27 มิถุนายน 2567, 21:35:48
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 364 365 [366] 367 368 ... 472   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกับ เหยง 16 - พิเชษฐ์ เชื่อมฯ-เตรียมฉลอง 100 ปี หอซีมะโด่ง จุฬาฯ  (อ่าน 2420406 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9125 เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2556, 16:46:37 »

 งง งง รู้ไว้ ใช่ว่า ใส่บ่า แบกหาม ?? เพราะไม่มีที่ไหนสอนจริงๆ  สะใจจัง

บทเรียน บรรหาร ออกซฟอร์ด มิได้สอน บทเรียน การเมือง
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14:02:08 น.

(ที่มา:มติชนรายวัน 19 ก.ค.2556)

การพบระหว่าง นายบรรหาร ศิลปอาชา กับ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ณ บ้านพิษณุโลก โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นสะพานเชื่อม

สำคัญ

ไม่เพียง 1 สำคัญต่อเอกภาพภายในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากแต่ 1 ยังสำคัญต่อการดำรงอยู่ของโครงการบริหารจัดการน้ำ

เป็นการดำรงอยู่อย่างมีคำว่า "ยั่งยืน" ต่อท้าย

การยอมคุกเข่าลงแสดงคารวะต่อ นายบรรหาร ศิลปอาชา ของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี จึงทรงความหมาย

ไม่เพียงเพราะรู้จักกันมานาน

รู้จักกันในขณะที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ขณะที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี เสมอเป็นเพียงหัวหน้าประมงที่จังหวัดภูเก็ต

ยาวนานมาแล้วร่วม 40 ปี

หากที่สำคัญเป็นอย่างมากเพราะบทบาทของ นายบรรหาร ศิลปอาชา ในพรรคชาติไทยพัฒนา และในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เป็นบทบาทอัน "ขาด" มิได้

ใครก็ตามที่มองการเมืองแบบ 1 บวก 1 เป็น 2 เท่านั้น ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะสามารถทำความเข้าใจต่อปรากฏการณ์ ณ บ้านพิษณุโลก ได้

อาจรู้สึก "เคือง"

ยิ่งหากมองจากพรรคไทยรักไทยที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เคยร่วมกับ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคมหาชน ในการ "บอยคอต" การเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายน 2549

ก็ยิ่งต้อง "เคือง"

ยิ่งหากมองจากพรรคพลังประชาชนซึ่งถูกยุบเมื่อเดือนธันวาคม 2551 แล้วพรรคชาติไทยของ นายบรรหาร ศิลปอาชา ไปร่วมกับ นายเนวิน ชิดชอบ ในการหนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลโดยชู นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

ก็ยิ่งต้อง "เคือง"

แต่สถานการณ์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ณ บ้านพิษณุโลก ดูเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไม่เคือง

ขณะเดียวกัน นายปลอดประสพ สุรัสวดี ก็ไม่เคือง

ตรงกันข้าม นายปลอดประสพ สุรัสวดี เอ่ยคำขอโทษหากพูดอะไรไปแล้วทำให้พรรคชาติไทยพัฒนา และนายบรรหาร ศิลปอาชา ไม่พอใจ

นี่แหละ "การเมือง"

สภาพทางการเมืองมิได้ดำเนินไปอย่างเส้นตรงเส้น 1 ตั้งอยู่บนเส้นตรงอีกเส้น 1 ผ่านท่วงทำนอง 1 บวก 1 เป็น 2 เสมอไป

เพราะ 3-1 ก็ได้ 2

เช่นเดียวกับ 4+5 ได้ 9 และเมื่อเอา 7 มาลบออกผลก็จะได้เป็น 2 เหมือนกัน

การเชิญ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มาฟังคอนเสิร์ตในทำเนียบรัฐบาลจึงมีความจำเป็น และจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เดินเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์

ถามว่าทำไมต้องยอมให้กับ นายบรรหาร ศิลปอาชา

คำตอบ 1 เป็นบทเรียนจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 คำตอบ 1 เป็นบทเรียนจากความเป็นจริงของ นายบรรหาร ศิลปอาชา และการดำรงอยู่ของพรรคชาติไทยและพรรคชาติพัฒนาในทางการเมือง

หากต้องการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสามัคคีกับพรรคชาติไทยพัฒนา

กระบวนการทางการเมืองเช่นนี้อย่าว่าแต่ฮาร์วาร์ดเลย แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ไม่เคยสอน

ต้องเรียนรู้เอง

ต้องเรียนรู้จากความเป็นจริงของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ต้องเรียนรู้จากความเป็นจริงเมื่อเดินเข้ากระทรวงกลาโหม

การเมืองไทยมิอาจขาด นายบรรหาร ศิลปอาชา มิอาจขาดบทบาทของพรรคชาติไทยพัฒนา

เพราะการเมืองเป็นส่วนหนึ่งแห่งวิทยาศาสตร์สังคม ไม่สามารถแสวงหาคำตอบจากห้องทดลองเหมือนวิทยาศาสตร์ธรรมชาติทั่วไป

ต้องเรียนรู้จาก "ความเป็นจริง"

 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374216064&grpid=01&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9126 เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2556, 21:31:56 »

เปิดสถิติฟ้าผ่าเกิดวันเสาร์ เวลาบ่าย 2-5 โมงมากสุด
19 กรกฎาคม 2556 16:56 น.

       เปิดสถิติพบชาวนาเสี่ยงฟ้าผ่าสูงสุด มักเกิดขึ้นในวันเสาร์มากที่สุด ช่วงเวลา 14.00-17.00 น.สธ.เตือนอย่าอยู่ที่โล่งแจ้งขณะฝนตกฟ้าคะนอง ไม่อยู่ใกล้ของสูง งดเล่นมือถือ คอมพ์ เน็ต ที่บ้านระหว่างฟ้าร้อง เผยห้ามออกจากรถหากถูกฟ้าผ่า แนะหากพบคนถูกฟ้าผ่าให้โทร.1669
       
       วันนี้ (19 ก.ค.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงฤดูฝนมีโอกาสอย่างมากกับการถูกฟ้าผ่า เนื่องจากข้อมูลการเฝ้าระวังการบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกฟ้าผ่า (Lightning-related injuries) โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกับโรงพยาบาลเครือข่ายการเฝ้าระวังการบาดเจ็บแห่งชาติ 33 แห่ง ของ สธ.พบว่า จำนวนผู้บาดเจ็บรุนแรงจากฟ้าผ่า ปี 2551-2555 จำนวน 180 ราย (เฉลี่ยปีละ 36 ราย) เสียชีวิต 46 ราย อัตราเจ็บตาย ร้อยละ 23.89 โดยปี 2555 มีผู้บาดเจ็บรุนแรง เป็นชายร้อยละ 68.3 หากแยกตามอายุพบว่า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 45-49 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 30-34 ปี และอายุ 20-24 ปี ตามลำดับ หากแยกตามอาชีพจะพบเกษตรกรถูกฟ้าผ่า ร้อยละ 45.71 รองลงมาเป็นนักเรียน นักศึกษา ร้อยละ 40 และผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 8.57 วันเสาร์เกิดเหตุสูงสุด ร้อยละ 31.43 เวลาที่เกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นเวลา 14.00-17.00 น.สถานที่เกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นนา ไร่ สวน
       
       ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า นอกจากข้อมูลดังกล่าวแล้ว ยังมีผู้ถูกฟ้าผ่าที่เสียชีวิตทันที หรือบางรายบาดเจ็บไม่รุนแรง ไม่ได้มาโรงพยาบาลอีกเป็นจำนวนมาก ผู้ถูกฟ้าผ่ามีโอกาสเสียชีวิตร้อยละ 30 จากหัวใจหยุดเต้นด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูง ช็อกทันที ฟ้าผ่าเกิดจากประจุไฟฟ้าจากก้อนเมฆวิ่งลงสู่พื้นดินและจะผ่าลงในจุดที่สูงสุดของสถานที่นั้นๆ แม้บางครั้งฟ้าผ่าไม่ถูกคน แต่ก็เป็นอันตรายได้หากอยู่ใกล้สิ่งที่ฟ้าผ่า กระแสไฟจากสิ่งที่ฟ้าผ่าอาจพุ่งเข้าสู่คนที่อยู่ใกล้ได้หลายทาง เช่น ผ่านเสื้อผ้าหรือตัวที่เปียก โลหะที่สวมใส่ โครงเสื้อชั้นใน ลวดจัดฟัน สร้อยโลหะ อุปกรณ์โลหะที่ใช้ทำงาน มือถือ เป็นต้น ดังนั้น การป้องกันอันตรายจากการถูกฟ้าผ่าทำได้ดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ขณะฝนตกฟ้าคะนอง หรือสวมใส่อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า ทั้งทองคำ เงิน ทองแดง นาก และสร้อยโลหะ หากจำเป็นต้องอยู่ในที่โล่งแจ้งควรนั่งหมอบ ย่อตัวให้ต่ำและชิดกับพื้นให้มากที่สุด แต่ไม่ควรนอนราบกับพื้น รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา เพราะฟ้าผ่าลงที่สูง
       
       2.ห้ามอยู่ใกล้หรือใช้อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เครื่องมือการเกษตร โทรศัพท์มือถือ และโทรศัพท์สาธารณะ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีส่วนประกอบที่เป็นแผ่นโลหะ สายอากาศและแบตเตอรีที่เป็นตัวล่อไฟฟ้า 3.ควรหลบในอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า จะช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าได้ และหลีกเลี่ยงการเปิดเครื่องไฟฟ้าทุกชนิด ทั้งโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ วิทยุ ขณะฟ้าร้องฟ้าผ่า รวมถึงห้ามอยู่ใกล้ประตู หน้าต่าง ที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะ และ 4.กรณีอยู่ในรถควรปิดกระจกทุกบาน หากฟ้าผ่าลงรถควรตั้งสติ ไม่ควรออกจากรถโดยเด็ดขาด เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลตามผิวโลหะของตัวถังรถจะไหลลงสู่พื้นดิน หากออกนอกรถจะมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าสูง การหลบอยู่ในรถจึงปลอดภัยที่สุด เพราะโครงสร้างรถยนต์เป็นโลหะนำไฟฟ้าที่ไม่ดีนัก จะช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าได้
       
       “การช่วยเหลือผู้ถูกฟ้าผ่าต้องช่วยอย่างรวดเร็ว โดยประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของที่เกิดเหตุ และโทร.ขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 พร้อมแจ้งข้อมูลผู้ถูกฟ้าผ่า และสถานที่เกิดเหตุ และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากสถานที่โดนฟ้าผ่าไปยังที่ปลอดภัย ประเมินการหายใจและการเต้นของหัวใจ ถ้าไม่หายใจและหัวใจหยุดเต้น ให้รีบช่วยชีวิตทันที โดยการกดหน้าอกในตำแหน่งตรงกลางให้ได้ประมาณ 100 ครั้งต่อนาที ลึกลงไปอย่างน้อย 2 นิ้ว จนกว่าหัวใจจะเต้น คลำชีพจรได้ หรือมีหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินมาช่วยแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
       
จาก http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000088950
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9127 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2556, 11:21:24 »

ช่วงวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ฝนมากขึ้นใน 2 วันนี้ ขับรถด้วยความระมัดระวัง
คลิ่นในทะเลสูง ลมแรง จึงไม่ใช้สถานที่สำหรับนักท่องเที่ยว ยกเว้นนักผจญภัย

พยากรณ์อากาศ ประจำวันเสาร์ที่ 20 กรกฏาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทำให้ประเทศไทยตอนบนบริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา
น่าน แพร่ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี
ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ โดยกลุ่มฝนจะเคลื่อนจากทางด้านตะวันตกไปทางด้านตะวันออก

อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
/size]
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #9128 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2556, 20:09:51 »

วันนี้ที่อยุธยาบ่มีฝน แดดแรงจัด
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #9129 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2556, 21:58:04 »


เมืองจันท์ ฝนฉ่ำทั้งวันครับพี่เหยง พี่เริง

 รักนะ sing
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9130 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2556, 06:59:13 »

ประเทศไทยมีฝนร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีโอกาสฝนตกกระจาย
โโยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสานที่มีพิธีแห่เทียนพรรษา
ทะเลในอ่าวไทยและอันดามัน รวมทั้งภาคตะวันออก มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ลมแรง ไม่เหมาะกับการท่องทะเล


พยากรณ์อากาศ ประจำวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฏาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกในระยะ 1-2 วันนี้
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก
สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย
พะเยา น่าน แพร่ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช 

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง

อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ โดยกลุ่มฝนจะเคลื่อนจากทางด้านตะวันตกไปทางด้านตะวันออก

อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9131 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2556, 07:05:16 »

สักครู่จะออกเดินทางไปวัดบางคลาน อำเภอโพทะเล สักการะหลวงพ่อเงิน

จะต่อไปยังวัดพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ครับ

เย็นนี้เจอกันครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #9132 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2556, 11:08:33 »

คงไม่มีฝน ทำให้ลำบากตอนขับรถเนาะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9133 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2556, 21:59:45 »

น้องเริง


เจอฝนระหว่างทางในช่วงขากลับ
ตกหนักมากในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ช่วงห้าโมงเย็นเศษๆ
จนเลยมาถึงเขตอำเภอเก้าเลี้ยวจึงหยุดตก ถึงบ้านที่ไม่มีเค้าฝนเลยแม้แต่เม็ดเดียว
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9134 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2556, 22:00:34 »

แต่ระหว่างเดินทาง........

มี สส.จังหวัดนครสวรรค์, พ่อค้า และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด โทรไปหาพร้อมปรึกษาหาข้อมูลเพื่อเล่าให้ รมช.พณ. (เป็นใหม่?)
ที่ขึ้นไปตรวจราชการที่ชัยนาทและนครสวรรค์ เนื่องจากราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เริ่มตกต่ไลง กก.ละ 1 บาทเศษๆ ทีเดียวจาก
1.ครม.ชุดนี้ให้นำเข้าข้าวโพดจากลาว เพื่อส่งออกต่อประเทศที่ 3 จำนวน 200,000 ตัน ซึ่งรู้มาว่า เข้ามากว่า 250,000 ตัน
   โดยเข้ามาตั้งแต่ ก.ย. 2555 เมื่อส่งออกออกในเดือน พ.ค. 56 เป็นครั้งแรก 6,000 ตัน ญวนตีกลับทั้งหมด อ้าว่า มีเม็ดเสีย
   เพราะเชื้อราสูง จนอาจมีอันตราย ที่สุดต้องเปลี่ยนของใหม่ไปให้แทน ตกลงที่เหลือซึ่งคุรภาพไม่ได้มากกว่า 200,000 ตัน
   ยังอยู่ในประเทศไทย "ประเทศที่อ้างว่าจะเป็นครัวของโลก" ??
2.วันที่ 4 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมา ครม.ไทยอนุญาตให้ขยายระยะเวลานำเข้าข้าวโพดจากเขมรไปจนถึง 31 ส.ค. 56 จากการที่เขมร
   อ้างว่า ไทยปิดด่านนำเข้ากระทบเกษตรกรชาวเขมร ครม.ไทยใจดี ให้นำเข้าตามที่ขยายเวลา โดยไม่จำกัดจำนวนนำเข้า
   ซึ่งมีข้าวโพดเขมรเข้ามาตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว วันละ 300 ตันและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้
3.บริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ใหญ่และเลี้ยงไก่ เป็นรายที่ 2 ของไทยคือ สหฟาร์ม มีปัญหาทางการเงินและต้องหยุดการประกอบการไป
   บริษัทนี้เชือดไก่ได้มากกว่า 500,000 ตัว/วัน ใช้ข้าวโพดบ่นทำอาหารวันละ 1,500-1,800 ตัน/วัน เมื่อต้องหยุดซื้อ จะมีข้าวโพด
   ติดมือพ่อค้าและเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจำนวนนับเป็นแสนตัน ไม่รวมถูกบริษัทนี้ติดหนี้ค่าซื้ออีกหลายพันล้านบาท
4.บริษัทผู้ผลิตอาหารสัต์อื่น นำเข้าข้าวสาลีซึ่งมีราคาถูกเข้ามาทดแทน เพื่อลดต้นทุน ในปีนี้กว่า 500,000 ตัน
5.รัฐมนตรีพาณิชย์ที่ถูกปรับออกไปก่อนตั้ง รมต.ปู 5 มีคำสั่งให้การขนย้ายข้าวโพดจากหรือเข้าจังหวัดที่มีชายแดนติดประเทศข้างเคียง
   ต้องมีในขออนุญาตขนย้าย หากไม่มีจะมีโทษปรับ 1 แสน จำคุก 5 ปี ซึ่งการขอใบอนุญาตขนย้ายในแต่ละจังหวัด
   จะมีความยากง่ายแตกต่างกัน สุดแต่พระเดช-พระคุณ บางจังหวัดต้องขับรถจากอำเภอแดนไกลเข้าไปขอที่ศาลากลาง
   และใช้เวลามากกว่า 1 วันก็มี ?? สรา้งภาระและค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องเก็บจากชาวไร่นั่นเอง

จาก 5 ข้อนี้ ราคาซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรก็ลดลงไป กก. ละ 1 บาทกว่าๆ จึงเป็นที่มาของการร้องเรียนในวันนี้

รมช.ซึ่งเป็นอดีตปลัดกระทรวง ที่สำคัญจบจุฬาฯ ตอบหน้าตาเฉย
1.ไม่มีข้าวโพดลาว, เขมร เข้ามาแม้แต่เม็ดเดียว
2.ผู้ผลิตอาหารสัตว์แค่นำเข้าข้าวสาลีจะทดลองทำแป้งเท่านั้น
3.เรื่องเดือดร้อน จะเอาไปบอกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบทราบ
แล้วขอตัวไปกินข้าวเที่ยง ??!!

ผมพยายามขับรถกลับบ้านแบบไม่มีโทสะ และคิดว่า จุฬาฯไม่เคยสอนนิสิตให้ทำตัวไม่ดี ดังที่ตัวเองพยายามรักษาไว้ตลอดมา
แต่เป็นเพราะการเมืองหรือเปล่า ที่เมื่อเริ่มเสพติดอำนาจ อำนาจจึงทำให้เขาเริ่มชั่ว ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9135 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2556, 22:01:19 »

ระนองฝนตกหนักหลายวัน! หินภูเขาขนาด 2 ตันถล่มปิดทับถนน
21 กรกฎาคม 2556 15:57 น.


       ระนอง - ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้บริเวณหมู่ที่ 3 ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง เกิดภูเขาหินถล่มน้ำหนักกว่า 2,000 กก. ลงมาทับเส้นทางการจราจรถึง 2 แห่ง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา ด้านเจ้าหน้าที่เร่งแก้ไข พร้อมอำนวยความสะดวก
       
       เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (21 ก.ค.) นายพิทยา ณ นคร หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการทางหลวงชนบทจังหวัดระนอง ได้รับแจ้งจากอาสาสมัครทางหลวงชนบท ว่า เกิดเหตุหินภูเขาเลื่อนไหลปิดทับถนนสายบ่อน้ำร้อน-หาดส้มแป้น บริเวณหมู่ที่ 3 ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง จำนวน 2 จุด อยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร โดยจุดแรกพบว่า ภูเขาหินได้ถล่มลงมาแตกเป็นวงกว้างกว่า 10 เมตร และจุดที่ 2 เป็นถนนช่วงโค้งมีหินขนาดใหญ่ประมาณกว่า 2 ตัน หล่นลงมาปิดทับ และกีดขวางการจราจร 1 ช่องทาง แต่เจ้าหน้าที่ก็นำถังน้ำมัน 200 ลิตร มาทำการกั้นเพื่อเป็นการเตือนผู้ที่ใช้รถใช้ถนนผ่านเส้นทางดังกล่าว อย่างไรก็ตาม รถทุกชนิดยังคงสามารถผ่านได้ 1 ช่องทางจราจร แต่มีเจ้าหน้าที่คอยให้สัญญาณตลอดการทำงาน
       
       จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบทจังหวัดระนอง ได้นำเครื่องจักรกลหนัก ทั้งรถตัก และรถบรรทุก 10 ล้อ เข้าทำการตักหินที่เกิดการเลื่อนไหลทั้ง 2 จุดแล้ว คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ จึงสามารถเปิดการจราจรให้ประชาชนสามารถนำรถทุกชนิดสัญจรไปมาเข้าออกได้ตามปกติ
       
       นายพิทยา ณ นคร กล่าวว่า ในพื้นที่ตำบลบ้านหาดส้มแป้นนี้เป็นพื้นที่ภูเขาหิน มักมีการเกิดดิน หรือหินภูเขาเลื่อนไหล หรือถล่มลงมาอยู่หลายครั้งเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ส่วนมากจะเป็นดินและหินเลื่อนไหลขนาดใหญ่ ซึ่งจุดที่เกิดเหตุหินเลื่อนไหลในครั้งนี้ เกิดขึ้นแล้วเมื่อประมาณเมื่อคืนวานที่ผ่านมา แต่เนื่องจากในพื้นที่ อ.เมือง มีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง ทำให้ดินและหินภูเขาในจุดดังกล่าวอุ้มน้ำไว้ไม่ไหวจึงเลื่อนไหลลงมา แต่โชคดีไม่มีผู้ใดที่สัญจรไปมาได้รับอันตราย
       
       ด้าน นายชวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง กล่าวว่า ในช่วงระยะ 2-3 วันนี้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้จังหวัดระนองมีฝนตกหนักบางแห่ง คลื่นลมแรง จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ด้วย ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเจ้าหน้าที่ และเครื่องมือปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว สำหรับประชาชนที่พบเห็นหรือประสบอุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง โทร.0-7786-2091, 0-7786-2095 หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9560000089547
 
      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #9136 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2556, 22:38:37 »

มาครับ น้องเหยง ........
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9137 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 07:54:39 »

สวัสดีครับพี่ปี๊ด


มาถึงก็เข้าช่วงดึกเลยครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9138 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 07:54:54 »

ฝนลดลงโดยเฉลี่ยจากเมื่อวานนี้ แต่ภาคอีสานยังมีฝนมากถึงร้อยละ 70
ฝนลดลงน่าจะเป็นนิมิตรที่ดีสำหรับการเดินทางกลับจากบ้านมาทำงานในวันนี้และวันพรุ่งนี้

พยากรณ์อากาศ ประจำวันจันทร์ที่ 22 กรกฏาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร และอำนาจเจริญ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักสำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมาก
บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ โดยกลุ่มฝนจะเคลื่อนจากทางด้านตะวันตกไปทางด้านตะวันออก

อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #9139 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 08:20:01 »

ฝนมีหรือลดลง ปทุมธานีก็ไม่มีฝนเลยครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9140 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 13:31:03 »

สมาชิกทุกท่านครับ


ขณะนี้รถบนถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก ซึ่งเป็นสายที่ผ่านหน้าบ้าน
รถยนต์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในสายล่อง กทม.
แสดงว่า ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มเดินทางกลับจากบ้านมุ่งสู่ กทม.แล้ว
ในขณะที่ชาวบ้านเอง มีขบวนแห่เทียนเข้าพรรษาไปถวายยังวัดใกล้บ้านกัน
เสียดายที่ไมไ่ด้ติดกล้องออกมาด้วย จะได้ถ่ายภาพมาให้ชม
ราชการจัดแห่วันศุกร์ เพราะจะหยุดยาว ทำให้ประเพณีเพี้ยนไปมากพอสมควร
ถวายเทียนผิดวัน เป็น 2 มาตรฐานไปเลย ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9141 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 13:32:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 22 กรกฎาคม 2556, 08:20:01
ฝนมีหรือลดลง ปทุมธานีก็ไม่มีฝนเลยครับ

ยังดีที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาผ่าน ดอกบัวจึงยังดูสวย สด
หากไม่มีน้ำ เมืองปทุมฯ จะเรียกชื่อใหม่ว่ากระไรดี ??
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9142 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 16:57:23 »

ว่าด้วยเรื่อง 'งดเหล้าเข้าพรรษา'
เปลว สีเงิน22 July 2556 - 00:00

    วันนี้-ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ตรงกับจันทร์ ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ปีมะเส็ง เป็นวันอาสาฬหบูชา และวันที่พระสงฆ์ปวารณาเข้าพรรษา บำเพ็ญภาวนา ศึกษาร่ำเรียนพระธรรม-วินัยอยู่กับวัด ไม่ไปพักค้างอ้างแรมที่อื่นเป็นเวลา ๓ เดือน นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป
    ครับ...เป็น ๓ เดือนที่ "ศาสนจักร" เป็นแดนผู้ที่ใฝ่หาความ สงบ-เย็น มุ่งหน้าเข้าสู่ ในขณะเดียวกัน "ราชอาณาจักร" กลับเป็นแดนเร่าร้อนด้วยเหล่าอสูร-เทวา ถึงคราต้องพิสูจน์แตกหัก
    อสูรจะครองเมือง
    หรือ.....
    เทวาจะสยบมาร
    สิงหา-กันยา-ตุลา....รู้กัน!
    นี่..ผมได้เสื้อยืด "งดเหล้าเข้าพรรษา" ของคุณหมอสุปรีดา อดุลยานนท์ แห่ง สสส.มาตัว ก็จะเจียดใส่ให้ครบ ๓ เดือน เพราะเห็นคล้อยตามสโลแกน ซึ่ง "งดเหล้า ๓ เดือน" แค่นี้พอทำใจ "งดถวายพระ" ได้
    แต่ถ้าให้ "เลิกเหล้า" ถวายพระไปเลยนี่ซี ต้องคิดหนัก  คือเกรงจะเป็นการเอาของไม่ดีไปถวายพระ..มันบาปน่ะ ฉะนั้น อย่าดีกว่า!?
    "เข้าพรรษา...สุราเมระยะมัชชะ" ไม่ได้แปลว่าเข้าพรรษาดื่มสุราได้เป็นระยะนะ ศีลข้อที่ ๕ เต็มๆ คือ
    "สุราเมระยะมัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง  สะมาทิยามิ."
    "ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เว้นจากการดื่มสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท"
    สุรา-คือน้ำเมาที่กลั่นออกมาเป็นเหล้า จะเอาเหล้าไปผสมเป็นชื่อนั้น-ยี่ห้อนี้ ที่ดริงก์ตามผับ ตามบาร์ กันจนดรังก์ เด้งหน้า-เด้าหลัง นั่นนับเนื่องจากสุราทั้งนั้น
    เมระยะ-ไม่ใช่เมาเป็นระยะ แต่คือน้ำเมาที่ไม่ได้กลั่น เมระยะก็คือ "เมรัย" นั่นเอง เป็นพวกแอลกอฮอล์ดิบๆ อย่าง กะแช่ น้ำตาลเมา เบียร์ กระดิ่งทอง โมกผา อะไรพวกนี้ ข้าวหมากที่หย่อนลูกแป้งหมักลงไปดองในขวดโหลนานๆ รินน้ำซดหัวทิ่ม นี่ก็เมรัย
    เมรัย ไม่ได้เป็นญาติกับ "เมรีขี้เมา" นะ...บอกก่อน!
    มัชชะ-ไม่ใช่มัชฌิมา ที่เอาไปตลกหน้าม่านกันว่าหมายถึง ดื่มพอมัชฌิมา พอดีๆ ดื่มได้ พระไม่ห้าม ไม่ผิดศีล
    มัชชะ-คำแปลที่ถูกต้อง หมายถึงน้ำเมา ของมึนเมา เช่น กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี น้ำต้มใบกระท่อม กระทั่งของที่เจือปนสิ่งเหล่านี้เมื่อดื่มแล้วมึนเมา อยู่ในข่ายว่ามัชชะ
    ผมอ่านในเว็บศีล ๕ เขาบอกว่า "สุราและเมรัย" หมายถึง สุรา ๕ อย่าง เมรัย ๕ อย่าง
    สุรา ๕ ได้แก่ ๑.ปิฏฐสุรา สุราทำด้วยแป้ง ๒.ปูวสุรา สุราทำด้วยขนม ๓.โอทนสุรา สุราทำด้วยข้าวสุก ๔.กิณณะปกะขิตตา สุราที่หมักเชื้อ ๕.สัมภาระสังยุตตา สุราที่ปรุงด้วยเครื่องเทศต่างๆ
    เมรัย ๕ ได้แก่ ๑.ปุปผาสโว น้ำดองดอกไม้ ๒.ผลาสโว น้ำดองผลไม้ ๓.มธวาสโว น้ำดองน้ำผึ้ง หรือน้ำดองน้ำหวาน  ๔.คุฬาสโว น้ำดองน้ำอ้อย ๕.สัมภาระสังยุตโต น้ำดองที่ปรุงด้วยเครื่องเทศต่างๆ
    ครับ...เล็กๆ น้อยๆ เป็นความรู้ เข้าใจไว้ไม่เสียหลาย คำว่า "สุราเมระยะมัชชะ" ก็เข้าใจไปแล้ว จะสรุปความหมายในคำต่อไปบ้าง
    "ปะมาทัฏฐานา" อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
    "เวระมะณี" ว่าจะงดเว้น
    "สิกขาปะทัง" สิกขาบทนี้ หมายถึงเฉพาะข้อนี้
    "สะมาทิยามิ" คือ สมาทาน การรับปาก รับสัจจะ
    รวมความเป็น "สุราเมระยะมัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ" คือ "ข้าพเจ้าขอรับปากตามข้อนี้ว่า จะเว้นการดื่มสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท"
    ทีนี้มีพวกแก่ดีกรี ปุจฉาแย้งว่า แล้วที่พระเคี้ยวหมาก-เคี้ยวพลู นัดยานัตถุ์ สูบยาตั้ง ยาฉุน สูบบุหรี่ ดื่มยากระตุ้นพลัง ดื่มกาแฟ อะไรพวกนี้ล่ะ ผิดศีลข้อที่ ๕ นี้มั้ย?
    เล่นไม่ยากครับ เพราะศีลข้อนี้ "กำหนดเกณฑ์มาตรฐาน" ว่า ถึงระดับไหนจะผิดศีลหรือไม่ผิดศีลอยู่แล้ว ตรงคำว่า "ปะมาทัฏฐานา" นั่นไง
    บุหรี่ หมากพลู กาแฟ นั่นไม่ทำให้ "ที่ตั้งแห่งความประมาท" แตกทำลายหรอก คือคนกินหมาก ดื่มกาแฟ สูบบุหรี่ ไม่ทำให้ถึงเมาจนขาดสติ  เพียงติดรสชาติ ติดความเคยชินเท่านั้น ไม่เข้าข่ายผิดศีลข้อที่ ๕
    ส่วนมองด้านสังคม ควรละ ควรเลิก ควรตัดหรือไม่ เป็นเรื่องแต่ละบุคคลจะพิจารณาถึงคุณ ถึงโทษ ถึงประโยชน์ ไม่ประโยชน์แห่งตน และคำนึงถึงภววิสัยด้วย เช่นเป็นพระ ว่าควรละหรือควรริ?
    อ้อ...ขอแถมนิด เพราะปีนี้เป็นปี "พระฮิต" มีคำทางพระคำหนึ่งที่นำมาใช้กันผิดๆ ประจำ ระหว่างคำว่า "สิกขา" กับ "สิกขาบท"
    ในพจนานุกรม ฉบับพุทธศาสน์ ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ท่านบอกว่า สิกขา หมายถึงการศึกษา การสำเหนียก ข้อที่จะต้องศึกษา ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกอบรม ๓ อย่าง อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และ อธิปัญญาสิกขา
    รวมเรียกว่า ไตรสิกขา อันประกอบด้วย ศีล-สมาธิ-ปัญญา
    ดูข่าวโทรทัศน์ อ่านหนังสือพิมพ์ จะพบประจำ เมื่อพระสึก มักใช้คำว่า "ลาสิกขาบท" ซึ่งผิดมหันต์ ทั้งที่เป็นความรู้ขั้นต้น แต่นักอ่านข่าวโทรทัศน์ไม่เคยใส่ใจ ยังตะบี้ตะบันใช้ผิดๆ กันทุกวัน
    "ลาสิกขาบท" ไม่มีหรอกครับ เพราะสิกขาบทหมายถึงศีล หมายถึงวินัย หมายถึงบทบัญญัติ "ข้อใด-ข้อหนึ่ง" เฉพาะข้อนั้นข้อเดียว อย่างพระถือศีล ๒๒๗ ข้อ จะลาเพียงข้อเดียว แล้วสึกไปเป็นฆราวาส อย่างนั้นหาใช่ไม่
    พระสึก..จะสึกเอง หรือถูกจับสึก อย่างเถนคำที่เป็นข่าวตอนนี้ ต้องเรียกว่า "ลาสิกขา" หมายถึงการลาจากความเป็นพระภิกษุ-สามเณร โดยกล่าวปฏิญาณตนไปเป็นอื่น ต่อหน้าพระภิกษุด้วยกัน หรือต่อหน้าคนอื่นว่า..ขอลาสิกขาไปเป็นคฤหัสถ์
    นี่คือการ "ลาสิกขา" ไม่ใช่ "ลาสิกขาบท" เข้าใจให้ถูกต้องกันนะครับ!
    อย่างศีล ๕ ศีล ๑๐ แต่ละข้อ จะลงท้ายว่า "...เวระมณี  สิกขาปะทัง สมาทิยามิ" นั่นคือ จะเลือกถือข้อใด-ข้อหนึ่ง คือ "สิกขาบทใด-สิกขาบทหนึ่ง" ก็ได้ ไม่ต้องสมาทาน คือไม่ต้องรับปากว่าจะถือทุกข้อ
    สมมุติตอนพระให้ศีลข้อ ๑ ปาณา...เราอาชีพประมง พอพระให้ศีล เราไม่รับคือไม่สมาทานข้อนี้ก็ได้ หรืออย่างข้อที่ ๕ สุราเมระยะมัชชะ...เราอดกินเหล้าเมายาไม่ได้ ไม่สมาทาน คือไม่รับสัญญาในศีลข้อนี้ แต่ไปรับข้ออื่นก็ได้
    แหม...พูดถึง "งดเหล้าเข้าพรรษา" ของ สสส.นิดเดียว ก็ไปซะแทบหาทางกลับไม่ถูก ได้ยินคุณหมอสุปรีดาบอกว่า รณรงค์มา ๙ ปี มีคนงดเหล้ากว่า ๕.๓ ล้านคน ประหยัดค่าเหล้าไปกว่า ๒.๒ หมื่นล้านบาท!
    ลงล็อกเลขถูกโฉลกแฮะ เพราะตรงกับโครงการเปียก ๓.๕ แสนล้าน และโครงการแห้ง ๒.๒ ล้านล้านของรัฐบาลพอดีเป๊ะ
     โครงการ "งดเหล้าเข้าพรรษา" น่ะ...ไปฉลุย แต่โครงการน้ำ ๓.๕ แสนล้าน กับโครงการรางและถนน ๒.๒ ล้านล้าน นี่ซี จะฉลุยหรือแฉลบลงข้างทาง....
    สงสัยต้องไปถาม "อาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ" ที่ถูกหมัด "ประชาธิปไตยทักษิณ" สวมสนับมือต่อยหน้าจนแหกเมื่อวานซืน!
    ตำรวจที่แสนดี ฟันธงฉับ "นี่เพราะไปพูดเรื่องเถนคำ" แต่ตัวอาจารย์ภิญโญและชาวบ้านชาวเมืองลงความเห็นตรงกันว่า ไม่ใช่พูดเรื่องเถนคำหรอก เพราะไปพูดเรื่องรัฐบาลเพื่อไทย โดยเฉพาะกับยิ่งลักษณ์และทักษิณมากกว่า
    จากทนายประชาธิปัตย์ "ราเมศ รัตนะเชวง" ถูกตีหัวบาดเจ็บสาหัส มาถึงอุ้มฆ่าเอกยุทธ อัญชันบุตร และนี่...ดักชกอาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ ซึ่งแต่ละราย "พูดจาไม่เข้าหูระบอบทักษิณ" จึงมีทั้งเจ็บ-ทั้งตาย
    จาก "อิทธิพลมืด" ภายใต้อำนาจสว่าง "คุ้มครอง!
    พูดถึงโหราจารย์ภิญโญ ก็พอดีโหราจารย์ "ฟองสนาน จามรจันทร์" เขียนเรื่อง "ฝ่ายไหนจะชนะในศึกดวงเมืองแตกรอบนี้" มาให้ผมอ่าน เผลอๆ พรุ่งนี้จะเอามาลงให้ท่านอ่านด้วย.

http://www.thaipost.net/news/220713/76749
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9143 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 19:12:10 »

มีคนเข้ามาอ่านถึง 3,200 คน ผู้เขียนเป็นนักกิจกรรม รุ่น 14 ตุลา 2516

จำนวนคนอ่านล่าสุด 3200 คน
วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00:44 น.  ข่าวสดออนไลน์
"รู้จักตัวเอง"ก่อนดีไหม - "ไทย"ไม่ใช่ศูนย์กลางภูมิภาค

รายงานพิเศษ
พงษ์ผกา ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม / รายงาน


ถึงเวลาที่คนไทยควรจะกลับมาทำความเข้าใจตนเองให้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วหรือยัง หลังจากที่ไทยพยายามทำความเข้าใจประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ประเด็นนี้ ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงจัดปาฐกถาในหัวข้อเรื่อง "สยาม/ไทย ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ความรู้เรื่องไทยท่ามกลางภูมิภาค" บรรยายโดย นายธงชัย วินิจจะกูล ประธานสมาคมเอเชียศึกษา และศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประวัติศาสตร์ ไทย มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน สหรัฐอเมริกา

อ.ธงชัยตั้งประเด็นว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงความรู้เรื่องไทย หรือ ไทยศึกษา แล้วหรือไม่ จากสมัยที่ยังเด็ก เรียนรู้ว่าสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม มีชาวนาเป็นกระดูก สันหลังของชาติ รัฐและสังคมไทยมีรากฐานและวิวัฒนาการมาจากสังคมเกษตร คนไทยสงบและรักสันติ เน้นความสามัคคี อยู่ในระเบียบ รู้จักที่ต่ำที่สูง ทุกคนควรรู้จักหน้าที่ของตนเพื่อขับเคลื่อนสังคมอย่างมีร่องมีรอยและเป็นเอกภาพ

ฐานของสังคมไทยเป็นสังคมชนบทขนาดใหญ่ คิดเปลี่ยนแปลงน้อยมาก จนกระทั่งฝรั่งเข้ามา สังคมไทยจึงเปรียบเหมือนครอบครัวใหญ่ ทุกคนมีชาติพันธุ์เดียวกัน แบบเดียวกัน

ทั้งหมดนี้เป็นความรู้มาตรฐานโดยทั่วไปในสังคมไทย และเป็นทัศนคติที่มองคนอื่นด้วย เช่น มองฝรั่งมีความเจริญ แต่ขณะเดียวกันเป็นตัวการกัดเซาะความเป็นไทย เพราะคิดว่าฝรั่งนิยมวัตถุ

ประเด็นที่อ.ธงชัยนำเสนอก็คือ ความคิดที่คนไทยคิดว่า "ประเทศไทยแทบจะเป็นเพชรเม็ดงามที่ลอยเท้งเต้งอยู่กลางภูมิภาค" ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ความรู้มาตรฐานที่เอ่ยมาก็ไม่ใช่ โบราณก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น และเราไม่รู้ส่วนที่กว้างกว่าที่เราเป็นเพียง "ส่วนหนึ่ง" ในภูมิภาคและในโลก

คนไทยส่วนใหญ่มักเชื่อว่าปัจจัยด้านโครงสร้างที่ตอกย้ำความเป็นชนชั้นในสังคมไทย คือการที่คนไทยมองว่า ชาติตะวันตกเป็นชาติแห่งความเจริญ จนมีค่านิยมส่งลูกหลานไปศึกษาในประเทศตะวันตก เมื่อกลับมากลับกลายเป็นการมองว่าพื้นฐานสังคมเกษตรกรรมของ คนไทยด้วยกันเองนั้นเป็นสิ่งที่ล้าหลัง แต่ในขณะเดียวกันเราไม่เคยมุ่งที่จะศึกษาทำความเข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้

คนไทยสนใจที่จะศึกษาสิ่งอื่นประเทศอื่น ด้วยทึกทักเองว่า ตนเป็นคนไทย เข้าใจรู้ดีว่าความเป็นไทยคืออะไรอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องศึกษาตนเองอีก ทั้งที่แท้จริงแล้ว ความเป็นไทยที่ต่างคุ้นเคยกันนั้นอาจเป็นเพียงสิ่งสมมติ สิ่งสร้างขึ้นจากการปลูกฝัง ทำให้คนไทยไม่คิดที่จะหาต้นตอนิยามความหมาย ปัจจัย หรือแม้กระทั่งผู้ที่สร้าง "ความเป็นไทย" ขึ้นมา

หากจะกล่าวถึงมโนทัศน์ของสหรัฐ มองไทยว่าเป็นประเทศหนึ่งองค์ประกอบหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ใน มโนทัศน์แบบไทย กลับมองตนเอง ไม่เป็นเพียงแค่ระบบการปกครองแบบรวมศูนย์กลางการปกครองเพียงเท่านั้น ยังมองว่าประเทศไทยเองเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค มีความสำคัญมากกว่าผู้อื่น ลุ่มหลงในความเป็นไทยที่ถูกปลูกฝังมาแบบผิดๆ จนกระทั่งความคิดของคนไทยที่มองตนเองนั้น วันนี้เราต้องกลับมาทบทวนกันว่าความเชื่อเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงแล้วหรือ

ทั้งที่สังคมไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบโลก เราต่างจากคนอื่นอย่างไร ฝรั่งเป็นตัวแบบความก้าวหน้าที่ทำลายศีลธรรมอันดีของประเทศไทยจริงหรือ จากการศึกษาพบว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มักมีการผลิตชุดความรู้ที่เรียกว่า "ความรู้แบบสำเร็จ" หรือ "ความรู้แบบผนวกประสาน" อันปรุงแต่งขึ้นมา ทำให้บิดเบือน เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง เช่น เป็นไปเพื่อการสร้างชาตินั้น มีทั้งด้านดี และด้านไม่ดี

อ.ธงชัยยกตัวอย่างการปลูกฝังความรู้ด้านภาษาไทยถูก จัดระเบียบโดยชนชั้นนำให้มีความเป็นไทย เช่น พยัญชนะไทย 44 ตัว ที่คนไทยคุ้นเคยกันอย่างดี เวลาท่อง ก.ไก่ ข.ไข่ ฃ.ฃวด ฅ.ฅน ค.ควาย ง.งู ฯลฯ แทนที่จะเป็น กะ ขะ ฃะ คะ งะ ซึ่งเป็นฐานเสียง เพื่อจะได้เข้าใจเสียงภาษามากกว่าจดจำ

"หากเราสามารถก้าวพ้นจากการยึดติดในความเป็นไทยที่เป็นศูนย์กลางระบบ ในมโนทัศน์ที่คิดว่าตนเองมีความพิเศษกว่าผู้อื่นได้ ผมมีความเชื่อมั่นว่า วันหนึ่งเราจะสามารถสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจโดยมีลักษณะเฉพาะบางอย่าง ที่เกิดจากตนเอง มากกว่าการที่ถูกควบคุมหรือหยิบใส่ความเป็นไทย ผมหวังว่าหากเราก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอนาคต บางทีเศรษฐศาสตร์การเมือง วิทยาการที่ก้าวหน้า อาจจะเป็นหนทางในการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับความเป็นไทยในแง่มุมใหม่ที่ต่างออกไปก็เป็นได้ เพียงแต่เราต้องก้าวให้พ้นความเป็นไทยที่ถูกหยิบใส่ เพื่อพัฒนาใหม่ไปข้างหน้า" อ.ธงชัยกล่าว


--------


ธงชัย วินิจจะกูล

อ.ธงชัยเคยเป็นรองนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มีบทบาทในช่วงเหตุการณ์ วันที่ 6 ตุลาคม 2519 เคยตกเป็นผู้ต้องขังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเวลา 2 ปี หลังจบการศึกษาปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 1 จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ต่อมาจึงย้ายไปยังสหรัฐอเมริกา และจบปริญญาโทและเอก ที่มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ผลิตผลงานทางวิชาการอันโด่งดัง ในวิทยานิพนธ์ที่มีชื่อว่า "Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Siam" จนกระทั่งตีพิมพ์เป็นหนังสือจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Nation" ที่ว่าด้วยงานเชิงภูมิศาสตร์การเมือง กล่าวถึงการเปลี่ยนผ่านของสยามไปสู่รัฐชาติสมัยใหม่ที่ยังมีรอยอดีตตกค้างอยู่จนถึงปัจจุบัน

ล่าสุดได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมเอเชียศึกษา (President of the Association for Asian Studies) ในสหรัฐอเมริกา

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05EUXlPRGd3T1E9PQ==&sectionid=
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #9144 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 19:21:12 »


สวัสดีรอบค่ำครับพี่เหยง
ไม่มีเวลาไปค้นบทความดีๆ ก็เข้ามาอ่านห้องนี้แหละครับ
ขอบคุณครับ


 ปิ๊งๆ รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9145 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 19:23:17 »

ต่ออีกเรื่อง.......

จำนวนคนอ่านล่าสุด 1139 คน
วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00:01 น.  ข่าวสดออนไลน์

"หนี้ครัวเรือน"สำคัญไฉน

ทวี มีเงิน

นโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกลายเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายเป็นห่วง โดยเฉพาะแบงก์ชาติ และทีดีอาร์ไอวิตกกังวลมากกว่าใครเพื่อนว่าจะกำลังทำให้เกิดปัญหา "หนี้ครัวเรือน"

ฝ่ายเชลียร์รัฐบาลก็แก้ต่างแทนว่า ที่ชาวบ้านเป็นหนี้แสดงว่าเข้าถึงแหล่งทุน ทำให้เขามีโอกาสได้ยกระดับชีวิตตัวเอง บางคนถึงกับยกกรณีสหรัฐมีหนี้สูงถึง 120% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไม่เห็นมีปัญหาอะไร นับประสาอะไรกับไทยที่เพิ่งจะแค่ 80% ของจีดีพีเท่านั้นเอง

แต่คนพวกนี้ก็ลืมไปว่าคนสิงคโปร์เพิ่งได้รับการจัดอันดับว่า มีฐานะร่ำรวยเร็วที่สุดในโลก เคล็ดลับสำคัญก็คือคนสิงคโปร์มี "การออม" สูงมากเฉลี่ย 16% ของรายได้ทั้งหมด

"กิตติรัตน์ ณ ระนอง" รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาตำหนิอย่างมีอารมณ์ในทำนองว่าก็พวกคน (แบงก์) ที่วิจารณ์นั่นแหละตัวดี แข่งกันปล่อยสินเชื่อรายย่อย จนทำให้เกิดหนี้ครัวเรือน

มองแบบสุดโต่งทั้งคู่

ว่ากันแฟร์ๆ ถามว่าปัญหา "หนี้ครัวเรือน" มันน่ากลัวถึงขั้นจะทำให้เกิดวิกฤตเหมือนวิกฤตต้มยำกุ้งหรือไม่ ต้องบอกว่าคงไม่ไม่ดีร้ายขนาดนั้น ตอนนั้นวิกฤตเพราะหนี้เงินกู้ต่างประเทศมันท่วมแบงก์จนเอาไม่อยู่

หากเทียบขนาดของ "พอร์ตสินเชื่อรายย่อย" ของแบงก์พาณิชย์ต่างๆ ปล่อยกู้กับทุนของแต่ละแบงก์ มันมีสัดส่วนแค่นิดเดียว ฟันธงได้เลยหนี้ครัวเรือน จึงไม่ส่งผลกระทบภาพใหญ่ของระบบเศรษฐกิจประเทศแน่นอน

แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่น่าห่วง จนชะล่าใจ เพราะในระดับธุรกิจก็น่าห่วงไม่น้อย อย่างคอนโดมิเนียมตอนนี้เริ่มมีทิ้งดาวน์ รถคันแรกเริ่มทยอยทิ้งรถมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่มีปัญญาผ่อนต่อ

ในแง่บุคคล "หนี้ครัวเรือน" กำลังจะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาจริงๆ คนเป็นหนี้จะเป็นคนระดับรากหญ้า พนักงานออฟฟิศ นักศึกษาเป็นหนี้ "บัตรเครคิต" ที่หมดไปกับค่าใช้จ่ายในการกิน เที่ยวอย่างฟุ่มเฟือย

อย่างนักศึกษา ไม่ได้เป็นหนี้ที่กู้ยืมมาเรียนต่อ แต่เอามาซื้อมือถือราคาแพงๆ ซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนม พวก "ช็อปง่าย จ่ายแหลก แดกด่วน"

ขณะเดียวกันคนทำงานก็ไม่ได้เป็นหนี้ บ้านหลังแรกซึ่งจำเป็น แต่กลับเป็นหนี้รถคันแรก ไอโฟนสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ เป็นหนี้เพื่อยกระดับตัวเองให้ดูดี หลายคนเป็นพวกรสนิยมสูงรายได้ต่ำ

หลายคนบอกว่า การบริโภคเป็นเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญรองจากส่งออกก็จริง แต่หากไม่ใช้กับสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตก็เป็นดาบสองคม

ฉะนั้น หากไม่สังวร ในที่สุดหนี้ชาวบ้านก็อาจจะกลายเป็นหนี้รัฐได้

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05EUXhOekV6T0E9PQ==&sectionid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9146 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 19:57:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 22 กรกฎาคม 2556, 13:31:03
สมาชิกทุกท่านครับ


ขณะนี้รถบนถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก ซึ่งเป็นสายที่ผ่านหน้าบ้าน
รถยนต์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในสายล่อง กทม.
แสดงว่า ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มเดินทางกลับจากบ้านมุ่งสู่ กทม.แล้ว
ในขณะที่ชาวบ้านเอง มีขบวนแห่เทียนเข้าพรรษาไปถวายยังวัดใกล้บ้านกัน
เสียดายที่ไมไ่ด้ติดกล้องออกมาด้วย จะได้ถ่ายภาพมาให้ชม
ราชการจัดแห่วันศุกร์ เพราะจะหยุดยาว ทำให้ประเพณีเพี้ยนไปมากพอสมควร
ถวายเทียนผิดวัน เป็น 2 มาตรฐานไปเลย ??


ไม่ทันจะพลบค่ำ มีขบวนแห่เทียนไปถวายวัดบึงน้ำใส ในวันนี้พอดี
ทำบุญตรงวันเป๊ะ








      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9147 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 20:23:05 »

เมื่อวานนี้ เป็นวันสุดท้ายที่มีการบวชพระ
ไปวัด มักจะพบพิธีแห่นาคเข้าวัดกัน




      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9148 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 20:26:13 »

เมื่อวานนี้ จึงพาครองครับไปทำบุญ พร้อมถวายหลอดไฟฟ้าแทนเทียนพรรษา
ซึ่งน่าจะได้ใช้สอยมากกว่าเทียนพรรษา








      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9149 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2556, 20:28:42 »

วัดบางคลาด อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร จึงเป็นวัดแรกที่เดินทางไปครับ





      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 364 365 [366] 367 368 ... 472   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><