22 พฤศจิกายน 2567, 23:58:25
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: "เรื่อง จน เชิญมาคุย วิธีแก้ และ รับความรู้กัน ที่กระทู้นี้"  (อ่าน 15147 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 05 มีนาคม 2553, 07:46:36 »

 



 ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำรัสแก่

พสกนิกรชาวไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517  และพูดถึงอย่างชัดเจน

ในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 (ภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540)

เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้ดำรงอยู่ได้

อย่างมั่นคงและยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ

ในทางการเมืองของไทยแล้ว เศรษฐกิจพอเพียงมีบทบาทสำคัญในการ

สถาปนาอำนาจนำด้านอุดมการณ์ โดยเฉพาะอุดมการณ์กษัตริย์นิยมในสังคมไทย
                
         ในฐานะ "กษัตริย์นักพัฒนา" ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของอุดมการณ์เศรษฐกิจพอเพียง

สิ่งเหล่านี้ถูกตอกย้ำและผลิตซ้ำโดยสถาบันทางสังคมต่าง ๆ เช่น

สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ สื่อมวลชน ส่งผลให้เศรษฐกิจพอเพียงมีบทบาทต่อ

การกำหนดอุดมการณ์การพัฒนาของประเทศ และการพยายามตีความเพื่อสร้างความ

ชอบธรรมในการพัฒนาโดยปัญญาชนอย่าง ประเวศ วะสี, เสน่ห์ จามริก, อภิชัย พันธเสน และ

ฉัตรทิพย์ นาถสุภา ซึ่งเชื่อมโยงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับอุดมการณ์วัฒนธรรมชุมชน

ที่ถูกเสนอมาก่อนหน้าโดยองค์กรพัฒนาเอกชนจำนวนหนึ่งตั้งแต่พุทธทศวรรษ 2520

ก็ได้ช่วยให้อุดมการณ์เศรษฐกิจพอเพียงขยายครอบคลุมส่วนต่าง ๆ ของสังคม

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ

ทางเศรษฐกิจ มาร่วมกันประมวลและกลั่นกรองพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง

เพื่อบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549)

และได้จัดทำเป็นบทความเรื่อง

"ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"

และได้นำความกราบบังคลทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2542 โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทานและ

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำบทความที่ทรงแก้ไขแล้ว

ไปเผยแพร่ เพื่อ

เป็นแนวทางปฏิบัติของสำนักงานฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542


ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ได้รับการเชิดชูสูงสุดจากองค์การสหประชาชาติ ว่าเป็น

ปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศ  และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิก

ยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน มีนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ หลายคนเห็นด้วย

และเชิดชู แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง มีการตั้งคำถามถึงการยกย่องนี้ รวมทั้งความน่าเชื่อถือ

ของรายงานศึกษาและท่าทีของสหประชาชาติ ในบางสื่อ (ดูเพิ่มที่ การเชิดชู การวิพากษ์)

ดู ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ได้ที่ สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87


 
แผนภาพแสดงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง

จาก งานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

 OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

เรื่อง " จน "



จะแก้ได้ถ้ารัฐบาล ใช้นโยบาย  "ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง"

บริหารประเทศ

 รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 07 มีนาคม 2553, 11:08:50 »


                 

           ธนินท์ เจียรวนนท์-วิกรม กรมดิษฐ์ -วิลเลียม ไฮเน็คกี้-เจริญ สิริวัฒนภักดี

         ฟอร์บส์เลือก 4 มหาเศรษฐีไทย "ธนินทร์ - วิกรม - วิลเลียม - เจริญ" ติด

กลุ่ม 48 คนรวยใจบุญแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการบริจาคเงินเพื่อสาธารณกุศล หรือ

การรับผิดชอบต่อสังคม Co-operative Social Response : CSR

        http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20100306/103655/4-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D.html

        นำมาให้พวกเราร่วมชื่นชม เมื่อรวยแล้ว รวยได้จากสังคม ต้องตอบแทนคุณสังคม

         บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน บ่ฮู้บ่หัน

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 14 เมษายน 2553, 10:26:06 »


                    

          ประวัติย่อ นายศุภชัย โพธิ์สุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  เกิด 1 มกราคม 2501 วุฒิการศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพครู วิทยาลัยครูสกลนคร ศึกษาศาสตรบัณฑิต

          สหกรณ์ในประเทศไทยนั้นแม้ว่าในภาพรวมจะมีความเข้มแข็งในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่อยู่ในฐานะที่พึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง...

          นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่า สหกรณ์เป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยสหกรณ์ในประเทศไทยนั้น แม้ว่าในภาพรวมจะมีความเข้มแข็งในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่อยู่ในฐานะที่พึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง

          โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดแนวทางพัฒนาสหกรณ์ในช่วง 5 ปี คือ พ.ศ.2553-2557 ไว้ 3 ส่วน คือ

1.การสร้างความเข้มแข็งให้สมาชิกสหกรณ์

2.การพัฒนาระบบบริหารสหกรณ์ให้ทันสมัย และ

3.การพัฒนาสหกรณ์ให้เข้มแข็งและยืนได้ด้วยตนเอง บนพื้นฐานของงานวิจัยและพัฒนาข้อมูลสารสนเทศ ภายใต้กรอบแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


นำมาจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วันอาทิตย์ ที่ 14 มีนาคม 2553

http://www.thairath.co.th/content/edu/70511

          gek gek gek

          ข่่าว การพัฒนาสหกรณ์ นี้เป็นกุศโลบาย ที่จะช่วยให้มีการรวมตัวกันของสมาชิก

                  

          ในการ ออมทรัพย์ รวมทุนกัน ช่วยเหลือกัน ดีกว่า ต่างคนต่างอยู่ รวมกันให้เป็นกลุ่มก้อนจะมีอำนาจต่อรอง กับ ผู้เข้ามาติดต่อทำธุรกรรมได้ เป็นกลวิธีที่สำคัญที่จะแก้จนได้ จริงไหมพวกเรา

          win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3 เมื่อ: 17 เมษายน 2553, 17:16:15 »


                           5 วิธีคิดให้หลุดพ้น จากความยากจนของคนไทย
                ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันเสาร์ที่ 17 เม.ย.2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
                          http://www.thairath.co.th/content/edu/77220

                                            

รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ซีมะโด่ง รหัสเข้า 15 อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า

               ปัจจัยที่ทำให้ครอบครัวยากจนมีความสุข มี 5 ปัจจัย คือ

1. เป็นครอบครัวที่คิดนอกกรอบ  ไม่ถูกครอบงำด้วยระบบทุนนิยม เห็นได้ว่าครอบครัวเหล่านี้ ลูกจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ฟุ้งเฟ้อไปตามกระแสทุนนิยม

2. เป็นครอบครัวที่คิดดี คิดบวก มีความสุข โดยความสุขของพ่อแม่ คือการศึกษาของลูก และลูกก็เป็นเด็กเรียนดี เชื่อฟังพ่อแม่ ช่วยงานบ้าน ส่วนโรงเรียน ทั้งครูและผู้บริหารก็ให้การสนับสนุน ยกย่องเมื่อเด็กทำดี ทำให้เด็กมีกำลังใจในการทำความดี

3. เป็นครอบครัวที่มีวิถีชีวิตสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เช่น ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เช่น หวย ทั้งพ่อก็เลิกกินเหล้า เลิกสูบบุหรี่ โดยนำเงินจากการซื้อเหล้า-บุหรี่ มาใช้เพื่อการศึกษาของลูกแทน เป็นต้น

4. การบริหารการจัดการที่ดี ทั้งเรื่องเงินและเวลา โดยกำหนดว่าทุกวันเวลา 6 โมงเย็น เป็นเวลาครอบครัวที่จะรับประทานอาหารเย็น ดูโทรทัศน์ และปรึกษาหารือกัน การแก้ปัญหาความขัดแย้งจะใช้เหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ เป็นต้นและ

5. การปฏิวัติความธรรมดาให้เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา เช่น ความคิดที่ว่าคนจนต้องจนต่อไป เปลี่ยนเป็นความจนสามารถหลุดพ้นได้ เป็นต้น

           โดยแนวทางการใช้ชีวิตของครอบครัวเหล่านี้ จะเป็นต้นแบบให้รัฐบาลสามารถนำไปขยายผล เพื่อให้ครอบครัวยากจนอื่นๆ ทั่วประเทศ ขณะเดียวกันจุฬาฯก็จะรวบรวมข้อมูล จัดทำหนังสือเผยแพร่ในโครงการฟอรั่มปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อฉลองจุฬาฯครบรอบ 100 ปีต่อไป

                                          ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #4 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 19:00:58 »


                       ปีนี้ สถาบันอาหาร และ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
        มีข่าวดีรอบ 2 กับโครงการดีๆ คือ โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ ครั้งที่ 2/2553 หรือ

                                               

                                      NEC : New Entrepraneurs Creation


        สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเป็นลูกจ้างใคร? ผู้ที่อยากสร้างรายได้ให้กับตัวเอง ผู้ว่างงาน นักศึกษาจบใหม่ และผู้สนใจทั่วไป พลาดไม่ได้ !  รับสมัครแล้ว

        ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่  9 มิถุนายน 2553 ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการอบรมในหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการที่เข้มข้น

         ทั้งด้านการผลิตอาหารให้ปลอดภัย การผลิตอาหารตามระบบ GMP, HACCP ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการผลิตอาหารให้ปลอดภัย กฎระเบียบ กฎหมายข้อบังคับของ อย. ด้านการบริหารการผลิต การตลาดที่ทันสมัย ด้านการเงินการบัญชี และกรรมวิธีการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารให้ อยู่ได้ยาวนาน

        ที่สำคัญ จะได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านการเขียนแผนธุรกิจอย่างไรให้กู้เงินกับธนาคารได้ ใครมีความตั้งใจจริงที่จะทำธุรกิจอาหารและสินค้าเกษตรแปรรูป ทั้งที่เตรียมการลงทุนไว้แล้วหรือเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ

        หากท่านต้องการความรู้เพิ่มตามหลักวิชาการ คำแนะนำปรึกษาธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญ และเพิ่มเติมประสบการณ์จากการศึกษาดูงาน ณ โรงงานอุตสาหกรรมที่ผ่านการรับรองระบบคุณภาพต่างๆ

         สนใจติดต่อสอบถาม โทร. 0-2886-8088 ต่อ 2202-2209 หรือ E-mail : training@nfi.or.th และสมัครได้ที่แผนกบริการฝึกอบรม สถาบันอาหาร เลขที่ 2008 ถนนอรุณอมรินทร์ 36 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 รับจำนวนจำกัด

        ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันศุกร์ ที่ 7 พ.ค.53ที่เอื้อเฟื้อข่าว

        http://www.thairath.co.th/column/life/fromfood/81281

                  gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #5 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2553, 12:23:59 »


           "เกษตรอินทรีย์" วิธีทำนาแบบไม่ต้องลงทุน

          ขอขอบคุณ ASTVผู้จัดการออนไลน์   7 พฤษภาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว

         http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000062049



ป้าสำเนียง ฮวดลิ้ม

ป้าสำเนียง สอนเด็กๆ เรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ (ภาพโดย ภาวัต วิชัยณรงค์/กรีนพีซ)
   
สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม หนี้สินรุมเร้า ต้นทุนการปลูกข้าวสูงลิ่ว ทำให้เกษตรกรไทย
เริ่มหันมาสนใจวิถีเกษตรอินทรีย์ที่ช่วยลดการใช้สารเคมีและทำให้การปลูกข้าวแทบไม่ต้องลงทุน
      
       "ทำนาแบบไม่ต้องลงทุน มีที่ไหน ตอนนั้นป้าไม่เชื่อ แต่ก็ลองมาทำดู ถึงรู้ว่ามีจริง"
คำบอกเล่าจาก นางสำเนียง ฮวดลิ้ม ชาวนาวัย 63 ปี แห่ง ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ที่นึกคิดหลังจากที่ได้ฟังบรรยายเรื่องเกษตรอินทรีย์โดย อ.ทองเหมาะ แจ่มแจ้ง
ปราชญ์ชาวนาแห่งสุพรรณบุรีเมื่อหลายปีก่อน และได้เปลี่ยนชีวิตของป้าสำเนียงมาจนถึงทุกวันนี้
      
       "ป้าเปลี่ยนจากการทำนาแบบใช้สารเคมี มาทำนาอินทรีย์ได้ประมาณ 7 ปีแล้ว
ตั้งแต่นั้นมาดินที่เคยเสียก็กลับร่วนซุยขึ้น สภาพแวดล้อมดีขึ้น ต้นทุนการทำนาถูกลง
แต่ให้ผลผลิตมากขึ้น ทั้งยังมีสุขภาพร่างกายก็แข็งแรงดี ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ
" ป้าสำเนียง บอกถึงผลที่เกิดขึ้นหลังจากพลิกผืนนาที่เต็มไปด้วยเคมีมาเป็นผืนนาอินทรีย์
      
       วิธีการทำนาอินทรีย์ของป้าสำเนียงก็ไม่ยุ่งยากอะไร เพียงแค่ไม่ต้องเผาฟางข้าวในนา
หลังจากเก็บเกี่ยว ก่อนจะปลูกข้าวในฤดูกาลถัดไปให้ปล่อยน้ำเข้านา แล้วเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์
ลงไปเพื่อให้เกิดการย่อยสลายฟางข้าวและปรับสภาพดินให้ร่วนซุย ในขั้นตอนการปลูกข้าว
จะใช้วิธีเพาะกล้าและดำนา ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่านาหว่าน
      
       จากเดิมที่เคยใช้ปุ๋ยเคมี ก็เปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่มีราคาถูกกว่าหรือสามารถ
ทำเองได้ทุกครัวเรือน โดยใช้ขี้วัว ใบไผ่ แกลบ รำ และเศษพืชผักต่างๆ หมักรวมกับจุลินทรีย์
ในดินที่หาได้จากดินภูเขา และสามารถนำดินภูเขามาทำหัวเชื้อจุลินทรีย์ไว้ใช้ประโยชน์
ได้อีกหลายทางนอกจากใช้ทำปุ๋ยหมัก
      
       ส่วนปัญหาแมลงศัตรูพืชและโรคข้าวก็สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ที่ได้
จากการเผาถ่านแทนการฉีดพ่นด้วยสารเคมี ช่วยไล่แมลงและทำให้ต้นข้าวแข็งแรง เบ็ดเสร็จแล้ว
ต้นทุนต่อไร่ในการทำนาอินทรีย์ของป้าสำเนียงลดลงจากการทำนาแบบใช้สารเคมีประมาณ 4 เท่า
แถมยังให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีกว่า และช่วยรักษาความสมดุลของธรรมชาติในนาข้าว
      
       หากเกษตรกรคนไหนอยากจะเปลี่ยนมาใช้วิธีเกษตรอินทรีย์ ป้าสำเนียงแนะนำว่าให้เริ่มที่ใจ
หากใจพร้อมที่เปลี่ยนวิถีชีวิต ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีก็จะคืนกลับมา


 win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #6 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2553, 20:28:52 »




วันนี้เป็น "วันพืชมงคล" ท่ามกลางอากาศร้อนผิดปกติ


ส่งผลให้เกิด "ภัยแล้ง" ไปแล้ว 35 จังหวัด หนักที่สุด คือ
ภาคอีสาน 13 จังหวัด     รองมา ภาคเหนือ 10 จังหวัด       ภาคกลาง 6 จังหวัด
ภาคตะวันออก 3 จังหวัด       ภาคใต้ 3 จังหวัด

เกษตรกรเดือดร้อน 1.3 ล้านครัวเรือน พื้นที่เกษตรเสียหายไม่รู้กี่ล้านไร่

วันพืชมงคล ทุกปีจะมี พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ ท้องสนามหลวง
ซึ่งเป็นประเพณีโบราณของ บูรพกษัตริย์ ตั้งแต่ สมัย กรุงสุโขทัย
เพื่อเป็นตัวอย่างสร้างขวัญและกำลังใจแก่ประชาชน

ในหนังสือ พระราชพิธีสิบสองเดือน พระราชนิพนธ์ของ พระ บาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงนิพนธ์ถึงพระราชพิธีแรกนาไว้ดังนี้

"การแรกนาที่ต้องเป็นธุระของผู้ซึ่งเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นธรรมเนียมโบราณ เช่น
ในเมืองจีนสี่พันปีล่วงมาแล้ว พระเจ้าแผ่นดินก็ลงทรงไถนาเองเป็นคราวแรกพระมเหสีเลี้ยงตัวไหม

ส่วนจดหมายเรื่องราวอันใดใน ประเทศสยามนี้ ที่มีปรากฏอยู่ในการแรกนา
ก็มีอยู่เสมอเป็นนิตย์ไม่มีเวลาเว้นว่าง

ด้วยการซึ่งผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ลงมือทำเองเช่นนี้ ก็เพื่อจะให้เป็นตัวอย่างแก่ราษฎร
ชักนำให้มีใจหมั่นในการที่จะทำนา เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะได้อาศัยเลี้ยงชีวิตทั่วหน้า  
เป็นต้นเหตุของความตั้งมั่นและความเจริญไพบูลย์แห่งพระนครทั้งปวง

แต่การซึ่งมีพิธีเจือปนต่างๆ ไม่เป็นแต่ลงมือไถนาเป็นตัวอย่าง เหมือนอย่าง
ชาวนาทั้งปวงลงมือไถนาของตัวตามปกติ ก็ด้วยความหวาดหวั่นต่ออันตราย คือ

นํ้าฝนนํ้าท่ามากไปน้อยไป ด้วยเพลี้ยและสัตว์ต่างๆ จะบังเกิดเป็นเหตุอันตราย
ไม่ให้ได้ประโยชน์เต็มภาคภูมิ และ มีความปรารถนาที่จะได้ประโยชน์เต็มภาคภูมิเป็นกำลัง

จึงได้ต้องแส่หาทางที่จะแก้ไขและทางที่จะอุดหนุน และ
ที่จะเสี่ยงทายให้รู้ล่วงหน้าจะได้เป็นที่มั่นอกมั่นใจ


ก็การที่จะแก้ไขเยียวยาน้ำฝนน้ำท่า ซึ่งเป็นของเป็นไปโดยฤดูปกติเป็นเอง
โดยอุบายลงทุนลงแรงอย่างไรไม่ได้ จึงต้องอาศัยคำอธิษฐาน เอาความสัตย์เป็นที่ตั้งบ้าง
ทำการซึ่งไม่มีโทษ นับว่าเป็นการสวัสดิมงคลตามมาซึ่งในพระพุทธศาสนาบ้าง
บูชาเซ่นสรวงตามที่มาทางไสยศาสตร์ บ้าง ให้เป็นการช่วยแรงและเป็นที่มั่นใจ
ตามความปรารถนาของมนุษย์ ซึ่งคิดไม่มีที่สุด..."

พระราชพิธีแรกนา ของ พระมหากษัตริย์ ตั้งแต่สมัยโบราณ จึงเป็นการทำเพื่อเป็นตัวอย่าง
แก่ราษฎรให้รู้จักขยันทำกิน เพื่อความมั่นคงของตนเองและความไพบูลย์ของประเทศ
พิธีกรรมต่างๆที่มีขึ้น ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ราษฎร
ถือเป็นกุศโลบายในปกครองประเทศอย่างหนึ่ง

แม้ในปัจจุบัน คำทำนาย จาก ผ้า 3 ผืน ที่ พระยาแรกนา เสี่ยงทาย และ ของกิน 7 สิ่ง ที่
พระโค เสี่ยงทาย ไม่ว่าจะได้ผ้ากี่คืบหรือพระโคกินอะไร
คำทำนายที่ออกมาเป็นไปในทางบวก ต่างกันที่บวกมากบวกน้อยเท่านั้นเอง

เมื่อได้อ่าน กุศโลบายปกครองประเทศ ของ พระเจ้าแผ่นดินในอดีต
แล้วย้อยกลับมาดูการบริหารประเทศในปัจจุบัน ต้องบอกว่าไร้กุศโลบายโดยสิ้นเชิง

อย่างเรื่อง "ข้าว" ที่มีราคาตกต่ำทุกปี จนชาวนาต้องปิดถนนเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือทุกปี
เมื่อสองเดือนก่อน รัฐบาลจีนกลับประกาศ เพิ่มราคาข้าวเปลือกขึ้นอีกร้อยละ 10.5 จากปีก่อน
โดยมีเป้าหมายอย่างเดียวคือ  ส่งเสริมให้ชาวนาปลูกข้าวมากขึ้น  
เพื่อเพิ่มรายได้ของคนในชนบทให้สูงขึ้น


ผมอยากจะบอกว่า นี่คือกุศโลบายที่เยี่ยมยอด ทำให้ผมคิดถึง
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสอนคนไทยและรัฐบาลไทยในเรื่อง

"ขาดทุนคือกำไร" แต่ไม่มีรัฐบาลไหนไปปฏิบัติ รัฐบาลขาดทุนก่อน เพื่อให้ชาวนาได้กำไร  
สุดท้ายรัฐบาลก็ได้กำไรสูงสุด   เมื่อชาวนาที่เป็นคน ส่วนใหญ่ในประเทศรวยขึ้น  ใช้จ่ายมากขึ้น  
เศรษฐกิจก็หมุนเวียนมากขึ้น  คนในประเทศก็รวยขึ้น  
รัฐบาลก็เก็บภาษีได้มากขึ้น   มีเงินมาพัฒนาประเทศมากขึ้น


เมื่อไรเราจะมีรัฐบาลที่มีสมองคิดเรื่องอย่างนี้ได้บ้าง   ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าเหว่.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันพืชมงคล พฤหัสบดี ที่ 13 พ.ค.2553

http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/82433

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

บรึ๋ยยย บรึ๋ยยย บรึ๋ยยย

ผมกลับมองต่างจาก คุณลมเปลี่ยนทิศ ที่มองว่า รัฐบาล ไม่ทำตาม
พระบรมราโชวาท ขาดทุน เพื่อกำไร ผมมองว่า เป็นการทำตามอย่างมีสติ มีปัญญาในการช่วย
ด้วยการประกันราคาผลิตผลการเกษตร เฉพาะเกษตรกร ที่ขึ้นทะเบียนกับทางราชการเท่านั้น
เพื่อกันการสวมสิทธิ นำข้าวจากที่อื่น มาขายแทน จะทำให้ประหยัดค่าซื้อข้าวราคาประกันได้

 
ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #7 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2553, 16:06:26 »


ขอขอบคุณเวบกรุงเทพธุรกิจวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย.53 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/policy/20100604/119334/นายกฯชูวันชาวนาไทยฯทำอนาคตชาวนาให้มั่นคง.html



นายอภิสิทธิ์ กล่าวมอบนโยบายกับชาวนาว่า
ครม.กำหนดให้วันที่ 5 มิ.ย.ของทุกปีเป็นวันชาวนาและข้าวแห่งชาติ

ซึ่งถือได้ว่าเป็นการยอมรับความสำคัญเป็นอย่างยิ่งของชาวนาและข้าว
ไม่ใช่ในแง่ของการพัมนาประเทศแต่เป็นในแง่ของการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยและ
ชาวโลกส่วนหนึ่ง ต้องถือว่า

เรื่องของข้าวกับเรื่องของประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมีความผูกพันมาช้านาน
กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวัน การใช้ภาษา คนไทยเวลาทักกันจะถามว่ากินข้าวหรือยัง
ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าข้าวเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้งมาโดยตลอด


 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

ขอร่วมแสดงความยินดีกับ กลุ่มชาวนา ที่ถือว่า เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ที่จะได้
รับการ ยกฐานะ ให้สมกับการเป็นกระดูกสันหลัง ที่เป็นโครงร่างที่สำคัญของชาติไทยเรา


 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

 
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #8 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2553, 20:11:58 »


นำมาจาก ร่วมเดินหน้า ปฏิรูปประเทศไทย
http://www.pm.go.th/forward/story/33947



EARN มาจากชื่อเต็มว่า Earned Assets Resource Network องค์กรไม่แสวงหากำไร
ตั้งอยู่ ณ San Franciscoรัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา

ซึ่งเป็นองค์กรที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำ ให้สามารถเอาชนะความยากจน
และสามารถซื้อบ้านที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เข้ารับการศึกษาในระดับสูง หรือ
แม้กระทั่งสามารถก่อตั้งธุรกิจเล็กๆของตนเองได้

หน้าที่หลักๆขององค์กร EARN คือ

ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำ ด้วย Personal Financial Products,
micro loan และ money management coaching

โครงการเด่นของ EARN คือ โครงการ Individual Development Account (IDAs) หรือ
บัญชีฝากประจำ เพื่อจุดประสงค์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง


ตั้งแต่ปี2002 ถึงปัจจุบัน EARN  ได้ช่วยให้ผู้มีรายได้ต่ำเอาชนะความยากจน และ
ประสบความสำเร็จในการซื้อบ้าน การเข้ารับการศึกษาและการก่อตั้งธุรกิจเป็นของตนเอง
ซึ่งก็เป็นไปตามจุดประสงค์ขององค์กรนี้ ที่ต้องการทำให้ประชากรทุกครัวเรือนในประเทศ
สหรัฐอเมริกามีคุณภาพความเป็นอยู่ และชีวิตที่ดีเท่าเทียมกัน

ถ้าประเทศไทยมีคนนำนวัตกรรมแบบนี้มาทำและดัดแปลงให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
ของประเทศไทยบ้าง ก็จะสามารถพัฒนาและยกคุณภาพชีวิตของประชากร
ประเทศไทยได้ในหลายๆด้านเลยทีเดียว


ที่มา: http://www.earn.org

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #9 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2553, 14:55:26 »


ขอขอบคุณเวบแนวหน้าวันอาทิตย์ 4 กรกฏาคม 2553 ที่สนับสนุนข่าว
http://www.naewna.com/news.asp?ID=217851

กรมส่งเสริมสหกรณ์ อัด2.6พันล้าน เสริมสภาพคล่องสหกรณ์



นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์

เผยว่า ปี 2553 กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดเตรียมเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์(กพส.)
จำนวน 2,600 ล้านบาท ให้สมาชิกสหกรณ์กู้ยืมเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและ
พัฒนาการประกอบอาชีพ แยกเป็น

การสนับสนุนการขยายโอกาสทางธุรกิจ วงเงิน 1,310 ล้านบาท
สนับสนุนเพื่อขยายโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนของสมาชิก วงเงิน 290 ล้านบาท

โครงการพิเศษดอกเบี้ยอัตรา 1% ต่อปี

อาทิ การบริหารจัดการตลาดผลไม้ การส่งเสริมปลูกปาล์มน้ำมัน วงเงิน 1,000 ล้านบาท
โดยขณะนี้มีการอนุมัติเบิกจ่ายไปแล้ว 726 สัญญา 653 สหกรณ์ วงเงิน 1,523.97 ล้านบาท
ยังคงเหลืออีก 1,076.02 ล้านบาท เพื่อเปิดให้สหกรณ์ต่างๆ เข้ามากู้ยืมไปลงทุน
เพื่อสริมสภาพคล่องให้เกิดความเข้มแข็งและมั่นคงมากยิ่งขึ้น

ด้าน นายบุญโชว์ สมทรง ผ.อ.สำนักพัฒนาระบบการบริหารการจัดการสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
กรมฯได้ร่นระยะเวลาการจัดการขบวนการพิจารณาปล่อยเงินกู้ให้รวดเร็วขึ้น

ตั้งแต่ ยื่นเอกสารขอกู้เงินกระทั่งได้รับเงินต้องไม่เกิน 25 วัน เพื่อเป็นการ
เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุนให้ดียิ่งขึ้น


วันที่ 4/7/2010

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXx



ไม่ีมีคนจน ในหมู่บ้านของ คนขยัน

 win win win


      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #10 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2553, 19:21:10 »


ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอม วันอังคาร 6 ก.ค. 53 ที่สนับสนุนเนื้อหา
http://news.sanook.com/948993-%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1-10-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html



ตุ๊กแกอบแห้ง อาชีพแปลกสร้างรายได้ร่วม 10 ล้าน!!

ชาวบ้านตาล ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม ยึดอาชีพสุดแปลกมานานกว่า 20 ปี
ทำตุ๊กแกอบแห้ง ส่งออกทำเงิน ช่วงเศรษฐกิจซบเซา และ ภาวะภัยแล้ง
สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนเดือนละกว่า 10 ล้านบาท

 มีอาชีพสุดแปลก นั่นคือ การทำตุ๊กแก ไส้เดือน และ ปลิง ตากแห้ง ส่งออกขายต่างประเทศ
หมุนเวียนตามฤดูกาล จนทำให้มีเงินเดือนหมุนเวียนเดือนละกว่า 10 ล้านบาท
จึงกลายเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน

ด้าน นายปราณีต นางทราช อายุ 50 ปี ชาวบ้านตาล ที่ยึดอาชีพทำตุ๊กแกตากแห้งส่งออก กล่าวว่า
อาชีพแปลกดังกล่าว เริ่มมานานกว่า 20 ปี แล้ว ถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างงาน สร้างรายได้
ไม่ว่าจะสภาพเศรษฐกิจจะซบเซา หรือเกิดปัญหาจากสภาพแวดล้อมภัยแล้ง
แต่ไม่มีผลกระทบ ชาวบ้านยังมีรายได้หลักจากอาชีพแปลกเป็นปกติ

นายปราณีต กล่าวต่อว่า ช่วงนี้ก็จะเป็นตุ๊กแกตากแห้ง ซึ่งจะทำหมุนเวียนไปตามฤดูกาล และ
ทุกคนจะมีรายได้ ตั้งแต่คนที่ออกไปจับมาขายตัวละประมาณ 10 - 25 บาท ตามขนาด
ต่อมาก็คนทำชำแหละแปรรูปตามแบบมาตรฐาน แล้วนำไปตากแห้ง หรือ อบ

ก่อนแพ็คนำส่งขายให้พ่อค้าส่งออกไป จีน ไต้หวัน นำไปปรุงอาหาร เป็นยาชูกำลัง

ในราคาตัวละประมาณ 30 บาท ตามขนาดมียอดส่งออกเดือนละหลายแสนตัว มีเงินสะพัด
หมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน ถือเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเป็นอย่างดี
ซึ่งตกครอบครัวละ 5,000 - 10,000 บาทต่อเดือน

ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

"ส่วนปัญหาตุ๊กแกจะสูญพันธุ์นั้นไม่มีอย่างแน่นอน เพราะในช่วงระยะเวลา 1 ปี จะมีช่วงพัก
ประมาณเดือน ต.ค. - ม.ค. ช่วงตุ๊กแกผสมพันธุ์ออกไข่ ก็จะไปทำปลิงตากแห้งแทน"

นายปราณีต กล่าวต่ออีกว่า ไม่มีปัญหาในเรื่องของกฎหมายแน่นอน เพราะตุ๊กแกที่ชาวบ้าน
จับมาเป็นตุ๊กแกตามบ้านเรือน ไม่ใช่ตุ๊กแกตามป่า จึงไม่ผิด ตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าหวงห้าม


 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #11 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2553, 07:53:50 »


ขอขอบคุณเวบไทยรีเซนต์ วันพฤหัส 8 กรกฏาคม 2553 ที่่เอื้อเฟื้อข่าว
http://thairecent.com/Education/2010/676964/



ประกันรายได้พืชหลัก3ชนิด เกษตรกรควรรีบขึ้นทะเบียน

นายอนันต์ ลิลา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า

ในการขึ้นทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกร มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1.ต้องมีสัญชาติไทยและได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ทบก.01) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

2.ต้องเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจหลัก 3 ชนิด คือ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง

3.หนึ่งครัวเรือนสามารถขึ้นทะเบียนได้เพียง 1 ครั้งต่อชนิดพืชเท่านั้น

หากเกษตรกรมีญาติพี่น้องอยู่มาก และแยกพื้นที่ปลูกเป็นสัดส่วน
สามารถให้แยกยื่นขอขึ้นทะเบียนได้ โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา
ทะเบียนบ้านตัวจริงพร้อมสำเนา สำเนาเอกสารสิทธิ์การใช้ที่ดิน และหลักฐานการขึ้น
ทะเบียนเกษตรกร (ทบก.02) มาขอขึ้นทะเบียนการปลูกพืชได้

ที่สำนักงานเกษตรอำเภอหรือสถานที่ที่สำนักงานเกษตรอำเภอกำหนด

นายอนันต์เผยอีกว่า สำหรับระยะเวลาการขึ้นทะเบียนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กับมันสำปะหลัง
ลงทะเบียนพร้อมกันทั่วประเทศ

สอบถามเพิ่มเติมที่กรมส่งเสริมการเกษตร โทรศัพท์ 0-2955-1640 แฟกซ์ 0-2955-1635.

ที่มาของข่าว ไทยรัฐออนไลน์

 win win win

XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

เป็นกุศโลบาย เพื่อควบคุมสินค้าเกษตร ให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด
ผู้ที่ทำตาม ร่วมประกันด้วย จะลดประตูขาดทุนได้อย่างแน่นอน แก้จนได้


 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #12 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2553, 13:56:46 »


ขอขอบคุณเวบแคนนอตดอทอินโฟ วันศุกร์ 16 กรกฏาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://cannot.info/feed/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%20%E0%B8%96%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%99



"สุเทพ"เยือนจีน ถกพรรคการเมืองเอเชียร่วมแก้ยากจน

สุเทพ เทือกสุบรรณ ​เยือนจีน หารือพรรคการเมืองเอเชีย ร่วมแก้ไขปัญหาความยากจน
จวก พรรคเพื่อไทย สร้างสถานการณ์กดดัน ศาลรัฐธรรมนูญไม่เลิก...

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และผอ.ศอฉ.) พร้อมด้วยภริยา และบุตร
ได้เดินทางมาขึ้นเครื่องบินสายการบินเพื่อเดินทางไปเยือนประเทศสาธาณรัฐประชาชนจีน17-23ก.ค.นี้

โดยมีนายวีระชัย วีระเมธีกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยนายชวนนท์ อินทรโกมาลสุต
เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร พรรคประชาธิปัตย์ และ
นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเดินทางไปด้วย 

นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทาง ว่า การไปครั้งนี้เป็นการเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์
ระหว่างไทยและจีน โดยทางรัฐบาลจีนโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เป็นเจ้าภาพ

เชิญเลขาธิการพรรค ผู้แทนพรรคการเมืองหรือผู้นำประเทศในทวีปเอเชีย ไปประชุมปรึกษาหารือ
เกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับประชาชนในภูมิภาคนี้

ในชั้นต้นทางจีนขอให้ส่งบุคคลระดับรองเลขาธิการพรรคไปร่วมการประชุมก่อน เราได้ส่ง
นายชำนิ ศักดิเศรษฐ และนายประกอบ จิรกิตติ ไปร่วมประชุมอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. และ
ตนจะได้ไปร่วมในพีธิเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ก.ค.

ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเขาไปร่วมกันอยู่ด้วย 

นายสุเทพ กล่าวว่า หลังจากนั้นเขาก็เชิญให้พบปะกับผู้นำของจีนเพื่อปรึกษาหารือเรื่องความร่วมมือ
ต่างๆ โดยตนมีประเด็นที่นายกฯมอบหมายให้ไปหารือ เช่น

เรื่อง การพัฒนากิจการรถไฟ การลงทุนก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ หรือรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น
และยังจะได้พบปะกับผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและปรึกษาหารือ
เรื่องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมือง

ที่มา : www.thairath.co.th  วันที่ 16 Jul 2010
 
win win win

      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #13 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2553, 19:33:15 »


ขอขอบคุณเวบไทยรัฐวันพุธ 21 กรกฏาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/97571

พอเพียง..กู้ประเทศได้แก้จน ได้ปรองดอง

"หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหา ความยากจนให้กับเกษตรกรในชนบทได้ คือ

การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติให้เป็นจริง

หนทางนี้ไม่เพียงแก้ปัญหาความยากจน ลดหนี้ให้กับเกษตรกรได้เท่านั้น
ยังจะช่วยแก้ปัญหาความแตกแยกของคนในชนบทได้อีกด้วย"



นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร
หนึ่งในคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ กล่าวยืนยันอย่างมั่นใจ ระหว่างการนำคณะสื่อมวลชน
เยี่ยมชมชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง ต.หนองสาหร่าย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ที่ได้รับ
รางวัลถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในประเภทหน่วยงาน/องค์กรรัฐ

จากประสบการณ์ทำงานร่วมกับเกษตรกรมากว่า 30 ปี เห็นการช่วยเหลือ
เกษตรกรมามากมาย ไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้จริง...

ทำไปแล้วเกษตรกรมีแต่หนี้กับหนี้

แต่เมื่อนำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ที่หนองสาหร่าย ชั่วเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี
ชีวิตเกษตรกรพลิกฟื้นกลับมาได้...อย่างที่ประเทศไทยไม่เคยทำได้มาก่อน

เดิมหนองสาหร่ายก็มีปัญหาแบบเดียวกับชุมชนอื่นทั่วประเทศไทย มีอาชีพทำไร่ ทำนา
ทำไปแล้วก็ขาดทุน ยิ่งทำยิ่งขาดทุนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ทำอาชีพเกษตรเพื่อใช้หนี้
และมีปัญหาความขัดแย้งในชุมชนกันเองในเรื่อง แย่งกันขายผลิตผล ทางการเกษตร
ให้กับพ่อค้า ขายแข่งกัน ขายตัดราคา เนื่องจากแข่งขัดแย้งกัน ไม่มีความสามัคคี
ไม่สามารถร่วมกลุ่ม สร้างอำนาจต่อรอง ต่อราคากับพ่อค้าได้


 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

เดิมทีเราก็ไม่มั่นใจว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรได้
แต่พอได้ทดลองทำกันแบบจริงๆ เป็นขั้นเป็นตอนเหมือนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้มีพระบรมราโชวาท ปรากฏว่ามันได้ผลเกินกว่าที่คาดไว้

จุดสำคัญเริ่มแรก...ทำอย่างไรให้ประชาชนพึ่งพาตัวเองได้ ได้ด้วยตัวเอง
ด้วยความต้องการของตัวเอง อย่างที่เรียกกันว่า..การระเบิดจากภายใน

"ที่ผ่านมา การพัฒนาช่วยเหลือเกษตรกรล้มเหลว มาจากการหยิบยื่นให้จากภายนอก
ไม่ใช่ความต้องการและไม่ตรงกับความถนัด ยื่นให้ทำโครงการโน้น โครงการนี้

อย่างโครงการปลูกมะม่วงหิมพานต์ โครงการเลี้ยงโค
สุดท้ายล้มเหลวจนชาวบ้านให้ฉายา โครงการโคพลาสติก มะม่วงอันธพาล ทำไปมีแต่หนี้


แม้กระทั่งโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ในปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เกษตรกรเข้าใจ
และมั่นใจว่าได้ผล...ด้วยยังฝังใจในความล้มเหลวที่ทางการเคยทำไว้

ฉะนั้น การจะทำให้เกิดการระเบิดจากภายใน...จะใช้วิธีการแบบเก่าๆไม่ได้

ต้องใช้วิธีการที่ในหลวงพระราชทาน...เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา

ที่สำคัญได้รู้ว่า ในหมู่บ้านนั้นมีใครเป็นผู้นำที่แท้จริง ที่สามารถพูดจาชักชวนให้ชาวบ้านเชื่อได้...
ไม่ใช่เข้าหากันแต่แค่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งไม่ใช่ผู้นำที่แท้จริง

"การพัฒนาที่ผ่านมา ล้มเหลวไม่สามารถแก้ความยากจนได้ สาเหตุหลักมาจาก

คิดเรื่องหาวิธีการที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ มากขึ้นอย่างเดียว ไม่พูดถึงรายจ่ายเลย

ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างแรงกระตุ้น ให้เกิดการระเบิดจาก ภายใน...
ให้ชาวบ้านทำบัญชีครัวเรือน สำรวจรายได้-รายจ่ายของตัวเอง แต่ละวัน แต่ละเดือน

ลดรายจ่ายไปได้ ตัวเองจะมีเงินเพิ่มขึ้นมาก...จะเป็นแรงจูงใจให้ชาวบ้านมีพลัง
คิดหาวิธีพึ่งพาตัวเองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ


ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

อย่างเกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง ที่หนองสาหร่าย ทำมา 20 ปี ปลูกไปมีแต่หนี้กับหนี้
ยิ่งปลูกมากหนี้ยิ่งมากตาม เพราะหมดเงินไปกับค่าปุ๋ย ไร่ละ 500 บาท

แต่พอมาคิดหาวิธีลดค่าใช้จ่าย เลิกใช้ปุ๋ยเคมี หันมาเอาขี้หมูมาหมักเป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพ
เสียค่าใช้จ่ายไร่ละ 20-30 บาท

ไม่เพียงลดรายจ่ายได้ ผลผลิตยังเพิ่มขึ้นมาอีกต่างหาก...จากใช้ปุ๋ยเคมี ไร่ละ 500 บาท
มันสำปะหลัง 1 ต้น ได้หัวมันหนักแค่ 8-10 กก.

เปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยขี้หมูหมักทำเอง ไร่ละ 20-30 บาท...
มันสำปะหลังต้นหนึ่ง ได้หัวมันเพิ่มเป็น 20 กก.ในปีแรก...ปีถัดมาเพิ่มเป็น 30-40 กก.

เรียกว่าจาก 20 ปี ปลูกมันมีหนี้กับหนี้...
เมื่อเกิดการระเบิดจากภายในแค่ 4 ปี ไม่เพียงหนี้หมด
เกษตรกรหนองสาหร่ายบอกว่า วันนี้มีครบทุกอย่างแล้ว


และเมื่อมีคนทำเสร็จให้เห็นเป็นตัวอย่าง ผลที่ตามมา จะมีคนคิดเอาอย่างทำตาม
มีการไปพูดคุยขอความรู้...ทำปุ๋ยร่วมกัน ทำกิจกรรมทดลองหาความรู้ ร่วมกัน
ความขัดแย้งที่เคยมีมาในชุมชนค่อยๆมลายหายไป กลายเป็นสามัคคีปรองดองกัน

จุดสำคัญ ขั้นที่สอง จากให้ชาวบ้านพึ่งพาตัวเองได้กลายเป็นทั้งชุมชนระดับตำบลพึ่งพาตัวเองได้

จุดสำคัญขั้นที่ 3 มีเครือข่ายเชื่อมโยงไปทั้งประเทศพึ่งพาตนเองได้

"ปัญหาที่ประเทศไทยยากจะทำให้ระบบเศรษฐกิจพอเพียงเกิดขึ้นได้ทั่วถึง
ระบบราชการ ระบบงบประมาณของประเทศไทยเป็นอุปสรรคสำคัญ

ระบบราชการของเราดูผลงานตรงที่งานเสร็จ ไม่ได้วัดผลสำเร็จของงาน เพราะ
ประเมินผลงานจากการใช้งบประมาณ ต้องใช้ให้หมดภายใน 1 ปี ถือว่าเสร็จงาน
แต่งานพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้ได้ผลอย่างแท้จริงในทางปฏิบัติใช้เวลามากกว่านั้น"

หากจะนำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ให้ได้ผลสำเร็จทางปฏิบัติอย่างแท้จริง

 gek gek gek

นายเอ็นนู มองว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการปฏิรูปประเทศไทย

จะต้องปฏิรูประบบการทำงานของ 3 องค์กรสำคัญ...
สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)


ที่ผ่านมา การดูผลงานจากการใช้งบประมาณให้หมดภายใน 1 ปี ต้องทำงานแบบรีบใช้
เป็นประเด็นที่ท้าทาย...ให้สังคมไทยได้ถกกัน..........

 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #14 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 08:07:54 »


         ขอขอบคุณเวบสนุกดอทคอมวัน อาทิตย์ 22 ส.ค. 53 ที่สนับสนุนเนื้อหา
http://news.sanook.com/960812-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B5.html

                  นายกฯ หนุนพัฒนาสินค้าโอท็อปให้เป็นธุรกิจเอสเอ็มอี

                           

         นายกรัฐมนตรีเปิดงาน OTOP MIDYEAR 2010 ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญต่อสินค้า
โอท็อป หนุนให้พัฒนาเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี พร้อมแนะให้พัฒนาคุณภาพสินค้า และ
ใช้เทคโนโลยี เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของตลาด ในช่วงเย็นวันนี้ (22 ส.ค.)

        ในพิธีเปิดงาน OTOP MIDYEAR 2010 ผนึกใจชิม ชม ช็อป นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวรายงานถึงการจัดงาน ซึ่งมีนายโมริฮิโกะ ฮิรามัตสึ
ประธานคณะกรรมการส่งเสริมแลกเปลี่ยนนานาชาติ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ จังหวัดโออิตะ
ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งเอกอัครราชทูตเนปาล บัลแกเรีย โปแลนด์ และปากีสถาน ร่วมงานด้วย

        นายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ ให้ประชาขน ถือเป็น 1 ในโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนและสานต่อ
จากโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการ ทำให้
สินค้า OTOP เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลสำเร็จของการจัดงานที่ผ่านมาได้เพิ่มยอดขายและ
เพิ่มรายได้ให้ประชาชน สูงขึ้น ถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นผลงานที่ทุกฝ่ายร่วมมือกัน

         ทั้งนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสินค้า เรื่องขององค์ความรู้ควบคู่ไปกับการใช้
เทคโนโลยีและช่องทางการตลาด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ OTOP ได้รับการพัฒนาเติบโตไปสู่ธุรกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

งานจัดขึ้นที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 21-29 สิงหาคมนี้

                  win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><