|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 17 เมษายน 2553, 17:16:15 » |
|
5 วิธีคิดให้หลุดพ้น จากความยากจนของคนไทย ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันเสาร์ที่ 17 เม.ย.2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.thairath.co.th/content/edu/77220
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ซีมะโด่ง รหัสเข้า 15 อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า
ปัจจัยที่ทำให้ครอบครัวยากจนมีความสุข มี 5 ปัจจัย คือ
1. เป็นครอบครัวที่คิดนอกกรอบ ไม่ถูกครอบงำด้วยระบบทุนนิยม เห็นได้ว่าครอบครัวเหล่านี้ ลูกจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ฟุ้งเฟ้อไปตามกระแสทุนนิยม
2. เป็นครอบครัวที่คิดดี คิดบวก มีความสุข โดยความสุขของพ่อแม่ คือการศึกษาของลูก และลูกก็เป็นเด็กเรียนดี เชื่อฟังพ่อแม่ ช่วยงานบ้าน ส่วนโรงเรียน ทั้งครูและผู้บริหารก็ให้การสนับสนุน ยกย่องเมื่อเด็กทำดี ทำให้เด็กมีกำลังใจในการทำความดี
3. เป็นครอบครัวที่มีวิถีชีวิตสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เช่น ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เช่น หวย ทั้งพ่อก็เลิกกินเหล้า เลิกสูบบุหรี่ โดยนำเงินจากการซื้อเหล้า-บุหรี่ มาใช้เพื่อการศึกษาของลูกแทน เป็นต้น
4. การบริหารการจัดการที่ดี ทั้งเรื่องเงินและเวลา โดยกำหนดว่าทุกวันเวลา 6 โมงเย็น เป็นเวลาครอบครัวที่จะรับประทานอาหารเย็น ดูโทรทัศน์ และปรึกษาหารือกัน การแก้ปัญหาความขัดแย้งจะใช้เหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ เป็นต้นและ
5. การปฏิวัติความธรรมดาให้เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา เช่น ความคิดที่ว่าคนจนต้องจนต่อไป เปลี่ยนเป็นความจนสามารถหลุดพ้นได้ เป็นต้น
โดยแนวทางการใช้ชีวิตของครอบครัวเหล่านี้ จะเป็นต้นแบบให้รัฐบาลสามารถนำไปขยายผล เพื่อให้ครอบครัวยากจนอื่นๆ ทั่วประเทศ ขณะเดียวกันจุฬาฯก็จะรวบรวมข้อมูล จัดทำหนังสือเผยแพร่ในโครงการฟอรั่มปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อฉลองจุฬาฯครบรอบ 100 ปีต่อไป
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553, 19:00:58 » |
|
ปีนี้ สถาบันอาหาร และ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม มีข่าวดีรอบ 2 กับโครงการดีๆ คือ โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ ครั้งที่ 2/2553 หรือ
NEC : New Entrepraneurs Creation
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเป็นลูกจ้างใคร? ผู้ที่อยากสร้างรายได้ให้กับตัวเอง ผู้ว่างงาน นักศึกษาจบใหม่ และผู้สนใจทั่วไป พลาดไม่ได้ ! รับสมัครแล้ว
ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2553 ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการอบรมในหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการที่เข้มข้น
ทั้งด้านการผลิตอาหารให้ปลอดภัย การผลิตอาหารตามระบบ GMP, HACCP ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการผลิตอาหารให้ปลอดภัย กฎระเบียบ กฎหมายข้อบังคับของ อย. ด้านการบริหารการผลิต การตลาดที่ทันสมัย ด้านการเงินการบัญชี และกรรมวิธีการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารให้ อยู่ได้ยาวนาน
ที่สำคัญ จะได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านการเขียนแผนธุรกิจอย่างไรให้กู้เงินกับธนาคารได้ ใครมีความตั้งใจจริงที่จะทำธุรกิจอาหารและสินค้าเกษตรแปรรูป ทั้งที่เตรียมการลงทุนไว้แล้วหรือเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ
หากท่านต้องการความรู้เพิ่มตามหลักวิชาการ คำแนะนำปรึกษาธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญ และเพิ่มเติมประสบการณ์จากการศึกษาดูงาน ณ โรงงานอุตสาหกรรมที่ผ่านการรับรองระบบคุณภาพต่างๆ
สนใจติดต่อสอบถาม โทร. 0-2886-8088 ต่อ 2202-2209 หรือ E-mail : training@nfi.or.th และสมัครได้ที่แผนกบริการฝึกอบรม สถาบันอาหาร เลขที่ 2008 ถนนอรุณอมรินทร์ 36 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 รับจำนวนจำกัด
ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐ วันศุกร์ ที่ 7 พ.ค.53ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.thairath.co.th/column/life/fromfood/81281
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2553, 12:23:59 » |
|
"เกษตรอินทรีย์" วิธีทำนาแบบไม่ต้องลงทุน
ขอขอบคุณ ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤษภาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000062049
ป้าสำเนียง ฮวดลิ้ม
ป้าสำเนียง สอนเด็กๆ เรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ (ภาพโดย ภาวัต วิชัยณรงค์/กรีนพีซ) สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม หนี้สินรุมเร้า ต้นทุนการปลูกข้าวสูงลิ่ว ทำให้เกษตรกรไทย เริ่มหันมาสนใจวิถีเกษตรอินทรีย์ที่ช่วยลดการใช้สารเคมีและทำให้การปลูกข้าวแทบไม่ต้องลงทุน "ทำนาแบบไม่ต้องลงทุน มีที่ไหน ตอนนั้นป้าไม่เชื่อ แต่ก็ลองมาทำดู ถึงรู้ว่ามีจริง" คำบอกเล่าจาก นางสำเนียง ฮวดลิ้ม ชาวนาวัย 63 ปี แห่ง ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ที่นึกคิดหลังจากที่ได้ฟังบรรยายเรื่องเกษตรอินทรีย์โดย อ.ทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ปราชญ์ชาวนาแห่งสุพรรณบุรีเมื่อหลายปีก่อน และได้เปลี่ยนชีวิตของป้าสำเนียงมาจนถึงทุกวันนี้ "ป้าเปลี่ยนจากการทำนาแบบใช้สารเคมี มาทำนาอินทรีย์ได้ประมาณ 7 ปีแล้ว ตั้งแต่นั้นมาดินที่เคยเสียก็กลับร่วนซุยขึ้น สภาพแวดล้อมดีขึ้น ต้นทุนการทำนาถูกลง แต่ให้ผลผลิตมากขึ้น ทั้งยังมีสุขภาพร่างกายก็แข็งแรงดี ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ " ป้าสำเนียง บอกถึงผลที่เกิดขึ้นหลังจากพลิกผืนนาที่เต็มไปด้วยเคมีมาเป็นผืนนาอินทรีย์ วิธีการทำนาอินทรีย์ของป้าสำเนียงก็ไม่ยุ่งยากอะไร เพียงแค่ไม่ต้องเผาฟางข้าวในนา หลังจากเก็บเกี่ยว ก่อนจะปลูกข้าวในฤดูกาลถัดไปให้ปล่อยน้ำเข้านา แล้วเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์ ลงไปเพื่อให้เกิดการย่อยสลายฟางข้าวและปรับสภาพดินให้ร่วนซุย ในขั้นตอนการปลูกข้าว จะใช้วิธีเพาะกล้าและดำนา ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่านาหว่าน จากเดิมที่เคยใช้ปุ๋ยเคมี ก็เปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่มีราคาถูกกว่าหรือสามารถ ทำเองได้ทุกครัวเรือน โดยใช้ขี้วัว ใบไผ่ แกลบ รำ และเศษพืชผักต่างๆ หมักรวมกับจุลินทรีย์ ในดินที่หาได้จากดินภูเขา และสามารถนำดินภูเขามาทำหัวเชื้อจุลินทรีย์ไว้ใช้ประโยชน์ ได้อีกหลายทางนอกจากใช้ทำปุ๋ยหมัก ส่วนปัญหาแมลงศัตรูพืชและโรคข้าวก็สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ที่ได้ จากการเผาถ่านแทนการฉีดพ่นด้วยสารเคมี ช่วยไล่แมลงและทำให้ต้นข้าวแข็งแรง เบ็ดเสร็จแล้ว ต้นทุนต่อไร่ในการทำนาอินทรีย์ของป้าสำเนียงลดลงจากการทำนาแบบใช้สารเคมีประมาณ 4 เท่า แถมยังให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีกว่า และช่วยรักษาความสมดุลของธรรมชาติในนาข้าว หากเกษตรกรคนไหนอยากจะเปลี่ยนมาใช้วิธีเกษตรอินทรีย์ ป้าสำเนียงแนะนำว่าให้เริ่มที่ใจ หากใจพร้อมที่เปลี่ยนวิถีชีวิต ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีก็จะคืนกลับมา
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2553, 20:11:58 » |
|
นำมาจาก ร่วมเดินหน้า ปฏิรูปประเทศไทย http://www.pm.go.th/forward/story/33947
EARN มาจากชื่อเต็มว่า Earned Assets Resource Network องค์กรไม่แสวงหากำไร ตั้งอยู่ ณ San Franciscoรัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นองค์กรที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำ ให้สามารถเอาชนะความยากจน และสามารถซื้อบ้านที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เข้ารับการศึกษาในระดับสูง หรือ แม้กระทั่งสามารถก่อตั้งธุรกิจเล็กๆของตนเองได้
หน้าที่หลักๆขององค์กร EARN คือ
ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำ ด้วย Personal Financial Products, micro loan และ money management coaching
โครงการเด่นของ EARN คือ โครงการ Individual Development Account (IDAs) หรือ บัญชีฝากประจำ เพื่อจุดประสงค์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง
ตั้งแต่ปี2002 ถึงปัจจุบัน EARN ได้ช่วยให้ผู้มีรายได้ต่ำเอาชนะความยากจน และ ประสบความสำเร็จในการซื้อบ้าน การเข้ารับการศึกษาและการก่อตั้งธุรกิจเป็นของตนเอง ซึ่งก็เป็นไปตามจุดประสงค์ขององค์กรนี้ ที่ต้องการทำให้ประชากรทุกครัวเรือนในประเทศ สหรัฐอเมริกามีคุณภาพความเป็นอยู่ และชีวิตที่ดีเท่าเทียมกัน
ถ้าประเทศไทยมีคนนำนวัตกรรมแบบนี้มาทำและดัดแปลงให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ของประเทศไทยบ้าง ก็จะสามารถพัฒนาและยกคุณภาพชีวิตของประชากร ประเทศไทยได้ในหลายๆด้านเลยทีเดียว
ที่มา: http://www.earn.org
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2553, 19:21:10 » |
|
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2553, 13:56:46 » |
|
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
|
|