26 พฤศจิกายน 2567, 03:54:22
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 31 32 [33]  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน  (อ่าน 330002 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #800 เมื่อ: 17 มีนาคม 2556, 15:52:17 »

เสริมสุข” ฉะ “ภิญโญ” เอาดีเข้าตัว ย้อนทำไมให้ราคา “หัวโต” จ้อไทยพีบีเอสเกินพอดี

ผอ.ไทยพีบีเอส ยันเบรกเทปรายการ “ตอบโจทย์” ไม่มีแรงกดดัน แต่มีสถานการณ์ตึงเครียดจึงชะลอออกอากาศ พิจารณาอย่างรอบด้าน ด้าน บก.การเมืองไทยพีบีเอสจวก “ภิญโญ” ออกแถลงการณ์เอาดีเข้าตัว ย้อนศร “สมศักดิ์ เจียมฯ” มีราคาระดับไหน จ้อเกินพอดี แต่เรื่องที่เกี่ยวกับ “ทักษิณ” ไม่เอามาคุย ยันผู้บริหารไม่เคยล้วงลูก ชี้หากไม่มีอิสระจริง “เด่น โต๊ะมีนา” ไม่ได้ออกทีวี
       
       วันนี้ (16 มี.ค.) นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส กล่าวชี้แจงกรณีที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตัดสินใจชะลอการออกอากาศเทปรายการตอบโจทย์ประเทศไทย ตอน สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. หลังจากมีประชาชนจำนวนหนึ่งมาที่สถานีเพื่อขอให้ระงับการออกอากาศ ว่าเป็นการตัดสินใจโดยไม่มีแรงกดดันจากสถาบัน หน่วยงาน หรือกลุ่มบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น ภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียด และมีปัจจัยอื่นแวดล้อม อันอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของทีมงาน ทีมผู้บริหารจึงตัดสินใจชะลอการออกอากาศรายการตอบโจทย์ ตอนที่ 5 เพื่อทบทวนให้เกิดความรอบด้าน และพิจารณาความเหมาะสมรวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดกระบวนการพิจารณาอย่างรอบด้าน ผู้บริหารจึงนำเสนอเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ของคณะอนุกรรมการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งเป็นกลไกตามกฎหมาย
       
       อย่างไรก็ตาม ไทยพีบีเอสยืนยันในภารกิจของสื่อสาธารณะ ที่ต้องเปิดให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งการนำเสนอประเด็นดังกล่าวมีเป้าหมาย เพื่อเปิดให้ประชาชนได้เกิดมิติการรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และถกเถียงในจุดยืนที่หลากหลาย ทั้งมุ่งหวังเพื่อพัฒนาด้านความคิดในการสื่อสารทางปัญญาของประเด็นที่ถูกถกเถียงในสังคมวงกว้าง แต่ถูกจำกัดขอบเขตอยู่เฉพาะในมุมมืด ภายใต้รูปแบบของรายการที่ให้แต่ละภาคส่วนที่มีความเห็นต่าง โดยเฉพาะประเด็นที่ละเอียดอ่อนได้ใช้เวทีสนทนาสาธารณะด้วยเหตุและผล แม้สังคมจะไม่เข้าใจในระยะเริ่มต้นก็ตาม แต่จะเชื่อมั่นว่าน่าจะสร้างความมั่นคงให้กับสังคมและประชาชนในระยะยาว
       
       ด้านนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “Sermsuk Kasitipradit” ระบุถึงกรณีที่นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ประเทศไทย ขอยุติการทำรายการนับจากบัดนี้เป็นต้นไป โดยอ้างว่าถูกการแทรกแซงการทำงานจากภายใน อย่างไม่เป็นมืออาชีพว่า “นายภิญโญคงจะดูลิเกมากไป การทำงานอย่างไม่เป็นมืออาชีพของทางรายการ ทำให้ถูกสังคมส่วนหนึ่งตั้งคำถาม จึงขอความชัดเจนว่าทำไมต้องให้พื้นที่นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ต่อเนื่องสามวันติดกัน มีราคาค่างวดระดับไหน ประเด็นอะไรที่แตกต่างถึงต้องให้ถึงสามวัน ซึ่งมากเกินพอดี ออกมาตีกินอย่างนี้ไม่ไหว”
       
       นายเสริมสุขกล่าวต่อว่า ตนทำงานที่นี่มาช่วงเริ่มก่อตั้ง มีโอกาสทำงานสื่อสาธารณะ สิ่งที่ยืนยันได้จากผู้บริหารที่ผ่านมาไม่เคยมีการเข้ามาล่วงลูกจากฝ่ายการเมือง นายเทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการ ส.ส.ท.ปกป้องคนทำงานเต็มที่ ไม่เคยมีแรงกดดันจากภายนอกผ่านมาถึงคนทำงาน ออกมาเขียนอย่างไรอย่างที่นายภิญโญทำรับไม่ได้ ไม่ได้มองตัวเองถึงงานที่ออกไป จัดมานั่งคู่กับนายสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ ก็ให้เกียรติมากไป ใครดูรายการวันนั่งดีเบต เห็นความกักขฬะ กระเหี้ยนกระหือรือ ในการแสดงออก แล้วทำไมต้องมาสามเทค ตอบให้หายข้องใจหน่อย ติดใจประเด็นนี้ประเด็นเดียว สำคัญมากจากไหน หรือมีอะไรซ่อนเร้น ความเห็นต่างต่อสถาบันรับฟังมาตลอด
       
       “หากไทยพีบีเอสไม่มีอิสระในการทำงาน รายการสัมภาษณ์ท่านเด่น โต๊ะมีนา ตระกูลที่ถูกกล่าวหามาตลอดว่ามีความคิดแบ่งแยกดินแดนรับรองออนแอร์ไม่ได้ครับ น่าจะต้องหันมาดูตัวเอง ตีกินอย่างนี้เขาไม่ทำกันท่านภิญโญ ออกแถลงการณ์อย่างนี้ท่าจะคบกันไม่ไหว ที่ผ่านมามีหลายทัศนะผมว่าสังคมน่าจะรับได้ ฟังหลายมุมมอง แต่ตอนมาเดี่ยวไมค์ แล้วมามีดีเบตอีกสองเทก อันนี้รับไม่ไหว ราคาหน้าตักมีเท่าไหร่ สมัยจักรภพ (นายจักรภพ เพ็ญแข ขณะเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ศาสดาล้มเจ้า มีอำนาจเคยคิดจะมาเยือน ตรวจงานที่สถานี แต่ ผอ.เทพชัย ยุคนั้นชัดเจน จะมาทำแมวอะไร บอกไปชัดเจน มันก็เลยไม่มา เรื่องที่เกี่ยวกับท่านทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ทำให้บ้านเมืองเสียหายเห็นชัดมีความพยายามหลีกเลี่ยงไม่เอามาเป็นประเด็นพูดคุย เขียนแถลงการณ์เอาดีใส่ตัวอย่างนี้ต้องขอสักดอก” นายเสริมสุขระบุในเฟซบุ๊ก
       
       อีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวอิศรา รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ให้ข้อมูลว่า สำหรับพนักงานระดับบรรณาธิการ (บก.) ที่เข้าพบนายสมชัย ก่อนที่รายการตอบโจทย์จะถูกสั่งให้ยุติการออกอากาศเมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค. 2556 ประกอบด้วย น.ส.ณาตยา แวววีรคุปต์ บก.ข่าวสังคมและนโยบายสาธารณะ น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน บก.ข่าวอาเซียน และนายบุตรรัตน์ บุตรพรม บก.รายการข่าว
       
       ในวันเดียวกันนี้ น.ส.ณาตยาได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ใจความว่า “แนวทางการสื่อสารเรื่องอ่อนไหวในสังคมไทย ควรจะใช้วิธีที่ทำให้สื่อไม่กลายเป็นชนวนความขัดแย้งเสียเอง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งยากจะแตกต้องอย่างฉายฉวย สื่อที่จะทำเรื่องนี้ต้องมองหาทางเลือกของวิธีการนำเสนออย่างเหมาะสม
       
       เราต่างก็รู้กันดีกว่าความศรัทธาต่อสถาบันฯ เป็นเรื่องที่ยากจะแตะต้องอย่างฉาบฉวย สื่อมวลชนที่จะทำเรื่องนี้ด้วยความรับผิดชอบต้องมองหาทางเลือกของวิธีการนำเสนออย่างเหมาะสม มีกรณีตัวอย่างเช่น ศ.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เคยเสนอวิธีเล่าผ่านละคร หรือในกรณีสารคดี 2475 ที่แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่ก็ยังสะท้อนถึงความพยายามที่จะเล่าเรื่องอย่างมีศิลปะและรอบคอบ รวมถึงการเสนอเรื่องปฏิรูปพุทธศาสนาในประเทศไทยด้วยการตั้งคำถามใหม่ ไม่ใช่มุ่งหาคำตอบเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ บอกไว้ว่า ในความขัดแย้งเพราะศรัทธาที่แรงกล้านั้น การตั้งคำถามใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครคิดถาม ก็นับว่าได้ทำหน้าที่แล้ว เพราะเรื่องความศรัทธาของคนส่วนใหญ่นั้นอันตรายหากจะหาคำตอบจากคนไม่กี่คน และไม่มีวันที่จะได้คำตอบที่ดีพอ” น.ส.ณาตยากล่าว
       
       สำหรับการงดออกอากาศรายการตอบโจทย์ น.ส.ณาตยาได้เขียนว่า ผู้ที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คือผู้บริหารสูงสุดของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #801 เมื่อ: 19 มีนาคม 2556, 10:12:19 »

รสนา โตสิตระกูล

ไทยพีบีเอสเมื่อได้นำเทปเกี่ยวกับวิจารณ์สถาบันมาออกอากาสทั้ง 3ตอน โดยให้โอกาสคนๆเดียวมาออกทั้ง3ตอน ส่วน2ตอนหลังก็มีลูกคู่ที่พูดไปในทางเดียวกัน ไม่ได้ขัดแย้งกันอย่างจังๆ

คนที่ไม่พอใจก็มีแต่เพียงประชาชนตาดำๆ ซึ่งถึงแม้จะมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีอำนาจไปทำอะไรได้ จะไปตัดงบประมาณ หรือตัดโฆษณาก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว และเรื่องทำนองนี้ไม่มีทั้งนักการเมือง และกลุ่มทุนที่จะไปคุกคามสื่อ เหมือนกรณีเหนือเมฆ

การที่ไทยพีบีเอสนำเทปสัมภาษณ์มาออกอากาสได้ ย่อมถือว่าสื่อมีเสรีภาพที่จะนำเสนอประเด็นสาธารณะที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งเคยอยู่แต่ในโลกออนไลน์ และทีวีเอกชนบางช่องเท่านั้น และผู้มาออกรายการเอ่ยว่ามีคนมาสนใจอ่านถึง 5,000 คน ก็สามารถทำให้สื่อสาธารณะอย่างไทยพีบีเอสต้องให้โอกาสมาพูดออกอากาสถึง 3ครั้งต่อเนื่องกัน

สำหรับการให้ข้อมูลกรณีการผูกขาดธุรกิจพลังงานทั้งระบบของปตท.นั้น เฟสบุ๊คของดิฉันทำเรตติ้งสูงขึ้นโดยตลอด จนอาทิตย์นี้ทำนิวไฮท์ที่มีคนเข้ามาอ่านถึง 997,061คน ไม่ทราบว่าไทยพีบีเอสจะให้โอกาสดิฉันไปออกอากาศสัก 3ตอน โดยให้ดิฉันพูดเดี่ยว1ตอน ส่วนอีก 2ตอนก็ขอเพิ่มลูกคู่อีก 1คนมาพูดร่วมกับดิฉันจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะถือว่าเรื่องการผูกขาดธุรกิจพลังงาน จนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งนอกจากผูกขาดแล้ว ยังครอบงำสื่อ และเป็นรัฐซ้อนรัฐ เป็นประเด็นที่ชั่วโมงนี้ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แม้จะมีการประชาสัมพันธ์ชวนเชื่อ ให้ข้อมูลด้านเดียวในสื่อกระแสหลักมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม

ไทยพีบีเอสในฐานะเป็นสื่ออิสระของประชาชน ควรเปิดประเด็นพลังงานที่ประชาชนให้ความสนใจให้มากกว่านี้ ควรทำการสืบสวนเป็นข่าวinvesigativeด้วยตัวเองแต่ที่ผ่านมากลับเปิดโอกาสให้ฝั่งธุรกิจพลังงานมาใช้พื้นที่สื่อของไทยพีบีเอสมากกว่าฝ่ายที่ตรวจสอบ ทั้งๆที่ธุรกิจพลังงานมีพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในสื่อกระแสหลักอื่นๆกว้างขวางอยู่แล้ว

ไทยพีบีเอสต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นสื่ออิสระ ที่ไม่ตกอยู่ภายใต้ความกลัวต่อกลุ่มทุน และกลุ่มการเมืองจนไม่กล้าตรวจสอบ และวิพากษ์วิจารณ์ธุรกิจผูกขาดด้านพลังงาน และการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่มีการตรวจสอบ

หวังว่าไทยพีบีเอสพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกระทำ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #802 เมื่อ: 19 มีนาคม 2556, 22:13:58 »


มีคำถาม. ตอบโจทย์ใหม่หน่อย




                     
                                Nokja

      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #803 เมื่อ: 23 มีนาคม 2556, 09:55:13 »

เครือข่ายน้ำหมึก แนวเสรีนิยม (สุดโต่ง ?) และมีผลงานหรือบทสัมภาษณ์ ในเครือสำนักพิมพ์ Openbooks ของนายภิญโญ

1. นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ (อดีตอาจารย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์มติชน)
2. นายเกษียร เตชะพีระ (อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
3. นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ (ผู้ก่อตั้งคณะนิติราษฎร์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
4. นายปิยุบตร แสงกนกกุล (สมาชิกคณะนิติราษฎร์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
5. นางสาวสฤณี อาชวานันทกุล
6. นางสาวลักขณา ปันวิชัย (คำผกา)
7. นายปราบดา หยุ่น
8.  นายวรพจน์ พันธุ์พงศ์
9. นางสาวสาวตรี สุขศรี (สมาชิกคณะนิติราษฎร์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
10. นายอภิชาติ สถิตนิรามัย (อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
11. วาด รวี (ครก. 112)
12. ใบตองแห้ง
13. นายฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล (สมาชกคณะนิติราษฎร์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
14. ส.ศิวรักษ์
15. นายธเนศ วงศ์ญาณนาวา (อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
16. นายธเนศ อาภรณ์สุวรรณ (อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
17. นางสาวมุกหอม วงษ์เทศ (บุตรสาวนายสุจิตต์ วงษ์เทศ นักประวัติศาสตร์อิสระ เครือมติชน)
18. นายอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล (เจ้าของรางวัลภาพยนต์เมืองคานส์)
19. นายจักรภพ เพ็ญแข
20. นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ (นักวิชาการอิสระ น้องชายนายองอาจ คล้่ามไพบูลย์ สส.พรรคประชาธิปัตย์)
21. นางสาวเวียงรัฐ เนติโพธิ์ (อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
22. นายพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ (อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เครือข่ายน้ำหมึกของนายภิญโญ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #804 เมื่อ: 23 มีนาคม 2556, 10:39:53 »




     "น่าตกใจ". ต่อด้วย. "มิน่าล่ะ" เค้าไม่ยอม


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #805 เมื่อ: 23 มีนาคม 2556, 12:21:29 »

พี่นก

เสียวไส้, กลัวตกขบวนรถไฟ เลยแย่งกันขึ้นเป็นการใหญ่

แต่ผมกลัวตายหมู่ทั้งขบวน ?? %++!!!

 งง งง
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #806 เมื่อ: 25 มีนาคม 2556, 14:15:24 »

เปิดสำนวนคำฟ้องปปช. มัด‘นพดล’ ยกแผ่นดินไทยให้เขมร
ปมลงนามแถลงการณ์ร่วมไม่นำเข้ารัฐสภาขออนุมัติ ศาลฎีกานัดประชุม26มีค. เลือกองค์คณะพิจารณาคดี

มีรายงานข่าวว่าศาลฎีกา จะประชุมใหญ่ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เพื่อเลือกองค์คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คน เพื่อพิจารณาคดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศเป็นจำเลย ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในกรณีที่ นายนพดล ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18มิถุนายน พ.ศ.2551 ที่สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไทย

คดีนี้ ปปช.ทั้ง9 คน ลงนามยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2556 โดยคำฟ้องทั้งหมด 17 หน้า ได้บรรยายย้อนเหตุการณ์ตั้งแต่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก ลงความเห็นเมื่อวันที่15 มิถุนายน2505 ว่าปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ภายใต้อาณาเขตอธิปไตยของกัมพูชาฯลฯ และประเทศไทยโดย พันเอกถนัด คอมันต์ รมว.ต่างประเทศในขณะนั้นยื่นคำแถลงการเพื่อประท้วงคำพิพากษาศาลโลกว่าคำพิพากษานั้นขัดต่อกฎหมายและความยุติธรรมนอกจากนี้ ยังสงวนสิทธิ์ที่ประเทศไทยจะเรียกร้องปราสาทพระวิหารกลับคืนในอนาคตด้วย

ทั้งครม.ในขณะนั้นมีมติ ว่าการกำหนดเขตบริเวณปราสาทพระวิหารเพื่อปฎิบัติตามศาลโลก ให้ใช้วิธีที่2ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยกำหนดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าครอบปราสาทพระวิหารเนื้อที่ประมาณ 1ใน4 ตารารางกิโลเมตร มติครม.ดังกล่าวจึงยังมีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีทุกชุดต้องยึดถือปฎิบัติตามจนถึงปัจจุบันนี้

กระทั่งพ.ศ.2548 กัมพูชายื่นเอกสารต่อองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก)ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว และทางนายมนัสพาสน์ ชูโต เอกอัคราชฑูตไทยประจำสหรัฐ ไปคัดค้านไว้ในการประชุมบอร์ดมรดกโลกที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ จนกัมพูชาไม่สามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้

เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช รับหน้าที่นายกรัฐมนตรีแล้ว วันที่ 3-4 มีนาคม 2551 นายสมัคร ไปพบผู้นำกัมพูชาเรื่องขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และจำเลยคือนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ไปหารือกับนายสก อาน รองนายกฯ และรมต.ประจำสำนักนายกฯกัมพูชา ที่ทางกัมพูชาของให้ไทยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร

จากนั้นจำเลยคือนายนพดล ได้นำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา ให้ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศพิจารณา ทางนายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายในขณะนั้น มีบันทึกช่วยจำคัดค้านเรื่องดังกล่าว แต่จำเลยไม่เห็นด้วยจึงเสนอครม.ให้นายวีระชัย พลาศรัยพ้นจากตำแหน่ง ทั้งที่นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงทักท้วง แต่จำเลยยังยืนยันว่าไม่สามารถรวมงานกับอธิบดีที่มีความคิดเช่นนี้ได้

ต่อมานายนพดล จำเลยยังเดินทางไปเขมรอีกหารือกับนายสก อาน เรื่องปราสาทพระวิหารรวมไปถึงการกำหนดเขตทางทะเลระหว่างประเทศ และมีความจะทำแถลงการร่วม โดยไม่ฟังเสียงคัดค้าน นำเรื่องเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ แบบปิดบังอำพรางและมีเหตุจูงใจแอบแฝงอยู่ แล้วนำเข้าที่ประชุมครม.โดยไม่มีเอกสารแจกให้ที่ประชุมพิจารณาล่วงหน้า เพียงแต่แสดงแผนที่บนจอภาพ ใช้เวลา 15 นาทีมีรัฐมนตรีอภิปรายทักท้วงในเรื่องเขตแดน แต่จำเลยก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหา และกระทำอย่างลุกลี้ลุกลนให้ครม.ยอมรับร่างคำแถลงการ จนวันที่ 18 มิถุนายน 2551 จำเลยได้ลงนามในแถลงการดังกล่าว ไม่สนใจในเสียงทักท้วง ท้วงติงจากหลายฝ่าย

โจทก์ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าคำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา นี้เป็นหนังสือสัญญาซึ่งต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 190 วรรคสองและ3 ของรัฐธรรมนูญ(ต้องขออนุมัติจากรัฐสภา) เนื่องจากเป็นข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร จะต้องออกเป็นพรบ.เพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญา และรับฟังความเห็นจากประชาชน

และพิจารณาตามถ้อยคำ เนื้อหาสาระในคำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา จะเห็นได้ชัดว่า คำแถลงการนี้มีผลทำให้ราชอาณาจักรไทยต้องสละสิทธิ์ในข้อสงวนที่ประเทศไทยจะต้องเอาประสาทพระวิหารกลับคืนมาในอนาคต กรณีศาลโลกได้พิพากษาเมื่อ 15มิถุนายน2505 เป็นการยอมรับอธิปไตยของกัมพูชาเหนือซากของปราสาทพระวิหาร

ทั้งยังเป็นการแสดงเจตนายืนยันชัดแจ้งถึงการยอมรับในแผนที่กำหนดแนวเขตที่จัดทำโดยกัมพูชาแต่ฝ่ายเดียว แถลงการร่วมไทย-กัมพูชา จึงมีลักษณะเป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทย

ประเด็นการกระทำของจำเลยนายนพดล ปัทมะ ขัดต่อมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญนายสุวัฒร อภัยภักดิ์ กับพวก9คน ได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง กลาง และศาลปกครองพิจารณาแล้วมีคำสั่งกำหนดมาตราการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ไม่ให้ รมว.ต่างประเทศ และครม.ดำเนินการใดๆที่เป็นข้ออ้าง หรือใช้ประโยชน์จากมติครม.เมื่อ 17 มิถุนายน 2551และสุดท้ายศาลปกครองสูงสุดชี้ว่า แถลงการร่วมนี้เป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย

นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่8 กรกฎาคม2551ว่าคำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา ดังกล่าวเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เพราะมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทย ฯลฯ

ในคำฟ้องข้อ 6 โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยนายนพดล ปัทมะ รู้อยู่อย่างถ่องแท้ว่า แถลงการร่วมนี้อาจมีผลเปลี่ยนแปลงเขตแดนของประเทศไทย มีผลกระทบทางสังคม แต่จำเลยได้กระทำไปโดยปกปิดซ่อนเร้น บิดเบือนข้อมูล ข้อเท็จจริง จำเลยเอาใจฝักใส่ในผลประโยชน์ประเทศกัมพูชายิ่งกว่าผลประโยชน์ของประเทศไทย ด้วยเจตนาที่แอบแฝงในประโยชน์ที่ตรงข้ามกับประโยชน์ของประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้สมเจตนาแห่งตนโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายด้านอาณาเขตดินแดน และอำนาจอธิปไตยของประเทศ โดยเจตนาไม่สุจริต จึงถือว่าการกระทำดึงกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เหมาะสม ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี อำนาจหน้าที่แห่งตน มิได้ยึดถือว่าตนเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ไม่ปฎิบัติหน้าที่ตามพรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กระทำขัดรัฐธรรมนูญ ขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ไม่ส่งเสริมคุ้มครองสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ไม่รับฟังความเห็นของประชาชน

จึงมีผลให้การลงนามในคำแถลงการร่วมไทย-กัมพูชา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีผลผูกพันต่อประเทศไทย และเป็นการปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทยและคนไทยทุกคน หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยสุจริต จึงมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ท้ายคำฟ้อง โจทก์ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้โปรดออกหมายเรียกนัดและเรียกจำเลย คือนายนพดล ปัทมะ มาพิจารณาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งทางศาลฎีกา ได้นัดประชุมใหญ่ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เพื่อเลือกองค์คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คน เพื่อพิจารณาคดีดังกล่าว

ข่าว แนวหน้า
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
  หน้า: 1 ... 31 32 [33]  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><