หน้าแรกเว็บบอร์ด
แนะนำตัว
เพิ่ม/แก้.ข้อมูลส่วนตัว
ห้องโถงรวมรุ่น
Webสมาคมฯ
ปฏิทินนัดหมาย
สมัครสมาชิก
17 พฤศจิกายน 2567, 08:14:26
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน
[สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A
A
A
A
ระเบียบปฎิบัติ
Entire Forum
This board
This topic
Members
Entire Site
Languages
Cmadong Chula
|
เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น
|
ห้องธรรมะ...สาธุ....
| หัวข้อ:
“ความรู้สึกผิด"ควรเปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”แต่อาจกลับเป็นตรงกันข้าม
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: “ความรู้สึกผิด"ควรเปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”แต่อาจกลับเป็นตรงกันข้าม (อ่าน 9764 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
“ความรู้สึกผิด"ควรเปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”แต่อาจกลับเป็นตรงกันข้าม
«
เมื่อ:
06 มกราคม 2553, 07:01:25 »
มโนธรรมเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่ดีงาม
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงอยากทำความดีด้วยกันทั้งนั้น มโนธรรมทำให้เราหวั่นไหวเมื่อเห็นความทุกข์ของผู้อื่น และอยากช่วยเหลือให้เขาพ้นทุกข์
แต่หากเราทำในสิ่งตรงข้าม อย่าว่าแต่เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นเลย เพียงแค่ยืนดูอยู่เฉย ๆ เมื่อเห็นเขาได้รับความทุกข์ เราก็จะรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ทุกคนย่อมรู้ดีว่าความรู้สึกผิดนั้นก่อความทุกข์ให้แก่จิตใจเพียงใด มันทั้งกดถ่วงหน่วงทับและทิ่มแทงจิตใจ ทำให้เจ็บปวดเศร้าสลด ยิ่งกว่านั้นมันมันยังสั่นคลอนความรู้สึกเคารพตัวเอง บางครั้งถึงกับฉีกทำลายภาพ “ตัวตน” อันงดงามที่เคยวาดไว้ให้ย่อยยับในฉับพลัน คำว่า “เสีย self”ดูจะเบาไปด้วยซ้ำ
ความเจ็บปวดนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อทำร้ายตัวเรา แต่เพื่อกระตุ้นให้เราทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือหลีกหนีจากอันตราย เมื่อนิ้วสัมผัสกับเปลวไฟหรือเหล็กแหลม ความเจ็บปวดจะทำหน้าที่กระตุกให้เราดึงนิ้วออกมา คนที่สูญเสียประสาทรับรู้ความเจ็บปวด ร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผล บางคนถึงกับปากแหว่งลิ้นกุดเพราะเผลอกัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่รู้ตัว
ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อเราทำสิ่งที่ผิดพลาด ความเจ็บปวดเพราะรู้สึกผิด จะกระตุ้นให้เราหันมาทำสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ทั้งของผู้อื่นและของเราเองด้วย
ความรู้สึกผิดมีหน้าที่ผลักดันให้เราเปลี่ยน “ผิด”ให้เป็น “ถูก”
แต่บ่อยครั้งเรากลับพบว่าผลกลับตรงกันข้าม หลายคนกลับทำผิดซ้ำสอง หรือทำผิดยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เช่น
หาเหตุผลมาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำที่ผิดนั้น เหตุผลที่นิยมอ้างกันโดยเฉพาะเวลาทำการทุจริตคอร์รัปชั่นก็คือ
“ใคร ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น”
หากนิ่งเฉยเมื่อเห็นหญิงสาวถูกรุมทำร้าย เหตุผลที่ใช้บรรเทาความรู้สึกผิดก็คือ “กรรมใครกรรมมัน” เหตุผลเหล่านี้ถูกอ้างขึ้นมาเพื่อให้การกระทำที่ผิดนั้นกลายเป็นถูก
แต่ที่จริงกลับเป็นการทำผิดเป็นครั้งที่สอง เพราะเป็นการแก้ต่างให้กับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่ต่างจาก การแก้ต่างให้กับโจร
แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ การหันไปเล่นงานบุคคลซึ่งเป็นที่มาแห่งความรู้สึกผิดในใจตน คนที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ย่อมรู้สึกผิดเมื่อเห็นเพื่อนทำงานขยันขันแข็ง ตัวอย่างเช่น
คนที่ทุจริตย่อมรู้สึกผิดเมื่อรู้ว่ามีเพื่อนบางคนปฏิเสธสินบน
นักปฏิบัติที่เพลินในการนอนอาจรู้สึกผิด ที่เห็นเพื่อนร่วมห้องพากเพียรภาวนา
หลายคนบรรเทาความรู้สึกผิดดังกล่าวด้วยการ
หันไปกล่าวร้าย กลั่นแกล้ง หรือหาทางกำจัดคนที่ทำดีกว่าตน ราวกับว่าเขาเป็นศัตรูกับตน เพราะตราบใดที่คนเหล่านั้นยังปรากฏอยู่ต่อหน้า ความรู้สึกผิดก็จะยังทิ่มแทงใจตนตลอดเวลา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ เกิดความสำคัญผิดไปว่าคนเหล่านั้น เป็นต้นตอแห่งความทุกข์ที่กำลังกัดกร่อนใจตน ทั้ง ๆ ที่สาเหตุแท้จริงนั้นได้แก่
การกระทำที่ไม่ถูกต้องของตัวเองต่างหาก
ความรู้สึกผิดนั้นเป็นผลผลิตของมโนธรรมก็จริง แต่สามารถก่อให้เกิดอาชญากรรมหรือความเลวร้ายได้ จะว่าไปการเบียดเบียนทำร้ายกันบ่อยครั้ง ก็เกิดจากแรงผลักดันแห่งความรู้สึกผิด และคนที่ถูกทำร้ายนั้น หาใช่ใครที่ไหน หากเป็นคนที่เรารักหรือใกล้ชิดเรานี้เอง
การทำร้ายผู้อื่นจึงมิใช่พฤติกรรมที่สงวนไว้สำหรับคนชั่วเท่านั้น แต่คนธรรมดา ๆ อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ก็สามารถลงมือได้เช่นกัน นี้เป็นประเด็น ที่ถ่ายทอดให้เห็นอย่างชัดเจนใน
นิยายเรื่องเด็กเก็บว่าว ของฮาเหล็ด โฮเซนี่
(แปลโดยวิษณุฉัตร วิเศษสุวรรณภูมิ)
อาเมียร์ กับ ฮัสซาน เป็นเด็กวัย ๑๓ ขวบที่เติบโตในบ้านหลังเดียวกันและดื่มน้ำนมจากอกแม่นมคนเดียวกัน แต่สถานะของคนทั้งสองต่างกันอย่างสิ้นเชิง อาเมียร์เป็นบุตรชายของคหบดี ส่วนฮัสซานเป็นลูกสาวของคนใช้ รูปร่างหน้าตาที่น่าเย้ยหยันของฮัสซานนั้นตรงข้ามกับน้ำใจ ที่งดงามเปี่ยมด้วยความซื่อสัตย์ และภักดีต่ออาเมียร์ ในสายตาของฮัสซาน อาเมียร์นั้นสูงส่งกว่าเขาทั้งชาติวุฒิและคุณวุฒิ ฮัสซานพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่ออาเมียร์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับฮัสซานก็ตาม “สำหรับคุณ(อาเมียร์) กว่านี้อีกพันเท่าก็ยังไหว” ไม่ใช่เป็นแค่คำพูดที่ฮัสซานประดิดประดอย แต่ออกมาจากใจอันใสซื่อ แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พิสูจน์ให้อาเมียร์เห็น
อัสเซฟเป็นลูกของผู้มีอิทธิพล ทำตัวเยี่ยงอันธพาล เกิดมีปากเสียงวิวาทกับอาเมียร์ซึ่งมีอายุอ่อนกว่ามาก อัสเซฟกับพวกอีก ๒ คน รุมล้อมกรอบเขาและเตรียมทำร้ายด้วยสนับมือ แต่ต้องชะงักเมื่อพบว่าฮัสซานเหนี่ยวหนังสติ๊กคู่ใจเล็งมา ที่หน้าของอัสเซฟ พร้อมกับวิงวอนขอให้ปล่อยอาเมียร์ ทั้ง ๆ ที่กลัวตัวสั่นแต่ฮัสซานพร้อมยิงนัยน์ตาของอัสเซฟ หากอาเมียร์ถูกทำร้าย ทั้งสองผ่านเหตุการณ์วันนั้นได้ด้วยความปลอดภัย แต่ต้องจ่ายด้วยราคาที่แพงลิบลิ่ว
อัสเซฟและพวกมีโอกาสชำระความแค้น เมื่อเทศกาลแข่งว่าวมาถึง อาเมียร์สามารถปราบว่าวทุกตัวที่มาประชันบนท้องฟ้าได้หมด รวมทั้งว่าวสีน้ำเงินซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ ขณะที่อาเมียร์ฉลองชัยชนะที่รอมานานหลายปี ฮัสซานออกไปตามเก็บว่าวสีน้ำเงินให้อาเมียร์ตามลำพัง เป็นโอกาสที่อัสเซฟและพวกติดตามล่าไปล้างแค้น อาเมียร์เฉลียวใจเมื่อรู้ว่าฮัสซานหายไปนาน จึงกลับไปตามหาเขา และแล้วก็พบกับเหตุการณ์ที่จะตามหลอกหลอนเขาไปอีกหลายสิบปี อัสเซฟและพวกรุมข่มขืนฮัสซานอย่างโหดร้าย
ขณะที่อาเมียร์ยืนหลบซุ่มอยู่ในมุมที่ปลอดภัย แทนที่เขาจะวิ่งไปช่วยฮัสซาน หรือตะโกนขอความช่วยเหลือ อาเมียร์เลือกที่จะถอยหลังกลับและวิ่งออกไปจากที่เกิดเหตุ
คืนนั้นฮัสซานกลับมาพร้อมกับว่าวสีน้ำเงินด้วยร่างกายที่บอบช้ำ อาเมียร์รู้อยู่เต็มอกว่า ว่าวตัวนั้นเขาได้มาก็เพราะฮัสซานปฏิเสธ ที่จะมอบว่าวให้กับอัสเซฟเพื่อแลกกับความปลอดภัยของเขา ฮัสซานยอมพลีกายเพื่อนำว่าวตัวนั้นกลับมาให้อาเมียร์ อาเมียร์รู้สึกผิดมากขึ้นเมื่อสบตากับฮัสซาน และรู้ว่าฮัสซานเห็นเขาแอบซุ่มอยู่หลังตึกขณะที่เขาถูกรุมทำร้าย ฮัสซานเห็นเขาแต่ไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากเขาเลย
นับแต่วันนั้นอาเมียร์ไม่มีความสุขเลยที่เห็นฮัสซาน ยิ่งฮัสซานปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพอ่อนน้อม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เขาก็ยิ่งเจ็บปวดที่ทรยศฮัสซาน ยิ่งเจ็บปวดมากเท่าไรเขาก็ยิ่งอยากกำจัดฮัสซานออกไปจากบ้าน
แล้ววันหนึ่งเขาก็บอกพ่อว่า นาฬิกาและเงินของเขาหายไป ไม่นานก็พบว่าสิ่งของทั้งหมดนั้นซ่อนอยู่ใต้ฟูกนอนของฮัสซาน เมื่อพ่อของอาเมียร์ซักถามฮัสซาน แทนที่จะปฏิเสธ ฮัสซานกลับยอมรับว่าเป็นคนขโมยไป
ไม่มีใครเชื่อว่าฮัสซานทำเช่นนั้น แต่นี่เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ฮัสซานได้พิสูจน์ถึงความภักดีต่ออาเมียร์ และ เป็นครั้งสุดท้ายเพราะไม่กี่วันต่อมา ทั้งฮัสซานและพ่อก็ขอกลับบ้าน แม้จะถูกทัดทานจากพ่อของอาเมียร์ก็ตาม
อาเมียร์ดีใจที่ฮัสซานเดินออกไปจากชีวิตของเขาเสียที ต่อไปนี้ไม่มีใครที่จะเตือนใจให้เขารู้สึกผิดที่ได้ทรยศเพื่อน ไม่มีใครที่จะเปิดเผยความลับของเขาให้โลกรู้ เขายังเป็นคนดีของพ่ออยู่ต่อไป แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิด เพราะความรู้สึกผิดยังหลอกหลอนเขาอยู่ต่อไปอีกหลายสิบปี มีทางเดียวเท่านั้นที่ความรู้สึกผิดจะเลือนหายไป นั่นคือ การกลับไปแก้ตัวด้วยการทำความดีทดแทนความผิดพลาดในอดีต
เรื่องขออาเมียร์และฮัสซาน มิใช่เป็นแค่เรื่องราวของเด็กสองคนในอัฟกานิสถาน แต่เป็นเรื่องของเราทุกคน ใช่หรือไม่ว่าบางครั้งเราทำร้ายคนใกล้ชิด เพียงเพราะทนความรู้สึกผิดไม่ได้ ลึก ๆ เราอยากเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น แต่ความรู้สึกผิดกลับทำให้เรารู้สึกไม่ดีกับตัวเอง แทนที่เราจะบรรเทาความรู้สึกผิดด้วยการหันมาแก้ไขตัวเอง บ่อยครั้งเราเลือกที่จะไปจัดการกับคนอื่นซึ่งมิใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่เราเคยทำผิดกับเขามาแล้ว เราต้องการให้เขาพ้นไปจากสายตาหรือชีวิตของเรา เพื่อเราจะได้รู้สึกดีขึ้นกับตัวเอง แต่ยิ่งแก้ปัญหาผิดจุด ความผิดพลาดก็ยิ่งพอกพูนจนส่งผลยาวไกลต่อชีวิต เช่น ทำให้ชีวิตตกต่ำลง หรือก่อผลร้ายต่อผู้อื่นต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ทั้ง ๆ ที่บางครั้งเพียงแค่สารภาพผิดหรือขอโทษ ก็ทำให้ความรู้สึกผิดนั้นเปลื้องออกไปจากใจได้ไม่น้อย ความรู้สึกผิดบางครั้งถึงขั้นก่อให้เกิดอาชญากรรมได้
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวในยุโรปได้ตกเป็นเหยื่อของระบอบนาซี มิใช่แต่ชาวเยอรมันเท่านั้นที่ร่วมมือในการกวาดล้างชาวยิว ชาวยุโรปในหลายประเทศก็ให้ความร่วมมือด้วย โดยเฉพาะประเทศที่รัฐบาลนาซีเข้าไปยึดครอง หนึ่งในนั้นคือโปแลนด์ อันเป็นที่ตั้งของค่ายกักกันนาซีที่มีชื่อเสียงก้องโลก อาทิ เอาชวิตช์ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติ ชาวยิวที่เคยถูกกักกันได้กลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอน แต่สิ่งที่ได้พบก็คือ
การถูกทำร้ายอย่างทารุณจากชาวโปลิช หลายคนถูกทุบตี จำนวนไม่น้อยถูกสังหาร บางครั้งถึงกับถูกฆ่าหมู่เป็นเรือนร้อย แม้แต่เด็กก็ไม่ละเว้น จนชาวยิวต้องอพยพหนีจากโปแลนด์ในเวลาไม่นาน
คำถามก็คือ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร อ่านบทความทั้งหมดได้จากแหล่งที่มาที่คัดลอกมาจากบล็อกแก็งค์ Another Side Lifestyle Blog เรื่อง "เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก" ที่ คอลัมภ์ All Blog ด้านซ้ายมือ ล่างสุด
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=anotherside&group=1
บันทึกการเข้า
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
Re: “ความรู้สึกผิด"ควรเปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”แต่อาจกลับเป็นตรงกันข้าม
«
ตอบ #1 เมื่อ:
21 พฤษภาคม 2553, 17:21:45 »
ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร
ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง
แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน จึงทำให้
น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา2ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง
ซึ่งแน่นอนว่า
ถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกัน
ถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง
มันรู้สึกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา
หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่า เป็นความล้มเหลวอันขมขื่น
วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า
' ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า ทำให้น้ำที่อยู่ข้างใน
ไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน '
คนตักน้ำตอบว่า
' เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้าแต่กลับไม่มีดอกไม้
อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่
ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า และทุกวันที่เราเดินกลับ ...
เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้
สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว
ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว ... เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้ '
คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เรา
แต่ละคนมีนั้นอาจทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจและกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้
สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัว
ของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง มองโลกหลายๆ ด้าน เพราะคนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น
ได้สิ่งดี ๆ นี้มาจากอีเมลล์ นำมาเป็นกำลังใจพวกเรา ที่มองตัวเองว่าบกพร่อง จะได้มีกำลังใจ
บันทึกการเข้า
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
nok15
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 529
Re: “ความรู้สึกผิด"ควรเปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”แต่อาจกลับเป็นตรงกันข้าม
«
ตอบ #2 เมื่อ:
13 พฤศจิกายน 2555, 04:50:00 »
อ้างถึง
ข้อความของ
Samrotri2517
เมื่อ 21 พฤษภาคม 2553, 17:21:45
ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร
ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง
แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน จึงทำให้
น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา2ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง
ซึ่งแน่นอนว่า
ถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกัน
ถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง
มันรู้สึกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา
หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่า เป็นความล้มเหลวอันขมขื่น
วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า
' ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า ทำให้น้ำที่อยู่ข้างใน
ไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน '
คนตักน้ำตอบว่า
' เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้าแต่กลับไม่มีดอกไม้
อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่
ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า และทุกวันที่เราเดินกลับ ...
เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้
สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว
ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว ... เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้ '
คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เรา
แต่ละคนมีนั้นอาจทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจและกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้
สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัว
ของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง มองโลกหลายๆ ด้าน เพราะคนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น
ได้สิ่งดี ๆ นี้มาจากอีเมลล์ นำมาเป็นกำลังใจพวกเรา ที่มองตัวเองว่าบกพร่อง จะได้มีกำลังใจ
................ดีจัง.................
......... อ่านแล้วชื่นใจ.........
พี่Nok15
บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
กระทู้: 1,300
Re: “ความรู้สึกผิด"ควรเปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”แต่อาจกลับเป็นตรงกันข้าม
«
ตอบ #3 เมื่อ:
14 พฤศจิกายน 2555, 08:57:47 »
อ่านบทความ ของหมอสำเริงแล้ว รู้สึกดีทุกครั้งเลย
ทำให้รู้สึกว่า สังคมเรา ยังมีความหวัง หวังว่าจะดีขึ้นได้ในอนาคต
ถ้ามีคนคิดและปฏิบัติ แบบหมอสำเริงอยู่ แยะๆ
เข้ามาบ่อยๆนะครับ หมอสำเริง
สวัสดีครับ พี่นก15
บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
กระทู้: 4,838
Re: “ความรู้สึกผิด"ควรเปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”แต่อาจกลับเป็นตรงกันข้าม
«
ตอบ #4 เมื่อ:
14 พฤศจิกายน 2555, 09:37:37 »
อ้างถึง
ข้อความของ
สมชาย17
เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2555, 08:57:47
อ่านบทความ ของหมอสำเริงแล้ว รู้สึกดีทุกครั้งเลย
ทำให้รู้สึกว่า สังคมเรา ยังมีความหวัง หวังว่าจะดีขึ้นได้ในอนาคต
ถ้ามีคนคิดและปฏิบัติ แบบหมอสำเริงอยู่ แยะๆ
เข้ามาบ่อยๆนะครับ หมอสำเริง
สวัสดีครับ พี่นก15
สวัสดีค่ะหมอสำเริง พี่นก น้องสมชายและพี่น้อง
คนที่น้องสมชายมองหา ...
อย่างน้อยก็เจอะเจอในสังคมของชาวซีมะโด่งนี่ไงค่ะ
บันทึกการเข้า
wannee
Global Moderator
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: จุฬาฯรุ่นประวัติศาสตร์ 2516
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 4,806
Re: “ความรู้สึกผิด"ควรเปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”แต่อาจกลับเป็นตรงกันข้าม
«
ตอบ #5 เมื่อ:
15 พฤศจิกายน 2555, 10:08:49 »
ตามเพื่อนทรายเข้ามาค่ะ
หลังจากอ่านแล้วได้ข้อคิดอีกข้อค่ะ
ถังน้ำใบที่มีรอยแตก ยังเป็นตัวช่วยถ่วงดุลย์(อีกข้าง) ให้ใบที่ไร้รอยตำหนิ
ทำให้ชายคนนี้หาบน้ำไปได้สะดวกขึ้น
ขอบคุณหมอสำเริงค่ะ
บันทึกการเข้า
"เสียด" ภาษาจีนฮากกา แปลว่า หิมะ
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
Cmadong Chula
|
เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น
|
ห้องธรรมะ...สาธุ....
| หัวข้อ:
“ความรู้สึกผิด"ควรเปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”แต่อาจกลับเป็นตรงกันข้าม
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
"กิจกรรมสมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
-----------------------------
=> ข่าวประชาสัมพันธ์ของสมาคม
=> ข่าวประกาศทั่วไป
=> งานคืนสู่เหย้า ๒๕๕๗
=> โครงการรินน้ำใจเพื่อหอพักนิสิตจุฬาฯ
=> กิจกรรมเพื่อสังคม
=> กิจกรรมวิชาการ
=> กิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์
=> กิจกรรมชาวหอ
=> กิจกรรมแกนนำและกิจกรรมรุ่น
=> ข้อบังคับสมาคม และกฎ ระเบียบ
=> การประชุมของสมาคม
-----------------------------
เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น
-----------------------------
=> เรื่องนี้มีพี่บอก
=> โบราณคดี Cmadong
=> ปฏิทินนัดหมายชาวหอ
=> ห้องซีมะโด่งสัมพันธ์
=> ซีมะโด่งเพื่อสังคม
=> ห้องสนทนาประสาพี่น้อง
=> ห้องชาวค่ายหอ
=> ห้องชมรมแสงเสียง
=> ห้องธรรมะ...สาธุ....
=> ห้องวิชาการ ช่วยกันสร้างสรรค์สังคม
=> ห้องแสงทองของชีวิต
=> ห้องสุขภาพและความงาม
=> ห้องท่องเที่ยวไร้พรมแดน
=> ห้องซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน
-----------------------------
เรือนประจำรุ่น อบอุ่นทุกสมัย
-----------------------------
=> รุ่น 2507
=> รุ่น 2510
=> รุ่น 2511
=> รุ่น 2513
=> รุ่น 2514 รุ่นนี้มหาอำนาจ
=> รุ่น 2515
=> รุ่น 2516
=> รุ่น 2517
=> รุ่น 2518
=> รุ่น 2519
=> รุ่น 2520
=> รุ่น 2521
=> รุ่น 2522
=> รุ่น 2523
=> รุ่น 2524
=> รุ่น 2525
=> รุ่น 2526
=> รุ่น 2527
=> รุ่น 2528
=> รุ่น 2529
=> รุ่น 2530
=> รุ่น 2531
=> รุ่น 2532
=> รุ่น 2533
=> รุ่น 2534
=> รุ่น 2535 ซี้ปึ๊ก
=> รุ่น 2536
=> รุ่น 2537
=> รุ่น 2538
=> รุ่น 2539
=> รุ่น 2540
=> รุ่น 2541
=> รุ่น 2542
=> รุ่น 2543
=> รุ่น 2544
=> รุ่น 2545
=> รุ่น 2546
=> รุ่น 2547
=> รุ่น 2548
=> รุ่น 2549
=> รวมรุ่น 90-96 รหัส 2550-2556
-----------------------------
ข่าวประกาศ
-----------------------------
===> Countdown งานคืนสู่เหย้า 94 ปีซีมะโด่ง : เสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555
===> "รวมภาพงาน" ผูกพัน วันเก่า ๙๔ ปี ซีมะโด่ง
สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><
กำลังโหลด...