Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« เมื่อ: 31 ตุลาคม 2552, 11:17:59 » |
|
อินเทอร์เน็ต ซึ่งทำโลกใบนี้แคบลงมาอยู่เพียงปลายนิ้วมือ
เพิ่งมีอายุครบ 40 ปีไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้เอง
คมชัดลึก : 31 ต.ค.2552
อินเทอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้นเมื่อ เลียวนาร์ด เคลนร็อค และ คณะนักวิจัยของ ม.แคลิฟอร์เนีย
วิทยาเขตลอสแองเจลิส (ยูซีแอลเอ)
ทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งของยูซีแอลเอสามารถ "คุย" กับ คอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่
สถาบันวิจัยแห่งหนึ่งได้ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2512
อย่างไรก็ตาม เคลนร็อค ซึ่งตอนนี้อายุอานามปาเข้าไป 75 ปีแล้ว มองว่าอินเทอร์เน็ต
เพิ่งเข้าสู่วัยรุ่น และ ยังต้องเติบโตอีกไกล แต่ถึงกระนั้น เขาก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับแอพพลิเคชั่น
ใหม่ๆ อย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ ที่คนนำเอาอินเทอร์เน็ตไปต่อยอดพัฒนาเป็นอย่างมาก
เคลนร็อคพูดถึงอินเทอร์เน็ตราวกับพูดถึงลูกๆ โดยบอกว่า
ถึงแม้จะมีความประพฤติแบบผีเข้าผีออกอยู่สักหน่อย แต่อินเทอร์เน็ตก็สร้าง
ความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมากให้แก่พ่อแม่ แล้วก็สังคม
เคลนร็อคบอกว่าเขาเชื่อมาโดยตลอดว่าคอมพิวเตอร์ถูกกำหนดมาให้คุยกันได้
แล้วเครือข่ายที่เกิดขึ้นตามมาก็ควรจะใช้งานง่ายเหมือนโทรศัพท์ แล้วก็บอกว่า
ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าแม่ วัย 99 ปี ของเขาจะได้เล่นอินเทอร์เน็ตกับเขาด้วยเหมือนกัน
สำหรับอนาคตของอินเทอร์เน็ตนั้น เคลนร็อคมองว่า
จะแทรกซึมเข้าไปในทุกสิ่งทุกอย่าง และก้าวเข้าไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เคลนร็อคได้ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ ว่า หากเขาเดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
ห้องนั้นจะรับรู้ว่าตัวเขาอยู่ที่นั่น แล้วก็จะพูดคุยกลับมา
ขอขอบคุณ น.ส.พ.คมชัดลึก ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.komchadluek.net/detail/20091031/35074/4%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95.html
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 02 พฤษภาคม 2553, 09:53:44 » |
|
"ไอซีที" ปรับเพิ่ม 3 หน่วยงานความมั่นคงด้านข้อมูล
ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี
ไอซีที พร้อมปรับโครงสร้างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ใหม่ ยกสายงานความมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูลด้านไอซีที และสายงานวิจัยพัฒนา 3 หน่วยงาน รอที่ประชุม ก.พ.ร. หลังนำเรื่องเข้าเดือน เม.ย.53…
ให้เป็นแกนนำด้าน ICT ของ ประเทศอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานราชการมีความมั่นใจในการดำเนินงาน เนื่องจากไอซีทีเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศทุกๆ ด้าน จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบในระดับประเทศมากำกับดูแล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านไอซีทีในระยะยาวด้วยการปรับปรุงโครงสร้างใหม่ให้เหมาะสม โดยมีการจัดตั้งคณะทำงานจัดทำแผนพัฒนากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มีนายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานคณะทำงาน
“คณะ ทำงานฯ ชุดนี้จะทำหน้าที่สำรวจความต้องการและกำหนดผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และ จัดการประชุมสัมมนาสร้างความเข้าใจให้กับกลุ่มดังกล่าว พร้อมกันนี้ยังทำหน้าที่วิเคราะห์ และ กำหนดทิศทางการพัฒนากระทรวงฯ
โดยเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลรายละเอียดเพื่อจัดทำแผนพัฒนากระทรวงฯ ให้มีความเหมาะสม จัดการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผน ที่จัดทำขึ้นด้วย” รมว.ไอซีที กล่าว
ร.ต.หญิงระนองรักษ์ กล่าวอีกว่า จะมีการปรับปรุงโครงสร้างใหม่โดยเพิ่มส่วนราชการใหม่ใน
สายงานความมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูลด้านไอซีที และสายงานวิจัยพัฒนา
จำนวน 3 หน่วยงาน คือ
กรมสำรวจ และ ทำแผนที่พลเรือน
สำนักงานส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ
สำนักงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบในการจัดตั้ง
รมว. ไอซีที กล่าวด้วยว่า กระทรวงฯ ยังได้ผลักดันให้มีการจัดตั้ง
สำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหน่วยงานดำเนินกิจกรรมหรือบริการต่างๆ ด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความมั่นคงปลอดภัยน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการธุรกิจบริการทางด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีความเข้มแข็ง
มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ ทั้ง ในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนช่วยสนับสนุนให้ ผู้ทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งประชาชน และนักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมฯ อันจะส่งผลให้มูลค่าในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุด กระทรวงฯ ได้ส่งคำขอจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ไปยัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เรียบร้อยแล้ว และ คาดการณ์ว่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ก.พ.ร. ภายในเดือนเม.ย.2553
ขอขอบคุณ น.ส.พ.ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม 2553,
http://www.thairath.co.th/content/tech/80307
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2553, 15:52:34 » |
|
|
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2553, 21:59:42 » |
|
ขอขอบคุณเวบ ประชาชาติออนไลน์ วันเสาร์ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1276321465&grpid=02&catid=no
ยักษ์โน้ตบุ๊กปูพรมรุ่นใหม่ถล่มคอมมาร์ต"โตชิบา-เลอโนโว"เพิ่มงบฯขยายฐานโน้ตบุ๊กต่ำกว่า15,000
ยักษ์ไอทีพาเหรดเปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ เตรียมอัดแคมเปญถล่มราคางาน"คอมมาร์ต" ปลาย มิ.ย.นี้
"โตชิบา-เลอโนโว" ประกาศช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์เบียดขึ้นอันดับ 3 ทุ่มงบฯการตลาดเพิ่มเท่าตัว
"โตชิบา"อัดกิจกรรมตามร้านค้า ขยายฐานโน้ตบุ๊กราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท กรุยทางตลาดต่างจังหวัด
นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ของโตชิบาปี 2553 (เริ่มปีงบประมาณ เม.ย. 2553)
จะเน้นการนำโน้ตบุ๊กราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท เข้ามาทำตลาด 3-4 รุ่น เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ มีสัดส่วนถึง 30% ของตลาด จากเดิมที่จะมีการทำราคาพิเศษเพื่อจำหน่ายในงานคอมมาร์ตเท่านั้น
ทั้งนี้เพื่อช่วยให้โตชิบาสามารถแข่งขัน โดยเฉพาะการขยายฐานในตลาดต่างจังหวัดซึ่งจะช่วย เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของโตชิบาในปีนี้ได้มากขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนเปิดโตชิบาช็อปปีนี้ จำนวน 10 แห่ง เช่น
อุดรธานี โคราช ภูเก็ต เป็นต้น รวมถึงการตกแต่งคอร์เนอร์ใหม่อีกกว่า 100 จุด พร้อมกับเพิ่ม พนักงานขายหน้าร้านเป็น 200 ราย เพื่อรองรับแผนการขยายตลาดต่างจังหวัด ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต "โน้ตบุ๊กราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท มีสัดส่วนขนาดใหญ่มาก แต่โตชิบากลับมีส่วนแบ่งการตลาด ในเซ็กเมนต์นี้ 0%
เราจึงขอบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มไลน์สินค้ามากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ขณะเดียวกันรุ่นราคา 1.5-1.8หมื่นบาท ก็จะเพิ่มสินค้ามากขึ้นด้วย"
นายถกลกล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2553 บริษัทได้รับงบประมาณในการทำตลาดของกลุ่มธุรกิจไอที 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเท่าตัว เป็นเพราะ
ยอดขายโน้ตบุ๊กในไทยของปี 2552 มีอัตราการเติบโตถึง 30% ทำให้บริษัทแม่เห็นความสำคัญ และปี 2553 เป็นปีที่โตชิบาทำตลาดโน้ตบุ๊กในไทยมาครบ 25 ปี ทำให้มีการลงทุนจัดกิจกรรมมากขึ้น ซึ่งบริษัทจะทุ่มงบฯในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ พร้อมกับการ ทำกิจกรรมการตลาดตามร้านค้ามากขึ้น โดยล่าสุดโตชิบา เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ตระกูล Satellite ซึ่งมีทั้งซีพียูของอินเทล คอร์ ไอและ เอเอ็มดี โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 14,900 บาท จนถึง 39,900 บาท
โดยจะเน้นการทำตลาดขนาดหน้าจอ 13 นิ้วมากขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ของสีสันที่มีให้เลือกถึง 5 สี คือ สีดำ เทา ขาว แดง และน้ำตาล ทิศทางการทำตลาดของโตชิบาจะมุ่งไปที่ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย นายถกลยังกล่าวด้วยว่า บริษัทวิจัยไอดีซีได้ปรับตัวเลขตลาดรวมโน้ตบุ๊กในไทยใหม่ จากเดิมคาดว่าจะมีโน้ตบุ๊กจำนวน 1.9 ล้านเครื่อง ลดลงเป็น 1.7 ล้านเครื่อง เพราะ ผลกระทบทางการเมืองที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทำให้ตลาดยังมีการเติบโต โดยโตชิบาตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 10% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาด 7-8% สำหรับงานคอมมาร์ตช่วง 24-27 มิ.ย.นี้ คาดว่าจะมีการแข่งขันและโปรโมชั่นกันอย่างรุนแรง แน่นอน โดยเฉพาะแบรนด์จากอเมริกาและไต้หวัน เพราะอยู่ในช่วงการเปลี่ยนรุ่นของครึ่งปีหลัง และมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา
ทำให้ทุกแบรนด์ต้องแข่งขันกันอย่างเต็มที่แน่นอน และคาดว่าแรงกว่าทุกครั้งแน่ ๆ เพราะ ธนาคารหลายแห่งมีการเสนอดอกเบี้ยราคาพิเศษให้ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำมาก ๆ
ทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินต่ำ สามารถทำแพ็กเกจโปรโมชั่นได้ทุกรุ่นและระยะเวลายาวขึ้น
ด้านนายขจรเกียรติ อร่ามรัศมีกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เลอโนโว ประเทศไทย กล่าวว่า
กลยุทธ์ของเลอโนโวปีนี้จะเน้นการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งคอนซูเมอร์และเอสเอ็มอี พร้อมกับการขยายช่องทางจำหน่ายในต่างจังหวัดประมาณ 10 แห่ง
เน้นภาคอีสาน เหนือ และตะวันออก พร้อมกับเพิ่มเลอโนโวช็อปตามหัวเมืองมากขึ้น ซึ่งล่าสุดเลอโนโวได้เปิดศูนย์บริการเลอโนโวแห่งแรก ที่พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ผ่านตัวแทนของบริษัทเดอะแวลลูซิมเต็มส์ด้วย "ปีนี้เลอโนโวได้งบฯการตลาดจากบริษัทแม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะ บริษัทแม่มองเห็นศักยภาพของตลาดในประเทศไทย และยอดขายของเลอโนโวในปีที่ผ่านมา รวมถึงขนาดตลาดของประเทศไทยโตขึ้นด้วย จึงให้การสนับสนุนอย่างมาก" นายขจรเกียรติกล่าวและว่า ผลประกอบการปี 2552 เลอโนโว ประเทศไทย มีการเติบโตเชิงรายได้ 150% ขณะที่ยูนิตโต 240% ซึ่งเป็นเพราะมีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงช่องทางจำหน่ายมีความพร้อมและเริ่มมีกิจกรรมทางการตลาดทำให้มีการเติบโต ค่อนข้างสูง ขณะที่ปี 2553 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตเท่าตัว พร้อมกับตั้งเป้าที่จะมีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 3 ของตลาด นอกจากนี้ต้นปีหน้า เลอโนโว ประเทศไทย มีแผนที่จะนำ
"เลอโฟน" สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของเลอโนโว เข้ามาทำตลาด ในไทยเป็นครั้งแรก จากปัจจุบันที่เลอโฟนจำหน่ายอยู่เฉพาะในจีนเท่านั้น
โดยจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจภายใต้เลอโนโว ประเทศไทย แต่อาจจะไม่ได้ เน้นมากนักเพราะการแข่งขันสูง โดยจะเน้นนำเข้ามาเพื่อตอบสนองแฟน ๆ ของเลอโนโวมากกว่า นายขจรเกียรติกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดไอทีครึ่งปีหลัง คาดว่าตลาดไทย ยังมีการเติบโตอยู่ระดับซิงเกิลดิจิต จากปกติควรจะเติบโตระดับดับเบิลดิจิต เพราะ
สภาพเศรษฐกิจการเมืองที่ผ่านมาทำให้ตลาดเติบโตช้า แต่ขณะนี้ปัจจุบันเริ่มพบว่าหลายรายมีการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นตามหน้าร้านไอทีต่าง ๆ กระตุ้นให้คนออกมาจับจ่ายตั้งแต่ต้นเดือน เพื่อไม่ให้คนอั้นรอซื้อในงานคอมมาร์ตอย่างเดียว ล่าสุดเลอโนโว เปิดตัวโน้ตบุ๊ก IdeaPad Z ซีรีส์ เจาะกลุ่มมัลติมีเดียระดับกลาง 2 รุ่น
ราคาเริ่มต้นที่ 26,900 บาท ตระกูล V ซีรีส์ 2 รุ่น ราคาประมาณ 27,900 บาท และรุ่น Y560 สำหรับผู้ใช้งานมัลติมีเดียขนาดใหญ่ IdeaCenter C200 เดสก์ทอปประเภทออลอินวัน ราคา 15,900 บาท เป็นต้น สำหรับเอเซอร์ซึ่งเป็นผู้นำตลาดโน้ตบุ๊กในเมืองไทย ช่วงเดือนที่ผ่านมาได้เปิดคอมพิวเตอร์ โมเดลใหม่ในตระกูลแอสไปร์ ไทม์ไลน์ เอ็กซ์ (Aspire TimelineX) เจาะตลาดโน้ตบุ๊กหรู บางเพียง 0.8 มิลลิเมตร ใช้ซีพียู อินเทล คอร์ ไอ แบตเตอรี่รองรับการใช้งานนาน 10 ชั่วโมง มีให้เลือก 2 สี ดำและเงิน ด้วยหน้าจอขนาด 13 นิ้ว และ 14 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 26,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมด้วย เน็ตบุ๊ก แอสไปร์ วัน ใหม่ ซีรีส์ D260 หน้าจอ 10.1 นิ้ว ให้เลือก 4 สี ได้แก่ ม่วง เงิน ดำ และ ชมพูโอโรส ราคาเริ่มต้น 11,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ด้านฮิวเลตต์-แพคการ์ด หรือเอชพี มีแผนเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ในสัปดาห์หน้า
XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX
ได้โอกาศเลือกคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคส์ และ เนตบุคส์ กันแล้วพวกเรา
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553, 07:55:43 » |
|
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2553, 21:46:14 » |
|
ขอขอบคุณเวบเดลินิวส์ วันพุธ 23 มิถุนายน 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=8&contentID=73973
“จุติ”ปิ๊งไอเดียส่งเจ้าหน้าที่ไอซีทีสอน ส.ส.-ส.ว.เล่นเฟสบุ๊ค-ทวิสเตอร์คาดเปิดประชุมสภาเริ่มทันที
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ตั้งคณะทำงานรัฐมนตรี เพื่อประสานงาน และเตรียมส่งหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ให้กระทรวงไอซีทีส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยจัดอบรม ส.ส. และ ส.ว.ใช้เครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ค (เฟสบุ๊ค และทวิสเตอร์) เพื่อเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างสมาชิก และประชาชน รวมทั้ง รับฟังความเห็น และข้อเสนอ เพื่อใช้ในการปรับปรุงการทำงาน
ทั้งนี้ จากการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับ ส.ส. และ ส.ว. ได้รับการตอบรับในเชิงเห็นด้วย โดยให้ความเห็นว่า หลายคนมีความต้องการใช้ แต่ด้วยวัยวุฒิจึงยังไม่มีโอกาสได้เรียนการใช้งาน
ดังนั้น ไอซีทีในฐานะผู้ดูแลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศ จึงเห็นว่า
ควรยกระดับการสื่อสารของตัวแทนประชาชนให้ทันสมัย และรวดเร็วมากขึ้น
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2553, 19:15:31 » |
|
ขอขอบคุณเวบไทยรัฐ วันจันทร์ 28/06/2553 ที่สนับสนุนเนื้อหา http://www.thairath.co.th/content/tech/92509
นายจุติ ไกรฤกษ์ ร.ม.ต.กระทรวงไอซีที
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2553 นายจุติ ไกรฤกษ์ ร.ม.ต.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า วันที่ 29 มิ.ย.2553 จะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ขออนุมัติงบประมาณจัดตั้งองค์การมหาชนขึ้นมาใหม่อีก 2 องค์การ คือ
1.องค์การ รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) วงเงิน 250 ล้านบาท และ
2.องค์การ การทำธุรกรรมทางการเงิน หรือ อีคอมเมิร์ซ วงเงิน 210 ล้านบาท
โดยแต่ละหน่วยงานจะมีอายุเพียง 5 ปี เท่านั้น และถือว่าเป็นทีมเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาและ หวังให้เกิดประโยชน์ ถือว่า กฎระเบียบที่ออกมาจะมีคุณภาพทั้งหมด
ขณะที่ประเทศไทยมีองค์การมหาชนอยู่ 28 องค์การ ที่ในแต่ละปี ของบประมาณเกือบ 400 ล้านบาท แต่ก็ไม่มีผลงานที่โดดเด่นและเกิดประโยชน์มากนัก
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2553, 08:21:02 » |
|
ขอขอบคุณเวบเดลินิวส์ วันพฤหัสบดี ที่ 08 กรกฎาคม 2553 ที่สนับสนุนเนื้อหาข่าว http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=316&contentID=76635
ไอซีที คุย รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ คืบหน้า คาดหลัง ก.พ. 2554 เปิดเว็บท่ารวมบริการออนไลน์หน่วยงานรัฐ นายชัยโรจน์ จิรพัฒนเกียรติ ผู้ อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงความคืบหน้า โครงการพัฒนาระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ (อี-เซอร์วิส) ว่า
ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมบริการของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อนำมาให้บริการบนเว็บไซต์
www.egov.go.th
ซึ่งเป็นเว็บท่า หรือเว็บไซต์กลาง ที่กระทรวงไอซีทีจัดทำขึ้น เบื้องต้นจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการประมาณเดือน ก.พ. 2554 นายชัยโรจน์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริการอี-เซอร์วิสที่ไอซีทีรวบรวมไว้ให้บริการมี 24 บริการ ซึ่งตามแผนการดำเนินงานสิ้นปีนี้จะทำแบบสอบถามเพื่อแจ้งไปยังหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ แล้วรวบรวมข้อมูลบริการออนไลน์มาไว้ให้บริการผ่านเว็บท่า ส่วนบริการที่ต้องติดต่อโดยตรง กับหน่วยงานราชการ จะนำมาเสนอบนเว็บไซต์ด้วย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย “ความคาดหวังในการให้บริการอี-เซอร์วิสของหน่วยงานภาครัฐ คือ การทำให้ประชาชนสะดวกในการติดต่อราชการ ซึ่งมากกว่าเวลาทำการปกติ และ สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายชัยโรจน์ กล่าว
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2553, 18:23:23 » |
|
กระทรวงไอซีที เปิดรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) กรอบนโยบาย ICT 2020 อยู่ 7 ยุทธศาสตร์ ภายในส.ค.2553…
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวถึง การประชุมระดมความคิดเห็นต่อ ยุทธศาสตร์ ICT เพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ว่า
สืบเนื่องจากกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทย ระยะ พ.ศ. 2544-2553 หรือ IT 2010 จะสิ้นสุดระยะเวลาลงในปี 2553
คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงได้มีมติเห็นชอบวันที่ 11 ก.ย. 2550 ที่ผ่านมา ให้กระทรวงไอซีทีร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค กระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี จัดทำกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ระยะ พ.ศ. 2554-2563 หรือ ICT 2020 ขึ้น
เพื่อให้การดำเนินงานด้านการพัฒนา ICT ของประเทศมีความชัดเจนและต่อเนื่อง โดยคาดว่า การจัดทำกรอบนโยบายดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนส.ค.2553
ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้จัดการประชุมระดมความคิดเห็นต่อ (ร่าง) กรอบนโยบาย ICT 2020 ในภาพรวม และต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาตาม (ร่าง) กรอบนโยบายฯ 7 ยุทธศาสตร์ คือ
1.ยุทธศาสตร์ ICT เพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
2.ยุทธศาสตร์ การใช้ ICT เพื่อการบริการภาครัฐ
3.ยุทธศาสตร์ การใช้ ICT เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม
4.ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรม ICT
5.ยุทธศาสตร์การพัฒนาทุนมนุษย์ด้วย ICT
6.ยุทธศาสตร์การใช้ ICT เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และ
7.ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงฯ จะได้จัดการประชุมระดมความคิดเห็นต่อยุทธศาสตร์ดังกล่าวจำนวนทั้งหมด 7 ครั้ง ตลอดเดือนก.ค.2553 นี้ เพื่อนำเสนอแนวคิดและสาระสำคัญของ (ร่าง) กรอบนโยบาย ICT 2020 ในภาพรวม และยุทธศาสตร์ทั้ง 7 รวมทั้ง เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่อ...
ขอขอบคุณเวบไทยรัฐ วันพฤหัส 8 กรกฏาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว
http://www.thairath.co.th/content/tech/94490
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2553, 20:35:04 » |
|
ไอซีทีศึกษาซัพพลายเชน ก่อนวางนโยบายเสนอรัฐ ขอขอบคุณเวบไทยรัฐ วันศุกร์ 9 กรกฏาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.thairath.co.th/content/tech/94726
ธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เมื่อวันที่ 8 ก.ค.นายธานีรัตน์ สัมมนาซัพพลายเชนและโอกาสทางธุรกิจของอุตสาหกรรมICT พร้อมดันซอฟต์แวร์และดิจิทัล คอนเทนต์ หวังสร้างโอกาสทางธุรกิจของอุตสาหกรรมICT ไทย...
กล่าวว่า ขณะนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้มีบทบาทอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมทุกด้าน ทำให้หลายประเทศต่างให้ความสำคัญการใช้อุตสาหกรรมไอซีที มาเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญเพื่อแข่งขันกับนานาประเทศทั่วโลก
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2553, 16:58:32 » |
|
ขอขอบคุณเวบไทยรัฐ วันอาทิตย์ ที่ 18 กรกฏาคม 2553 ที่เอื้อเฟื้้อข่าว http://www.thairath.co.th/column/tech/universe/95173
บรอดแบนด์สร้างชาติ
ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาเป็นวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ก่อนหน้าวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศยุโรปที่กำลังเผชิญและกำลังลุกลามไปยังอีกหลายประเทศ สร้างความเจ็บปวดให้กับประชาชนในประเทศนั้นๆ เหมือนกับ ประเทศไทยเราที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนหน้านี้
ความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็คือการลงทุนของภาครัฐโดยเฉพาะ การลงทุนด้านโครงการสาธารณูปโภค รัฐบาลของนายบารัค โอบามา ได้ให้คำมั่นว่า จะลงทุนในโครงการบรอดแบนด์หรืออินเตอร์เน็ต ความเร็วสูงเพิ่มขึ้นอีก จำนวน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 25,600 ล้านบาท เป็นเงินกู้ก้อนใหม่และเงินช่วยเหลือ
ก่อนหน้านี้ได้มีการให้คำมั่นว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะใช้งบประมาณสูงถึง 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 230,400 ล้านบาท เพื่อ ลงทุนโครงการบรอดแบนด์เพื่อเข้าถึงชาวบ้านที่ย่าน ห่างไกลจากความเจริญโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานจำนวน 66 โครงการ จะทำให้เกิดการสร้างงานโดยตรงเพิ่มขึ้นจำนวน 5,000 คน เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ในหลายชุมชนของประเทศ ที่เกิดความทุกข์ยากในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
"เมื่อเกิดจากภาวะวิกฤติได้ การลงทุนด้านเทคโนโลยีในยุคดิจิตอลเอจจะทิ้งไว้ให้กับชุมชน ในระยะยาวผลประโยชน์ ทางเศรษฐกิจกับชุมชนที่จะไม่สามารถวัดค่าได้"
เป็นคำกล่าวของประธานาธิบดีโอบามาในการมอบเงินช่วยเหลือในการลงทุนบรอดแบนด์ใหม่
ปัจจุบันการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์ของประชาชนในสหรัฐฯยัง ตามหลังหลายๆประเทศ ซึ่งนายโอบามามุ่งมั่นที่จะปรับปรุงไล่ตามทันชาวบ้าน โดยโครงการช่วยเหลือของรัฐจะมุ่งเน้นโครงข่ายไฟเบอร์ที่จะเป็นตัวนำอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มาให้ชาวอเมริกันเข้าถึงได้ มากขึ้นและได้ประโยชน์ใช้เข้าถึงห้องสมุด โรงพยาบาล และกลุ่มธุรกิจ
รัฐบาลสหรัฐฯได้ทยอยออกกองทุนบรอดแบนด์จนถึงขณะนี้เป็นจำนวนเงินราว 2,700 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯหรือประมาณ 86,400 ล้านบาทจากงบทั้งหมด 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับว่าเป็นงบจำนวนมหาศาลที่รัฐบาลสหรัฐฯได้เล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีบรอดแบนด์ ที่สร้างชาติได้อย่างไร ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าการพัฒนาเทคโนโลยีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศมหาอำนาจที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีอย่างสหรัฐฯ แต่ล้าหลังประเทศอื่นเขา!
หนุ่มดิจิตอลcybernet@thairath.co.th
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2553, 17:39:17 » |
|
ขอขอบคุณเวบไทยรัฐ วันอาทิตย์ 18/07/2553 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.thairath.co.th/content/tech/97203
ซอฟต์แวร์ไทย ฉลุยCMMI ติดรองแชมป์เอเชียตะวันออก/ใต้
นายสมชาย ฉัตรรัตนา รองผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี หรือ ทีเอ็มซี กล่าวว่า เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่า ซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพจะเกิดจากบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์มีกระบวน การผลิตและการบริหารโครงการผลิตซอฟต์แวร์ที่มีมาตรฐานที่ดี และเป็นมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ อาทิ มาตรฐาน CMMI (Capability Maturity Model Integration) เป็นแนวทางพัฒนากระบวนการ ผลิตซอฟต์แวร์ให้มีคุณภาพ รวมถึงวิธีการวัดผลหรือประเมินกระบวนการผลิตซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดย สถาบันวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Software Engineering Institute, SEI) แห่งมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน (Carnegie Mellon) สหรัฐอเมริกา เป็นที่นิยมใช้แพร่หลายทั่วโลก แต่บริษัทซอฟต์แวร์ที่เข้ารับการประเมินเพื่อให้ได้การรับรองมาตรฐาน CMMI นั้น จะต้องเตรียม ความพร้อมทั้งกำลังคนและทุนทรัพย์
ขณะนี้ ประเทศไทยมีบริษัทที่ได้รับการรับรอง CMMI จำนวนทั้งสิ้น 38 บริษัท จัดเป็นประเทศที่มี บริษัทซอฟต์แวร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโลก CMMI เป็นอันดับที่ 7 ในภูมิภาคเอเชีย และ เป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากประเทศมาเลเซีย (จำนวน 71 บริษัท)
นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่าโครงการ SPI@ease มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งและศักยภาพให้กับอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์ไทย อันถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของชาติ และเป็นส่วนประกอบ ที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศ โดยถือเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ ของอุตสาหกรรมทุกสาขา
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า โครงการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์ในการปรับปรุงกระบวน การพัฒนาซอฟต์แวร์ รุ่นที่ 2 (SPI@ease II) มีระยะเวลาโครงการ 3 ปี ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2553 – เดือนมี.ค.2556 เพื่อสนับสนุนการสร้างมาตรฐานการพัฒนาซอฟต์แวร์ และเข้ารับการประเมิน CMMI ให้แก่บริษัทซอฟต์แวร์ไทยอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดมีบริษัทที่สนใจ สมัครเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 25 บริษัท
สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์ใดที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-583-9992 ต่อ 1433 และ1437
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2553, 18:23:46 » |
|
ขอขอบคุณเวบฐานเศรษฐกิจวันอังคารที่ 13 กรกฏาคม 2010 ที่เอื้อเฟื้อข่าว http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=35787:2010-07-13-03-36-31&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491
แม้ว่าเราจะให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ดิจิตอลคอนเทนต์ และ แอนิเมชัน มาเป็นเวลานาน ในฐานะอุตสาหกรรมดาวรุ่ง
แต่อุตสาหกรรมดังกล่าวยังเดินไปอย่างไร้ทิศทาง ล่าสุดกระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ดำเนินการศึกษาวิจัยโครงการส่งเสริมบทบาทของอุตสาหกรรมไอซีทีเพื่อการสนับสนุน การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ ระยะที่ 2" และจัดทำร่างแผนการพัฒนาอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย พ.ศ.2553-2556
ซึ่งแนวทางการศึกษามุ่งเน้นไปยังอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ดิจิตอลคอนเทนต์ และ แอนิเมชัน ที่ไทยยังมีโอกาสการแข่ง และสร้างการเติบโตในตลาดโลก
เจาะข้อเสนอ'ทีดีอาร์ไอ'
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ
กล่าวว่าบทสรุปจากการศึกษาครั้งนี้นั้นทีดีอาร์ไอได้จัดทำข้อเสนอแนะไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ในอุตสาหกรรมว่าการพัฒนาซัพพลายเชนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไนไทยควรมีการขยาย
จากผู้ผลิตรับจ้างผลิต โออีเอ็ม ไปสู่ผู้ผลิตโอดีเอ็ม คือ การออกแบบ อาทิ การออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์แบบผังตัว
ขณะเดียวกันขยายไปสู่เจ้าของตราสินค้า (โอบีเอ็ม) อาทิ คาแรกเตอร์แอนิเมชัน ส่วนโอกาสทางธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์นั้นมีโอกาสเติบโตมหาศาล โดยในการให้บริการซอฟต์แวร์ (Software as a Service) ควรเปลี่ยนจากการขายแรงงาน ไปสู่การขายทรัพย์สินทางปัญญา และขยายตลาดไปทั่วโลก เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์แบบฝังตัว ที่ควรเปลี่ยนจากการขายแรงงานไปสู่ ผู้ขายทรัพย์สินทางปัญญา และสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการออกแบบ ขณะที่โมบายคอนเทนต์ สามารถขยายตลาดได้ทั่วโลก เพื่อส่านแบ่งรายได้จากการขายในประเทศ
โดยเปิดแอพ สโตร์ ขึ้นมาเพื่อเลี่ยงการแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้โอเปอเรเตอร์ 50% ส่วนซอฟต์แวร์เกมนั้นสามารถขยายตลาดได้ทั่วโลก ซึ่งผู้ประกอบการต้องเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ จากการขายในประเทศ และซอฟต์แวร์ แอนิเมชัน สามารถขยายได้ทั่วโลก โดยการเพิ่มมูลค่าเพิ่มด้วยการสร้างคาแรกเตอร์ดันผู้ประกอบการโกอินเตอร์
หมายเหตุ
OEM = Original Equipment Manufacturing ODM = Original Design Manufacturing OBM = Original Brand Manufacturing
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2553, 07:48:17 » |
|
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
|
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2553, 08:20:40 » |
|
ขอขอบคุณเวบเดลินิวส์ วันจันทร์ ที่ 02 สิงหาคม 2553 ที่สนับสนุนเนื้อหาข่าว http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=23&contentId=82130
'สารสนเทศ Information technology (IT)' เร่งพัฒนา คือยาดี!
ความเคลื่อนไหวในวงการแพทย์ไทยในกรณีที่ไม่ใช่เรื่องวุ่นๆแต่เป็นกรณีสร้างสรรค์ก็มีที่น่าสนใจ...
คือ "การพัฒนาสารสนเทศทางการแพทย์” เพื่อให้บริการผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วจะเป็นการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ จากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งจากสถานพยาบาล และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาสุขภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการเข้ารับบริการของประชาชน เป็นการระบุของ นพ.ฆนัท ครุธกูล ผู้จัดการศูนย์หัวใจ ฯ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี เป็นการระบุที่มีนัยเกี่ยวโยงถึงการที่จะมีการจัด ประชุมระดับชาติ
“เมดิคัล ดาต้า สแตนดาร์ดส์ เอ็กซ์โปร์” ในช่วงวันที่ 20-21 ส.ค. 2553 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
โดยความร่วมมือกันระหว่าง โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ, ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ,สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ สมาคมเวชสารสนเทศไทย, คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักคณะกรรมการอุดมศึกษา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รศ.นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ รองคณบดีฝ่ายสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ในฐานะประธานจัดงานประชุม ระบุว่า... การประชุมดังกล่าวนี้จะเกี่ยวกับ
“ระบบสารสนเทศทางการแพทย์” จะเป็นโอกาสที่ดีในการ “พัฒนาศักยภาพด้านสาธารณสุข”
โดยคณะผู้จัดประชุมมุ่งเน้นพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการแพทย์ ซึ่งเป็นบันไดขั้นสำคัญ ในการใช้ประโยชน์จาก
ระบบสารสนเทศทางการแพทย์
เป็นตัวแปรหลักที่ต้องหาทางเลือกเพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อพัฒนาบุคลากร ด้านเทคโนโลยีสาร สนเทศทางการแพทย์ได้ต่อเนื่อง ทางโรงพยาบาลรามาธิบดีเล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งต่อข้อมูลทางการแพทย์ เนื่องจาก ระบบบริการสุขภาพเป็นข้อมูลที่ยากต่อการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันระหว่างโรงพยาบาล เข้าถึงได้ยาก และแตกต่างกันออกไป
จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงและองค์กรที่เกี่ยวข้องจัดการประชุมเรื่องระบบสารสนเทศทางการแพทย์ เพื่อสนับสนุนการให้บริการทางการแพทย์ และหน่วยงานภาคเอกชนที่ส่งเสริมและผลักดันการนำ เทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมเพื่อศักยภาพของประเทศไทยในด้านนี้ “การใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์มีประโยชน์มาก"
ตัวอย่างการใช้ทำประวัติและนัดหมาย จะสามารถกำหนดรายละเอียดผู้ป่วยได้สะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องค้นหาแฟ้มประวัติผู้ป่วย และสามารถเติมข้อมูลเข้าไปให้ถูกต้อง รวมถึง สามารถรู้สถิติสารสนเทศได้เร็วขึ้น อาทิ จำนวนผู้ป่วย, ประสิทธิ ภาพยา, การเบิกจ่ายยา, ราคายา, รวมทั้งสามารถติดตามสถานการณ์ โรคต่าง ๆ และ
ส่งต่อข้อมูลระหว่างโรงพยาบาลกับโรงพยาบาลได้อีกด้วย ...รศ.นพ.อาทิตย์ ระบุ ขณะที่ นพ.ฆนัท เสริมว่า... การจัดประชุม “เมดิคัล ดาต้า สแตนดาร์ดส์ เอ็กซ์โปร์” ครั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์
http://cvmc.mahidol.ac.th/mds/
หรือติดต่อสอบถามที่ โทร. 0-2201-2211 ต่อ 237 ซึ่งนี่เป็นการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมด้าน บุคลากรและการวิจัยในการรองรับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารทางสุขภาพของประเทศ โดยเฉพาะด้านการกำหนดมาตรฐานและการกำหนดข้อมูลใช้ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยและ รวมถึงการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน ที่ผ่านมาในอดีต การรักษาผู้ป่วยมีปัญหาอันเนื่องจากระบบเกิดขึ้นหลายรูปแบบที่ทำให้ ผู้ป่วยเกิดอาการเบื่อแพทย์ เบื่อโรงพยาบาล เช่น การที่ผู้ป่วยต้องเสียเวลาเกือบทั้งวันในการเข้าพบแพทย์ตามโรงพยาบาล หรือ การฟ้องร้อง ซึ่งการพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพจะช่วยได้ “จะช่วยให้การสืบค้นข้อมูลของผู้ป่วยทำได้สะดวกรวด เร็ว และช่วยให้แพทย์เข้าถึงข้อมูล ได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งสามารถส่งต่อข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือ
ส่งต่อไปยัง กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการกำหนดนโยบายสาธารณสุขของประเทศได้ อย่างมีประสิทธิภาพ” ...นพ.ฆนัท ระบุ ทั้งนี้ การประชุมเกี่ยวกับ “ระบบสารสนเทศทางการแพทย์” ดังกล่าวนี้ ถือว่า สอดคล้องโดยตรงกับ แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนระบบพัฒนา ข้อมูลข่าวสารสุขภาพที่ ครม.มีมติเมื่อ20 ก.ค.ที่ผ่านมา นี่เป็น “เรื่องไม่วุ่นเกี่ยวกับแพทย์” ที่น่าติดตามผล!!.
XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX
เครือข่ายกระทรวงสาธารณสุข Virtual Private Network:VPN ใกล้จะมีจริงแล้ว ทำให้รักษาได้ที่ ร.พ.ทุกแห่งที่ เป็นสมาชิกเครือข่ายสาธารณสุข VPN โดยประชาชนจะ ใช้บัตรประชาชน สมาร์ทการ์ด เข้าตรวจได้ทุกที่ในประเทศไทย ใช้สิทธิฟรีรักษาได้ แพทย์ที่ทำการรักษาจะล็อคอินเข้าไปใน ร.พ.ที่คนไข้เคยรักษาได้ ทำให้รักษาต่อเนื่องได้ทันที
|
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
|
|
|
|
|