"หมอเดินเท้า" บุตรชายพี่หลิว 2514 ผู้เสริมเขี้ยวดับไฟใต้ ติดอาวุธทางการแพทย์

ลูกชายพี่หลิว นายแพทย์แ่ห่งรพ.พระมงกุฏฯ ได้ร่วมกับแนวร่วม "หมอเดินเท้า" ออกปฏิบัติหน้าที่ๆ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ เป็นที่น่าภาคภูมิใจในการรักชาติ ศาสฯ กษัตริย์ และมีความเสียสละเป็นอย่างยิ่งที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ๆ ได้ชื่อว่า อันตรายที่สุดในประเทศไทยขณะนี้...อยากให้ทุกท่านส่งแรงใจและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และขอให้คราดแคล้วจากภัยอันตรายใดๆ ทั้งปวงเทอญ

ขอนำคอลัมภ์ดังกล่าวมาลงให้ได้ทราบกันนะคะ

"หมอเดินเท้า"เสริมเขี้ยวดับไฟใต้ ติดอาวุธทางการแพทย์ดึงมวลชน-แนวร่วมสู่สันติ (สกู๊ปแนวหน้า)

ท่ามกลางความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภาระกิจเจ้าหน้าที่รัฐในการปฎิบัติหน้าที่ทุกหน่วย มีความมุ่งไปในทางเดียวกัน คือ บูรณาการ มุ่งให้สู่การเกิดสันติสุข อย่างแท้จริง และอย่างยั่งยืน ให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชน

"ทหารเสนารักษ์"...!!!

หมอเดินเท้า หรือแพทย์ทหาร นอกจากดูแลกำลังพลในหน่วย ยังต้องรับผิดชอบดูแลชาวบ้านที่เจ็บป่วยในพื้นที่ มีการจัด"หมอเดินเท้า" ลงพื้นที่ห่างไกลการแพทย์เข้าไม่ถึง เพื่อรักษา และดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้าน แม้จะรู้ว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่สีแดง หรือไม่สีแดงก็ตาม โดยไม่เลือกปฎิบัติฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง แม้แต่คนที่กำลังเจ็บนั้นจะเป็นแนวร่วม หมอเดินเท้า ก็ต้องรักษาให้หายดี โดยยึดหลักมนุษยธรรม และจริยธรรมการแพทย์เป็นหลัก

เช่นเดียวกับ "ร.ต.นพ.พงส์พยัพ เพชรวิสัย" หลังจากที่จบวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า อาสาลงพื้นที่ประจำหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี24 รับผิดชอบในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ และอ.หนองจิก บอกว่า หน่วยแพทย์ทหารบก มีหน้าที่อนุรักษ์กำลังรบ ดูแลทหารเป็นหลัก แพทย์ทหาร จึงต้องลงมาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดูแลกำลังพลทหาร ที่อาจจะเจ็บป่วยในหน่วย หรือได้รับบาดเจ็บระหว่างการปฎิบัติหน้าที่ ค่อยช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ไม่ได้รับสุขอนามัยที่ดี หรือช่วยเหลือจุดที่แพทย์ยังเข้าไปไม่ทั่วถึง เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาวบ้านไม่สามารถที่จะออกไปรักษาที่โรงพยาบาลได้ ประกอบกับชาวบ้านไม่เข้าใจหลักการรักษาของแพทย์บางครั้งขัดต่อหลักศาสนา จึงไม่ยอมเข้าไปรักษาในโรงพยาบาล

จึงต้องเป็นหน้าที่แพทย์ทหาร ที่ค่อยดูแล ช่วยเหลือ รักษาชาวบ้านที่ป่วยในเบื้องต้น หากป่วยหนัก ก็นำส่งโรงพยาบาล แม้บางครั้งพบผู้ก่อความไม่สงบได้รับบาดเจ็บ เราก็จะเข้าช่วยเหลือ จะไม่มีการแบ่งแยกว่าผู้ป่วยอยู่ฝ่ายไหน เรายึดมนุษยธรรม และจริยธรรมทางการแพทย์เป็นหลัก ขณะเดียวกันก็ตอบสนองนโยบายทางทหาร คือ รณรงค์แบบเชิงรุก ทหารช่วยเหลือประชาชชน

ร.ต.นพ.พงส์พยัพ บอกอีกว่า ในการปฎิบัติหน้าที่แพทย์ทหาร ก่อนลงทุกพื้นที่ จะมีการว่างแผน ประสานกับผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชน เพื่อสำรวจว่ามีชาวบ้านเจ็บป่วยมากน้อยเพียงใด จากนั้นจะเดินเท้า เข้าไปพบปะกับชาวบ้าน และไม่มีการติดอาวุธ เพราะชาวบ้านในบางพื้นที่ยังคงกลัวกับภาพทหาร ติดอาวุธอยู่ แม้แต่พื้นที่สีแดง หรือไม่สีแดง เราก็ต้องลงไป ส่วนการรักษาความปลอดภัย จะมีทหารติดอาวุธ ค่อยรักษาความปลอดภัยอยู่ห่างๆ มีการตรวจวัตถุระเบิดก่อนลงพื้นที่ หากพื้นที่ไหนที่ยังไม่ค่อยปลอดภัย ผู้ใหญ่บ้าน หรือชาวบ้าน จะเป็นคนแจ้งเองว่า สถานการณ์ยังไม่ค่อยปลอดภัยไม่ควรจะลงพื้นที่

ปัจจุบันชาวบ้านมีการตอบรับที่ดีมาก เมื่อเห็นแพทย์ทหาร จะเข้าต้อนรับอย่างดี เช่น หาข้าวเลี้ยง หรือมีของฝาก แตกต่างจากอดีตที่ยังคงระแวงอยู่ บางครั้งหากมีข่าวสารเกี่ยวกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่ หรือมีแนวร่วม คนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านจะเข้ามากระซิบให้ทราบทันที สิ่งนี้เป็นสัญญาที่ดี แสดงให้เห็นว่า ชาวบ้านให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้นกับการดำเนินงานของทหารที่ผ่านมา สามารถดึงผู้นำชุมชน ชาวบ้าน หรือมวลชน มาเป็นแนวร่วมกับทางราชการได้แล้ว

"เราไม่ได้ทำงานด้านการแพทย์เพียงอย่างเดียว แต่เรามีงานด้านทหารด้วย สิ่งหนึ่งที่ดีใจ คือ ชาวบ้านให้ความไว้ว่างใจกับเรา" ร.ต.นพ.พงส์พยัพ กล่าว

พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 บอกว่า โครงการหมอเดินเท้า เป็น "การรักษาฟรี" มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี2551 มีพยาบาล 12 นาย แต่มีแพทย์3 นาย ชุดพยาบาลไม่ใช่ทำงานในเรื่องของการรักษาพยาบาลเพียงอย่างเดียว แต่เขาถูกฝึกเต็มรูปแบบ สามารถใช้อาวุธรบ ทำงานเชิงรุก ตรวจค้น ตั้งด่านตรวจ ดูแลตัวเองได้ โดยการทำงานด้านยุทธการควบคู่กันการแพทย์ เป็นยุทธศาสตร์ทางทหารรูปแบบหนึ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับชาวบ้านในชุมชนต่างๆ เนื่องจากในบางพื้นที่ชาวบ้านยังมีความอ่อนไหวกับทหาร หรือเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ โดยบนพื้นฐานของชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะกลัวคนในเครื่องแบบติดอาวุธอยู่ เพราะยังไม่เข้าใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เราต้องสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านใหม่

โดยการประสานกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และใช้การแพทย์ทหาร ที่ไม่ติดอวุธ เข้าไปช่วย เป็นสื่อกลางในการเชื่อมความเข้าใจกับชาวบ้าน และเปลี่ยนความคิดใหม่ นอกจากนี้ยังดูแลรักษาชาวบ้านในเบื้องต้น เป็นการสำรวจโรคประจำถิ่นในชุมชนที่กำลังระบาด เพื่อแจ้งสาธารณสุขจังหวัดเข้าดูแล และในบางครั้งยังได้ทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในพื้นที่ด้วย

นอกจากนี้ยังเข้าอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพให้กับเยาวชนในโรงเรียนต่างๆ โดยสอดแทรกการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหาร และเยาวชน เพื่อให้เยาวชนมาอยู่ข้างกับเจ้าหน้าที่รัฐให้ได้มากที่สุด และยังเป็นการสำรวจการปลุมระดมมวลชน เมื่อสามารถยึดเอาเยาวชนเข้ามาอยู่กับฝ่ายรัฐ เมื่อเกิดการปลุกระดมมวลชน เด็กๆกลุ่มนี้จะเข้ามาแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ทราบทันที โดยการใช้หมอเดินเท้า เป็นตัวเชื่อมกับเยาวชน และชาวบ้าน

พ.อ.สิทธิ จันทร์สมบูรณ์ รอง ผบ.ฉก.ปัตตานี บอกว่า กิจกรรมที่ทหารกำลังทำอยู่ขณะนี้ คือ มาตรการกฏหมาย และยุทธการ ขณะมีกองกำลัง ทั้งติดอาวุธ และแนวร่วมอยู่ในพื้นที่ 7,000-9,000 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น หากคำนวณกว่ากลุ่มนี้จะหมดไป ทั้งการปะทะกับเจ้าหน้าที่เสียชีวิต และจับกุม คงนานมากกว่าจะหมดไป ทหาร จึงต้องทำความเข้าใจกับกลุ่มแนวร่วมที่ยังไม่ก้าวเป็นกลุ่มติดอาวุธ ให้เกิดความเข้าใจหลักการก่อความไม่สงบใหม่ ว่าสิ่งที่ทำไม่ใช่เรื่องที่ดี และผิดหลักศาสนา พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือ พร้อมกับลดเงื่อนไขความไม่เป็นธรรม

การทำงานยึด 4 หลัก คือ 1.ทำให้พื้นที่เกิดความปลอดภัย ใช้กำลังดูแล วัด โรงเรียน เป็นต้น 2.ทำให้ขบวนการลดลง โดยการจับกุม ใช้แนวทางสันติให้เข้ามามอบตัว 3.ทำให้แนวร่วมไม่เกิดการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น กลุ่มแนวร่วมใช้แหล่งสถานศึกษา เป็นแหล่งบ่มเพาะ ทหารจึงเข้าไปแหล่งสอนศาสนา ทำความเข้าใจกับผู้นำศาสนาใหม่ และ4.การช่วยเหลือประชาชนทั่วไปตามความต้องการของชาวบ้านในชั้นต้น เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีกับคนในพื้นที่

จากนั้นจึงกำหมดตำบลเป้าหมาย โดยการขยับไปที่ละตำบล โดยการเข้าไปอบรม "อย่างมีส่วนร่วม"ให้ชาวบ้านเป็นคนคิดเอง ว่า ปัญหาเกิดจากอะไร จะแก้อย่างไร เพื่อทำชาวบ้านมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา หากไม่ทำเช่นนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของรัฐฝ่ายเดียว หากรัฐทำเพียงฝ่ายเดียว โดยที่ชาวบ้านไม่มีส่วนร่วม ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ส่วนการทหารเป็นเพียงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบในที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เรากำลังสร้างให้คนในพื้นที่ร่วมคิดร่วมทำ เพื่อพักดันในเกิดความรับผิดชอบในการร่วมกันแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ นั้นจะเกิดผลอย่างยั่งยืน โดยทหารกำลังทำถูกทาง และกำลังเดินหน้าไปด้วยดี แต่สิ่งที่เกิดเหตุรุนแรงในปัจจุบันนั้น เป็นการตอบโต้ฝ่ายรัฐ เพื่อการดำเนินงานของรัฐสะดุดจะได้ทำงานช้าลง

นั้นเป็นอีกภาระกิจ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา อย่างแท้จริง ของการปฎิบัติหน้าที่ทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มุ่งที่สร้างความรัก ความสามัคคีให้กับคนทั้งชาติ โดยไม่หวั่นว่าภาระกิจจะยากลำบากแค่ไหน แม้จะเอาชีวิตเข้าแลกก็ยอม...
SCOOP@NAEWNA.COM

วันที่ 4/8/2009

[/color]

	ผู้เขียน	หัวข้อ: "หมอเดินเท้า" บุตรชายพี่หลิว 2514 ผู้เสริมเขี้ยวดับไฟใต้ ติดอาวุธทางการแพทย์ (อ่าน 18063 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้