25 พฤศจิกายน 2567, 23:22:37
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 [2] 3  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: วิทยานิพนธ์พระเครื่อง กรณีศึกษา พระสมเด็จ กรุวัดขุนอินฯ สมเด็จโต สร้างจริงหรือ??  (อ่าน 141195 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #25 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:20:56 »

4.9 วันนี้จะขอคุยเรื่องที่มีบางท่านได้เปิดประเด็นไว้ว่าทำให้ชวนคิดได้ว่า สมเด็จโตท่านมาสร้างและบรรจุพระชุดนี้ไว้ในปี พ.ศ.2409-2410 ครับ

จากหลักฐาน พยานวัตถุที่ผมได้มา ทำให้ผมเชื่อว่า ถึงอย่างไร พระชุดนี้ก็ไม่ได้สร้างก่อนปี 2413
หรือไม่ได้สร้างก่อนพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมแน่นอน เพราะหลักฐานชิ้นนี้ครับ
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #26 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:24:28 »


(เป็นพระที่บรรจุร่วมอยู่ในกรุวัดขุนอินทฯที่ชาวบ้านได้มาจากพระลูกวัดเมื่อกว่าสิบปีก่อน ปนมากับพระพิมพ์วัดขุนอินท ที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ )


นี่เป็นพระพิมพ์สมเด็จพิมพ์ สังฆาฎิหูช้าง หรือหูห่าง อันเป็นพิมพ์เอกลักษณ์หนึ่ง ของพระสมเด็จบางขุนพรหม ซึ่งเสมียนตราด้วง ทำพิมพ์ขึ้นใหม่และสร้างพระในปีพ.ศ. 2413 ก่อนที่สมเด็จโตจะสิ้นในปีพ.ศ. 2415
(เป็นพระที่บรรจุร่วมอยู่ในกรุวัดขุนอินทฯที่ชาวบ้านได้มาจากพระลูกวัดเมื่อกว่าสิบปีก่อน ปนมากับพระพิมพ์วัดขุนอินท ที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ )


นี่เป็นพระพิมพ์สมเด็จพิมพ์ สังฆาฎิหูช้าง หรือหูห่าง อันเป็นพิมพ์เอกลักษณ์หนึ่ง ของพระสมเด็จบางขุนพรหม ซึ่งเสมียนตราด้วง ทำพิมพ์ขึ้นใหม่และสร้างพระในปีพ.ศ. 2413 ก่อนที่สมเด็จโตจะสิ้นในปีพ.ศ. 2415จากการพิจารณาปรากฏว่า พระพิมพ์สังฆาฏิหูช้างนั้น มีคราบกรุของวัดใหม่อมตรสหรือบางขุนพรหมเป็นชั้นในและคลุมด้วยคราบแคลเซี่ยมวัดขุนอินทฯอีกชั้น

นั่นหมายความว่า มิได้สร้างในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน กับวัดขุนอินท ( เนื้อหาพระเก่ากว่าพระวัดขุนอินทฯมาก ) และเคยถูกบรรจุกรุมาแล้ว
เจดีย์บางขุนพรหมกว่าจะถูกขโมยขุดกรุครั้งแรกก็ปีพ.ศ. 2425 หรือสมเด็จสิ้นไปแล้ว 10 ปีดังนั้น หากพระชุดนี้เป็นพระแท้ ก็อาจจะเป็นพระที่ผู้สร้างพระพิมพ์สมเด็จวัดขุนอิน ซึ่งย่อมจะต้องมีจิตใจเลื่อมใส พระสมเด็จอยู่แล้ว นำพระที่มีอยู่ร่วมบรรจุไว้กับพระที่ได้จัดสร้างขึ้นใหม่ ( เหมือนพระเนื้อดินกรุวัดลิงขบ ที่พบพระสมเด็จวัดระฆังร่วมบรรจุ )

ถ้าหากพระชุดนี้ เก๊หรือสร้างยุคหลัง ก็ยิ่งไม้ต้องพูดถึงเรื่องอายุ (เพราะพระเก๊ย่อมไม่สร้างก่อนพระแท้แน่ )
ถ้าหาก ข้อมูลที่ผมได้มามิใช่ความจริง ก็ขออย่าได้สนใจข้อเขียนชิ้นนี้เลย
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #27 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:28:14 »

4.10 หลักฐานอีกชิ้นก็คือ
      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #28 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:29:11 »

หมีมีพระห้อยคอประจำองค์หนึ่ง

เขาบอกว่า เป็นท่านเจ้าคุณนอ รุ่นแรก  
ได้รับมรดกตกทอดมา จากมือท่านเจ้าคุณฯ เอง

และอีกประมาณ 4-5 องค์  มีเก็บไว้
ถ้าถ่ายรูปมาให้ดู
ป้อมจะดูได้ไหมว่า แท้หรือเทียม

หรือไม่ควรดู


.........แต่อยากรู้น่ะ


      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #29 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:31:11 »

อันว่าตราแผ่นดินนี้ ผมไปสืบเสาะมาได้ความว่า กำเนิดขึ้นสมัยร.5.ในปีพ.ศ. 2416 (ก็คือภายหลังสมเด็จโตสิ้น 1ปี )
ขอยกข้อความมาเลยแล้วกันนะครับ
----------------------------------

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ เสวกเอก หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม ผูกตราประจำประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๑๖ โดยอิงกับหลักการผูกตราของทางยุโรปที่เรียกกันว่า Heraldry (หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยแปลคำนี้ลงในหนังสือเรื่อง ฝรั่งศักดินา เอาไว้ว่า “มุทราศาสตร์”) ตรานี้เรียกกันโดยทั่วไปว่า ตราแผ่นดินหรือตราอาร์ม อันมีลักษณะดังต่อไปนี้
 

      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #30 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:38:04 »

5 สรุป
ฟันธง! คอนเฟิร์ม! หลวงปู่ศุขสร้างพระวัดขุนอินฯหลังสิ้นสมเด็จโต ๕๑ ปี

5.1 เห็นคนขายบางกลุ่มพยายามโปรแบบลับๆล่อๆ ทำให้คนซื้อเข้าใจว่า สมเด็จโตสร้างพระวัดขุนอินฯ หรือบอกว่าเดี๋ยวมีเฮ!

ผมก็รออยากจะเฮมานานหลายเดือนแล้วครับ ( กลัวจะมีโฮ! มากกว่า )


ล่าสุดท่านรักษาการเจ้าอาวาสวัดขุนอินฯท่านก็ยังคงยืนยันว่า
"ไม่ยืนยันว่าสมเด็จโตสร้าง
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #31 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:38:36 »

5.2วันนี้ผมขออนุญาตฟันธง! คอนเฟิร์ม!ไปเลยนะครับว่า พระพิมพ์สมเด็จวัดขุนอินทประมุลนั้น
หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาทมีส่วนสร้างและเสก เช่นเดียวกับที่ทราบกันดีในวงการแล้วว่า
ท่านเป็นผู้สร้างและเสกพระพิมพ์สมเด็จวัดดักคะนนร่วมกับหลวงพ่ออยู่ วัดดักคะนน   
(แถมมีพิมพ์พระซ้ำกันหลายพิมพ์ แต่เนื้อหาแก่น้ำมันและเนื้ออ่อนกว่าวัดขุนอินฯ)
การจะตัดช่วงเวลาการสร้างและเสกของผม ขอย้อนไปที่กระทู้เก่า เรื่องพระพิมพ์สมเด็จขุนอินฯ

หลังตราแผ่นดิน ซึ่งเป็นพระที่ยอมรับในวงการนักเล่นพระจังหวัดอ่างทอง โดยได้บรรจุไว้ใน

การประกวดครั้งแรกด้วย

เมื่อตราแผ่นดินร.๕ ท่านทรงให้เริ่มใช้ตั้งแต่พ.ศ. 2416 (สมเด็จโตสิ้นพ.ศ.2415 )ก็ย่อมจะเป็นเหตุเป็นผลว่าพระกรุนี้ สร้างหลังสมเด็จโตแน่..แต่จะหลังกี่ปีเดี๋ยวค่อยว่ากัน

ตราแผ่นดิน ใช้มากในสมัย ร.๕-ร.๖ ซึ่งยังอยู่ในระบอบสมบุรณาญาสิทธิราช จึงไม่ใช่เรื่อง

ง่ายๆที่ใครจะนำตรานี้มาประทับหลังองค์พระ หากไม่ได้รับพระบรมราชานุญาติ

เพราะฉะนั้น พระพิมพ์สมเด็จกรุวัดขุนอินฯ จึงไม่ธรรมดาแน่
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #32 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:39:16 »

5.3 เมื่อตัดประเด็นที่บางคนพยายามปลุกสมเด็จโตท่านขึ้นมาสร้างออกไปแล้ว ก็ต้องหาหลักฐานว่า
ท่านใดเป็นผู้สร้างหาได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ถือว่าเป็นของบูรพาจารย์รุ่นเก่า ใช้บูชาได้ไม่จำเป็นต้องมีโบรชัวร์
ท่านสมาชิกอาวุโสท่านหนึ่งไปเหมาพระวัดขุนอินทประมูลจากคนในพื้นที่มา
พอดีไปได้พระคะแนนวัดขุนอินทประมูลองค์นี้ติดมาด้วย 1 องค์ครับ คราบกรุฟ้องความเป็น ขุนอินฯเต็มตัว

เนื้อหาเก่าแกร่ง

คนที่สะสมพระหลวงปู่ศุขเห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่า เป็นเป็นรอยจาร ยันต์พุทธม้วนโลก

หรือพุทธอุดม้วนโลกของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
นับเป็นความพิเศษของพระองค์นี้ นอกจากจะจารเปียกตัวยันต์แล้ว
ท่านยังกำกับ พ.ศ. ไว้ ด้วยว่า ๒๔๖๖ ( คงจะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก พ.ศ.) ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ท่านสร้าง

เหรียญรูปเหมือน และเป็นปีสุดท้ายแห่งชีวิตท่าน

( รัชกาลที่ ๖ โปรดฯ ให้ใช้พุทธศักราช หรือ พ.ศ.แทน ร.ศ.โดยเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๕๖ เป็นต้นมา )
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #33 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:42:04 »



สรุปก็คือพระพิมพ์สมเด็จกรุวัดขุนอินฯ สร้างสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยมี หลวงปู่ศุขร่วมสร้างและเสก ด้วย (หรือจะเป็นเจ้าพิธีไม่ทราบได้ )ในปีพ.ศ. ๒๔๖๖
หรือหลังจากสมเด็จโตสิ้นฯแล้ว ๕๑ ปี
หรืออีกนัยหนึ่ง นับถึงปีนี้ พระพิมพ์สมเด็จกรุวัดขุนอินฯ มีอายุ 86 ปีครับ

comment
-ว่าด้วยเรื่องของตราแผ่นดิน หลวงปู่ศุข ท่านมีลูกศิษย์คนสำคัญคือกรมหลวงชุมพรฯ  พิมพ์กรุวัดขุนอินส่วนใหญ่เป็นการออกแบบของช่างหลวง (ซึ่งน่าจะเป็นไปได้) กรมหลวงชุมพรฯ ท่านเป็นผู้มีบุญบารมีผู้หนึ่งที่สามารถนำตราแผ่นดินมาไว้ที่องค์พระได้ และสามารถที่จะสร้างพระได้จำนวนครั้งละมากๆๆ ได้  ฝากท่านเค้าแมว ค้นคว้าต่อไปด้วยครับ กับความเป็นไปได้ที่ค่อนข้างสูงอนุเคราะห์
-เรื่องเสด็จ เตี่ย ช่างหลวง ตราแผ่นดินนั้น ผมคิดตรงคุณ pheera แต่ยังคงเป็นเพียงข้อสันนิษฐานก็เลยเว้นไว้ก่อน ครับ   
------------------

พระกรุนี้ โดยพิมพ์ทรง เนื้อหาแล้ว งดงามมาก สร้างได้ปราณีต ปิดข้อด้อยของพระวัดระฆัง บางขุนพรหม
โดยเนื้อหาพิมพ์ทรง พุทธศิลป์แล้ว ก็ต้องบอกว่า ช่างหลวง ( พระพิมพ์ประภามณฑลรัศมี ของหลวงปู่ศุขก็ฝีมือช่างหลวง ที่เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร นำแม่พิมพ์มาถวาย )

พระที่มีบารมีในยุคนั้น ที่จะทำงานใหญ่ งานเรียบร้อยขนาดนี้ได้ คงจะมองผ่านหลวงปู่ศุขไปไม่ได้แน่ๆ
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #34 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:45:38 »

6 อารัมภบท ปิดท้าย
6.1 พระ 3 กรุคือกรุดักคะนน กรุวัดขุนอินทร และสมเด็จก้นย่ามมีความคล้ายคลึงกัน
ที่จริงผมแอบเล่นพระกรุดักคะนนมาก่อนหน้านี้ราว 4-5 ปีก่อนเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนที่อุทัยธานี(รอยต่อชัยนาท)แล้วแวะมาหาเพื่อนที่อ่างทองคือได้พระทั้ง 2 กรุมาเทียบเคียงกัน บางส่วนก็ได้มาจากเพื่อนสมาชิกของพวกเราด้วยซ้ำไป ตอนไปคุยกับเพื่อนก็อ้างอิงประวัติกันว่าไอเดียของผู้สร้างมีรากฐานมาจากพระสมเด็จ ทางสายชัยนาทก็ตั้งข้อสงสัยว่าหลวงปู่ศุข หลวงปู่อยู่ และหลวงปู่โต ท่านเป็นพระยุคเดียวกันมีการติดต่อระหว่างกันอยู่ในระดับหนึ่ง เนื้อผงน่าจะมีการนำไปร่วมในการสร้างพระสมเด็จในยุคนั้นหรือยุคหลังเล็กน้อย ผมเช่าวัดดักคะนนก็เอากรุขุนอินทรมาให้บ้างผมก็แอบเก็บไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เจ้าของคงจะปวดหัวเสียดายไปแล้ว
ตอนผมเป็นเด็กวัดใหม่และช่วยพิมพ์พระรุ่น 17 พระในวัดได้ช่วยกันนำผงที่ทำเป็นดินสอมาช่วยกันเขียนสูตรแล้วลบตามตำราก่อนนำไปป่นผสมกับพระผงที่แตกหักจากเจดีย์ใหญ่ วิธีการทำเช่นนี้มีมาแต่โบราณ ลำพังเกจิอาจารย์ท่านเดียวจะทำพระครั้งละ 84000 องค์เท่าพระธรรมขันธ์นับว่ายากมาก ก็ต้องอาศัยการช่วยเหลือกัน สมัยก่อนคนพิมพ์ก็ต้องเป็นพระเณรลูกวัดด้วยซ้ำไป
ส่วนความต่างของ 2 กรุนี้ คือของวัดดักคะนนจะมี 3 แหล่งคือใต้ฐานพระประธาน ในโอ่ง และเจดีย์ริมน้ำซึ่งพังไปแล้ว กรุที่สวยที่สุดคือใต้พระประธานเพราะขี้กรุจะบางแผ่ว ๆ ส่วนของกรุขุนอินทรจะค่อนข้างออกแนวของบางขุนพรหม คือบริเวณนั้นเป็นที่นาส่วนที่ขุดได้ในครั้งแรกจะค่อนข้างแห้งเพราะเป็นการลักลอบขุด ส่วนรุ่นหลัง ๆ พระจะชื้นเพราะโดนน้ำท่วมอยู่ 2-3 ครั้ง ทำให้คราบกรุพองออกมา แตกต่างจากบางขุนพรหมที่โดนดินเหนียวแล้วโดนน้ำท่วมใหญ่ 2485 ที่เรียกว่ากรุใหม่นั่นแหละ
ใครผ่านไปวัดขุนอินทรช่วงนี้ ทางเข้ามีเซียนท้องถิ่นตั้งแผงอยู่ 4-5 เจ้า ตาดีได้ตาร้ายเสีย ตอนนี้ทางวัดได้นำเนื้อปูนจากองค์พระนอนก่อนทำการปฏิสังขรณ์มาทำเป็นพระนอนผงเพื่อหาทุนมาปฏิสังขรณ์วัดนี้ มีแม่ชีที่เฝ้าดอกไม้ธูปเทียนคอยรับบริจาคอยู่ ผมก็จำไม่ได้ว่า 100 หรือ 200 บาทต่อองค์ ใครผ่านไปก็ช่วยทางวัดกันหน่อย
ขอโทษท่านเจ้าบ้านที่ห่างหายไม่ได้สนับสนุนค่าสมาชิก ช่วงนี้แอบไปทำธุรกิจก็เลยไม่ค่อยได้เข้าวงการ แต่แปลกที่ของดี ๆ กลับทะยอยไหลเข้ามาหาอย่างช้า ๆ แต่ต่อเนื่อง คือมักจะมาหาเองถึงบ้าน
6.2ลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่าสถานที่พบพระกรุนี้ไม่ใช่ใต้ฐานพระนอนแต่เป็นบริเวณฐานพระประธานในวิหารเก่าฝั่งตรงกันข้ามซึ่งมีเจดีย์องค์เล็ก ๆ อยู่ด้านหลัง ปัจจุบันจะมีรูปหล่อของสมเด็จโตและอีก 2 รูปหล่อที่จำไม่ได้วางทับอยู่เพื่อป้องกันการขุดค้นของผู้ไม่หวังดี การบูรณะพระนอนมีหลายครั้งด้วยกัน จะมีจารึกที่บริเวณเสาข้างองค์พระนอนอยู่หลายแห่ง ใครได้อ่านเป็นน้ำตาซึมไปตาม ๆ กัน ตัวหนังสือคงไม่ใช่เพิ่งทำหรอก
6.3 แว่วๆว่า มีเซียนทยอยเก็บพระกรุนี้ไว้ แล้วคงออกข่าวทีหลัง
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #35 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:46:32 »

  คัดลอกมาจาก Siamamulet.net ครับ
  จบและสวัสดี
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #36 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:55:47 »

ถึง หมีครับ

1 พระเครื่อง เป็นกุศโลบาย ที่ต้องการให้ผู้คล้องคอให้ปฏิบัติดี ไม่เบียดเบียนใครในโลกใบนี้ ทำดีพระท่านก็คุ้มครอง
2 เจ้าคุณ นร ท่านเป็น พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรักษาท่านไว้กับตัวดีมาก
3 เป็นมรดกที่แม่ให้ไว้ ขึ้นคอระลึกถึง เจ้าคุณนร พ่อแม่ เป็น คุณอย่างยิ่ง
4 พระนั้นแท้ ทุกองค์ เพียงแต่ ต้องต้องทำตามข้อ 1และระลึกท่านเป็นใช้ได้
5 บางครั้ง การดูพระเป็นพุทธศิลป์ และ พุทธประวัติ ดุแล้วเกิดสมาธิก็มี
6 แต่ผมดูพระไม่เป็น ถ้าหมีส่งรูปมา ก็จะถามให้ เพื่อเป็นพุทธประวัติเฉยๆ ไม่ได้บอกว่าแท้หรือไม่แท้

ส่งมาก็ได้ครับ
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #37 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:58:31 »

อ่านดูเพิ่มเติม คัดลอก มาเช่นกัน
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #38 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 10:58:50 »

ปัจจุบัน มีน้องๆ หน้าใหม่ เข้าสูวงการ สะสมพระเครื่องกัน อย่างคึกคัก ผมเข้าใจว่า ตอนแรกๆทุกท่านที่เริ่มหัดสะสมพระเครื่อง มักจะเริ่มจากการที่เรา มีความศรัทธา ในพระพุทธคุณ และหลายท่านที่โชคดีคงจะได้เจอกับปาฏิหาริย์ ในวัตถุมงคลต่างๆ กันมาบ้าง
หลายท่าน เป็นผู้มีบารมีทำบุญไว้ดี พอมาสะสมพระเครื่องวัตถุมงคล จะได้พระแท้มาโดยง่าย แต่เราจะรักษาบุญญาบารมีที่สร้างสะสมเอาไว้ได้อย่างไร
   ประการที่แรก คือ ความเคารพนอบน้อม
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โบราณท่านสร้างไว้เป็นเครื่องบูชาเตือนสติให้ทำความดีครับ เทวดาท่านรักษาคุ้มครองคนที่เคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
มีของดีๆไว้ในบ้าน ต้องหมั่นสวดมนต์ บูชา การเก็บรักษาท่านควรวางไว้ในที่สูง ที่เหมาะที่ควร ท่านจะอยู่กับเราได้นาน ครับ
ประการที่สอง คือ ความกตัญญูรู้คุณคน ครับ
บุญคุณ คนที่ได้สั่งสอนเลี้ยงดูเรามา พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เราอย่าทิ้งท่านครับ บางคนมีเงินมีทอง สะสมพระเครื่องมากมาย แต่ไม่เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ แบบนั้นใช้ไม่ได้ครับ มีสิทธิ์ โดนพระเก๊มากๆ แบบสมเด็จวัดระฆังเก๊ๆ ที่อยู่ในคอเศรษฐีบางคน นั่นแหละครับ
ประการสาม คือ สัจจะวาจา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะรักษาคนนี่มีสัจจะวาจา ครับ เวลาเราอารธนาคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง บรรดามนต์คาถาต่างๆ เป็นการพูดคำสัตย์ทั้งสิ้นจึงปรากฏปาฏิหาริย์บารมีเป็นที่ประจักษ์ได้ครับ ทหารหาญที่รักษาชาติบ้านเมือง ท่านรักษาสัจจะที่ปฏิญานตนไว้กับธงชัยเฉลิมพล พระท่านคุ้มครองครับ คนดีรักษาสัญญาเสมอครับ
หมายเหตุ เท่าที่คลุกคลี กับบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีพระดีๆ สิ่งสำคัญเด่นๆเรื่องนึง คือ เรื่องสัจจะวาจาครับ เราพูดอะไรออกไป ต้องรักษาสัญญาครับ จะเจริญ ขยายความสำหรับ ประการแรก สำหรับคนที่มีความเคารพนบนอบ อ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นนิสัย
พี่ๆ เซียนพระ หลายท่าน เป็นผู้รู้ลึก รู้จริง แต่ท่านเก็บภูมิไว้ครับ เราต้องมีสัมมาคารวะ ให้ความเคารพ นบนอบให้ท่านช่วยสอนเรา ครับ
ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็น นะเมตตาอย่างดี ใครเห็นใครรัก ครับ ใครๆก้อไม่อยากหลอกคนที่ถ่อมตัวดอกครับ
ส่วนใหญ่ที่เห็นโดนกระสุนกันในสนาม ( กระสุน = ของปลอม ) มักจะเจอกับคนที่อวดรู้ครับ เขาหมั่นไส้ก้อเอากระสุนมาปล่อย โดนกันเยอะๆ ส่วนมาก ก้อสาเหตุ ที่รวยแล้วหยิ่ง นี้แหละครับ
ขยายความสำหรับ ประการที่สอง สำหรับคนที่มีสัจจะวาจา ครับ
มีคำกล่าวที่ว่า เงินทองหมดไป หาใหม่ได้ไม่ยาก แต่เครดิตถ้าเสียไปแล้ว ยากที่จะกู้คืน คำกล่าวนี้เป็นจริงในทุกวงการครับ ส่วนใหญ่ ที่ผมเจอมา คำว่าเศรษฐกิจพอเพียง หรือ คำว่า ยิ่งขาดทุนยิ่งกำไร เป็นปรัชญาที่ใช้ได้ดีในวงการนักสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคลครับ ลูกค้าหลายคนที่เช่าหาพระกับผม ส่วนมากเป็นผู้มีสัจจะวาจาดี ทำให้ผมสบายใจที่จะส่งพระให้ สำหรับลูกค้าเก่า บางทีผมส่งพระให้ก่อนเลย ครับ หลายครั้งที่เคยสัญญาไว้ในราคานี้ๆ ถึงขาดทุนหรือกำไรน้อยไปบ้างเราอย่าเสียดายครับ มีเงินหาพระใหม่ไม่ยากครับ รักษาสัจจะไส้ดีกว่า ลูกค้าส่วนมากท่านก้อรักษาสัญญาโอนตังมาโดยไม่เบี้ยว แบบนี้เจริญครับ ...........ใครจะปล่อยพระเก๊ได้ลงคอ
ขยายความสำหรับ ประการที่สาม สำหรับคนที่มีความ กตัญญู รู้คุณ
พี่ๆ เซียนพระ หลายท่าน เป็นผู้รู้ลึก รู้จริง ท่านสอนเราดูพระ เราก้อควรอุดหนุนท่านบ้าง บางที กลเม็ดเด็ดๆ ท่านจะได้สอนเรามากขึ้น ศาสตร์ด้านนี้เรียนไม่รู้จักหมด ดอกครับ
ลูกค้าที่อุดหนุนเรา เราก้อควรจัดหาแต่ของแท้มาเสนอครับ คนปล่อยของเก๊อยู่ได้ไม่นานครับ เพราะนับวันโจทย์จะมากขึ้นมากขึ้น เคยเห็นบางรายต้องปิดตู้พระหนีลูกค้าไปเลย ช่วยๆกันนะครับ ...วงการจะพัฒนาได้ เรื่องคุณธรรมเป็นปัจจัยสำคัญครับ
คนเรา ทุกคน ที่เกิดขึ้นมา ล้วนมีความดีเป็นพื้นฐาน เท่าๆกันครับ เมื่อเติบโตขึ้น เรียนรู้กิเลสมากขึ้นเรื่อยๆ จะได้วัดคุณค่าของความเป็นคนกันได้ ด้วยความตระหนักรู้ มีสติในรากฐานแห่งชีวิต นะค๊าบบ
สุดท้าย เราทุกคน คงต้องหันกลับมาดู ที่คุณธรรมของตนเองครับ ไม่มีใครรู้ตัวเราได้ดีกว่าตัวของเราเอง ครับ
      บันทึกการเข้า
yai
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,489

« ตอบ #39 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 14:11:31 »

มาเป็นชุด
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #40 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 14:40:51 »

ถึง หมีครับ

1 พระเครื่อง เป็นกุศโลบาย ที่ต้องการให้ผู้คล้องคอให้ปฏิบัติดี ไม่เบียดเบียนใครในโลกใบนี้ ทำดีพระท่านก็คุ้มครอง
2 เจ้าคุณ นร ท่านเป็น พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรักษาท่านไว้กับตัวดีมาก
3 เป็นมรดกที่แม่ให้ไว้ ขึ้นคอระลึกถึง เจ้าคุณนร พ่อแม่ เป็น คุณอย่างยิ่ง
4 พระนั้นแท้ ทุกองค์ เพียงแต่ ต้องต้องทำตามข้อ 1และระลึกท่านเป็นใช้ได้
5 บางครั้ง การดูพระเป็นพุทธศิลป์ และ พุทธประวัติ ดุแล้วเกิดสมาธิก็มี
6 แต่ผมดูพระไม่เป็น ถ้าหมีส่งรูปมา ก็จะถามให้ เพื่อเป็นพุทธประวัติเฉยๆ ไม่ได้บอกว่าแท้หรือไม่แท้

ส่งมาก็ได้ครับ
      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #41 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 15:07:17 »

เอาออกมาถ่ายรูปแล้ว เมื่อช่วงเช้า แต่ไม่ชัด เบลอ ๆ

เลยหลบไปนอน ฟังช่างทำงาน


เดี๋ยวรอวันจันทร์ จะเอาไปให้น้องที่ทำงาน เขามีกล้องขั้นมหาเทพ ถ่ายให้
      บันทึกการเข้า
BU_MEE
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #42 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 15:10:31 »

เวลาถ่ายรูปสวย ๆ กล้องธรรมดา เขาถ่ายกันยังไงถึงชัด
      บันทึกการเข้า
Pae
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,047

« ตอบ #43 เมื่อ: 05 กันยายน 2552, 18:50:32 »

ลองปรับไปที่ มาโครก่อน ไม่แน่ใจที่เป็นรูปดอกไม้ กระมัง
      บันทึกการเข้า
Pae
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,047

« ตอบ #44 เมื่อ: 03 ตุลาคม 2552, 18:10:07 »

ไม่มีเรื่องมาให้อ่านอีกเหรอ ป้อม
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #45 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2552, 12:27:05 »

จะเปิด กระทู้ใหม่อยู่ ครับเรื่อง
วัดที่ข้าพเจ้าไป มา
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #46 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2552, 09:24:57 »

นัฐ สนไหม



หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ไม่ใช่องค์นี้ นะ องค์ผมเก็บไว้เลี่ยม เหมาะกับคนทำอาชีพด้านการเงิน
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #47 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2552, 09:29:23 »



ไหวไหมนัฐ
      บันทึกการเข้า
wirat
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,415

« ตอบ #48 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2552, 09:32:39 »



ปี 2513 ครับท่าน
      บันทึกการเข้า
Va1entine
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #49 เมื่อ: 18 เมษายน 2554, 12:16:22 »

สวัสดีครับ ผมเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกใหม่ แต่ผมก็อยากทราบเรื่องเกี่ยวกับ พระสมเด็จกรุวัดขุนอินฯ ก็เลยมีภาพตัวอย่างของผมเองมาให้ดูด้วยอยากทราบว่าเป็นอย่างไรบ้าง รบกวนสมาชิกท่านอื่น ๆ โปรดชี้แนะด้วยครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 [2] 3  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><