22 พฤศจิกายน 2567, 21:50:08
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 [2] 3 4 5  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งที่อยากทำในบั้นปลายของชีวิตหลังเกษียณ  (อ่าน 87575 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kdecha
Full Member
**


ผู้ชายที่ไม่เหลือหัวใจไว้ให้ผู้หญิงคนไหนแล้ว เหลือ
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 856

« ตอบ #25 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2552, 12:35:16 »

อายุเกิน 60 ปีสมัครผู้ใหญ่บ้านไม่ได้จ้อะอ้อย
ถ้าจะเอาจริงต้องก่อน 60 ต้อง early
 สอบถามจาก กรมการปกครองแล้ว
      บันทึกการเข้า
kdecha
Full Member
**


ผู้ชายที่ไม่เหลือหัวใจไว้ให้ผู้หญิงคนไหนแล้ว เหลือ
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 856

« ตอบ #26 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2552, 12:36:38 »

เพื่อนหมอ
              น้ำยาได้ผลหรือยังทำเป็นซุ่มเงียบ
เตือนแล้ว ว่า กระสุนจริงอย่าเอาไปยิงเป้าปลอม
      บันทึกการเข้า
อ้อย31
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2531
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 342

« ตอบ #27 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2552, 15:58:58 »

สวัสดียามบ่ายที่ใกล้จะเย็นจ้ะน้องรอน
      บันทึกการเข้า

สุขภาพดีชีวีมีสุข สุขได้เมื่อใจรู้จักพอ
Ron Samyan
Cmadong พันธุ์แท้
****


ล้อมวงเข้ามา จะเล่าให้ฟัง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU 32 ( Cologne )
คณะ: Science ( Physics )
กระทู้: 2,666

เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2552, 16:01:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ kdecha เมื่อ 30 กรกฎาคม 2552, 13:18:14
ดีมากเลยรอน
ดูแล้วมีความสุขมากเลย
แต่ว่าคงยังไม่มีโอกาสมาชมหรอกนะ
รอนก็ช่วยสงเคราะห์มนุษย์เมืองถ่ายรูปสวยๆมาให้ชมเยอะๆ
แล้วก็บรรยายได้ดีมากเลย
    ตอนนี้ถ้าจะไปได้ก็มีแต่ดอยผีผ้าห่มแหละจ้ะ

ขอบคุณครับ..
มันก็แปลกๆนะคนเรา  ..พออยู่กรุงเทพฯ อยากเห็นบรรยากาศท้องทุ่ง ชนบท
พอไปอยู่ในชนบท  กลับ อยากเห็นเมืองกรุงเทพฯ...ผมก็เป็นครับ
เอาเป็นว่า จะหาภาพสวยๆ รอบๆ เมืองฝางมาให้ชม แล้วเล่าเรื่องให้ฟังนะครับ

ตอนนี้ ขอคัดภาพหน่อย เพราะว่ามันมีเยอะเหลือเกิน
      บันทึกการเข้า
Ron Samyan
Cmadong พันธุ์แท้
****


ล้อมวงเข้ามา จะเล่าให้ฟัง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU 32 ( Cologne )
คณะ: Science ( Physics )
กระทู้: 2,666

เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2552, 16:05:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อยเค็ม เมื่อ 01 สิงหาคม 2552, 15:58:58
สวัสดียามบ่ายที่ใกล้จะเย็นจ้ะน้องรอน

สวัสดีครับ ออนไลน์อยู่นี่  เดี่ยวสักพัก ก็ไปปั่นเสือกินลมชมวิวแล้วครับ แสนเพลินเพลินอุรา
เรื่องจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน...อย่าเลยครับ ถ้าอยากหาความสงบกับชีวิต
สู้เราหาเงินมากๆ พอ แล้วอยากทำอะไร ก็ทำดีกว่า...อยากช่วยเหลือสังคมก็ทำได้
ถ้ามีการเมืองเข้ามาเกี่ยวแล้ว...หาความสงบเป็นไม่มี
      บันทึกการเข้า
อ้อย31
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2531
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 342

« ตอบ #30 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2552, 16:33:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ kdecha เมื่อ 01 สิงหาคม 2552, 12:35:16
อายุเกิน 60 ปีสมัครผู้ใหญ่บ้านไม่ได้จ้อะอ้อย
ถ้าจะเอาจริงต้องก่อน 60 ต้อง early
 สอบถามจาก กรมการปกครองแล้ว

ขอบคุณที่ช่วยสอบถามข้อมูลมาให้จ้ะแก้ว
แก้วไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ  พี่ไฝแกทำงานอยู่ สนง.พัฒนาชุมชน อยู่บนที่ว่าการ อ.เฉลิมพระเกียรติ และเป็น กกต.ด้วย
พี่แกวางแผนไว้ว่า อีก 10 ปีเป็นอย่างเร็วรอส่งเสียให้ลูกสาวเรียนจบปริญญาตรีก่อน  ส่วนลูกชายก็คงได้ทำงานแล้ว  
แกถึงจะเกษียณก่อนกำหนด  แต่ถ้าลูกทั้งสองคนอยากต่อโทก็อาจจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย  ส่วนเราก็คงจะออกตามพี่ไฝ
ไปเป็นผู้ใหญ่ไฝกับนางอ้อย  แข่งกับผู้ใหญ่ลีกับนางมาซะเลย  ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เป็นจริงจังหรอกนะ  
แค่อยากสร้างสีสันให้กับชีวิตตอนแก่กันน่ะ  และแค่อยากจะเป็นกลไกเล็กๆของสังคม น้อมนำเอาทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง
ของในหลวงมาทำให้ชาวบ้านได้เห็นของจริงใกล้ๆตัวเขา  ตอนเป็นข้าราชการก็ช่วยให้คำแนะนำชาวบ้านได้อยู่หรอก
แต่มันมีอะไรหลายๆอย่างในระบบราชการที่มันน่าเปื่อ  สู้ออกมาเป็นนายตัวเองดีกว่า    ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ น่าจะมีเงินบำนาญ
กินกันสองคนตายายรวมกันต่อเดือนไม่น่าจะตำกว่าสามหมื่นบาท(ตกวันละพัน)  แถมเจ็บไข้ได้ป่วยก็เบิกได้  เงินทองก็คงไม่ค่อยได้ใช้
เพราะมีผักสด  ผลไม้  ไข่   เนื้อสัตว์  และสมุนไพรไว้ให้ใช้อยู่ที่บ้านแล้วนี่   ก็โอเคละนะสำหรับชีวิตที่เกิดมาบนโลกใบนี้  
ขอให้ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินอีกครั้งหลังเกษียณด้วยวิธีการนี้ก็ภูมิใจแล้วละ

      บันทึกการเข้า

สุขภาพดีชีวีมีสุข สุขได้เมื่อใจรู้จักพอ
อ้อย31
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2531
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 342

« ตอบ #31 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2552, 16:48:10 »

การสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านของพี่ไฝน่ะ  ไม่ได้จริงจังแบบอิงการเมืองหรอกจ้ะรอน  พี่แกแค่จะลองดูเล่นๆเท่านั้นเอง
ไม่ได้คิดจะเอาเงินไปทุ่มหรือหาหัวคะแนนเพื่อหาเสียงหรอก  หรือถ้าได้เป็นจริงๆก็คงไม่ยอมเป็นฐานเสียงให้ใคร 
และถ้ามันยุ่งยากนักสักพักก็ลาออกได้  (พอถึงเวลานันจริงๆอาจไม่ลงสมัครเลยก็ได้จ้ะ  บอกแล้วว่าเป็นแค่การสร้างสีสัน
ให้กับชีวิตเท่านั้นเอง)  จุดใหญ่จริงๆก็คือการทำไร่นาสวนผสมที่อยากจะทำให้สำเร็จอย่างจริงจังจ้ะ 
      บันทึกการเข้า

สุขภาพดีชีวีมีสุข สุขได้เมื่อใจรู้จักพอ
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #32 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2552, 21:21:45 »

ออกตอนนี้เลยก็ได้ครับพี่ เพราะข้าราชการสิทธิการรักษาน้อยกว่าบัตรทองแล้ว
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
newstar
Cmadong พันธุ์แท้
****


Normal Man
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2532
คณะ: บัญชี'ถิติ
กระทู้: 2,978

« ตอบ #33 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2552, 06:32:40 »

สมัึคร อบต. เลยครับ น่าจะเวิร์คกว่าผู้ใหญ่บ้านนะ ดูมีบทบาทมากกว่า
      บันทึกการเข้า
บักหมอ
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 153

« ตอบ #34 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2552, 07:55:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ kdecha เมื่อ 01 สิงหาคม 2552, 12:36:38
เพื่อนหมอ
              น้ำยาได้ผลหรือยังทำเป็นซุ่มเงียบ
เตือนแล้ว ว่า กระสุนจริงอย่าเอาไปยิงเป้าปลอม

ยังเลย ยิงไปก็หลุดเป้า เพราะเป้ามาไม่ค่อยตรงกัน เรายิงได้เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์
      บันทึกการเข้า
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #35 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2552, 12:03:19 »

ต้องเรียง priority ใหม่นะพี่หมอ อย่าว่าสอนเลย(ก็สอนนั่นแหละ) อิอิ
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
อ้อย31
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2531
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 342

« ตอบ #36 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2552, 09:09:05 »

ยังไม่มีใครมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกเลยว่าอยากจะทำอะไรกัน
งั้นอ่านข้อมูลดีๆที่ค้นเจอมา  เพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมวางแผนกันไว้ก็แล้วกันนะ




                                                                                     เกษียณ
                              
   มีคนสอบถามผมว่า อีกปีหนึ่งท่านจะเกษียณอายุแล้ว ท่านจะทำอะไรบ้างและควรทำอย่างไร เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากนัก อยากให้ผมลองคิดค้นและบันทึกไว้เป็นความทรงจำ กับคนที่เกษียณอายุและกำลังจะเกษียณอายุเช่นผมนี้ จะได้นำไปปฏิบัติหรือเตรียมตัวก่อนวัยเกษียณ ซึ่งตัวผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ก็เลยลองคิดค้นจากเอกสารหลายอย่าง หลายประเภท ทั้งเป็นของเก่าและของใหม่ที่สามารถพบได้ตามแหล่งความรู้ต่าง ๆ ที่สามารถเสาะหาได้เสมอ ตามแหล่งของการเรียนรู้ครับ ผมอ่านหนังสือมาหลายเล่ม หลายหัวข้อด้วยกัน

ความหมายของคำ
   ผมกลับมาชอบใจ ความหมายของคำแปลมาจากภาษาอังกฤษครับ เพราะคิดว่าเป็นความหมายที่ตรงตัวของคำว่า เกษียณ ได้ดีที่สุด ความหมายหนึ่ง โดยคำว่า เกษียณ มาจากคำภาษาอังกฤษที่ว่า R+E+T+I+R+E+M+E+N+T โดยมีความหมายของคำ ดังนี้
   R – Review หมายความถึง การทบทวนเวลาที่ผ่านมาของชีวิตในอดีต แต่ละคนก็มีความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ มีความล้มเหลว การได้ใช้เวลาหลังเกษียณ ได้ทบทวนอดีต จะเป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่าชีวิตมีค่ามากกว่า    ที่เราเคยคิดเสมอ   
   E – Emotion หมายความถึง อารมณ์ความรู้สึก เพื่อรองรับสภาพของการเป็นคนว่างงาน หลังจาก       ที่ทำงานมานาน จะต้องเตรียมตัวเพื่อรับกับการไม่มีตำแหน่ง ไม่มีงานทำ ไม่มีลูกน้อง จะต้องอยู่กับตัวเอง       อาจต้องมีการวางแผนเพื่อปรับอารมณ์และความรู้สึก เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตที่สมบูรณ์
   T – Travel หมายความถึง การท่องเที่ยว การเดินทางไปทบทวนความทรงจำเก่า ๆ ที่เคยประทับใจ เช่น อาจจะไปโรงเรียนสมัยมัธยม ไปเยี่ยมสถานที่ทำงานเมื่อเริ่มทำงานครั้งแรก หรือการท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี ๆ ต่อตนเองและสังคม รวมทั้งจะทำให้ความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นว่าเป็นเรื่องธรรมดา
   I – Induce หมายความถึง การเป็นแบบอย่างที่ดี ควรนำประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดชีวิตราชการ        เป็นตัวขับเคลื่อนสังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า โดยปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม ยึดหลักแห่งความถูกต้องและชอบธรรม พร้อมที่จะนำพาคนรุ่นหลังได้เดินตามอย่างถูกต้อง ดีงาม
   R- Religion หมายความถึง ศาสนา เป็นหนทางแห่งความสงบสุข ชีวิตหลังเกษียณจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ เป็นห้วงแห่งการเชื่อมชีวิต โลกและธรรมชาติเข้ามาหากันอย่างแท้จริง
   E – Exercise หมายความถึง การออกกำลังกายจะต้องเป็นสิ่งที่คู่กันกับคนวัยหลังเกษียณ               เพราะช่วงเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่จะเป็นช่วงเวลาแห่งการพัฒนาคุณภาพชีวิต ต้องอยู่แบบมีคุณภาพ
   M – Modeling หมายความถึง เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับอนุชนรุ่นหลัง โดยจะต้องแสดงความสง่างาม ทั้งกาย วาจา และใจ ให้สมกับเป็นประชากรอาวุโสของชาติ ต้องไม่เป็นพวกบริโภคนิยม ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความจริง โดยจะต้องเป็นแบบอย่างในเรื่องความพอเพียง
   E – Enough หมายความถึง เพียงพอ วัยหลังเกษียณน่าจะเป็นวัยที่หยุดการสะสมทรัพย์สมบัติทางวัตถุ โดยหาจุดสมดุลยของชีวิตให้ได้ แล้วเปลี่ยนไปสะสมทรัพย์ทางปัญญา เปลี่ยนจิตให้เป็นแบบจิตสาธารณะ
   N – Navigation หมายความถึง เป็นผู้นำทาง ชี้แนะแนวทางให้กับสังคม ผู้ที่เกษียณทั้งหลายเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้น จึงไม่ควรให้ความรู้เหล่านั้นได้สูญหายไปตามกาลเวลา ควรจะร่วมในกิจกรรมทางสังคมให้มากที่สุดเท่าที่สังขารจะรับได้ เช่น การเข้าร่วมเวทีประชาคม ร่วมกิจกรรมการกุศล เป็นต้น
   T – Teaching หมายความถึง ผู้ที่เกษียณควรเอาประสบการณ์มาถ่ายทอดให้กับคนรุ่นใหม่ ๆ เพื่อจะได้นำเอาความผิดพลาดมาเตรียมการแก้ไข นำเอาความสำเร็จมาสู่การนสร้างพลังใจ จะเป็นการสืบสารสายใยแห่งปัญญาอย่างแท้จริง

การเตรียมตัวก่อนเกษียณ
   การเตรียมตัวก่อนวัยเกษียณ ควรมีการเตรียมล่วงหน้าไว้บ้าง ไม่ควรปล่อยชีวิตไปตามยะถากรรม หรือให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากจนเกินไป สิ่งที่ควรเตรียมประการแรกก็คือ
   1. ด้านค่าใช้จ่าย
      ด้านเศรษฐกิจหรือค่าใช้จ่ายนับว่ามีความสำคัญไม่น้อย เพราะหากว่าเรามีรายได้ที่ลดลง แต่รายจ่ายยังคงที่ หรืออาจมีมากกว่าเดิม เราไม่มีการเตรียมการไว้ให้ดี ก็อาจจะเกิดความเดือดร้อนรำคาญ พาลไปกระทบถึงเรื่องอื่น ๆ ไปด้วย ดังนั้น เราจะต้องมีการวางแผนการใช้เงินไว้ล่วงหน้า ดูรายรับ รายจ่ายให้สมดุลกัน รู้จักทำบัญชีควบคุม รายจ่ายให้อยู่ในวงเงินที่กำหนด ต้องรู้จักประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือยหรือจ่ายสิ่งของที่ไม่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อาหารบางชนิด เหล้า บุหรี่ หรือการเที่ยวสถานเริงรมย์ เป็นต้น หากมีภาระครอบครัว เช่น ต้องส่งเสียลูกที่ยังเล็ก ต้องผ่อนบ้าน ต้องผ่อนรถ ควรมีการวางแผนการใช้เงินเพื่อหาเงินเสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนวัยเกษียณ เพื่อมิให้เกิดความเครียดจนกลายเป็นปัญหาครอบครัวภายหลัง การวางแผนค่าใช้จ่าย    ผมได้รับคำบอกกล่าวจากผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่งที่เกษียณอายุไปแล้วว่า หากเรายังอยากจะอยู่ต่อไปในโลกอีก 20 ปี หลังวัยเกษียณ เราจะต้องดูค่าใช้จ่ายรายเดือนของเราว่า ต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าใด มีรายรับจากเงินบำนาญหรือเงินยังชีพเท่าใด แล้วนำเอารายจ่ายมาตั้งลบด้วยรายได้ที่แน่นอน บวกกับรายได้ที่คาดว่าจะได้รับระหว่าง 20 ปีด้วย      (แต่ต้องถือเป็นศูนย์ก่อน) เช่น คิดว่ามีรายจ่ายเดือนละ 10,000 บาท มีรายได้จากเงินบำนาญรวมเงินสงเคราะห์ 9,000 บาท คาดว่าจะมีรายได้ระหว่างมีชีวิตอยู่เดือน 1,000 บาท รวมรายจ่ายลบรายรับ ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่หากมีอะไรผันแปรไป เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะลำบากเหมือนกันนั้นเป็นสูตรหนึ่ง แต่หากเราคิดว่าต้องใช้เงินเดือนละ 30,000 บาท  ปีหนึ่งก็ต้องใช้ 360,000 บาท  10 ปีก็ต้องใช้ 3,600,000 บาท  20 ปีก็ต้องใช้  7,200,000 บาท สูตรนี้คิดจากรายจ่ายเท่านั้น ก็ต้องวางแผนหางบประมาณมาตั้งไว้ หรือเก็บหอมรอมริบไว้ตั้งแต่ต้น ขณะยังมีกำลังทำงานอยู่นั้นต้องอยู่กับขีดความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากบางคนดำรงชีวิตอย่างพอเพียงไม่ค่าใช้จ่ายเลย มีแต่สิ่งที่ต้องรักษาพยาบาลคนเองเท่านั้น หากมีรายได้ไม่น้อยกว่ารายจ่าย ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง เช่นกัน
   2. ด้านสังคม
      ด้านสังคม มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ผู้เกษียณอายุไม่ควรแยกตัวออกจากสังคม หรือเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน ควรออกไปคบการสมาคมกับเพื่อนฝูง และนัดสังสรรค์กันบ้าง เพื่อให้ชีวิตสดชื่น ไม่เหี่ยวเฉา บางครั้งอาจจะต้องหางานอดิเรกทำ หรือเคยฝันว่าอยากทำอะไรแล้วยังไม่ได้ทำก็นำกลับมาฟื้นฟูมาทำใหม่ เช่น อยากหัดเต้นรำ ก็เต้นรำ อยากฝึกเรียนคอมพิวเตอร์ ก็ไปเรียนเพิ่มเติม อยากศึกษาวิชาโหราศาสตร์ ก็ไปเรียนหาความรู้เพิ่มเติม จะได้มีงานทำมีเพื่อนฝูง
อย่า 7 ประการ
      การดำรงชีวิตกับครอบครัวก็สำคัญ ต้องสามารถดำรงชีวิตร่วมกับคนอื่นได้ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว อย่าทำตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในครอบครัวหรือหมู่คณะ อย่าชอบยุ่งกับคนอื่น ถ้าไม่ได้รับการขอร้อง อย่าใช้ความแก่เป็นข้ออ้างที่จะรับสิทธิพิเศษ อย่าพูดมาก อย่าพล่ามแต่อดีต อย่าเรียกร้องความสนใจตลอดเวลา อย่าจู้จี้บ่น การปฏิบัติตนในวัยเกษียณนั้น ควรใช้เวลาให้เกิดประโยชน์กับคู่ครองและครอบครัวตนเอง ควรประพฤติปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีในครอบครัว ควรตั้งตนอยู่ในความถูกต้อง มีศีล มีธรรม ควรให้ผู้อื่นให้ความเคารพด้วยความสนิทใจ
   3. ด้านสุขภาพ
      ด้านสุขภาพนั้นนับว่ามีความสำคัญต่อคนวัยเกษียณเป็นอย่างมาก คนวัยเกษียณควรดูแลสุขภาพของตนเองอย่างสม่ำเสมอ มีสุขลักษณะประจำตนที่ดี เข้ารับการรักษาตัวเมื่อเจ็บป่วย มีกิจกรรมทำงานตลอดเวลาจะทำให้ชีวิตมีความยืนยาวขึ้น เพราะกิจกรรม ทำให้มีความสุข ความพึ่งพอใจในชีวิต ตามสภาวะเศรษฐกิจและสังคมจะเอื้ออำนวย เพื่อคงไว้ซึ่งกิจกรรมด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม
      การออกกำลังกายก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความสามารถและความสมบูรณ์ให้กับ           ผู้เกษียณ กระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหว ออกแรงใช้พลังงาน ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย แต่สำคัญก็คือการออกกำลังกายตามความสามารถของตน การดำรงชีวิตของคนวัยเกษียณ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว จะต้องพยายามพัฒนาความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การดูโทรทัศน์ การติดตามสถานการณ์ข่าวสารต่าง ๆ เป็นวิทยากรบรรยายในหน่วยงานต่าง ๆ จะทำให้มีความรู้ที่ทันสมัย         รู้สภาพของสังคม สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สามารถจัดการกับชีวิตในบั้นปลายได้อย่างมีความสุข
      นอกจากสุขภาพทางกายแล้ว จะต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตด้วย ต้องสร้างความตระหนักถึงความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกับบุคคลในครอบครัว เพื่อน ๆ หรือกลุ่มคนในสังคมของตน การช่วยเหลือคนในกลุ่ม ทำให้คลายเหงา ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยว ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น การดูแลครอบครัวทางด้านการจัดสิ่งแวดล้อมก็มีความสำคัญกับคนวัยเกษียณ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านที่พักอาศัย อาหาร น้ำดื่ม น้ำใช้และ ขยะมูลฝอย การสร้างสุขภาพจิตให้ปลอดโปร่ง มองโลกในแง่ดีย่อมนำความสุขมาให้ผู้ที่เกษียณอายุ

สรุป
      การดำรงชีวิตในวัยเกษียณ จำต้องมีการวางแผน คนส่วนใหญ่ไม่ได้วางแผนในอนาคต และไม่ได้ตั้งจุดมุ่งหมายที่จะทำอะไรให้สำเร็จ แต่มุ่งจะดำเนินชีวิตไปวัน ๆ ต้องการพักผ่อน และบุตรหลานไม่ต้องการให้ทำงาน แต่การดำรงชีวิตในบั้นปลายเช่นนี้ ต้องมีความเพลิดเพลินมีกิจกรรมร่วมกับสังคมตามสภาพของร่างกาย การวางแผนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนทางด้านการเงิน การวางแผนด้านสุขภาพทั่วทางร่างกายและจิตใจ การวางแผนการท่องเที่ยว หรือการวางแผนด้านอื่น ๆ นับว่ามีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนในวัยเกษียณทั้งสิ้น หรือไม่จริง ท่านลองตรองดู
                                                                                                                                               
                                                                                                                                              นายจารุพงศ์  พลเดช
                                    ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี

                           บันทึกความทรงจำ
                           1    ตุลาคม    2551
      บันทึกการเข้า

สุขภาพดีชีวีมีสุข สุขได้เมื่อใจรู้จักพอ
เจษฎา
Cmadong พันธุ์แท้
****


the more you get ,the less you feel
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,682

« ตอบ #37 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2552, 22:42:25 »

ของผมคงออกเดินทางครับเยี่ยมเพื่อน ญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากไปให้ครบทุกจังหวัดแบบพี่หมอ ด้วยจักรยานครับ
      บันทึกการเข้า

ไม่หล่อ แต่ไม่ค่อยว่าง
Ron Samyan
Cmadong พันธุ์แท้
****


ล้อมวงเข้ามา จะเล่าให้ฟัง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU 32 ( Cologne )
คณะ: Science ( Physics )
กระทู้: 2,666

เว็บไซต์
« ตอบ #38 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2552, 09:43:48 »

ผมก็คิดว่า..จะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ปั่นเดี่ยวเที่ยวไทย ทำไงได้...คนมันรักเสือ
      บันทึกการเข้า
อ้อย31
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2531
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 342

« ตอบ #39 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2552, 16:07:07 »

มีข้อคิดดีๆที่ค้นเจอ  มาให้อ่านกันต่อค่ะ



เทคนิคการบริหารชีวิตหลังเกษียณสำหรับคนรุ่นใหม่ (ตอนที่ 1)
   
  ณรงค์วิทย์ แสนทอง
narongwit@peoplevalue.co.th

         พอพูดถึงคำว่า “ เกษียณ” หลายคนคงคิดถึงคนทำงานแก่ๆที่อายุไม่น้อยกว่า 55 ปีขึ้นไป และคนในวัยหนุ่มสาวรู้สึกว่าคำๆนี้ยังห่างไกลจากชีวิตตัวเองมาก ก็เลยไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก จนอายุใกล้ๆหกสิบแล้วค่อยคิดถึงชีวิตหลังเกษียณ คนทำงานในบ้านมักจะคิดและดำเนินชีวิตเช่นนี้มาโดยตลอด

         แต่...คำว่า “ เกษียณ ” ที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการเกษียณด้วยอายุตัวที่มากตามที่องค์กรต่างๆกำหนดไว้ แต่หมายถึง ชีวิตหลังการทำงานประจำ เป็นชีวิตแห่งการพักผ่อน เป็นช่วงชีวิตแห่งอิสระที่อยากจะทำอะไรตามที่ใจคิดได้ อยากไปเที่ยวก็ไปได้ อยากจะทำประโยชน์เพื่อสังคมก็ทำได้ อยากจะหยุดอยู่บ้านเฉยๆก็ทำได้ ฯลฯ

         ดังนั้น คำว่า “ เกษียณ ” จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุตัว คนอายุยี่สิบสามสิบก็สามารถเกษียณตัวเองได้ ถ้ามีทรัพย์สมบัติมากเพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ตลอดชีวิต ผมเคยเห็นคนหนุ่มสาวบางคนอายุยังไม่มากและเกษียณตัวเองจากการทำงานประจำ คนเหล่านี้ใช้ชีวิตในการทำงานหาเงินเพียงไม่กี่ปี และเงินที่หามาได้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ตลอดชีวิต อย่างนี้ก็สามารถเรียกกว่า “ เกษียณ ” ได้เช่นกัน

         เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมเชื่อว่าการเกษียณจึงไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลกับชีวิตคนทำงานในวัยหนุ่มสาวอีกต่อไป คนทำงานทุกวัน ควรจะใส่ใจและให้ความสำคัญกับการบริหารชีวิตหลังเกษียณให้มากขึ้น ผมไม่อยากเห็นคนไทยใช้ชีวิตหลังเกษียณอยู่บ้านเพียงอย่างเดียว เพราะอายุมาก สุขภาพแย่ เงินไม่มี จึงไปไหนไม่ได้ ผมอยากให้คนที่เกษียณในบ้านเราใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีความสุข และสามารถนำเอาผลพวงแห่งความสุขนั้นไปช่วยเหลือสังคมบ้าง

         เมื่อไหร่ก็ตามเรายังยึดติดกับการเกษียณด้วยอายุแล้ว ผมเชื่อว่าคนที่มีกำลังกายและกำลังสมองก็จะถูกใช้งานในฐานะของลูกจ้างไม่สามารถไปทำประโยชน์อะไรให้กับใครได้นอกเหนือจากประโยชน์ของนายจ้างและตัวเอง คนทำงานเปรียบเสมือนคนที่ถูกล่ามเชือกหรือโซ่ที่ต้องสาละวนอยู่กับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถูกกำหนดโดยคนอื่น ไปไหนไม่ได้ ชีวิตอยู่กับเงื่อนไข “ ถ้า........., แล้ว......... ” อยู่ตลอดเวลา เช่นถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีเงินเดือน ถ้าไม่ขยันก็อาจจะตกงาน ฯลฯ และสุดท้ายก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความจำเจ หาเช้ากินค่ำ หาต้นเดือนกินปลายเดือนอยู่ร่ำไป พูดง่ายๆว่าคนเก่งๆในสังคมจะถูกจับจองเป็นเจ้าของโดยองค์กรต่างๆ ถูกตีตราว่าคนนั้นคือพนักงานขององค์กรนี้ คนนี้คือพนักงานขององค์กรนั้น เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตจึงถูกจำกัดโดยเงื่อนไขของการว่าจ้าง จึงทำให้คนทำงานขาดอิสระที่จะไปคิดไปทำอะไรตามที่ใจปรารถนา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงสามารถทำได้ แต่คนส่วนใหญ่หมดกำลังใจที่จะแสวงหาโอกาสในยามวิกฤติ คนทำงานเหมือนคนที่ติดคุกทางใจที่นายจ้างกั้นลูกกรงซี่ห่างๆไว้ แต่คนทำงานจะเสริมลูกกรงให้มันมีความถี่ยิ่งขึ้น จนปิดกั้นจิตใจตัวเองไม่ให้วิ่งออกไปนอกกรง คนทำงานชอบคิด(เอาเอง)ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้หรอกเพราะเป็นลูกจ้างอยู่ อย่าไปคิดทำอะไรเลย มันเสี่ยงกว่าการเป็นลูกจ้าง

         ผมเคยได้ยินว่านักโทษที่ติดคุกส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเหมือนคนติดคุก แต่ก็มีนักโทษบางคนใช้ชีวิตในคุกได้อย่างคุ้มค่า เช่น มีนักโทษบางคนถือโอกาสฝึกอาชีพ บางคนฝึกชกมวยจนสามารถออกมาชกตามเวทีนอกคุกได้ บางคนใช้เวลาที่อยู่ในคุกแต่งหนังสือ ผมเคยได้ยินเพลงลูกทุ่งเพลงหนึ่งดีเจประกาศว่าคนแต่งคือนักโทษในคุก นอกจากนี้มีนักโทษหลายคนที่ใช้เวลาที่อยู่ในคุกสร้างโอกาสให้กับตัวเองในการศึกษาต่อจนจบในระดับต่างๆ ฯลฯ จากตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าคนติดคุกเขาติดคุกเฉพาะร่างกายเท่านั้น แต่ใจเขาไม่ได้ติดคุกไปด้วย จิตใจและสมองของเขายังมีอิสระที่จะคิดที่จะทำอะไรตามที่ใจต้องการภายใต้ข้อจัดที่คนอื่นเห็นว่าเป็นวิกฤติ ในขณะที่คนเหล่านี้คิดว่ามันเป็นโอกาสเพราะมีเวลาว่างเยอะ ไม่มีภาระใดๆในการทำงาน ซึ่งตรงกันข้ามกับคนทำงานที่ร่างกายมีอิสระ แต่ใจติดคุกแทน และเป็นคุกที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเองเสียส่วนใหญ่ ใครก็ตามที่ใจติดคุกทางใจ แม้กระทั่งการหายใจเพื่อความอยู่รอดก็ยังรู้สึกเหนื่อย

         แต่ถ้าเราสามารถสร้างค่านิยมให้คนไทยเกษียณตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ตั้งแต่กำลังกายและกำลังสมองยังแข็งแรงอยู่ ผมเชื่อว่าคนเกษียณเหล่านี้มีโอกาสออกมาสร้างประโยชน์ให้กับสังคมไทยของเราได้มากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อชีวิตของเราไม่ต้องหาเช้ากินค่ำ ชีวิตของเขามีอิสระมากขึ้น การคิดถึงคนอื่นก็จะเพิ่มมากขึ้น โอกาสที่จะช่วยเหลือคนอื่นนอกเหนือจากตัวเองและนายจ้างก็มีมากขึ้นเช่นกัน

         เมื่อคำว่าเกษียณมิได้หมายความแค่เพียงคนอายุมากที่ทำงานมานานเพียงอย่างเดียว ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ดังนั้น เราควรจะมีแนวทางอย่างไร จึงจะทำให้คนทำงานรุ่นใหม่ๆ สามารถเกษียณตัวเองออกจากงานประจำให้เร็วกว่าคนรุ่นก่อน และทำอย่างไรจึงจะให้ชีวิตหลังเกษียณออกจากงานประจำมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น

         ถึงแม้ผมเองก็ยังไม่ใช่คนที่เกษียณอายุ(คือไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้)ที่แท้จริง แต่ผมก็ได้ก้าวออกมาจากงานประจำได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก็อยากจะเสนอแนวทางในการวางแผนเกษียณตัวเองออกจากการเป็นลูกจ้างดังนี้

 
 
 
      บันทึกการเข้า

สุขภาพดีชีวีมีสุข สุขได้เมื่อใจรู้จักพอ
อ้อย31
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2531
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 342

« ตอบ #40 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2552, 16:08:01 »

เทคนิคการบริหารชีวิตหลังเกษียณสำหรับคนรุ่นใหม่ (ตอนที่ 2)
   
   ณรงค์วิทย์ แสนทอง
narongwit@peoplevalue.co.th

           เมื่อตอนที่แล้ว ผมได้พูดถึงคำจำกัดความของคำว่า “ เกษียณ ” ไปแล้ว และทิ้งท้ายไว้ว่าจะนำเสนอแนวทางในการเกษียณตัวเองออกจากงานประจำ วันนี้ผมขอนำเสนอเทคนิคและแนวทางในการวางแผนเพื่อเกษียณตัวเองจากการเป็นลูกจ้างดังนี้

ถามตัวเองว่าอยากเกษียณออกจากงานประจำหรือไม่ เพราะอะไร ?
คำถามนี้ต้องเป็นคำถามแรกสำหรับทุกคน เพราะถ้ายังไม่มีคำตอบ และตอบว่า “ ไม่อยาก ” ก็อย่าเพิ่งไปสร้างความลำบากให้กับชีวิตเลย ทำงานเป็น “ มนุษย์เงินเดือน ” ทำงานไปเดือนๆรับเงินไปเดือนๆก็สบายดีอยู่แล้ว อย่าหาเรื่องให้ตัวเองลำบากมากไปกว่านี้เลยครับ

แต่..ถ้าใครที่ตอบว่า “ อยาก ” ก็ยังมีนัยอยู่สองอย่างคือ คุณอยากเกษียณเพราะเบื่องานประจำที่ทำอยู่ หรือไม่ก็คุณมีไฟที่อยากจะทำอะไรที่คุณคิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ใครที่อยากเกษียณเพราะเบื่องานประจำ ขอแนะนำว่าขอให้คิดเสียใหม่ และอย่าเพิ่งคิดหรือทำอะไรต่อเลย เพราะขนาดทำงานประจำคุณยังรู้สึกเบื่อ แล้วจะแน่ใจได้ว่าถ้าเกษียณจากงานประจำไปทำอาชีพอิสระหรืออยู่บ้านเฉยๆคุณจะไม่เบื่ออีก ใครก็ตามที่เกิดความรู้สึกเบื่อบ่อยๆ รับรองได้ว่าไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร ความเบื่อก็จะมาเยือนคุณอย่างสม่ำเสมอ

ถ้าอยากจะเกษียณออกจากงานประจำ อยากจะเริ่มเมื่ออายุเท่าไหร ?
ใครตอบคำถามข้อแรกได้ว่า “ อยาก ” และอยากเกษียณเพราะรู้สึกว่าอยากจะออกไปทำในสิ่งที่ตัวเองรักตัวเองชอบหรืออยากจะออกไปทำประโยชน์ให้สังคมที่กว้างกว่านี้ ก็ต้องถามตัวเองต่อว่า แล้วคิดว่าอยากจะเกษียณอายุจากงานประจำตอนอายุประมาณเท่าไหร่ เมื่อบวกลบกับอายุปัจจุบันแล้ว เหลือเวลาวางแผนเพื่อเตรียมตัวเกษียณตัวเองจากการเป็นลูกจ้างอีกกี่ปี

สิ่งที่อยากจะทำหลังจากออกจากงานประจำคืออะไร ?
เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองอยากจะเกษียณจากการทำงานประจำอายุเท่าไหร่ ต้องถามต่อว่าแล้วชีวิตหลังเกษียณจากงานประจำ คุณอยากจะทำอะไร เพราะคงไม่มีใครอยากจะนั่งกินนอนกิน(แถมมีคนป้อนให้กินอีกต่างหาก...อัมพฤต อัมพาต)อยู่บ้านเฉยๆ คุณอยากจะทำสิ่งที่ตัวเองชอบเพื่อตัวเอง หรือคุณอยากจะทำสิ่งที่ตัวเองเพื่อคนอื่น(สังคม) หรือจะแบ่งสัดส่วนหรือช่วงเวลาของชีวิตเพื่อทำสิ่งต่างๆอย่างไร เช่น ช่วงแรกทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เมื่อประสบความสำเร็จแล้วจะขยายผลไปสู่การช่วยเหลือคนอื่นในสังคม

หาประสบการณ์โดยผ่านการพูดคุยกับ “ อดีตมนุษย์เงินเดือน ” ไว้บ้าง ?
เมื่อตัดสินใจอย่างแน่นอนแล้วว่าจะเกษียณอายุจากงานประจำเมื่อไหร่ ในระหว่างที่ยังทำงานประจำอยู่ควรลดเวลาคุยกับคนทำงานประจำให้น้อยลง และควรหาโอกาสและแบ่งเวลาไปคุยกับคนที่เกษียณอายุจากงานประจำไปแล้วให้มากขึ้น เพราะเท่ากับเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตคนอื่นแบบเรียนลัด ถึงแม้ชีวิตเรากับเขาจะแตกต่างกัน แต่ผมเชื่อว่าแนวคิดและหลักใหญ่ๆในการดำเนินชีวิตหลังเกษียณน่าจะใกล้เคียงกันหรือพอนำมาประยุกต์ใช้กันได้บ้าง

งานอิสระคือบันไดคั่นระหว่างงานประจำกับคนเกษียณอายุจากการทำงาน
คนรุ่นใหม่หลายคนกำหนดบันไดให้ชีวิตหลังวัยเรียนอยู่ 3 ขั้นคือ บันไดขั้นแรกคือการทำงานประจำเพื่อสะสมทรัพย์และประสบการณ์รวมถึงเป็นช่วงเวลาในการค้นหาตัวเอง บันไดขั้นที่สองมักจะเป็นการออกจากงานประจำไปทำอาชีพอิสระเพราะยังมีไฟอยู่และอยากจะทำในสิ่งที่อยากทำแต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสทำตอนที่ทำงานประจำ และบันไดขั้นสุดท้ายคือการเกษียณอายุจริงๆเป็นช่วงที่มีทรัพย์มากพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ไปตลอดชีวิตและไม่คิดจะหาทรัพย์อะไรเพิ่มเติมแล้ว คิดอยากจะทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ เป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนในชีวิตที่ผ่านมา

ต้องวางแผนชีวิตว่าถ้าเราเกษียณเร็ว แล้วเวลาที่เหลือในชีวิตเราจะไปทำอะไร ?
คนรุ่นเก่าที่เกษียณอายุเมื่ออายุห้าสิบหกสิบคงไม่ต้องคิดวางแผนชีวิตอะไรให้มากมายเพราะชีวิตช่วงที่เหลือมักจะน้อยกว่าชีวิตช่วงที่ผ่านมา แต่...พอมาถึงคนรุ่นใหม่ที่มักจะวางแผนเกษียณด้วยวัยที่ยังไม่มากนัก จะต้องวางแผนการใช้ชีวิตหลังเกษียณให้ดี เพราะช่วงชีวิตหลังเกษียณอาจจะยาวกว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมา พูดง่ายๆว่าคนรุ่นใหม่ต้องใช้เวลาหลังเกษียณนานกว่าคนรุ่นเก่า จึงต้องวางแผนให้ดี

ฝึกซ้อมการใช้ชีวิตหลังเกษียณไว้บ้าง
ก่อนที่จะเกษียณตัวเองออกจากการทำงานประจำ ควรจะซ้อมเกษียณไว้บ้าง เช่น ลาพักร้อนเพื่ออยู่บ้านและลองคิดว่าถ้าวันนี้เราเกษียณจากงานประจำแล้ว เราจะอยู่ได้หรือไม่ เพราะเพื่อนๆวัยเดียวกันยังทำงานอยู่ เราจะทำอะไร โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่วันลองสมมติตัวเองว่าเป็นเวลาแห่งการเกษียณจากการเป็นลูกจ้าง เพื่อทดสอบว่าสภาพจิตใจของเราพร้อมแล้วหรือยัง ถือเป็นการชิมลางของชีวิตหลังการเป็นลูกจ้าง ถ้าชิมแล้วยังรู้สึกไม่ชอบ ก็ยังพอที่จะเปลี่ยนใจเปลี่ยนแผนได้ แต่ถ้าชอบอาจจะต้องลองชิมบ่อยๆ เพื่อให้มั่นใจว่าชอบจริงๆ ไม่ใช่แค่อยาก

           สรุป คนรุ่นใหม่ต้องเปลี่ยนทัศนคติในการมองคำว่า “ เกษียณ ” ในเชิงลบมาเป็น “ โอกาส ” และต้องตั้งเป้าหมายว่าตัวเองควรจะเกษียณออกจากงานประจำเมื่อไหร่ เพื่อจะได้มีเวลาใช้ชีวิตหลังเกษียณไปทำสิ่งที่ตัวเองรักตัวเองชอบ และจะได้มีโอกาสสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและโลกนี้ได้มากขึ้น มากกว่าการมีสังกัดและทำงานที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถในขอบเขตที่จำกัด ผมเชื่อว่าถ้าคนรุ่นใหม่อยากจะเกษียณอายุตัวเองจากงานประจำเร็วขึ้น น่าจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย นายจ้างก็จะได้คนทำงานที่มีไฟ ถึงแม้เขาจะอยู่กับองค์กรไม่นาน แต่ก็น่าจะสามารถสร้างผลงานให้กับองค์กรได้มากขึ้น เพราะการที่คนรุ่นใหม่จะเก็บเงินได้มากเพียงพอต่อการเกษียณตัวเองจากการเป็นลูกจ้างมีทางเดียวคือต้องประสบความสำเร็จในอาชีพลูกจ้างให้เร็วขึ้น ซึ่งก็หมายถึงประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับ สำหรับคนทำงานเองก็จะได้ใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่าสมราคาของการเกิดมาเป็นคนได้มากยิ่งขึ้น และสุดท้ายสังคมหรือโลกของเราก็จะมีผลงานแห่งชีวิตของคนเพิ่มมากขึ้น

ข้อมูลจำเพาะ

วันที่เขียน 22 ตุลาคม 2548
สถานที่เขียน ริมสระว่ายน้ำของโรงแรมอินทรา (ประตูน้ำ) เวลาประมาณ 07.00 น.ระหว่างรอบรรยายหลักสุตร “ บันไดสู่อาชีพอิสระ”
มูลเหตุจูงใจ ได้มีโอกาสสนทนากับนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ที่เกษียณอายุ(อายุประมาณ 56 ปี) และมาเที่ยวพักผ่อนที่เมืองไทย
 
 
 
 
      บันทึกการเข้า

สุขภาพดีชีวีมีสุข สุขได้เมื่อใจรู้จักพอ
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #41 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2552, 22:22:05 »

สวัสดีค่ะน้องอ้อยเค็มและน้องรอนพี่ตามอ่านอยู่ค่ะเมืองฝางวิวและอากาศ
ดีมากๆเลยค่ะ
พี่คนหนึ่งแหละที่เคยคิดเหมียนกันค่ะว่าสัีกวันอยากใช้ชีวิตอย่างที่เราเคยฝัน
แต่ยังไม่เคยทำค่ะพี่ก็ไม่รู้เหมียนกันค่ะเมื่อไรจะได้ ทำอย่างใจฝันหรือจะเป็นฝันแบบลมๆแล้งๆ
ไปวันๆก็ไม่รู้ค่ะเฮ้อออออออออออ
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #42 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2552, 10:24:30 »

Plan ไว้แบบนี้ครับ  ^_^


      บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2552, 14:44:38 »

ช่วงนี้กำลังแพ็คกระเป๋า เลือกของใส่เป้....เตรียมไปกทม.แน่ๆ อิอิ
      บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Pantakant Vorakritpongsa
Cmadong ชั้นเซียน
*****


She 's The One...เพราะเธอเป็นที่หนึ่งตลอดมา...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2533
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 5,264

« ตอบ #44 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552, 09:51:05 »



รอ

รอ

รอ ด้วยใจจดจ่อ  บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

Pantakant Vorakritpongsa
Cmadong ชั้นเซียน
*****


She 's The One...เพราะเธอเป็นที่หนึ่งตลอดมา...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2533
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 5,264

« ตอบ #45 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2552, 11:25:36 »



รอต่อไปครับผม หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

อ้อย31
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2531
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 342

« ตอบ #46 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 11:32:01 »

ไม่ว่างเข้ามาอ่านสักที  ช่วงนี้มัวยุ่งอยู่กับงานเอกสารที่เยอะมากๆ (แต่เกิดประโยชน์กับเด็กนิดเดียว)
เพราะเป็นโรงเรียนนำร่องหลักสูตรใหม่ 2551  สงสารเด็กไทยรุ่นต่อๆไปจังเลย  มัวแต่สั่งให้ครูทำ
เอกสาร/หลักฐานสวยหรู  จนไม่มีเวลามานั่งคิด/เตรียมกิจกรรมการเรียนหรือสืบค้นเทคนิค/ความรู้ใหม่ๆมาสอนเด็ก 
เริ่มเบื่อชีวิตครูอีกแล้ว  เกลียดการทำเอกสาร(ที่ไร้ประโยชน์กับเด็ก)เข้ากระดูกดำเลยจริงๆ
อยากเกษียณก่อนกำหนด  แต่ก็ยังทำไม่ได้  เฮ้อ...อิจฉารอนจังเลย
      บันทึกการเข้า

สุขภาพดีชีวีมีสุข สุขได้เมื่อใจรู้จักพอ
Ron Samyan
Cmadong พันธุ์แท้
****


ล้อมวงเข้ามา จะเล่าให้ฟัง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU 32 ( Cologne )
คณะ: Science ( Physics )
กระทู้: 2,666

เว็บไซต์
« ตอบ #47 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 13:21:03 »

       โอยยย...คิดถึงพี่อ้อยใจจะขาด...หายหน้าหายตาไปนานเลย...ตายๆๆๆ...นึกว่าไปไหนมา
คนในเวบบอร์ดถามหากันจ้าละหวั่น....พี่มาแล้ว...เดี๋ยวผมโซโล่ต่อละกัน
      ส่วนเรื่องประเด็นเกี่ยวการศึกษานี่ ผมให้พี่อ้อยเปิดกระทู้ใหม่เลย...ผมมีอะไรที่จะแสดงความคิดเห็นอีกมากมาย หลายเรื่องหลายราว
ในฐานะที่เปิดศูนย์กวดวิชา มาร่วมกว่า 5 ปี
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #48 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 22:20:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ sugarcane เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2552, 11:32:01
ไม่ว่างเข้ามาอ่านสักที  ช่วงนี้มัวยุ่งอยู่กับงานเอกสารที่เยอะมากๆ (แต่เกิดประโยชน์กับเด็กนิดเดียว)
เพราะเป็นโรงเรียนนำร่องหลักสูตรใหม่ 2551  สงสารเด็กไทยรุ่นต่อๆไปจังเลย  มัวแต่สั่งให้ครูทำ
เอกสาร/หลักฐานสวยหรู  จนไม่มีเวลามานั่งคิด/เตรียมกิจกรรมการเรียนหรือสืบค้นเทคนิค/ความรู้ใหม่ๆมาสอนเด็ก 
เริ่มเบื่อชีวิตครูอีกแล้ว  เกลียดการทำเอกสาร(ที่ไร้ประโยชน์กับเด็ก)เข้ากระดูกดำเลยจริงๆ
อยากเกษียณก่อนกำหนด  แต่ก็ยังทำไม่ได้  เฮ้อ...อิจฉารอนจังเลย

นี่แหละประเทศไทย น้องอ้อย  อย่าเบื่อสอนเด็กก็แล้วกัน
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
Ron Samyan
Cmadong พันธุ์แท้
****


ล้อมวงเข้ามา จะเล่าให้ฟัง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU 32 ( Cologne )
คณะ: Science ( Physics )
กระทู้: 2,666

เว็บไซต์
« ตอบ #49 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2552, 10:25:29 »

    จริงๆ แล้วระบบมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับพี่อ้อย  เห็นหลายๆโรงเรียนจัดทำแต่ระบบเอกสาร เอาผลงาน เอารางวัลโรงเรียนพระราชทาน  แต่หารู้ไม่ว่าการประเมินผลระบบศึกษาธิการบ้านเรานี่ มันเป็นระบบผักชีโรยหน้า   ในอุตสาหกรรม ก็มี ISO 9000 ไง
     แต่ถ้ามองภายใน จะพบว่า ปัญหาที่แท้จริง เด็กสอบไม่ติด แต่โรงเรียนได้รางวัล....ทำไมเราไม่ประมินผลคุณภาพการศึกษาที่ตัวนักเรียนเองละ ทำไมไปประเมินแต่เอกสาร  อาคารเรียน ห้องคอม สารพัด ฯลฯ
ในความคิดเห็นของผมนะ

ข้อที่หนึ่ง เงินเดือนครูน้อยครับ ถ้าเทียบกับวุฒิปริญาตรีในสาขาอื่นๆ  มันเลยขาดแรงจูงใจ คนเก่งๆ ที่ไหนเลยจะอยากมาเป็นครู  ..ครูจึงได้ชื่อว่าผู้เสียสละ เป็นพ่อแม่คนที่สอง...ถ้าไม่มีอุดมการณ์อยู่ไม่ได้หรอก...แต่อุดมการณ์ปากท้องมันต้องอิ่ม ไหนจะลูกจะเมีย..โอย...เรื่องนี้ต้องแก้ไข

ข้อที่สอง  การกระจายการศึกษา นี่ เข้าถึงเฉพาะโรงเรียนในเมือง ในชนบทที่ผมเห็นมานี่นะ มากมาย  ...คุณภาพมันไม่ได้เอาจริง..หรือเราจะจัดเพียงแค่อ่านออกเขียนได้..ว้าเหว่จริง....โรงเรียนไหนได้งบมาหน่อย มีแต่งบคอมพิวเตอร์...เศร้า ที่ฝางนี่ผมเห็นมาเยอะ และผมชอบไปแอบดู ไม่มีใครรู้จักผม ชอบไปนั่งสังเกตุการณ์การเรียนการสอนโรงเรียนในชนบท...แล้วจะเห็นปัญหาอีกมากมาย...เฮ้อเศร้า...ผู้หลักผู้ใหญ่แก้ปัญหากัน วันๆเอาแต่นั่งประชุมกันในห้องแอร์...

ข้อที่สาม  เกณฑ์การสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ยิ่งระบบ PAT/GAT ข้อสอบไม่ได้มารตฐาน ไม่รู้เอาอะไรมาออก ไม่ตรงตามที่เรียนมาเลย ง่ายๆ ก็ง่ายจนเด็ก ม.3 ก็ทำได้ ไอ้ที่ยากก็ไม่รู้เอาอะไรมาถาม  ยิ่งวิชาฟิสิกส์นี่  เรียนกันเกือบตาย  ขอโทษ...ไปเอาหนังสือวิทย์ ม.3 มาอ่าน แล้วไปสอบ ยังจะได้คะแนนดีกว่า..น่าเสียดายคนออกข้อสอบก็ร่ำเรียนมาสูงๆ มาออกข้อสอบได้แค่นี้

 ข้อที่ สี่  ค่าเรียน ในระดับอุดมศึกษา แพงเอามาก ๆ  คนจนหมดสิทธ์ กันพอดี....หลายๆคนหมดกำลังใจ...ถ้าพึ่งทุนการศึกษา รัฐยังจัดให้ไม่ทั่วถึงหรอก ก็รู้อยู่ว่าประเทศไทย คนจนมันมากขนาดไหน

บ่นพอแล้วละ...ในฐานะเป็นคนหนึ่งที่สนใจ และเป็นห่วงอนาคตเด็กไทย
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 [2] 3 4 5  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><