25 พฤศจิกายน 2567, 22:35:13
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 104 105 [106] 107 108 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 799787 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2625 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2553, 21:34:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 30 ตุลาคม 2553, 18:29:57
พี่แอ๊ะ

แล้ววันนี้ไม่ได้ไปลงบัตรเลือกตั้งที่สมุยหรือ ??


อี๊แม่ นาง ปะพาสี เป็น ชาวยะโส เด๊อค่าเด๊ออออออออออออ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2626 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2553, 09:38:10 »

ถึงว่า อดีตรองนายกฯ เลยชนะการเลือกตั้งไป   เหอๆๆ  เหอๆๆ  เหอๆๆ  เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2627 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2553, 17:01:17 »

 so sad ยังไม่ทันหมดฝน น้ำยังไม่เลิกท่วม ก็หนาวซะแล้ว แบบนี้เข้าทำนอง "ไม่ตาย ก็เลี้ยงไม่โต ??"  so sad


   
ประกาศเตือนภัย
"พายุดีเปรสชันในอ่าวไทย และอากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน "

ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2553
 
     เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (31 ต.ค) หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว มีศูนย์กลางห่างประมาณ 450 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ ของจังหวัดสงขลา หรือที่ ละติจูด 6.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 105.5 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดประมาณ 50 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็ว 15 กม./ชม. คาดว่า จะเคลื่อนตัวผ่านบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ตอนล่างในช่วงวันที่ 1-3 พฤศจิกายน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ และอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร
จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลของภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าสู่ฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยเรือเล็กในอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง
สำหรับ
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุม
ประเทศไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปกับมีลมแรง และในระยะ 2-3 วันนี้ อุณหภูมิจะลดลงได้อีก 1-3 องศา ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภู อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส
ในระยะนี้ขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศและเตือนภัย จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

 


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2628 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2553, 15:13:25 »

ขณะนี้แปะชื่อ "สงขลา" เป็นจังหวัดที่ได้รับภัยพิบัติล่าสุดได้แล้ว

ประกาศเตือนภัย
"พายุดีเปรสชันในอ่าวไทย และอากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน"

ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 01 พฤศจิกายน 2553
 
     
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (1 พ.ย.) พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง มีศูนย์กลางห่างประมาณ 270 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดสงขลา หรือที่ ละติจูด 6.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 103.0 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลางประมาณ 50 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กม./ชม. คาดว่า จะเคลื่อนตัวผ่านบริเวณภาคใต้ตอนล่างแนวจังหวัด ปัตตานี สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช สตูล ตรัง กระบี่ ภูเก็ต และพังงา ในคืนนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนัก
ถึงหนักมากหลายพื้นที่ และอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่ทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งได้ สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลของภาคใต้ฝั่งตะวันออกขอให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าสู่ฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยโดยเฉพาะตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย
อนึ่ง ในระยะ 3-4 วันนี้ บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปกับมีลมแรง สำหรับภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภู
อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส
จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศและเตือนภัย จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด


ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ออกประกาศ เวลา 11.30 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
 




      บันทึกการเข้า
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #2629 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2553, 10:20:03 »

สวัสดีค่ะพี่แอ๊ะ
มาตามอ่านด้วยความสุข สนุก สดชื่นตามพี่ไปด้วย
ดีใจที่พี่หาญแข็งแรง
ตอนนี้ วัคซีนไข้หวัดนก ขายดี รพ.เอกชน ฉีดเข็มละ 1000+
รพ. รัฐ ฟรีสำหรับกลุ่มเสี่ยง จนถึง 400-500 บาท สำหรับผู้ไม่เสี่ยงที่ประสงค์จะป้องกัน
รพ. พี่แอ๊ะ มีคนมาขอฉีดมั้ยคะ
หนาวนี้หลายคนก็กลัว หวัดนก
แต่จริงๆ แล้วก็ยังงงๆ ว่า ควรฉีดหรือไม่ฉีดดี

คิดถึงค่ะ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2630 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2553, 12:34:21 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 30 ตุลาคม 2553, 18:13:36

มะรืนนี้ จะบิน ไปสุราษฎร์ จะทำไงดีละนี่
 


พี่แอ๊ะ อยู่หน่ายครับ ?? ??  งง งง

"เกาะสมุย"ไฟฟ้า-สื่อสารถูกตัดขาด เฟอร์รี่-เครื่องบินหยุดนิ่ง หาดใหญ่จมบาดาล 3 หมื่นครัวเรือนเคว้ง
วันที่ 02 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 12:05:56 น.

"เกาะสมุย"ลมแรงจัด"บางกอกแอร์เวย์"ยังไม่สามารถบิน
 
จ.สุราษฎร์ธานี สถานการณ์ล่าสุดปริมาณฝนเริ่มตกโปรยปรายแล้วในบางพื้น แต่ยังมีลมพัดแรง ระดับน้ำในตัวเมืองสุราษฎร์ธานีเริ่มลดลงเนื่องจากทางเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีได้ใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่สูบน้ำระบายออกลงสู่แม่น้ำตาปี และยังย้ำเตือนให้ประชาชนเฝ้าระมัดระวังน้ำท่วมเพิ่มเติมอย่าประมาท
 

ส่วนบริเวณเส้นทางสายสุราษฎร์ธานี - บ้านนาสาร บริเวณช่วงโค้งเขาท่าเพชร -หน้าศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ม.1 ต.ขุนทะเล ระดับน้ำยังไหลเชี่ยวกราก รถเล็กยังไม่สามารถผ่านได้ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน


มีรายงานว่า ที่เกาะสมุย,เกาะพะงันและหมู่เกาะต่าง ๆคลื่นลมยังแรง โดยคลื่นสูงประมาณ 3-4 เมตร เรือเฟอร์รี่ยังไม่สามารถบริการได้ ขณะที่เกาะสมุยกระแสไฟฟ้าและระบบการสื่อสารถูกตัดขาดทั้งหมดแล้วนานกว่า 1 ชั่วโมง อยู่ในระหว่างรอการซ่อมแซม เนื่องจากมีลมแรงทำให้สายไฟฟ้าล้มหลายแห่งและน้ำท่วมขังในพื้นที่หลายแห่ง


สำหรับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ที่สนามบินเกาะสมุย ยังไม่ปิดรับบริการผู้โดยสาร แต่ยังไม่สามารถบินได้ในช่วงนี้ เนื่องจากลมแรงจัด โดยที่มีผู้โดยสารรอเดินทางเป็นจำนวนมาก

                                ฯลฯ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1288612792&grpid=00&catid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2631 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2553, 19:18:53 »

ไม่เพียงแต่ประเทศไทยที่เจอฝนตกและน้ำท่วมอย่างรุนแรง มาเลเซียก็เช่นกัน

สองรัฐมาเลย์ น้ำท่วมอ่วม ฝกหนัก ปชช.อพยพหลายพัน
2 พย. 2553 09:49 น.

หนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ของมาเลเซีย และหนังสือพิมพ์เสตรทส์ ไทม์ส ของสิงคโปร์ รายงานว่าประชาชนมากกว่า 3 พันคน จากหมู่บ้านราว 50 แห่ง ในรัฐเคดาห์และปะลิส ของมาเลเซีย ต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง

สภาพอากาศเลวร้าย ที่ดำเนินมาตั้งแต่วันอาทิตย์ ยังทำให้ถนนหลายสายต้องปิดการจราจรรวมทั้งทางด่วน นอร์ธ-เซาธ์ เอ็กเพรสส์เวย์ ในเมืองชางลัน เป็นระยะทาง 10.2 กิโลเมตร ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก

ถนนหลายสายไม่สัญจรผ่านไปได้ เพราะจมอยู่ใต้น้ำลึก 2 เมตร มีการติดตั้งป้ายเตือนบรรดาผู้ขับขี่ยวดยาน เลี่ยงเส้นทางเชื่อมระหว่างบูกิต คายู ฮิตัม กับชางลัน ไปใช้ถนนทางหลวงชางลัน-กัวลา ปะลิส แทน

ที่รัฐเคดาห์ มีประชาชนมากกว่า 2 พันคน จากหมู่บ้าน 35 แห่ง ในรัฐเคดาห์ ต้องอพยพด่วนไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง ส่วนที่รัฐปะลิส มีประชาชน 1,218 คน จากหมู่บ้าน 17 แห่ง อพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้วเช่นกัน

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=477249&lang=T&cat=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2632 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2553, 19:23:20 »

ที่สุดคนไทยก็ไม่ยอมทนรับภาระให้ใคร ??

กทม. ปัดทำ "คนอยุธยา" เดือดร้อน
2 พย. 2553 16:54 น.

นาย สัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ(สนน) กทม. กล่าวถึงกรณีผู้นำชุมชนกว่า 60 คน ใน จ.พระนครศรีอยุธยา แสดงท่าทีที่จะไม่ยอมแบกรับภาระน้ำท่วมแทนคนกรุงเทพฯ และเสนอให้ขุดเจ้าพระยา 2 ว่า การขุดเจ้าพระยา 2 คาดว่าจะทำนอกเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานกลางต้องเข้ามาดูแล และต้องมีการพูดคุยกันในระดับจังหวัดซึ่งตนคงไม่สามารถให้คำตอบตรงนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาลมากกว่า ส่วนกรณีที่บอกว่าคนอยุธยาฯ แบกรับน้ำแทนคนกรุงเทพฯ นั้น ตนมองว่าไม่ใช่ประเด็น แต่จุดสำคัญก็คือท้องถิ่นแต่ละแห่งควรดูแลเรื่องระบบระบายน้ำ และแนวป้องกันน้ำท่วมของพื้นที่ตนเองให้ดีเสียก่อน ซึ่งหากมีการทำระบบป้องกันน้ำท่วมที่ดีอยู่แล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในพื้นที่มาก หรือมีก็อาจจะกระทบส่วนน้อยเท่านั้น

นายสัญญา กล่าวว่า สำหรับการเตรียมแผนป้องกันน้ำท่วมช่วงน้ำทะเลหนุนสูงในวันที่ 8 พ.ย.นี้ เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมเรื่องเครื่องมือในการระบายน้ำ เช่น เครื่องสูบน้ำประจำบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ได้กำชับให้เสริมแนวกระสอบทรายให้แข็งแรง ในจุดที่ไม่มีเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ส่วนน้ำในคลองย่อยในพื้นที่กทม. ขณะนี้อาจมีระดับลดต่ำลง และอาจทำให้น้ำเน่าเสียบ้าง ขอให้คนที่อาศัยริมคลองเข้าใจ เนื่องจาก กทม. ต้องบริหารจัดการน้ำโดยลดระดับน้ำในคลองลงเพื่อรองรับน้ำทะเลหนุนและน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาโดยเฉพาะวันที่ 8 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการทำเพื่อส่วนรวมดังนั้นอยากให้ประชาชนที่บ่นเรื่องน้ำเน่าเสียเข้าใจด้วย

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ข่าวว่าบริเวณเขื่อนหน้าโรงเรียนพลาธิการ เขตบางซื่อนั้น มีแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมเกิดรอยร้าว นายสัญญา กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบเป็นแนวเขื่อนของโรงเรียนพลาธิการนั้น พบว่าเป็นเขื่อนที่ใช้งานมานานและเกิดรอยร้าวเนื่องจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก อย่างไรก็ตาม สนน.ได้เข้าไปเสริมแนวกระสอบทรายหลังเขื่อนที่มีปัญหาแล้ว และหลังจากสถานการณ์น้ำลดลง จะตรวจสอบรอยร้าวร่วมกันโรงเรียนพลาธิการอีกครั้ง

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=477385&lang=T&cat=
      บันทึกการเข้า
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #2633 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2553, 18:42:18 »

อึ้งกับน้ำท่วม เห็นแล้วอิ้ง ได้ยินแล้วอึ้ง
ช่วงนี้ขยับ จะช่วยอย่างไรดี หรือจะชวนกันทำโครงการช่วยหลังน้ำลด จะดีกว่ามั้ย
จะบริจาคตอนนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นถุงช่วยน้ำท่วมของรัฐมนตรี ชวรัตน์(มหาดไทย)
หรือพรรคภูมิใจไทยไปเสียอีก

ก็คิดไม่ถึงว่าใจเราเป็นอย่างนี้ และคงไม่ได้บุญแน่ๆ
เออ หรือใจเรายังไม่มีเมตตามากพอ
คือเต็มไปด้วยโทสะ ต่อ คนที่เราเห็นว่าเขาไม่ดี จนมองข้ามความเดือดร้อนของเพื่อนมนุษย์
สรุป ใจยังมีกิเลสครบทุกตัว- ยังเลือกที่รัก มักที่ชัง อยู่มาก

ปีืที่แล้ว มีหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านก็เปรยๆว่า อาตมาเห็นภาพปลาว่ายเวียนในตึกใหญ่ๆใน กทม ในอีกประมาณ 4 ปี
เอหรือว่าจริง หรือว่าจริง
ดร.พิกุล ที่หาดใหญ่
ตุ๊-อรษาิ 14 ที่ ห้วยยอด-ตรัง
บ้านพี่แอ๊ะที่สมุย
เป็นอย่างไรกันบ้างหนอ
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2634 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2553, 20:50:37 »

พี่แอ๊ะครับ

อ่านเรื่องรักโรแมนติก ช่วงกำลังถูกน้ำท่วม

มหัศจรรย์แห่งรัก จากกันกว่าครึ่งศตวรรษ ได้กลับมาครองคู่ยามไม้ใกล้ฝั่ง
3 พฤศจิกายน 2553 11:30 น.

 
       ไชน่า เดลี่ -เรื่องราวความรักของคนคู่หนึ่ง ที่ฝ่ามรสุมการเมืองและชีวิตส่วนตัว เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ กระทั่งได้มาพบกันอีกครั้ง ได้สมปรารถนาครองคู่ครองรักกันในยามไม้ใกล้ฝั่ง
      
       สาวลูกครึ่ง แดนนี่ หลี่ กับ นายหยวน ตี้เปา พบกันที่เมืองหังโจวในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2496 แต่โชคชะตาทำให้เขาทั้งสองพรากจากกันไปไกลถึงคนละซีกโลก นานถึง 54 ปี และปาฏิหาริย์แห่งรักก็เกิดขึ้น นำพาพวกเขามาพบกันอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสองได้กลับมาครองรักแต่งงานกันในที่สุด ในวัยกว่า 80 ปี!
      
       เรื่องราวตำนานรักของทั้งสอง ได้กลายเป็นข่าวยอดนิยมในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์จีน นอกจากนี้ บรรดาชาวเน็ตจีน ต่างยกย่องความรักของคู่รักคู่นี้ว่าเป็น “ความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก
      
       แดนนี่ หลี่ กล่าวว่า “มันเหมือนความฝัน ฉันไม่เคยคาดหวังว่าจะได้พบเขาอีกครั้ง”
      
       หลี่ เกิดในปี 2469 ณ กรุงปักกิ่ง มีแม่เป็นชาวฝรั่งเศส และพ่อเป็นชาวจีน เมื่อเธออายุ 24 ปี ก็ได้เป็นอาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งในวิทยาลัยแพทยศาสตร์เจ้อเจียง ในเมืองหังโจว และด้วยความเชี่ยวชาญถึง 4 ภาษา คือ ภาษาจีน อังกฤษ รัสเซีย และภาษาฝรั่งเศส จึงทำให้เธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
      
       หยวน ตี้เปา นักศึกษาปีหนึ่ง รูปหล่อ วัย 25 ปี ผู้เป็นหัวหน้าชั้นเรียน และเป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชั้นเรียนภาษารัสเซียของหลี่ หยวนทั้งฉลาดและขยัน ซึ่งเขาพิสูจน์ด้วยการได้คะแนนสอบมากที่สุดในชั้นเรียน


หยวน ตี้เปา ในวัย 82 ปี และแดนนี่ หลี่ ในวัย 83 ปี กำลังนั่งอ่านจดหมายด้วยกัน และทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หลังจากที่ต้องพลัดพรากจากกันนานถึงมากกว่าครึ่งศตวรรษ(ภาพไชน่า เดลี่)
     
      “เขาเป็นคนดี ทั้งยังดีกับคนอื่นๆด้วย บรรดานักศึกษาและครูอาจารย์ล้วนชอบเขามาก” หลี่ รำลึกหยวนในช่วงวัยเรียน
      
       ขณะที่ หลี่ เริ่มศึกษาถึงตัวตนของหยวน เธอก็พบว่า ทั้งหยวนกับเธอ มีสิ่งที่คล้ายกันอยู่มาก และความรู้สึกอันแสนอบอุ่นของหลี่ที่มีให้หยวน ก็ได้พัฒนาไปสู่ความรักอันแสนบริสุทธิ์ในที่สุด
      
       ถึงแม้สังคมจะมองความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์เป็นเรื่องไม่ดีนัก ทั้งคู่ก็ยังสนิทสนมกัน โดยมีเพียงครอบครัวของหลี่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
      
       ทุกๆครั้งที่หยวนไปขอคำปรึกษาเรื่องการเรียนที่ห้องทำงานของหลี่ พวกเขาก็จะนัดกันต่อหลังเลิกเรียน
      
       เมืองหังโจว ที่แห่งความรักอันแสนหวานปานน้ำผึ้ง
      
       ที่หังโจว หยวนมักเดินไปส่งหลี่ที่บ้าน และแวะบ้านของหลี่ครู่หนึ่งเสมอ ครอบครัวของหลี่ก็มิได้ขัดขวางแต่ประการใด กลับต้อนรับชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์และมีความสุภาพอ่อนโยนนี้อย่างดี
      
       เมื่อทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน หลี่มีความสุขหวานชื่น ขณะที่หยวน กลับสับสนว้าวุ่นอยู่ระหว่างความสุขและความรู้สึกผิด
      
       “ฉันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาเก็บงำไว้” หลี่ เล่า
      
       ในตอนนั้น สิ่งที่หลี่ไม่รู้ ก็คือ หยวนได้แต่งงานมีภรรยาแล้ว
      
       ครอบครัวของหยวนได้จัดการให้เขาแต่งงานกับน้องสาวของเพื่อนที่บ้านเกิด ในเกาะกู้หลังอี้ว์ เมืองซย่าเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ก่อนที่หยวนจะเข้าเรียนที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ ในปี 2496
      
       หยวนไม่ได้บอกหลี่ เรื่องที่เขาแต่งงานแล้ว
      
       จนกระทั่งเมื่อปี 2497 ก่อนที่หยวนจะย้ายไปศึกษาต่อยังเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เขาจึงได้รวบรวมความกล้า และบอกกับหลี่ว่า
      
       “ผมมีภรรยาแล้ว และจะต้องดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน”
      
       หัวใจของหลี่ร้าวรานเมื่อได้ยินคำสารภาพของหยวน และแม้ว่าจะรักหยวนมากเพียงใด แต่ทั้งคู่ก็จำต้องแยกจากกัน
      
       “ฉันไม่มีทางเลือก เราไม่ควรมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้หญิงที่เป็นผู้บริสุทธิ์อีกคน” หลี่ ให้ความเห็น
      
       หลังจากนั้น หลี่และหยวนก็ไม่ได้พบกันอีก
      
       จากกันไกลถึงซีกโลก...


ภาพหยวน ตี้เปา และแดนนี่ หลี่ ในช่วงปี 2493 (ภาพไชน่า เดลี่)
     
       ในปี 2499 หลี่ กับแม่ของเธอได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะออกจากประเทศจีน หลี่ได้เขียนจดหมายบอกลาหยวน
      
       ทว่าไม่กี่วันต่อมา หยวนก็ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการส่งจดหมายอีกหลายฉบับ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มติดต่อกันผ่านทางจดหมายมาตลอด
      
       โดยจดหมายจากหลี่ จะส่งไปถึงที่ทำงานของหยวน ขณะเดียวกัน หยวนก็เก็บจดหมายทุกฉบับของหลี่ไว้ที่บ้านญาติ เพื่อไม่ให้ภรรยารู้
      
       หลี่ ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ในสังคมที่เธอไม่คุ้นเคยในประเทศฝรั่งเศส ประกอบกับใบรับรองคุณวุฒิทางการศึกษาของเธอก็ยังถูกปฏิเสธ อีกทั้งวัฒนธรรมที่แตกต่างจนทำให้เกิดความรู้สึกสับสน
      
       หลี่ ได้เรียนรู้การเขียนชวเลข และการพิมพ์ดีด จนท้ายที่สุดก็ได้งานในตำแหน่งเลขานุการของบริษัทการค้าระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง ขณะที่ หยวนก็สำเร็จการศึกษาและเริ่มทำงานในซย่าเหมิน
      
       เนื้อความในจดหมายของทั้งสอง แทบจะไม่มีการระบายถึงความทุกข์ยากของแต่ละฝ่าย หยวนเล่าถึงความสุขที่ได้เป็นพ่อคน ขณะที่ หลี่ ก็ส่งนมผงสำหรับทารกและเสื้อผ้าเด็กมาให้ ซึ่งในขณะนั้นในประเทศจีนยังค่อนข้างขาดแคลนสินค้าดังกล่าว

 
       เมื่อถึงช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม (2509-2519) จดหมายของหลี่ก็เริ่มถูกตีกลับ และเธอได้หยุดเขียนจดหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับหยวน แต่หลี่ ก็ไม่สามารถลืมหยวนได้
      
       “ฉันไม่สามารถเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ได้ แม้ว่าจะมีหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิตฉันก็ตาม ฉันพบว่าความรักของหยวน เป็นรักแท้ และรู้สึกถึงความพิเศษที่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้” หลี่ เผยความใน
      
       ในปี 2519 ทันทีที่หลี่มั่นใจว่าความวุ่นวายจากการปฏิวัตวัฒนธรรมในประเทศจีนได้สงบลง เธอก็เขียนจดหมายส่งไปยังที่ทำงานของหยวนเช่นเคย แต่จดหมายดังกล่าวถูกตีกลับ ในตอนนั้น เธอไม่รู้ว่า หยวนได้เปลี่ยนที่ทำงานแล้ว ซึ่งในปี 2516 หยวนได้เขียนจดหมายบอกหลี่ แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่ง ทั้งคู่ก็ได้ติดต่อกันอีกครั้ง เมื่อเดือนพ.ค.ปีนี้เอง (2553) นานถึง 45 ปี ที่ทั้งสองพรากจากกันหลังจากได้ติดต่อกันครั้งสุดท้าย
      
       แสงสว่างฉายโฉนบนเส้นทางรัก...
      
       ช่วงระหว่างเทศกาลตรุษจีน (ปลายเดือนก.พ.) โอวหยัง ลู่อิง ลูกสะใภ้คนที่สามของหยวน ได้ล่วงรู้จากญาติที่เป็นผู้ช่วยกุมความลับจดหมายของหลี่ไว้ ว่า พ่อสามีของเธอ ได้เคยตกหลุมรักกับครูต่างชาติสาวสวย เธอกล่าวว่า
      
       “เมื่อได้ฟังเรื่องของพ่อสามีฉัน ก็สัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งในความรัก และเมื่อแม่สามีของฉันได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2537 ฉันจึงขอให้พ่อเขียนจดหมายอีกครั้ง”
      
       แม้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หยวนมักจะไปยังสถานที่ที่เขากับหลี่เคยมาด้วยกันเป็นประจำในเมืองหังโจว แต่หยวนก็ไม่เคยคาดคิดที่จะกลับไปติดต่อกับหลี่อีก
      
       จนเมื่อลูกสะใภ้โอวหยังได้ปลุกความทรงจำทั้งหมดจากก้นบึ้งในจิตใจ หยวนจึงมีกำลังใจและมีความหวังที่จะพบกับหลี่อีกครั้ง เขาใช้เวลาหลายวันในการเขียนจดหมายทั้งสิ้น 5 ฉบับ นอกจากจะเขียนเป็นภาษาจีนอวยพรให้หลี่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว หยวนยังเขียนถึงญาติของหลี่เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยเกรงว่าหลี่อาจเสียชีวิตแล้ว โดยเขียนว่า
      
       "ผมเป็นนักเรียนและเพื่อนของหลี่ และต้องการทราบถึงที่อยู่ของหลี่"
      
       ทุกๆ วันเว้นวัน หยวนได้ส่งจดหมาย 1 ฉบับ และหากไม่ได้รับจดหมายตอบกลับเลยสักฉบับ เรื่องราวต่างๆ ก็อาจต้องยุติลงเพียงเท่านี้
      
       ในที่สุดก็มีจดหมายส่งตรงจากฝรั่งเศส หยวนซึ่งบัดนี้อายุ 80 ปี ได้เปิดจดหมายฉบับนั้นด้วยมือที่สั่นเทา และได้เห็นลายมือที่คุ้นเคยอีกครั้ง หยวนเล่าถึงความรู้สึก ณ ขณะนั้น ว่า “ขอบคุณสวรรค์ เธอยังมีชีวิตอยู่” ในซองจดหมายมีรูปของหลี่แนบมาพร้อมกับเนื้อความ 3 หน้ากระดาษ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอว่า...
      
       "ในปี 2517 เป็นระยะเวลา 9 ปี หลังจากการติดต่อกันครั้งสุดท้าย ฉันจบการศึกษาภาษาจีนและได้รับคุณวุฒิเทียบเท่ามหาบัณฑิต จึงได้งานสอนภาษาจีนในมหาวิทยาลัยช็อง มูแลง - ลียง 3
      
       ในปี 2535 ฉันเกษียณในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว และจากนั้นได้ทำงานเป็นรองประธานองค์กรไม่แสวงกำไรที่ช่วยเหลือนักศึกษาชาวจีนในมหาวิทยาลัยนี้
      
       เธอยังคงครองโสดและอยู่เพียงลำพังหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตลง
      
       ในวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา หลี่กลับมาถึงบ้านก็พบจดหมายของหยวนวางอยู่ที่พื้น เธอเล่าว่า “ฉันยังไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เพราะฉันไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง”
      
       เธอนั่งมองจดหมายของหยวนที่สวนในบ้านตั้งแต่เที่ยงวันไปถึงเที่ยงคืน กระทั่งเมื่อรุ่งอรุณเบิกฟ้าของวันถัดมา เธอก็ได้รับจดหมายของหยวนอีกฉบับ หลี่จึงมั่นใจว่า มันไม่ใช่ความฝัน
      
       จากนั้นทั้งคู่ได้เริ่มส่งจดหมายหากันเหมือนแต่ก่อน และในบางครั้ง ด้วยความช่วยเหลือของโอวหยัง ทำให้ทั้งหลี่ และหยวน ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ แต่ไม่นานก็กลับไปใช้การเขียนจดหมายเช่นเดิม เพราะหยวนมีปัญหาด้านการได้ยิน
      
       ในการคุยโทรศัพท์ครั้งแรก หลี่ ได้เล่าว่า “โอวหยัง เรียกฉันว่าคุณแม่แดนนี่ ยังไม่เคยมีใครเรียกฉันว่าแม่มาก่อน ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกอันแสนวิเศษนี้ได้”
      
       หนึ่งเดือนต่อมา หยวนได้เชิญชวนให้หลี่มาที่ซย่าเหมิน และได้บอกกับหลี่ว่า “เธอต้องการมาอยู่กับฉันหรือแค่มาเยี่ยมก็ได้ แล้วแต่เธอจะตัดสินใจ”
      
       เมื่อหลี่ มาถึงซย่าเหมิน หยวนและครอบครัวก็ได้พบกับเธอที่สนามบิน และ ณ เวลานั้น หยวนได้ถือช่อกุหลาบอันสวยสด 55 ดอก เพื่อขอเธอแต่งงาน หลี่ได้ตอบรับคำขอของหยวน จากนั้นทั้งคู่ก็ได้จดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา หนึ่งวันก่อนถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวชาวจีนกลับมาพบปะกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
      
       ในวันที่ 26 ก.ย.2553 บุตรชายของหยวน ได้จัดงานแต่งงานให้กับพวกเขา จากนั้น ทั้งหลี่และหยวนก็ได้อาศัยอยู่ในบ้านของบุตรชายคนที่ 3 และในทุกๆเช้า หยวนกับหลี่ ก็จะจับมือกันเดินตากลมทะเลริมชายหาดรับกลิ่นอายรุ่งอรุณของวันใหม่อันแสนอบอุ่น
      
       หลี่ กล่าวปิดท้ายตำนานรักสุดขอบฟ้าของเธอกับหยวน ว่า “สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป เราต้องการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เคียงข้างกันตลอดไป ฉันมีปัญหาด้านการมอง และเขามีปัญหาด้านการฟัง ดังนั้นฉันจึงเป็นหูให้กับเขา และเขาก็เป็นตาให้กับฉัน เราเติมเต็มกันและกัน

 
พิมพ์จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000154511
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2635 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2553, 21:54:46 »

ตามด้วยเรื่องดีๆ อีกหนึ่งเรื่อง

“เขยฝรั่ง” เมืองช้างน้ำใจงาม พายเรือช่วยชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวจมใต้น้ำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤศจิกายน 2553 16:32 น.



สุรินทร์- “ลูกเขยฝรั่ง” เมืองช้าง น้ำใจงาม พายเรือช่วยชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวจมใต้น้ำ โดยไม่คิดค่าแรงใดๆ เผย 3 อำเภอริมแม่น้ำมูล “ชุมพลบุรี-ท่าตูม-รัตนบุรี” จ.สุรินทร์ บ้านเรือน นาข้าว จมบาดาลมานานกว่า 1 สัปดาห์ เดือดร้อนหนัก คาดอีกไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ ถึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ


คลิ๊กเลย...
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000155188

      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2636 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 17:38:36 »

น้องอาจารย์แจ่ม คะ

ตามมาตอบด้วยความสุขเช่นกัน

พี่แอ๊ะเพิ่งบินกลับจาก สุราษฎร์ ออกจาก สุราษฎร์ 11.30

check through มาถึงอุบลเลยค่ะ  บ่าย 3โมงกว่าเกือบ 4โมงก็ถึงยโสแล้วค่ะ

น้องชาย นายพรเทพ 16  โทรมาถามว่าถึงบ้านแล้วหรือ

เขาเป็นงง  แล้วอุทานว่า

คนรวยนี่ดีจังเลยน่ะ บินได้55555555[/color]

เรื่องวัคซีน ไข้หวัด หากมีโอกาสฉีด ก็ฉีด ซะเลยนะคะ

พี่แอ๊ะติดตาม ทราบแต่ว่า วัคซีน 2009 ยังไม่มี

 (หรืออาจจะมีเเล้ว ช่วงหลังไม่ได้ตามติด อิๆๆๆๆๆ)

ทราบแต่ว่าให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไว้ ได้เลย และต้องฉีดปีละครั้ง

 เพราะจะมีภูมิต้านทานแค่ หนึ่งปี เท่านั้น

แต่หากฉีด วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เเล้ว หากได้รับเชื้อไข้หวัด 2009

อาการจะไม่รุนเเรงค่ะ



อ้างถึง
ข้อความของ jamsai เมื่อ 02 พฤศจิกายน 2553, 10:20:03
สวัสดีค่ะพี่แอ๊ะ
มาตามอ่านด้วยความสุข สนุก สดชื่นตามพี่ไปด้วย
ดีใจที่พี่หาญแข็งแรง
ตอนนี้ วัคซีนไข้หวัดนก ขายดี รพ.เอกชน ฉีดเข็มละ 1000+
รพ. รัฐ ฟรีสำหรับกลุ่มเสี่ยง จนถึง 400-500 บาท สำหรับผู้ไม่เสี่ยงที่ประสงค์จะป้องกัน
รพ. พี่แอ๊ะ มีคนมาขอฉีดมั้ยคะ
หนาวนี้หลายคนก็กลัว หวัดนก
แต่จริงๆ แล้วก็ยังงงๆ ว่า ควรฉีดหรือไม่ฉีดดี

คิดถึงค่ะ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2637 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 17:45:10 »

เขยฝาหรั่งงงงงงง นี่น่ารักจริงๆเชียว

อยู่บ้านท่านไม่นั่งดูดาย

 ปั้นวัวปั้นควาย เอ๊ย จับเรือ จับพาย ช่วยลูกท่านด้วย


ถ้าเป็นเขยไทย อีคงคิดอัตราค่าเเรงขั้น ต่ำ แหง๋แก๋


อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 03 พฤศจิกายน 2553, 21:54:46
ตามด้วยเรื่องดีๆ อีกหนึ่งเรื่อง

“เขยฝรั่ง” เมืองช้างน้ำใจงาม พายเรือช่วยชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวจมใต้น้ำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤศจิกายน 2553 16:32 น.



สุรินทร์- “ลูกเขยฝรั่ง” เมืองช้าง น้ำใจงาม พายเรือช่วยชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวจมใต้น้ำ โดยไม่คิดค่าแรงใดๆ เผย 3 อำเภอริมแม่น้ำมูล “ชุมพลบุรี-ท่าตูม-รัตนบุรี” จ.สุรินทร์ บ้านเรือน นาข้าว จมบาดาลมานานกว่า 1 สัปดาห์ เดือดร้อนหนัก คาดอีกไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ ถึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ


คลิ๊กเลย...
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000155188


      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2638 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 19:29:42 »


เรื่องน้ำท่วม นี้พี่แอ๊ะก็ สองจิตสองใจ ที่จะให้ความเห็นนะ พอดีช่วงนี้ มีเรื่องยุ่งๆส่วนตัว

เลยไม่ค่อยได้ติดตามอย่างใกล้ชิด

เเต่จากการที่อยู่ในพื่นที่ตอนท่วมอิสาน

เค้า บอกว่า ยโสท่วมแล้ว  พี่แอ๊ะก้ไม่เห็นท่วมจั๊กกะหน่อยยยยยยยยยยยยยย


หรือโมเม เอาทุกจังหวัดเลย  ไทยเข้มแข็งจะได้ออกมามากๆ


ที่สุราษฎร์ ฝนก็ตก แต่ก็ไปไหนๆ ในเมืองได้ทุกที่  คงท่วมตามอำเภอบ้านนอก

ที่สมุย ญาติ ก็ส่งข่าวว่าท่วม ที่ตำบลอื่นนะ เช่นที่เฉวง และหน้าทอน ที่เป็นที่เจริญๆ

ตำบล พี่แอ๊ะไม่ท่วมเพราะ ตำบลพี่แอ๊ะไม่ได้มีการก่อสร้างอะไรมากมาย

สรุปว่าจุดที่ท่วมมากๆ คือที่มีการก่อสร้างมากๆเช่น เขต เฉวง

หรือ ที่ สงขลาคือหาดใหญ่

ทีให้วิเคราะห์ ได้ว่า เรา ทำ ตัวเราเอง

คือก่อสร้างมาก ๆ และผู้บริหารบ้านเมือง

 ไม่คิดถึงการป้องกัน ว่า จะให้น้ำไหล ไปทางไหน ฝนตกนิดเดียว
น้ำก็ท่วมซะแหล่ววววววววววว

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 02 พฤศจิกายน 2553, 12:34:21
อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 30 ตุลาคม 2553, 18:13:36

มะรืนนี้ จะบิน ไปสุราษฎร์ จะทำไงดีละนี่
 


พี่แอ๊ะ อยู่หน่ายครับ ?? ??  งง งง

"เกาะสมุย"ไฟฟ้า-สื่อสารถูกตัดขาด เฟอร์รี่-เครื่องบินหยุดนิ่ง หาดใหญ่จมบาดาล 3 หมื่นครัวเรือนเคว้ง
วันที่ 02 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 12:05:56 น.

"เกาะสมุย"ลมแรงจัด"บางกอกแอร์เวย์"ยังไม่สามารถบิน
 
จ.สุราษฎร์ธานี สถานการณ์ล่าสุดปริมาณฝนเริ่มตกโปรยปรายแล้วในบางพื้น แต่ยังมีลมพัดแรง ระดับน้ำในตัวเมืองสุราษฎร์ธานีเริ่มลดลงเนื่องจากทางเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีได้ใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่สูบน้ำระบายออกลงสู่แม่น้ำตาปี และยังย้ำเตือนให้ประชาชนเฝ้าระมัดระวังน้ำท่วมเพิ่มเติมอย่าประมาท
 

ส่วนบริเวณเส้นทางสายสุราษฎร์ธานี - บ้านนาสาร บริเวณช่วงโค้งเขาท่าเพชร -หน้าศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ม.1 ต.ขุนทะเล ระดับน้ำยังไหลเชี่ยวกราก รถเล็กยังไม่สามารถผ่านได้ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน


มีรายงานว่า ที่เกาะสมุย,เกาะพะงันและหมู่เกาะต่าง ๆคลื่นลมยังแรง โดยคลื่นสูงประมาณ 3-4 เมตร เรือเฟอร์รี่ยังไม่สามารถบริการได้ ขณะที่เกาะสมุยกระแสไฟฟ้าและระบบการสื่อสารถูกตัดขาดทั้งหมดแล้วนานกว่า 1 ชั่วโมง อยู่ในระหว่างรอการซ่อมแซม เนื่องจากมีลมแรงทำให้สายไฟฟ้าล้มหลายแห่งและน้ำท่วมขังในพื้นที่หลายแห่ง


สำหรับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ที่สนามบินเกาะสมุย ยังไม่ปิดรับบริการผู้โดยสาร แต่ยังไม่สามารถบินได้ในช่วงนี้ เนื่องจากลมแรงจัด โดยที่มีผู้โดยสารรอเดินทางเป็นจำนวนมาก

                                ฯลฯ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1288612792&grpid=00&catid=

อ้างถึง
ข้อความของ jamsai เมื่อ 03 พฤศจิกายน 2553, 18:42:18
อึ้งกับน้ำท่วม เห็นแล้วอิ้ง ได้ยินแล้วอึ้ง
ช่วงนี้ขยับ จะช่วยอย่างไรดี หรือจะชวนกันทำโครงการช่วยหลังน้ำลด จะดีกว่ามั้ย
จะบริจาคตอนนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นถุงช่วยน้ำท่วมของรัฐมนตรี ชวรัตน์(มหาดไทย)
หรือพรรคภูมิใจไทยไปเสียอีก

ก็คิดไม่ถึงว่าใจเราเป็นอย่างนี้ และคงไม่ได้บุญแน่ๆ
เออ หรือใจเรายังไม่มีเมตตามากพอ
คือเต็มไปด้วยโทสะ ต่อ คนที่เราเห็นว่าเขาไม่ดี จนมองข้ามความเดือดร้อนของเพื่อนมนุษย์
สรุป ใจยังมีกิเลสครบทุกตัว- ยังเลือกที่รัก มักที่ชัง อยู่มาก

ปีืที่แล้ว มีหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านก็เปรยๆว่า อาตมาเห็นภาพปลาว่ายเวียนในตึกใหญ่ๆใน กทม ในอีกประมาณ 4 ปี
เอหรือว่าจริง หรือว่าจริง
ดร.พิกุล ที่หาดใหญ่
ตุ๊-อรษาิ 14 ที่ ห้วยยอด-ตรัง
บ้านพี่แอ๊ะที่สมุย
เป็นอย่างไรกันบ้างหนอ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2639 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 19:37:25 »

เหยง เอ๊ยยยยยยย

พี่แอ๊ะบินไป เครื่องก็ขึ้นลงได้ดี

มีแต่ตอนขาไปเที่ยวเช้าเป็น นกเเอร์ ลงไม่ได้เพราะช่วงเช้า ท้องฟ้าปิด
นกแอร์ต้องบินกลับ

พี่แอ๊ะไปการบินไทย 9.30 น.เครื่องลงได้ดี เขาใช้เครื่องลำใหญ่

ไม่แกว่ง ไม่สั่น ไม่น่ากลัวค่ะ

ขากลับ เขาก็ ให้คนโดยสาร ของนกแอร์ มาขึ้นการบินไทยด้วย

เพราะ ผู้โดยสารน้อย เลยหยุดบิน หนึ่งสายการบิน

เอา ผู้โดยสารมารวมกัน

เครื่องก็บินได้ดี ไม่แกว่งไม่สั่น  ไม่น่ากลัวเลยค่ะ

มาถึงยโส อากาศเย็นสบายยยยยยยยยย

 มีความสุขที่สุดเมื่อมาถึงยโส
กลับบ้านเรา รักรออยู่
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2640 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 19:46:45 »

เหยง
เด่ว ดึกๆ จะแวะมาอ่าน นิยายรักแม่ น้ำเเยงซีเกียงง


อ่านผ่านนิดหนึ่ง น่าสนใจมากกกกกก

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 03 พฤศจิกายน 2553, 20:50:37
พี่แอ๊ะครับ

อ่านเรื่องรักโรแมนติก ช่วงกำลังถูกน้ำท่วม

มหัศจรรย์แห่งรัก จากกันกว่าครึ่งศตวรรษ ได้กลับมาครองคู่ยามไม้ใกล้ฝั่ง
3 พฤศจิกายน 2553 11:30 น.

 
       ไชน่า เดลี่ -เรื่องราวความรักของคนคู่หนึ่ง ที่ฝ่ามรสุมการเมืองและชีวิตส่วนตัว เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ กระทั่งได้มาพบกันอีกครั้ง ได้สมปรารถนาครองคู่ครองรักกันในยามไม้ใกล้ฝั่ง
       
       สาวลูกครึ่ง แดนนี่ หลี่ กับ นายหยวน ตี้เปา พบกันที่เมืองหังโจวในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2496 แต่โชคชะตาทำให้เขาทั้งสองพรากจากกันไปไกลถึงคนละซีกโลก นานถึง 54 ปี และปาฏิหาริย์แห่งรักก็เกิดขึ้น นำพาพวกเขามาพบกันอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสองได้กลับมาครองรักแต่งงานกันในที่สุด ในวัยกว่า 80 ปี!
       
       เรื่องราวตำนานรักของทั้งสอง ได้กลายเป็นข่าวยอดนิยมในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์จีน นอกจากนี้ บรรดาชาวเน็ตจีน ต่างยกย่องความรักของคู่รักคู่นี้ว่าเป็น “ความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก
       
       แดนนี่ หลี่ กล่าวว่า “มันเหมือนความฝัน ฉันไม่เคยคาดหวังว่าจะได้พบเขาอีกครั้ง”
       
       หลี่ เกิดในปี 2469 ณ กรุงปักกิ่ง มีแม่เป็นชาวฝรั่งเศส และพ่อเป็นชาวจีน เมื่อเธออายุ 24 ปี ก็ได้เป็นอาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งในวิทยาลัยแพทยศาสตร์เจ้อเจียง ในเมืองหังโจว และด้วยความเชี่ยวชาญถึง 4 ภาษา คือ ภาษาจีน อังกฤษ รัสเซีย และภาษาฝรั่งเศส จึงทำให้เธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
       
       หยวน ตี้เปา นักศึกษาปีหนึ่ง รูปหล่อ วัย 25 ปี ผู้เป็นหัวหน้าชั้นเรียน และเป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชั้นเรียนภาษารัสเซียของหลี่ หยวนทั้งฉลาดและขยัน ซึ่งเขาพิสูจน์ด้วยการได้คะแนนสอบมากที่สุดในชั้นเรียน


หยวน ตี้เปา ในวัย 82 ปี และแดนนี่ หลี่ ในวัย 83 ปี กำลังนั่งอ่านจดหมายด้วยกัน และทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หลังจากที่ต้องพลัดพรากจากกันนานถึงมากกว่าครึ่งศตวรรษ(ภาพไชน่า เดลี่)
       
       “เขาเป็นคนดี ทั้งยังดีกับคนอื่นๆด้วย บรรดานักศึกษาและครูอาจารย์ล้วนชอบเขามาก” หลี่ รำลึกหยวนในช่วงวัยเรียน
       
       ขณะที่ หลี่ เริ่มศึกษาถึงตัวตนของหยวน เธอก็พบว่า ทั้งหยวนกับเธอ มีสิ่งที่คล้ายกันอยู่มาก และความรู้สึกอันแสนอบอุ่นของหลี่ที่มีให้หยวน ก็ได้พัฒนาไปสู่ความรักอันแสนบริสุทธิ์ในที่สุด
       
       ถึงแม้สังคมจะมองความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์เป็นเรื่องไม่ดีนัก ทั้งคู่ก็ยังสนิทสนมกัน โดยมีเพียงครอบครัวของหลี่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
       
       ทุกๆครั้งที่หยวนไปขอคำปรึกษาเรื่องการเรียนที่ห้องทำงานของหลี่ พวกเขาก็จะนัดกันต่อหลังเลิกเรียน
       
       เมืองหังโจว ที่แห่งความรักอันแสนหวานปานน้ำผึ้ง
       
       ที่หังโจว หยวนมักเดินไปส่งหลี่ที่บ้าน และแวะบ้านของหลี่ครู่หนึ่งเสมอ ครอบครัวของหลี่ก็มิได้ขัดขวางแต่ประการใด กลับต้อนรับชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์และมีความสุภาพอ่อนโยนนี้อย่างดี
       
       เมื่อทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน หลี่มีความสุขหวานชื่น ขณะที่หยวน กลับสับสนว้าวุ่นอยู่ระหว่างความสุขและความรู้สึกผิด
       
       “ฉันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาเก็บงำไว้” หลี่ เล่า
       
       ในตอนนั้น สิ่งที่หลี่ไม่รู้ ก็คือ หยวนได้แต่งงานมีภรรยาแล้ว
       
       ครอบครัวของหยวนได้จัดการให้เขาแต่งงานกับน้องสาวของเพื่อนที่บ้านเกิด ในเกาะกู้หลังอี้ว์ เมืองซย่าเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ก่อนที่หยวนจะเข้าเรียนที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ ในปี 2496
       
       หยวนไม่ได้บอกหลี่ เรื่องที่เขาแต่งงานแล้ว
       
       จนกระทั่งเมื่อปี 2497 ก่อนที่หยวนจะย้ายไปศึกษาต่อยังเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เขาจึงได้รวบรวมความกล้า และบอกกับหลี่ว่า
       
       “ผมมีภรรยาแล้ว และจะต้องดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน”
       
       หัวใจของหลี่ร้าวรานเมื่อได้ยินคำสารภาพของหยวน และแม้ว่าจะรักหยวนมากเพียงใด แต่ทั้งคู่ก็จำต้องแยกจากกัน
       
       “ฉันไม่มีทางเลือก เราไม่ควรมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้หญิงที่เป็นผู้บริสุทธิ์อีกคน” หลี่ ให้ความเห็น
       
       หลังจากนั้น หลี่และหยวนก็ไม่ได้พบกันอีก
       
       จากกันไกลถึงซีกโลก...


ภาพหยวน ตี้เปา และแดนนี่ หลี่ ในช่วงปี 2493 (ภาพไชน่า เดลี่)
       
       ในปี 2499 หลี่ กับแม่ของเธอได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะออกจากประเทศจีน หลี่ได้เขียนจดหมายบอกลาหยวน
       
       ทว่าไม่กี่วันต่อมา หยวนก็ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการส่งจดหมายอีกหลายฉบับ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มติดต่อกันผ่านทางจดหมายมาตลอด
       
       โดยจดหมายจากหลี่ จะส่งไปถึงที่ทำงานของหยวน ขณะเดียวกัน หยวนก็เก็บจดหมายทุกฉบับของหลี่ไว้ที่บ้านญาติ เพื่อไม่ให้ภรรยารู้
       
       หลี่ ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ในสังคมที่เธอไม่คุ้นเคยในประเทศฝรั่งเศส ประกอบกับใบรับรองคุณวุฒิทางการศึกษาของเธอก็ยังถูกปฏิเสธ อีกทั้งวัฒนธรรมที่แตกต่างจนทำให้เกิดความรู้สึกสับสน
       
       หลี่ ได้เรียนรู้การเขียนชวเลข และการพิมพ์ดีด จนท้ายที่สุดก็ได้งานในตำแหน่งเลขานุการของบริษัทการค้าระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง ขณะที่ หยวนก็สำเร็จการศึกษาและเริ่มทำงานในซย่าเหมิน
       
       เนื้อความในจดหมายของทั้งสอง แทบจะไม่มีการระบายถึงความทุกข์ยากของแต่ละฝ่าย หยวนเล่าถึงความสุขที่ได้เป็นพ่อคน ขณะที่ หลี่ ก็ส่งนมผงสำหรับทารกและเสื้อผ้าเด็กมาให้ ซึ่งในขณะนั้นในประเทศจีนยังค่อนข้างขาดแคลนสินค้าดังกล่าว

 
       เมื่อถึงช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม (2509-2519) จดหมายของหลี่ก็เริ่มถูกตีกลับ และเธอได้หยุดเขียนจดหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับหยวน แต่หลี่ ก็ไม่สามารถลืมหยวนได้
       
       “ฉันไม่สามารถเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ได้ แม้ว่าจะมีหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิตฉันก็ตาม ฉันพบว่าความรักของหยวน เป็นรักแท้ และรู้สึกถึงความพิเศษที่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้” หลี่ เผยความใน
       
       ในปี 2519 ทันทีที่หลี่มั่นใจว่าความวุ่นวายจากการปฏิวัตวัฒนธรรมในประเทศจีนได้สงบลง เธอก็เขียนจดหมายส่งไปยังที่ทำงานของหยวนเช่นเคย แต่จดหมายดังกล่าวถูกตีกลับ ในตอนนั้น เธอไม่รู้ว่า หยวนได้เปลี่ยนที่ทำงานแล้ว ซึ่งในปี 2516 หยวนได้เขียนจดหมายบอกหลี่ แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่ง ทั้งคู่ก็ได้ติดต่อกันอีกครั้ง เมื่อเดือนพ.ค.ปีนี้เอง (2553) นานถึง 45 ปี ที่ทั้งสองพรากจากกันหลังจากได้ติดต่อกันครั้งสุดท้าย
       
       แสงสว่างฉายโฉนบนเส้นทางรัก...
       
       ช่วงระหว่างเทศกาลตรุษจีน (ปลายเดือนก.พ.) โอวหยัง ลู่อิง ลูกสะใภ้คนที่สามของหยวน ได้ล่วงรู้จากญาติที่เป็นผู้ช่วยกุมความลับจดหมายของหลี่ไว้ ว่า พ่อสามีของเธอ ได้เคยตกหลุมรักกับครูต่างชาติสาวสวย เธอกล่าวว่า
       
       “เมื่อได้ฟังเรื่องของพ่อสามีฉัน ก็สัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งในความรัก และเมื่อแม่สามีของฉันได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2537 ฉันจึงขอให้พ่อเขียนจดหมายอีกครั้ง”
       
       แม้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หยวนมักจะไปยังสถานที่ที่เขากับหลี่เคยมาด้วยกันเป็นประจำในเมืองหังโจว แต่หยวนก็ไม่เคยคาดคิดที่จะกลับไปติดต่อกับหลี่อีก
       
       จนเมื่อลูกสะใภ้โอวหยังได้ปลุกความทรงจำทั้งหมดจากก้นบึ้งในจิตใจ หยวนจึงมีกำลังใจและมีความหวังที่จะพบกับหลี่อีกครั้ง เขาใช้เวลาหลายวันในการเขียนจดหมายทั้งสิ้น 5 ฉบับ นอกจากจะเขียนเป็นภาษาจีนอวยพรให้หลี่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว หยวนยังเขียนถึงญาติของหลี่เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยเกรงว่าหลี่อาจเสียชีวิตแล้ว โดยเขียนว่า
       
       "ผมเป็นนักเรียนและเพื่อนของหลี่ และต้องการทราบถึงที่อยู่ของหลี่"
       
       ทุกๆ วันเว้นวัน หยวนได้ส่งจดหมาย 1 ฉบับ และหากไม่ได้รับจดหมายตอบกลับเลยสักฉบับ เรื่องราวต่างๆ ก็อาจต้องยุติลงเพียงเท่านี้
       
       ในที่สุดก็มีจดหมายส่งตรงจากฝรั่งเศส หยวนซึ่งบัดนี้อายุ 80 ปี ได้เปิดจดหมายฉบับนั้นด้วยมือที่สั่นเทา และได้เห็นลายมือที่คุ้นเคยอีกครั้ง หยวนเล่าถึงความรู้สึก ณ ขณะนั้น ว่า “ขอบคุณสวรรค์ เธอยังมีชีวิตอยู่” ในซองจดหมายมีรูปของหลี่แนบมาพร้อมกับเนื้อความ 3 หน้ากระดาษ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอว่า...
       
       "ในปี 2517 เป็นระยะเวลา 9 ปี หลังจากการติดต่อกันครั้งสุดท้าย ฉันจบการศึกษาภาษาจีนและได้รับคุณวุฒิเทียบเท่ามหาบัณฑิต จึงได้งานสอนภาษาจีนในมหาวิทยาลัยช็อง มูแลง - ลียง 3
       
       ในปี 2535 ฉันเกษียณในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว และจากนั้นได้ทำงานเป็นรองประธานองค์กรไม่แสวงกำไรที่ช่วยเหลือนักศึกษาชาวจีนในมหาวิทยาลัยนี้
       
       เธอยังคงครองโสดและอยู่เพียงลำพังหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตลง
       
       ในวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา หลี่กลับมาถึงบ้านก็พบจดหมายของหยวนวางอยู่ที่พื้น เธอเล่าว่า “ฉันยังไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เพราะฉันไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง”
       
       เธอนั่งมองจดหมายของหยวนที่สวนในบ้านตั้งแต่เที่ยงวันไปถึงเที่ยงคืน กระทั่งเมื่อรุ่งอรุณเบิกฟ้าของวันถัดมา เธอก็ได้รับจดหมายของหยวนอีกฉบับ หลี่จึงมั่นใจว่า มันไม่ใช่ความฝัน
       
       จากนั้นทั้งคู่ได้เริ่มส่งจดหมายหากันเหมือนแต่ก่อน และในบางครั้ง ด้วยความช่วยเหลือของโอวหยัง ทำให้ทั้งหลี่ และหยวน ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ แต่ไม่นานก็กลับไปใช้การเขียนจดหมายเช่นเดิม เพราะหยวนมีปัญหาด้านการได้ยิน
       
       ในการคุยโทรศัพท์ครั้งแรก หลี่ ได้เล่าว่า “โอวหยัง เรียกฉันว่าคุณแม่แดนนี่ ยังไม่เคยมีใครเรียกฉันว่าแม่มาก่อน ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกอันแสนวิเศษนี้ได้”
       
       หนึ่งเดือนต่อมา หยวนได้เชิญชวนให้หลี่มาที่ซย่าเหมิน และได้บอกกับหลี่ว่า “เธอต้องการมาอยู่กับฉันหรือแค่มาเยี่ยมก็ได้ แล้วแต่เธอจะตัดสินใจ”
       
       เมื่อหลี่ มาถึงซย่าเหมิน หยวนและครอบครัวก็ได้พบกับเธอที่สนามบิน และ ณ เวลานั้น หยวนได้ถือช่อกุหลาบอันสวยสด 55 ดอก เพื่อขอเธอแต่งงาน หลี่ได้ตอบรับคำขอของหยวน จากนั้นทั้งคู่ก็ได้จดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา หนึ่งวันก่อนถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวชาวจีนกลับมาพบปะกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
       
       ในวันที่ 26 ก.ย.2553 บุตรชายของหยวน ได้จัดงานแต่งงานให้กับพวกเขา จากนั้น ทั้งหลี่และหยวนก็ได้อาศัยอยู่ในบ้านของบุตรชายคนที่ 3 และในทุกๆเช้า หยวนกับหลี่ ก็จะจับมือกันเดินตากลมทะเลริมชายหาดรับกลิ่นอายรุ่งอรุณของวันใหม่อันแสนอบอุ่น
       
       หลี่ กล่าวปิดท้ายตำนานรักสุดขอบฟ้าของเธอกับหยวน ว่า “สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป เราต้องการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เคียงข้างกันตลอดไป ฉันมีปัญหาด้านการมอง และเขามีปัญหาด้านการฟัง ดังนั้นฉันจึงเป็นหูให้กับเขา และเขาก็เป็นตาให้กับฉัน เราเติมเต็มกันและกัน

 
พิมพ์จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000154511
 

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2641 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 20:52:55 »

สวัสดีครับ พี่แอ๊ะ

ยินดีด้วยครับ ที่กลับถึงบ้านแล้วอย่างปลอดภัยและโล่ง...
เขาว่าน้ำจะถึงอุบลฯเย็นนี้ ทั้งสาย ชี และมูล และจะเพิ่มระดับในอีก 2 วันข้างหน้า
"งบไทยเข้มแข็ง"นี้ละตัวดีเลย ในฐานะ"กรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด"ตรวจไปมีแต่ปัญหา สุกเอาเผากิน จริงๆ
กินแม้แต่ป้ายที่มีรูป นรม.อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ (เขาตีราคาไว้ป้ายละ 3,000 บาทครับ)
      บันทึกการเข้า
Preecha2510
Cmadong Member
Full Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2510
กระทู้: 788

« ตอบ #2642 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 00:38:11 »


 สวัสดีครับแอ๊ะ

         ไม่ได้ทักทายกับแอ๊ะนานแล้วหวังว่าแอ๊ะและหมอหาญเพื่อนผมคงสบายดีหายป่วยหายไข้แล้ว  ช่วง

   ปลายเดือนนี้ผมและหมอโอภาสจะไปอิสานกับ Cmadong Tour  ผมดีใจที่จะได้พบแอ๊ะและหมอหาญ

   อีกครั้งครับ
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #2643 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 02:24:33 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 03 พฤศจิกายน 2553, 20:50:37
พี่แอ๊ะครับ

อ่านเรื่องรักโรแมนติก ช่วงกำลังถูกน้ำท่วม

มหัศจรรย์แห่งรัก จากกันกว่าครึ่งศตวรรษ ได้กลับมาครองคู่ยามไม้ใกล้ฝั่ง
3 พฤศจิกายน 2553 11:30 น.

 
       ไชน่า เดลี่ -เรื่องราวความรักของคนคู่หนึ่ง ที่ฝ่ามรสุมการเมืองและชีวิตส่วนตัว เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ กระทั่งได้มาพบกันอีกครั้ง ได้สมปรารถนาครองคู่ครองรักกันในยามไม้ใกล้ฝั่ง
       
       สาวลูกครึ่ง แดนนี่ หลี่ กับ นายหยวน ตี้เปา พบกันที่เมืองหังโจวในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2496 แต่โชคชะตาทำให้เขาทั้งสองพรากจากกันไปไกลถึงคนละซีกโลก นานถึง 54 ปี และปาฏิหาริย์แห่งรักก็เกิดขึ้น นำพาพวกเขามาพบกันอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสองได้กลับมาครองรักแต่งงานกันในที่สุด ในวัยกว่า 80 ปี!
       
       เรื่องราวตำนานรักของทั้งสอง ได้กลายเป็นข่าวยอดนิยมในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์จีน นอกจากนี้ บรรดาชาวเน็ตจีน ต่างยกย่องความรักของคู่รักคู่นี้ว่าเป็น “ความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก
       
       แดนนี่ หลี่ กล่าวว่า “มันเหมือนความฝัน ฉันไม่เคยคาดหวังว่าจะได้พบเขาอีกครั้ง”
       
       หลี่ เกิดในปี 2469 ณ กรุงปักกิ่ง มีแม่เป็นชาวฝรั่งเศส และพ่อเป็นชาวจีน เมื่อเธออายุ 24 ปี ก็ได้เป็นอาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งในวิทยาลัยแพทยศาสตร์เจ้อเจียง ในเมืองหังโจว และด้วยความเชี่ยวชาญถึง 4 ภาษา คือ ภาษาจีน อังกฤษ รัสเซีย และภาษาฝรั่งเศส จึงทำให้เธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
       
       หยวน ตี้เปา นักศึกษาปีหนึ่ง รูปหล่อ วัย 25 ปี ผู้เป็นหัวหน้าชั้นเรียน และเป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชั้นเรียนภาษารัสเซียของหลี่ หยวนทั้งฉลาดและขยัน ซึ่งเขาพิสูจน์ด้วยการได้คะแนนสอบมากที่สุดในชั้นเรียน


หยวน ตี้เปา ในวัย 82 ปี และแดนนี่ หลี่ ในวัย 83 ปี กำลังนั่งอ่านจดหมายด้วยกัน และทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หลังจากที่ต้องพลัดพรากจากกันนานถึงมากกว่าครึ่งศตวรรษ(ภาพไชน่า เดลี่)
       
       “เขาเป็นคนดี ทั้งยังดีกับคนอื่นๆด้วย บรรดานักศึกษาและครูอาจารย์ล้วนชอบเขามาก” หลี่ รำลึกหยวนในช่วงวัยเรียน
       
       ขณะที่ หลี่ เริ่มศึกษาถึงตัวตนของหยวน เธอก็พบว่า ทั้งหยวนกับเธอ มีสิ่งที่คล้ายกันอยู่มาก และความรู้สึกอันแสนอบอุ่นของหลี่ที่มีให้หยวน ก็ได้พัฒนาไปสู่ความรักอันแสนบริสุทธิ์ในที่สุด
       
       ถึงแม้สังคมจะมองความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์เป็นเรื่องไม่ดีนัก ทั้งคู่ก็ยังสนิทสนมกัน โดยมีเพียงครอบครัวของหลี่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
       
       ทุกๆครั้งที่หยวนไปขอคำปรึกษาเรื่องการเรียนที่ห้องทำงานของหลี่ พวกเขาก็จะนัดกันต่อหลังเลิกเรียน
       
       เมืองหังโจว ที่แห่งความรักอันแสนหวานปานน้ำผึ้ง
       
       ที่หังโจว หยวนมักเดินไปส่งหลี่ที่บ้าน และแวะบ้านของหลี่ครู่หนึ่งเสมอ ครอบครัวของหลี่ก็มิได้ขัดขวางแต่ประการใด กลับต้อนรับชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์และมีความสุภาพอ่อนโยนนี้อย่างดี
       
       เมื่อทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน หลี่มีความสุขหวานชื่น ขณะที่หยวน กลับสับสนว้าวุ่นอยู่ระหว่างความสุขและความรู้สึกผิด
       
       “ฉันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาเก็บงำไว้” หลี่ เล่า
       
       ในตอนนั้น สิ่งที่หลี่ไม่รู้ ก็คือ หยวนได้แต่งงานมีภรรยาแล้ว
       
       ครอบครัวของหยวนได้จัดการให้เขาแต่งงานกับน้องสาวของเพื่อนที่บ้านเกิด ในเกาะกู้หลังอี้ว์ เมืองซย่าเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ก่อนที่หยวนจะเข้าเรียนที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ ในปี 2496
       
       หยวนไม่ได้บอกหลี่ เรื่องที่เขาแต่งงานแล้ว
       
       จนกระทั่งเมื่อปี 2497 ก่อนที่หยวนจะย้ายไปศึกษาต่อยังเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เขาจึงได้รวบรวมความกล้า และบอกกับหลี่ว่า
       
       “ผมมีภรรยาแล้ว และจะต้องดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน”
       
       หัวใจของหลี่ร้าวรานเมื่อได้ยินคำสารภาพของหยวน และแม้ว่าจะรักหยวนมากเพียงใด แต่ทั้งคู่ก็จำต้องแยกจากกัน
       
       “ฉันไม่มีทางเลือก เราไม่ควรมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้หญิงที่เป็นผู้บริสุทธิ์อีกคน” หลี่ ให้ความเห็น
       
       หลังจากนั้น หลี่และหยวนก็ไม่ได้พบกันอีก
       
       จากกันไกลถึงซีกโลก...


ภาพหยวน ตี้เปา และแดนนี่ หลี่ ในช่วงปี 2493 (ภาพไชน่า เดลี่)
       
       ในปี 2499 หลี่ กับแม่ของเธอได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะออกจากประเทศจีน หลี่ได้เขียนจดหมายบอกลาหยวน
       
       ทว่าไม่กี่วันต่อมา หยวนก็ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการส่งจดหมายอีกหลายฉบับ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มติดต่อกันผ่านทางจดหมายมาตลอด
       
       โดยจดหมายจากหลี่ จะส่งไปถึงที่ทำงานของหยวน ขณะเดียวกัน หยวนก็เก็บจดหมายทุกฉบับของหลี่ไว้ที่บ้านญาติ เพื่อไม่ให้ภรรยารู้
       
       หลี่ ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ในสังคมที่เธอไม่คุ้นเคยในประเทศฝรั่งเศส ประกอบกับใบรับรองคุณวุฒิทางการศึกษาของเธอก็ยังถูกปฏิเสธ อีกทั้งวัฒนธรรมที่แตกต่างจนทำให้เกิดความรู้สึกสับสน
       
       หลี่ ได้เรียนรู้การเขียนชวเลข และการพิมพ์ดีด จนท้ายที่สุดก็ได้งานในตำแหน่งเลขานุการของบริษัทการค้าระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง ขณะที่ หยวนก็สำเร็จการศึกษาและเริ่มทำงานในซย่าเหมิน
       
       เนื้อความในจดหมายของทั้งสอง แทบจะไม่มีการระบายถึงความทุกข์ยากของแต่ละฝ่าย หยวนเล่าถึงความสุขที่ได้เป็นพ่อคน ขณะที่ หลี่ ก็ส่งนมผงสำหรับทารกและเสื้อผ้าเด็กมาให้ ซึ่งในขณะนั้นในประเทศจีนยังค่อนข้างขาดแคลนสินค้าดังกล่าว

 
       เมื่อถึงช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม (2509-2519) จดหมายของหลี่ก็เริ่มถูกตีกลับ และเธอได้หยุดเขียนจดหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับหยวน แต่หลี่ ก็ไม่สามารถลืมหยวนได้
       
       “ฉันไม่สามารถเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ได้ แม้ว่าจะมีหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิตฉันก็ตาม ฉันพบว่าความรักของหยวน เป็นรักแท้ และรู้สึกถึงความพิเศษที่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้” หลี่ เผยความใน
       
       ในปี 2519 ทันทีที่หลี่มั่นใจว่าความวุ่นวายจากการปฏิวัตวัฒนธรรมในประเทศจีนได้สงบลง เธอก็เขียนจดหมายส่งไปยังที่ทำงานของหยวนเช่นเคย แต่จดหมายดังกล่าวถูกตีกลับ ในตอนนั้น เธอไม่รู้ว่า หยวนได้เปลี่ยนที่ทำงานแล้ว ซึ่งในปี 2516 หยวนได้เขียนจดหมายบอกหลี่ แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่ง ทั้งคู่ก็ได้ติดต่อกันอีกครั้ง เมื่อเดือนพ.ค.ปีนี้เอง (2553) นานถึง 45 ปี ที่ทั้งสองพรากจากกันหลังจากได้ติดต่อกันครั้งสุดท้าย
       
       แสงสว่างฉายโฉนบนเส้นทางรัก...
       
       ช่วงระหว่างเทศกาลตรุษจีน (ปลายเดือนก.พ.) โอวหยัง ลู่อิง ลูกสะใภ้คนที่สามของหยวน ได้ล่วงรู้จากญาติที่เป็นผู้ช่วยกุมความลับจดหมายของหลี่ไว้ ว่า พ่อสามีของเธอ ได้เคยตกหลุมรักกับครูต่างชาติสาวสวย เธอกล่าวว่า
       
       “เมื่อได้ฟังเรื่องของพ่อสามีฉัน ก็สัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งในความรัก และเมื่อแม่สามีของฉันได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2537 ฉันจึงขอให้พ่อเขียนจดหมายอีกครั้ง”
       
       แม้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หยวนมักจะไปยังสถานที่ที่เขากับหลี่เคยมาด้วยกันเป็นประจำในเมืองหังโจว แต่หยวนก็ไม่เคยคาดคิดที่จะกลับไปติดต่อกับหลี่อีก
       
       จนเมื่อลูกสะใภ้โอวหยังได้ปลุกความทรงจำทั้งหมดจากก้นบึ้งในจิตใจ หยวนจึงมีกำลังใจและมีความหวังที่จะพบกับหลี่อีกครั้ง เขาใช้เวลาหลายวันในการเขียนจดหมายทั้งสิ้น 5 ฉบับ นอกจากจะเขียนเป็นภาษาจีนอวยพรให้หลี่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว หยวนยังเขียนถึงญาติของหลี่เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยเกรงว่าหลี่อาจเสียชีวิตแล้ว โดยเขียนว่า
       
       "ผมเป็นนักเรียนและเพื่อนของหลี่ และต้องการทราบถึงที่อยู่ของหลี่"
       
       ทุกๆ วันเว้นวัน หยวนได้ส่งจดหมาย 1 ฉบับ และหากไม่ได้รับจดหมายตอบกลับเลยสักฉบับ เรื่องราวต่างๆ ก็อาจต้องยุติลงเพียงเท่านี้
       
       ในที่สุดก็มีจดหมายส่งตรงจากฝรั่งเศส หยวนซึ่งบัดนี้อายุ 80 ปี ได้เปิดจดหมายฉบับนั้นด้วยมือที่สั่นเทา และได้เห็นลายมือที่คุ้นเคยอีกครั้ง หยวนเล่าถึงความรู้สึก ณ ขณะนั้น ว่า “ขอบคุณสวรรค์ เธอยังมีชีวิตอยู่” ในซองจดหมายมีรูปของหลี่แนบมาพร้อมกับเนื้อความ 3 หน้ากระดาษ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอว่า...
       
       "ในปี 2517 เป็นระยะเวลา 9 ปี หลังจากการติดต่อกันครั้งสุดท้าย ฉันจบการศึกษาภาษาจีนและได้รับคุณวุฒิเทียบเท่ามหาบัณฑิต จึงได้งานสอนภาษาจีนในมหาวิทยาลัยช็อง มูแลง - ลียง 3
       
       ในปี 2535 ฉันเกษียณในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว และจากนั้นได้ทำงานเป็นรองประธานองค์กรไม่แสวงกำไรที่ช่วยเหลือนักศึกษาชาวจีนในมหาวิทยาลัยนี้
       
       เธอยังคงครองโสดและอยู่เพียงลำพังหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตลง
       
       ในวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา หลี่กลับมาถึงบ้านก็พบจดหมายของหยวนวางอยู่ที่พื้น เธอเล่าว่า “ฉันยังไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เพราะฉันไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง”
       
       เธอนั่งมองจดหมายของหยวนที่สวนในบ้านตั้งแต่เที่ยงวันไปถึงเที่ยงคืน กระทั่งเมื่อรุ่งอรุณเบิกฟ้าของวันถัดมา เธอก็ได้รับจดหมายของหยวนอีกฉบับ หลี่จึงมั่นใจว่า มันไม่ใช่ความฝัน
       
       จากนั้นทั้งคู่ได้เริ่มส่งจดหมายหากันเหมือนแต่ก่อน และในบางครั้ง ด้วยความช่วยเหลือของโอวหยัง ทำให้ทั้งหลี่ และหยวน ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ แต่ไม่นานก็กลับไปใช้การเขียนจดหมายเช่นเดิม เพราะหยวนมีปัญหาด้านการได้ยิน
       
       ในการคุยโทรศัพท์ครั้งแรก หลี่ ได้เล่าว่า “โอวหยัง เรียกฉันว่าคุณแม่แดนนี่ ยังไม่เคยมีใครเรียกฉันว่าแม่มาก่อน ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกอันแสนวิเศษนี้ได้”
       
       หนึ่งเดือนต่อมา หยวนได้เชิญชวนให้หลี่มาที่ซย่าเหมิน และได้บอกกับหลี่ว่า “เธอต้องการมาอยู่กับฉันหรือแค่มาเยี่ยมก็ได้ แล้วแต่เธอจะตัดสินใจ”
       
       เมื่อหลี่ มาถึงซย่าเหมิน หยวนและครอบครัวก็ได้พบกับเธอที่สนามบิน และ ณ เวลานั้น หยวนได้ถือช่อกุหลาบอันสวยสด 55 ดอก เพื่อขอเธอแต่งงาน หลี่ได้ตอบรับคำขอของหยวน จากนั้นทั้งคู่ก็ได้จดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา หนึ่งวันก่อนถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวชาวจีนกลับมาพบปะกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
       
       ในวันที่ 26 ก.ย.2553 บุตรชายของหยวน ได้จัดงานแต่งงานให้กับพวกเขา จากนั้น ทั้งหลี่และหยวนก็ได้อาศัยอยู่ในบ้านของบุตรชายคนที่ 3 และในทุกๆเช้า หยวนกับหลี่ ก็จะจับมือกันเดินตากลมทะเลริมชายหาดรับกลิ่นอายรุ่งอรุณของวันใหม่อันแสนอบอุ่น
       
       หลี่ กล่าวปิดท้ายตำนานรักสุดขอบฟ้าของเธอกับหยวน ว่า “สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป เราต้องการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เคียงข้างกันตลอดไป ฉันมีปัญหาด้านการมอง และเขามีปัญหาด้านการฟัง ดังนั้นฉันจึงเป็นหูให้กับเขา และเขาก็เป็นตาให้กับฉัน เราเติมเต็มกันและกัน

 
พิมพ์จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000154511
 



น่ารักจังค่ะ ..    รักนะ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2644 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 10:52:08 »

อ่านเพื่อเป็นข้อมูลครับ

เปิดปัจจัย 4 'ถุงยังชีพ' น้ำท่วมใหญ่แต่ไม่ท่วมหัวใจไทยทั้งชาติ
4 พฤศจิกายน 2553 18:29 น.

 
       กลายเป็นวิกฤตที่ใหญ่กว่าที่ใครจะคาดคิด สำหรับอุทกภัยครั้งใหญ่ ที่ไม่ว่าจะอยู่ในมุมไหนของประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน หรือภาคใต้ที่ต่างก็เผชิญชะตากรรมเดียวกัน
      
       อย่างตอนนี้พบว่าผู้ได้รับผลกระทบไปแล้วมากกว่า 1.8 ล้านครัวเรือน หรือราวๆ 6 ล้านคน ในพื้นที่ 39 จังหวัด 384 อำเภอ 2,838 ตำบล 24,575 หมู่บ้าน ซึ่งแม้หลายๆ แห่งจะกลับคืนสู่ภาวะปกติกันบ้างแล้ว แต่ก็คงต้องยอมรับความจริงว่า ซากความสูญเสียทั้งที่เจออยู่หรือผ่านไปแล้วนั้นช่างรุนแรง และต้องการได้รับการเยียวยาอย่างเร่งด่วน ซึ่งหนึ่งในภารกิจที่หลายๆ คนรีบยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างเร่งด่วน ก็คือการแจกจ่าย 'ถุงยังชีพ' นั่นเอง
      
       เปิดของออกจากถุง
      
       สังเกตได้จากหลายๆ หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ต่างระดมแรงระดมใจมาช่วยทำถุงยังชีพแจกจ่ายอย่างหยุดหย่อน หนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่กำลังศรัทธาและทุนทรัพย์ของแต่ละที่ โดยของที่อยู่ภายในนั้นก็มีความแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกัน แต่เน้นที่ความจำเป็นของผู้ประสบภัยเป็นหลัก
      
       อย่างถุงยังชีพของชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทย ตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็อัดแน่นไปด้วย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 30 ซอง ปลากระป๋อง 6 กระป๋อง ผักกาดดอง 6 กระป๋อง ปลาราดพริก 6 กระป๋อง ข้าวหอมมะลิกระป๋อง 150 กรัม 6 กระป๋อง น้ำพริก 2 กระปุก ไก่ทอดกระเทียม 2 กระป๋อง เครื่องดื่มช็อกโกแลตผง 3 in 1 (1X6 ซอง) 2 ถุง ข้าวสาร 5 กิโลกรัม โลชันกันยุง 1 ขวด เทียนไข 2 เล่ม ไฟแช็ก 1 อัน ไฟฉายพร้อมถ่าน 1 ชุด ยาสามัญประจำบ้าน 1 ชุด ยาแก้น้ำกัดเท้า 1 หลอด เกลือไอโอดีน 1 ถุง ถุงขยะสีดำขนาดเล็ก 6 ใบ และถุงขยะสีดำขนาดใหญ่ 6 ใบ
      
       ขณะที่ถุงยังชีพพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นั้น ถือว่าหนักไม่แพ้กัน เพราะภายในนั้นมีที่ทั้งปลากระป๋องแบบฝาดึง 2 กระป๋อง น้ำพริก 5 กระปุก ผักกาดดองแบบฝาดึง 2 กระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 10 ซอง ขนมขบเคี้ยว 2 ห่อ นมสด 6 กระป๋อง ผ้าเช็ดตัว และผ้าขาวม้า อย่างละ 1 ผืน ข้าวสาร 1 กิโลกรัม เสื้อยืด กางเกง รองเท้าแตะ 1 ชุด เกลือ 1 กระปุก สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แป้ง ไฟแช็ก อย่างละ 1 อัน น้ำดื่มขนาดเล็ก 6 ขวด ยาพาราเซตามอล ยาลดกรดในกระเพาะ ยาแก้แพ้ อย่างละ 20 เม็ด ยาทาแก้โรคผิวหนัง 2 หลอด ยาทาแก้เคล็ดขัดยอก 1 หลอด ยาใส่แผลสด 1 ขวด และปลาสเตอร์ปิดแผล 10 แผ่น
      
       ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเอง ก็แจ๋วไม่ใช่เล่น เพราะตามเทศบาลต่างๆ ก็มีการแจกทั้งข้าวสาร 5 กิโลกรัม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 6 ซอง ปลากระป๋องแบบฝาดึง 6 กระป๋อง น้ำมันพืช 1 ลิตร 1 ขวด น้ำปลา 1 ขวด และน้ำดื่มขนาดเล็ก 12 ขวด
      
       ด้านสโมสรโรตารี่ ก็มีน้ำใจก็เต็มเปี่ยมไม่แพ้กัน เพราะงานนี้แจกทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 5 ซอง ทิชชู่ 4 ม้วน ถุงดำ 1 ห่อ ไฟฉายพร้อมถ่าน 1 ชุด ยาทาแก้โรคผิวหนัง 1 หลอด ขนมปังกรอบไส้สับปะรด 1 ปี๊บ และน้ำดื่มขนาดเล็ก 6 ขวด ขนาดใหญ่ 2 ขวด
      
       แน่นอนว่าที่เอ่ยมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะนอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอีกหลายร้อยแห่ง ทั้งช่อง 3 ทีวีไทย เอเอสทีวี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ฯลฯ ที่ต่างระดมพลเพื่อผลิตถุงยังชีพอย่างเต็มที่ เพราะช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้
      
       เปิดขั้นตอนการผลิต
      
       เห็นของหลากหลายในถุงยังชีพ ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยไม่น้อยว่า อะไรกันหนอที่เป็นปัจจัยสำคัญที่แต่ละหน่วยงานจะตัดสินว่าจะเลือกของชิ้นนั้นชิ้นนี้ลงไปในถุงกันบ้าง รวมไปถึงขั้นตอนที่จะส่งต่อถุงยังชีพไปสู่มือประชาชนด้วย
      
       ในฐานะที่เป็นหน่วยงานแรกๆ ซึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือประชาชน อภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เล่าถึงที่มาที่ไปของถุงยังชีพที่มูลนิธิฯ แจกว่า เป็นไปพระประสงค์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประธานมูลนิธิฯ โดยของที่อยู่ในถุงนี้จะอาศัยหลักการที่ว่าครอบครัวที่ได้ถุงนั้นไปจะต้องสามารถดำรงชีวิตได้อยู่ประมาณ 7 วัน ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแจกจ่ายให้แก่พสกนิกรทั่วประเทศไปกว่า 30,000 ถุงแล้ว
      
       “ของที่อยู่ในถุง หลักๆ เลยก็คืออาหาร ซึ่งที่ต้องมีเลยก็อย่างเช่นข้าวสารอย่างดี 5 กิโลกรัม อาหารแห้ง อันได้แก่ปลากระป๋อง เครื่องกระป๋องทั้งหลาย โดยต้องมีอายุอย่างน้อยประมาณ 6 เดือน นอกจากนี้ก็มีพวกเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งใช้ประจำอยู่ทั้ง จาน ชาม ไฟฉาย ไม้ขีดไฟ อันต่อมาก็คือ ยารักษาโรค เพราะท่านบอกว่าในยามค่ำคืนฉุกเฉิน ไปโอสถศาลาไม่ทันก็สามารถรักษาในเบื้องต้นได้หมด แล้วก็มีพวกเสื้อผ้า ทั้งของผู้ชาย ผู้หญิง ของพระ พวกสบงจีวร
      
       “สรุปก็คือ ในถุงนี้คือปัจจัย 4 นั่นเอง โดยทั้งสองพระองค์จะเป็นผู้พิจารณาของทั้งหมด แล้วก็สั่งซื้อจากห้างใหญ่ๆ ซึ่งตอนนี้ก็รวมทั้งหมด 34 รายการ ส่วนน้ำหนักท่านก็ทรงเพิ่มเรื่อยๆ อย่างตอนแรกๆ ก็ 7-8 กิโลกรัม แต่ตอนนี้ก็ประมาณ 20 กิโลกรัมแล้ว (หัวเราะ)”
      
       หลังจากที่มีการคัดเลือกและเตรียมของเสร็จสิ้นแล้ว ก็ถึงเวลาที่หน่วยงานต่างๆ จะเร่งระดมพลอาสาสมัครใจบุญทั้งหลายมาช่วยกันแพ็กของ เพื่อดำเนินการส่งด้วย อย่าง ณัฐสิรี พงษ์ดี นักศึกษาชั้นปี4 คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ไปร่วมกิจกรรมของทีวีไทย
      
       “ทราบข่าวผ่านทางโทรทัศน์ว่า ต้องการคนอาสาสมัครมาช่วย ก็เลยรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ตนไปช่วย เพราะรู้สึกว่าอยากทำประโยชน์ให้แก่สังคมบ้าง ซึ่งพอมาก็ประทับใจมากๆ เพราะได้เห็นภาพความร่วมมือของหลายๆ ฝ่าย เช่นเห็นภาพครอบครัวที่พ่อแม่พาลูกมาช่วย หรือภาพของคุณลุงคนหนึ่งที่มาช่วย 4-5 วันติดๆ”
      
       เปิดใจคนรับของ
      
       เห็นหน่วยงานใจดีระดมพลกันหนักขนาดนี้ ก็คงต้องหันมาดูในฝั่งผู้ได้รับของกันบ้างว่าจะรู้สึกปลื้มใจกับน้ำใจของคนไทยที่มีให้กันในยามวิกฤตขนาดนี้
      
       อำนาจ เกิดเทพ หนึ่งในผู้ประสบภัยน้ำท่วม จากอำเภอเสาไห้ ตำบลม่วงงาม จังหวัดสระบุรี กล่าวว่า โชคดีมากที่ในหมู่บ้านมีคนมาแจกถุงยังชีพกันตลอด ทำให้อยู่กันอย่างไม่ลำบากมากนัก
      
       “ในหมู่บ้านน้ำท่วมเยอะมาก สูงประมาณ 3 เมตรได้ เวลาออกไปรับถุงยังชีพก็ต้องนั่งเรือออกไปรับ แต่ว่าปีนี้ได้รับความช่วยเหลือเร็วมาก ท่วมวันแรกของก็ถึงมือเราเลย เดลินิวส์ ไทยรัฐ ช่องสาม ของพระราชทานก็มา ส่วนใหญ่ของที่มีในถุงก็จะเป็นข่าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เราก็ได้ใช้หมดทุกอย่าง
      
       “บ้านเราน้ำท่วมทุกปีก็ต้องทำใจแหละครับ พยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกที่ต้องวิ่งไปรับถุงยังชีพนะ ถามว่ามันก็ลำบากไหม ก็ลำบาก แต่เราจะทำอะไรได้ นอกจากคิดในแง่บวกเข้าไว้”
       .........
      
       แม้ช่วงนี้หลายๆ แห่งจะต้องประสบกับภัยพิบัติหนักหนาสักแค่ไหน แต่เชื่อว่าพอได้เห็นภาพความร่วมมือร่วมใจกันขนาดนี้ คงอดรู้สึกซึ้งกับมิตรภาพของคนไทยไม่ได้ ซึ่งก็คงเหมือนกับที่หลายคนชอบพูดกันว่า คนเราจะวัดน้ำใจกันได้ว่ามีแค่ไหน ก็ต้องเป็นช่วงลำบากนี่แหละ
      
       เพราะแม้ในความเป็นจริงถุงยังชีพเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่เครื่องช่วยบรรเทาความปวดร้าวกับภัยพิบัติเท่านั้น แต่ในอีกมุมหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน ก็ถือ ถุงเล็กๆ ดังกล่าวนั้นยังได้ใส่ พลังของน้ำใจอันเปี่ยมล้ม ความปรารถนาดี ความอยากช่วยเหลือ และความเป็นน้ำหนึ่งใจด้วยกันของทุกคนมีให้กันไว้เต็มถุง ซึ่งเพียงแค่เปิดออกมาก็รับรองว่า จะสัมผัสได้อย่างแน่นอน
       >>>>>>>>>>
      
       ผู้ที่สนใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมกับมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ติดต่อได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทเวศน์ โทร 0-2025-3333-5
       ………
      
       เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
       ภาพ : ทีมภาพ CLICK

 
 
ชมภาพเพิ่มเติม คลิ๊กตรงนี้...
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000155968
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2645 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 12:03:13 »

ผลโพลครับ เรื่องการช่วยน้ำท่วม

ไม่มั่นใจความช่วยเหลือถึงมือผู้เดือดร้อนวันที่
05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 10:40:13 น.

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(กรุงเทพโพลล์) เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทั่วประเทศพบว่าประชาชนส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 70 เห็นด้วยกับมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลในการเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการขยายเวลาชำระหนี้และจำหน่ายหนี้สูญในกรณีลูกหนี้เสียชีวิตจากน้ำท่วม อย่างไรก็ตามประชาชนถึงร้อยละ 67.7 ยังไม่มั่นใจว่าความช่วยเหลือจากรัฐบาล จะสามารถไปถึงมือผู้ประสบภัยอย่างครบถ้วนและทั่วถึง

ทั้งนี้ ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจการทำงานของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ปัญหาผู้ประสบภัยน้ำท่วมเฉลี่ย 5.45 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยให้คะแนนในด้านมาตรการต่างๆ ที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยได้มากที่สุด ( 6.22 คะแนน) ในขณะที่ให้คะแนนด้านการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยน้ำท่วมน้อยที่สุด ( 5.07 คะแนน)

ส่วนเรื่องที่ประชาชนเป็นห่วงและกังวลใจมากที่สุดหลังน้ำลด คือ ห่วงเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันเงินงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการฟื้นฟูบูรณะ (ร้อยละ 32.6) รองลงมาห่วงเรื่องโรคระบาด(ร้อยละ 26.7 ) และห่วงเรื่องความล่าช้าในการจ่ายเงินช่วยเหลือ และขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน (ร้อยละ 24.2)

สำหรับแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมในอนาคตที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือ ให้เร่งปลูกป่าและรักษาสิ่งแวดล้อม(ร้อยละ 33.0) รองลงมาคือให้ปรับปรุงระบบชลประทานเพื่อกักเก็บและระบายน้ำให้ดีขึ้น  (ร้อยละ 31.Cool

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1288928526&grpid=00&catid=
      บันทึกการเข้า
wannee
Global Moderator
Cmadong พันธุ์แท้
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: จุฬาฯรุ่นประวัติศาสตร์ 2516
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 4,806

« ตอบ #2646 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 13:51:12 »


สวัสดีค่ะพี่แอ๊ะ  ปิ๊งๆ

กะว่าจะโทร- email คุยกับ พรเทพ 16 เรื่องมางานจุฬาฯ 2516....55 ฮ่า หรือไม่ค่ะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

"เสียด" ภาษาจีนฮากกา แปลว่า หิมะ
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2647 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 14:22:09 »

Forward Mail จากมติชนออนไลน์ครับ แสดงถึงน้ำที่ท่วมอำเภอสวนผึง จังหวัดราชบุรี ในช่วงเดือนกันยายนต่อเดือนตุลาคม 53 ก่อนฝนจะตกหนักที่โคราช

FW:ความน่าสะพึงกลัวของธรรมชาติ!! น้ำป่าพัดถล่มรีสอร์ทหวานพังยับ ทำแขกที่พักขวัญกระเจิง
วันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 23:48:14 น.


ผู้สื่อข่าว "มติชนออนไลน์" ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำป่าไหลบ่าถาโถม จึงขออนุญาตคุณ "จิ้งจอกหลงกรุง" ที่โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นำมาเผยแพร่ให้เห็นถึงความโหดร้ายของภัยธรรมชาติ ซึ่งบางทีต้นตอที่แท้จริงอาจจะมาจากฝีมือมนุษย์อย่างพวกเราก็ได้

 

*********************************************


+++บ้านอ้อมกอดขุนเขา+++ ในวันที่น้ำป่าไหลผ่าน

 

สวัสดีครับ เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวบีพี เป็นครั้งแรกที่ทำรีวิวด้วยใจที่ยังเต้น..ตึก..ตึก..อยู่ เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ค่อนข้างระทึกขวัญมา
 

ไปกันเลยนะครับ..ณ..บ้านอ้อมกอดขุนเขา..อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  ผมพักห้องนี้ครับ

 


เข้าไปหลบฝนในห้องก่อนครับ เพราะเปียกโชกกันทั้งผมและคุณภรรยา





ดูสิครับ ไดร์เป่าผมยังหว๊าน..หวาน



ออกไปดูระเบียงหลังบ้านบ้าง กรุณาสังเกตุน้ำสีแดงๆ และสะพานปูนด้านหลังนะครับ





ไปชมส่วนของหน้าบ้านกันบ้างครับผม เป็นสระน้ำรูปหัวใจครับ แต่ฝนตกผมเลยหลบน้ำฝน ถ่ายได้ไม่เต็มดวง หึหึ




 
คุณภรรยานั่งดูทีวี ในห้อง ส่วนผมไปดูระดับน้ำ

ที่ระเบียงหลังบ้านมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ท

นำกระสอบทรายมาลงไว้เยอะทีเดียว ซึ่งตอนแรก

ผมคิดว่าคงปลอดภัยแต่....




ฝนตกหนักตลอดจนกระทั่งมืด ผมจึงค่อย

ออกไปถ่ายรูปที่หน้าบ้านพัก แต่เป็นเพราะไม่สามารถ

วางขาตั้งกล้องได้รูปจึงเป็นเช่นนี้

รูปสุดท้ายของบ้านแอบรัก ในสภาพที่สวยยังที่สุดในสายตาผม


ถ่ายเมื่อเวลา 22.00น.ของวันที่ 3 ต.ค.2553 ครับบ




ผมและภรรยาเข้านอนกันเวลาประมาณ 22.30 น.
ณ เวลานั้น น้ำที่ลำธารหลังบ้านห่างจากระเบียง
ประมาณ 1.5 เมตร และฝนก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุดครับ

ผมมาสะดุ้งตื่นอีกครั้งเวลา 5.00 น.ภรรยาเรียกน่ะครับ
เธอบอกว่า เตรียมเก็บของเถอะ..
หา..ผมร้อง..ทำไมล่ะ
เธอกวักมือให้ไปดูน้ำที่ระเบียงหลังบ้าน
ผมตัวเย็นวาบน้ำมาถึงระเบียงแล้ว
และสะพานที่ผมบอกให้เพื่อนๆ ดูมันก็ขาดไปแล้ว
เราช่วยกันเก็บของยังไม่ทันเสร็จ
มีเสียงเคาะประตู เปิดออกไปเห็นน้องเจ้าหน้าที่
ยืนหน้าเครียดๆ ...บอกว่า คุณคะกรุณารีบเก็บของ
เราต้องย้ายออกจากที่นี่โดยเร็ว....
ผมกับภรรยาใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที
ในการกวาดทุกอย่างใส่กระเป๋าเดินทาง
น้องเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยยกทั้งถุงทั้งกระเป๋าผมจะยกเองเธอก็ไม่ยอม เฮ้อ..ซึ้ง

เรานั่งรถของน้องที่มาจอดด้านหลังของรีสอร์ท
ฝ่าสายฝนออกไปที่ส่วนต้อนรับ
น้องคนเดิมส่งเสร็จก็วิ่งกลับไปดูแลผู้เข้าพัก
บ้านอื่นต่อ เจ้าหน้าคนใหม่ยื่นข้อเสนอให้
เราไปพักรีสอร์ทอีกแห่งใกล้ๆ กับ Scenery
โดยบ้านอ้อมกอดฯ จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้
ไม่ต้อง ครับ(ค่ะ) ทั้งผมและภรรยาตอบพร้อมกัน
โธ่..แค่นี้บ้านอ้อมกอดฯ ก็เดือดร้อนจะแย่อยู่แล้ว
เรานั่งรอให้เช้าตรงนี้ก็ได้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว
เจ้าหน้าที่คนนั้นยิ้มให้ แล้วกล่าวขอบคุณ

 
จากนั้นเธอก็โทร.สั่งให้แม่บ้านทำความสะอาด
ห้องรับรองที่อยู่ด้านบนของส่วนต้อนรับ แล้วให้
ผมและภรรยาเข้าไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้า
รอจนเช้า ได้เวลาอาหารเราสองคนค่อยลงไป
รับประทานอาหารเช้า ซึ่งจัดแบบบุฟเฟ่ท์
ที่ห้องอาหารของรีสอร์ท

ระหว่างที่กำลังทานอาหาร

ได้ยินคุณผู้หญิงซึ่งจำได้ว่า

เธออยู่บ้านสร้อยฟ้า ที่อยู่ติด

กับบ้านแอบรัก เธอว่า...

บ้านเราน่ะไม่เป็นไร แต่บ้าน

สีชมพูสิ ไม่เหลือ ไปหมดแล้ว..

หา..ผมกับภรรยาหันมองหน้ากัน

อะไรนะครับ... ผมถาม

..ก็บ้านข้างๆพี่น่ะ..มันพังลงมาหมดแล้ว..

 
แค่นั้นแหละครับ ผมมองหน้าภรรยา

เธอไม่พูดอะไร นั่งก้มหน้าเหมือนไม่สนใจ

แต่ผมรู้ว่าเธอเครียด เพราะเธอไม่กินอะไรต่ออีก

นิ่งไปสักครู่เธอก็บอกว่า..ไปดูบ้านเรากัน.. 

ไม่มีคำพูดจากผม..เพราะพูดไม่ออกครับ

ได้แต่ลุกเดินจูงมือกันไป ฝนยังไม่หยุด

แต่เราไม่สนใจ ภรรยาผมปกติเธอกลัวฝน

อย่างกับอะไรดี เพราะเธอเป็นโรคภูมิแพ้

แต่ครั้งนี้เธอเดินเร็วซะจนผมต้องวิ่งอ่ะ



แล้วภาพที่เราสองคนเห็นตรงหน้า

มันทำให้ลูกผู้ชายอย่างผมน้ำตาซึม

บ้านที่เราอยู่อย่างมีความสุขแม้เพียง

คืนเดียวมีสภาพเป็นอย่างนี้..ไปแล้ว




เรายืนอยู่พักนึง แล้วก็เดินกลับไปที่ส่วนต้อนรับ
เห็นเจ้าหน้าที่ผู้ชาย 2 คน คุยกันอยู่เรื่องน้ำท่วม
ผมถามว่าถนนที่จะเข้าตัวเมืองเป็นอย่างไรบ้าง
เจ้าหน้าที่บอกว่า..ตอนนี้รถเล็กยังแล่นได้..แต่ถ้า
ผ่านไปอีกชั่วโมงก็ไม่แน่ เพราะฝนยังไม่หยุดตก
น้ำบนเขาตะนาวศรีก็ไหลลงมาเรื่อยๆ

ผมกับภรรยาจึงตัดสินใจกลับกรุงเทพฯทันที
เราชำระเงินส่ว นที่เกินทั้งหมด ก่อนจะกล่าวอำลา
...บ้านอ้อมกอดขุนเขา..ในเวลาประมาณ 8.00 น.
และมาถึง บ้านที่บางบัวทองเวลา ใกล้เที่ยงครับ


จากคุณ
: จิ้งจอกหลงกรุง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 17:15:58
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1288871335&grpid=01&catid=
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2648 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2553, 13:38:18 »

หมอเสียด e-mail พรเทพ16

thailandlaw@hotmail.com ค่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2649 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2553, 22:26:35 »

เสียดาย บ้านสวย resort สวยๆจัง

เสียดายผ้าปูที่นอนสีชมพูด้วยยยยยยยยยยยย


แต่น้ำยังไม่มาถึงยโสธรเลยค่ะ

พี่แอ๊ะคอยน้ำให้มาได้แล้วววววววววววว

และคอยระวังอยู่ค่ะ

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
  หน้า: 1 ... 104 105 [106] 107 108 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><