23 พฤศจิกายน 2567, 02:02:35
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 81 82 [83] 84 85 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 797069 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2050 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553, 22:48:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ mek เมื่อ 16 พฤษภาคม 2553, 20:59:44
อ้างถึง
ข้อความของ เต้ ณ บ้านครู เมื่อ 16 พฤษภาคม 2553, 20:41:38
น้ำตาซึมเลยครับ ขอบคุณพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=qtgJMOEREMw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=qtgJMOEREMw</a>

วาทะแห่งปีเลยครับ สุดยอดจริง ๆ

คุณออฟ-พงษ์พัฒน์ ขึ้นรับรางวัลผู้แสดงนำฝ่ายชาย"นาฎราช" จากบทแสดงนำในละคร"พระจันทร์สีรุ้ง"
โดยมีคำกล่าวดังนี้- บทนี้เป็นบทเกี่ยวกับพ่อ พ่อเป็นเสาหลักของบ้าน
บ้านของผมหลังใหญ่ มาก เราอยู่กันหลายคน
ผมเกิดมา เราก็อยู่กันอย่างสงบมานาน
บรรพบุรุษของพ่อเสียเหงื่อ เสียเลือดเอาชีวิตเข้าแลก กว่าจะได้
บ้านหลังนี้มา จนมาถึงวันนี้ พ่อคนนี้ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน
ดูแลความสุขของทุกๆ คนในบ้าน ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจ
เรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ แต่พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ
คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกคนๆ นั้นว่า
ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ
เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ ที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ
ผมรักในหลวงครับ และผมก็เชื่อว่าทุกคน
ก็รักในหลวงเหมือนกัน.....

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2051 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 08:04:48 »

บทบรรณาธิการ นสพ. แนวหน้า ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2553

บทบรรณาธิการ 
 
สังคมหนุนรัฐสลายม็อบเสื้อแดง (บทบรรณาธิการ) 
 

 
      แม้จะเกิดสงครามกลางเมืองจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากหลังจากที่รัฐบาลโดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ได้ส่งกำลังทหารใช้มาตรการกดดันเพื่อขอคืนพื้นที่ย่านราชประสงค์ จากม็อบคนเสื้อแดง แต่จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ที่สุ่มตัวอย่างผลสำรวจความเห็นของชาวกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 1,387 คน ระหว่างวันที่ 14-15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กลับสะท้อนให้เห็นว่า กระแสสังคมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการของรัฐบาล

      ผลสำรวจชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 51.33 เห็นด้วยกับมาตรการสลายม็อบเสื้อแดงเพราะถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการยุติการชุมนุมไม่ให้ยืดเยื้อออกไปอันจะส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจและต่อประเทศชาติอย่างมาก ขณะที่ร้อยละ 40.16 ไม่เห็นด้วยโดยให้เหตุผลว่าจะทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งไม่อยากให้คนไทยฆ่ากันเอง ตลอดจนทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ส่วนร้อยละ 8.51 ไม่แน่ใจเพราะยังไม่มั่นใจว่ามาตรการของรัฐบาลจะสามารถทำให้การชุมนุมที่ยืดเยื้อของม็อบคนเสื้อแดงยุติลงได้จริงหรือไม่

     ข้อน่าสังเกตก็คือ ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลต่อทัศนะของประชาชนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยกเลิกข้อเสนอที่จะยุบสภาและกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ หลังจากที่แกนนำคนเสื้อแดงเล่นแง่ไม่ยอมรับแผนสร้างความปรองดอง ปรากฏว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 42.32 เห็นด้วยกับท่าทีของนายกรัฐมนตรี เพราะเห็นว่า คนเสื้อแดงไม่จริงใจกับแผนการปรองดองและไม่ยอมสลายการชุมนุมตามเงื่อนไขที่มีการเจรจากับฝ่ายรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 39.40 ไม่เห็นด้วยกับคำประกาศของนายกรัฐมนตรีเพราะเห็นว่า ควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินปัญหาของบ้านเมืองและการยกเลิกกำหนดการเลือกตั้งยิ่งจะทำให้คนเสื้อแดงใช้เป็นข้ออ้างชุมนุมต่อไป ส่วนร้อยละ 18.28 ไม่แน่ใจ

      ทั้งนี้ โดยปกติหากเป็นการชุมนุมของมวลชนจนต้องใช้กำลังทหารเข้าสลายฝูงชนจนเกิดการสูญเสียดังเช่นเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่มักจะมีทัศนคติในด้านลบต่อฝ่ายรัฐบาล แต่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกลับตรงกันข้ามโดยประชาชนส่วนใหญ่กลับสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งที่เป็นเช่นกันนี้ ก็เพราะความเคลื่อนไหวของม็อบคนเสื้อแดงตลอดช่วงที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไร้ความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นการเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อคนเพียงคนเดียง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีพฤติกรรมเข้าข่ายก่อการร้ายที่ใช้วิธีการอันรุนแรง รวมทั้งพยายามยั่วยุสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่สงครามกลางเมืองจนเข้าสู่ภาวะรัฐล้มเหลวตลอดจนบ่อนทำลายทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงหายนะใดๆ ที่จะเกิดกับชาติบ้านเมือง

      ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความชอบธรรมในการดำเนินมาตรการที่จะกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายและสลายการชุมนุมม็อบคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวคู่ขนานเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งนี้รัฐบาลต้องตระหนัก ก็คือรีบยุติวิกฤตการณ์ให้จบลงโดยเร็วและเกิดความสูญเสียให้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อนและความสูญเสียที่จะบานปลายตามมาจนเข้าสู่ภาวะรัฐล้มเหลว 
 
วันที่ 17/5/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=211343
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2052 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 08:06:55 »

โพลของ นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ณ เวลา 21.00 น. วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 53 เวลาโดยประมาณ



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2053 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 08:13:15 »

บทบรรณาธิการ นสพ. ไทยโพสต์ ออนไลน์ วันนี้, ให้ความเห็น ต่อการเรียกร้อง UN ให้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน จากเดิมที่"ทักษิณ" เคยปรามาส UN ไว้ว่า UN ไม่ใช่พ่อ

ยูเอ็น...ไม่ใช่พ่อ
บทบรรณาธิการ 17 พฤษภาคม 2553 - 00:00

     คำถาม..ใคร?!?ทำให้ประเทศไทยมีสภาพอันน่าเศร้าสลดใจเฉกเช่นในวันนี้  คงไม่น่าอเนจอนาถใจเท่ากับที่กลุ่มผู้ทำร้ายประเทศไทยกำลังเรียกร้องขอให้ "คนนอก" อย่างองค์การสหประชาชาติยื่นมือเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ทั้งๆ ที่สถานการณ์อันเลวร้ายไม่ผิดกับสงครามกลางเมืองนั้น สามารถยุติลงได้ก่อนหน้านี้ หากแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ตอบรับข้อเสนอแผนการปรองดองแห่งชาติของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
     ชื่อขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เป็นที่รับทราบว่าเป็นองค์กรอิสระเพื่อส่งเสริมการสร้างสันติภาพของโลก โดยมีภารกิจหลักในการเป็นเวทีสำหรับการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาท การรักษาสันติภาพและความมั่นคง รักษาสิทธิมนุษยชนและให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประเทศสมาชิกทั่วโลกรวมทั้งประเทศต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติประการใด ที่มีกระแสข่าวแจ้งว่า เลขาธิการยูเอ็น นายบัน คี มูน ออกมาแสดงความกังวลต่อปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศไทย
     แต่เป็นเรื่องที่น่าสังเวชและอัปยศอดสูใจมากกว่า ที่มีคนไทยทั้งแกนนำ นปช. และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องขอให้ยูเอ็นเข้าเป็นคนกลางในการแก้ไขปัญหาในบ้านตัวเอง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงแล้ว ต้นเหตุแห่งความรุนแรง ที่มาของภาพทหารอาวุธครบมือ เดินเป็นกำแพงเข้าไปล้อมกรอบปิดถนนราชประสงค์ ตัดน้ำตัดไฟในพื้นที่ต่างๆ รอบบริเวณม็อบเสื้อแดงนั้น เกิดจากการปลิ้นปล้อนพลิกลิ้นของแกนนำ นปช. ที่ไม่ยอมทำตามคำพูดในการประกาศสลายการชุมนุมหลังจากที่รองนายกรัฐมนตรีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจ
     แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย อันเกิดจากจลาจลในเขตกรุงเทพมหานครจะทวีความรุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 25 คน และมีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คนในระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมเป็นต้นมา แต่หากมีจิตใจที่เป็นกลางและรับรู้เหตุการณ์ที่เป็นขั้นเป็นตอนมาตั้งแต่การชุมนุมปิดถนนผ่านฟ้าเมื่อเดือนมีนาคม จนถึงถนนราชประสงค์เมื่อเดือนเมษายน และขยายบานปลายมาจนถึงการก่อการร้ายที่ถนนสีลมและศาลาแดง สร้างปัญหาให้กับแพทย์พยาบาลและผู้ใช้บริการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กระทั่งเกิดเหตุ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดงถูกยิงเจาะศีรษะอาการเป็นตายเท่ากันนั้น  คงยากที่จะปฏิเสธว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากแกนนำ นปช.ที่ปราศจากสำนึกรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองก่อและกระทำมาตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน
     ฉะนั้น ถ้าต้องการเห็นบ้านเมืองคืนสู่ความสงบอย่างแท้จริง ปรารถนาไม่อยากเห็นชาวบ้าน ชุมชนคนรักเสื้อแดง รวมทั้งประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ด้วยเลย ต้องประสบปัญหาสุ่มเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและเสียคนที่ตนเองรัก นปช.สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาร้องเรียกยูเอ็นที่ตัวเองนั่นแหละเคยพูดจาใหญ่โตข่มท่านว่า "ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ" เมื่อคราวเป็นรัฐบาลปกครองประเทศ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ หรือหวังว่าจะเป็นหนทางให้ตัวเองรอดชีวิตท่ามกลางการปฏิบัติการเอาจริงของรัฐแต่อย่างใด
     ขอยืนยันว่า การเรียกยูเอ็นเข้ามาช่วยของ นปช. มีแต่เสียกับเสีย เสียแรก คือ กิจการภายในประเทศควรแล้วหรือที่จะให้คนนอกเข้ามาบริหารจัดการ เหมือนเอาประเทศของตัวเองใส่พานไปให้คนอื่นฉันใดฉันนั้น เสียประการที่สอง คือ เป็นการตอกย้ำว่า นปช.ทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด  ใช้โล่มนุษย์ป้องกันตัวเองยังไม่พอ เมื่อจวนตัวก็คว้าหาคนช่วย โดยไม่สนใจเลยว่า เคยเป็นคนที่ตัวเองก่นด่าอย่างสาดเสียมาแล้ว..เหี้ย..ม.ม้าวิ่งตามไม่ทันแท้ๆ.

http://www.thaipost.net/news/170510/22279
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2054 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 08:37:22 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของทหารในรอบ 3 วันที่ผ่านมา

คอลัมม์ที่ทุกคนอยากอ่านมากที่สุด ในขณะนี้


เมื่อ "เสือแห่งกองทัพ" ขยับกรงเล็บ
เปลว สีเงิน 17 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      พี่น้อง-ประชาชนครับ ท่านจะทุกข์ จะหวาดกลัว จะท้อแท้-สิ้นหวัง ในภาวะคล้าย "บ้านแตก-สาแหรกขาด" นี้ก็ตามเถิด แต่ขอให้ "มีสติ" ในการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง  และขอให้มั่นใจว่า พวกเรา-คนไทยทุกคนจะต้องก้าวผ่าน "มิคสัญญี" ร้ายแรงในรอบ ๒๒๘ ปีแห่ง "กรุงรัตนโกสินทร์" นี้ร่วมกันไปได้แน่นอน
      ถึงแม้ ณ กาลนี้ ยอดปราสาทราชวัง และวัดพระแก้วมรกต "ศูนย์รวมใจ" ของไทยเรา จะหม่นเศร้าอยู่ในม่านหมอกแห่งควันดำที่คลุ้มคลุมเมืองไปบ้าง นั่นก็ขอให้เข้าใจเถิดว่า ก่อนฟ้าเปิด "สู่อนาคตใหม่" ที่สดใสของไทยเรา วิบากกรรมที่เราทุกคนร่วมสร้างกันไว้ ณ กาลนี้...เราทั้งหลาย ได้ชดใช้แล้ว!
      เราจะรับอนาคตใหม่ ก็ต้องจ่ายให้อดีดผ่านปัจจุบันนี้ไปบ้างเป็นธรรมดา อย่าเอาแต่โทษใคร อย่าทุกข์ทนหม่นเศร้ากันไปเลย ตู่เอ๋ย ณัฐวุฒิเอ๋ย และทุกคนในแกนนำ นปช.ไม่มีใครผิด-ใครถูกหรอก เพียงแต่สิ่งที่ทำนั้น ฝืนมติฟ้า-ดิน หยามหมิ่นแผ่นดินบรรพบุรุษสร้าง และสวนทางใจแห่งมหาประชาชนไทย ยังไม่สาย "ยืดได้-หดได้" คือลูกผู้ชายแท้! ดันทุรัง คือตาย กลับใจมาร่วมกันแผ้วถางสร้างทางใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย ตามครรลอง ถูกต้องวิถีไทยเถิด เป็นความเมตตายิ่งใหญ่ของธรรมชาติยิ่งนัก นอกจากมอบ "ประสาทจำ" ให้มนุษย์แล้ว ยังมอบ "ประสาทลืม" มาด้วย ฉะนั้น ตู่-เต้น-เหวง-กี้-แรมโบ้ เอ๋ย...ใช้ "ประสาทลืม" ให้เป็นประโยชน์เถิด อย่าเกี่ยงงอน-ตั้งแง่ รีบหันหน้ามาสนทนาภาษาสันติสุขกับทางการเขา!
      ผมคำนวณลิขิตฟ้าแล้ว นับจากนี้ กองทัพที่คล้ายนิทรามากว่า ๗ เดือน ค่อยๆ พลิกฟื้นคืนสติและมีพลังสร้างสรรค์ยิ่งใหญ่แล้ว ยิ่งเลยผ่านวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤษภาไป ผมจะบอกให้ ไม่ว่าสีไหน-หน้าไหน ถ้าใครยังทำเปรอะเลอะเทอะประเทศชาติ-สถาบัน ทหาร-คือกองทัพจะไม่ปล่อยไว้ และจะไม่มีใครจะต้านได้ด้วย ไม่ว่าแดง หรือดำ หรือเขียว หรือเหลือง หน้าไหนทั้งนั้น!
      ขอให้ท่านทั้งหลายมั่นใจ จากวันจันทร์นี้เป็นต้นไป โจรเมืองที่ตกเข้าไปอยู่ในบ้านของรัฐบาล และ ศอฉ.ซึ่งมีความชอบธรรมในการใช้อำนาจ เรียกว่าเสาร์เข้าบ้านพุธที่ราศีกันย์ และเล็งพฤหัสดาวแห่งคุณธรรมในบ้านของเขาที่ราศีมีน พฤหัสโยงถึงอาทิตย์ อาทิตย์โยงถึงเสาร์ เสาร์โยงถึงราหูในบ้านพฤหัส และราหูโยงถึงพฤหัสที่กลับถึงบ้านแล้วเป็นรูป ๔ เหลี่ยมเช่นนี้
 งานนี้รัฐบาลมีชัย โจรร้าย...ตายหยั่งเขียด แอ๊บ..แอ๊บ!
      แต่จบจลาจลคราวนี้แค่ "จบชั่วคราว" ไปปลายมิถุนา จนถึงปลายกรกฎา ผมคิดว่าทั้งรัฐบาล โดยนายกฯ อภิสิทธิ์ และทั้งทหารคือกองทัพทั้ง ๔ อาจมีการเสียสละบนความคิดสร้างสรรค์ร่วมกันผ่าน "รูปแบบใหม่" ที่ดีกว่า หนีจากคำว่า "รัฐประหาร" เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าสู่มิติใหม่โดยไม่ต้องไปคว่ำพานรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ ปรัชญา คือ มีเพื่อรับใช้สังคมชาติ ไม่ใช่เอาสังคมชาติไปรับใช้รัฐธรรมนูญ ตรงนี้-มันคืออะไร เอาไว้ผ่านมิคสัญญีไป ค่อยคุยกันตอนนั้นก็ยังไม่สาย!?
      จากดวงเมืองกับดาวจรปัจจุบัน ผมเพิ่งเห็นรัฐบาล-ทหาร ผ่าน ศอฉ.เดินแต้มได้สอดคล้องกับวิถีดาวใน ๒-๓ วันนี้เอง นั่นคือ ปากเป็นเอก-เลขเป็นโท-วิชาเป็นตรี ก็ขอชมว่า ถูกต้องและเหมาะสมดีแล้วที่ ศอฉ.จัดให้ แม่ทัพ-นายกอง ที่ปฏิบัติงานทั้งหลาย เวียนกันออกมาชี้แถลงข่าวสารผ่านจอโทรทัศน์ตามกาลอันควรต่อเนื่อง-ทุกวัน "สื่อสาร-การข่าวครองโลก" รััฐบาล-ทหาร ตีประเด็นตรงนี้เข้าใจ ทุกอย่างก็...สบายไม่ต้องใส่ห่วง! จากที่เคยทำให้เข้าใจว่า ทั้งโลกนี้มีแค่ ๒ คน คือ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด กับ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร โดดเดี่ยว-โด่เด่ หน้าจอมาเป็นแรมเดือน แต่บัดนี้ ประชาชนที่ว้าเหว่ และว้าวุ่น เหมือนลอยคอในทะเลหาที่เกาะไม่ได้ แต่เมื่อมีนายกฯ บ้าง มีแม่ทัพ-นายกอง เสนาธิการ สะพรึ่บทั้ง ๔ เหล่าทัพ "ดาราคับจอ" ออกมาเล่าแจ้งแถลงไข ให้เห็นหน้าวันละ ๒-๓ เวลา ตาที่ค้างของประชาชนค่อยหรี่หลับไปกับหมอน...นอนสบาย!
      มีประเด็นหนึ่งที่บางท่านอาจสงสัย และไม่แน่ใจ คือโลกทุกวันนี้คล้าย "รวมศูนย์" เรื่องในบ้านเราแท้ๆ ก็พยายามดึง "คนนอกบ้าน" ให้เข้ามาจุ้นจ้านเหมือนบ้านเมืองเสียเอกราช อย่างพวกกบฏแผ่นดินใกล้ตาย จตุพรก็แหกปากโวยวายให้ UN เข้ามาบ้าง จะไปฟ้องศาลโลกว่ารัฐบาลฆ่ากองโจรกบฏแผ่นดินอย่างพวกเขาบ้าง ผมจะบอกให้เข้าใจ "ไม่ต้องไปสน" เพราะการปราบกบฏของ ศอฉ.ขณะนี้ ชอบธรรม และถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง จะพูดว่า ได้รับความเห็นชอบจาก "ศาลสถิตยุติธรรม" แล้วก็ย่อมได้ ฉะนั้น ยูเอ็น หรือองค์กรไหน ไปไกลๆ เลย! คืออย่างนี้ครับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.นั่นแหละให้ทนายไปร้องต่อศาลแพ่งขอคุ้มครองชั่วคราว และขอให้ศาลมีคำสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าสลายการชุมนุมโดยใช้อาวุธสงคราม และห้ามไม่ให้มีการปิดกั้น หรือขัดขวาง ไม่ให้รถขนอาหารและน้ำดื่มเข้าไปบริเวณพื้นที่การชุมนุม บริเวณแยกราชประสงค์
      แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ คือศุกร์ที่ ๑๔ พ.ค.ตอน ๕ โมงเย็น ท่านศาลพิจารณาคำร้องแล้วก็มีคำสั่งออกมาดังนี้.....
      ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) จำเลยที่ ๑-๒ ได้กำกับควบคุมสั่งการให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีประกาศศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ฉบับลงวันที่ ๑๓ พ.ค.๕๓ และต่อมามีปฏิบัติการตามประกาศฉบับดังกล่าว เพื่อสกัดกั้นมิให้ประชาชนที่อยู่นอกพื้นที่การชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เข้ามาสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเดิมบริเวณสี่แยกราชประสงค์นั้น เป็นมาตรการหนึ่งในการสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง ไม่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และไม่ส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ อันเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารที่จำเป็นต้องดำเนินการ แม้ปฏิบัติการดังกล่าวจะทำให้ผู้ชุมนุมได้รับความกระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่ตามคำร้อง ก็อยู่ในมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อยประการหนึ่ง ซึ่ง เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ศาลจึงมิอาจก้าวล่วงไปพิจารณา หรือทบทวนการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหารนั้นได้
      ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองมีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความจากนายคารม พลทะกลาง ทนายความโจทก์ว่า เหตุการณ์ใช้อาวุธต่อบุคคลที่ระบุในคำร้องไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด ประกอบกับการที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมืองโดยมีอาวุธติดตัว ซึ่ง หากมีความจำเป็นก็สามารถนำมาใช้ เพื่อระงับยับยั้งได้ตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือป้องกันตนเองได้ อันเป็นไปตามหลักสากล กรณียังไม่มีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามที่โจทก์ขอมาใช้บังคับได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

      ครับ..ก็ชัดเจนว่า สิ่งที่รัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ในนาม ศอฉ.ทำอยู่ขณะนี้ เป็นไปตาม ๗ ขั้นตอนสากล "เบาไปหาหนัก" ถูกต้อง ไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือเป็นอย่างที่พวกกบฏและพรรคการเมืองแก๊งกบฏพยายามแหกปากตะโกนบิดเบือนความจริงให้เห็นเป็นว่า "รัฐบาลฆ่าประชาชน"
      เราทั้งหลาย ในฐานะสุจริตชนพลเมือง ถ้าไม่ให้กำลังใจรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ในการทำหน้าที่ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทำตัวเป็นปฏิปักษ์-ขัดขวางเลย เพราะสิ่งที่เขาทำก็เพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมือง ถ้าเขาหวังสุขเฉพาะตัวของเขา เพียงอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร อย่างนั้นเขาจะสุขกว่าออกมาเหนื่อย-หนัก แถมถูกด่าอีกตะหาก!
      เมื่อรัฐบาลและทหารรุก ดูจะรุกดุดันและต่อเนื่อง ก็ดูซี...ตัดท่อน้ำเลี้ยงชนิด "กระชากหน้ากาก" ให้เห็นหน้าเนื้อว่าใคร-เป็นใครจะแจ้งกันไปเลย ทั้งบริษัท-ห้างร้าน และบุคคลกว่าร้อยรายที่ถูกห้ามทำ "ธุรกรรมทางการเงิน" แบบนี้-พูดได้คำเดียวว่า...หน้าไหนยังซ่าต่อ ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ อยากลองของก็...เรียงหน้าเข้ามาเลย !!!
      ปฏิบัติการนี้ "เคลียร์-คัท" กว่า ๑๙ กันยา ๔๙ เป็นไหนๆ.

http://www.thaipost.net/news/170510/22290
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2055 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 08:50:47 »

คอลัมม์ "่ท่านขุนน้อย" ที่ต้องการ "แรงกดดันทางสังคม" เข้าช่วยสลายการชุมนุม

แรงกดดันทางสังคม
ท่านขุนน้อย 17 พฤษภาคม 2553 - 00:00

       อดทน อดกลั้น กันต่อไปอีกซักพัก...อย่ามัวแต่วูบๆไหวๆ หวิวไป หวิวมา คิดโน่น คิดนี่ แบบพวก นักวิชาการถังสังฆทาน อย่างที่ ป๋าเปลว สีเงิน ท่านให้คำจำกัดความเอาไว้ เพราะมีแต่ความหนักแน่น การแสดงออกถึงความร่วมมือ ร่วมใจ ในการฟื้นฟูกฎ ระเบียบ ของสังคมให้หวนคืนกลับมาเท่านั้น ที่จะเหลือเป็นทางออกของประเทศไทย ไม่ว่าในช่วงระยะปัจจุบัน หรือ ในอนาคตข้างหน้า ก็แล้วแต่...
                                                                        ------------------------------------------
      ปฏิบัติการกระชับวงล้อม หรือปฏิบัติการปิดล้อมของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมานี้ ถือได้ว่าเป็นปฏิบัติการที่แสดงออกถึง เมตตาธรรม อย่างถึงที่สุดแล้ว ในการจัดการกับนักเคลื่อนไหวมวลชน ที่จับเอามวลชนของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่เด็ก สตรี คนชรา เอาไว้เป็นตัวประกัน ตลอดไปจนถึงกลุ่มกบฏ หรือพวกผู้ก่อการร้าย ที่จับเอานักเคลื่อนไหวมวลชนไว้เป็นตัวประกันกันอีกทอดหนึ่ง ท่ามกลางความเหี้ยมโหด อำมหิต ของกลุ่มคนทั้งสอง ซึ่งได้แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าใครก็ใคร...ต่างก็ยอมรับไม่ได้ด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าหากเป็นบ้านอื่น เมืองอื่น แม้กระทั่งบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตยแบบสุดๆ ก็เถอะ การกระทำเหล่านี้...ย่อมต้องได้รับผลตอบแทนจากสังคมทั้งสังคม ชนิดแหลกราญ ยับเยิน ไม่เป็นชิ้นดีไปนานแล้ว...
                                                                       -----------------------------------------
      ส่วนสังคมไทยของเรา...แม้นว่าในช่วงระยะหลังๆ การแยกแยะ ถูก-ผิด การแยกแยะ ความดี-ความชั่ว ออกจากกัน อาจจะออกไปในทางสับสน มั่วๆ มึนซ์ซ์ๆ อันเนื่องมาจาก นักวิชาการถังสังฆทาน ในบ้านเรา ค่อนข้างจะมีอยู่เยอะแยะเป็นพิเศษ หรือจะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว...ไม่ว่าโดยข้อเท็จจริงในเชิงประจักษ์ ความจริงในเชิงอนุมาน อรรถาปัตติ หรือ อนุปลัพธิ ฯลฯ ก็ตาม มันล้วนแต่ได้พิสูจน์ ยืนยัน ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าใครกันแน่??? ที่ยืนอยู่กับ ผลประโยชน์ส่วนตัว อันมี ตัวกู-ของกู เป็นที่ตั้ง และใครกันแน่??? ที่ยืนอยู่บน ผลประโยชน์ส่วนรวม อันมีความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นสำคัญ ถ้าหากเราไม่เอาหัวทั้งหัว อันประกอบไปด้วยกะโหลก ที่เป็นเครื่องห่อหุ้มมันสมอง มุดลงไปในชักโครกก่อนที่จะคิด อ่าน ประการใดแล้ว...เราก็น่าจะตัดสินใจได้ไม่ยากว่า...ใครถูก-ใครผิด ใครดี-ใครชั่ว ภายใต้สถานการณ์ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในทุกวันนี้...
                                                                      --------------------------------------------
      ผู้ซึ่งพร้อมจะนำเอาชีวิตของเด็ก สตรี คนชรา นับเป็นพันๆ หมื่นๆ ชีวิต มาใช้เป็นเงื่อนไข ต่อรอง เพียงเพื่อแลกมากับการที่ รองนายกรัฐมนตรีจะต้องเดินไปพิมพ์นิ้วมือกับตำรวจ ณ โรงพักแห่งไหนต่อแห่งไหน ก็มิอาจทราบได้ หรือเพื่อให้เกิดการยุบสภา ทั้งๆ ที่ก็เคยมีการกำหนดวันเลือกตั้งไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะมีฐานะเป็น ส.ส. ที่ชักลากประชาชนของตัวเองมาเสี่ยงกับอันตราย หรือ แกนนำมวลชน ที่พยายามสร้างแฟนคลับของตัวเองขึ้นมาในแต่ละราย นอกจากเป็นผู้ที่แสดงออกถึงความโง่ งมงาย ในระดับสุดแสนจะ  ซิลลี่ เละเทะ เลอะเทอะ ยิ่งกว่าเด็กเล่นขี้แล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเหี้ยมโหด อำมหิต ความเห็นแก่ตัวแบบสุดๆ โดยไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าชีวิตมนุษย์ แม้แต่มนุษย์ผู้ทุ่มเทความรัก ความปรารถนาดี ให้กับตัวเอง หรือ กลุ่มก้อนตัวเองมาโดยตลอด
                                                                 ------------------------------------------------
      ยิ่งเป็นพวกกบฏที่พยายามนำเอา ความโง่ งมงาย เหล่านี้มาใช้ เป็นเปลือกห่อหุ้มปฏิบัติการทางทหารของตัวเอง หรือ นำเอาประชาธิปไตย มาใช้เป็นเปลือกให้กับขบวนการก่อการร้าย จะด้วยความ ร้อนวิชา อันได้รับมาจากตำราทฤษฎีว่าด้วย การก่อการร้ายในเมือง หรือ ด้วยผลประโยชน์เงินๆ ทองๆ ลาภ ยศ สรรเสริญ ใดๆ ก็แล้วแต่ ปฏิบัติการป่วนบ้าน ป่วนเมือง ในช่วงระยะวันสองวันที่ผ่านมานี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่รู้สึกรู้สาต่อความสูญเสียใดๆ ในระหว่างการปฏิบัติการโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม หรือ ระหว่างที่ฝ่ายตรงข้ามตอบโต้ตัวเองเอาเลยแม้แต่น้อย ศพแล้ว ศพเล่า ที่ร่วงผล็อยๆ ลงไป ไม่ว่าจะเป็นศพเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ศพของประชาชนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือกระทั่งศพของพวกเดียวกันเอง...กลับมีค่าเป็นเพียงแค่ แรงกดดัน เพื่อให้รัฐบาลต้องยอมหันมาศิโรราบ หันมาประนีประนอมกับข้อต่อรอง อันมี ผลประโยชน์ของคนคนเดียว เป็นศูนย์กลางแต่เพียงเท่านั้น...
                                                                        --------------------------------------------------
      ความอำมหิต โหดเหี้ยม ชั่วช้า อันสุดแสนจะประมาณได้เช่นนี้...ถ้าหากเราไม่กระทำตัวเป็น ม้าลำปาง หรือ ไม่นำเอา แว่นสีแดง ออกมาสวมใส่จนมองไม่เห็นสีอื่นใดในโลกนี้ เราก็น่าจะตอบคำถามต่อ จิตสำนึก ของตัวเราเองได้ไม่ยากว่า...อะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรชั่ว กันแน่??? หรือถึงแม้นเราจะพยายามดิ้น พยายามตะแบง จนไม่เหลือสีข้าง ซีกซ้าย ซีกขวา ติดตัวเอาเลยก็ตาม แต่ถ้าหากเรายังเป็น มนุษย์ และยังพอมองเห็นถึง คุณค่าความเป็นมนุษย์ อยู่บ้าง อย่างน้อยเราก็น่าที่จะตัดสินใจได้ไม่ยากว่า...การเคี่ยวเข็ญ ทรมาน ให้มวลชน นับพัน นับหมื่น ต้องกลายมาเป็นเกราะกำบัง เป็นโล่ป้อง หรือ เป็นเปลือกห่อหุ้มปฏิบัติการก่อการร้าย ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่มิอาจพึงรับได้อีกต่อไปโดยเด็ดขาด...
                                                                        -----------------------------------------------
      แรงกดดันทางการทหารด้วยการกระชับวงล้อม หรือ ด้วยการปิดล้อมก็แล้วแต่...มันอาจมีผลอยู่บ้างในบางระดับ แต่ถ้าหากปราศจากเสียซึ่ง แรงกดดันทางสังคม โดยเฉพาะสังคมที่ยังพอหลงเหลือสัญชาตญาณแห่งความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง ที่พร้อมจะออกมาปฏิเสธ การนำเอาชีวิตมนุษย์มาใช้เป็นเครื่องมือต่อรองในทางการเมือง พร้อมที่จะปฏิเสธความเหี้ยมโหด อำมหิต ของนักการเมือง หรือ กลุ่มการเมืองใดๆ ก็ตาม ผู้ซึ่งแสดงออกถึงความเห็นแก่ตัวแบบสุดฤทธิ์ สุดเดช...โอกาสที่จะลดจำนวนความสูญเสีย หรือ โอกาสที่จะหาข้อยุติความขัดแย้งอย่างยั่งยืน ถาวร มันคงเป็นไปได้ลำบากเอามากๆ เพราะไม่ว่าสังคมใดๆ ก็ตาม ถ้าหากต้องสูญเสียสัญชาตญาณแห่งความเป็นมนุษย์ สูญเสียมโนธรรมขั้นพื้นฐาน ในการแยกแยะ ความถูก-ผิด ระดับหยาบๆ ง่ายๆ ลงไปแล้ว...รับรองว่าสังคมนั้นมีแต่ต้องปั่นป่วน วุ่นวาย กันไปอีกนาน นานจนกว่าความตาย ความสูญเสีย ของเพื่อนมนุษย์ภายในสังคมเดียวกันเอง จะกลายเป็นสิ่งมีน้ำหนักยิ่งกว่าข้อเรียกร้องทางการเมืองแบบโง่ๆ ทั้งหลาย...
                                                                     ----------------------------------------------------
      ถึงเวลาแล้ว...ที่สังคมทั้งสังคม จะต้องร่วมกันสร้างแรงกดดันอย่างเป็นเอกภาพ เพื่อไม่ให้ประเทศทั้งประเทศ และชีวิตเพื่อนมนุษย์ในสังคมทั้งสังคม ต้องพังพินาศ ยับเยิน เพื่อแลกมากับ ผลประโยชน์ของคนคนเดียว ผู้ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เป็นผู้ที่มีอำนาจในการควบคุม บงการ บีบบังคับให้แกนนำมวลชนเท่าที่เหลือ ตลอดไปจนถึงกองกำลังก่อการร้าย แสดงอาการดื้อดึง ยื้อยุด ฉุดกระชาก สถานการณ์ให้จ่อมจมอยู่กับความเลวร้ายหนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่ามัวแต่หงุดหงิด งุ่นง่าน จนหันไปกล่าวโทษรัฐบาล หรือ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ผู้พยายามปกป้อง กฎ ระเบียบ ภายในสังคม หรือพยายาม ทำหน้าที่ ของตัวเองแล้วอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ การนำเอาสัญชาตญาณพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ มาใช้ในการแยกแยะ ความถูก-ผิด นำมาใช้เป็นแรงกดดันทางสังคม เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมและขบวนการก่อการร้าย ยุติปฏิบัติการลงไปได้นั่นเอง ที่จะนำมาซึ่ง ความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองอย่างยั่งยืนและถาวร หรือทำให้ ความขัดแย้ง ทั้งหลาย กลายเป็นเพียงแค่ ความแตกต่าง อันไม่จำเป็นจะต้องนำเอา เลือดเนื้อ ชีวิต ของเพื่อนมนุษย์ไปใช้เป็นเครื่องเซ่นสังเวย เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของใครต่อใครต่อไปอีก...
                                                                     -----------------------------------------------------
      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก เล่าจื๊อ... ความยินดีในชัยชนะ...ก็คือ...การยินดีในฆาตกรรม
                                                                      ------------------------------------------------------

http://www.thaipost.net/news/170510/22281
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2056 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 08:58:18 »

คอลัมม์ "ถูกทุกข้อ" ของคุณสามวา สองศอก เพื่อตอบจดหมาย ศ.ระพี สาคริก

ทนไม่ไหวแล้ว
ถูกทุกข้อ 17 พฤษภาคม 2553 - 00:00

         รัฐบาล          มัวแต่           คิดการุณย์
     คุณสันติ          คุณละมุน         คุณละม่อม
     จนวันนี้          หลายคน         ต้องจำยอม
     ให้พวกนาย       ละม่อม          มันยึดเมือง
     รัฐบาล          ทำไม           ใจไม่กล้า
     มัวแต่ทำ         ชักช้า           เหมือนแมวเชื่อง
     ปล่อยไพร่แดง     ท้าทาย          อยู่เนืองเนือง
     จนพวกมัน        รุ่งเรือง         ทั่วแผ่นดิน
     ประชาชน        ล้มตาย          ไปหลายศพ
     รัฐบาล          ไม่สยบ          พวกใจหิน
     ปล่อยพวกมัน      บิดเบือน         เป็นอาจิณ
     มันบ้าบิ่น         โหดร้าย         ไม่ปราณี
     พอกันที          นายละมุน        นายละม่อม
     รัฐบาล          อย่ายอม         เสียศักดิ์ศรี
     รีบจัดการ        กบฏแดง         ในทันที
     ประชาชี         ทนไม่ไหว        กันแล้วโว้ย
                                             ลุงพร ณ บ้านโคกอีแร้ง

                 มีเหตุนั้นจึงมีเหตุนี้
เรียน คุณสามวา สองศอกที่เคารพ
     เมื่อวานซืนนี้ผมได้เขียนจดหมายถึงคุณแล้วครั้งหนึ่ง วันนี้ขออนุญาตเขียนมาถึงอีกฉบับหนึ่ง
ทั้งนี้เพราะเหตุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรานั้น บางทีเราก็ยังมองออกจากตัวเองด้านเดียว คิดว่าเมื่อไหร่มันจะจบ
     ถ้าใช้หลักธรรมพิสูจน์ก็คงเห็นความจริงได้ว่า "เพราะมีเหตุนั้นจึงมีเหตุนี้"
     ผมเคยพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่า "เพราะเหตุที่เกิดขึ้นมันหมักหมมมานานมาก ดังนั้นจะให้มันจบสิ้นโดยเร็วคงเป็นไปได้ยาก"
     เพราะคนที่ขึ้นไปอยู่ด้านบน หลงอยู่กับความสบายทางวัตถุ ทำให้ตกอยู่ในความประมาทจึง
ไม่ยอมลงมาสู่ด้านล่าง เพื่อสร้างความรักความเห็นใจ ให้มันลงรากฝังลึกอยู่ในพื้นฐานของเราเอง หรืออีกนัยหนึ่งอาจกล่าวว่า "เราทำกรรมไว้ก็ต้องชดใช้กรรมนั้น"
     ผมเคยพูดแล้วว่าองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ทั้งๆ ที่ท่านอยู่สูงสุดพระองค์ท่านยังลงทรงงานอยู่ที่พื้นดินร่วมกับชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรตาดำๆ ให้เห็นประจักษ์ชัดมาตลอด แล้วเราล่ะดีแต่พูดด้วยปาก หากไม่ลงมาทำจากความจริงที่อยู่ในใจตนเอง
     ประชาธิปไตยคือรากฐานจิตใจที่อิสระ อิสรภาพไม่ใช่มองสู่ด้านนอก แต่ควรหวนกลับมามอง
ที่รากฐานจิตใจเราเอง ที่ปราศจากการยึดติดอยู่กับรูปวัตถุในระดับหนึ่ง เมื่อไม่ยึดติดก็ย่อมมีความ
สุข นี่คือความหมายของประชาธิปไตย ที่มีรากฐานเป็นของตนเอง
     ผมเริ่มทำมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งแก่ก็ยังทำ เพราะรู้ว่าทำแล้วมีความสุข ไม่ใช่พูดแต่ปากหากทำจริงจนกระทั่งเชื่อมโยงความรักจากพื้นแผ่นดินไทยไปถึงเพื่อนมนุษย์จนแทบจะทั่วโลก
     ดังนั้นเรื่องนี้เราจะมองแบบล้อมกรอบตัวเองอยู่แต่เพียงประเทศไทยไม่ได้ หากจิตใต้สำนึกความรักแผ่นดินควรจะมองให้ถึงสากลโลก แม้แต่ชาวต่างประเทศหลายชาติหลายภาษา ก็ยังให้ความเคารพรักแก่ผม
     แต่คนไทยกลับมองเห็นหน้าผมแค่กล้วยไม้ ซึ่งมันตื้นเขินมากเกินไป คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่รู้จักตัวเองจึงมองได้ไม่ถึง ผมต้องขอกราบอภัยที่พูดตามตรง
     หวนกลับไปนึกถึงอดีต ผมยังจำได้ว่าระหว่างช่วง 70 กว่าปีมาแล้ว ซึ่งขณะนั้นผมยังเป็นเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ มองเห็นฝรั่งเดินควงคู่กันสองคน เราก็รู้สึกว่าเป็นมนุษย์ประหลาด เพราะรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณ รวมทั้งภาษาพูดก็ไม่เหมือนเรา ผมและเพื่อนๆ อีก 2-3 คนจึงวิ่งตามดู ได้ยินเสียงพูดตามประสาเด็ก ทำให้รู้สึกว่าเป็นสำเนียง "ฟุต ฟิต ฟอ ไฟ" นี่แหละคือที่มาของคำนี้ซึ่งผมจำได้ดี
     ครั้นมาถึงช่วงนี้ผมอดไม่ได้ ที่จะหวนกลับมาถามตัวเองว่า "ประเทศนี้เมืองนี้มันเป็นของใครกันแน่ แถมยังมีสิทธิ์มาจดทะเบียนเป็นเจ้าของที่ดิน ถ้าแต่งงานกับผู้หญิงไทย"
     นี่แหละที่มันเกิดเรื่อง ยิ่งรากฐานจิตใจคนไทยมันอ่อนนุ่ม ขณะนี้ยิ่งกว่ามะเขือเผาเสียอีก เห็นเงินตาโต มีรถยนต์รูปแบบใหม่ๆ ก็ไปแย่งกันซื้อ โดยไม่ได้คิดว่ามันถึงเวลาหรือยัง
     นอกจากนั้นคำโบราณได้บอกไว้ว่า "เงินเข้าที่ไหน วัตถุเข้าที่ไหน ย่อมทำให้สังคมแตกแยกความสามัคคีที่นั่น เพราะคนหลงอยู่กับความสบายทำให้ลืมตัว โดยไม่รู้จักคำว่าพอเพียง สังคมย่อมเกิดความแตกแยกจนแทบไม่เป็นชิ้นดี แต่ตัวผมเองก็ยังมั่นคงเข้มแข็งอยู่เหมือนเดิม"
     "เพราะจิตใจเข้มแข็ง ร่างกายก็ย่อมแข็งแรงเป็นธรรมดา อันเป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ทุกคน"
     ผมไม่อยากจะคิดว่า "ปลาใหญ่กินปลาเล็กเสมอไป" ดูแต่ประเทศเล็กๆ หลายๆ ประเทศ ถูกประเทศใหญ่ๆ เอาไปเป็นเหยื่อเศรษฐกิจทรัพยากรก็หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตใจตนก็หมด ความแปลกแยกก็เกิดขึ้นแทบทุกหนทุกแห่ง  แต่หลักธรรมชาติก็ได้ชี้ไว้ว่า "ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น แม้เพียงหนึ่งเดียว"
     ซึ่งสิ่งนี้ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างกันมาแล้ว แต่จิตใจคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังคิดได้ไม่ถึง เมื่อคิดไม่ได้ก็ย่อมทำไม่ได้แต่ก็ไม่เสมอไป ดูแต่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ แพ้สงครามโลกครั้งเดียว เขายังฟื้นตัวได้เร็วมาก แม้ถูกปิดกั้นด้วยกำลังอาวุธ แทนที่จะซ้ำร้ายกลับกลายเป็นซ้ำดี
     หลักธรรมได้ชี้ไว้ว่า "เพราะไม่มีเหตุนี้จึงมีเหตุนั้น" เพราะถูกปิดกั้นกำลังอาวุธ เขาจึงหาทางออกด้วยเศรษฐกิจ
     วิญญาณคนญี่ปุ่นเข้มแข็งมาก ดังจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่มีศิลปะ "เมื่อถูกปิดด้านนี้ก็หาทางออกด้านโน้น"
     ในหลวงพระองค์นี้ท่านได้ทรงรับสั่งเตือนผมว่า "งานศิลปะอย่าทิ้งนะ" ถ้าผมจะบอกว่าการศึกษาของเรา "เรียนศาสตร์ทุกสาขาไม่ได้ใช้ศิลปะเป็นพื้นฐาน" จิตใจจึงแข็งกร้าว เมื่อแข็งกร้าวเกิดปัญหานิดเดียวก็ฆ่ากันได้ แทนที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหากันและพูดจากันได้โดยดี "คนญี่ปุ่นมีรากฐานจิตใจที่อิสระเสรี เมื่อมีจิตใจอิสระก็ย่อมมีความอดทนสูง"
     นี่แหละครับคือที่มาที่ไปของเหตุที่มันเกิดขึ้น ไม่ใช่ในครั้งนี้เท่านั้นแต่สิ่งที่เป็นมาแล้วผมอยากกล่าวว่า "มันเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันก็ยังไม่ทำให้เราเข้าถึงจุด ที่ควรจะจดจำจากใจจริง"
     ผมจึงกล่าวเตือนสติเพื่อนไทยทุกคนว่า "ระวัง! แม้ครั้งนี้จะจบสิ้นลงไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหน วันหนึ่งข้างหน้ามันอาจเกิดขึ้นอีก และหนักยิ่งกว่าเก่าก็เป็นได้" ถ้าคนไทยยังหลงอยู่กับความสบายแบบนี้
     "ในน้ำมีปลาในนามีข้าว" คือคำเตือนให้เราได้สติ มีของดีก็ควรรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด แต่ตรงกันข้ามกลายเป็นความประมาท โดยที่คิดว่า "ข้าวปลาอาหารมีถมเถไป เราดีกว่าคนชาติอื่นจะใช้เท่าไหร่มันก็ไม่หมด มาถึงบัดนี้มันหมดแล้วหรือยัง นอกจากนั้นหมดไปโดยไม่เหลือหลอ แถมยังเป็นหนี้เป็นสิ้นเขาอีก" นี่แหละครับคือความจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้
     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านก็ทรงใช้หลักธรรม "เตือนให้เรารู้จักพอเพียง" เตือนสติพสกนิกรด้วยความเมตตาปราณี แต่บัดนี้เราก็ดีแต่อ้างด้วยปาก แต่น้อยคนที่จะปฏิบัติได้จากใจจริงของตัวเอง     
     ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ก็ได้เสนอความคิดอย่างง่ายๆ ว่า "สิ่งใดที่มันเกิดปัญหากลับทิศทางเสียได้ มันก็จะแก้ปัญหาได้ด้วยตัวของมันเอง"
     คนไทยส่วนใหญ่ปากก็บอกว่าเป็นชาวพุทธ "พุทธธรรมไม่ใช่พุทธศาสนา ทุกศาสนาก็คือพุทธ" พุทธแปลว่าความจริง ทุกศาสนาคือความจริงทั้งนั้น
     โปรดสังเกตดูให้ดีว่า "ทุกศาสนายกความสำคัญที่มุ่งนำเราลงสู่พื้นดิน ดังนั้นพื้นดินคือความจริง"
     "ตราบใดที่เราแต่ละคนมีจิตใต้สำนึก ที่หยั่งรู้ความจริงได้ว่าทุกคนเกิดมาก็มาจากพื้นดิน ตายไปก็ลงสู่พื้นดิน" เหตุไฉนระหว่างมีชีวิตอยู่ขาดวิญญาณความรักพื้นดิน กลายเป็นรังเกียจพื้นดินได้ยังไง
     โปรดอย่าคิดว่าคนชาติอื่นเขาเอาวัตถุมาครอบงำเรา ถ้าเรารู้ว่าสัจธรรมของการดำเนินชีวิต มีอยู่ว่า "ร้ายกลายเป็นดี" จึงควรรู้ว่า "ยิ่งเขาเอาวัตถุมาครอบงำ ก็ควรจะยิ่งทำให้รากฐานจิตใจเราเองเข้มแข็งยิ่งขึ้น"
     นั่นหมายความถึงการดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ประมาท เมื่อไม่ประมาทหลังจากพบปัญหา ก็ควรต่อสู้กับใจตนเองให้ได้ นี่คืออาวุธซึ่งทุกคนมีอยู่ในจิตใจของตัวเองแล้ว โปรดอย่ามองข้ามขอให้นำออกมาใช้ประโยชน์ได้ทุกโอกาส
     เพราะความประมาททำให้ขาดสติ เมื่อขาดสติก็ย่อมตกเป็นทาสความสบาย อย่างที่โบราณเขาพูดว่ายอมแพ้กันตั้งแต่ในมุ้งแล้ว
     นี่แหละสิ่งที่ผมพูดมันไม่ใช่ของผม แต่มันเป็นของทุกคนที่มีอยู่แล้ว ภายในจิตใจตนเองมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาครั้งใด โปรดอย่าแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย จนกระทั่งทำให้ฆ่ากันตายเองอย่างน่าเศร้าใจที่สุด 
     ถ้าทุกคนปลดเอาเงื่อนไข ที่แบ่งแยกออกจากใจเป็นฝักเป็นฝ่ายให้ได้ หลังจากนั้นจึงคิดทบทวนตัวเองเพื่อค้นหาความจริงภายในรากฐานจิตใจ เราควรจะหันหน้าเข้ามาจับมือและกอดคอกันได้ โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ทุกคนต่างก็เป็นคนเหมือนกัน เรามารักกันสามัคคีกันมิดีกว่าหรือ เพราะจะทำให้บังเกิดความสุขสมปรารถนา
     ด้วยความเคารพรักอย่างยิ่งที่มอบให้กับทุกคน
                                                            ระพี สาคริก

ตอบ อาจารย์ระพี
     มีผู้เสนอแนะว่าควรนำจดหมายและบทความของอาจารย์ระพีมาพิมพ์รวมเป็นเล่ม ไม่ทราบว่าแฟนคอลัมน์ถูกทุกข้อและลูกศิษย์อาจารย์ระพีจะว่ายังไง
                                                        สามวา สองศอก         

 
http://www.thaipost.net/news/170510/22277
      บันทึกการเข้า
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #2057 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 09:07:33 »

ต้องยอมรับว่า
ดูและฟังคุณพงษ์พัฒน์ พูดในคลิปแล้วก็อด น้ำตาซึมไม่ได้

ช่วยนำไปเผยแพร่กันหน่อยนะคะ ถ้าใครมีโอกาส
ถ้าทำตรงๆไม่ได้ ก็ทำเนียนๆ อย่าง สุรยุทธ ช่อง 3 ก็ได้
สังเกตุให้ดี ถ้าข่าวใหนที่เป็นคุณกับภาครัฐ จะเร็วๆและผ่านๆ
ถ้าข่าวใหนเป็นความเสียหายที่เกิดกับกลุ่มเสื้อแดง
ก็จะนานหน่อยและมี ท่วงทำนองสร้างความรู้สึกด้วย อวจนภาษา แทรกๆมาโน้มนำ
เขาเป็นอย่างนี้มาตลอดล่ะ ลองกลับไปหดูข่าวย้อนหลังมาได้ตั้งแต่มีม้อบเหลือง โน่น

 บรึ๋ยยย
เสธ แดงก็ จบจุฬาฯ อะจึ๋ยยยยย
สายพันธ์ สุดาสุธาชโยยยยยยยย เป็นแน่
 บรึ๋ยยย
      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2058 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 09:14:26 »

เสธแดง เป็นรุ่นน้องพี่แอ๊ะที่ครุ จุฬา ตายแย้ววววววววววว

ไปเรียนเป็นครูทำไมกัน

หรืออยากมีเลือดจี๋จมพู  อิๆๆๆๆๆ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #2059 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 09:40:32 »

 emo29:P:ขอว๊าย...อีกคน  โอ้ละหนอน้องแดงของพี่อ้อย พี่แอ๊ะ  พอมารู้ว่าเป็นน้องคณะก็จะมาจากไปซะแร้วส์ส์.... เหนื่อย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2060 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 11:30:14 »

พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง

โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี

นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์

สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา

ความดีก็ปรากฏ กิติยศฤาชา

ความชั่วก็นินทา ทุรยศยินขจร



ซีเอ็นเอ็นตีข่าว 'เสธ.แดง' เสียชีวิตแล้ว

สื่อนอกรายงานการเสียชีวิตอย่างสงบของ 'พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล' หรือ 'เสธ.แดง' ในวันนี้ หลังถูกกระสุนจากพลซุ่มยิงระยะไกล พุ่งตรงเข้าบริเวณศีรษะ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา...

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ถึงการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก หนึ่งในแกนนำกลุ่มต่อต้านรัฐบาล หรือกลุ่มคนเสื้อแดง หลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพราะถูกกระสุนจากพลซุ่มยิงระยะไกล พุ่งตรงเข้าบริเวณศีรษะ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ( 13 พ.ค. )

ข่าวลือการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ  แพร่สะพัดตั้งแต่เมื่อ 4 วันที่ผ่านมา หรือตั้งแต่วันที่ถูกยิง แต่ทีมแพทย์โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพิ่งแถลงอย่างเป็นทางการ ของการจากไปอย่างสงบในวันนี้

http://www.thairath.co.th/content/oversea/83452

อ่านข่าวเพิ่มเติม จากหนะังสือพิมพ์ฉบับอื่นที่...

“เสธ.แดง” ลาโลกแล้ว หลังแพทย์ระดมยื้อเต็มกำลัง 3 วัน 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2553 10:18 น.

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000067773
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2061 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2553, 21:17:56 »

ไปดีเถิดเฉ.. ชาติหน้าเลือกเกิดใหม่นะ

คิดผิดคิดใหม่ได้ ใน นรก นะจ๊ะ น้องครุศาสตร์ ของฉัน
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
TAE2540
Full Member
**


ไม่มีคำว่าสายเสียแล้ว สำหรับความรักที่แท้จริง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2540
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 507

เว็บไซต์
« ตอบ #2062 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 00:25:56 »

สวัสดีครับพี่แอ๊ะ และพี่ๆ ทุกท่าน

ผมมีคำถามมาทายครับ

พี่รู้ไหมครับในเสื้อเกราะของทหารมีอะไร ? (โพสต์คำตอบก่อนนะครับ แล้วค่อยย้อนกลับมาคลิกเฉลย)

 
อ้างถึง   
คลิกเฉลยครับ

ที่มา : http://twitpic.com/1om5x2
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2063 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 02:33:55 »

มีน่า ทหารจึงตายน้อย เพราะบารมีท่านคุ้มครอง

พี่แอ๊ะนอนไม่หลับตื่นมาตี2 เพื่อเช็คข่าวค่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2064 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 09:09:19 »

บทบรรณาธิการ นสพ. แนวหน้า ออนไลน์ วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม 2553

บทบรรณาธิการ 
 

เสื้อแดงชักศึกเข้าบ้านเอาตัวรอด (บทบรรณาธิการ) 
 
 
      ทั้งๆ ที่ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นนายใหญ่ที่บงการอยู่หลังฉากขบวนการคนเสื้อแดงครองอำนาจบริหารประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเคยประกาศอย่างอหังการว่า "ยูเอ็นไม่ใช่พ่อผม" แต่ขณะนี้เหล่าแกนนำคนเสื้อแดงตลอดจนบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย กลับร่วมกันออกมาเดินเกมเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในประเทศไทย ทั้งๆ ที่ต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งปวงล้วนเกิดจากพ.ต.ท.ทักษิณและขบวนการคนเสื้อแดง

      ขบวนการเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย นอกจากจะเดินเกมชักศึกเข้าบ้านแล้วยังทำลายภาพพจน์ของประเทศด้วยการบิดเบือนร้องเรียนไปยังองค์การสหประชาชาติอ้างว่า รัฐบาลและทหารเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากจากเหตุการณ์เผชิญหน้ากันระหว่างกำลังทหารและมวลชนคนเสื้อแดงครั้งล่าสุด ทั้งๆ ที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงและมีหลักฐานเชื่อได้ว่าผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเกือบทั้งหมด เกิดจากการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในขบวนการคนเสื้อแดง

      เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีหลักฐานชัดเจนว่า กลุ่มก่อการร้ายได้ปฏิบัติการก่อการร้ายเต็มรูปแบบด้วยการใช้อาวุธสงครามร้ายแรงนานาชนิดทั้งกระสุนระเบิดเอ็ม 79 จรวดระเบิดอาร์พีจี ระเบิดสังหาร ปืนเอ็ม 16 ทำร้ายทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ ประชาชนทั่วไป สื่อมวลชน หรือแม้แต่มวลชนคนเสื้อแดง พวกเดียวกันเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมืองแล้วป้ายความผิดให้กับรัฐบาล และใช้เป็นข้ออ้างในการร้องเรียนไปยังองค์กรสหประชาชาติ

      นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้ทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล ให้ทัศนะที่สอดคล้องกันว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาของตัวเองได้และในประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งผ่านเหตุการณ์รุนแรงมานับครั้งไม่ถ้วนก็ไม่เคยให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย และสิ่งที่สหประชาชาติควรกระทำในขณะนี้คือ ร่วมประณามกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวในม็อบคนเสื้อแดงซึ่งที่ผ่านมา เป็นต้นเหตุใช้วิธีการอันรุนแรงลอบก่อวินาศกรรมมาตลอด

      วิธีการชักศึกเผาบ้านตัวเองโดยไม่คำนึงถึงภาพหน้าตาของประเทศในลักษณะเช่นนี้ พ.ต.ท.ทักษิณและขบวนการคนเสื้อแดงเคยใช้มาแล้วก่อนหน้านี้ด้วยการสมคบกับสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา บ่อนทำลายประเทศไทย

      ดังนั้น การที่แกนนำคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ ส่งกองกำลังเข้ามาแทรกแซงวิกฤตการณ์ในประเทศไทยจึงเป็นเพียงลูกไม้แบบเดิมๆ และเป็นเกมเอาตัวรอดหลังจากที่กำลังทหารและตำรวจกระชับเข้าปิดล้อมตัดการส่งกำลังบำรุงม็อบคนเสื้อแดงที่ย่านราชประสงค์ อย่างหนักจนม็อบคนเสื้อแดงกำลังใกล้จนตรอกเข้าไปทุกขณะ 
 
วันที่ 18/5/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=211510
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2065 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 09:14:11 »

บทบรรณาธิการ นสพ.ไทยโพสต์ วันนี้

ร้องคุณพ่อยูเอ็น ทางเลือกสุดท้ายของทักษิณ
บทบรรณาธิการ 18 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      การชุมนุมคนเสื้อแดงเลยเถิดจนได้ข้อสรุปแล้วว่า  ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย หรือความยุติธรรมในสังคม แม้ช่วงเริ่มต้นการชุมนุมบางฝ่ายจะหลงมองว่าเป็นเช่นนั้น สุดท้ายการเรียกร้องเพื่อให้ระบอบทักษิณได้อำนาจและทรัพย์สมบัติคืน ได้ประจานตัวเองออกมาว่าเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว คนเสื้อแดงพร้อมที่จะแลกกับความวิบัติของประเทศ
     เงื่อนไขที่นำไปสู่การร้องให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง เป็นไปได้ว่ามีการเตรียมการมาอย่างเป็นระบบ มีการแบ่งงานกันทำ โดยแต่ละทีมอาจรู้จักหรือไม่รู้จักกัน ที่สำคัญคือแต่ละทีมมีหัวหน้าคนเดียวกันคือ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร
     ความรุนแรงที่นำไปสู่การล้มตายของประชาชนเป็นเงื่อนไขที่ถูกสร้างขึ้นมา มีการปล่อยให้เกิดด้วยความตั้งใจ มีความพยายามในการเพิ่มจำนวนศพให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ดูเสมือนว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เหมือนที่เคยเกิดในรวันดา หรือโซมาลีในอดีต
     เมื่อตรวจสอบการปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างคนเสื้อแดงกับทหาร ทั้งที่ถนนพระราม 4 ย่านชุมนุมบ่อนไก่ บริเวณถนนราชปรารภถึงสามเหลี่ยมดินแดง และบริเวณแยกศาลาแดง ซึ่งเป็นพื้นที่นอกการชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ทั้งหมดเป็นการเข้าโจมตีกลุ่มทหารที่ตรึงกำลังหลังเข้ากระชับพื้นที่  โดยเฉพาะการปะทะบริเวณชุมนุมบ่อนไก่ มีการใช้อาวุธหนักยิงมาจากสวนลุมพีนี คือเอ็ม 79 และตึกสูงฝั่งซอยงามดูพลี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มติดอาวุธนั้น มีอยู่ทั้งในและนอกพื้นที่การชุมนุมจำนวนมาก
     การที่ไม่มีทหารเสียชีวิต ก็เป็นอีกประเด็นที่มีความพยายามยกระดับให้เป็นประเด็นที่โดดเด่นขึ้นมา เพราะบทเรียนจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ที่มีทหารเสียชีวิตจำนวนมากจากการตั้งใจยิง ได้กลายเป็นความผิดพลาดในเชิงยุทธศาสตร์ เมื่อคนเสื้อแดงตายและทหารก็ตายด้วย ได้เกิดข้อสงสัยที่มีการตั้งคำถามกันมากว่า คนเสื้อแดงไม่ได้ชุมนุมโดยสงบสันติอย่างแท้จริง แต่มีกองกำลังติดอาวุธสังหารเจ้าหน้าที่ทหาร และแม้แต่การปลิดชีพคนเสื้อแดงด้วยกันเอง บทเรียนครั้งนั้นจึงได้มีการปรับเปลี่ยนไม่ให้มีทหารตาย
     จริงอยู่ที่ครั้งนี้ทหารเตรียมตัวมาดี ไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้ตัวได้ แต่หากพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ทหารทั้งหมดที่เสียชีวิตไม่ได้มีเหตุมาจากการปะทะในระยะประชิด แต่ป็นการยิงในระยะหวังผลทั้งสิ้น
     จะสังเกตได้ว่า ทหารที่ปักหลักบริเวณสนามมวยลุมพินียังอยู่ในระยะยิงของเอ็ม 79 ที่ยิงมาจากภายในสวนลุมพินี แต่กลับมีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเสียชีวิตเพราะเอ็ม 79 และการยิงจากตึกสูงแทนที่จะเป็นทหาร ปรากฏการณ์นี้ส่อให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของกลุ่มติดอาวุธ เป็นไปตามใบสั่งให้มีประชาชนเสียชีวิตเพียงฝ่ายเดียว เพื่อยกระดับปัญหาไปสู่เวทีโลก
     การที่ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร เลือกวิธีนี้ เป็นเพราะการต่อสู้โดยใช้มวลชนเข้ากดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา ไม่มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จได้ จึงต้องหันไปเล่นวิธีอื่นที่มีโอกาสมากกว่าคือใช้เวทีโลกกดดัน แต่การจะได้มาซึ่งเงื่อนไขให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาสนใจอย่างจริงจังนั้น ต้องยกระดับความรุนแรงให้มากกว่าที่เป็นอยู่
     และพบว่ามีการแบ่งกันทำงานอย่างชัดเจน พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ยื่นหนังสือไปยังองค์การสหประชาชาติ แกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ชุมนุมทำหน้าที่แถลงข่าวให้ความเคลื่อนไหวกับสื่อมวลชนต่างประเทศ และกองกำลังติดอาวุธมีหน้าที่สร้างเงื่อนไขให้มีการเสียชีวิต โดยมีคนเสื้อแดงตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครั้งนี้
     แม้มีการปัดความรับผิดชอบโดยแกนนำคนเสื้อแดงในแยกราชประสงค์ว่า ไม่สามารถควบคุมคนเสื้อแดงที่อยู่รอบนอกได้ แต่นั่นคือสิ่งที่คนเหล่านี้อยากให้เป็น เพราะโดยสามัญสำนึกของนักประชาธิปไตยแล้ว เมื่อไม่สามารถควบคุมมวลชนได้ สิ่งที่ต้องดำเนินการในทันทีคือ สั่งยุติการชุมนุมนั้นเสีย และแกนนำคนเสื้อแดงเคยตัดสินใจเช่นนั้นมาแล้วในเหตุการณ์เมษาเลือดปีที่แล้ว
     ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เมื่อแกนนำหัวรุนแรงเข้ากุมการนำทั้งหมด จุดจบของการชุมนุมครั้งนี้จึงมีแนวโน้มสูงที่จะมีการนองเลือดเพิ่มขึ้นอีกมากในตัวเลขที่น่าตกใจ จากการปะทะกันโดยใช้อาวุธสงคราม แต่จะไม่มีทางที่สหประชาชาติจะเข้ามาได้ เพราะนี่ไม่ใช่สงครามล้างเผ่าพันธุ์ แต่เป็นการปราบปรามผู้ก่อการร้ายที่ติดอาวุธร้ายแรง.

 
http://www.thaipost.net/news/180510/22318
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2066 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 09:46:10 »

[color=#d70000]เหยง ขอรูปเปรียบเทียบ ตอนรดนำศพ เฉ... กับตอน เฮียตั๊ก shpping ที่ร้านหลุยส์ติงต๊อง

หน่อย ดิ
เพราะเวลาใกล้เคียงกัน แต่อยู่คนละประเท
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2067 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 09:46:53 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน

"ทักษิณ-บิน ลาดิน" หัวหน้าโจรก่อการร้าย?
เปลว สีเงิน 18 พฤษภาคม 2553 - 00:00

      ราตรีกาลยิ่งทอดยาว ยิ่งหนาวและฝันร้ายนะครับ ผมคิดว่า นี่ก็ย่างเข้าวันที่ ๖-๗ ของปฏิบัติการ "ศอฉ.ขอคืนพื้นที่" จากพวกกบฏทักษิณแล้ว ฉะนั้น ไม่น่าจะปล่อยให้ยืดเยื้อยาวนานเกิน วันนี้-พรุ่งนี้ ขืนปล่อยนานไป "ข่าวแต่งหน้า" ในโลกสื่อสาร จะทำให้ประชาคมโลกทิ้งน้ำหนักไปทางกบฏทักษิณ ด้วยมุมมองว่า "ประชาชนน่าจะหนุนกลุ่มกบฏมากกว่าสนับสนุนรัฐบาล" ทหารจึงเอาไม่อยู่  การขีดเส้นตายของ ศอฉ.นั้น-ขีดได้ แต่ขีดจนเปรอะ แล้วไม่มีผลอะไร ระวัง...มันจะกลายเป็น "เส้นตายตัวเอง"! อย่าว่าแต่ประชาคมโลกเลยครับ ประชาคมไทยก็เถอะ ขืนลากสถานการณ์นานไป คนจะหน่าย อึดอัด และพาลเกลียดรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ที่เอาเข้าจริงก็ช่วยอะไรไม่ได้อย่างที่ใจเคยหวัง แล้วลงท้าย ความคิดสังคมก็จะตีกลับเชิงประชด "เมื่อปราบไม่ได้ ก็ยกประเทศให้ฝ่ายกบฏทักษิณไปก็หมดเรื่อง บ้านเมืองจะได้สงบเสียที!"

      ผมสะท้อนความรู้สึกของคนระดับชาวบ้านที่สื่อสารถึงผม ให้รัฐบาลและ ศอฉ.ได้ทราบ ส่วนตัวผมนั้น ก็เข้าใจในความยาก-ง่าย และขีดจำกัดหลายๆ อย่างในการทำงาน แต่จะยกเหตุนั้นไปอ้างกับชาวบ้านเขา มันก็อ้างได้ แต่จะให้เขาเข้าใจนั้น...มันยาก เพราะชาวบ้านตกอยู่ใน "สถานการณ์นรก" ด้วยตัวเขาเองจริงๆ ก็ขอให้การเจรจาของฝ่ายรัฐกับฝ่ายกบฏที่ทำกันทั้งลับ-ทั้งแจ้งมาหลายวัน "ลงตัว" เสียที  ยอม-ก็สลายม็อบกันไปเลย แต่ถ้าไม่ยอมจะปล่อยให้โยกโย้ "ซื้อเวลา" สะสมคนเจ็บ-คนตายเป็นสถิติไปทีละวันอย่างนี้ไม่ได้ ทหาร-ตำรวจ ควรเข้าสลายทันที!
     สถานการณ์ถึงตอนนี้ ในภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า "เสียจนไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว" ฉะนั้น จะมารีรออะไร เสีย-เมื่อแลกกับได้ที่ไม่เยิ่นเย้อ มันก็พอคุ้มมิใช่หรือ? ที่ว่าเสียนั้น ไม่ใช่พวกกบฏ หรือตัวหัวหน้ากบฏที่นั่งกระดิกตีน "ต่อสาย-สั่งการ" มาจากมอนเตเนโกรบ้าง ดูไบบ้างที่เสีย แต่เป็น"ประเทศไทย-คนไทย" ตะหาก ประเทศป่นปี้ หัวใจถูกย่ำยีแหลกสลาย นับต่อแต่นี้ไทยจะเป็นไทยที่...ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

      สังเกตดูเถอะ แต่ละมุก-แต่ละเม็ดในการต่อรองของพวกกบฏ ถูกกำหนดและสั่งมาจากนายใหญ่ทั้งสิ้น อย่างที่เดินเกม-เดินแต้มประสานกันล่าสุดตอนนี้ ทั้งคนกบฏ ทั้งพรรคกบฏ และทั้งนักวิชาการกบฏ เดินไปในแผนเดียว-จุดเดียวกัน คือ ดึง UN ให้เป็นเจ้าเข้าครองประเทศ! UN ที่ทักษิณเคยบอกว่า "ไม่ใช่พ่อ" นั่นแหละ แต่ตอนนี้ นับถือเป็นพ่อขึ้นมาแล้ว สั่งให้จตุพร-ณัฐวุฒิ ปากแข็ง-ตูดนิ่มยืนกรานกับฝ่ายรัฐบาลอยู่นั่นแหละว่า "ยอมเจรจา แต่ว่าต้องให้ UN เข้ามาเป็นคนกลาง" ไอ้คนอย่างนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ใครซื้อก็พร้อมขาย ก็ดูซี...ขนาดประเทศชาติแท้ๆ เพื่อตัวมัน มันบังอาจ ไม่ละอาย เอาประเทศไปขายให้ UN หน้าตาเฉย!
      ไอ้แผนดึง UN เข้ามา ก็คงจากคำแนะนำพวกบริษัททนาย บริษัทที่ปรึกษาทักษิณในต่างประเทศนั่นแหละ เป็นการเบิกช่องทาง-สร้างเงื่อนไขเพื่อการต่อสู้คดี เพราะมีแต่ช่อง UN ช่องเดียวเท่านั้นที่โลกใบนี้จะเหลือ "รูลอด" ให้ทักษิณได้ซุกหัวอยู่  เนื่องจากยุค "สื่อสารครองโลก" ขณะนี้ เจ้าระบบสื่อสารที่ตัวเองใช้เป็นเครื่องมือทำลายประเทศชาตินั่นแหละ มันกำลังย้อนสนองตัวเอง ทักษิณ ชินวัตร สู่ระดับ บิน ลาดิน แล้ว!


       ก็ด้วยจาก "สื่อสารครองโลก" เหตุการณ์ที่เกิด คำพูดผ่านวิดีโอลิงค์-โฟนอิน และคำให้การสมุนในเมืองไทย โดยเฉพาะจากเสธ.แดง ระบบสื่อสาร มันทำให้คนดู-คนฟัง ประมวลเรื่องและรวบรวมให้เห็นภาพได้ว่า  ทักษิณนั่นแหละ "หัวหน้าก่อการร้ายในไทย"!? ที่ยกตัวเองไปเทียบ เนลสัน แมนเดลา บ้าง มหาตมะ คานธี บ้างนั้น คนทั้งโลกฟังแล้วหัวเราะ และ...ถุ้ย! ลองเรียบเรียงดู หลังเหตุการณ์กบฏแผ่นดิน มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายซุ่มสังหารนายทหาร วินาศกรรมเมือง กระทั่งยิงเอ็ม ๗๙ หวังระเบิดคลังน้ำมัน
      ล่าสุด จากปากของ "พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล" ที่ประกาศเมื่อ ๙-๑๐ พ.ค.ก่อนถูก "มือลึกลับ" ใกล้ตัว ประกบจ่อยิงศีรษะเสียชีวิตทิ้งปริศนา "ใครสั่งฆ่า" คนไกล...หรือใกล้ตัว เสธ.แดงประกาศ ไม่เอาแผนปรอง ค้านวีระเจรจาสลายชุมนุมกับรัฐบาล แล้วตัวเองประกาศ ประสานแกนนำกบฏในต่างจังหวัด จะยึดเวทีเป็นหัวหน้าแกนนำชุมนุมต่อ....ผมรับคำสั่งตรงจาก พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว!?
      บทบาทคลุมเครือเสธ.แดง ที่ให้ภาพพัวพันทั้ง "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" และทั้งภาพเปิดเผย "หัวหน้าการ์ด นปช." รวมถึงผู้ฝึกสอนกองกำลังทหารเสือพระเจ้าตาก ในรอบ ๒-๓ ปี เมื่อถูกประชาคมโลกนำแต่ละภาพมาเป็นจิ๊กซอว์ ก็พอดีมาบรรจบกับคำสารภาพสุดท้ายของเสธ.แดงเองว่า "ทำงานรับคำสั่งตรงจากทักษิณ" ภาพ "ทักษิณ-หัวหน้าก่อการร้าย" ที่ชักใยปฏิบัติการอยู่ในเมืองไทย...ชัดเป๊ะ! ยิ่ง ศอฉ.ออกมาประกาศว่า เหตุการณ์ในเมืองไทยประจักษ์ชัดว่ามี "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" คละเคล้าอยู่กับผู้ชุมนุมสันติ-อหิงสาจริง และการก่อวินาศกรรม การซุ่มสังหารนายทหาร การวินาศกรรม และปฏิบัติการต่อต้านกำลังรัฐ นี่..มันครบ "องค์ประกอบ" ของการเป็นปฏิบัติการ "ผู้ก่อการร้าย" ชัดแจ้ง! และนั่นก็คือ "ทักษิณ-หัวหน้าก่อการร้าย" เทียบชั้น บิน ลาดิน แต่ชั้นเลวกว่า บิน ลาดิน ก็ตรงที่ บิน ลาดิน ทำลายที่อื่น-คนอื่น-ประเทศอื่น ไม่ทำลาย และไม่ทำร้ายประเทศตัวเอง พี่น้องร่วมชาติตัวเอง ซึ่งเป็นหน้ามือกับหลังเท้า เพราะ....ทักษิณ...ทำทุกอย่างที่ "บิน ลาดิน" ไม่ทำกับชาติของเขา! ด้วยภาพ "หัวหน้าขบวนการก่อการร้าย-ชั้นเลว" ของทักษิณ อันประจักษ์ต่อชาวโลกเวลานี้ จึงทำให้พื้นที่ในการหยั่งเท้าของทักษิณเหลือน้อยเต็มทน และเท่าที่มีให้ยืน ก็ต้องยืนแบบเขย่งเท้า-แขม่วท้อง ถูกห้ามใช้พื้นที่ประเทศนั้นๆ เป็น "ฐานบัญชาการ" ก่อการร้ายข้ามชาติ


      การให้พรรคเพื่อไทย ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำกบฏ ประสานเสียง-ชูประเด็น ให้ UN เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ ก็คือแผนการดึง UN มาเป็นขอนไม้ให้เกาะเท่านั้น เมื่อเหลือตาเดินไม่มาก ตัวเองก็...หางโผล่ โดยให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมายในต่างประเทศออกแถลงการณ์ "ประสานเสียง" กับกลุ่มกบฏเมื่อวานนี้ (๑๗ พ.ค.๕๓) มีข้อความว่า "ผมขอเรียกร้องให้สหประชาชาติเข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจาในทันที สหประชาชาติไม่ควรถูกกดดันให้นิ่งเฉย โดยนายกรัฐมนตรีที่ไม่เข้าใจว่าสิทธิในการมีชีวิตอยู่เป็นหลักสากลที่ทำให้พวกเราทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน" ความจริงน่ะ ถ้าทักษิณต้องการร้องขอความช่วยเหลือกับองค์กรระหว่างประเทศ ด้วยความหวังดีกับคนไทย-ประเทศไทยจริงๆ ละก็ ควรไปร้องกับ "มูลนิธิแก้ไขปัญหาโลกร้อน" จะถูกที่-ถูกทางมากกว่า เพราะสิ่งที่พวกกบฏทักษิณทำขณะนี้คือการเผายางรถยนต์ นั้น มันสร้างควันดำเป็นมลพิษคลุมโลกมา ๓-๔ วันแล้ว

       ผมไม่เข้าใจ พวก ส.ส.-ส.ว. พวกนักวิชาการบางคน กระทั่งพวก "ผีผสมแดก" ในพรรคร่วมบางพรรคก็ดี เรียกร้องแต่ว่า รัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ อย่าใช้ความรุนแรง ให้รัฐบาลใช้วิธีเจรจา กระทั่งว่า ให้รัฐบาลยุบสภา-ลาออกไปเลย แล้วปัญหาจะจบ ทำไมไม่มองถึงต้นเหตุล่ะว่า ใครคือตัวสร้างปัญหา และใครคือฝ่ายใช้ความรุนแรง และทำไมไม่พูด-ไม่บอกล่ะว่า "ต้นปัญหาคือพวกกบฏนั่นแหละ ควรสลายการชุมนุมที่เกินกรอบกฎหมาย สั่งให้กองกำลังไม่ทราบฝ่ายหยุดเผาเมือง แล้วมานั่งโต๊ะเจรจากับรัฐบาลที่เขารออยู่?"

     จากข้อมูลข่าวสาร เบื้องหน้า-เบื้องหลัง และเบื้องลับ ของเหตุการณ์ต่างๆ ที่ค่อยๆ ไหลออกสู่สาธารณะในยุค "สื่อสารครองโลก" ขณะนี้ มันยิ่งสนับสนุนความคลางแคลงสงสัยที่ซ่อนอยู่ในใจสังคมมานานให้ชัดขึ้นว่า ในขบวนการก่อการร้าย อันมีคำว่า "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" เป็นตัวลงมือนั้น รูปแบบปฏิบัติการมันฟ้องว่า นี่คือการสนธิกันระหว่าง "ตำรวจ-ทหารในราชการ กับ ตำรวจ-ทหารนอกราชการ" กลุ่มหนึ่ง!? จะกลุ่มไหน-ใครเป็นใคร น่าจะไปค้น "คำสั่ง ศอฉ." ที่ ๔๙/๒๕๕๓ ที่ออกเมื่อวันที่ ๑๖ พ.ค.เรื่อง "ตัดท่อน้ำเลี้ยง" สั่ง ๑๐๖ คน ต้องรายงานการทำธุรกรรมทางการเงินมาดูว่า...มีใครบ้าง? และที่ควรสังเกตไว้ คำสั่ง "ตัดท่อน้ำเลี้ยงกบฏ" คำสั่งนี้ คนที่ลงนามท้ายคำสั่งคือ..."พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน!!!!!

     ครับ...ต้องถือว่าเป็นคำสั่งที่กรวดน้ำคว่ำขัน "ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ" ตัดเป็นตัดตายกันไปเด็ดขาด ระหว่างเส้นทางสาย "ทักษิณ" กับเส้นทางสาย "อนุพงษ์" จะพูดว่า นี่คือการชี้ขาด "ชีวิตทหาร-ชีวิตการเมือง-ชีวิตคนแก่หลังเกษียณ" ว่า พลเอกอนุพงษ์ ตัดสินใจเลือก "ทางไหน-เป็นทางเดิน" หลังเดือนกันยายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไป นี่มันก็....ชัดเจนแล้ว!

      "หลังเสือ" จำต้องเป็นที่อยู่ "หลังเกษียณ" ของพลเอกอนุพงษ์ "ยากหนี" เสียแล้ว!?

http://www.thaipost.net/news/180510/22317
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2068 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 12:46:01 »

 

สกู๊ปสัมภาษณ์ นายสตีเฟน ยัง นักศึกษาฮาร์วาร์ด ในฐานะที่เป็นลูกชายทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และเป็นผู้เติบโตและศึกษาเล่าเรียนอยู่ในเมืองไทย จึงได้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการปกครอง ตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคมมาจนถึงการเข้ามาของระบอบคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์

 

การเปิดสกู๊ปสัมภาษณ์ นายสตีเฟน ยัง โดย นายสิทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ซักถาม ในรายการชีพจรโลก ซึ่งเนื้อหาใจความของคำสัมภาษณ์ มีดังนี้ นายสตีเฟน กล่าวว่า บิดาของตนใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และใกล้ชิดกับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตั้งแต่ปี 2504 จึงได้เห็นช่องว่างระหว่างคนชนชั้นสูงกับคนจนในชนบทอย่างชัดเจน จนมาถึงปัจจุบัน ปี 2552 ตนได้ยินกลุ่มคนเสื้อแดงพูดว่า ไทยมีช่องว่างระหว่างคนรวยในกรุงเทพฯ กับคนจนในชนบท ทำให้ตนคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะทุกวันนี้ช่องว่างมีเพียงแค่นี้ เทียบกับที่ประเทศสหรัฐฯ ก็มีช่องว่างเช่นกัน
       
        นายสตีเฟนกล่าวต่อว่า ตนเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2504 ซึ่งเป็นเวลากว่า 48 ปีมาแล้ว โดยตนมาอยู่ตั้งแต่ประเทศไทยยังไม่มีไฟฟ้า และน้ำประปาใช้ รวมทั้งถนนยังเป็นดินลูกรัง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ประเทศไทยมักเจอเรื่องราวแปลกประหลาดเสมอ ทำนองว่าประเทศนี้ยังไม่มีสิ่งนั้นสิ่งนี้ ต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยปัญญาชนบางคนที่ต้องการปฏิวัติอำนาจ เขามองว่าเรื่องนี้ไร้สาระ และทำให้สิ่งเหล่านี้ทำให้ตนมองเห็นความทะเยอทะยานของผู้ชายชื่อ " พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจในเครือชินคอร์เปอเรชั่นฯ และสัมปทานโทรศัพท์ของรัฐบาลด้วยระบบผูกขาด
       
        นายสตีเฟน ย้ำว่า สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเงินได้เยอะ และกลายเป็นคนรวย เพราะรัฐบาลได้มอบฐานะบุคคลอภิสิทธิ์ให้เขา พร้อมทั้งให้สิทธิพิเศษในการผูกขาดด้านต่างๆ จึงทำให้การปกครองของคนชั้นสูงหรือกลุ่มคนร่ำรวย มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น
       
       “ นี่ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่เริ่มจากความยากจนแล้วไต่เต้าขึ้นมารวย เขามีสายสัมพันธ์พิเศษ และผมเห็นเขาใช้สายสัมพันธ์พิเศษเหล่านั้น ” นายสตีเฟน กล่าว
       
        นายสตีเฟนกล่าวอีกว่า สำหรับตนแล้วมุมมองความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นแบบจักรพรรดิจีน นั่นคือ ในสมัย “ ฉิน จื่อ หวาง ” ได้มีการแบ่งชนชั้น เสมือนเบื้องบนเป็นสวรรค์ ถัดลงมาเป็นคนคนนึง ส่วนเบื้องล่างคือคนที่เหลือ แล้วเข้าควบคุมรัฐบาล ตำรวจ ผู้พิพากษา นักธุรกิจ โทรทัศน์ และนักหนังสือพิมพ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ทำให้ทุกสิ่งอยู่ใต้เขา ซึ่งไม่เคยมีผู้นำไทยคนไหนในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่พยายามทำเช่นนี้ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบทำให้คนไทยตัวเล็กๆ แหงนมองว่าเขาสำคัญ เพราะพวกเขามีความรู้สึกของระบบอุปถัมภ์อยู่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าไปตัดลำดับขั้นต่างๆ เพื่อเข้าไปปกครองโดยตรง ทำให้ทุกคนที่ทำงานอยู่ต้องตกภายใต้ตัวผู้นำ ไม่ใช่ความร่วมมือแบบเก่าๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ทำงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าเงินของอดีตนายกรัฐมนตรี จะช่วยดูแลพวกเขาได้ แต่ถ้าถามว่าลักษณะเช่นนี้เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ตนต้องขอตอบว่า คำว่าประชาธิปไตยที่ปราศจากศีลธรรมที่ว่าย่ำแย่ที่สุดแล้ว ยังเทียบไม่ได้กับความยุติธรรมที่เป็นสิ่งจำเป็นกว่านั้น
       
       “ ย้อนกลับไปที่อริสโตเติล หากคุณเป็นประชาธิปไตย แต่คุณฉ้อโกง ทำร้ายผู้อื่น เราเรียกว่าทรราช คุณไม่มีศีลธรรม ไม่ยุติธรรม นั่นเป็นระบบที่เลวร้าย อริสโตเติล กล่าวไว้ว่าทุกๆระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบอบกษัตริย์ ขุนนาง หรือประชาธิปไตย ต้องมีกฎหมาย มีศีลธรรม และเป็นธรรม ที่จะควบคุมอำนาจในทางมิชอบ ” นายสตีเฟนกล่าว
       
        นายสตีเฟนกล่าวต่อว่า สิ่งที่ประเทศไทยเดินผิดทาง คือ การปกครองลักษณะเดียวกับประเทศอาร์เจนตินา ที่อยู่ภายใต้การนำของ “ ฮวน เปรอง ” ที่ไปบอกหากเลือกเขาเป็นผู้นำ จะเอาเงินจากคนรวยมาช่วยคนจน ทั้งที่เมื่อปี 1930 ก่อนยุค ฮวน เปรอง อาร์เจนตินาได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่เมื่อเจอผู้นำเผด็จการทำลายเศรษฐกิจและสร้างพรรคเผด็จการ 70 ปีต่อมา อาร์เจนตินากลับต้องเป็นประเทศที่เผชิญกับความยากจนและแตกแยก หากประเทศไทยยังปล่อยไว้เช่นนี้ ก็จะประสบชะตากรรมเดียวกันกับอาร์เจนตินา
       
        นายสตีเฟนย้ำอีกว่า ระบบที่ดีอยู่ที่ใครจะสร้างความยุติธรรมในสังคมได้ หรือใครจะปกครองสังคมอย่างมีศีลธรรม ซึ่งต้องมีการตรวจสอบและควบคุมกันและกันได้ เหมือนเช่นรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่นับว่าดี แต่มีบางคนที่มีเงินแล้วเข้ามาทำตัวเหมือนหนูที่จะเอาเนยแข็งไปทั้งก้อน ทำให้คุณความดีของรัฐธรรมนูญสูญหายไป เกิดเหตุผู้คนไม่พอใจ ทำการประท้วง หรือปฏิเสธการประนีประนอม โดยที่ผ่านมาตนได้ยิน พ.ต.ท.ทักษิณ พูดมาตลอดว่า เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน ปี 2549 ที่ล้มล้างอำนาจเขา นับเป็นการข่มเหงเขามาตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยพูดว่า ตนเองฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและทำลายกฎหมายอย่างไร ยังไม่นับกับสร้างความชอบธรรมและอะลุ้มอล่วยทางกฎหมาย คือ หากจะพูดให้ชัดเจน พ.ต.ท.ทักษิณ เองที่เป็นฝ่ายทำให้กระบวนการล่มสลาย และการรัฐประหารเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการล่มสลายเท่านั้น
       
       “ ตอนนั้นผมรู้สึกเศร้าใจ อะไรคือทางออกของไทย ถ้าเดินหน้าต่อไป พ.ต.ท.ทักษิณ อาจดำเนินเหตุการณ์ไปจบลงด้วยเผด็จการแบบจีน ซึ่งไม่ดีต่อประเทศไทยแน่ๆ แต่ถ้าเลือกรัฐประหารมันก็ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งประเทศไทยไม่ควรตกอยู่ในจุดนั้น ไม่ใช่เพราะกองทัพ ไม่ใช่เพราะคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ใช่เพราะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่เป็นเพราะคนๆนึงกับทีมของเขาเอง ” นายสตีเฟน กล่าว
       
        สำหรับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ โทษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่าอยู่เบื้องหลังความเดือดร้อนของประเทศ นายสตีเฟน กล่าวประเด็นนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนฉลาดในการพูด ดังนั้น เขารู้จักหัวใจคนไทยดี รู้ว่าควรจะพูดอะไรให้คนไทยคิดเหมือนเขา ซึ่งในตะวันตกเรียกว่าเป็นผู้ปลุกปั่น โดยเขาจะศึกษาตัวตนของคนฟังว่ามีอารมณ์อย่างไร แล้วก็พูดในสิ่งที่คนอยากได้ยิน ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกชอบหรือห่วงใย แต่เป็นเพราะต้องการอะไรบางอย่าง นั่นคือ เสียงโหวตและความภักดี
       
        ท้ายสุด นายสตีเฟนกล่าวว่า ตนยังหวังว่าความแตกแยกทางการเมืองในประเทศไทยจะสามารถแก้ไขได้ ถ้าหากทุกฝ่ายนั่งลงแล้วคุยกันถึงวิธีแก้ปัญหาแล้วทำงานร่วมกัน โดยทุกคนควรมีจิตสำนึกในสิ่งที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม จริยธรรม และความภาคภูมิใจที่เป็นคนไทย พร้อมทั้งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือต้องฟังใคร รวมทั้ง ที่สำคัญกว่านั้น หากความทะเยอทะยานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกนำออกไปจากบริบทปัญหานี้ก็น่าจะมีทางออกสักทาง
       
       “ ยารสหวานๆ แบบฉบับไทยๆ กินทุกๆ วันเป็นเดือนหรือ 3 เดือนแล้วคุณจะดีขึ้นเอง ดีกว่ายาที่กินวันเดียว แต่คนอาจไม่ชอบ ยานี้คืออะไร ผมว่ามันต้องมาจากผู้นำรัฐบาล ผู้นำพรรคการเมือง พวกเขาอาจต้องกลืนยาขม จะต้องไม่มีใครรับสินบน ใช้เวลา 3 ปี ตำรวจและทุกๆ คนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง นี่คือยาขมทำให้คนไทยได้เห็นว่านี่คือกฎเกณฑ์ใหม่ ” นายสตีเฟน กล่าว
 
 
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2069 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 14:58:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 17 พฤษภาคม 2553, 18:46:05
เป็นไปได้หรือ !! ??

ทักษิณสำราญช้อปหลุยส์กลางปารีส
17 พฤษภาคม 2553 เวลา 18:16 น.

ทักษิณโผล่ช้อปปิ้งกระเป๋าหลุยส์วิตตอง ย่านถนนชองป์ส เอลิเซ่ส์ ขณะที่เมืองไทยวุ่นวายเกิดเหตุปะทะเดือดหลายจุด

รายการข่าวภาคค่ำของสถานีโทรทัศน์ช่อง11 ซึ่งร่วมผลิตโดยบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง ได้รายงานเมื่อ เย็นวันนี้ (17พ.ค.) ว่าขณะที่เกิดเหตุปะทะระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ได้มีผู้พบเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางไปช็อปปิ้งที่ ร้านหลุยส์ วิตตอง ที่ถนน ชองป์ส เอลิเซ่ส์ กลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในเวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น


                                       

http://www.posttoday.com/ข่าว/การเมือง/29079/ทักษิณสำราญช้อปหลุยส์กลางปารีส

มันใช้ PASSPORT มอนเตเนโกร เข้าไปช๊อปปิ้งที่ปารีส

http://tnews.teenee.com/politic/50704.html

 
      บันทึกการเข้า
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071

« ตอบ #2070 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 15:53:00 »

คำเตือน: ไม่เหมาะกับคนเสื้อแดง และกระบือ เพราะวิดีโอมันแสดงความจริง อาจทำร้ายจิตใจได้


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=6rGqZDvRa_U" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=6rGqZDvRa_U</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=4hmSPbugDAA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=4hmSPbugDAA</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=XRi6m7QG06M" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=XRi6m7QG06M</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Aws3ZMXzNjs" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Aws3ZMXzNjs</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=giuEOQ62n6E" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=giuEOQ62n6E</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=yy3a73Y6fBg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=yy3a73Y6fBg</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=MLuffqnszIY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=MLuffqnszIY</a>
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=LXMmQReCKVg" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=LXMmQReCKVg</a>
      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2071 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2553, 16:04:12 »

ยอมรับว่าเป็นการกระทำของเสื้อแดงครับ แต่ขอรายละเอียดเพิ่มสักนิดซีว่า เป็นที่ไหนและเมื่อไรบ้าง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2072 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 07:59:42 »

ปะทะกันตั้งแต่เช้ามืดแล้วครับ

ทหารพร้อมรถหุ้มเกราะออกทำการยึดคืนพื้นที่พร้อมๆกันหลายจุด แต่ถูกตอบโต้ด้วยอาวุธปืนทุกชนิดที่ผู้ก่อการร้ายเสื้อแดงมีอยู่ พร้อมทำการเผาตึกที่ทำการรัฐบาล เช่น ปปส. ตอบโต้ ไม่รวมถึงการระดมเผายางกลางถนนอย่างมันมือเป็นที่สุด เบื้องต้นทหารได้สวนลุมพีนีคืน แต่ผู้ก่อการร้ายกดดันด้วยการเผายางติดรั้ว รพ.จุฬาฯ ตอบโต้ ทหารยังคุมจุดนี้ไม่ได้



ผู้ชุมนุมเตรียมพร้อมรอรับการสลาย
ประเด็น:เสื้อแดงจัดชุมนุมใหญ่ , 19 พฤษภาคม 2553 เวลา 07:16 น.

แกนนำนปช.ประกาศให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ รับมือสลายม็อบ
 
ภายหลังจากที่ทหารเคลื่อนกำลังพลเข้าปิดล้อมพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ได้ขึ้นเวทีประกาศให้ผู้ชุมนุมทุกคนอยู่ในความสงบ เพื่อรอรับสถานการณ์เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม ขณะที่การ์ด นปช.ได้ทยอยแจกจ่ายผ้าปิดจมูก เพื่อป้องกันแก๊สน้ำตาให้กับผู้ชุมนุม ทั้งนี้แกนนำบางส่วน เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายแพทย์เหวง โตจิราการ ยังคงอยู่ด้านหลังเวที และได้สวมชุดเกราะด้วย

http://www.posttoday.com/ข่าว/การเมือง/29363/ผู้ชุมนุมเตรียมพร้อมรอรับการสลาย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2073 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 08:54:55 »

สถานการณ์จะลงใน ShoutBox ครับ
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2074 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2553, 11:01:13 »

เมื่อคืนพี่แอ๊ะโทรคุยกับ พี่สว. สรรหา ท่านหนึ่ง ทีเข้าร่วมเจรจากับแกนนำด้วย

พี่เขาบอกว่า นปช.ยินดีเข้าสู่การเจรา และบอกว่าเมื่อคคืนจะสงบ

และหยุดปั่นป่วนทั้งหมด เมื่อคืนนะคะ


สัญญา สัญญา ๆสัญญา....สัญญาเสื้อเเดง จะเชื่อได้ไง

แล้ววันนี้จะคุยกันอีกกับสว.ตอน 9.00น.

แต่จากเหตุการณ์  สว สรรหา ที่เข้าไปเจรจา เมื่อวาน ก็ เหลว โดยสิ้นเชิงงง


โดน อุบาทว์ นปช. หลอกอีกแล้วววววววววววว
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
  หน้า: 1 ... 81 82 [83] 84 85 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><