25 พฤศจิกายน 2567, 20:04:01
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 69 70 [71] 72 73 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 799244 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 17 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1750 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 13:43:13 »

ดีจังห้องเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1751 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 14:13:45 »

ดีเอสไอตอกหน้า “เหวง” ยัน “เมธี ดารานู้ด” รับเองปล้นปืนทหารจริง
24 เมษายน 2553 22:08 น.

 
       “ดีเอสไอ” ตอกหน้า “เหวง” ยัน “เมธี ดารานู้ดแดง” รับสารภาพร่วมปล้นปืนกลทหารเอง ยังไม่ออกหมายเรียกบุคคลเกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำเพิ่ม เผยคดีคืบหน้าไปมาก ส่วนผู้ต้องหาสบายดีแต่ขออุบสถานที่ควบคุมตัวเกรงแดงบุกกดดัน
       
       วันนี้ (24 เม.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสอบสวน นายเมธี อมรวุฒิกุล นักแสดงและนายแบบ ผู้ต้องหาตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งเคยขึ้นเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงและเข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทย ที่ถูกจับกุมได้พร้อมอาวุธปืนกลที่ปล้นจากทหารไปว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคดีดังกล่าวพร้อมทั้งสอบถามความคืบหน้าทางคดีจากเจ้าหน้าที่อีกด้วย
       
       นายธาริตกล่าวถึงกรณีที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ได้กล่าวบนเวทีปราศรัยว่าอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ยึดได้จากนายเมธีนั้นไม่แน่ใจว่านายเมธีเป็นผู้เอาไปเอง หรือถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายยัดให้หรือไม่ว่า ข้อมูลที่ตนชี้แจงไปเป็นข้อเท็จจริงจากการสอบปากคำผู้ต้องหาเอง เฉพาะในส่วนที่เปิดเผยได้เท่านั้น ยังมีบางส่วนที่ไม่อาจเปิดเผยได้ โดยสาเหตุที่ต้องเปิดเผยข้อมูลบางส่วนออกไปนั้นเนื่องจากเห็นว่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าปกปิดเป็นความลับ โดยเฉพาะประเด็นการนำอาวุธสงครามร้ายแรงไปใช้ในการเคลื่อนไหว การนำมาเปิดเผยถือเป็นการส่งสัญญาณไปถึงผู้ที่ยังครอบครอบอาวุธสงครามให้ยุติการกระทำเพราะถือเป็นความผิดที่มีโทษรุนแรง
       
       นายธาริตกล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังมีการสอบปากคำนายเมธีไปพร้อมๆ กับการรอผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ กับรถของนายเมธีที่ยึดมาได้ และมีการกระจายชุดพนักงานสอบสวนหลายสิบชุดออกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องกับหลายเหตุการณ์ ทั้งนี้ยังไม่มีการออกหมายเรียกบุคคลใดที่นายเมธีอ้างถึงเข้าให้ปากคำ เนื่องจากขั้นตอนขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการชุดย่อยที่ตั้งขึ้นทั้ง 7 ชุด ก็กำลังเร่งทำงานตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ยังไม่สามารถนำข้อมูลใดๆ มาเปิดเผยได้ แต่ย้ำว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก
       
       “ขณะนี้นายเมธีปลอดภัยดี อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ทหารตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเจ้าตัวไม่ได้มีอาการเครียด และเจ้าหน้าที่ได้ผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปพูดคุยอยู่ตลอด ส่วนสถานที่ควบคุมตัวขอปกปิดเป็นความลับเพื่อไม่ให้คนเสื้อแดงนำมวลชนมากดดัน” อธิบดีดีเอสไอกล่าว

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000056527
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1752 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 14:30:27 »

ข่าวล่าสุดเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง...ขอเอาข่าวของ นสพ ไทยรัฐ ออนไลน์ ลงให้ชมครับ

เผย6การ์ดแดง ติดหวัด09 หวั่นติดเชื้อเพิ่ม

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลาง เผยการ์ดกลุ่มคนเสื้อแดงป่วยเป็นหวัด2009 แล้ว 6 ราย หวั่นลามคนอื่น แนะผู้ชุมนุมหากป่วยสามารถเข้าตรวจรักษาได้ พร้อมเปิดโรงพยาบาลรอ...

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นพ.พิชญา นาควัชระ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีประชาชนจำนวน 6 รายที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มาเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลกลาง ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลกับประชาชนดังกล่าว พบว่า เป็นคนที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ ทำหน้าที่เป็น การ์ด มาตั้งแต่การเริ่มการชุมนุมเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตนเป็นห่วงกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมว่าจะติดเชื้อหวัดดัง กล่าวเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้หากคนเสื้อแดงมีอาการป่วย ไข้ หรือไม่สบายสามารถเข้ามารับการตรวจได้ที่โรงพยาบาลกลาง.

http://www.thairath.co.th/content/region/78977
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1753 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 14:38:05 »

ข่าวด่วนแจ้งว่าจับผู้ต้องสงสัยที่เป็นมือยิง M-79 รวม 9 คนแล้ว, ไม่ทราบว่าจะได้ตัวจริงหรือเปล่า ??

ตร.จับมือบึมแล้ว คุมตัวสอบเครียด

ความคืบหน้าล่าสุดของเหตุยิงเอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุมเสื้อหลากสีที่ถนนสีลม เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 5 คน บริเวณแยกศาลาแดง โดยนำตัวไปสอบปากคำที่สน.ทุ่งมหาเมฆแล้ว

ล่าสุดจับกุมเพิ่มเติมอีก 4 คน รวมเป็น 9 คน เจ้าหน้าที่เตรียมส่งกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบหาเขม่าดินปืนที่มือต่อไป

http://www.thairath.co.th/content/region/78469
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1754 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 16:49:35 »

เริ่มจะทำงานเป็น แก้ทางกันได้บ้างแล้ว ด้วยการใช้รถจักรยานยนต์แทนรถยีเอ๊มซี หรือรถยูนิมอคค์ที่ถูกเจาะยางมาโดยตลอด

คุม 7 “ไพร่แม้ว” ซุกหนังสติ๊ก-ลูกแก้ว ส่งสอบสถานกักกัน
25 เมษายน 2553 16:17 น.

                               
 
       ทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว ของ ศอฉ.ตรวจค้นเสื้อแดงที่กำลังเดินทางกลับจากการไปรวมตัวเรียกร้องให้ “อภิสิทธิ์” ยุบสภา ที่บ้านพักซอยสุขุมวิท 31 เจอพกหนังสติ๊ก ลูกแก้ว ดิ้วเหล็ก ควบคุมตัว 7 ไพร่แดงส่งไปสอบสวนที่สถานกักกัน ตชด.คลองห้า ปทุมธานี
      
       วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ประกอบด้วย กลุ่ม จยย.รับจ้างเสื้อแดง กทม.และ กลุ่มเสื้อแดง จ.สมุทรปราการ กว่า 1,000 คน เดินทางกลับออกจากไปชุมนุมที่บ้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มุ่งหน้าไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เวทีใหญ่แยกราชประสงค์ โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท ขาเข้า ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว ของ ศอฉ.ประมาณ 1 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือยืนขวางอยู่บริเวณแยกสายน้ำผึ้ง นอกจากนี้ พ.อ.ฐิติศักดิ์ สมทัศน์ ผบ.พัน.สห.11 ยังได้นำกำลังสารวัตรทหาร ซึ่งมีอาวุธครบมือ กว่า 500 นาย ขับรถ จยย.เป็นยานพาหนะ จำนวน 250 คัน ตามมาสมทบ
      
       ทั้งนี้ เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากัน จากนั้นกำลังทหารก็เข้าตรวจค้นรถ และบุคคลต้องสงสัยอย่างละมุนละม่อม เบื้องต้นสามารถจับกุมตัวกลุ่ม นปช.ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยได้ทั้งสิ้น 7 คน ประกอบด้วย 1.นายบุญส่ง บุญประคม 2.นายไพรัช เกิดจรัส 3.นายบุญธรรม ชื่นตา 4.นายวันชัย แก้วปู่ และชายต้องสงสัยไม่ทราบชื่ออีก 3 คน โดยทั้งหมดถูกจับกุมตัวได้พร้อมบัตรสมาชิก นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ผ้าโพกศีรษะ นปช.เสื้อผ้า และสายรัดข้อมือสีแดง บางคนพกพาอาวุธเป็นหนังสติ๊ก ลูกแก้ว และดิ้วเหล็ก จึงถูกควบคุมตัวส่ง ร.ต.อ.อาทิตย์ จันทา พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ทองหล่อ เพื่อบันทึกภาพทำประวัติ ก่อนส่งตัวไปสอบสวนที่สถานกักกัน ตชด.คลองห้า จ.ปทุมธานี ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000056722
 


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1755 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 17:30:04 »

“ชาวไทยพุทธ” สวดมนต์วัดพระแก้ว วอนประเทศไทยสงบสุข
25 เมษายน 2553 15:50 น.


 
       ประธานจากทั่วประเทศร่วมทำบุญ สวดมนต์ขอพรให้ประเทศเกิดความสงบสุข และขอพรให้ในหลวงทรงหายจากพระอาการประชวร โดยมีประชาชนจำนวนมากร่วมกันใส่ชุดสีขาว ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว
      
      
       วันนี้ (25 เม.ย.) ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เมื่อเวลา 07.00 น.ได้มีการจัดกิจกรรม “หยุดหนึ่งชั่วโมงให้กับประเทศไทย” เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ขจัดภัยพิบัติด้วยอำนาจธรรม โดยมีหลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จังหวัดลำพูน เป็นประธานนำสวดมนต์และบรรยายธรรม และ อธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย ร่วมด้วย ม.ล.สลาลี กิติยากร, คุณหญิง สุพัตรา มาศดิตถ์ ประธานสถาบันผู้หญิงกับการเมืองแห่งเอเชียและแปซิฟิก ทั้งนี้ มีพุทธศาสนิกชนแต่งชุดขาว กว่า 1,000 คน ร่วมกันสำรวมจิต กาย วาจา และสวดพุทธชัยมงคลคาถาหรือพาหุง (ชนะมาร) 9 จบ พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยและประชาชนได้รับความปลอดภัยและสันติสุข ปกป้องรักษาสถาบัน พระมหากษัตริย์ หลังจากที่สถานการณ์บ้านเมืองมีความไม่สงบเรียบร้อย
      
       ทั้งนี้ ภายหลังสวดมนต์เสร็จสิ้น พุทธศาสนิกชนได้หันหน้าไปทางโรงพยาบาลศิริราช และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นได้แยกย้ายเดินทางกลับในเวลา 09.30 น.

 
 
ดูภาพเพิ่มเติมได้ที่ นสพ. ผู้จัดการ ออนไลน์
http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000056717
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1756 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 17:46:04 »

จากวันที่ 18 เมษายน ซึ่ง พธม. ได้ออกมาให้เวลารัฐบาล 7 วัน และครบกำหนดในวันพรุ่งนี้ มีข่าวจาก พธม. ว่า....

พธม.มาตามนัด เคาะแผน เคลื่อนไหวพรุ่งนี้


สมศักดิ์ โกศัยสุข

"สมศักดิ์ โกศัยสุข"เผยแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดประชุมเคาะแผนเคลื่อนไหวพรุ่งนี้(26 เม.ย.)ย้ำ ไม่ทำม็อบชนม็อบ จวกรัฐอ่อนแอ ตำหนิ"มาร์ค"พูดไปเรื่อย ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ลั่นรอไม่ได้แล้ว.....  

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยกับ "ไทยรัฐออนไลน์" ถึงความคืบหน้าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ในวันพรุ่งนี้ 26 เม.ย.แกนนำพันธมิตรฯจะร่วมกันประชุมถึงแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากที่เคยมีมติให้เวลารัฐบาล 7 วันในการดำเนินการนำความสงบเรียบร้อยกลับสู่ประเทศ และมีการเรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงสลายการชุมนุม แต่ปรากฎว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลนั้นออกมาพูดจานั้นเป็นเพียงการพูดจาไปเรื่อยๆ  โดยเฉพาะล่าสุดที่ออกรายการทาง สทท.11 เหลวไหลมาโดยตลอด  ฟังแล้วมีแต่เพียงอธิบายไปเรื่อยๆไม่มีผลเป็นรูปธรรม เข้าใจว่าคนหมดความเชื่อถือแล้ว หวังมากไม่ได้แล้ว ซึ่งถ้าปล่อยไปประเทศชาติเสียหายไปกว่านี้ จากกรณีประเมินผิดคือดำเนินยุทธศาสตร์ผิดทำให้มีคนเจ็บ-ตาย มาแล้วถึง 2 ครั้ง ถ้าปล่อยไปอีกก็จะมีครั้งที่ 3 อย่างแน่นอน ความเสียหายของประเทศชาติรอไม่ได้แล้ว และ เชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะมีประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้ทุกจังหวัด

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้พอมีแนวทางการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว แต่ยังไม่บอกไม่ยังต้องเป็นมติของแกนนำก่อน  มติหลักก็คือต้องเคลื่อนไหว เพราะเห็นว่าการชุมนุมไม่ชอบชอบ โดยเฉพาะกรณีสีลม คนที่อยู่เฉยๆ มีการยิงเจ็บ เสียชีวิต แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการเอาม็อบมาชนม็อบ คงไม่มีใครทำแบบนนั้น เพราะไม่ใช่หน้าที่ หลักใหญ่เราเป็นประชาชนจะใช้สิทธิปกป้อง ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จะปล่อยให้ก่อการร้ายในเมืองเกิดไม่ได้  ในเมื่อรัฐบาลอ่อนแอ ล้มเหลว พึ่งไม่ได้ ดังนั้นประชาชนก็ลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง อย่างไรก็ตามสำหรับวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) แกนนำจะทำการนัดหมายประชุมกำหนดการเคลื่อนไหวที่บ้านพระอาทิตย์ ในช่วงเช้า และ จะมีการแถลงแนวทางความเคลื่อนไหวในช่วง 12.00 น.

http://www.thairath.co.th/content/pol/79009
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1757 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 17:55:37 »

ค่อยๆ จับไปให้ได้ ที่ละตัว สอง ตัว เด่ว กฎหมายก็เป็นกฎหมายเองค่ะ

แม้มันจะชั่ว แต่ต้อง ละมุนละม่อมเอาใจมันสาระพัด

ทำไงได้ล่ะ  จัดการแรงไปก้หาว่า เป็นทรราชย์ ไม่จัดการก็หาว่า บ้านเมืองไม่มีนิติรัฐ



อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 เมษายน 2553, 16:49:35
เริ่มจะทำงานเป็น แก้ทางกันได้บ้างแล้ว ด้วยการใช้รถจักรยานยนต์แทนรถยีเอ๊มซี หรือรถยูนิมอคค์ที่ถูกเจาะยางมาโดยตลอด

คุม 7 “ไพร่แม้ว” ซุกหนังสติ๊ก-ลูกแก้ว ส่งสอบสถานกักกัน
25 เมษายน 2553 16:17 น.

                                     

       ทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว ของ ศอฉ.ตรวจค้นเสื้อแดงที่กำลังเดินทางกลับจากการไปรวมตัวเรียกร้องให้ “อภิสิทธิ์” ยุบสภา ที่บ้านพักซอยสุขุมวิท 31 เจอพกหนังสติ๊ก ลูกแก้ว ดิ้วเหล็ก ควบคุมตัว 7 ไพร่แดงส่งไปสอบสวนที่สถานกักกัน ตชด.คลองห้า ปทุมธานี
      
       วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ประกอบด้วย กลุ่ม จยย.รับจ้างเสื้อแดง กทม.และ กลุ่มเสื้อแดง จ.สมุทรปราการ กว่า 1,000 คน เดินทางกลับออกจากไปชุมนุมที่บ้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มุ่งหน้าไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เวทีใหญ่แยกราชประสงค์ โดยใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท ขาเข้า ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว ของ ศอฉ.ประมาณ 1 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือยืนขวางอยู่บริเวณแยกสายน้ำผึ้ง นอกจากนี้ พ.อ.ฐิติศักดิ์ สมทัศน์ ผบ.พัน.สห.11 ยังได้นำกำลังสารวัตรทหาร ซึ่งมีอาวุธครบมือ กว่า 500 นาย ขับรถ จยย.เป็นยานพาหนะ จำนวน 250 คัน ตามมาสมทบ
      
       ทั้งนี้ เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากัน จากนั้นกำลังทหารก็เข้าตรวจค้นรถ และบุคคลต้องสงสัยอย่างละมุนละม่อม เบื้องต้นสามารถจับกุมตัวกลุ่ม นปช.ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยได้ทั้งสิ้น 7 คน ประกอบด้วย 1.นายบุญส่ง บุญประคม 2.นายไพรัช เกิดจรัส 3.นายบุญธรรม ชื่นตา 4.นายวันชัย แก้วปู่ และชายต้องสงสัยไม่ทราบชื่ออีก 3 คน โดยทั้งหมดถูกจับกุมตัวได้พร้อมบัตรสมาชิก นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ผ้าโพกศีรษะ นปช.เสื้อผ้า และสายรัดข้อมือสีแดง บางคนพกพาอาวุธเป็นหนังสติ๊ก ลูกแก้ว และดิ้วเหล็ก จึงถูกควบคุมตัวส่ง ร.ต.อ.อาทิตย์ จันทา พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ทองหล่อ เพื่อบันทึกภาพทำประวัติ ก่อนส่งตัวไปสอบสวนที่สถานกักกัน ตชด.คลองห้า จ.ปทุมธานี ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000056722
 



      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1758 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 18:30:54 »

ดูข่าวจาก นสพ เดลี่นิวส์ ออนไลน์

ตั้งชุดไล่ล่าจับคนเสื้อแดง
วันอาทิตย์ ที่ 25 เมษายน 2553 เวลา 12:59 น

                                               

ศอฉ.ตั้งชุดไล่ล่าคนเสื้อแดงทั่วกรุงหวังสกัดคนร่วมม็อบ

วันนี้ (25 เม.ย.) พ.ท.ฐิติศักดิ์ สมทัศน์ ผบ.พัน สห.11 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารนับร้อยนายพร้อมอาวุธครบมือใช้ จยย.และรถยีเอ็มซี ออกปฏบัติหน้าที่ควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยจะเข้าคุมตัวผู้ที่พกพาอาวุธและผู้ที่มีสัญลักษณ์ของกล่มคนเสื้อแดง อาทิ ผ้าพันคอ เสื้อและตีนตบ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของ ศอฉ. เพื่อป้องกันการเดินทางเข้าร่วมชุมนุม ซึ่งในจุดบริเวณแยกสายน้ำผึ้ง สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 7 ราย จากนั้นได้เดินทางไปยังจุดอื่นต่อไป.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=627&contentID=61965
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1759 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 19:43:27 »

ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ(ทำนอง ข้าเจ้าเป็นสาวเจียงใหม่..ของวงโฟลคเหน่อ)

จ้าวมูลแม้ว


ตัวอ้ายเป็นจายเจียงใหม่ แหมบ่อเต้าใดก็จะเป็นเจ้ามูลแม้ว

ตึงวันพันธมิตรมาแอ่ว มาอู้มาแซว เป็นแม้วมูลวัว


ตัวอ้ายจะเลือกอยู่ไหน จะอยู่ดูไบหรือมุ้งสายบัว

ฮ่องกงไม่ไปแล้วกลัว เก็บเนื้อเก็บตัว หดหัวโฟนอิน


หัวขวดว่าจะมาไถ ขอเงินซื้อไข่ซื้อปลาร้าซื้อส้นตีน

จ้างคนมาฟังโฟนอิน แล้วชูส้นตีน ทักษิณมูลเมือง

ตัวอ้ายบ่เจื้อแดงแล้ว ไม่เป็นมูลแม้ว ไม่เป็นมูลเมือง

เป็นหมาขี้เรื้อนเชื่อง ๆ เห่าหอนเนือง ๆ ที่เมืองดูไบ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1760 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 20:22:02 »

เปิดบันทึก แพทย์ทหาร 10 เมษายน กลางสี่แยกคอกวัว..[/color]จาก ประชาชาติธุรกิจ
. ผมอยากให้เรื่องที่ผมจำได้มันเป็นแค่ความฝัน

บันทึกของแพทย์ทหารผู้หนึ่ง ที่เขียนบันทึกไว้เมื่อวันที่ 15 เมษายน เวลา 13.04 น.
 มีหลายประเด็นน่าสนใจ ลองใช้ดุลยพินิจของท่านพิจารณาไตร่ตรองดู..... !!


  การสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 10 เมษายน  ผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์แล้ว  ซีดี.ภาพเหตุการณ์มีทั้งเวอร์ชั้น ศอฉ. และเวอร์ชั่นคนเสื้อแดง ได้ปั๊มกันออกมา เกลื่อนเมือง   แต่ท่ามกลาง การช่วงชิงมวลชน  ปรากฏมีบันทึกของแพทย์ทหารผู้หนึ่ง ที่เขียนบันทึกไว้เมื่อวันที่ 15 เมษายน เวลา 13.04  น.  มีหลายประเด็นน่าสนใจ   ลองใช้ดุลยพินิจของท่าน

 

  ผมในฐานะแพทย์ทหารคนหนึ่งที่ปฎิบัติงานในเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 53 อยากจะเขียนบันทึกความทรงจำเหตุการณ์ในวันนั้น เพื่อเก็บไว้เป็นบทเรียน เป็นอุทาหรณ์ หรือเป็นสิ่งเตือนใจให้แก่ตนเอง และประชาชนชาวไทย ไม่ให้ลืมเลือนบทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปกับกาลเวลา

 

     ผมได้รับภารกิจในฐานะ ผบ.มว.สร.พัน.ร. (ผู้บังคับหมวดเสนารักษ์ กองพันทหารราบ) หรือก็คือแพทย์ทหารประจำกองพัน หน้าที่ของผมคือติดตามดูแลกำลังพลเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย การป้องกันโรค การส่งกำลังบำรุงทางสายแพทย์ รวมถึงงานอื่นๆตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย ผมมาภารกิจในครั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 53 ย้ายสถานที่พักไปตามภารกิจต่างๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตั้งด่านตรวจ และเฝ้าระวังเหตุร้ายตามสถานที่สำคัญ เช่น ที่ ร.1 พัน.1 รอ., ร.11 รอ., สนามบินสุวรรณภูมิ, ลาดหลุมแก้ว และที่สุดท้าย คือ สี่แยกคอกวัวบริเวณถนนตะนาวศรี (ข้างวัดบวรนิเวศฯ ย่านบางลำภู) ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 10 เม.ย. 53

 

    หน่วยของเราได้รับภารกิจในการขอพื้นที่คืนจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ออกจากที่ตั้งปกติโดยรู้ก่อนล่วงหน้าไม่ถึง 1 ชม. หลังจากเข้าที่รวมพลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสี่แยกคอกวัวไม่นานก็ต้องเคลื่อนย้ายราวสักบ่ายโมง ผมขึ้นบนหลังคารถฮัมวี่คันแรกสุด (หากใครเห็นในรูปถ่าย ก็คงจะเห็นทหารคนหนึ่งบนหลังคารถฮัมวี่ที่ติดปลอกแขนกาชาด ถือโล่บังตัวเอง นั่นก็ผมล่ะครับ) จนกระทั่งถึงบริเวณถนนตะนาวศรี กำลังพลรวมทั้งผู้พันก็ลงจากรถ ไปตั้งแนวโล่หน้ากลุ่มผู้ชุมนุม ผู้พันผมบอกให้ผมรออยู่ในรถก่อน เนื่องจากกลัวว่าผมอาจโดนสิ่งของขว้างปามาจะเกิดอันตราย ซึ่งอีกไม่นานก็เกิดขึ้นจริงๆ ทหารของเราตั้งแนวโล่ มีเพียงชุดเกราะป้องกัน (ผมเรียกว่า ชุดโรโบคอป) หมวกกันน๊อค โล่ และกระบองป้องกันตัว เราถูกกลุ่มผู้ชุมนุมปาของทุกอย่างที่คิดว่าจะปาได้ ทั้งขวดเบียร์ ขวดกระทิงแดง ไม้ อิฐบล๊อค กระถางต้นไม้ บันได ขวดน้ำ ฯลฯ อีกสารพัด รถบางคนกระจกถูกปาแตก แต่อาจเป็นเพราะรถฮัมวี่ของผมคงจะแข็งมากมั้งครับ กระจกเลยไม่เป็นไร

     หลังจากนั้นไม่นาน ผมเริ่มเห็นมีคนเจ็บจากของที่ถูกขว้างปา เลยตัดสินใจบอกพลขับว่าผมจะลงจากรถไปดูคนเจ็บ ฝากตอบ ว. (วิทยุ) ให้ด้วยนะครับ หลังจากนั้นก็ลงไปดูคนเจ็บและสถานการณ์อยู่หลังแนวโล่ ซึ่งในระหว่างนั้นก็ต้องคอยหลบซ้าย หลบขวา ก้มหัว หลบบรรดาสิ่งของที่ขว้างมา แต่ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าผมโชคดีมาก เพราะหลังจากผมตัดสินใจลงจะรถไม่นาน กลุ่มผู้ชุมนุมก็รุกไล่แนวโล่มาจนถึงรถฮัมวี่ที่ผมเคยนั่งอยู่ก่อนไม่ถึง 5 นาที ทุบรถ ทุบกระจก แล้วขึ้นไปบนช่องของพลสังเกตการณ์ (บนเพดานรถจะมีช่องไว้สำหรับให้ทหารนั่งคอยสังเกตการณ์ หรือติดปืนกล แต่นี่เป็นรถธุรการของผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่ฮัมวี่รบ เลยไม่ได้ติดอาวุธ) พลขับของผมถูกผู้ชุมนุมใช้เท้ายันศีรษะกับพวงมาลัยรถ ลากลงมารุมกระ..ทืบ แล้วจ้วงแทงด้วยมีด แต่เขาก็ยังโชคดีมากที่ใส่เกราะ มีดเลยไม่เข้า ไม่อย่างนั้นก็คงไส้ทะลักแน่ๆ

     ผมทำหน้าที่ช่วยกันกับทหารและนายสิบพยาบาลลำเลียงผู้ป่วยจากด้านหน้าแนวมาไว้ที่รวบรวมผู้ป่วยเจ็บด้านหลัง ซึ่งผมกำหนดไว้ที่ริมกำแพงข้างวัดบวรนิเวศฯ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นการปะทะกันของแนวโล่กับกลุ่มผู้ชุมนุม ผู้ป่วยเจ็บส่วนใหญ่จึงมักเกิดจากการขว้างของแข็งเข้าใส่ มีบาดแผลแตกหรือบาดแผลที่ศีรษะ รวมทั้งผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะตื่นตระหนกทำให้เกิดอาการหายใจเร็วเกินไป (ผมขอเรียกตามศัพท์ทางแพทย์ว่า Hyperventilation syndrome) ในส่วนของผมมีผู้ป่วยอยู่ในเวลานั้นประมาณ 20-30 คน การทำงานชุลมุนมาก เพราะเรามีคนน้อยแค่ผมกับนายสิบพยาบาลรวมกันไม่ถึง 6-7 คน แต่ต้องขอขอบคุณพี่ๆน้องๆกู้ภัย เจ้าหน้าที่ EMS ของวชิรพยาบาล รวมทั้งพ่อแม่พี่น้องประชาชนละแวกนั้นที่ให้ความช่วยเหลือ คอยติดต่อเอารถกู้ภัยมารับคนป่วยไป รพ.ศิริราช และ รพ.วชิรพยาบาล คุณยายบางคนไม่รู้จะช่วยยังไงก็ควักยาดมให้ พี่ๆหลายคนก็วิ่งไปหาน้ำเย็น น้ำแข็ง ผ้าเย็น แอมโมเนีย ให้คนไข้ หรือแม้แต่น้องผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงที่ผมจำได้ดี น้องเค้าวิ่งหาท๊อฟฟี่คอยแจกพี่ๆทหารและคนที่มาช่วย พนักงานเดอะพิซซ่าก็คอยเอากระดาษลังมาพัดให้ผู้ป่วย

    แต่มีนายสิบกับพลทหารอีกคนหนึ่งของหน่วยผมที่ถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บริเวณต้นขา ถามเขาบอกว่าเขาอยู่บริเวณแถวหน้าสุดของแนวโล่ มีการ์ด นปช. คนนึงถูกยิงด้วยกระสุนยางที่ไหล่ เขาโมโห เขาพูดว่า “moong ยิง goo เหรอ” หลังจากนั้นก็ชักปืนพก 11 มม. ยิงใส่ทหาร ถูกนายสิบคนหนึ่งมีบาดแผลรูกระสุนที่ต้นขาซ้าย และถูกพลทหารอีกคนที่บริเวณขา ผมได้ทำการห้ามเลือดด้วยผ้าแต่งแผลและสายรัดห้ามเลือด (Tourniquet) แล้วส่งรถกู้ภัยต่อ

     หลังจากเหตุปะทะช่วงแรกสักราวๆ   1 ชม. ทั้ง 2 ฝ่ายก็เจรจากัน ผู้ชุมนุมขอให้ทหารถอยออกไป ส่วนทหารขอให้ผู้ชุมนุมถอยเพื่อลากเอารถที่เสียหายออกมา ก็ตกลงกันได้ ต่างฝ่ายจึงถอยออกห่างจากกันประมาณ 20 เมตร ซึ่งช่วงนั้นผมและเจ้าหน้าที่ได้ทำการลำเลียงผู้ป่วยเจ็บออกไปได้หมดแล้ว ทั้งผู้ชุมนุมและทหารก็ต่างนั่งพักตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ของตน

       ในระหว่างนั้นก็มีประชาชนเอาน้ำ เอาของกิน เอาผ้าเย็นมาให้ทั้งฝ่ายทหารและผู้ชุมนุม เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงราวๆหกโมงเย็น (หลังเคารพธงชาติ) ทางทหารจึงได้รับคำสั่งให้ทำการขอคืนพื้นที่ชุมนุมอีกครั้ง โดยตั้งขบวนแถวแรกจำนวน 1 กองร้อย ด้วยแนวโล่และกระบอง และมีกำลังด้านหลังมีปืน M16 เพื่อทำการยิงขู่ขึ้นฟ้าในกรณีที่จำเป็น กำลังของทหารสามารถผลักดันผู้ชุมนุมให้ถอยร่นจากบริเวณปากทางเข้าถนนข้าวสารจนเกือบจะถึงถนนราชดำเนินนอก ซึ่งตอนนั้นผมอยู่หลังกองร้อยที่อยู่ด้านหน้า (ชุดโรโบคอป โล่ กระบอง) โดยมีผู้บังคับกองพันและผู้บังคับการกรมคอยสั่งการอยู่ด้านหน้าของผม (หลังแถวกองร้อย)

       ลักษณะการจัดแนวจะเป็นแถวหน้ากระดานประมาณ 4-6 แถว ขณะนั้นผมอยู่ที่ริมฟุตบาทถนนข้าวสาร ในระหว่างนั้นผู้ชุมนุมเริ่มมีการใช้อาวุธที่ร้ายแรงมากขึ้น เช่น ขว้างแก๊สน้ำตาใส่ ขว้างระเบิดเพลิง (โมโรตอฟ) จนกระทั่งมีการเปิดถังแก๊สใส่ทหาร (โชคดีที่ไม่มีใครจุดไฟ มิเช่นนั้นทหารรวมทั้งผมคงถูกไฟคลอกตายแน่) จนกระทั่งเหตุการณ์สำคัญที่สุดก็เกิดขึ้น ...

 

     ผมจำได้ติดตาเลยว่า ตอนนั้นมีระเบิดควันลูกหนึ่งโยนมาตกที่บริเวณแถวทหารหน้าสุด ซึ่งตอนแรกทุกคนคิดว่าเป็นแก๊สน้ำตา จึงรีบนำผ้าพันคอปิดจมูก และเตรียมถอยกลับออก แต่ตอนนั้นทั้งทหารและผมก็โดนแก๊สน้ำตา 3-4 ครั้งแล้ว จึงรู้โดยทันทีว่านั่นไม่ใช่แก๊สน้ำตา เป็นระเบิดควันเฉยๆ ผมได้ยินเสียงผู้พันสั่งว่า .”ไม่ใช่แก๊ส ไม่ต้องถอย ตั้งแนวต่อไป” แถวทหารก็เริ่มตั้งแนวและผลักดันต่อ ผมเองก็ค่อยๆเดินตามหลังแถวทหารไป หลังจากนั้นไม่ถึง 1 นาที ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณหน้าแถวทหาร (ห่างจากเท้าของทหารแถวแรกไม่กี่เมตร)

      ผมยอมรับตามตรงว่าทั้งชีวิตไม่เคยเห็นระเบิด M79 มาก่อน แต่สิ่งที่เห็นคล้ายกับประทัดยักษ์ระเบิดที่พื้นถนน แต่ปกติประทัดยักษ์ควรจะมีแต่เสียงดังกับควัน แต่สิ่งที่เห็นกลับมีประกายไฟกระจายออกมาด้วย ผมก็คิดอยู่ว่า “ทำไมประทัดมันมีประกายไฟด้วย” จุดที่ระเบิดตกห่างจากผมไปราวๆ 10 เมตร หลังจากนั้นก็มีอีกลูกหนึ่งตกหลังผมไปทางหน้าแนวทหารที่ 2 ผมได้ยินเสียงผู้การสั่งว่า “มันเล่นของจริง ทุกคนถอย” หลังจากนั้นแถวของเราก็แตกถอยมาด้านหลัง นายสิบพยาบาลของผมคนหนึ่งดึงผมให้หลบออกมาทางฟุตบาทให้หลบ ผมหันหลังกลับมาทางถนน เห็นคนเจ็บนอนเลือดอาบอยู่ราวๆ 10-20 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นทหารเป็นลูกน้องในกองพันของผม บางคนเมื่อวานเพิ่งมาขอยา บางคนยังเคยกินข้าวด้วยกันไม่นานนี้เอง

       ตอนนั้นผมยอมรับจริงๆว่าเบลอไปหมดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปทำด้วยสัญชาตญาณ ภาพที่เห็นคือทหารนอนเลือดอาบ ตาลอย ตามร่างกายมีสะเก็ดระเบิด และบางคนมีรูกระสุนปืนด้วย เพื่อนทหารต่างพากันช่วยลากออกมาจากจุดที่ระเบิด ร้องเรียก “หมอ ช่วยด้วย” “หมอ ดูเพื่อนผมด้วย” “หมอ หมอ ช่วยเพื่อนผมด้วย” บรรยากาศตอนนั้นหลายท่านคงเห็นจากในคลิปวีดีโอหรือในสื่อต่างๆ แต่ ณ สถานที่เกิดเหตุจริงมันยิ่งกว่านั้น มันไม่รู้จะอธิบายยังไง ทั้งตกใจ ทั้งหดหู่ ทั้งเศร้าใจ แม้ว่าผมจะเป็นแพทย์

     แต่สิ่งที่ทำได้ผมก็ทำได้เพียงเข้าไปช่วยลากคนเจ็บ เข้าไปช่วยกันห้ามเลือดด้วยผ้าพันคอ เพราะตอนนั้นทั้งตัวไม่มีอุปกรณ์อะไรติดตัวเลย มีแต่ stethtoscope (หูฟัง) ไม่มีสายรัดห้ามเลือด ไม่มีผ้าพันแผล สมัยเป็น นพท.ปี 6 ผมเคยเรียนวิชาเวชปฎิบัติการยุทธ (ปฎิบัติการเพชราวุธ) ผมรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้คือ Care under fire แต่ผมเพิ่งจะเข้าใจจริงๆว่า หัวใจของ care under fire คือ เอาชีวิตตัวเองให้รอด แล้วเอาคนเจ็บออกจากบริเวณสังหาร (Killing zone) ให้เร็วที่สุด ลืมเรื่องการปฐมพยาบาล ลืมเรื่อง primary survey หรือ ABCD ที่เคยเรียนไปได้เลย เพราะขณะช่วยเอาคนไข้ออก ก็มีทั้งระเบิด M79 ระเบิดขว้างลูกเกลี้ยง M26 เสียงปืน (ตอนหลังเพื่อนผู้หมวดบอกว่าเขามีทั้ง M16, AK47 และปืนพก)

      ขณะนั้นรถกู้ภัย รถพยาบาล จอดอยู่บริเวณหัวถนนตะนาว ใกล้กับวงเวียนบางลำพู รถไม่กล้าขับเข้ามาเพราะยังมีระเบิดตกอยู่เรื่อยๆและมีเสียงปืนดังอยู่ตลอดจากฝั่งผู้ชุมนุม ผมวิ่งไปเรียกตรงกลางทางให้รถพยาบาลเข้ามา (แต่ตอนนั้นก็รู้อยู่แล้วว่า ถ้าเป็นตัวเองก็คงไม่กล้าขับรถเข้ามาหรอก) ขอบคุณพี่ๆกู้ภัยหลายคนช่วงนั้นที่เสี่ยงตายวิ่งเข้ามาช่วยพวกเราลากผู้ป่วย ตอนนั้นผู้ป่วยทั้งหมดถูกลำเลียงออกมารวมกันบริเวณเกาะกลางถนนตรงแยกบางลำพู ผมช่วยกันลำเลียงผู้ป่วยออกมาได้ 2-3 คน ใส่รถกู้ภัย             หลังจากนั้นพอจะกลับเข้าไปช่วย

     สิ่งที่เห็นก็คือฝ่ายตรงข้ามก็ยิงระเบิดไล่หลังมาเรื่อยๆจนเกือบถึงหัวถนนตะนาวตรงหัวมุมวัดบวรนิเวศฯ ทหารฝ่ายเราต้องเริ่มคว้าปืนมายิงคุ้มกันให้พวกที่ลำเลียงผู้ป่วยออกมาตรงฟุตบาท 2 ข้างของถนนตะนาว ผมไม่สามารถเข้าไปในบริเวณถนนตะนาวได้อีกแล้วเพราะบริเวณนั้นกลายเป็น killing zone ผมจึงต้องหลบอยู่หลังรถกู้ภัยตรงวงเวียนบางลำพู (พร้อมๆกับบอกให้พี่ๆกู้ภัยก้มหัวหมอบ ต้องเอาชีวิตตัวเองรอดก่อนไปช่วยคนอื่น) จุดนั้นมีการปะทะอยู่นานประมาณ 15-20 นาที

      ฝ่ายอำนวยการของผมแจ้งให้ทราบในภายหลังว่านับระเบิด M79 ได้เกือบ 15 ลูก ระเบิดขว้าง M26 อีก 2 ลูก รวมทั้งมีพลทหารคนหนึ่งซึ่งผมไปรับหลังจากกลับจาก รพ. บอกผมว่า เขาเห็นแสง laser pointer สีเขียวคอยส่องอยู่แถวศีรษะของทหารแถวหน้า คาดว่าน่าจะมีคนซุ่มยิงมาจากบริเวณอาคารสูงบริเวณแยกคอกวัว แต่คงไม่พบเป้าหมายซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา เพราะแต่ละคนต่างกระจาย ไม่รวมกัน และมี รปภ. คุ้มกันไม่มากนัก หลังจากนั้นเราได้ลำเลียงผู้ป่วยทั้งหมดขึ้นรถพยาบาลได้หมด ฝ่ายนั้นเริ่มยิงตอบโต้มากขึ้น ผมเห็นไม่ปลอดภัยจึงขอให้รถกู้ภัย รวมทั้งรถจี๊ปพยาบาลไปหลบอยู่ในซอยบางลำภู ฝ่ายนั้นก็ยังคงพยายามยิงระเบิดใส่ท้ายขบวนรถของเราที่จอดอยู่ถนนริมวัดบวรนิเวศฯ ซึ่งคาดว่าหากไม่มีทหารของเราที่คอยยิงคุ้มกันตอนลำเลียงผู้ป่วยและถอยกลับ รถหลายคันคงถูกยิงระเบิด ทหารและประชาชนแถวนั้นคงตายอีกเป็นจำนวนมาก

      ต่อมาผู้บังคับหน่วยของเราจึงขอหน่วยเหนือในการถอนกำลัง ซึ่งกว่าจะเคลื่อนย้ายออกไปได้หมด ก็ต้องใช้เวลานานเพราะรถมีจำนวนมาก และการจราจรแถวนั้นก็ถูกปิดกั้นบางส่วน แถมตอนเราถอนตัวฝ่ายตรงข้ามก็ยังพยายามยิงระเบิดใส่พวกเราอีกด้วย ในช่วงก่อนถอนตัวผมจำได้ว่ามีเด็กวัยรุ่นใส่เสื้อแดง 2 คน ขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดข้างๆรถจี๊ปพยาบาล แล้วพูดด้วยน้ำเสียงยั่วโมโหว่า “หน่วยพยาบาลคงไม่โดนอะไรหรอกมั้ง มีคนตายด้วย พวกพี่ยิงคนเหรอ”

     ผมยอมรับว่าแม้ว่าปกติผมจะไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน แต่จากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาที่ประสบ ผมเลือดขึ้นหน้า อารมณ์ตอนนั้นคุกรุ่นเต็มที่ ผมพูดจริงๆ ผมอยากลงไปต่อยเด็กคนนั้น แต่ผมก็อดทนแล้วตอบกลับไปว่า “แล้วทีพวกน้องยิงระเบิดใส่พวกพี่ล่ะ น้องยิงทั้งระเบิด น้องขว้างทั้งระเบิด แถมเอาอาวุธสงครามยิงใส่ทหาร ทหารแถวหน้าเค้ามีแต่โล่กับกระบอง ป้องกันตัวเองอะไรไม่ได้เลย เค้าก็มีครอบครัว มีลูกมีเมีย แล้วนี่ที่ทหารยิงก็เพื่อคุ้มกันคนเจ็บกับตอนถอนตัว แล้วน้องจะให้ทหารเอาโล่กับกระบองไปไล่ตีไอ้พวกที่ยิงระเบิดใส่หรือไง น้องไส..หัวไปเลย ไส..หัวไปหลบระวังลูกหลงจากระเบิดที่พวกน้องยิงมาด้วยแล้วกัน”

     เด็กคนนั้นอึ้งไปแล้วก็ขี่รถมอเตอร์ไซด์ออกไป เราถอนตัวออกจากจุดตรงแยกคอกวัวเป็นหน่วยสุดท้ายกลับที่ร่วมพลเดิม ซึ่งก็หลงทางไปทางวังสวนจิตรลดา เนื่องจากเราไม่ใช่ทหารกรุงเทพจึงไม่รู้เส้นทาง คืนนั้นพอผมกลับมาได้ พบกับผู้พัน พบกับผู้กองและเพื่อนผู้หมวด จึงได้รู้ว่าในขณะที่หน่วยของผมถอนตัวออกมาทางถนนตะนาว มีอีกกองร้อยที่ต้องถอยร่นออกมาทางถนนข้าวสาร โดยมีผู้บังคับกองพันอีก 2 คน และรองผู้บังคับกองพันอีกคน ผู้พันคนหนึ่งถูกยิงจากฝั่งตรงข้ามเข้าที่สีข้าง เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามกราดยิงปืนซึ่งคาดว่าเป็น M16 เพื่อนผมบังผู้พันของเขาอยู่แต่กระสุนเฉี่ยวข้างตัวไปถูกผู้พัน แต่ที่น่าเศร้าคือมีนายสิบของต่างหน่วยอีกคนถูกยิงทะลุหมวกเหล็ก เสียชีวิตคาที่ นายสิบที่เป็น รปภ. หลายคนก็ถูกยิงเข้าที่ขา

     โชคดีมากๆและต้องขอขอบคุณเจ้าของผับแห่งหนึ่งที่ถนนข้าวสาร ที่เปิดร้านนำคนเจ็บเข้ามา ให้เด็กในร้านช่วยปฐมพยาบาล ทำแผล ห้ามเลือด ปิดประตูหน้าร้าน และติดต่อตำรวจและรถกู้ภัยให้มารับที่หลังร้านซึ่งทะลุออกทางถนนอีกเส้นหนึ่ง มีทหารประมาณ 1 กองร้อยที่ไม่สามารถออกมาขึ้นรถได้เพราะหลงเข้าไปในถนนข้าวสารและถูกปิดทางด้านถนนตะนาวไว้ ก็ต้องวิ่งออกมาทางถนนสามเสนไปยังที่รวมพลซึ่งอยู่ห่างเกือบ 5 กม. แต่อย่างไรก็ตามทุกคนปลอดภัยดี (ขณะนี้ผมได้ไปเยี่ยมทหารทุกคนที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ทุกคนปลอดภัยดี และออกจาก ICU ได้หมดแล้ว)

      ในขณะที่เกิดเหตุการณ์โทรศัพท์มือถือของผมแบตหมด พอกลับมาชาร์ทแบต ก็พบว่ามีหลายคนโทรเข้ามา หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนของผมที่ วพม. ผมโทรกลับไปจึงทราบว่ามีนายทหารหลายคนถูกระเบิด หนึ่งในนั้น arrest (เสียชีวิต) ก่อนมา รพ. ต่อมา CPR (ปั๊มหัวใจ) ขึ้น และต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองด่วน ซึ่งนายทหารคนนั้นเป็นเพื่อนกับอาจารย์ที่พระมงกุฎของผม แต่อาจารย์จำผิดคนคิดว่าเป็นผู้บังคับกองพันของผมจึงรีบโทรหาผม แต่มือถือผมแบตหมด จึงให้เพื่อนติดต่อ ในภายหลังจึงทราบว่าคือ พี่เปา (พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม) ซึ่งอยู่รุ่นเดียวกับผู้พันของผม คืนนั้นผมกินข้าวไม่ลง กว่าจะนอนตาหลับได้ก็เกือบตี 3 ซึ่งภายหลังอาจารย์ก็โทรมาบอกว่า พี่เปาเสียแล้ว ให้บอกผู้พันผมด้วย ผมหลับไปกลางพื้นโรงเก็บรถที่ที่รวมพล ตื่นขึ้นมาตอน 6 โมง ผมไม่ฝันร้าย แต่ผมอยากให้เรื่องที่ผมจำได้มันเป็นแค่ความฝัน

       วันรุ่งขึ้นผมได้ไป รพ.พระมงกุฎ เพื่อติดตามผู้ป่วยและประสานงานกับอาจารย์ที่ รพ.พระมงกุฎ วันนั้นเองผมได้ทราบว่ามีทหารของผมเกือบ 10 คนที่บาดเจ็บตอนปะทะช่วงแรกและที่ถูกสะเก็ดระเบิด บาดเจ็บเล็กน้อย ที่ส่งไป รพ.วชิรพยาบาล จ่าคนหนึ่งติดต่อมาว่าเขาติดอยู่ที่วชิรพยาบาล แต่มีเสื้อแดงมาปิดล้อม ทหารบางคนที่บาดเจ็บไม่มาก ทาง ER ให้คัดแยกอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน พอผู้ชุมนุมเสื้อแดงมาส่งคนป่วยของเขาที่เจ็บ ก็มาไล่กระ..ทืบทหารของผมที่นอนอยู่ ทหารต้องหนีตาย บางคนต้องปีนดาดฟ้าหนี แต่ขอขอบคุณพี่ๆน้องๆหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ รพ.วชิรพยาบาล ที่ช่วยกันพาทหารไปหลบที่บริเวณที่ปลอดภัยหลัง รพ. หาชุดไปรเวทให้ใส่ และให้พักอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัยไปก่อน ทหารบางคนเล็ดลอดออกมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยที่เอาเสื้อเครื่องแบบใส่ทับให้ขึ้นรถกู้ภัย เอาวิทยุกับอุปกรณ์ออกมาใส่กระเป๋า EMS แล้วมาส่งให้ที่รวมพล

      ผมเห็นทหารหลายๆคนเจ็บ เห็นทหารที่เป็นลูกน้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเจ็บ ผมอาจจะโชคดีที่ไม่บาดเจ็บอะไร (แต่ตอนหลังมาคิดก็ยังคิดอยู่เลยว่า รอดมาได้ยังไงเนี่ย ) แต่บาดแผลในจิตใจก็มีอยู่ในหัวใจทหารทุกๆคน ผมน้ำตาซึมทุกวันที่ไปเยี่ยมลูกน้องที่เจ็บ ผมเห็นผู้การ รองผู้การ ผู้พันของผมพยายามกลั้นน้ำตาทุกครั้งที่เห็นลูกน้องตัวเองเจ็บ) เฉพาะหน่วยของผม มีคนเจ็บที่ต้องนอน รพ. เกือบ 80 คน บาดเจ็บเล็กน้อยที่ไม่ได้นอน รพ. อีก 60 กว่าคน

       ผมขอเถอะครับ ... มีประชาชนบางคนถามผมว่าผมโกรธเสื้อแดงมั้ย ผมแค้นเค้ามั้ย ผมตอบไปว่า แม้ผมจะรู้สึกโกรธ แต่ผมแยกแยะได้ ผมเคยเจอผู้ชุมนุมทั้งที่ราบ 11 ที่ลาดหลุมแก้ว คนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนที่จะมาชักปืนยิงใส่หรือโยนระเบิดใส่ เกือบทั้งหมดเป็นคนธรรมดาที่เค้ามาเรียกร้องในสิ่งที่เค้าต้องการ แต่เราอย่าตกเป็นเครื่องมือของคนบางคน (จะเป็นใครผมก็ไม่ทราบ แต่น่าจะคิดกันได้นะครับ) อย่าให้ใครบางคนใช้ทั้งคนเสื้อแดง ใช้ทหารเป็นเพียงหมากบนกระดาน ให้เราต่างฝ่ายต่างเจ็บต่างล้มตายเพื่อผมประโยชน์ของคนบางคน ประเทศเราจะล่มสลายอยู่แล้วนะครับ เห็นแก่ส่วนรวม เห็นแก่ประเทศชาติ อย่าให้ใครแค่ไม่กี่คนมาทำลายประเทศไทยของเราเลย

 

       แต่อย่างไรก็ตาม แม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตก็ยังมีเรื่องดีๆ ขอบคุณพี่ๆน้องๆเพื่อนๆร่วมชาติทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือคนเจ็บโดยไม่แบ่งสีไม่แบ่งความคิด ผมซาบซึ้งในน้ำใจของทุกๆท่านมาก หากไม่มีพวกท่าน ผมคงไม่สามารถพาคนเจ็บออกมาได้ขนาดนี้ ดีไม่ดีผมอาจจะโดนไปด้วยก็ได้

 

      เหนือสิ่งอื่นใด ตลอดระยะเวลาที่เรียนในวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ผมรับรู้รับทราบมาโดยตลอดถึงภารกิจของแพทย์ทหาร ถึงตอนนี้อารมณ์ของผมจะตกอยู่ในความเศร้า ตกอยู่ในความหดหู่ แต่ผมก็ภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ของแพทย์ทหาร ที่ได้ทำหน้าที่เป็นวีรบุรุษในแนวหน้า (Heroes in the front line) อย่างที่ทหารขนานนามเหล่าแพทย์ของเรา ถึงแม้ว่า “การเป็นแพทย์ทหารนั้นมันเหนื่อย” แต่มันก็ภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เป็นแพทย์ทหารของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ได้เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ภาพที่ได้ประสบมา ผมคงจดจำไปจนวันตาย (เพราะตอนนี้มันติดตาแล้วครับ ลืมไม่ลง) ขอให้พระบารมีของพระองค์ท่านคุ้มครองเพื่อนทหารและประชาชนทุกคนให้ปลอดภัย และคุ้มครองให้ประเทศชาติของเราผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

 

ท้ายที่สุด ... ขอคารวะหัวใจของพี่น้องผองเพื่อนทหารจากใจจริง

 

แพทย์ทหาร

 




      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1761 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 20:53:01 »

โหพี่ๆ น้องๆๆๆ   จะโพสต์ข้อความยาวได้ไหมอ่านทีหนึ่งมึนเลย
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
ภาณุ ปาตานี
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,254

« ตอบ #1762 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 20:58:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 เมษายน 2553, 14:13:45
ดีเอสไอตอกหน้า “เหวง” ยัน “เมธี ดารานู้ด” รับเองปล้นปืนทหารจริง
24 เมษายน 2553 22:08 น.
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000056527
สวัสดีครับพี่แอ๊ะ

อืม..ว่าแล้ว ทำไมหมอเหวงถึงหน้าปรุ

เพราะโดนตอกบ่อยนี่เอง
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1763 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 21:15:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ YA เมื่อ 25 เมษายน 2553, 20:58:49
สวัสดีครับพี่แอ๊ะ

อืม..ว่าแล้ว ทำไมหมอเหวงถึงหน้าปรุ

เพราะโดนตอกบ่อยนี่เอง


คมเหลือเกิน .. น้องเอ๋ย
    หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1764 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 21:24:02 »

น้อง ya น้องหยี พี่น้องๆทั้งหลาย  พี่แอ๊ะ ขอลางานไปเเอ่ว สุราษฎร์และกรุงเทพ 4-5 วัน


จะฝากไปกราบ แม่ ไอ้ตู่ไหม แม่เขาอยู่สุราษฎร์ค่ะ


 กลับมา กรุงเทพ จะไปชิดลม (เซ็นทรัล) ห้างในดวงใจของน้องหนู ได้ป่าวววหนอออออออ

อยู่ สุราษฏร์ หรือ กรุงเทพ จะเข้าเนตไม่เป็นค่ะ

แต่จะซื้อ bb มาสักเครื่องสองเครื่องเอามา ด่า ควายตู่   อิๆๆๆๆๆๆ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #1765 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 21:24:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ YA เมื่อ 25 เมษายน 2553, 20:58:49
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 25 เมษายน 2553, 14:13:45
ดีเอสไอตอกหน้า “เหวง” ยัน “เมธี ดารานู้ด” รับเองปล้นปืนทหารจริง
24 เมษายน 2553 22:08 น.
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000056527
สวัสดีครับพี่แอ๊ะ

อืม..ว่าแล้ว ทำไมหมอเหวงถึงหน้าปรุ

เพราะโดนตอกบ่อยนี่เอง
เอ   สาวไหนหน้าปรุคงโดนตอกบ่อยๆ  นะซี
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1766 เมื่อ: 25 เมษายน 2553, 21:33:16 »

น้องตุ๋ย ขา กว่าจะเข้าห้องพี่แอ๊ะ พี่ป๋อง แก ปิดประตูหลายชั้นมาก คงหวงเพื่อนสาว

      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1767 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 08:11:47 »

ดูความไม่เอาไหนของตำรวจ; สำนักงานที่มีคนทั่วประเทศ มีตู้ยาม สน. สภ. สภต. สทล. อยู่ทั่วทุกหัวระแหงของประเทศ
มีระบบวิทยุสื่อสาร(ว็อกกี้-ทอคกี้) ที่เชื่อมโยงกันได้ทั่วประเทศ ทุก สน. กองกำกับการ กองบัญชาการ สตช.
โดยเฉพาะตู้ยามที่มีทุกถนน และ สทล.ของตำรวจทางหลวง, แต่ขับรถมาให้เสื้อแดงยึดถนน ยึดรถได้

                         

คนเสื้อแดงที่เปลี่ยนมาใส่เสื้อสีอื่นได้ปิดกั้นรถและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่ จ.ปทุมธานีไม่ให้เข้า กทม


http://www.thaipost.net/node/21324
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1768 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 08:14:51 »

บทบรรณาธิการ ของ นสพ.แนวหน้า ออนไลน์ วันนี้ (26 เมษายน 53)

บทบรรณาธิการ   

กบฏเสื้อแดงไม่มีสิทธิ์ต่อรอง (บทบรรณาธิการ) 
 

 การที่ล่าสุดแกนนำม็อบคนเสื้อแดงยื่นเงื่อนไขต่อรองเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาภายใน 30 วันเพื่อคลี่คลายวิกฤติความแตกแยกและความรุนแรงในชาติที่เกิดขึ้นถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองเพื่อสร้างภาพซื้อเวลาหาทางลงเอาตัวรอดในสภาวะที่ตัวเองกำลังเพลี่ยงพล้ำใกล้จนตรอกจากการถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างหนักรวมทั้งกำลังจะถูกจัดการตามกฏหมายขั้นเด็ดขาดหลังจากที่บ่อนทำลายสร้างความเสียหายต่อประเทศอย่างยับเยินตลอดช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา

 ก่อนหน้านี้ตัวแทนรัฐบาลนำทีมโดยนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเคยเปิดใจกว้างเจรจากับทีมแกนนำม็อบคนเสื้อแดงโดยรัฐบาลยอมที่จะยุบสภาภายในเวลา 9 เดือนภายใต้เงื่อนไขว่า ฝ่ายม็อบคนเสื้อแดงจะยุติการชุมนุมและยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ แต่แล้วฝ่ายแกนนำคนเสื้อแดงซึ่งเชื่อว่าได้รับคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีกลับล้มโต๊ะการเจรจาโดยยืนกรานว่ารัฐบาลจะต้องยุบสภาในทันที

 การที่ม็อบคนเสื้อแดงภายใต้การสั่งการของ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันที่จะให้ยุบสภาอย่างทันทีทันใดก็เพราะมีเป้าหมายสำคัญเพื่อรีบช่วงชิงอำนาจรัฐมาเป็นขอฝ่ายตัวเองโดยเร็วที่สุดเพื่อเร่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการมาเป็นฝ่ายของตัวเองโดยเฉพาะในกองทัพเพื่อยึดครองอำนาจของประเทศให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และออกกฏหมายฟอกโทษความผิดทั้งหมดรวมทั้งทวงคืนทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดิน ตลอดจนแผนที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่

 การเคลื่อนไหวของม็อบคนเสื้อแดงตลอดช่วงที่ผ่านมาชัดเจนว่าเป็นปฏิบัติการคู่ขนานเป็นเนื้อเดียวกับพรรคพื่อไทยตลอดจนขบวนการใต้ดินที่ใช้วิธีการก่อการร้ายลอบก่อวินาศกรรมขั้นร้ายแรงกว่า 40 ครั้งนับตั้งแต่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมเพื่อทำสงครามขั้นแตกหักเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมาโดยทุกกลุ่มล้วนอยู่ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.ท.ทักษิณ

 ขณะที่ม็อบคนเสื้อแดงเรียกร้องให้มีการยุบสภา แต่ประชาชนจำนวนมากในนามกลุ่มเสื้อหลากสีได้ออกมาชุมนุมแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฏหมายกับม็อบคนเสื้อแดงและไม่เห็นด้วยหากนายกฯอภิสิทธิ์จะยุบสภาหรือลาออก พร้อมทั้งสนับสนุนให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศต่อไป

 นอกจากนี้หลายฝ่ายยังชี้ว่าการยุบสภาไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์ของชาติได้อย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงการซื้อเวลาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานอันเลวร้ายในอนาคตส่งเสริมให้มีการใช้กำลังกฏหมู่และความรุนแรงอยู่เหนือกฏหมายเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐอันไม่ใช่แนวทางตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

 ทั้งนี้หากย้อนกลับไปทบทวนวิกฤติการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาจะพบว่าล้วนมีต้นเหตุสำคัญจากคนเพียงคนเดียวคือพ.ต.ท.ทักษิณที่อาศัยม็อบคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยและขบวนการใต้ดินจุดไฟเผาบ้านป่วนเมืองโดยไม่คำนึงถึงหายนะที่จะเกิดกับชาติบ้านเมืองเพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นการบ่อนทำลายสร้างความพินาศย่อยยับต่อชาติบ้านเมืองของม็อบคนเสื้อแดงที่ผ่านมาจึงอยู่ในฐานะกบฏก่อการร้ายที่จะต้องถูกดำเนินการตามกฏหมายจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเจรจาต่อรองใดๆ ขณะเดียวกันการบริหารของรัฐบาลชุดนี้กำลังทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าด้วยดีจึงมีความชอบธรรมที่จะอยู่บริหารประเทศต่อไป
 
วันที่ 26/4/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=208764
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1769 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 08:17:11 »

บทบรรณาธิการ นสพ. ไทยโพสต์ ออนไลน์

"เจรจา"แก้ผ้าเอาหน้ารอด ฤาเพื่อคืนความเป็นไทย
บทบรรณาธิการ 26 เมษายน 2553 - 00:00

ประเทศไทยในสภาพบอบช้ำ  อึดอัด  คับข้องใจ  เดินไปทางไหนต้องระแวดระวัง  หวั่นอกหวั่นใจ  สงสัยว่าคนข้างๆ  เป็นคนนิยมเสื้อสีใด  บ้างหวาดกลัว  กังวลว่า  ระเบิดจะหล่นใส่หัววันไหน   สมาชิกในครอบครัวต้องพลัดพรากจากไปหรือไม่  ราวกับเกิดสงครามกลางเมืองนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า  ทำให้เกิดภาวะกดดันต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  อย่างแสนสาหัส  นอกจากนั้นยังส่งผลให้ทุกสถาบันซึ่งทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อทางออกประเทศไทย  พบคำตอบสอดคล้องกันว่า  ทุกฝ่ายปรารถนาอยากเห็นข้อยุติและไม่ต้องการเห็นความรุนแรงอีกต่อไป
       แม้จะเกิดปรากฏการณ์เสื้อหลากสีออกมารวมกลุ่มเคลื่อนไหวปกป้องต่อสถาบันชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์  และต่อต้านการกระทำอย่างล้ำเส้นเกินขอบเขตการใช้สิทธิและเสรีภาพตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยของบรรดาคนเสื้อแดงโดยแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการหรือ  นปช.  อีกทั้งประกาศสนับสนุนนายกฯ  อภิสิทธิ์มิให้ยุบสภาตามข้อเรียกร้องที่มีวาระซ่อนเร้นของ  นปช.  แต่ก็มองข้ามข้อเท็จจริงมิได้ว่า  คนไทยอยากเห็นการเจรจาหาข้อยุติร่วมกัน  ไม่ใช่เพียงแค่ขอพื้นที่ถนนราชประสงค์คืนให้แก่ชุมชนที่นั่นเท่านั้น  แต่หว้งอย่างยิ่งว่าจะสามารถคืนความสงบให้กับประเทศไทยทั้งแผ่นดินด้วย
     การเจรจากับกลุ่มคนเสื้อแดงจึงถูกจุดประกายขึ้นในห้วงเวลานี้  หลังจากที่ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่ามาสองหนสองครั้ง   และตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเมื่อวันที่  10  และ  22 เมษายน  2553  ทำให้มีคนไทยผู้บริสุทธิ์และทหารตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก  ไม่ว่าจะยังมีเสียงแสดงความสงสัยและตั้งข้อสังเกตว่า  การเจรจาจะประสบผลตามความปรารถนาของคนไทยส่วนใหญ่ได้อย่างไร  ในเมื่อคู่เจรจาระหว่าง  นปช.และรัฐบาลมิได้มีเป้าหมายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันว่า  ประเทศไทยต้องเป็นหนึ่งเดียวโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข  ทุกคนต้องเคารพในกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันและได้รับการปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรม 
     เงื่อนไขของ  นปช.  3  ข้อ  ที่หยิบขึ้นมานำเสนอเพื่อการเจรจารอบใหม่เมื่อวันที่  23  เม.ย.ที่ผ่านมา  อันได้แก่  1.รัฐบาลยุติการคุกคามทุกรูปแบบ  2.มีกรรมการอิสระเป็นกลางสอบสวนเหตุการณ์  10  เม.ย. และ  22  เม.ย.  โดยรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ 3.นปช.  ยินดียืดเวลาสำหรับการยุบสภาจากเดิมไปเป็นยุบสภาภายใน  30  วัน  เพื่อรัฐบาลจะได้เตรียมการเท่าที่จำเป็น  นับเป็นภาพสะท้อนและนัยสำคัญตอกย้ำความปราศจากความจริงใจที่อยากจะเจรจาเพื่อหาข้อยุติให้กับวิกฤติประเทศไทย  ไม่แตกต่างจาก  "ปาหี่"  เปิดการเจรจาถ่ายทอดสดทางทีวีก่อนหน้านี้สองครั้งแต่อย่างใด
      เพราะเริ่มต้นกับเงื่อนจำกัดเวลา  30  วัน  แม้จะเพิ่มขึ้นจากเดิมยุบสภาภายใน  15 วันหรือทันทีทันใด  แต่เป้าประสงค์ก็เหมือนกัน  คือ  สร้างภาพคนเสื้อแดงให้ดูดีมีน้ำใจ  "โอนอ่อน"  ให้  แต่รัฐบาลต่างหากที่ปิดประตูใส่หน้าประชาชนทั้งๆ  ที่แกนนำ  นปช.ประจักษ์แจ้งแก่ใจว่า  "เป็นเงื่อนไขที่ยอมรับไม่ได้"  แต่ไหนแต่ไรมาของรัฐบาล  ฉะนั้น  ความพยายามที่จะหาข้อยุติโดยหลีกเลี่ยงความรุนแรงจึงเหมือนการพายเรือวนอยู่ในอ่างหาทางออกไม่ได้เฉกเช่นที่ผ่านมากว่า  1  เดือน  และที่น่าเสียดาย  คือ  ยิ่งเพิ่มการสุ่มเสี่ยงให้เกิดสถานการณ์คนไทยฆ่าคนไทยมากขึ้น  เพราะ  นปช.ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การต่อสู้ด้วยการเปลี่ยนเสื้อสีแดงไปใส่เสื้อหลากสีนั่นเอง
     เราจึงขอเรียกร้องว่า  ถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพบ้านป่าเมืองเถื่อน  คนไทยเข่นฆ่าทำร้ายกันเอง  ด้วยเหตุผลที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่เพื่อประชาธิปไตยอันเป็นของปวงชนชาวไทยแล้ว  คู่ขัดแย้ง  ผู้มีหน้าที่ต้องแก้ปัญหาบ้านเมือง  ผู้สร้างความปั่นป่วนให้กับสังคมไทย  จะต้องรู้จักเสียสละ  ทบทวน  ประมวลผล  ประเมินสถานการณ์ให้รอบคอบอย่างมีสติว่า  กรอบการเจรจาเพื่อหาข้อยุติร่วมกันนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานเพื่อคืนชีวิตปกติสุขให้กับคนไทยทั้งชาติ  มิใช่เพื่อการเมือง  เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  เพื่อเอาตัวเองรอดจากเสียงข่าวลือเล่าอ้างว่า  ท่อน้ำเลี้ยงม็อบคนเสื้อแดงเริ่มตีบตัน  และสถานการณ์ที่คนตรงข้ามเสื้อแดงลุกขึ้นออกมารักษาสิทธิของตัวเองอย่างเป็นเอกภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
     ไม่ว่าจะสามารถเจรจาหรือหาข้อยุติด้วยวธีการใดๆ  ก็ตาม  รัฐบาลอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ต้องยอมรับด้วยว่าการใช้กำลังเพื่อแก้ปัญหามีแต่เสียกับเสีย  สุดท้ายไม่มีใครชนะ  ดังนั้น ระหว่างรอเวลาและจังหวะที่เจ้าหน้าที่รัฐแยกคนไทยที่บริสุทธิ์ออกจากผู้ก่อการร้าย  หรือเหล่ากบฏคิดร้ายต่อสถาบันชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์  นายกฯ  อภิสิทธิ์ต้องสร้างความเชื่อมั่นเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนให้ได้ด้วยการจับผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนา   10   และ  22  เม.ย.  มาลงโทษ  ทำให้ประชาชนได้มั่นใจว่าบ้านเมืองมีขื่อแป  กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์  อย่างน้อยที่สุด  ปากบอกว่ารู้ฝีมือใคร  แต่ไม่เคยจับผู้ร้ายได้สักคน  ในขณะที่ระเบิดเกิดขึ้นรายวันมากกว่า  10  หน  ก็ทำให้คนไทยรู้สึกคับข้องใจไม่น้อยไปกว่ารำคาญใจต่อความเหิมเกริมของเสื้อแดงเช่นเดียวกัน
     ขอยืนยันว่า  การคุยกันคือทางออกของคนมีเหตุผล  แต่ต้องอยู่บนหลักการเดียวกันคือ  เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม   เพื่อคืนความเป็นไทยให้กับคนไทยที่กล่าวกันว่า  "คนไทยนั้นรักสงบ"  และมีความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย   หากการหันมาคุยกันเพียงเพื่อหาสะพานลงแก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด  หรือเพื่อผลทางการเมืองโดยมีข้อตกลงว่า...เรื่องที่ผ่านมา  1  เดือนเศษแล้วกันไป...รับรองว่า  รัฐบาลอภิสิทธิ์นั่นแหละจะถูกจิกหัวด่า...ออกไปๆ.

http://www.thaipost.net/news/260410/21299
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1770 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 08:19:29 »

คอลัมม์ "คนปลายซอย" ของคุณเปลว สีเงิน

บทสอบใจ"ช้าเป็นการ-นานเสียเมือง"
เปลว สีเงิน 26 เมษายน 2553 - 00:00

     ได้ดู  "คู่รัก  ๒  โลก"  นายกฯ  อภิสิทธิ์กะพลเอกอนุพงษ์ออกโทรทัศน์คู่กันในรายการ  "เชื่อมั่นประเทศไทยฯ"  เช้าวานนี้  (๒๕  เม.ย.๕๓)  ก็เห็นกระจุ๋งกระจิ๋งกันดีนี่ครับ  พูดจาประสาการเมืองผสมการทหารเข้ากันเป็นปี่-เป็นขลุ่ย  นายกฯ  น่ะ  เดี๋ยวนี้ลีลาเทียบชั้น  "ควง  อภัยวงศ์"  เข้าไปทุกที  ขาดอยู่แต่อารมณ์ขันเท่านั้น  ตอนหนึ่งนายกฯ  ท่านบอกว่า
     "การเมืองเป็นเรื่องที่ผมรับผิดชอบเอง"!
     แหม..นี่ถ้าผมเป็นพลเอกอนุพงษ์คงสะดุ้งแทบตกเตียง  การพูดแบบนี้  เหมือนโยนทั้งปี่-ทั้งกลองมาให้แบบไม่ทันตั้งตัว  ถ้าพูดกันตามวงนักเลงเขาก็ว่านี่มันเหมือน  "ค้ำคอต่อย"  เพราะฟังแล้วจะตีความเป็นอื่นไปไม่ได้  นอกจากยันมาซึ่งๆ  หน้าว่า
     "การปราบกบฏเป็นหน้าที่ของทหารใช่มั้ย.....
     แล้วเมื่อไหร่จะรับผิดชอบซะที?"
     พลเอกอนุพงษ์ท่านไม่มีบทให้ต้องแช่หน้ากลางจอโทรทัศน์มานานแล้ว  เมื่อวาน  สถานการณ์และเสียงสงสัยในบทบาทจากชาวบ้านคงบีบให้ท่านหนีไม่ออก  ทั้งนายกฯ  และทั้ง  ผบ.ทบ.เลยต้องหนีบมาออกจอด้วยกัน  ผมเห็นหน้าท่านแล้วก็สงสาร
     ช่วงนี้  ดูท่าน  "แก่เกินวัยเกษียณ"  อดหลับ-อดนอน  พอทนไหว  แต่โรคเครียดทับหัวใจนี่ซี  เป็นใครก็ต้องโทรมศรี  นี่...พอดี  "พี่สาว"  ที่นับถือกันจากดวงใจสมุทร  ที่แม่กลอง ต้มรังนกกับโสมมาให้ตั้ง  ๒  กระป๋องใหญ่  อยู่ใกล้ๆ  ก็จะแบ่งให้ซักกระป๋อง  จะได้ซดคลายเครียด 
     ทหารสู้..สู้!
     นี่ก็เป็น  "ความรู้ใหม่"  ที่ต้องขอแทรกไว้ตรงนี้  รังนกนางแอ่นน่ะ  ไม่ต้องไปหากินตามถ้ำ-ตามเกาะแก่งทางภาคใต้แล้ว  นอกจากที่  "วัดช่องลม"  มหาชัย  ตอนนี้  ที่ปากอ่าวแม่กลอง  สมุทรสงคราม  นกนางแอ่นไม่รู้ย้ายนิวาสสถานมาจากไหน  มาทำรังเต็มไปหมด  ในกรุงเทพฯ  ปลูกคอนโดฯ  ขายคน  แต่ที่แม่กลองเขาแย่งกันปลูกคอนโดฯ  ให้นกนางแอ่น  "กินฟรี-อยู่ฟรี"  มีดนตรีกล่อมอีกตะหาก
     ขนาดให้อยู่ฟรีก็ใช่ว่าคุณเธอจะใจอ่อนเข้านอนทำรังกันง่ายๆ  นะ  มันขึ้นอยู่กับบุญใคร-วาสนาใครเหมือนกัน  พี่สาวจากดวงใจสมุทรท่าจะมีบุญหนา-วาสนาส่ง  เรียกว่ากี่หลัง-ต่อกี่หลัง  ปลูกไม่ทันให้พวกคุณเธอได้บินเข้ามาจับจองทำรังกันขนาดนั้นเชียว
     ผมก็เลยได้รับประทานรังนกแท้ๆ  แทนยางไม้  อิ่มไป  รับประทานไป  ก็เกรงใจเขาไป  เพราะราคามันหลาย  (แสน)  อยู่!
     แล้วเมื่อวาน   ได้ตื่นทันไปร่วมสวดมนต์ที่วัดพระแก้วกันหรือเปล่าล่ะ   ผมน่ะทัน  คือทัน  "หน้าจอโทรทัศน์"  เห็นคนที่ไปเล่าให้ฟังว่า  โอ้โฮ...อร่ามเรือง  และน่ารักกันทุกคน  ในพระอุโบสถไม่ต้องถามว่าใครได้เข้าไปถึงไหม  เอาแต่ว่ามีโอกาสได้นั่งเรียงระเบียงรายรอบพระอุโบสถชั้นนอก  นั่นก็บุญแล้ว
     ไปกันมากมายด้วยใจมั่นจริงๆ  "ท่านอริยวังโส"  นำสวดพาหุง-มหากา  ด้วยสำเนียงที่
ทำให้สมาธิรวมตัวเป็นพลังได้อย่างประหลาด  คนที่ไปเขาเล่าว่าอย่างนั้นนะครับ  ก่อนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะดับขันธปรินิพพาน  พระองค์ตรัสไว้เป็นปัจฉิมโอวาท  คือคำสอนสุดท้าย  มีตอนหนึ่งว่า
     จิตเต  สังกิลิฏเฐ  ทุคคะติ  ปาฏิกังขา  เมื่อจิตเศร้าหมอง  ทุคติเป็นอันพึงหวัง
     จิตเต  อสังกิลิฏเฐ  สุคะติ  ปาฏิกังขา  เมื่อจิตไม่เศร้ามอง  คือจิตผ่องใส  สุคติเป็นอันพึงหวัง
     ฉะนั้น  ทุกท่าน  ทั้งที่ไป  และไม่ได้ไป  แต่ตั้งจิตดีอยู่ที่บ้าน  ล้วนอยู่ในประเภท  "จิตเต  อสังกิลิฏเฐ  สุคติ  ปาฏิกังขา"  ด้วยกันทุกคน  คือที่ไปสวดมนต์กัน  และเปล่งเสียงถวายพระพรชัยแด่  "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"  และ  "สมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ"  เมื่อวานนั้น  ทั้งกายกรรม  วจีกรรม  และมโนกรรม  อยู่ในประเภท  จิตที่ปลดเปลื้องแล้วจากมลทินเศร้าหมองอันเป็นเครื่องร้อยรัด  เป็นจิตบริสุทธิ์ผ่องใส  เป็นจิตเปี่ยมด้วยพลังบริสุทธิ์-สะอาด
     สุคติ  คือปลายทางที่ทุกคนปรารถนา  ด้วยจิตดีนี้  ปรารถนานั้น  "สวรรค์มรรคา"  พลันสำเร็จ  "ดังประสงค์"  แน่นอน!
     ประเทศชาติก็จะพลิกฟื้นคืนดี  พี่น้องประชาชนร่วมชาติ  ที่ทุกข์จะหายทุกข์  ที่สุขก็จะสุขยิ่งขึ้น  ที่งมอบาย-ใจขึ้งโกรธต่อกัน  ก็จะพลันเกิดสัมมาสติ  รู้ผิด-รู้ถูก  กลับมาผูกพันรักใคร่เป็น  "ผองไทยล้วนพี่น้องกัน"  ดังเดิม
     ถ้าตั้งใจดีแล้ว  บริสุทธิ์แล้ว  แน่วแน่แล้ว  ไม่ต้องห่วง  กรรมดีที่ร่วมกันทำวานนี้  และวันต่อๆ  ไป  จะเป็นดังที่พระพุทธองค์ตรัสบอกไว้  "มะโน  ปุพพังคะมา  ธัมมา  มะโนเสฏฐา  มะโนมะยา"  ธรรมทั้งหลาย  มีใจเป็นใหญ่  มีใจประเสริฐ  และ...สำเร็จได้ที่ใจ!
     วันนี้  (๒๖  เม.ย.๕๓)  ดาวประธานแห่งคุณธรรมค้ำจุนประเทศไทย  คือดาวพฤหัสบดียกเข้าราศีมีนอันเป็น  "บ้านตัวเอง"  เรียกว่าเป็นราศีเกษตร  มีคุณ  (ด้านดี)  มาก  มีฤทธิ์  (ด้านดี)  มาก  แต่ตามปฏิทินของท่านอาจารย์เทพ  สาริกบุตร  บอกว่าพฤหัสบดีจะยกเข้าราศีมีนวันอาทิตย์ที่  ๒  พ.ค.  แต่เอาละ...สรุปว่า  "ดาวประธานคุณธรรม"  เข้ามาค้ำจุนประเทศไทย  และคนไทยทุกคนก็แล้วกัน
     ใครที่รู้ว่า  "ผิดไปแล้ว"  กลับตัว-กลับใจ  ดาวคุณธรรมยังคุ้มครอง.....
     แต่ถ้าผิดแล้วก็ไม่รู้ถูก  และที่รู้ผิด-รู้ถูก  แต่จงใจจะทำผิดต่อบ้าน-ต่อเมืองอยู่ร่ำไป  นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ  เพราะชีวิตต่อจากนี้จะเข้าสู่คำว่า  "จิตเต  สังกิลิฏเฐ  ทุคคติ  ปาฏิ
กังขา"  จิตเศร้าหมอง  โลภ-โกรธ-หลง  ทำลายชาติ  ทุคติ  คือ  "นรกมรรคา"  เป็นอนาคตที่ต้องไปแน่นอน!
     ผมก็ไม่สามารถแส่รู้-แส่ทำได้มากกว่านี้แล้วครับ  ในเมื่อทั้งนายกฯ  และท่าน  ผบ.ทบ.
ประสานเสียงว่าจาก  "ข้อมูลภายใน"  เต็มหน้าตักของท่าน  ท่านรู้ดีทุกอย่าง  และท่านก็ทำหน้าที่รัฐบาล  หน้าที่ทหารของท่านชนิด  "นั่งหัวชนกัน"  แทบไม่มีใครได้หลับ-ได้นอนตลอด  ๒๔  ชั่วโมง  ท่านรู้กระทั่งว่าที่บึ้ม..บึ้ม..ตายไป  ๒  รอบแล้วนั้น
     ทหารในราชการ-นอกราชการ  "หัวดำ-หัวแดง-หัวหงอก"  คนไหน  ใครบ้างร่วมแผน
"แยกกันเดิน-ร่วมกันตี"!?  รู้แล้วก็ทำตามที่รู้กันบ้างนะ  รู้แล้วเอาแต่นั่งอมภูมิ  ตูม..ตูม..ทีไร  นายกฯ  ไม่ตาย  ผบ.ทบ.ไม่ตาย  ผบ.ทร.ไม่ตาย  ผบ.สส.ไม่ตาย  ผบ.ตร.ไม่ตาย  แต่ชาวบ้านอย่างพวกผม  "ตายแหงแก๋"  กันทุกที
     พฤหัสฯ  เข้า  พระเสาร์เล็ง  เขาว่าเหมือนเพิ่มฤทธิ์ให้โจร  "มารจะชนะเทพ"  แต่ผมว่า  "เทพจะเหยียบยอดอกมาร"  ซะละมากกว่า  และจะเป็นอกจำพวก  "พญามาร"  โดยเฉพาะ  ชาวบ้านไม่เกี่ยว
     เท่าที่ผมฟังนายกฯ  กะ  ผบ.ทบ.เขาคุยทางโทรทัศน์  พอจับหางเสียงได้ว่า  เหมือนเขาจะมี  "แผนสำเร็จ"  อะไรซักอย่างอยู่มือ  เพียงแต่รอจิ๊กซอว์บางตัวมาเข้าแผนอุดรูรั่ว-รูโหว่ให้สมบูรณ์เท่านั้น!?
     อย่าแค่เอาโวหารบริหารประเทศรายวันนะ...ท่านนายกฯ  ชาวบ้านอดทนกะท่านมาร่วม  ๒  เดือนแล้ว  ขณะนี้กบฏทักษิณเขาสถาปนา  "อำนาจรัฐซ้อนรัฐ"  ขึ้นมาใช้กันเองเกือบทั่วประเทศแล้ว  โดยมีตำรวจ-ทหาร-ข้าราชการ  "บางส่วน"  เป็นไส้ศึก  ไม่ต้องดูอะไรมาก  เขาสามารถตั้งด่าน  "ตรวจค้น"  รถราตามท้องถนนได้ตามใจชอบ
     ไม่ใช่ค้นแค่รถชาวบ้านนะ  ตำรวจ-ทหารยังถูกค้นจนถึงกางเกงใน  คือตอนนี้  อยู่ที่อำนาจฝ่ายกบฏทักษิณเขาจะพอใจให้ใครเคลื่อนย้าย  หรือไม่ให้เคลื่อนย้ายไปทางไหน!
     ขืนปล่อยไปเรื่อยๆ  ก็จะเป็นตัวอย่างให้  "เหิมเกริม"  ไปทุกพื้นที่  ในทุกจังหวัด  เพราะที่เรียกกันว่า  "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย"  นั่นน่ะ  ซุกหัวในกะลาเรียกไปงั้นแหละ  มีแต่ควายเท่านั้นที่ไม่ทราบฝ่าย  เพราะมนุษย์ที่ไม่ถูกใช้ไถนาต่างรู้กันหมดว่า  "ไม่ตำรวจก็ทหาร-ไม่ทหารก็ตำรวจ"
     หรือ  "ทั้งตำรวจและทหาร"  กลุ่มหนึ่ง  เป็นหน่วยปฏิบัติการสนับสนุนกบฏทักษิณ  "โค่นชาติ"!
     ก็จะรอดู  "ทีเด็ด"  ของอภิสิทธิ์-อนุพงษ์  "๒  จอมหลักการ"  ว่าจะมีอะไรเป็นปาฏิหาริย์ให้ชาวประชาได้ซู้ดปากฮือฮาว่า  "มาเหนือเมฆ"  ผมกลัวแต่ว่าจะต้องแบ่งประเทศเป็น  ไทยเหนือ-ไทยใต้-ไทยอีสาน  และไทยบูรพา  เท่านั้น  ก็ขนาด  ๒  บิ๊กจาก  ๒  ขั้วอำนาจออกโทรทัศน์คู่กันทั้งที  ขอโทษ...ฝ่ายกบฏมันยังสามารถทำเหมือนเอาเท้าขยี้หน้าด้วยการ
     ส่งคลื่น  "ตัดคลื่น"  กลืน  ๒  บิ๊กหายไปจากจอเฉยเลย!?
     แล้วทีไอ้บรรดาหัวโจก  มันแก้ผ้านอนรอให้กองทัพส่ง  "ตำรวจ-ทหาร"  เข้าไปจับอยู่ทุกวัน  ก็ไม่เห็นมีน้ำยา  จะรอจนกว่าบรรดาสาวกแดงกลับไปจนหมดเสียก่อนแล้วค่อยย่องตอดเข้าไป  แบบนั้นละก็  ชาติหน้าบ่ายโมงค่อยมาเจอกัน  รับไม้กวาดไปคนละอัน  ไปล้างส้วมที่พวกวีระ-ณัฐวุฒิ-จตุพร-เหวง  และใครต่อใครมันถ่ายทิ้งไว้
     จะได้เอาไม้กวาดมาชูประกาศชัยชนะกะเขามั่งไงล่ะ!
     ไม่มีใครต้องการให้ตำรวจ-ทหารไปฆ่าใคร  เหมือนกับที่  ไม่มีใครต้องการให้ตำรวจ-ทหาร  "ไม่ฆ่าใคร"  ที่มันทำลายชาติ  สังคมไทย  เป็นสังคมที่สอนให้  "คิดตาม-พูดตาม-ทำตาม"  การนอนกอดหลักการของอภิสิทธิ์-อนุพงษ์  ขณะนี้ทำให้สังคมชนบท-หัวเมือง  คิดตามกบฏ-พูดตามกบฏ   และทำตามกบฏ  ใกล้จะเป็น  "สังคมคด"  ตามกันไปทั้งประเทศอยู่รอมมะร่อ  นี่ผมก็รออยู่ว่า  ระหว่าง  "เจ๋ง  ดอกจิก"  กับ  "จิ๋ว  ห่าจิก"
     ว่า  "จิกไหน"  คือตัวการใหญ่  "ฝ่ายกบฏ?".

http://www.thaipost.net/news/260410/21300
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1771 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 08:21:10 »

คอลัมม์ "ท่านขุนน้อย"

ยิ่งช้า...ยิ่งอันตราย!!!
ท่านขุนน้อย 23 เมษายน 2553 - 00:00

  ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความอดทน   อดกลั้น   อันสุดแสนจะหนืดหนาด  เหนื่อยหน่าย  น่าอเนจอนาถเวทนาเป็นอย่างยิ่ง....อย่างน้อยสิ่งที่พอช่วยสร้างความชุ่มชื่น  ฉ่ำใจ  ช่วยประคับประคองความรู้สึกใครต่อใครให้พอยืนหยัดอยู่ร่วมกันภายในสังคมได้บ้าง  เห็นทีจะไม่มีอะไรเกินไปกว่าการแสดงออกของกลุ่มชนกลุ่มต่างๆ  ที่ทยอยกันออกมาร่วมแสดงความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม  ด้วยสีสันที่หลากหลาย  ภายใต้สัญลักษณ์เสื้อหลากสี  หรือภายใต้ความรู้สึกที่ไม่ได้คิดจะสร้างความแตกแยกให้ต้องเกิดความเป็นฝักเป็นฝ่ายอีกต่อไปนั่นเอง....
          ------------------------------------------------
     จะด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการสื่อสาร  หรือด้วยความรู้สึกที่อยู่ลึกลงไปในหัวจิตหัวใจก็ตาม  อุบัติการณ์การพัฒนาของกลุ่มคนเหล่านี้เป็นไปอย่างรวดเร็วเอามากๆ  ชั่วเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน  ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น  จากผู้คนจำนวนนับร้อย  ก็แผ่ขยายเป็นนับพัน  นับหมื่น  และกำลังแพร่กระจายไปสู่ระดับหลักแสน  หลักล้าน  ในอีกไม่นานนับจากนี้ได้ไม่ยาก  อีกทั้งยังไม่ใช่แค่การกระจุกตัวอยู่ในโลกไซเบอร์เท่านั้นที่ออกมาปรากฏตัวให้เห็นแบบตัวเป็นๆ  ในถนนรนแคม  ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร  หรือกระจายออกไปตามจังหวัดต่างๆ  ไม่ว่าภาคเหนือ  ภาคใต้  ภาคอีสาน  เริ่มเต็มไปด้วยสีสันอันหลากหลายโผล่ให้เห็นเป็นจุดๆ...
           ----------------------------------------------
     จากจังหวัดเชียงใหม่  ลำปาง  พะเยา  อุบลราชธานี  อุทัยธานี  สงขลา  นครศรีธรรมราช  ฯลฯ  จนกระทั่งถึงผู้ซึ่งได้รับการเรียกขานว่า  ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย  นับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์ยุติบทบาทในแถบจังหวัดภาคอีสานทั้งแถบ  ก็ได้ออกมาป่าวประกาศอย่างตรงไป-ตรงมาว่า  นอกจากจะไม่เห็นด้วยกับบรรดาพวก  คอมมิวนิสต์หลงยุค  ในหมู่พวกเสื้อแดงทั้งหลายแล้ว  ยังพร้อมที่จะร่วมยืนหยัดปกป้องรักษาสังคมไทย  อันมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจให้ดำรงคงอยู่ต่อไปให้จงได้  แทนที่จะปล่อยให้เกิด  รัฐใหม่  ที่มี  พระเจ้ามูลเมือง  กลายมาเป็นประธานาธิบดี  หรือเป็นพระประมุข  ก็แล้วแต่...
           -----------------------------------------------
     ปรากฏการณ์การแพร่ระบาดของมวลชนผู้ไม่ได้คิดจะตั้งตัวเป็นฝักเป็นฝ่าย  เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับพวกเสื้อแดงที่กำลังสร้างรอยแตก  รอยแยก  ให้กับผู้คนในสังคมหนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ  อาจถือได้ว่าเป็นภาพสะท้อนถึง  ความพ่ายแพ้  ในแนวรบด้านมวลชนของพวกแกนนำหัวขวดอย่างเห็นได้ชัดเจน  หรือได้ทำให้ทฤษฎี  แก้ว  3  ประการ  ที่บรรดาพวกแกนนำม็อบเสื้อแดงพยายามนั่งเครื่องไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปลอกทฤษฎีท่านประธานเหมาเอามาใช้แบบมั่วๆ  มึนๆ  กำลังกลายเป็นทฤษฎี  กะละมัง  3  ใบ  หนักเข้าไปทุกที  เนื่องจากถ้าหากแนวรบมวลชนพ่ายแพ้ซะอย่าง  ก็แทบไม่ต้องพูดถึงพรรค  หรือกองกำลังใดๆ  ต่อไปอีกแล้ว  เพราะมันย่อมนำไปสู่การพ่ายแพ้ทุกสิ่งทุกอย่างในขั้นตอนสุดท้ายอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...
          ------------------------------------------------
     และโดยข้อเท็จจริง...คงต้องยอมรับว่า  แนวรบด้านมวลชนของพวกเสื้อแดงที่การเกาะกลุ่มรวมตัวเป็น  ม็อบเสื้อแดง  อยู่ในทุกวันนี้  อาจถือได้ว่าเป็นม็อบที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของประเทศไทยเอาเลยก็ว่าได้  คือเป็นม็อบที่ไม่ได้สนใจที่จะสร้างความยอมรับให้กับมวลชนกลุ่มอื่นๆ  โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ใช่กลุ่มก้อนเดียวกันกับตัวเองมาก่อน  แต่มุ่งที่จะตอบสนองความเมามันซ์ซ์  สะใจ  ในหมู่พวกเดียวกันเองเป็นการเฉพาะ  ถ้าหากพูดกันแบบภาษาคอมฯ   แก่ๆ  ก็คือ...ไม่ได้สนใจคิดจะทำ  แนวร่วม  กับกลุ่มคนกลุ่มใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย  มุ่งแต่จะ  เอามันซ์ซ์  ในฝ่ายตัวเองกันลูกเดียว...
           -----------------------------------------------
     โดยลักษณะการเคลื่อนไหวมวลชน  นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นมาจนถึง  ณ  ขณะนี้  จึงมักเป็นไปในแบบไร้เหตุไร้ผล  ไม่สนใจที่จะสร้างความชอบธรรมใดๆ  ขึ้นมารองรับการเคลื่อนไหวของตัวเองในแต่ละก้าว  แต่ละจังหวะ  จะเป็นด้วยความมั่นอกมั่นใจต่อประสิทธิภาพในการล้างสมองต่อกลไกการจัดตั้งตามระบบอุปถัมภ์  ซึ่งเคยใช้ได้ผลในหมู่  หัวคะแนน  นักการเมืองมาโดยตลอด  ด้วยอิทธิพลของเงินๆ  ทองๆ  หรือด้วยประสิทธิภาพของระบบสื่อสารตามแบบฉบับ  ทีวีป้าเช็ง  ทีวีปูแดง  อันได้แก่  การยัดเยียดข้อมูลข่าวสารผ่านทีวีดาวเทียม  วิทยุชุมชน  อย่างเป็นระบบ  ฯลฯ  ก็แล้วแต่  จึงทำให้บรรดาแกนนำม็อบเสื้อแดง  พร้อมที่จะก้าวข้ามความมีเหตุมีผล  ความถูกต้อง  ชอบธรรม  ในแต่ละกรณีมาโดยตลอด...
        ----------------------------------------------------
     แต่ที่หนักหนาสาหัสที่สุด...เห็นทีจะไม่มีอะไรเกินไปกว่าการแสดงออกถึงความรู้สึกที่ไม่ได้ยี่หระ  ไม่ได้แยแสต่อชีวิต  เลือดเนื้อ  ของมวลชนตัวเองเอาเลยแม้แต่น้อย  การแย่งยื้อศพผู้เสียชีวิตออกมาจากโรงพยาบาลเพียงเพื่อเอามาใช้เป็น  อาวุธทางการเมือง  การประกาศท้าทายของแกนนำม็อบเสื้อแดงบางรายที่มองความพยายามปราบปรามของฝ่ายรัฐบาลและการต่อต้านของฝ่ายตัวเอง  เป็นเสมือนหนึ่ง  การเกไพ่  ระหว่างกันและกัน  มันจึงทำให้การเคลื่อนไหวมวลชนของม็อบเสื้อแดงเต็มไปด้วยบรรยากาศออกไปในทางอำมหิต    เหี้ยมเกรียมเอามากๆ  แม้แต่ในหมู่พวกเสื้อแดงด้วยกันเอง  จะมีผู้ออกมาเรียกร้องให้ตระหนักถึง  คุณค่าของชีวิต  หรือ  คุณค่าของความเป็นมนุษย์  โดยเฉพาะชีวิตของราษฎรที่ถูกเรียกขานว่า  ไพร่  ไปด้วยกันทั้งสิ้น...แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบรับใดๆ  จากบรรดาแกนนำที่พร้อมจะเอาชีวิต  เลือดเนื้อของมวลชนตัวเอง  ไปแลกกับข้อเรียกร้องทางการเมืองเพียงเพื่อให้เกิด  การยุบสภา  เท่านั้น...
         ---------------------------------------------------
     ภายใต้การนำมวลชนที่เป็นไปในแบบสุดขั้ว  ไร้เหตุไร้ผล  ไร้สติ  แถมยังเหี้ยมโหด  อำมหิต   ไม่ได้สนใจชีวิตเลือดเนื้อของผู้คนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตัวเอง   หรือฝ่ายตรงข้ามก็แล้วแต่  มันจึงทำให้การใช้เหตุใช้ผล  ใช้สันติวิธี  การเจรจา  แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย  แม้แต่การแยกแกนนำออกจากมวลชน...ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้ง่ายๆ   เนื่องจากที่มา-ที่ไปของมวลชนเหล่านี้  ก็เป็นไปในลักษณะแปลกประหลาดกว่ามวลชนโดยทั่วๆ  ไป  มานับตั้งแต่จุดเริ่มต้นดังที่ได้กล่าวไปแล้ว...แต่ก็นั่นแหละ  สิ่งเหล่านี้คงต้องถือเป็นเรื่องทาง  เทคนิค  ที่ผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการปกป้อง  รักษากฎหมาย  จะต้องหาทางแยกแยะกันเอาเอง  และถ้าหากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดันขาดประสิทธิภาพ  ขาดความกล้าหาญในการตัดสินใจ  ปล่อยให้เวลาล่วงเลยต่อไปเรื่อยๆ  โดยไม่ได้ตระหนักถึงปฏิกิริยาด้านตรงกันข้าม  ที่ก่อให้เกิดการรวมตัวของผู้คนอันหลากหลายปรากฏตัวขึ้นมาในสังคมอย่างเห็นได้ชัดเจนแล้ว...มุมจบของสถานการณ์คราวนี้  มันคงหนีไม่พ้นไปจากกฎความเป็นไปของธรรมชาติ  หรือไม่ต่างไปจากแรงเหวี่ยงของลูกตุ้มนาฬิกาที่จะสวิงกลับมาสู่ด้านตรงกันข้ามในอัตราความรุนแรงพอๆ  กันนั่นเอง...
          -------------------------------------------------
     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้  จาก  ไดโอนิซิอุส  แห่ง  ฮาลลิคาร์นาซซัส  นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก  (อีกครั้ง)...ไม่มีสิ่งใดที่จะไร้ความสุขยิ่งไปกว่าสงครามกลางเมือง  ด้วยเหตุที่ผู้ต้องถูกเพื่อนทำลาย และผู้ชนะก็จะต้องทำลายเพื่อนของเขาเอง...

http://www.thaipost.net/news/230410/21174
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1772 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 08:23:52 »

คอลัมม์ "ถูกทุกข้อ" ของสามวา สองศอก

เราสู้
ถูกทุกข้อ 26 เมษายน 2553 - 00:00

          คนปักษ์ใต้     ไม่กี่คน     ฉงนแท้
     ได้เปลี่ยนแปร       ใจตน      คนอีสาน
     หลายจังหวัด        เชื่อนัก     กับพรรคมาร                             
     แม้รู้ว่า            ผู้ก่อการฯ   มุ่งผลาญไทย
          มันน่าคิด      จิตวิตก     ตลกเศร้า
     ชาติของเรา        ปี้ป่น       สุดทนไหว
     เหล่าชาวบ้าน       ต้องรวมตัว  เพราะกลัวภัย
     เสื้อหลากสี         จึงเกิดได้   ต้านไพร่กัน
          บ้านเมืองเคย  ร่มเย็น     ไม่เห็นค่า
     แต่วันนี้            ต้องมา     เสี่ยงอาสัญ
     พึ่งทหาร           ก็ป้อแป้     แย่พอกัน
     หวังรัฐนั้น          ก็ไม่รู้      จะอยู่ยาว?
          ลุกขึ้นเถิด     ไทยรวมตัว  ทั่วประเทศ
     มาขจัด            พวกผีเปรต  เหตุอื้อฉาว
     ประสานเสียง       เราสู้      ดูสักคราว
     ใจแกร่งกร้าว       ไม่ขลาด    เพื่อชาติพลี
                                        จำปาดะ

                  ท ทหารอดทน                                                             
เรียน คุณสามวา สองศอก
     เป็นไงบ้างครับ  เหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่  10  เมษา  สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นแล้ว  ด้วยความจงใจของสยามแดง  ในคราบของกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย
     ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เพราะเดินทางไปต่างจังหวัด  แต่ก็ดูจากโทรทัศน์ไทยและต่างประเทศรวมทั้งคลิปต่างๆ  บอกได้เลยว่ากลุ่มก่อการร้ายเกิดขึ้นแล้วในเมืองไทย
     เพราะเขาได้สร้างเครือข่ายขึ้นตามชนบท  ในองค์การบริหารท้องถิ่น  ในชุมชนเมือง  ในกลุ่มนักธุรกิจเครือข่ายขายชาติ  ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อและอำนาจเงิน  เขาพร้อมจะปฏิบัติการทำร้ายประชาชน  และทำลายทรัพย์สินของชาติและประชาชนตลอดเวลา
     ในรัฐสภามีนักการเมืองขายตัวทำหน้าที่เพื่อคนคนหนึ่ง  มากกว่าเป็นตัวแทนของประชาชนส่วนรวมของประเทศ  และที่สำคัญมีข้าราชการทหาร  ตำรวจ  และข้าราชการพลเรือน  ข้าราชการตุลาการบางกลุ่ม  ที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน  คอยสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม  ด้วยเศษเงินที่เหลือจากการถูกยึด
     ผมฟังท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ที่บอกว่าเห็นเป็นคนไทยด้วยกันจึงไม่อยากรุนแรง  แต่ท่านลืมไปว่าคนไทยที่เป็นแกนนำก่อความไม่สงบ  เขาไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนไทย  เขาปลุกระดมให้เกิดการแบ่งแยก  แบ่งชนชั้น  สร้างเงื่อนไขที่ทำไม่ได้  โจมตีสถาบันหลักของชาติอย่างต่อเนื่อง  คนไทยที่เป็นคนไทยโดยสายเลือดหรือโดยสัญชาติที่รักประเทศไทย  เขาไม่ทำกันอย่างนี้
     ท่านรัฐมนตรีคงตระหนักแล้วว่า  ทหารของประชาชนถูกฆาตกรรมและถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม  ทรัพย์สินของชาติถูกทำลาย  ประชาชนถูกข่มขู่  ไม่มีเสรีภาพในการเดินทาง  ประชาชนที่ประกอบอาชีพในย่านที่ถูกยึดครองไม่สามารถเข้าทำงานได้  ต้องขาดรายได้  ชาวต่างประเทศถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการเดินทางท่องเที่ยว  กลายเป็นตัวประกันให้ผู้ก่อการร้ายฮึกเหิม
     ผมหมดหวังกับรัฐบาลเพราะไม่มีอำนาจอะไรแล้ว  รัฐมนตรีที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ไม่มีน้ำยา  คุณสุเทพดูท่าทางเป็นนักเลงแต่ใจปลาซิว  รัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ห่วยแตกตั้งแต่ต้น   สื่อมวลชนเคยวิจารณ์รัฐมนตรีจากพรรคอื่นว่าโหลยโท่ย  แต่ขณะนี้รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ห่วยที่สุด  เราวัดคุณค่าของคนที่ผลงานแก้ไขภาวะวิกฤติ  แต่นี่รัฐมนตรีที่คุณอภิสิทธิ์เลือกมาไม่มีผลงานเลยแม้แต่น้อย
     ดีแล้วครับรัฐบาลมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารบกมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการแก้ไขปัญหา  ไม่ต้องกลัวว่าท่านจะปฏิวัติเพราะท่านพูดเสมอว่า  การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
     ท่านเป็นคนเพชรบุรีคงกล้าที่จะใช้อำนาจที่ได้รับ  ให้เกิดสันติสุขในแผ่นดินไทยอย่างเต็มที่
เพื่อให้คุณอภิสิทธิ์ได้มีเวลาปรึกษาหารือกับคณะรัฐมนตรีจากพรรคอื่น  หันหน้าไปพบปะและขอความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล  เพื่อให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม
     พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาในภาวะวิกฤติได้แล้ว  ขนาดเจอแกนนำเสื้อแดงที่เป็นคนใต้เพียงหยิบมือเดียวยังไม่มีปัญญาจัดการ
     ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพึ่งและฟังพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น  นักการเมืองที่ประสบความสำเร็จต้องมีสองหู  คือฟังคนอื่นบ้างโดยเฉพาะเพื่อนร่วมเรือเดียวกัน  ยิ่งเป็นเด็กควรจะต้องเข้าหานักการเมืองที่เป็นผู้ใหญ่ให้มาก  ในยามนี้ต้องคอยก้มพนมกร
     ขออวยพรให้ไทยโพสต์ยืนหยัดอย่างทระนง  ทำหน้าที่เพื่อชาติและประชาชน  ไม่ต้องเข้าไปกราบกรานชี้แจงผู้นำการก่อการร้าย   เหมือนนายกสมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งชาติ  (ในความอุปถัมภ์ของนักโทษทักษิณ  ชินวัตร  และครอบครัว  รวมทั้งนักธุรกิจในเครือทักษิณและครอบครัว)  นะครับ             
                                                         เพชร เมืองราช
ตอบ คุณเพชร
     มาถึงวันนี้แล้วพลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา  ผบ.ทบ.ท่านก็ยังคงเล่นบทบาทเดิมๆ  คือยังไม่ใช้กำลังสลายม็อบเสื้อแดงอีก  หลังจากที่ทหารพลาดท่าเสียทีไปเมื่อวันที่  10  เมษายน  ก็ต้องทนดูท่านต่อไปว่าจะให้พวกกบฏมันทำผิดกฎหมายอะไรอีก

                 เชื่อมั่นประเทศไทย
เรียน คุณสามวา สองศอกที่นับถือ
     หากผมเป็นนายกฯ  อภิสิทธิ์  จะเอาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบเจ้าสามเกลอหัวขวด  เพราะถ้าไม่มีคนเหล่านี้นายกฯ  ไม่อยู่ถึงตอนนี้หรอก  การแต่งตั้ง  ผบ.ตร.เรื่องจ่าเพียร  เรื่องโกงกินในวงการรัฐบาล  จะโดนประชาชนไล่จี้อยู่ทุกวัน
     การเป็นคนดีพูดเก่งมิใช่ว่าจะทำงานเก่งนะครับ  นายกฯ  เคยเขียนหนังสือวิจารณ์  พล.อ.สุรยุทธ์  ลองเอาหนังสือที่ตัวเองเขียนมาลองอ่านดูว่า  การกระทำของนายกฯ  อภิสิทธิ์แตกต่างกับ  พล.อ.สุรยุทธ์ตรงไหน  เพราะไม่เอาไหนเหมือนๆ  กัน  เพียงแต่อภิสิทธิ์พูดจาเก่งกว่า  ด้วยฝึกฝนกับพรรค  ปชป.มานาน  และทุกคนใน  ปชป.พูดเก่งกว่าทำทั้งนั้นแหละ  หรือคุณสามวา  สองศอกว่าไม่จริง
     บอกตรงๆ  เลยว่าไม่เคยเลือก  ปชป.ด้วยไม่เคยเห็นว่า  ปชป.ทำงานอะไรเป็น  ดีแต่พูดเก่งและรู้จักหลบเก่ง  ไม่เคยยืนต่อสู้ร่วมกับประชาชนเลย  หรือว่าไม่จริง
                                                                นับถือ
                                                              ช.วานิช
ตอบ คุณ ช.วานิช
     รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ  อภิสิทธิ์  กลับมาออกอากาศอีกแล้ว  แม้จะถูกฝ่ายตรงข้ามส่งสัญญาณรบกวนก็เถอะ  คราวนี้มี  ผบ.ทบ.มานั่งด้วย  พวกเราชาวบ้านก็ต้องพยายามเชื่อสองคนนี้กันต่อไป
     เรื่องที่คุณไม่เลือกและไม่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์   เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นายกฯ  อภิสิทธิ์ไม่กล้ายุบสภาตอนนี้  แต่ก็ไม่เห็นว่าจะทำอะไรให้คนเหล่านี้เปลี่ยนใจหันกลับมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต
               เด็กผู้ชายหลานยายทวด               
กราบเรียน คุณสามวาฯ ที่นับถืออย่างสูง
     ผมเสริมครับ  คนที่เขียนมาเรียนถามเกี่ยวกับ  "บริษัทออนเหวง"  ครับ  ขอกระพุ่มมือกราบคุณสามวาฯ   ด้วยความรู้สึกขอบพระคุณจากใจครับ  ขอขอบพระคุณ  "ท่านผู้อ่านประจำ"  ที่กรุณาเขียนมาให้ความกระจ่าง   และชมผมที่ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง   ผมปลื้มใจมากเลยครับ  สุดปลื้มเลยจริงๆ
     ผมได้อ่านคำตอบทั้งหมดให้คุณยายทวดฟังแล้ว  ท่านตบศีรษะผมเบาๆ  แล้วยิ้มอย่างปลาบปลื้มอีกคน
     คุณสามวาฯ  ครับ  คุณยายทวดผมเคยเล่าให้ฟังว่า  เมื่อตอนเด็กๆ  เรียนอยู่ชั้นประถมนั้น  คุณครูท่านเข้มงวดกับการอ่านออกเสียงมาก  ใครออกเสียงไม่ถูกวรรณยุกต์หรือออกเสียงตัว   ร  เรือ  กับตัว  ล  ลิง  ไม่ชัดเจนแล้วละก็  เป็นโดนลงโทษโดยให้กำมือเป็นมะเหงก  แล้วเขกโต๊ะดังๆ  3  ทีทุกครั้ง  (ที่ต้องเขกดังเพราะเขกเบามันไม่เจ็บครับ)
     ขอกราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ
                                                    ด้วยความนับถืออย่างสูง
                                                                 เสริม
ตอบ คุณเสริม
     คุณเป็นแฟนคอลัมน์ถูกทุกข้อที่อายุน้อยที่สุด  ที่เขียนจดหมายมาถามแทนคุณยายทวด  ที่อยากรู้ว่าบริษัทออนเหวงยังอยู่หรือเปล่า  และมีผู้รู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทออนเหวงได้กรุณาเขียนจดหมายมาบอกกล่าวให้ทราบ  เรื่องส้วมถังเทของคนไทยในสมัยก่อน  จึงกลับมาเตือนความจำคนไทยสมัยนี้ที่ต้องเสียเงินสร้างส้วมเป็นเงินแสนเงินล้าน
     เด็กไทยนอกจากต้องอ่านภาษาไทยให้แตกฉานแล้ว  การเขียนจดหมายก็มีส่วนช่วยให้เขียนหนังสือดีขึ้น  มีเวลาก็ถามคุณยายทวดว่าอยากรู้เรื่องอะไรอีก  แล้วคุณก็ช่วยเขียนจดหมายมาถามอีกนะครับ
                                                         สามวา สองศอก

http://www.thaipost.net/news/260410/21295
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1773 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 11:47:50 »

คืนนี้ ข่าวสองทุ่ม "ข่าวในพระราชสำนัก" จะเป็นรายการที่คนไทยทุกคนควรเฝ้าติดตามชม เนื่องจากประธานศาลฎีกา จะนำผู้พิพากษาใหม่ จำนวน 101 ท่านเข้าถวายสัตย์ฯ ช่วงเวลาประมาณ 17.30 น.ของวันนี้ ก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช

ประธานศาลฎีกานำผู้พิพากษาใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ วันนี้
26 เมษายน 2553 10:57 น.

 
       ประธานศาลฎีกา เตรียมนำผู้พิพากษาใหม่ 101 คน เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ พระเจ้าอยู่หัว วันนี้ (26 เม.ย.) เวลา 17.30 น. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
      
       วันนี้ (26 เม.ย.) ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่นายสนอง บูรณะ รองราชเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนราชเลขาธิการ ได้ทำหนังสือแจ้งมายังนายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่อง พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้พิพากษาเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฎิญาณ ความว่า
      
       ตามที่ขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน 101 คน เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายไพโรจน์ นวานุช ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา นายวรวุฒิ ทวาทศิน เลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าฯ ร่วมด้วยนั้น ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฎิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่ในวันจันทร์ที่ 26 เมษายนนี้ เวลา 17.30 น. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
      
       ทั้งนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมได้ทำหนังสือถึงราชเลขาธิการ เรื่องขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้พิพากษาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฎิญาณ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ความว่า ด้วยได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ช่วยผู้พิพากษาให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาประจำศาลจำนวน 101 คน ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.2552 และโดยที่ผู้พิพากษาประจำศาลต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ม.201 สำนักงานศาลยุติธรรมจึงมีความประสงค์ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ประธานศาลฎีกานำคณะผู้พิพากษาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ

 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000057027
 
 
      บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #1774 เมื่อ: 26 เมษายน 2553, 13:49:24 »

สวัสดีค่ะพี่แอ๊ะ...

คิดถึงๆๆ
      บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

  หน้า: 1 ... 69 70 [71] 72 73 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><