26 พฤศจิกายน 2567, 02:52:55
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 67 68 [69] 70 71 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 799874 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1700 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 22:34:21 »

ฟังอีกทัศนะหนึ่งของผู้บัญชาการทหารอากาศ

ทุกอย่างจะคลี่คลาย
21 เมษายน 2553 เวลา 17:43 น.
พล.อ.อ.อิทธิพรชี้ประชาชนส่วนใหญ่หนุนรัฐบาล ประเทศไทยเป็นของทุกสี   

พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้สัมภาษณ์เมื่อเวลา 15.30 น.ที่ผ่านมา ถึงสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.)หรือคนเสื้อแดงที่หลายคนกำลังห่วงสถานการณ์ในตอนนี้ว่า เขาก็เป็นห่วงกันทุกคน ฉะนั้นใครที่คิดว่าเป็นกลางก็น่าจะถอยออกมาจากความขัดแย้งต่างๆ
         
เมื่อถามว่า คิดว่าบ้านเมืองจะเดินต่อไปอย่างไร ผบ.ทอ. กล่าวว่า อดทนอีกนิดหนึ่ง ทุกอย่างกำลังจะคลี่คลายแล้ว
         
เมื่อถามว่า ทำไมคิดว่าจะคลี่คลายได้ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า เพราะมีประชาชนส่วนใหญ่เริ่มออกมาแสดงความคิดเห็น ประเทศไทยไม่ได้เป็นคนสีใดสีหนึ่ง เป็นของทุกสี ฉะนั้นการที่ประชาชนได้ออกมาแสดงความคิดเห็น และออกมาสนับสนุนรัฐบาล น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งชี้อะไรหลายอย่างว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการอะไร
         
"ดังนั้นคิดว่าตอนนี้เราต้องรับฟังเสียงประชาชนต้องการอะไร แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย เรื่องไหนที่แสดงออกโดยมีเจตนาที่จะละเมิดกฎหมายก็ต้องมีการดำเนินการที่เด็ดขาด เราจะปล่อยให้กลุ่มคนทำอะไรตามใจชอบไม่ได้” พล.อ.อ.อิทธิพรกล่าว

http://www.posttoday.com/ข่าว/การเมือง/23654/ผบ-ทอ-ขอให้คนไทยอดทนอีกนิดเพราะทุกอย่างจะคลี่คลาย
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #1701 เมื่อ: 21 เมษายน 2553, 22:55:56 »

ใครได้พบได้เห็นทัศนะของลูกพี่คนสำคัญของผม "อาจารย์ ธีรยุทธ บุญมี"
อยากทราบว่าพี่ยุทธในนาทีนี้ จะชี้นำสังคมอย่างไร...


      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #1702 เมื่อ: 22 เมษายน 2553, 08:03:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ jamsai เมื่อ 21 เมษายน 2553, 18:44:00
.....
นางซาร์บีน่า ซาร์  Huh?Huh?Huh??
ใครน่ะอ้อย


emo7:(:อันนี้  อีนี้ฉานม่ายรู้จักนา...แต่  อะไรที่มันไม่คิดว่า จะได้เห็น มันก็ได้เห็นแล้วในชีวิตนี้  คิดว่า อนุสาวรีย์จอมพลสฤษดิ์ ที่หน้าสวนสาธารณะขอนแก่น  ท่านค emo29:P:ง อยากจะเป็นลมวันละห้าร้อยหน  โอ้ว่า...ทหารอันเกรียงไกรของ สยามประเทศ...ถูกยึดรถและจับเป็นตัวประกัน   ใครมีลูกหลานอยากให้เรียน โรงเรียนเตรียมทหาร  คิดให้ดีเด้อ.... so sad
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1703 เมื่อ: 22 เมษายน 2553, 10:10:10 »

บทบรรณาธิการ นสพ.แนวหน้า ออนไลน์ วันนี้

บทบรรณาธิการ  
 
รัฐชอบธรรมสลายม็อบเสื้อแดง (บทบรรณาธิการ) 
 
 
   การชุมนุมของม็อบคนเสื้อแดงนับตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว มาจนกระทั่งปัจจุบัน ไม่เป็นที่ยอมรับและนับวันจะถูกต่อต้านจากกระแสสังคมรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ ก็เนื่องจากเป็นการเคลื่อนไหวที่ไร้ความถูกต้องชอบธรรม เพราะไม่ได้ยึดแนวทางสันติวิธีอย่างที่อ้าง แต่ใช้วิธีการอันรุนแรงเกินเลยสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและที่สำคัญคือเป็นการเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อคนเพียงคนเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หาใช่การเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมแม้แต่น้อย

   ช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว ม็อบคนเสื้อแดงได้ปฏิบัติการในลักษณะถ่อย ดิบ เถื่อนก่อจลาจลเผาบ้านป่วนเมืองทั่วเมืองหลวง ซ้ำบุกไปก่อจลาจลล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยา ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพอันเป็นการทำลายภาพพจน์หน้าตาของประเทศและสร้างความหายนะต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างย่อยยับ

   ม็อบเสื้อแดงกลับมาชุมนุมป่วนเมืองอีกครั้งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา ด้วยการประกาศทำสงครามขั้นแตกหักเพื่อโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ รวมทั้งล้มล้างระบอบอำมาตย์ ซึ่งการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงมานานกว่า 1 เดือน แม้จะอำพรางอ้างว่ายึดแนวทางสันติวิธี แต่พฤติกรรมที่เป็นจริงกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนจาก เหตุการณ์ม็อบคนเสื้อแดงยกกำลังบุกเข้าไปภายในสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) หรือเหตุการณ์ม็อบคนเสื้อแดงยกกำลังพังประตูบุกเข้าไปภายในรัฐสภาอันเป็นเขตพระราชฐานแล้วก่อความวุ่นวาย โดยมีการจับตัวทหารที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยมารุมทำร้ายพร้อมทั้งยึดอาวุธอย่างบ้างคลั่ง

   นอกจากนี้ ม็อบเสื้อแดงยังปลุกระดมโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนข้อเท็จริงสร้างความแตกแยกและจุดไฟแห่งความเคียดแค้นหวังให้มวลชนเสื้อแดงลุกฮือขึ้นทำสงครามประชาชนทั่วประเทศเพื่อ

   นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ รวมทั้งการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายทำลายหลักนิติรัฐด้วยการข่มขู่ คุกคาม กดดัน ยั่วยุท้าทายอำนาจรัฐ อีกทั้งพยายามสร้างสถานการณ์บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ตลอดจนมีพฤติกรรมเป็นกบฏก่อการร้าย และที่สำคัญคือส่อเจตนาเป็นภัยคุกคามขั้นร้ายแรงต่อสถาบันเบื้องสูง

   การที่ม็อบคนเสื้อแดงบุกปิดถนนและยึดย่านราชประสงค์อันเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าสำคัญแห่งหนึ่ง กลางเมืองหลวงเป็นเวทีปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ และขู่ที่จะยกระดับการเคลื่อนไหวบุกปิดถนนยึดย่านการค้าสำคัญแห่งอื่นๆ โดยเฉพาะย่านสีลมเป็นเวทีชุมนุมถือเป็นการใช้ความรุนแรงและย่ำยีกฏหมาย ซึ่งภาคธุรกิจเอกชนมีการประเมินว่าหากการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงยังยืดเยื้อต่อไปอีก 3 เดือนจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าถึง 1 แสนล้านบาท

    ณ วันนี้จึงเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือ ประชาชนจากทุกภาคส่วนได้ออกมาแสดงพลังเรียกร้องและสนับสนุนให้รัฐบาลและกองทัพยุติการสร้างปัญหาบ่อนทำลายบ้านเมืองของม็อบคนเนื้อแดงโดยเร็วก่อนที่สร้างหายนะไปมากกว่านี้ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีความชอบธรรมและถึงเวลาแล้วที่จะสลายการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงเพื่อขอคืนพื้นที่ย่านราชประสงค์ ให้กับชาวเมืองหลวง และคืนความสงบสุขให้กับคนทั้งประเทศหลังจากที่ถูกจับเป็นตัวประกันมานานกว่า 1 เดือน 
 
วันที่ 22/4/2010
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=208254
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1704 เมื่อ: 22 เมษายน 2553, 10:13:06 »

หน้า 1 ของ นสพ.ไทยโพสต์ ออนไลน์ วันนี้

หลากสีขึงพืดแดง! นัดแสนคนชุมนุม'ศุกร์''สีลม-เยาวราช'ฮือต้าน
ข่าวหน้า 1 22 เมษายน 2553 - 00:00

 ปูทางสู่กิโลเมตรสุดท้าย  "เต้น-ตู่"  ปล่อยข่าว  ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์  ทีขะระ นางสนองพระโอษฐ์และรองราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ  โทร.สั่ง  "ป๊อก"  สลายม็อบแดง  อุบาทว์ท้ารัฐบาลวางเดิมพันด้วยชีวิตไพร่  "กาญจนี"  แฉคอมมิวนิสต์หลงยุค  ไส้ศึกในวังคนของ   "ทักษิณ"  ปั้นเรื่องใช้  2  เกลอเป็นเครื่องมือ  ขณะที่เสื้อหลากสีเติบใหญ่  นัดศุกร์นี้ชุมนุมแสนคนที่ลานพระรูป  เยาวราชเอาด้วย  แสดงพลังปกป้องชุมชน  สีลมเดือด  หวั่นม็อบชนม็อบ

     การชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อวันพุธยังพบว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีความเครียดสูง  ท่ามกลางกระแสข่าวอาจมีคำสั่งจากกองอำนวยการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉิน  (ศอฉ.)  ขอพื้นที่ชุมนุมแยกราชประสงค์คืน  ตลอดทั้งวันมีการเสริมแนวป้องกันบริเวณแยกศาลาแดงให้แข็งเกร่งขึ้นโดยไม้ไผ่ปลายแหลมและยางรถยนต์

     ขณะที่ท่าทีจากแกนนำคนเสื้อแดงพบว่าไม่เป็นเอกภาพนัก  ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดและตื่นกลัวในบางครั้ง  นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ  เลขาธิการกลุ่ม  นปช. เปิดแถลงข่าวว่า  จนถึงวันนี้สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ  แม้จะทราบมาว่าทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องการใช้กำลังปราบปรามประชาชน  แต่ก็ได้ข่าวจากนายทหารท่านหนึ่งที่ได้เหรียญรามาธิบดีบอกว่า  มีสตรีคนหนึ่ง  เป็นท่านผู้หญิง  จ.จ.  โทรศัพท์ไปกดดัน  พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา  ผบ.ทบ. ตลอดเวลา  เพื่อดำเนินการเด็ดขาดกับกลุ่มคนเสื้อแดง

     "อยากถามว่าจริงหรือไม่ที่มีการโทรศัพท์ไปกดดันจน  ผบ.ทบ.เครียด  อึดอัดใจ  จึงอยากถามว่าทำเพื่ออะไร  ต้องการเอาชีวิตประชาชนไปทำอะไร  ประชาชนไปทำอะไรให้"

     นายณัฐวุฒิกล่าวว่า  ตอนนี้มีเพียงทหารคนเดียวที่รับใช้รัฐบาลคือ  พ.อ.สรรเสริญ  แก้วกำเนิด  โฆษก  ศอฉ.เท่านั้น  ไก่อูตัวนี้ขันทุกเช้าว่าเด็ดขาด  จัดการ

     "ตอนนี้เหมือนกับการเล่นไพ่โปกเกอร์   ที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นไพ่โบ๋  ไม่มีแต้ม  แต่ให้ไก่อูเกทับ  ดังนั้นอยากให้ว่าเดิมพันมาเลย  ประชาชนจะได้รู้ว่าในมือมีกี่แต้ม  ในเมื่อทหารและตำรวจก็ไม่ได้มีอยู่ในมือแล้ว"  แกนนำคนเสื้อแดงผู้นี้กล่าว

     สำหรับท่านผู้หญิง   จ.จ.นี้  นายจตุพร  พรหมพันธุ์  แกนนำคนเสื้อแดงนำไปปราศรัยโจมตีบนเวทีที่แยกราชประสงค์  โดยอ้างว่าเป็นท่านผู้หญิงจรุงจิตต์  ทีขะระ  นางสนองพระโอษฐ์และรองราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ

     ด้านนางกาญจนี  วัลยะเสวี  แกนนำประชาสังคมหยุดระบอบทักษิณ  ออกมาตอบโต้ทันที  โดยกล่าวว่า  การที่แกนนำ  นปช.กล่าวหาท่านผู้หญิงจรุงจิตต์  ฝากบอกนายณัฐวุฒิและนายจตุพรว่าอย่าเอาชื่อท่านผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับเบื้องสูงมากล่าวหา   เพราะท่านไม่มีโอกาสมาตอบโต้แก้ข้อกล่าวหา  ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นลูกผู้ชาย  และเรื่องที่กล่าวกันนั้นล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น  ตนทราบดีว่าคนอย่างท่านผู้หญิงจรุงจิตต์  ไม่เคยสั่ง  ผบ.ทบ. แต่ที่ทหารต้องออกมารักษาความสงบก็เพราะขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่บังคับใช้  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  กองทัพเป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาล  ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของรัฐบาลอยู่แล้ว  ไม่เกี่ยวกับท่านผู้หญิงแต่อย่างใด

     "ท่านไม่มีวันจะทำให้สถาบันมัวหมอง   แต่ตรงกันข้าม  กลับจะต้องปกป้องรักษาสถาบันไว้ยิ่งชีวิต   อยากขอให้นายณัฐวุฒิหยุดปั้นน้ำเป็นตัวเสียที  และหยุดการโยงสถาบันเบื้องสูงที่ชาวไทยเคารพนับถือมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองเสียที"

คอมมิวนิสต์หลงยุค

     เธอบอกว่า   คนที่ให้ข้อมูลคือคนที่รู้ความเป็นไปของคนข้างใน  แต่นำเรื่องมาบิดเบือนเพื่อต้องการทำลายสถาบัน  อาจจะทำด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์  หรือถูกเขาหลอกใช้  หรือเห็นแก่ผลประโยชน์ที่เคยได้จาก  พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  ก่อนหน้านี้  จนถึงขณะนี้ก็ยังมีความสัมพันธ์กันอยู่  นายจตุพรและนายณัฐวุฒิกำลังตกเป็นเครื่องมือของคอมมิวนิสต์หลงยุคที่ต้องการล้มล้างสถาบันเบื้องสูง   ดังนั้นขอให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้  แล้วรีบหาทางลงให้ตัวเองก่อนที่จะได้รับโทษทัณฑ์ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้

     วันเดียวกันนี้  นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และ  ผอ.ศอฉ. กล่าวว่า  รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะทำให้บ้านเมืองมีความสงบให้ได้  แต่การขอคืนพื้นที่ราชประสงค์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรนำมาเปิดเผยในขณะนี้

     เมื่อถามว่า   ทางกลุ่มเสื้อแดงก็ได้สกัดกั้นไม่ให้ทหารเข้ามาสลายการชุมนุมได้  รองนายกฯ  กล่าวด้วยอารมณ์ว่า  "คุณเป็นคนกรุงเทพฯ  หรือเปล่าครับ  ถ้าคุณเป็นคนกรุงเทพฯ  แล้วคุณรู้สึกมีความสุขสนุกสนานมั้ยครับกับที่มีกระบวนการหรือผู้คนมาตั้งค่ายคูประตูรบอยู่กลางกรุงเทพฯ  ถ้าประชาชนแบบคุณมีความสุข  ผมก็จะทำหน้าที่ของผมไป"

     ถามว่า   ขณะนี้มีกลุ่มคนที่อาศัยบริเวณสีลมและหลายๆ  กลุ่มออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย   เกรงว่าจะเกิดการปะทะกันหรือไม่  นายสุเทพตอบว่า  เป็นสิทธิของประชาชนที่จะป้องกันบ้านเรือน  ถิ่นฐานของเขา  แต่ทหารก็ไปคุ้มครองอยู่แล้ว

     ที่กรมทหารราบที่   11  รักษาพระองค์  (ร.11 รอ.)  พ.อ.สรรเสริญ  แก้วกำเนิด  โฆษก   ศอฉ. แถลงผลการประชุม  ศอฉ.ว่า  ที่ประชุมได้มีการพูดใน  3  ประเด็น  คือ  ประเด็นที่  1  หมายเรียกชุดที่หนึ่งที่ออกไปให้บุคคล  52  ท่านมาพบเจ้าหน้าที่  เพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร  โดยมีบุคลตามหมายเรียกมาพบแล้ว  21  ท่าน  ยังไม่มาพบอีก  31  ท่าน  ซึ่งในส่วนของกำลังพล   ศอฉ.จะประสานฝ่ายกฎหมายและตำรวจว่ามีการดำเนินการส่งหมายเรียกเรียบร้อยหรือยัง  หากมีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วคงมีการปรับเปลี่ยนเป็นหมายจับในโอกาสต่อไป

     ส่วนหมายเรียกชุดที่  2  จะเรียกมา  54  ท่าน  รวม  2  ชุดมีทั้งหมด  106  ท่าน   ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวิทยุชุมชน  แท็กซี่  จักรยานยนต์  และการ์ด  นปช.ที่ชัดเจนในที่อยู่

     ประเด็นที่   2  บริเวณที่ชุมนุมแยกราชประสงค์  หลังจากที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอให้เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ปลอดภัย  เพราะมีการสะสมอาวุธหลายรูปแบบ  มีการจัดทำเป็นห้องประตูหอรบนั้น  เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง  ซึ่งทาง  ศอฉ.ได้ชี้แจงกับประชาชนไปแล้ว

     "ดังนั้นต่อไปนี้ทาง   ศอฉ.   เจ้าหน้าที่ทหาร  ตำรวจ  จะดำเนินการอย่างเฉียบขาด ไม่ปล่อยให้มีการเคลื่อนมวลชนไปในพื้นที่ต่างๆ  อีกต่อไป  และจะอยู่ได้แค่แยกราชประสงค์  แต่ไม่ใช่ว่าจะอยู่ได้ถาวรตลอดไป   แต่ขั้นต้นเราได้มีการวางกำลังเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนไปยังถนนสีลม  โรงพยาบาลศิริราช  และจะมีการดำเนินการป้องกันในพื้นที่อื่นๆ  ต่อไป"  พ.อ.สรรเสริญกล่าว

     พล.อ.อ.อิทธิพร  ศุภวงศ์  ผบ.ทอ.  ให้สัมภาษณ์ว่า  ใครที่ไม่คิดว่าเป็นกลางก็น่าจะถอยออกมาจากความขัดแย้งต่างๆ  ขอให้อดทนอีกนิด  ทุกอย่างจะคลี่คลายแล้ว  เพราะมีประชาชนส่วนใหญ่เริ่มออกมาแสดงความเห็นแล้ว  ประเทศไม่ใช่ของคนสีใดสีหนึ่ง  แต่เป็นของทุกสี 

     "การที่มีคนออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนรัฐบาล   ก็น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งชี้อะไรหลายๆ  อย่าง  ว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการของคนส่วนใหญ่  ตอนนี้เราต้องรับฟังประชาชนว่าเขาต้องการอะไร   แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย  เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นการแสดงออกโดยมีเจตนาละเมิดกฎหมาย  ก็ต้องมีการดำเนินการที่เด็ดขาด  เราจะปล่อยให้กลุ่มคนที่ทำอะไรตามใจชอบคงไม่ได้"  ผบ.ทอ.กล่าว

ให้กำลังใจ"มาร์ค"

     ที่รัฐสภา  มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ  นายอำนวย  กลิ่นอยู่  ประธานชมรมคนพิการผู้รักชาติ  พร้อมด้วยสมาชิกคนพิการประมาณ  10  คน  เดินทางมาเพื่อมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี  ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ  ต่อไป  พร้อมทั้งคัดค้านแนวทางการยุบสภา  ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้เดินทางมารับช่อดอกไม้ด้วยตัวเอง

     นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวขอบคุณและบอกว่า   คงจะคิดตรงกันว่าตอนนี้หน้าที่ของรัฐบาลคือต้องรักษากฎหมาย   รักษาบ้านเมืองให้มีขื่อมีแป  รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง  พยายามที่จะหาวิธีการที่ดีที่สุด  เพราะเราถือว่าทุกคนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น  ขอขอบคุณและยืนยันว่าจะใช้แนวทางนี้ในการแก้ปัญหา

     นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า  สำหรับการบังคับใช้กฎหมายในเวลานี้ยากขึ้น  เพราะผู้เคลื่อนไหวส่วนหนึ่งนั้นมีอาวุธ   และถึงขั้นมีอาวุธสงคราม  ฉะนั้นการแก้ปัญหาจะต้องทำในลักษณะที่สามารถระงับเหตุได้  และจะพยายามทำให้ดีที่สุด

     พล.ต.จำลอง   ศรีเมือง  แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  ให้สัมภาษณ์ว่า  ถ้ารัฐบาลใช้กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่เมื่อเมษายน  ปี  2552  ทุกอย่างก็จบไปแล้ว  ไม่มีเหตุการณ์ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้   แต่รัฐบาลกลับดำเนินการไม่เด็ดขาด  ตนขอยืนยันว่าวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองไม่เคยแก้ไขได้ด้วยสภา   ตนอยากถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญนั้น  รัฐธรรมนูญผิดตรงไหน  มันผิดเพราะมันไปขัดขวางผลประโยชน์ใช่หรือไม่

     "คุณต้องแก้ตัวคุณเองก่อน   หรือจะต้องรอให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นก่อน  เพราะถ้ารัฐไม่ทำ   ประชาชนที่ทนไม่ได้ก็จะลุกฮือขึ้นมาโดยธรรมชาติ  แรกๆ  อาจมีการใช้วิธีที่นุ่มนวลก่อน   แต่หลังๆ  ก็อาจจะมีการใช้อาวุธ  ซึ่งอย่ารอให้ถึงวันนั้น  ถ้ารัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังผู้ชุมนุมก็กลัว  แต่ทำไมไม่เอาจริงเสียที"

     เขาระบุว่า  ไม่ได้บอกให้รัฐใช้ความรุนแรง  แต่ต้องทำให้เกิดความรุนแรงน้อยที่สุด  ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่การแก้รัฐธรรมนูญ  ไม่ได้อยู่ที่การยุบสภา  แต่อยู่ที่การยุติการก่อการร้าย

     "ผมขอเสนอว่า  ถ้ารัฐไม่ทำ  ก็ขอฝากไปแม่ทัพภาคที่  1  (พล.ท.คณิต  สาพิทักษ์)  ในฐานะเจ้าของพื้นที่ในกรุงเทพฯ   พิจารณาให้ดี  เรียนมาฝึกมาเพื่อทำหน้าที่อย่างเดียวเท่านั้น  ปกป้องชาติและราชบัลลังก์  ท่านประกาศกฎอัยการศึกในการจัดการ   ผมเชื่อว่าจะสามารถสลายการชุมนุมได้ภายใน   2  ชั่วโมง  และก็ไปรายงานต่อรัฐบาลว่าได้ทำงานแล้วตามหน้าที่  ถ้ารัฐบาลไม่เห็นด้วยก็แค่โดนสั่งย้าย   เพราะจะปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายต่อไปได้อย่างไร" 

     สำหรับทางออกด้วยการเจรจานั้น  พล.ต.จำลองกล่าวว่า  จะให้เอาคนที่กระทำผิดกฎหมายหรือเป็นกบฏมาเจรจากันเป็นเรื่องที่ถูกหรือไม่  หากทำได้  อีกหน่อยคนก็ไม่กลัวกฎหมาย  พอกระทำผิด  ทำให้เกิดการสูญเสียขึ้น  ก็มาตั้งโต๊ะเจรจากัน  แต่เป็นเรื่องที่คนผิดไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม  ซึ่งหากจะบอกว่าตำรวจจับโจรถือเป็นความขัดแย้ง  อย่างนี้ก็ไม่ใช่

     "ทางออกของปัญหามี   2  ทางคือ  ใช้กระบวนการยุติธรรม  กับอีกทางคือปฏิวัติ  แต่เป็นสิ่งที่คนไม่ปรารถนา   แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ   ถ้าชาติไม่มั่นคง  ชุมชนไม่เข้มแข็ง  แต่ระยะนี้ขาดทหารกล้า   เพราะการปฏิวัตินั้นเสี่ยงต่อการถูกประหารชีวิต   หากกระทำการไม่สำเร็จ  ซึ่งผมเชื่อว่าใน  7  วันนี้ไม่มีใครจะสามารถกระทำได้  และการปฏิวัติก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ"

     ขณะที่  นพ.นิรันดร์  พิทักษ์วัชระ  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  กล่าวถึงแนวทางการแก้วิกฤติของประเทศในเวลานี้ว่า  การดำเนินการกับผู้ชุมนุมที่ปิดสี่แยกราชประสงค์ต้องใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด  เพื่อทำให้เรื่องยุติ  ส่วนในเรื่องของความเป็นธรรมทางการเมือง  ปัญหาในเชิงโครงสร้าง  กับความล้มเหลวต่างๆ  ในทางการเมือง  ความขัดแย้ง  โครงสร้างอำนาจทางการเมืองที่ต่อสู้แย่งชิงอำนาจทางการเมือง  เมื่อถึงจุดนี้ก็ใช้ความเดือดร้อนของประชาชนบังหน้า  ดังนั้นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง  ถ้าจะให้เกิดความชอบธรรมต้องขจัด  พ.ต.ท.ทักษิณออกไป  และรับผิดชอบความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันที่  10  เม.ย.  และการชุมนุมต้องกลับไปที่ผ่านฟ้าฯ  และรัฐบาลต้องไม่ใช่แค่ใช้กฎหมายปราบปรามประชาชนเท่านั้น  ปัญหาประเทศมันหมักหมมมานาน  นายอภิสิทธิ์ควรใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลงปฏิรูปการเมือง  เพราะหลายฝ่ายเรียกร้องเพื่อนำไปสู่การชุมนุมแบบสันติวิธี

สั่งรถพยาบาลถอย

     ด้าน  นพ.ชาตรี  เจริญชีวะกุล  เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ  (เลขาธิการ  สพฉ.)  กล่าวว่า  ได้มอบหมายให้  นพ.ไพโรจน์  บุญศิริคำชัย  ผู้ช่วยเลขาธิการ  สพฉ.  เข้าไปเจรจาทำความเข้าใจกับ  นพ.เหวง  โตจิราการ  แกนนำกลุ่ม  นปช. ว่า  การปฏิบัติการทางการแพทย์ไม่เคยมีวัตถุประสงค์อื่นแม้แต่การขนอาวุธ   และได้สั่งให้รถพยาบาลทุกคันถอยออกห่างจากพื้นที่ชุมนุมจากจุดเดิม  เช่นเคยอยู่ตรงแยกไหน  ก็ให้ถอยออกมา  2-3  แยก  ให้พอได้รับคำสั่งแล้วเห็นจุดเข้าไปรับ-ส่งได้  พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังให้มากขึ้นแล้ว

     หลังจากกลุ่มเสื้อแดงนำโดย  นางดวงแข  อรรณพพร  ส.ส.เขต  2  ขอนแก่น  พรรคเพื่อไทย   นำคนเสื้อแดงในพื้นที่กว่า  400  คน  ปิดถนนมิตรภาพบริเวณสี่แยกโรงพยาบาล  อ.พล  จ.ขอนแก่น  เมื่อวันที่  19   เม.ย.  และทำการตรวจค้นรถโดยสารและสามารถนำทหารลงจากรถได้รวม   42  นาย  และส่งกลับภูมิลำเนาโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มเสื้อแดงนั้น

     ล่าสุด   คนเสื้อแดงกลุ่มนี้แสดงความบ้าคลั่งอีกแล้วด้วยการยกพวกไปยังสถานีรถไฟขอนแก่น   ขวางไม่ให้ขบวนรถไฟที่บรรทุกรถจีเอ็มซีและรถอื่นๆ  รวม  21  คัน  พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารที่นั่งมาเต็มขบวนรถไฟ   ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานีกรุงเทพฯ  จนทำให้ขบวนรถไฟดังกล่าวต้องหยุด  โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้โห่ไล่เจ้าหน้าที่ทหารให้ลงจากขบวนรถไฟ  ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายทหารเป็นอย่างมาก

     เมื่อเหตุการณ์ที่มีคนเสื้อแดงกรูเข้าไปยังขบวนรถไฟ   ทำให้ผู้บังคับหน่วยทหารต้องจำใจเรียกทหารลงจากขบวนรถเพื่อมาพูดคุยกันกับกลุ่มคนเสื้อแดง  โดยผู้บังคับหน่วยทหารได้กล่าวชี้แจงว่า  ทหารจะเดินทางไปโดยทางรถไฟครั้งนี้เป็นการสับเปลี่ยนกำลังพลที่จังหวัดปัตตานี  โดยมีทหารที่ต้องดูแลขบวนรถที่ต้องลำเลียงทางรถไฟไปยังจังหวัดปัตตานี  จำนวน  80  นาย  มีรถ  21  คัน  ประกอบด้วย รถจีเอ็มซี  ฮัมวี  ยูนิม็อก  และรถน้ำ

     ขณะที่นายพยัต   ชาญประเสริฐ  รอง  ผจว.ขอนแก่น  และ  พล.ต.ต.พัฒนี  ศิริวัฒนี  ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น   นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งมาดูแลความปลอดภัย  พร้อมกับขอเจรจากับกลุ่มคนเสื้อแดง  แต่ก็ไม่เป็นผล

     ซ้ำร้ายช่วงเย็น  กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ  1,000  คน  ไปชุมนุมที่บริเวณสี่แยกถนนมิตรภาพ  อ.บ้านไผ่  จ.ขอนแก่น  และตั้งด่านบุกยึดรถบัสทหารจำนวน  3  คัน  พร้อมกับควบคุมตัวทหารที่นั่งมากับรถบัส   150  นายลงจากรถ  โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้เดินทางเข้าไปสมทบใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมที่กรุงเทพฯ      โดย   พ.ต.อ.ออมสิน  ตรารุ่งเรือง  ผกก.สภ.บ้านไผ่  จ.ขอนแก่น  กล่าวว่า  ทหาร  3  รถบัสที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงบุกยึดและกักตัวเอาไว้เป็นทหารจากกรมทหารราบที่  13  พัน  2  ค่ายประจักษ์ศิลปาคม  จ.อุดรธานี  ซึ่งกำลังทหารชุดนี้มีภารกิจที่จะเดินทางลงไปสับเปลี่ยนกำลังพลที่   3  จังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งไม่ได้เดินทางเพื่อสมทบการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงแต่อย่างใด

     สำหรับบรรยากาศบริเวณแยกศาลาแดง   ที่กลุ่มคนเสื้อแดงกับกลุ่มชาวสีลมต่างชุมนุมและเผชิญหน้ากันตลอดทั้งวันยังคงตึงเครียด  ช่วงบ่ายถึงช่วงเย็นการจราจรบริเวณถนนพระราม  4  ตรงแยกศาลาแดงเข้าสีลมมีปัญหารถติดขัดอย่างหนัก   เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุม  นปช.ที่ปักหลักอยู่บริเวณถนนราชดำริได้รุกล้ำทะลักเข้ามายังพื้นที่ถนนพระราม   4  จนทำให้การจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปเจรจาและเคลียร์พื้นที่    ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะร่นถอยไปอยู่ยังที่ตั้งตรงบริเวณถนนราชดำริก่อนที่การจราจรจะใช้ได้ตามปกติ

สีลมเดือดหวั่นม็อบชนม็อบ

     เวลา  18.00  น.  บรรยากาศได้เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อกลุ่มคนทำงานบริเวณสีลมได้เลิกงานและรวมตัวกันหน้าโรงแรมดุสิตธานีจำนวนมาก  ขณะที่คนเสื้อแดงได้จัดชายฉกรรจ์กระจายอยู่หลังแนวยางรถยนต์เพื่อสอดส่องความเคลื่อนไหวของทหารและตำรวจ  และจัดทีมการ์ดอีกชุดหนึ่งขึ้นไปอยู่บนสะพานข้ามแยกศาลาแดงเพื่อป้องกันวัตถุระเบิด  และทุกครั้งที่ตำรวจสับเปลี่ยนกำลัง  ทางการ์ดของคนเสื้อแดงก็ต่างลุกฮือมาหมอบอยู่หลังแนวยางรถยนต์  พร้อมทั้งตะโกนเรียกกำลังมาสมทบเป็นระยะๆ   แตกต่างกับอีกฝ่ายที่ตบมือให้กำลังใจทหารทุกครั้งเมื่อมีการเดินผ่าน

     นอกจากนี้  กลุ่มเสื้อหลากสีได้จุดไฟเผาธงและผ้าโพกหัวสีแดงสัญลักษณ์ของ นปช. ทำให้คนเสื้อแดงแสดงอาการโกรธแค้น

     ต่อมาแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนได้เดินทางมาบริเวณดังกล่าวพร้อมเปิดปราศรัย  ขณะที่คนเสื้อแดงบางส่วนได้หยิบไม้ไผ่ปลายแหลมที่อ้างว่าใช้ปักดินทำเป็นด่านขึ้นมาแกว่งไปมา  อย่างไรก็ตาม  แกนนำได้สั่งให้ผู้ชุมนุมถอยห่างจากแนวรั้วไม้  ให้เหลือไว้เพียงรถปราศรัยเพียงคันเดียวเท่านั้น

     ทั้งนี้   ทั้งสองฝ่ายต่างด่าทอกันอย่างรุนแรง  จนหวิดจะปะทะกันหลายครั้ง  แต่แกนนำได้ห้ามปรามเอาไว้   ขณะที่ประชาชนย่านสีลมมารวมตัวได้จัดปราศรัยและร่วมกันร้องเพลงปลุกใจเพื่อเรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม  พร้อมทั้งขอความร่วมมือคว่ำบาตรด้วยการไม่ขายสินค้าให้  ไม่ให้ใช้ห้องน้ำ  เพื่อประท้วงและกดดัน

     แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสีเผยว่า  จะรวมตัวชุมนุมกันในเวลา  12.00  น.ของทุกวันจนกว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะสลายการชุมนุมไป  พร้อมกันนี้ยังได้มีการเชิญชวนให้พวกที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มเสื้อแดงไปรวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ให้ได้ถึง   100,000  คน

     ยังมีรายงานว่า  วันพฤหัสบดี  กลุ่มชาวเยาวราชนัดรวมตัวกันที่วงเวียนโอเดี้ยนในช่วงเย็น  หลังแกนนำคนเสื้อแดงประกาศว่าจะไปยึดถนนย่านเยาวราชอีกด้วย

     ขณะที่บนเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงในช่วงค่ำเป็นไปอย่างดุเดือด   นายสุภรณ์  อัตถาวงศ์   แกนนำ  นปช. ปราศรัยว่า  ตนจะทำหน้าที่เป็นแกนนำปกป้องด่านสีลมหากมีการบุกเข้ามาสลายการชุมนุม  ยางรถยนต์ที่วางไว้ก็พร้อมจะใช้เผาเป็นเชื้อเพลิง  จะลามไปไหม้อะไรก็ไม่รับประกัน  ส่วนไม้ไผ่ที่เป็นเกราะแนวป้องกันก็จะใช้ตีทหารที่จะเข้ามาสลายในทันที

     ขณะที่นายจตุพร  พรหมพันธุ์  แกนนำ  นปช. กล่าวว่า  เราตัดสินใจแล้วว่าถ้ามีด่านสกัดประชาชนไม่ให้เข้า  เราจะไปทำลายทุกด่านให้ประชาชนได้เข้ามาชุมนุม  ถ้าบีบคั้นหัวใจมากๆ  จะบุกกองพันทหารราบที่  11.

http://www.thaipost.net/node/21143
      บันทึกการเข้า
jamsai
Full Member
**


ฤา.... น้ำเต้าใบน้อยจะถอยจม...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 416

เว็บไซต์
« ตอบ #1705 เมื่อ: 22 เมษายน 2553, 10:15:36 »

อ้อย
รู้แต่ว่า มีทหาร ส่วนหนึ่งที่กำลังกัดลิ้น กลืนเลือด
และท่องคำว่า....ท ทหาร อดทน
....ท ทหาร อดทน
....ท ทหาร อดทน
....ท ทหาร อดทนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
เพื่อชาติและราชบัลลังก์
เมื่อถึงเวลา หากทำได้ ก็อาจเอาเลือด ไอ้จิ๋ว ล้างตีน ให้ศพ พลทหาร

ก็ไม่รู้ ไอ้จิ๋วใหน นะ ใครชื่อ "จิ๋ว" ต๊กกะใจ กันหมด


      บันทึกการเข้า

ฤา น้ำเต้าใบน้อย จะ..ถอยจม....
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1706 เมื่อ: 22 เมษายน 2553, 10:17:01 »

ข้อเขียนจากห้อง"ถูกทุกข้อ" โดยสามวา สองศอก

พลังเงียบ
ถูกทุกข้อ 22 เมษายน 2553 - 00:00

           พลังเงียบ   เหมือนยักษ์หลับ     พลิกกลับฟื้น
     ลืมตาตื่น         แล้วหนา          เหมือนฟ้าสาง
     เมื่อม่านเมฆ      มิดมืด            สีจืดจาง
     ฟ้าสว่าง         โดยพลัน          ในทันใด
     มีคนดี           ที่ฟ้า             ส่งมาเกิด
     ล้วนประเสริฐ     ใจมั่น            ไม่หวั่นไหว
     เข้าป้องชาติ      ศาสน์ กษัตริย์      ขจัดภัย
     คือยักษ์ใหญ่       ของแผ่นดิน        ถิ่นศรัทธา
     เสื้อทุกสี         ใจทุกดวง         ห่วงประเทศ
     ทุกข์เทวษ        ทรมาน           นานหนักหนา
     มาวันนี้          ไม่รอนาน         กาลเวลา
     ต่างลุกมา        ต่อสู้             กู้แผ่นดิน
     คารวะ          ผู้กล้า            รักษาชาติ
     ทระนง          องอาจ           ป้องชาติสิ้น
     ขอร่วมด้วย       ช่วยกัน           พลันยลยิน
     ยอมแผ่นดิน       กลบหน้า          ถ้าจำเป็น...
                                            จำปาดะ


              จดหมายฉบับสุดท้าย?
เรียน คุณสามวา สองศอก
     จดหมายฉบับนี้ขอเป็นจดหมายฉบับสุดท้าย   เพราะผมได้มาถึงสัจธรรมที่ว่าสรรพสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง  การเมืองไทย  ณ  วันนี้ได้มาถึงจุดเปลี่ยนที่ชัดเจนแล้ว  ผมจึงไม่สามารถที่จะเอาตัวเข้าไปขวางกระแสของการเปลี่ยนแปลงนั้น  มันเชี่ยวเกินกว่าที่ใครๆ  จะขวางได้
     แค่ธุลีดินขวางมาจนหมดแรงแล้วก็ต้องหยุด  ที่หยุดไม่ใช่ผมกลัวตาย  แต่ผมเห็นว่าไม่มีประ
โยชน์ที่จะไปเสียเวลากับมันอีกต่อไป
     1.ความขัดแย้งทางการเมือง  ระหว่างคนหลายกลุ่มที่เป็นอยู่ในขณะนี้  ก็คงยืดเยื้อต่อไปจนกว่าจะถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด  คือชาติบ้านเมืองทรุดโทรมลงจนถึงที่สุด
     สถานการณ์การเมืองในกรุงเทพฯ  ณ  วันนี้  ไม่แตกต่างจากสถานการณ์ของกรุงไซง่อนก่อนแตก   มีทหารฝ่ายต่างๆ  สะพายอาวุธประจำตัวเดินเพ่นพ่านเต็มถนน  ใครฆ่าใครก็ทำได้ตามความชอบใจ  บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป  ไม่มีใครมีอำนาจหรือบารมีที่จะออกคำสั่งให้ใครปฏิบัติตามได้
     ไม่แตกต่างจากกรุงเทพฯ  วันนี้  ใครอยากยึดถนนสายไหนก็ยึดได้  ไม่มีใครห้ามได้  ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร   นึกอยากจะเอาอุจจาระไปสาดบ้านใครก็ทำได้  ขึ้นเวทีกล่าวคำหยาบคายอย่างไรก็ได้   ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองให้เสียๆ  หายๆ  แค่ไหนก็ทำได้  เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน  มันเลวร้ายจริงๆ
     2.รัฐบาลนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ไม่มีอำนาจอยู่ในมือแม้แต่น้อย  สั่งทหารไม่ได้  เพราะรัฐบาลไปพิสูจน์ความไร้ประสิทธิภาพของเครื่องตรวจระเบิดจีที  200  ที่กองทัพซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้  ทำให้กองทัพเสียหน้า  เพราะรัฐบาลสั่งปลดน้องชายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกจาก  ผบ.ตร. เพราะรัฐบาลไม่ยอมให้งบประมาณซื้อเรือดำน้ำ
     แล้วเรื่องอะไรทหารเขาจะเชื่อฟังรัฐบาล  สั่งทหาร  2,000  นาย  ไปรักษาสถานีภาคพื้นดินของบริษัทไทยคม  ที่อำเภอลาดหลุมแก้ว  พอคนเสื้อแดง  3,000  คน  เดินทางไปล้อมขอให้ทหารยอมจำนน   ทหารฉีดน้ำใส่นิดๆ  หน่อยๆ  โยนแก๊สน้ำตาใส่นิดๆ  หน่อยๆ  แล้วก็ยอมจำนน  มีปืนเอ็ม  16  อยู่เต็มรถก็เอาไปให้คนเสื้อแดงหมด  พูดง่ายๆ  ว่ายอมวางอาวุธโดยดุษณี  ผลก็คือรักษาที่มั่นไว้ไม่ได้
     ถามว่าขีดความสามารถของทหารไทยมีแค่นี้หรือ  ไม่รู้สึกอับอายขายหน้าทหารชาติอื่น  หรือเกียรติยศศักดิ์ศรีของความเป็นรั้วของชาติเอาไปทิ้งไว้ไหนหมด  เมื่อทหารไม่รักษาบ้านรักษาเมือง  ไม่ฟังคำสั่งนายกรัฐมนตรี  (อ้างว่าไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร  ถ้าปฏิบัติลงไปอาจมีความผิด)   เมื่อเหตุการณ์มันชัดเจนอย่างนี้  ผมจะเหลือความหวังอะไรอีกกับการรักษาบ้านรักษาเมืองให้เป็นปกติสุข  ผมจึงเชื่อว่าจบแล้วประเทศไทย
     3.ทีนี้มาดูผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอีกหน่วยหนึ่งคือตำรวจ  ซึ่งมีกว่าล้านนายทั้งประเทศ  นายกฯ  อภิสิทธิ์ไม่มีอำนาจบังคับบัญชาได้เลย  สั่งอะไรก็ไม่ทำ  ตำรวจจะทำตามคำสั่งนายกฯ  ทำไมล่ะครับ  เพราะนายกฯ  คนนี้สั่งปลด  ผบ.ตร. และไม่ยอมแต่งตั้งคนใหม่ตามที่พวกเขาต้องการ
     เขาพูดตรงๆ   ว่าเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง  เพราะกลัวถูกฟ้องเหมือนที่เขาเคยปฏิบัติตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีคนก่อน  ที่สั่งให้เขาปราบปรามประชาชน  (เสื้อเหลือง)  เมื่อ  7  ตุลาคม  2551
     ดังนั้นตำรวจก็ไม่ทำหน้าที่   เช่น  กรณีที่คนยิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม  แต่ไม่ชำนาญแรงสะท้อนทำให้คนยิงและเพื่อนได้รับบาดเจ็บ   ทิ้งรถไว้แล้วหนีเอาตัวรอด  ตำรวจไปตรวจสถานที่  ยึดรถไป  มีคนมาบอกว่าตอนนี้คนยิงได้รับบาดเจ็บ  นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล  แต่ตำรวจก็ไม่ตามไปจับ  ทำทีเอาพยานไปสอบแล้วก็วาดภาพคนร้าย  ทำประกาศจับทั่วประเทศ  แสดงชัดว่าตำรวจไม่ต้องการจับ  ถ้าต้องการจับก็จับได้ทันที 
     กรณีตำรวจไปขอหมายจับแกนนำ   นปช. 17  คน  จากศาลอาญา  บอกว่าถ้าเห็นตัวที่ไหนก็จับได้ทันที   แต่บ่ายวันเดียวกันนั้นตำรวจยศ  พล.ต.ท. ก็นั่งเข่าชนกันกับแกนนำ  นปช.  2-3   คน  ที่ออกหมายจับ  โดยเชิญเขามาพบเจรจาเพื่อขอร้องให้สลายการชุมนุมปิดล้อมยึดสถานีดาวเทียมไทยคมที่ลาดหลุมแก้ว  นั่งคุยกันเป็นชั่วโมงไม่กล้าจับเขา  หรือไม่คิดจะจับก็ไม่รู้     รัฐบาลสั่งให้ตำรวจเคลียร์พื้นที่สี่แยกราชประสงค์  ช่วงที่พวกเสื้อแดงพากันไปยึดสถานีไทยคมที่ลาดหลุมแก้ว   มีนายวีระและหมอเหวงเหลืออยู่ที่เวทีราชประสงค์  มีเสื้อแดงนั่งฟังอยู่ไม่ถึง  200  คน  ตำรวจมีกว่าพันนาย  แต่รีๆ  รอๆ  ไม่ยอมไปเคลียร์  รอจนกระทั่งเสื้อแดงกลับจากลาดหลุมแก้ว   จำนวนที่ราชประสงค์เต็มเหมือนเดิม  ตำรวจก็ทำท่าออกไปยื้อเสื้อแดงมานิดหน่อย  แล้วก็กลับเข้าสำนักงานตัวเอง  ทำอย่างนี้แปลว่าอะไร  ต้องการเคลียร์พื้นที่ตามคำสั่งของรัฐบาลจริงหรือ?  เมื่อทหารก็ไม่ทำงาน  ตำรวจก็ไม่ทำงาน  รัฐบาลก็ต้องไปจ้างโจรมาทำงานแทนแล้วซิ!
     4.มีคนมาเล่าให้ผมฟังว่า  ทหารเขาจ้องจะเล่นงานรัฐบาลอภิสิทธิ์อยู่แล้ว  อย่างดีเขาก็ให้ความคุ้มครองชีวิตของคุณอภิสิทธิ์เต็มที่  เพื่อให้เห็นบุญคุณว่าถ้าไม่ไปอาศัยนอนค่ายทหาร  คุณอภิสิทธิ์ก็ไม่ปลอดภัย  แต่เรื่องจะมาอุ้มให้คุณอภิสิทธิ์มีอำนาจเหนือทหารนั้นเขาไม่ยอมแน่   ดีไม่ดีทหารจะล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์เสียเลยถ้าสถานการณ์อำนวย 
     ศัตรูของผู้นำทหาร   (บางคน)  เช่น  นายสนธิ  ลิ้มทองกุล  ก็ถูกยิงรอดตายหวุดหวิดมาแล้ว  คนเสื้อเหลืองก็ลดอิทธิพลลงไปมากแล้ว  ส่วนคนเสื้อแดงเขาก็ไม่กลัว  เพราะเขารู้ดีว่าถ้าไม่มี   พ.ต.ท.ทักษิณเสียคนเดียวเสื้อแดงก็หมดฤทธิ์   ก็ยังเหลือแต่พรรคการเมืองนี่แหละ  ที่เป็นศัตรูที่แท้จริงของทหาร  (ผู้คิดเป็นใหญ่ในแผ่นดิน)
     ทหารก็ต้องพยายามบั่นทอนศักยภาพของพรรคการเมืองลงไป   โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์  โดยใช้วิธีตีสองหน้า  หน้าหนึ่งก็บอกว่าทหารต้องฟังคำสั่งของรัฐบาล  พออีกหน้าหนึ่งก็บอกว่าทหารไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง  หมายความว่าจะใช้ทหารไปรักษาอำนาจทางการเมืองไว้ให้นักการเมืองนั้น  เขาไม่ประสงค์จะทำ  ก็แปลความว่าทหารรอทำรัฐประหารล้มรัฐบาลอยู่ทุกเวลา  เขาเห็นตัวอย่างการรัฐประหารที่ล้มเหลวมาแล้วเมื่อ  19  กันยา  เขาก็ต้องหาวิธีแก้ไขได้ก่อนแล้วค่อยลงมือ
     5.ผมเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า  กลุ่มเสื้อแดงไม่ได้ออกมายิงจรวดใส่โน่นใส่นี่  เพราะเขาเลือกใช้วิธีปิดล้อมด้วยมวลชนเป็นหลัก  คนยิงจรวดน่าจะเป็นฝ่ายทหารมากกว่า  อาจจะเป็นทหารในสายของ  พล.อ.ชวลิต  หรือ  พล.ต.ขัตติยะก็เป็นได้
     และผมไม่เชื่อว่า  2  นายพลนี้จะทำงานให้คุณทักษิณ   เพราะเขารู้ดีว่าคุณทักษิณหมดสภาพแล้ว   สู้มาช่วยพี่น้องทหารด้วยกันมิดีกว่าหรือ  ตั้งแต่วันที่  12  มี.ค. ที่  นปช.เริ่มนัดชุมนุมถึงวันนี้ก็   1  เดือนแล้ว  ที่  พล.อ.อนุพงษ์ไม่เคยมีบทบาทออกมาแสดงจุดยืนว่าอยู่ข้างใดเลย
     แล้วทำไมจึงมีการยิงปืน   ค.79  ใส่ห้องทำงานของ  พล.อ.อนุพงษ์  ผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องการสร้างบทบาท  และความชอบธรรมให้  พล.อ.อนุพงษ์  ซึ่งมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงบทบาททางการเมืองของ  พล.อ.อนุพงษ์  และผมขอทำนายว่าการเลือกตั้งทั่วไป  ที่ตกลงกันไม่ได้ว่าจะอีก  15  วัน  หรือ  9  เดือนนั้นมันจะไม่มี   มันจะมีอย่างอื่นแทน
     ก็อย่างไหนที่จะเปิดทางให้  ผบ.ทบ.เป็นนายกรัฐมนตรีได้ล่ะ?
     การรัฐประหารเริ่มนับถอยหลังแล้วครับ  นี่คือจุดจบของสรรพสิ่งที่หลายคนรอคอย  ปี  2500  คนไทยเรียกหาจอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์  ปี  2553  นี้คนไทยจำนวนไม่น้อยเรียกหา  พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา  เพราะเขาคิดว่าถ้าประชาธิปไตยเป็นอย่างนี้  ก็จะเป็นประชาธิปไตยไปทำไมกัน  แค่นี้ก็จะสิ้นชาติอยู่แล้ว  ถ้าใครอาสามาแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยใช้อำนาจเผด็จการทหาร  ก็อาจจะเป็นทางเลือกสุดท้าย  ทางอื่นมันไม่มีจริงๆ
     6.ผมต่อต้านรัฐประหารมาตลอด  แต่ถ้าให้เลือกระหว่างประชาธิปไตยแล้วชาติพัง   กับเผด็จการทำให้ชาติไม่พัง  ผมก็จำใจเลือกอย่างหลัง  ผมหมดหวังกับคนไทยโดยสิ้นเชิง  ผมนึกไม่ถึงว่าคนไทยจะดื้อดึงขนาดนี้  ขนาดกล้าออกมาทำลายชาติของตัวเอง  อย่างนี้ก็จบแล้ว 
     ผมจึงไม่จำเป็นจะต้องไปคิดค้นคว้าหาความจริงมาเสนออีกต่อไป   เพราะไม่มีคนฟังแล้ว  ผมจึงต้องขอลาพักร้อนสักระยะหนึ่ง  หายร้อนเมื่อไหร่แล้วจะเขียนมาใหม่ครับ
                                                       ขอแสดงความนับถือ
                                                            พินิจนันท์
ตอบ คุณพินิจนันท์
     อย่าเพิ่งสิ้นหวัง   เพราะอนาคตไม่มีใครรู้  บางทีเรื่องที่เราคิดว่าน่าจะเป็นกลับไม่เป็นดังที่คิด   มองโลกในแง่ดีเข้าไว้  จิตใจจะได้ไม่เครียด  เพราะถึงอย่างไรคนไทยก็ต้องอยู่คู่แผ่นดินไทย
                                                        สามวา สองศอก

http://www.thaipost.net/news/220410/21126
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1707 เมื่อ: 22 เมษายน 2553, 10:22:01 »

โลกของ Facebook-โลกของดวงดาว
เปลว สีเงิน 22 เมษายน 2553 - 00:00

 เพื่อนเอ้ย...ข้างหน้าคือทะเลนรก  กลับใจคือฟากฝั่ง  วันนี้-ยังไม่สายเสียทีเดียว  "วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ-เหวง"   ทางรอดที่ยังพอเอา  "หน้ารอด"  ได้อยู่ก็คือ  เข้าสู่กระบวนการเจรจารอบ  ๓  แก้เชือกที่สนตะพายปล่อยม็อบกลับบ้านไปซะ  "๖  เดือนยุบสภา"  ผมรับประกันรัฐบาลโอเคแน่ๆ   แต่ถ้ายังเชื่อกองกำลัง  "อีแอบแดง"  ของทักษิณที่แฝงอยู่ในกองทัพและกรมตำรวจ  "หลอกใช้"  ให้เป็นแนวหน้าขบวนการนำ  "กบฏ"  อยู่ละก็
     ระวัง...เงินเป็นสิบ-เป็นร้อยล้านที่ทักษิณจ้าง   จะได้ใช้  "คนละบาท"  คาปาก  เดี๋ยวจะว่าไม่บอก!?
     ระยะนี้ผมก็แอบปลื้มใจเงียบๆ  อยู่คนเดียว  เพราะเห็นคนไทย  โดยเฉพาะ  "หนุ่ม-สาว"   รุ่นใหม่  เขาใช้ช่องทางอินเทอร์เน็ต  "กู้ชาติ-ปราบกบฏ"  ได้อย่างมีประสิทธิภาพน่าตื่นตา-ตื่นใจ  ใครว่า  "คนรุ่นใหม่ไร้สาระ"  ต้องคิดใหม่แล้วละ  เพราะถึงคราวเป็นเรื่อง-เป็นราว  ที่ว่าเขาใช้ไอทีแบบอีเหละเขละขละ
     กลับเห็นกันจะจะ  ที่ว่าไร้สาระนั่นแหละ  กลับเป็น  "ตัวหลัก"  ผลักและดึง  "พลังเงียบ"   ให้ออกมารวมตัวกันเป็น  "มวลมหาประชาชน"  คนหลากสี  ทยอยออกมาจากตรงนั้น-ตรงนี้  แต่ละจุดในกรุงเทพฯ  และขณะนี้  "เป็นตัวอย่างที่ดี"  ดึงให้มหาประชาชนรักชาติ  รักใน  "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"  ในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ
     ออกมารวมตัว  "ปรากฏชัด"  เป็นพสกใต้เบื้องพระยุคลบาท  พิทักษ์สถาบันชาติด้วยชีวิต!
     ผมมันเป็นคน  "ตกยุค-ตกรุ่น"  ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัยอย่าง  "หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่"   เขาไม่เป็น  เอะอะก็จะลุยทุ่งรำหอก-รำดาบท่าเดียว  เรียกว่าใช้อารมณ์มากกว่าปัญญา  แต่หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่  เขามองปัญหาด้วยการพินิจ-พิจารณา  กลั่นแล้ว-กรอง
แล้ว  จึงใช้  "ปัญญาเป็นอาวุธ"
     โดยใช้เว็บไซต์เป็นทาส  ไม่ใช่ตกเป็นทาสไอที  ดังนั้น  พอสถานการณ์ถึงที่  เขาจึงเปิดสนามรบ   แล้วรุกทางไอที  นัดกันพรึ่บเดียว  คลิกเดียว  มาพร้อมกันเป็นหมื่น-เป็นแสน  ณ  จุดนั้น-จุดนี้  แล้วเคลื่อนไปอย่างมียุทธศาสตร์-ยุทธวิธี  เรื่องนี้ก็ต้องยกเครดิตให้  "หมอตุลย์-พลเอกปฐมพงศ์"  เขาด้วย
      "คนรุ่นใหม่"  ก็ใหม่ตามวัยและยุค  แต่จิตสำนึกด้วยหัวใจ  "เลือดไทย"  ของหญิง-ชายยุคใหม่  "เลือดไทยก็คือเลือดไทย"
     ไม่ปรารถนาให้  "เลือดไพร่สถุล"  อย่างทักษิณมาแปดเปื้อน-ปะปน!
     ส่วนพี่น้องเสื้อแดงทั้งหลายไม่ว่าในกรุงเทพฯ  หรือต่างจังหวัด  ยกเว้นบรรดาแกนนำกว่า  ๒๐  คน  นั่นก็  "เลือดไทย"  เช่นเดียวกับ  "หนุ่ม-สาวรุ่นใหม่"  ที่กำลังนำชาติทั้งหลาย   เพียงแต่ความซื่อ-เชื่อง่าย  และความเป็นคนในสังคมด้อยจึงถูกครอบงำด้วย  "อิทธิพลถิ่น"  ไปขัดขืนเขาก็อยู่ไม่ได้  ฉะนั้น  เขาให้ไปไหน-มาไหน  ก็ต้องไปกับเขา
     วันนี้เรามี   ชุมชนชาวสีลม-ชุมชนชาวนางเลิ้ง-ชุมชนชาวคลองเตย-ชุมชนชาวนราธิวาสราชนครินทร์-ชุมชนชาวเยาวราช-ชุมชนชาวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ชุมชนชาววงเวียนใหญ่   และกำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆ  เป็นชุมชนที่ปฏิเสธและขับไล่  "เสื้อแดงทักษิณ"  ให้ออกไปจากพื้นที่!
     ผมมันเป็นคนโลว์เทค   ต้องขออภัยทุกๆ  ท่านที่รับผมเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก  ก็ด้วยคนโลว์เทคอย่างที่บอก   ฉะนั้น  ที่ผมไม่ได้ติดต่อเข้าไปพบปะ-พูดคุย  อย่านึกว่าผมจองหองพองขนอะไรเลย  พูดกันชัดๆ  "ผมใช้เฟซบุ๊กไม่เป็น"  นั่นแหละครับ
     วันนี้  อาจารย์  "กรหริศ  บัวสรวง"  ท่านให้ความรู้ด้านดวงดาวมาเผยแพร่อีก  อาจเป็นประโยชน์สำหรับท่านบ้าง  อ่านดูนะครับ

                         ดวงดาวกับคุณธรรม

     ผมคงต้องพึ่งคอลัมน์ของคุณเปลว  สีเงิน  อีกสักครั้งเพื่อแสดงถึงเหตุผลทางโหราศาสตร์ต่อดวงเมืองและดวงของนายกรัฐมนตรีที่มีโหรบางคนหรือหลายคนกลับคำพยากรณ์ของตัวเองไปตามสถานการณ์  อย่างเช่น  คุณ.......ที่มีฉายาว่า.......ผมเองนั้นเบื่อหน่ายความสับปลับของคนในสังคมเป็นอย่างมาก  ความหวั่นไหวของคนไทยจึงเกิดขึ้นยิ่งกว่าคลื่นสึนามิ  ยิ่งมีคำทำนายทายทักออกมามาก  ความน่าเชื่อถือของโหราศาสตร์ก็ถูกทำลายไปด้วย
     ประเด็นที่ขอนำเสนอต่อไปนี้  คือการพิจารณาการโคจรของดาวอาทิตย์ที่เป็นดาวประจำดวงเมือง  และ  "ดาวประจำตัวผู้นำประเทศ"  ได้เข้าสู่ราศีเมษมาหลายวันแล้ว  ดาวอาทิตย์เป็นตนุเศษของดวงเมือง  มีดาวอังคารเป็นตนุลัคน์  ดาว  2  ดวงนี้คือดาวแห่งขุมพลังอำนาจ  ซึ่งมีผลต่อประเทศเป็นอย่างมาก  ส่วนดาวเทพเทวาที่คุ้มครองบ้านเมืองอยู่คือดาวพฤหัสบดี  แต่ก็มีดาวราหูคือดาวกบฏรกแผ่นดินเข้ามาแทรกแซงตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปัจจุบันนี้  ดวงดาวได้ชี้นำให้เห็นว่า  ถึงวันเวลาที่จะจัดการให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขได้แล้ว
     ในช่วงที่คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น  ดาวพฤหัสบดีในดวงเดิมเป็นราชาโชคที่ราศีเมษ  เล็งลัคนาที่มีดาวอาทิตย์เป็นมหาจักรกุมลัคน์  และยังส่งกระแสไปยังภพกัมมะที่หมายถึงการได้ตำแหน่ง  และในอีกไม่กี่วันข้างหน้า  คือ  วันที่  26  เมษายนนี้  ดาวพฤหัสบดีจะย้ายเข้าสู่ราศีมีนเป็นเกษตรที่หมายถึงความมั่นคง   ทำมุมโยคหลังไปยังถึงลัคนาที่มีดาวอาทิตย์รออยู่แล้ว   เป็นการเกื้อหนุนให้ดวงชะตานายกฯ  อภิสิทธิ์ดียิ่งขึ้นไปอีก  ทำให้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ได้จนครบวาระ   รวมถึงจะทำให้มีการใช้กฎหมาย  ความถูกต้อง  ความเป็นธรรมได้อย่างชัดเจน  และได้รับความคุ้มครองจากความบริสุทธิ์ใจในการบริหารจัดการให้เกิดความสงบเรียบร้อย
     ในส่วนของดวงเมืองนั้นได้ก้าวเข้าสู่  ร.ศ.229  (กรุงรัตนโกสินทร์อายุย่าง  229  ปี)  ดาวพฤหัสบดีจรทับดาวราหูในภพวินาศ  แต่ดาวพฤหัสบดีได้มาตรฐานเป็นเกษตรเข้าเรือนของตนเอง  และยังเป็นศรีจรในทางทักษา  และดาวเสาร์จรที่อยู่ในภพอริจะเป็นเดชจรในทางทักษา  ตรงนี้แหละที่ทำให้ความเห็นของนักโหราศาสตร์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
     ฝ่ายหนึ่งว่าจะเกิดความวิบัติหายนะแก่ประเทศ   เพราะดาวโคจรเข้ามุมอับ  ซึ่งก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง   เพราะจากสถิติที่ผ่านมาเมื่อวันที่  29  มิถุนายน  พ.ศ.2494  เกิดกบฏแมนฮัตตัน  เนื่องจากทหารเรือกลุ่มหนึ่งจับตัวจอมพล  ป. พิบูลสงคราม  ไปไว้ในเรือรบหลวงศรีอยุธยา   ในปีนั้นดาวเสาร์จรอยู่ในภพอริเล็งดาวพฤหัสบดีจรในภพวินาศเหมือนในปี  2553  นี้  จึงต้องมีการปราบกบฏทักษิณ  (อย่างที่คุณเปลวเขียนไว้)  และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการเสียเลือดเนื้อ  บาดเจ็บล้มตาย  ถ้าไม่ยอมยุติการชุมนุม  รัฐบาลและทหาร  ตำรวจมีความชอบธรรมที่จะใช้กฎหมายและอำนาจเด็ดขาดจัดการเหมือนอย่างที่  พ.อ.สรรเสริญ  แก้วกำเนิด  พูดว่า  "อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด"  แต่ก็จะพยายามให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด  ส่วนความเห็นของผมนั้นจะอยู่ตรงกันข้ามกับการนำดวงเมืองจรในอดีตมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน  เพราะในทางทักษาจรที่กล่าวมาแล้วมีอำนาจหักล้างกันได้  ดวงประเทศไม่มีทางล่มจม  และดวงนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  ขนาดดาวพฤหัสบดีจรก่อนวันที่  26  เมษายน  จะเข้าสู่ภพมรณะ  ก็มีผลเพียงให้ต้องปิดบังตัวเองให้อยู่ที่ลับและไม่อาจตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาดเท่านั้น
     ผลจากคำพยากรณ์ของโหรบางคนที่กลับลำกลางคันและเห็นแตกต่างกันนั้น  มีข่าวว่านายกฯ  มีความอ่อนไหวอยู่บ้าง  เพราะห่วงชาติบ้านเมือง  แม้ว่าท่านจะไม่ได้เชื่อโหราศาสตร์เหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน  นอกเหนือจากเรื่องของดวง  ผมยังเชื่อว่าประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์  และพระบารมีของ  "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"  คอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา
     ส่วนที่สี่แยกราชประสงค์นั้น  ทุกมุมมีเทพชั้นสูงประจำอยู่  ใครทำชั่วทำไม่ดี  ทำความสกปรกในบริเวณนั้น   เท่ากับเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นและย่อมได้รับการลงโทษ  เสื้อแดงหลายคนเกิดอุบัติเหตุถึงตาย  และบาดเจ็บเมื่อเดินทางกลับไป  ไม้ไผ่  ไม้รวก  ที่เหลาให้เป็นปลายแหลมนั้นจะทิ่มแทงเข้าตัวเอง  ตาข่ายหรือแสลนสีดำนั่นก็เป็นสื่อมรณะได้เหมือนกับเป็นลางร้ายบอกเหตุ
     ในที่สุดก็คงเหมือนที่ผมเคยพยากรณ์ไว้ว่า  "ต้นร้ายปลายดี"  จึงอยากให้ประเทศได้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปโดยเร็ว  ทุกคนจะได้สบายใจ  และอย่าได้เศร้าสลดใจกับความสูญเสีย  เพราะพวกเขาเลือกที่จะมากันเอง

                        "กรหริศ  บัวสรวง"
     ครับ...อีเมล์ถึงผมมากมาย   จะค่อยๆ   นำมาแบ่งปันกันอ่าน  "หนุ่ม-สาว"  รุ่นใหม่   เขาคิดกันอย่างไร  จะให้อ่านเป็นตัวอย่างซัก  ๑  ฉบับก่อน  ดังนี้

     เรียน คุณเปลวสีเงินที่เคารพ
     หลังจากที่หนูได้อ่านบทความล่าสุดของคุณเปลวในวันที่  21  เมษายน  2553  ก็ไม่อาจที่จะหลับตาลงได้โดยไม่ทำอะไรสักอย่าง  หนูจึงตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับนี้มาเพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่แท้จริงให้คุณเปลวทราบว่า  "เรารักชาติและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยิ่งชีวิต  จะไม่มีวันยอมให้ไอ้คนชาติชั่ว  ที่เห็นแก่ตัว  มาทำลายชาติและราชวงศ์ได้  หากนายทหารและรัฐบาลทำอะไรไม่ได้หรือไม่ทำอะไรเลย   เราจะออกมาทำหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศชาติและราชบัลลังก์ด้วยตัวเอง"
     "จะมีประโยชน์อะไรที่จะรักษาตัวให้รอดและปลอดภัย  หากประเทศชาติต้องถูกทำลาย  และจะมีประโยชน์อะไรที่จะรักษายศและตำแหน่งไว้  หากไม่มีความดีให้จดจำ"  คำพูดหรือคำเรียกร้องของคุณจะมีความหมายอย่างแน่นอน  เพราะเมื่อถึงเวลาอันสมควร  เราจะออกมาปราบกบฏชั่วพวกนี้ด้วยมือของเราเอง  และจะตามล่าหาตัวมันจนสุดขอบฟ้า  เพื่อจบปัญหาทั้งหมดที่ต้นเหตุ"
     หนูสัญญาค่ะว่าคุณจะไม่มีวันเดียวดาย  พ.อ.ร่มเกล้า  และเหล่าทหารกล้า  จะไม่มีวันตายฟรี  ประเทศไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องดำรงคงอยู่ตลอดไป
                                       ด้วยความรักและเคารพอย่างสูง
                                                ภัชญาดา

     สมาชิกกลุ่ม  Facebook  มั่นใจคนไทยเกิน  1  ล้านคนต่อต้านการยุบสภา
     ป.ล. หนูเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์  และยินดีให้คุณเปลวเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์และกำลังใจให้กับทุกคนที่รักชาติ  โดยไม่จำเป็นต้องออกนาม  และยินดีช่วยเหลือ  สนับสนุนทุกอย่างอันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและส่วนรวม........
     อืมมมม...แค่นี้  "เต่าตกยุค"  อย่างผม  ถึงตายก็  "ตายตาหลับ"  แล้วครับ.

 
http://www.thaipost.net/news/220410/21128
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1708 เมื่อ: 22 เมษายน 2553, 13:37:15 »

โพสต์กระทู้ข้างบนแล้ว เน็ต ToT ล่มครับ โทรไปสอบถาม เขาบอกว่า สาย fiber optic ขาดในหลายๆจังหวัด

ทำให้ระบบเน็ตใช้การไม่ได้ และได้นัดให้ทุกสาขาระดมตรวจ/ซ่อมให้เสร็จในบ่ายนี้ ไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ??
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #1709 เมื่อ: 22 เมษายน 2553, 19:07:18 »



...
ประมาณ หนึ่งทุ่ม 22 เมย. 2513 สีลมเข้าไปไม่ได้แล้ว
No1 can get into silom now! Completly blocked off by people and police!' http://twitpic.com/1hhqft
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1710 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 09:15:08 »

บทบรรณาธิการของ นสพ แนวหน้าออนไลน์

บทบรรณาธิการ 
 
ทักษิณ = คดในข้อ งอในกระดูก (บทบรรณาธิการ) 
 
 
 
 ทักษิณ ชินวัตร คือ บุคคลที่สังคมไทยจะต้องจดจำไว้ตลอดไป สาเหตุที่ต้องจำก็เพราะ เขาคือผู้ทำให้ชาติบ้านเมืองและประชาชนต้องประสบกับเหตุมิคสัญญีกลียุค ที่ต้องตราไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยยุคปัจจุบัน

 นักธุรกิจการเมืองผู้นี้ถูกกล่าวขานในทางลบอย่างมาก ชนิดที่หาตัวจับได้ยากบนเวทีการเมืองยุคใหม่ แต่หากจะเทียบเคียงพฤติกรรมน่าขยะแขยงของเขากับนักการเมืองรายอื่นๆ ทั้งอดีตและปัจจุบัน ก็ต้องรับตามตรงว่า พฤติกรรมการเมืองของทักษิณ น่ารังเกียจยิ่งกว่าพฤติกรรมของนักการเมืองน้ำเน่ารายอื่นๆ ทั่วทั้งแผ่นดิน แต่มิได้หมายความว่า นักเลือกตั้งและนักธุรกิจการเมืองรายอื่น จะสามานย์น้อยกว่าทักษิณ เพียงแต่ความเหิมเกริมของทักษิณมีมากกว่าเท่านั้นเอง

 แฟนพันธุ์แท้การเมืองไทยทราบดีว่า ทักษิณอาศัยช่องทางการเมืองเป็นทางลัด ตะกายไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคการเมืองแรกที่เขาใช้เป็นบันได คือ พลังธรรมของ จำลอง ศรีเมือง จากนั้นเขาก็มีพรรคเป็นของตนเองชื่อ ไทยรักไทย

 อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งล่าสุดคือ นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ถูกขนานนามจากผู้รู้เท่าทันพฤติกรรมฉ้อฉลว่า ทุรบุรุษ เพราะสังคมจับได้หลายครั้งหลายหนว่า เขาใช้อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองอย่างมิชอบ โดยผ่านการทุจริตเชิงนโยบาย

 คนเคยใกล้ชิดทักษิณต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ทักษิณคือ ผู้ที่ไม่เคยมีความจริงใจให้กับผู้ใด ผู้ซึ่งสามารถตอบเรื่องสำคัญนี้ ได้ชัดเจนที่สุดก็น่าจะเป็นภรรยาของทักษิณ เพราะภรรยาคือคนที่รู้ทุกการกระทำและเห็นทุกพฤติกรรมของสามีทั้งในที่ลับและแจ้ง

 ผู้เคยศรัทธาทักษิณหลายต่อหลายคนพูดตรงกันว่า ผิดหวังมากที่สุดที่หลงเชื่อและหลงยกย่องชายผู้นี้ เหตุที่หลงเชื่อก็เพราะหลงคารมที่ว่า ผมพอแล้วครับ ประเทศชาติให้ผมมามากพอแล้ว ต่อไปนี้ ผมจะตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ขอให้ทุกคนช่วยผม เพื่อให้ผมสามารถช่วยเหลือประเทศชาติได้สำเร็จ

 แต่แล้วทุกคนก็ประจักษ์ว่า คำหวานที่ถูกเสกสรรปั้นแต่งคือ คำลวงโลก และพบว่าวาทกรรมการเมืองที่ทักษิณประดิษฐ์ขึ้นนั้น แท้จริงก็เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งมิได้แตกต่างไปจากพฤติกรรมของนักเลือกตั้งที่ไร้จิตสำนึกสาธารณะ ผู้ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศชาติและประชาชน

 พฤติกรรมสามานย์อีกอย่างของทักษิณที่วิญญูชนประจักษ์คือ คดในข้อ งอในกระดูก เราพบเห็นเป็นประจำว่า ทักษิณเป็นคนพูดอย่างทำอย่างตลอดเวลา พฤติกรรมเช่นนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาไม่มีความจริงใจและดูถูกประชาชนว่าโง่เขลาเบาปัญญา สามารถถูกซื้อและถูกหลอกได้โดยง่าย

 หลักฐานยืนยันว่า ทักษิณไม่ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อประชาชนและต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยคือ สิ่งที่ทักษิณบอกกับคนในพรรคพลังธรรมว่า การไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง การไม่จาบจ้วงกล่าวเท็จมันไม่สอดคล้องกับสังคมไทย ชาวบ้านยังไม่ฉลาดพอ...ผมจะเป็นคนจ่ายเองทั้งหมดสำหรับการเลือกตั้ง แล้วหลังจากได้เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจได้แล้วค่อยมาใช้วิธีการแบบพลังธรรม

 นี่คือหนึ่งในร้อยพันตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าธาตุแท้ของทักษิณคืออะไร ธาตุแท้ที่ว่านั้นก็คือผลประโยชน์ส่วนตัวมาก่อนผลประโยชน์แผ่นดิน ซึ่งเป็นธาตุแท้ของพวกคดในข้อ งอในกระดูก ผู้ไม่เคยมีจิตสำนึกสาธารณะแม้แต่น้อย 
 
วันที่ 23/4/201
 
http://www.naewna.com/news.asp?ID=208382
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1711 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 09:17:01 »

บทบรรณาธิการของ นสพ.ไทยโพสต์ ออนไลน์

ยึดรถไฟทหารขอนแก่น สะท้อนเจ้าหน้าที่รัฐไร้ประสิทธิภาพ
บทบรรณาธิการ 23 เมษายน 2553 - 00:00

   เหตุการณ์ที่จังหวัดขอนแก่นกับการที่กลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่นทำการปิดล้อมขบวนรถไฟ  20 โบกี้ที่บรรทุกกองกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่แล่นผ่านสถานีรถไฟจังหวัดขอนแก่น  โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการขนทหารเข้าไปในพื้นที่กรุงเทพมหานครเพราะทหารจะเข้าไปสลายการชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร  แม้ล่าสุดทางเสื้อแดงขอนแก่นได้มีการปล่อยขบวนรถไฟดังกล่าวไปแล้วเมื่อช่วงสายวันพฤหัสบดีที่  22  เมษายน  2553  เมื่อมีการเจรจากันระหว่างคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่  แต่ปรากฏว่าไม่มีการเอาผิดกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่กระทำการดังกล่าว
     บนการรายงานข่าวว่า  การเจรจากันดังกล่าวเกิดขึ้นโดยมีคู่เจรจา  คือ  นายพยัต  ชาญประเสริฐ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น,  พล.ต.ต.ศักดา  เตชะเกรียงไกร  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค  4,  พ.อ.จตุรพงศ์  บกบน  รองผู้อำนวยการ  กอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น  และ  พ.อ.กนก  ภู่ม่วง  ผู้บัญชาการกรมทหารราบที่  8  ค่ายสีหราชเดโชไชย
     ส่วนฝ่ายคนเสื้อแดง  มี  นางซาบีนา  ซาน์  และ  นายไชยา  สิมมา  แกนนำคนเสื้อแดงขอนแก่นเป็นตัวแทนเจรจา  โดยผลการเจรจาพบข้อเท็จจริงว่าขบวนรถลำเลียงยุทโธปกรณ์ครั้งนี้จะส่งไปยังจังหวัดปัตตานีเพื่อเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้  ไม่ได้จะผลัดเปลี่ยนกำลังกันเข้ามากรุงเทพมหานครเพื่อเข้ามาสลายการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ตามที่แกนนำเสื้อแดงขอนแก่นกล่าวอ้าง
     โดยปรากฏว่าแกนนำเสื้อแดงขอนแก่นไม่ได้ถูกเอาผิด  โดยตำรวจอ้างว่าที่ไม่เอาผิดเพราะเป็นความผิดลหุโทษ  เนื่องจากขบวนรถทหารยังอยู่ในรางคู่ขนาน  ยังไม่ได้เชื่อมหัวรถจักรเพื่อขับเคลื่อนเข้ารางรถไฟที่จะเป็นเหตุให้ส่งผลกระทบต่อขบวนรถไฟสายอื่นๆ  จึงถือว่าไม่มีความผิดและไม่ถือว่าเป็นการสร้างความเสียหายให้กับรัฐหรือหน่วยงานราชการใดๆ  ทั้งสิ้น
     เรื่องนี้แม้จะเป็นการแก้ปัญหาในทางรัฐศาสตร์ที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องการให้ปัญหาถูกแก้ไขโดยเร็ว  จึงพยายามประนีประนอมกับกลุ่มคนเสื้อแดง  ทว่าก็เป็นเรื่องไม่เหมาะสมเช่นกันที่คนซึ่งมีพฤติการณ์ข่มขู่  ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ  ถึงขั้นใช้กฎหมู่มาทำให้กระบวนการทำงานของภาครัฐโดยเฉพาะกับทหารซึ่งต้องเป็นฝ่ายดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด  แต่ทหารก็ยังต้องถูกคนเสื้อแดงใช้อำนาจและกฎหมู่บีบบังคับถึงขั้นขวางขบวนรถไฟอันถือเป็นเรื่องใหญ่มากที่ไม่ควรยอมยุติเหตุกันง่ายๆ  เช่นนี้  เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป  อีกหน่อยหากมีใครไม่พอใจเจ้าหน้าที่รัฐและอยากใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปกักตัวหรือขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐโดยไม่มีเหตุผลอันชอบธรรมแบบนี้  บ้านเมืองก็ไม่แตกต่างอะไรกับอนาธิปไตยที่กฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากฎหมู่  ประเทศชาติจะยิ่งปั่นป่วนวุ่นวายหนักมากขึ้นไปอีกไม่ใช่หรือ
     แล้วที่น่าสงสัยคือ  เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่โดยเฉพาะตำรวจปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร  ทำไมไม่เข้าไปคลี่คลายสถานการณ์  ไม่เข้าไปดำเนินคดีกับคนที่ทำผิดกฎหมาย  เกียร์ว่างและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่  ขืนหากเป็นเช่นนี้กันต่อไปเรื่อยๆ  หากจะมีการยกกำลังไปปิดล้อมศาลากลางจังหวัด  บุกเข้าไปจับกุมตัวผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตัวประกัน  ยกพวกปิดล้อมสนามบินในจังหวัด  แล้วอ้างว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการสลายการชุมนุมในกรุงเทพมหานครอะไรจะเกิดขึ้น
     สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น  หากเจ้าหน้าที่รัฐจะแสดงความเข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจังทุกครั้งที่พบเห็นการกระทำผิดกฎหมาย  หรือประเมินสถานการณ์ว่า  หากปล่อยไว้จะทำให้เกิดเหตุวุ่นวายในสังคม  เพราะไม่อย่างงั้นคนที่กระทำการก็จะได้ใจและคิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐอ่อนแอปวกเปียก  คิดจะทำอะไรก็ได้  เย้ยกฎหมาย  ฉีกทิ้งกฎระเบียบบ้านเมืองและสังคม  ถึงตอนนั้นสังคมอนาธิปไตยคงลุกลามบานปลายจนเกินกว่ารัฐจะแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่สภาวะปกติได้
     ยิ่งตอนนี้สถานการณ์การเผชิญหน้าของกลุ่มบุคคลต่างๆ  กำลังเข้าสู่สภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน  กลุ่มประชาชนหลายกลุ่มกำลังก่อตัวขึ้นเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง  อันสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันขึ้นระหว่างคนไทยด้วยกันเอง  เหมือนกับที่เกิดขึ้นบ้างแล้วกับการที่กลุ่มคนสีลมปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณสี่แยกศาลาแดง-พระรามสี่-สีลมเมื่อกลางดึกคืนวันพุธที่  21  เมษายน  2553  ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเช่นกัน  หากเจ้าหน้าที่รัฐคือทหารและตำรวจจะแสดงความเข้มแข็งในการดูแลสถานการณ์ไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน  เพราะแม้จะมีการแบ่งสีแบ่งขั้วการเมืองกัน  แต่ทุกคนก็คือคนไทยด้วยกันเองที่สุดท้ายก็ไม่ควรต้องมาปะทะกันเองเช่นนี้   วิกฤติการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้   เจ้าหน้าที่รัฐทั้งทหาร  ตำรวจ  ฝ่ายปกครองจึงมีส่วนสำคัญไม่น้อยกับการจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์จากร้อนให้เป็นเย็น  หรือจะกลายเป็นการยิ่งเพิ่มเชื้อไฟให้เกิดการเผชิญหน้าจนสถานการณ์แตกหักมากขึ้น  หากว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง.

http://www.thaipost.net/news/230410/21191
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1712 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 09:18:33 »

บทความของ คุณเปลว สีเงิน

เมื่อถึงครา"นครา"คล้ายใกล้กรุงแตก
เปลว สีเงิน 23 เมษายน 2553 - 00:00

  อืมมมม....ผมก็คุยในมุมของผมคนเดียวมานาน  วันนี้-เหม็นควัน  M  79  ก็ให้  "หนุ่ม-สาวชาวเว็บ"  เขาคุยในมุมของเขาบ้าง  แต่อยากจะบอก  "ชนชาวสีลม"  ซักนิดว่า  อย่
าไปขว้างปา-ด่าทอกับม็อบแดงเขาเลย   หนามกุหลาบไม่เคยแทงใคร  จนกว่ามีมือไหนมาแตะ  ฉันใด  ก็ขอให้  "ทุกชาวชุมชน"  จงซ่อนความแข็งแกร่งในความงามแห่งชนชาววิไลเอาไว้  ในเมื่อยังไม่ใช่เวลา  ฉะนั้น  อย่าไปอนารยะให้เสียวรรณะ  "หนุ่ม-สาวชาวเว็บไซต์"  ผู้ต้องใช้สติ-ปัญญาให้มากกว่าแรง!
     ขณะนี้  "หน้าที่ปราบกบฏ"  ยังไม่ใช่ของประชาชน  รอดู  "พลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา"  ผบ.ทบ.เขาก่อน  เช้าวันศุกร์นี้  (๒๓  เม.ย.๕๓)  เขาจะประชุมระดับใหญ่  "ของกองทัพ"  ทั้งแผง  หลังจากที่เลื่อนมาแต่วันจันทร์  แต่ผมชอบมองล่วงหน้า  จึงขอบอกว่า  เหตุการณ์เดือนเมษานี้แค่ออเดิร์ฟ
     เมนคอร์สจะหนักหนาสาหัสกว่านี้  แต่จะเสิร์ฟเดือนไหน?  อย่ารีบร้อนรู้เลย  ผบ.ทบ.ท่านยุรยาตรนัดประชุมใหญ่เช้านี้  แต่เมื่อคืน  (๒๒  เม.ย.)  กรุงเทพมหานคร  เมืองหลวงของประเทศไทยกลายเป็น  "แดนมิคสัญญี"  เป็นข่าวด่วนไปทั่วโลก  จากน้ำมือ  "กองกำลังก่อการร้าย"  ที่สนับสนุนฝ่ายกบฏทักษิณ
     ๒  ทุ่ม  ตูม...ตูม..ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส  ศาลาแดง  ใกล้สามทุ่ม  อีกตูม...ที่ใกล้ดุสิตธานี  สามทุ่มอีกตูม..ตูม..ที่บริเวณแบงก์กรุงเทพ  สำนักงานใหญ่
     สีลมกลายเป็น  "คิลลิ่ง  โซน"  โกลาหล-อลหม่าน  เลือดนองด้วยน้ำมือ  "กองกำลังก่อการร้าย"  เหมือนจำลอง  ๓  จังหวัดใต้ไว้ที่กรุงเทพฯ!
     ไม่เป็นไร........
     อยู่ให้เป็นสุขเถิด  "นายพลตำรวจ-นายพลทหาร"  ของข้า  ปวงประชาตายแทนเอง!?
     แล้วนี่...ขณะที่เมืองระส่ำ  คำสั่งจากศาลก็แทรกเข้ามา  คือศาลแพ่งท่านมีคำสั่งเมื่อค่ำวานนี้  (๒๒  เม.ย.)  ห้ามนายกฯ  อภิสิทธิ์กับนายสุเทพใช้กำลังสลายการชุมนุม  โดยท่านบอกว่า  "หากจะดำเนินการใดๆ  ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนตามหลักสากล  ที่เริ่มจากมาตรการจากเบาไปหาหนัก"!
     เอาละ..อ่านจดหมายจากหนุ่ม-สาวชาวเว็บดีกว่า  ผมขอเวลาไปทำใจ
     สวัสดีค่ะ  ป๋าเปลว  ขออนุญาตเรียกนะคะ  หนูและครอบครัวเป็นสมาชิกไทยโพสต์ยุคบุกเบิกแรกเริ่มประจำหมู่บ้านสหกรณ์ค่ะ  อยากจะเขียนจดหมายมาคุยกับป๋าเปลว  เพราะรู้สึกอึดอัดใจเหลือเกินกับสถานการณ์บ้านเมือง  ณ  ปัจจุบัน  ความไม่ได้ดังใจในหลายๆ  เรื่องตามประสาคนเลือดร้อน  วันนี้ได้โอกาสเลยอยากจะเล่าเรื่องให้ป๋าเปลวฟังหน่อยค่ะ
     เรื่องเล่าจากสีลม
     ปกติแล้วเป็นคนที่ต้องไปออกกำลังกายตอนเช้า  ทุกวันจะไปที่สยามพารากอน  แต่ตั้งแต่ที่พวกเสื้อแดงยึดราชประสงค์แล้วห้างแถวนั้นต้องปิดหมด  เลยต้องย้ายไปออกกำลังกายที่สีลมบ้าง  อโศกบ้าง  หนูเป็นคนนึงที่ติดตามการเมือง  (ไม่อย่างนั้นจะเป็นสมาชิกของเปลวได้ยังงัยคะ)  สิ่งที่น่าสนใจมากที่อยากจะเล่าให้ฟังคือ  สมาชิกผู้หญิงซึ่งปกติแล้วเราจะใช้ห้องแต่งตัวเป็นสถานที่คุยกัน  เท่าที่สังเกต  ทุกกลุ่มจะต้องคุยเกี่ยวกับเรื่องการเมือง  การชุมนุมของพวกเสื้อแดง  คิดว่าน่าจะเกินร้อยละ  90  เลยนะคะ  ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเสื้อแดง  สนับสนุนรัฐบาล  นายกฯ  อภิสิทธิ์  วิจารณ์การชุมนุมกันสนุกสนาน  หนูฟังไปยิ้มไป  สนุกดีค่ะ  พวกพี่ๆ  ผู้หญิงที่นี่สุดยอดจริงๆ  ค่ะ
     โดยเฉพาะตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา  ที่ทหารต้องตรึงกำลังที่ถนนสีลมเป็นวันแรก  การพูดคุยเริ่มเข้มข้น  มีการพูดคุยเรื่องการไปให้กำลังใจทหาร  ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ว่าทหารว่าสร้างความเดือดร้อน  มีแต่ว่าพวกกลุ่มเสื้อแดงที่สร้างความเดือดร้อน  มีคนนึงพูดว่า  อุ่นใจที่มีทหารอยู่แถวนี้   แล้วก็มีพี่หลายๆ  คนเลยค่ะ  ที่ทำอาหารกล่องไปให้  มีคนนึงเล่าให้ฟังว่าตื่นตั้งแต่ตี  4  มาทำกระเพราไก่ไปให้ทหารกินเป็นอาหารเช้า  อีกคนนึงคิดถึงเมนูวันต่อๆ  ไป  ว่าจะทำอะไร  ส่วนตัวหนูเองก็คิดนะคะว่า  เราควรจะให้อะไรแก่พวกพี่ทหารดี  เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่พวกพี่ๆ  เขามาช่วยดูแลพวกหนู  ก็ซื้อของไปฝากพวกพี่ๆ  เขาวันละนิดวันละหน่อยตามกำลังที่ตัวเองพอจะมีค่ะ  แต่แค่นี้หนูก็ภูมิใจแล้วค่ะ
     เรื่องเล่าจากชาวต่างชาติ
     ช่วงหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา  ได้มีโอกาสต้อนรับลูกค้าซึ่งเป็นชาวมาเลเซีย  ขอเรียกเขาว่า  มิสเตอร์  R  นะคะ  มิสเตอร์  R  มาทำงานที่เมืองไทยหลายครั้งแล้ว  แต่มุมมองที่เขามองเมืองไทยสิคะน่าสนใจ   ทำให้นึกถึงบทคามที่ได้อ่านมานานแล้วที่พูดถึงว่า  ประเทศรอบๆ  ตัวเรา  (กลุ่มอาเซียน)  เขาติดตามข่าวสาร  ศึกษาและสนใจที่จะรู้เรื่องราวของประเทศไทยดีกว่า   ในขณะที่คนไทยเรานั้นไม่เคยสนใจติดตามข่าวสารของเราเลย  (หนูก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ)  หลังจากที่ได้คุยแล้วก็คิดว่าน่าจะจริงกับคำพูดนี้นะคะ  นี่คือมุมมองของชาวมาเลเซียนะคะที่มีต่อการเมืองไทย  ถึงแม้ภาษาอังกฤษหนูจะไม่ดีเลิศ  แต่ขอรับรองว่าไม่ได้แต่งเติมเลยนะคะ  อันนี้เป็นคำพูดของเขาล้วนๆ  เลยค่ะ
     มิสเตอร์  R  พูดเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุมของคนเสื้อแดง  เขารู้ว่าพวกนี้เป็นพวกที่ต่อสู้เพื่อทักษิณ  เขารู้ว่าทักษิณคอรัปชั่น  เป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมนี้  เขาบอกว่า  มันเลวร้ายมากเลยนะที่พวกเสื้อแดงทำอย่างนี้   มาชุมนุมที่ถนนราชประสงค์เศรษฐกิจเสียหายขนาดไหน  ทำไมคนแค่ไม่กี่สิบคนที่ต่อสู้เพื่อคนคนเดียวกลับทำให้คนธรรมดาเป็นล้านคนเดือดร้อน  แล้วจริงเหรอที่ตำรวจกับทหารไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล
     โห..มันจี๊ดมากเลยค่ะ  หนูก็เลยถามว่า  ทำไมคุณถึงรู้เรื่องการเมืองไทยมากขนาดนี้  เขาบอกว่า  เขาก็อ่านจาก  Bangkok  Post  บ้าง  จาก  website  บ้าง  นี่คือโลกแห่งข่าวสาร  โลกแห่ง  internet  เลยนะคะ  หนูก็เลยถามกลับเขาไปบ้างเกี่ยวกับการเมืองบ้านเขา  เขาก็เล่าให้ฟังว่า  ของเขาเนี่ยความที่รัฐบาลเป็นเสียงข้างมากกกก  แล้วอยู่ในอำนาจมานาน  ทำให้ทั้งทหารและตำรวจก็เป็นของรัฐบาลทั้งหมด  ใครที่ต่อต้านหรือทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามก็จะถูกจัดการ  ถูกยัดข้อหา  สื่อที่ออกข่าวโจมตีก็จะถูกคุกคาม  ถูกปิด  เทียบกับบ้านเราแล้ว  รัฐให้อิสระเสรีมากกกก  รัฐบาลเขาจะให้ความสำคัญกับมุสลิมซึ่งเป็นคนส่วนมากของประเทศ  ต้องออกนโยบายประชานิยมที่เอาใจ  เพื่อให้ได้ฐานเสียงมากๆ  รู้สึกคุ้นๆ  มั้ยคะ
     เรื่องภาษา  หนูมีลูกค้าจากมาเลเซียหลายราย  ส่วนใหญ่จะเป็นมาเลย์-จีนค่ะ  ซึ่งถือเป็นคนส่วนน้อยของประเทศเขา  เวลาติดต่อกันก็จะใช้ภาษาอังกฤษค่ะ  บางครั้งเวลาเห็นเขาติ
ดต่อกันเอง  เขาพูด  3  ภาษา  คือ  ภาษาแขก  อังกฤษ  และจีน  หนูก็คิดว่า  โห  เจ๋งมากเลย   พูดได้ทั้ง  3  ภาษา  แล้วก็พูดดีด้วย  ด้วยความข้องใจหนูก็เลยพูดกับมิสเตอร์  R  ว่า  หนูทึ่งกับการที่พวกเขาพูดได้หลายภาษานะ  ทั้งจีน  มาเลย์  อังกฤษ  แต่เขาตอบหนูกลับมาว่า
     "นี่มันไม่ใช่เรื่องดีนะ  การพูดหลายภาษาทำให้มันไม่มีความเป็นเอกภาพของคนในประเทศ  และก็เป็นปัญหาที่ทำให้พวกเขาดูแตกแยก  ในขณะที่ประเทศไทย  คุณมีภาษาไทยเพียงภาษาเดียวนั่นคือความเป็นชาติ"
     โอ้โห  พอฟังถึงตรงนี้เลือดความเป็นไทยของหนูพลุ่งพล่านเลยค่ะ  ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ที่ทรงปกป้องประเทศไทยของเราให้เป็นเอกราชจนถึงทุกวันนี้  แต่เขาก็ยังมีคำพูดที่ทิ่มแทงหนูอีกว่า  "น่าแปลกนะเพียงแค่พวกคุณใส่เสื้อพวกคุณก็กลายเป็นคนละฝั่งกันทันที"  แล้ว  มิสเตอร์  R  ก็ถามหนูว่า  "แล้วคุณล่ะเสื้อสีอะไร  สี
เหลืองหรือเปล่า"  แต่เขารู้ว่าหนูไม่ใช่แดงแน่ๆ  หนูก็เลยบอกว่า  "หนูคิดว่าหนูไม่มีสีนะ"  แต่หนูเลือกที่จะอยู่สีที่รักและจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์  ไม่ใช่แค่รักแค่ปากนะคะ  แต่ต้องเป็นการกระทำด้วยค่ะ
     สุดท้าย  เขาถามหนูว่า  "แล้วในหลวงของเราจะออกมาเพื่อยุติความรุนแรงนี้มั้ย"  หนูก็บอกว่า  อันนี้หนูไม่รู้จริงๆ  แต่ถ้าเป็นไปได้  หนูไม่อยากให้พระองค์ท่านออกมาเลยค่ะ
     เรื่องเล่าจากร้านทำผม
     ที่เขาพูดกันว่า   ถ้าคุณอยากรู้เรื่องราว  หาข่าวซุบซิบไปที่ร้านทำผมเถอะ  คุณได้รู้แน่ๆ  หนูว่าท่าจะจริงค่ะ  รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าของร้านซึ่งเป็นช่างประจำของหนูเนี่ยเขาเป็นพวกโปรแดงอย่างแรง   ถึงแม้ปากเขาจะบอกว่าเขาไม่ชอบทักษิณ  ไม่ชอบสุดารัตน์  เขาชอบนายกฯ  อภิสิทธิ์  แต่เขาก็ชอบดูทีวีเสื้อแดง  เขาบอกว่าเขาก็ดูทั้งเหลืองและแดงแหละ  แต่ดีอย่างนึงที่เขายังรักพระเจ้าอยู่หัวอยู่ค่ะ   เขาก็ชอบมาเล่าเรื่องเสื้อแดงให้ฟัง  ฟังลูกค้าคนโน้นคนนี้มาเล่าฟังบ้าง  ข้อมูลเชิงลึกเพียบ  (แต่ไม่รู้ว่าเชื่อได้หรือเปล่า)  เอามาปะติดปะต่อจากที่ดูทีวีเสื้อแดง  เลยเป็นเรื่องเป็นราว  ด่ารัฐบาล  หนูก็ฟังเขาไปเรื่อย  ในใจก็พยายามคิดว่า  ลองฟังความคิดเห็นของคนที่อยู่อีกฝั่งนึงอาจจะได้มุมมองอีกมุมนึงก็ได้  ซึ่งมันก็มีหลายจุดที่น่าสนใจค่ะ
     พี่เขาบอกว่า  การที่รัฐบาลยิ่งปิดโทรทัศน์เสื้อแดง  ก็ยิ่งทำให้คนออกไปชุมนุมเยอะ  เพราะมันเหมือนกับไปปิดหูปิดตาคน  (เหรอคะ  อันนี้หนูคิดในใจนะ....หนูเองเคยพยายามจะดูช่องเสื้อแดงนะคะ  อยากรู้ว่าพูดอะไรกันบ้าง  แต่ดูได้ไม่เกิน  2  นาทีค่ะ  ทนไม่ไหวจริงๆ  ค่ะ)  ต่อนะคะ  พี่เขาก็พูดถึงภาพข่าวที่  ศอฉ.โดย  พ.อ.สรรเสริญเอามาชี้แจงให้ดูกัน  แต่ภาพข่าวเดียวกัน  การตีความคนละเรื่องเลยค่ะ  พี่เขาบอกว่า  ภาพมันเห็นชัดๆ  ว่าทหารมันเป็นคนยิง  รัฐบาลโกหก  หนูก็ไม่รู้ว่า  ที่เขาพูดนี้เขาดูโดยใช้วิจารณญาณของเขาเอง  หรือว่าเขาดูจากทีวีเสื้อแดง  ฟังพวกแกนนำพูด  ซึ่งแน่นอนทางโน้นก็ต้องเสนอในทางขัดแย้งกับรัฐบาล  หนูเลยเข้าใจเลยนะคะว่า  ทำไมรัฐบาลถึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะปิดโทรทัศน์ของพวกเสื้อแดง  เพราะมันเป็นการให้ข้อมูลที่ผิดและคนก็พร้อมที่จะเชื่อตามที่เขาพูด
     แต่ถ้าเราลองมองกลับมาที่ตัวเราเอง  การที่เราชมภาพข่าวแล้วเราก็คิดว่า  ทหารเป็นผู้ถูกกระทำเป็นฝ่ายถูก  นั่นเพราะเราตั้งธงไว้ในใจของเราแล้ว  ทำให้สมองและตาของเราเชื่อตามนั้น  แค่คิดเล่นๆ  นะคะ  เพราะทุกอย่างมันค่อนข้างชัดเจนแล้วค่ะ  ฯลฯ
     ......หนูอยากรู้ว่ารัฐบาลได้มีมาตรการที่จะจัดการกับบุคคลพวกนี้อย่างไร  รวมทั้งพวกที่ยังคงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม  การที่พวกเขาอยู่ในนั้นแสดงว่า  เขาต้องรับได้แล้วว่าเขาต้องเจออะไรบ้าง  เขาไม่ใช่ถูกหลอกแล้วล่ะค่ะ  รัฐบาลทั้งออกแถลงการณ์  ออกข่าว  สื่อต่างๆ  ก็ออกข่าวกันปาวๆ ว่าให้ออกมา  ไม่ใช่ว่าชุมนุมเสร็จ  พวกนี้ก็กลับไปมีชีวิตตามปกติ  กลับไปใช้ชีวิตตามเดิมแบบที่เคยเป็นอยู่   ชีวิตนี้เหมือนฝันไปอะไรทำนองนั้น  ไม่ใช่ว่าหนูเป็นคนใจร้ายนะคะ  หนูน่ะลูกศิษย์ป๋าเปลวเลยค่ะ  ป๋าเปลวบอกให้ช่วยสวดมนต์หนูก็สวดทั้งพาหุง  ทั้งมหาสมัยสูตร  สวดแล้วก็อธิษฐานขอให้ประเทศเราสงบสุข  แล้วก็ขอให้เทวดาที่อารักษ์ประเทศไทยกลับมาเสียที
     จากสมาชิกรุ่นบุกเบิกประจำหมู่บ้านสหกรณ์
     กว่าตำรวจ-ทหารท่านจะ  "เบาไปหาหนัก"  เสร็จ  พวกเราอาจ  "เสร็จ"  ไปก่อนแล้วก็ได้  ยังไงละก็  ลูกศิษย์ช่วยสวดพาหุง-มหาสมัย  เผื่ออาจารย์ด้วยซักจบ-สองจบละกัน.

 
http://www.thaipost.net/news/230410/21190
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1713 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 09:19:59 »

บทความ ท่านขุนน้อย

ยิ่งช้า...ยิ่งอันตราย!!!
ท่านขุนน้อย 23 เมษายน 2553 - 00:00

  ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความอดทน   อดกลั้น   อันสุดแสนจะหนืดหนาด  เหนื่อยหน่าย  น่าอเนจอนาถเวทนาเป็นอย่างยิ่ง....อย่างน้อยสิ่งที่พอช่วยสร้างความชุ่มชื่น  ฉ่ำใจ  ช่วยประคับประคองความรู้สึกใครต่อใครให้พอยืนหยัดอยู่ร่วมกันภายในสังคมได้บ้าง  เห็นทีจะไม่มีอะไรเกินไปกว่าการแสดงออกของกลุ่มชนกลุ่มต่างๆ  ที่ทยอยกันออกมาร่วมแสดงความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม  ด้วยสีสันที่หลากหลาย  ภายใต้สัญลักษณ์เสื้อหลากสี  หรือภายใต้ความรู้สึกที่ไม่ได้คิดจะสร้างความแตกแยกให้ต้องเกิดความเป็นฝักเป็นฝ่ายอีกต่อไปนั่นเอง....
          ------------------------------------------------
     จะด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการสื่อสาร  หรือด้วยความรู้สึกที่อยู่ลึกลงไปในหัวจิตหัวใจก็ตาม  อุบัติการณ์การพัฒนาของกลุ่มคนเหล่านี้เป็นไปอย่างรวดเร็วเอามากๆ  ชั่วเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน  ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น  จากผู้คนจำนวนนับร้อย  ก็แผ่ขยายเป็นนับพัน  นับหมื่น  และกำลังแพร่กระจายไปสู่ระดับหลักแสน  หลักล้าน  ในอีกไม่นานนับจากนี้ได้ไม่ยาก  อีกทั้งยังไม่ใช่แค่การกระจุกตัวอยู่ในโลกไซเบอร์เท่านั้นที่ออกมาปรากฏตัวให้เห็นแบบตัวเป็นๆ  ในถนนรนแคม  ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร  หรือกระจายออกไปตามจังหวัดต่างๆ  ไม่ว่าภาคเหนือ  ภาคใต้  ภาคอีสาน  เริ่มเต็มไปด้วยสีสันอันหลากหลายโผล่ให้เห็นเป็นจุดๆ...
           ----------------------------------------------
     จากจังหวัดเชียงใหม่  ลำปาง  พะเยา  อุบลราชธานี  อุทัยธานี  สงขลา  นครศรีธรรมราช  ฯลฯ  จนกระทั่งถึงผู้ซึ่งได้รับการเรียกขานว่า  ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย  นับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์ยุติบทบาทในแถบจังหวัดภาคอีสานทั้งแถบ  ก็ได้ออกมาป่าวประกาศอย่างตรงไป-ตรงมาว่า  นอกจากจะไม่เห็นด้วยกับบรรดาพวก  คอมมิวนิสต์หลงยุค  ในหมู่พวกเสื้อแดงทั้งหลายแล้ว  ยังพร้อมที่จะร่วมยืนหยัดปกป้องรักษาสังคมไทย  อันมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจให้ดำรงคงอยู่ต่อไปให้จงได้  แทนที่จะปล่อยให้เกิด  รัฐใหม่  ที่มี  พระเจ้ามูลเมือง  กลายมาเป็นประธานาธิบดี  หรือเป็นพระประมุข  ก็แล้วแต่...
           -----------------------------------------------
     ปรากฏการณ์การแพร่ระบาดของมวลชนผู้ไม่ได้คิดจะตั้งตัวเป็นฝักเป็นฝ่าย  เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับพวกเสื้อแดงที่กำลังสร้างรอยแตก  รอยแยก  ให้กับผู้คนในสังคมหนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ  อาจถือได้ว่าเป็นภาพสะท้อนถึง  ความพ่ายแพ้  ในแนวรบด้านมวลชนของพวกแกนนำหัวขวดอย่างเห็นได้ชัดเจน  หรือได้ทำให้ทฤษฎี  แก้ว  3  ประการ  ที่บรรดาพวกแกนนำม็อบเสื้อแดงพยายามนั่งเครื่องไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปลอกทฤษฎีท่านประธานเหมาเอามาใช้แบบมั่วๆ  มึนๆ  กำลังกลายเป็นทฤษฎี  กะละมัง  3  ใบ  หนักเข้าไปทุกที  เนื่องจากถ้าหากแนวรบมวลชนพ่ายแพ้ซะอย่าง  ก็แทบไม่ต้องพูดถึงพรรค  หรือกองกำลังใดๆ  ต่อไปอีกแล้ว  เพราะมันย่อมนำไปสู่การพ่ายแพ้ทุกสิ่งทุกอย่างในขั้นตอนสุดท้ายอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...
          ------------------------------------------------
     และโดยข้อเท็จจริง...คงต้องยอมรับว่า  แนวรบด้านมวลชนของพวกเสื้อแดงที่การเกาะกลุ่มรวมตัวเป็น  ม็อบเสื้อแดง  อยู่ในทุกวันนี้  อาจถือได้ว่าเป็นม็อบที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของประเทศไทยเอาเลยก็ว่าได้  คือเป็นม็อบที่ไม่ได้สนใจที่จะสร้างความยอมรับให้กับมวลชนกลุ่มอื่นๆ  โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ใช่กลุ่มก้อนเดียวกันกับตัวเองมาก่อน  แต่มุ่งที่จะตอบสนองความเมามันซ์ซ์  สะใจ  ในหมู่พวกเดียวกันเองเป็นการเฉพาะ  ถ้าหากพูดกันแบบภาษาคอมฯ   แก่ๆ  ก็คือ...ไม่ได้สนใจคิดจะทำ  แนวร่วม  กับกลุ่มคนกลุ่มใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย  มุ่งแต่จะ  เอามันซ์ซ์  ในฝ่ายตัวเองกันลูกเดียว...
           -----------------------------------------------
     โดยลักษณะการเคลื่อนไหวมวลชน  นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นมาจนถึง  ณ  ขณะนี้  จึงมักเป็นไปในแบบไร้เหตุไร้ผล  ไม่สนใจที่จะสร้างความชอบธรรมใดๆ  ขึ้นมารองรับการเคลื่อนไหวของตัวเองในแต่ละก้าว  แต่ละจังหวะ  จะเป็นด้วยความมั่นอกมั่นใจต่อประสิทธิภาพในการล้างสมองต่อกลไกการจัดตั้งตามระบบอุปถัมภ์  ซึ่งเคยใช้ได้ผลในหมู่  หัวคะแนน  นักการเมืองมาโดยตลอด  ด้วยอิทธิพลของเงินๆ  ทองๆ  หรือด้วยประสิทธิภาพของระบบสื่อสารตามแบบฉบับ  ทีวีป้าเช็ง  ทีวีปูแดง  อันได้แก่  การยัดเยียดข้อมูลข่าวสารผ่านทีวีดาวเทียม  วิทยุชุมชน  อย่างเป็นระบบ  ฯลฯ  ก็แล้วแต่  จึงทำให้บรรดาแกนนำม็อบเสื้อแดง  พร้อมที่จะก้าวข้ามความมีเหตุมีผล  ความถูกต้อง  ชอบธรรม  ในแต่ละกรณีมาโดยตลอด...
        ----------------------------------------------------
     แต่ที่หนักหนาสาหัสที่สุด...เห็นทีจะไม่มีอะไรเกินไปกว่าการแสดงออกถึงความรู้สึกที่ไม่ได้ยี่หระ  ไม่ได้แยแสต่อชีวิต  เลือดเนื้อ  ของมวลชนตัวเองเอาเลยแม้แต่น้อย  การแย่งยื้อศพผู้เสียชีวิตออกมาจากโรงพยาบาลเพียงเพื่อเอามาใช้เป็น  อาวุธทางการเมือง  การประกาศท้าทายของแกนนำม็อบเสื้อแดงบางรายที่มองความพยายามปราบปรามของฝ่ายรัฐบาลและการต่อต้านของฝ่ายตัวเอง  เป็นเสมือนหนึ่ง  การเกไพ่  ระหว่างกันและกัน  มันจึงทำให้การเคลื่อนไหวมวลชนของม็อบเสื้อแดงเต็มไปด้วยบรรยากาศออกไปในทางอำมหิต    เหี้ยมเกรียมเอามากๆ  แม้แต่ในหมู่พวกเสื้อแดงด้วยกันเอง  จะมีผู้ออกมาเรียกร้องให้ตระหนักถึง  คุณค่าของชีวิต  หรือ  คุณค่าของความเป็นมนุษย์  โดยเฉพาะชีวิตของราษฎรที่ถูกเรียกขานว่า  ไพร่  ไปด้วยกันทั้งสิ้น...แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบรับใดๆ  จากบรรดาแกนนำที่พร้อมจะเอาชีวิต  เลือดเนื้อของมวลชนตัวเอง  ไปแลกกับข้อเรียกร้องทางการเมืองเพียงเพื่อให้เกิด  การยุบสภา  เท่านั้น...
         ---------------------------------------------------
     ภายใต้การนำมวลชนที่เป็นไปในแบบสุดขั้ว  ไร้เหตุไร้ผล  ไร้สติ  แถมยังเหี้ยมโหด  อำมหิต   ไม่ได้สนใจชีวิตเลือดเนื้อของผู้คนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตัวเอง   หรือฝ่ายตรงข้ามก็แล้วแต่  มันจึงทำให้การใช้เหตุใช้ผล  ใช้สันติวิธี  การเจรจา  แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย  แม้แต่การแยกแกนนำออกจากมวลชน...ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้ง่ายๆ   เนื่องจากที่มา-ที่ไปของมวลชนเหล่านี้  ก็เป็นไปในลักษณะแปลกประหลาดกว่ามวลชนโดยทั่วๆ  ไป  มานับตั้งแต่จุดเริ่มต้นดังที่ได้กล่าวไปแล้ว...แต่ก็นั่นแหละ  สิ่งเหล่านี้คงต้องถือเป็นเรื่องทาง  เทคนิค  ที่ผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการปกป้อง  รักษากฎหมาย  จะต้องหาทางแยกแยะกันเอาเอง  และถ้าหากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดันขาดประสิทธิภาพ  ขาดความกล้าหาญในการตัดสินใจ  ปล่อยให้เวลาล่วงเลยต่อไปเรื่อยๆ  โดยไม่ได้ตระหนักถึงปฏิกิริยาด้านตรงกันข้าม  ที่ก่อให้เกิดการรวมตัวของผู้คนอันหลากหลายปรากฏตัวขึ้นมาในสังคมอย่างเห็นได้ชัดเจนแล้ว...มุมจบของสถานการณ์คราวนี้  มันคงหนีไม่พ้นไปจากกฎความเป็นไปของธรรมชาติ  หรือไม่ต่างไปจากแรงเหวี่ยงของลูกตุ้มนาฬิกาที่จะสวิงกลับมาสู่ด้านตรงกันข้ามในอัตราความรุนแรงพอๆ  กันนั่นเอง...
          -------------------------------------------------
     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้  จาก  ไดโอนิซิอุส  แห่ง  ฮาลลิคาร์นาซซัส  นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก  (อีกครั้ง)...ไม่มีสิ่งใดที่จะไร้ความสุขยิ่งไปกว่าสงครามกลางเมือง  ด้วยเหตุที่ผู้ต้องถูกเพื่อนทำลาย และผู้ชนะก็จะต้องทำลายเพื่อนของเขาเอง...

http://www.thaipost.net/news/230410/21174
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1714 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 09:22:39 »

คอลัมม์ "ถูกทุกข้อ" ของ สามวา สองศอก

มีสิ่งนั้นจึงมีสิ่งนี้
ถูกทุกข้อ23 เมษายน 2553 - 00:00

 เรียน คุณสามวา สองศอกที่เคารพ
     ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้  ผมคิดว่าถ้าเราใช้หลักธรรมพิจารณา  ทุกคนควรเห็นได้ทั้งสองด้าน  ขณะนี้หลายคนกำลังเป็นทุกข์หนัก  แต่หลายคนก็มองด้านเดียว  จึงทำให้เป็นทุกข์มากยิ่งขึ้น
     เมื่อเช้าวันพุธที่  21  เมษายนที่ผ่านมา  ผมไปเดินดูต้นไม้ที่สวนจตุจักรเพื่อนำมาให้นักเรียนอนุบาลปลูก  มีคนมารุมทักทายจนกระทั่งปักหลักกันอยู่กลางแดด
     ความจริงแล้วถ้ามองในด้านดี  เราก็ควรจะเห็นว่าปัญหาที่เกิดในครั้งนี้มันดีสำหรับตัวเรา
เอง  "เพราะถ้าไม่มีปัญหาเกิดขึ้น  เราก็คงตกอยู่ในความประมาท  ยิ่งทำให้ขาดสติหนักมากยิ่งขึ้น  เหตุผลก็คือเพราะมันมีเรื่องนี้เราจึงตื่นขึ้นมาคิดแก้ไข  ไม่ว่าใครจะแก้ได้มากน้อยแค่ไหน  ถ้าเราร่วมมือกันทุกสิ่งทุกอย่าง  แม้จะเกิดผลเสียหายมันก็ลดน้อยลง"
     อนึ่ง  เพราะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น  สิ่งนี้มันเป็นเงื่อนปมแฝงอยู่ในสังคม  มันก็โผล่ขึ้นมาให้เราเห็น  ผมนึกถึงนิทานอีสปบทหนึ่งที่ชื่อว่า  "ชาวนากับงูเห่า"
     นิทานเรื่องนี้ถ้าใครไม่ทราบผมจะเล่าให้ฟัง  อยู่มาวันหนึ่งชาวนาตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำ
นาหาเลี้ยงชีพตามปกติ  เขาได้พบงูเห่าตัวหนึ่งนอนหนาวอยู่บนพื้นดินที่ริมคันนา  จนกระทั่งเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้ยาก
     ชาวนาผู้มีเมตตาสงสารจึงนำงูเห่าขึ้นมาอุ้มกอดไว้กับอก  ทำให้ได้รับไออบอุ่นจึงฟื้นขึ้นมา
สู่สภาพปกติ  ครั้นตื่นขึ้นมาแล้ว  แทนที่จะนึกถึงบุญคุณชาวนากลับหวนมากัดชาวนาตาย 
     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  "การทำบุญคุณให้กับคน  ควรจะทำให้กับคนที่เขารำลึกถึงบุญคุณ  แต่ไม่ควรทำให้กับคนที่คิดอกตัญญู"  นี่เป็นเรื่องหนึ่งภายในนิทานอีสป
     แม้แต่อีกเรื่องหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า  "หมาป่ากับลูกแกะ"  ใครเคยได้ยินคำปรารภว่า  "คนไทยมีของดีแล้วรักษาเอาไว้ไม่อยู่"  ตัวอย่างเช่นหนังสือนิทานอีสป  ซึ่งเด็กแต่ก่อนเคยเรียนในชั้นเรียน  แม้แต่หนังสือ  "โคลงโลกนิติ"  ก็เช่นเดียวกัน
     บางคนอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องโบราณ  "เพราะเราดูถูกคนโบราณนี่แหละ  ที่มันทำให้สังคมไทยจำต้องเดือดร้อน"
     ผมเคยเขียนไว้ในอดีตมาแล้วว่า  "คนไทยส่วนใหญ่หลังจากขึ้นไปอยู่บนเรือนชานแล้วมีความสุข  กลับหันลงมาตัดเสาเรือนของตัวเองทิ้ง"  ซึ่งมันขัดกับหลักธรรมที่ว่า  "เพราะมันมีเหตุนั้นจึงมีเหตุนี้"  เพราะมันมีโบราณจึงมีสมัยใหม่  ถ้าไม่มีโบราณสมัยใหม่มันก็คงอยู่ไม่ได้
     ผมนึกถึงร้อยกรองบทหนึ่ง  ซึ่งตัวเองมีโอกาสสัมผัสมาตั้งแต่อายุยังไม่มากนัก  หรืออาจประมาณเมื่อผมมีอายุ  12  ปีก็ได้  เนื้อหาสาระในร้อยกรองบทนี้ก็คือ
     เลือดไทยไหลริน        ทาแผ่นดินไว้ชื่อ
     ให้โลกรู้ร่ำลือ          ว่าเลือดไทยกล้าหาญ
     เลือดไทยไหลหลั่ง       ดุจน้ำเต็มฝั่ง
     ไหลดั่งลำธาร          ทั่วแผ่นดินทอง     
     บ้านพี่เมืองน้อง         กันทุกถิ่นฐาน
     เลือดไทยเจ้าเอ๋ย       ไหลเลยมานี่
     ปรองดองน้องพี่         อย่ามีร้าวราน
     โลหิตสายเดียว         กลมเกลียวกันไว้
     อย่าแตกแยกไป         เป็นหลายลำธาร
     ร้อยกรองบทนี้เข้าใจว่า  คุณหลวงวิจิตรวาทการเป็นผู้เขียน  ในช่วงซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร
     ถ้าเรานำมาพิจารณาถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน  มันกลับหัวกลับหางกลายเป็นเรื่องตรงข้ามได้ยังไง
     ผมขออนุญาตมนัสการดวงวิญญาณของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุซึ่งล่วงลับไปแล้ว  แต่ในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ได้ปรารภฝากไว้ว่า  "สิ่งใดที่มันเกิดปัญหา  เอามันมากลับหัวกลับหาง  มันก็ช่วยแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง"
     นี่แหละคือหลักธรรมซึ่งอยู่บนพื้นฐานการปฏิบัติ  ไม่ใช่พูดแต่ปากแล้วไม่ได้ทำ  หากทำได้แล้วจึงพูดออกมาจากความจริงที่อยู่ในใจตนเอง
     แม้แต่การจัดการศึกษาในปัจจุบันซึ่งหลายคนคิดว่าช่วยพัฒนาชีวิตมนุษย์  แต่แท้จริงแล้วผมมองครั้งใดก็เห็นว่ายิ่งจัดการก็ยิ่งทำลายจิตวิญญาณอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์  นี่แหละที่ทำให้ผมต้องหันกลับมาพิจารณานำเอา  "การศึกษาทางเลือก"  มาใช้ประโยชน์ในการสร้างความเป็นมนุษย์ให้เกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้
     ไม่เชื่อท่านลองดูซิ  พอพูดถึงการจัดการศึกษาหลายคนก็เหลละโลไปนั่งประชุมเรื่อง  "การจัดหลักสูตร"  ทั้งๆ  ที่การจัดการหลักสูตรนั้น  มันเป็นเพียงแผ่นกระดาษกับตัวหนังสือ  ที่ใช้เป็นเครื่องมือในส่วนปลายซึ่งมนุษย์สมมติขึ้น  หาใช่ของจริงไม่
     ช่วงที่ผมเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย  ผมสนใจเรื่องการจัดหลักสูตรน้อยที่สุด  แม้แต่เกรดคะแนนของลูกศิษย์  น้อยครั้งที่ผมจะหันมาพิจารณาใช้ประโยชน์ในการรับรองคุณภาพของลูกศิษย์
     ทั้งนี้  เป็นเพราะผมให้ความสนใจลงมือปฏิบัติโดยนำชีวิตตัวเองลงไปอยู่ร่วมทุกข์ร่วมทุกข์
กับลูกศิษย์ในชนบท  ยิ่งใครว่ายากไร้แค่ไหน  ผมให้อิสระลูกศิษย์ลงไปเลือกที่ทำงานเอาเอง  ส่วนตัวผมนั้นเดินตามรอยเท้าลูกศิษย์  ลงไปทำงานร่วมกับเขาอย่างมีความสุข 
     เช่นเดียวกันหลักสูตรไม่ได้สำคัญมากไปกว่าการลงมือปฏิบัติ  จากรากฐานจิตใจเราเองที่ให้ความรักและรู้คุณค่าของแผ่นดินถิ่นเกิด
     ผมถึงกล่าวว่าการจัดการศึกษาเท่าที่เป็นมาแล้วนั้น  มีแต่เปลือกนอกส่วนด้านในเป็นโพรง
กลวง  เมื่อมันกลวงก็ย่อมมีอิทธิพลวัตถุเข้าไปแทนที่
     เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหา  ถ้าเราแก้อิทธิพลแฝงที่มันเข้าไปอยู่ในจิตใจคนได้สำเร็จ  ผลจากการจัดการศึกษาก็คงมีโอกาสรับใช้สังคมอย่างได้ผล
                                                   ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
                                                           ระพี สาคริก                         
ตอบ อาจารย์ระพี
     หลักธรรมที่ว่าเพราะมันมีเหตุนั้นจึงมีเหตุนี้  น่าจะนำมาแก้ปัญหาบ้านเมืองที่หาทางออกไม่ได้ในขณะนี้  หรือจะใช้วิธีของท่านพุทธทาสก็ได้  ที่ว่าสิ่งใดมันเกิดปัญหา  เอามันมากลับหัวกลับหาง  มันก็จะช่วยแก้ปัญหาได้  ประเทศไทยไม่ได้มีแค่สี่แยกราชประสงค์กับราบ  11


                "ออนเหวง"มาแล้ว
เรียน คุณสามวา สองศอกที่นับถือ
     ตามที่คุณ  "เสริม"  ถามมาว่า  บริษัทออนเหวงยังอยู่หรือเปล่า  ทำธุรกิจอะไร  อ่านแล้วอมยิ้ม  เพราะคำๆ  นี้แทบจะหายไปจากความทรงจำแล้ว  แต่ก็ยังพอนึกขึ้นมาได้
     บริษัทออนเหวงเป็นบริษัทรับจ้างเก็บถังอุจจาระ  เมื่อประมาณปี  2460  และน่าจะดำเนินการอยู่ราวๆ  20  ปีก็เลิกกิจการไป  เพราะไทยได้มีวิวัฒนาการเกิดส้วมหลุมและส้วมคอห่าน  การเก็บอุจจาระไปทิ้งจึงหมดความจำเป็นสำหรับคนกรุงเทพฯ
     อนึ่ง  ขอชมคุณ  "เสริม"  ว่าแม้อายุแค่  14  ปี  แต่ก็ใช้ภาษาไทยได้สุภาพไพเราะมาก  นับว่าหายากมากทีเดียวสำหรับวัยรุ่นยุคนี้  และการอ่านหนังสือพิมพ์ให้คุณยายทวดฟังทุกวันนั้น  ก็แสดงว่าอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น  หวังว่าคงจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
                                                       ขอแสดงความนับถือ
                                                            ผู้อ่านประจำ
ตอบ คุณผู้อ่านประจำ
     ขอบคุณที่ช่วยตอบคำถามให้คุณเสริม  ที่ถูกคุณยายทวดถามว่าบริษัทออนเหวงยังอยู่หรือเปล่า  ผมก็เพิ่งรู้ว่าบริษัทออนเหวงรับจ้างเก็บถังอุจจาระในกรุงเทพฯ
     ผมเป็นคนบ้านนอกยังเกิดทันส้วมถังเท  ส่วนที่เป็นห้องส้วมอยู่หลังสุดของบ้าน  มีช่องให้พนักงานเอาถังอุจจาระในแต่ละบ้านมาเทรวมกันในถังใหญ่แล้วนำไปกำจัด  หรือนำไปทำอะไรก็สุดแล้วแต่  บางครั้งโจรก็จะเข้าไปขโมยของในบ้านทางส้วมนี่แหละ
     บ้านคุณวินทร์  เลียววาริณ  นักเขียนซีไรต์  ก็เคยถูกโจรกรรมทางส้วมถังเทนี้มาแล้ว

   
                 เมืองไทยห้ามฉีดน้ำ
เรียน คุณสามวาฯ
     กระผมเหลืออดจริงๆ  กับรัฐบาลมะเขือเผา  ปัญญานิ่ม  ถึงกับตะโกนดังๆ  ยกบ้านเมืองให้กับไอ้สามเกลอไปเลย  มีอย่างที่ไหน
     1.ร้อนๆ  ฉีดน้ำเย็นๆ  ให้พวกเสื้อแดงหายร้อน  ทำแบบฝรั่งเมืองหนาว  ใส่เสื้อผ้าหนาๆ  เปียกน้ำจะเย็นจนเป็นน้ำแข็ง  เขามีสมองมีหัวคิดเราซื่อบื้อตาม  คนออกกฎน่าจะซื่อบื้อกว่า
     2.มันโง่!  กลัวเกินเหตุให้ทหารถือแต่โล่  อยู่แนวหน้าสู้กับเสื้อแดงถือไม้แหลม  เหล็กแหลม  ใครจะมีใจสู้  ลองให้นายกฯ  ออกแนวหน้าอย่างนี้บ้าง  เอาหรือเปล่า  ทำไมไม่ให้ถือกระบองอย่างต่างประเทศเขาทำกัน  มันตีทิ่มแทงมาก็หวดด้วยกระบองสู้กัน  และพยายามจับไปใส่กรงขัง  ขังไว้ให้กลัว  แจ้งข้อหาให้ขึ้นศาลไม่ทำอะไรเลยมันก็ได้ใจ
     3.เสธ.แดงหรือเปล่า?  แนะนำให้ปราบจลาจลกลางคืน  เข้าทางเลย  กระผมเถียงกับเพื่อนก่อนแล้วว่าฉิบหายแน่ๆ  สะดวกกับมือที่  3  โจรๆ  ทั้งหลาย  ปีศาจร้ายกระหายเลือด  ที่อาศัยความมืดปฏิบัติการ  เชื่อแน่ๆ  ว่าสุเทพ  อภิสิทธิ์  ถูกหลอก  มันยิงกันเองก็ได้  ยิงนักข่าวก็ได้  ไม่มีหลักฐาน  ไม่เหมือนกลางวันที่มีทีวี  นสพ.เป็นหูเป็นตา  ทำไมไม่เข้าตีรุกไล่ตั้งแต่เช้ามืดที่เขาไม่พร้อม   จนถึงตอนเย็นอย่าให้ได้พักผ่อน  และทำไมไม่มีหน่วยเสนารักษ์ครับ  มีอีกเยอะที่น่าเบื่อ 
                                                            นายน่าเบื่อ
ตอบ คุณน่าเบื่อ
     คุณน่าจะไปช่วยเป็นที่ปรึกษาให้นายกฯ  อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  กับรองนายกฯ  สุเทพ  เทือกสุบรรณ  คิดได้ไงฉีดน้ำช่วยดับร้อนให้คนเสื้อแดง
                                                         สามวา สองศอก   

http://www.thaipost.net/news/230410/21173
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #1715 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 09:26:03 »

เห็นบทบรรณาธิการของ นสพ แนวหน้าออนไลน์

ที่คุณพิเชษฐ์ลอกมาลง แล้วจี๊ดแทนเสื้อแดงขึ้นมาทันทีเลย

อยากเปิดสนามให้ RCU เสื้อแดงบ้าง แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า

เพราะกลัวว่าเถียงกันไปมา จะไปพาดพิงสถาบัน ซึ่งเป็นการผิด พรบ.
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1716 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 10:00:28 »

ก็ห้ามพาดพิงสถาบัน อย่างเดียว

เพราะหากเป็นจุฬา มึง หาเรื่องมาพาดพิงสถาบัน

มึงต้องออกจากเวบไป

กูไม่ยอมๆๆๆๆๆ

ขอโทษ ที่ใช้ภาษา พ่อขุน เอ๊ย ภาษา เวบประชาไท ค่ะ

ปกติพี่อแอ๊ะเป็นผู้ดี ค่ะ

แต่วันนี้ทนไม่ไหวแล้ววววววววววว (โว้ย)

กระทู้นี้ จะถูกย้ายไปอยู่ที่ไหนอีกหนอ ยังไม่รู้อนาคตของตัวเองเลยค่ะ

อาจารย์ ใหญ่ ดร.สุริยา มหาวินิจฉัย มนตรี

โพสต์ คำหยาบคายมาก่อน เด่ว นั่ง คิดอีกรอบอาจจะมาลบ นะคะ

ใครโชคดี ก้จะได้สัมผัสอารมณ์ร้ายของพี่แอ๊ะค่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1717 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 10:05:31 »

...
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #1718 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 10:12:28 »

แวร๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  ..      เอิ่มม
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #1719 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 10:13:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 23 เมษายน 2553, 10:00:28
ก็ห้ามพาดพิงสถาบัน อย่างเดียว

เพราะหากเป็นจุฬา มึง หาเรื่องมาพาดพิงสถาบัน

มึงต้องออกจากเวบไป

กูไม่ยอมๆๆๆๆๆ

ขอโทษ ที่ใช้ภาษา พ่อขุน เอ๊ย ภาษา เวบประชาไท ค่ะ

ปกติพี่อแอ๊ะเป็นผู้ดี ค่ะ

แต่วันนี้ทนไม่ไหวแล้ววววววววววว (โว้ย)

กระทู้นี้ จะถูกย้ายไปอยู่ที่ไหนอีกหนอ ยังไม่รู้อนาคตของตัวเองเลยค่ะ

อาจารย์ ใหญ่ ดร.สุริยา มหาวินิจฉัย มนตรี

โพสต์ คำหยาบคายมาก่อน เด่ว นั่ง คิดอีกรอบอาจจะมาลบ นะคะ

ใครโชคดี ก้จะได้สัมผัสอารมณ์ร้ายของพี่แอ๊ะค่ะ

ขนาดนี้ ยังพอทนได้สบายครับ
วันก่อนอาจารย์ป้าแจ่ม อัดพี่จิ๋วหนักกว่านี้อีก
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1720 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 10:43:45 »

ไม่น่าเกลียด ใช่ไหม เพือน ป๋องงงงงงงงง

งานร.พ ฉันก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว

ขอไปทำมาหากิน ด้วย สมอง และสองแรง ก่อนนะเจ้าค่ะ


แต่ก่อนไปขอเล่าเรื่องนาย....

คือตอนนี้เเกยากจนลงมาก

เราอาจจะคิดว่าเขารวย แต่เรือใหญ่ก้ต้องเจอคลื่นใหญ่

5-6เดือนที่แล้ว แกประกาศขายคอนโด น่าสงสารคุณหญิงมาก มีอาซิ้มไปดู แล้วอาซิ้มก็ พูดจาไม่เกรงใจเลย

ตอนนี้ไม่รู้ขายได้แล้วหรือยัง ประกาศขาย13 ล้าน

และ เมีย คนโต ของแก ก้ประกาศขายเครื่องเพชร คนรีบไปซื้อกัน หมดเลย

ฉันไปแย่งไม่ทั้น อ๊วกๆๆๆๆๆ (ฮา)

ช่วงนี้ก็น่าจะได้เงินมาจากนายหญ่ายยยยยยยยยย

และทุกคนที่รับเงินมาต้องทำงานให้สำเร็จ

แม้แต่ 3 เกลอหัวขวด มันก็กลัวตายมากแล้ว แต่ถอยไม่ได้เพราะรับเงินมาแล้วต้องทำงานให้สำเร็จ


คือถอยก็ตาย ไม่ถอยก็ตายยยยยยยยยย

หากโพสต์ นี้ จะถุกข้อหา หมิ่น ส่วนตัวบุคคล ก้ขอให้เวบมาสเตอร์โดนนะจ๊ะ

ไปก่อนนะ ไปหาเงินมั่ง เพราะเขาไม่มาจ้างให้ทำงาน ทำร้ายประเทศชาติ อ่ะ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1721 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 13:06:45 »

"เมธี ดาราเสื้อแดง"ยอมเปิดปากร่วม10 เมษาเลือด พรรคพวกยิงถล่มทหารจริง!
23 เมษายน 2553 11:38 น.
 
       อธิบดีดีเอสไอ ระบุชัดเจน "เมธี ดารานู๊ดเสื้อแดง"รับสารภาพแล้ว พร้อมยอมเปิดคลังที่ซุกซ่อนอาวุธของกลุ่มเสื้อแดงที่ปล้นไปจากทหารเมื่อคืนเหตุการณ์ 10 เม.ย. ระบุ ดาราเลือดร้อนอยู่ในที่ปลอดภัย และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
       
                                    

        
       
       วันนี้(23 เม.ย.) ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์ถึงการสอบสวนคดี ที่ได้รับมอบหมายให้สางคดี การก่อเหตุความไม่สงบในบ้านเมืองที่ถูกโอนเป็นคดีพิเศษทั้งหมดว่า ขณะนี้ได้แยกออกเป็น 4 เรื่องหลักๆ คือ ก่อการร้าย การขู่เข็ญรัฐบาล การคุกคามประชนชน และทางด้านกระทำผิดต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ทางทหาร แนวทางคดีนั้น ขณะนี้ก็ได้แบ่งชุดทำงานออกสอบสวนในหลายส่วน และในทุกคดีก็มีความคืบหน้า
       
       นายธาริตกล่าวต่อว่า ส่วนคดีไหนจะมีการสอบสวนพิเศษหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ทุกคดีมีความสำคัญหมด แต่คดีที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และพิเศษ คือ คดีการก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นการก่อวินาศกรรมในรูปแบบต่างๆ เช่น วางระเบิดเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง หลายจุด การลอบยิงถังน้ำมันใน จ.ปทุมธานี รวมไปถึงกลุ่มคนที่ยิงเจ้าหน้าที่ทหาร ในวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา และการยิงอาวุธสงคราม และปาระเบิดหลายๆ คดี รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อคืนที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นการก่อการร้ายด้วยเช่นกัน
       
       อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีของ นายเมธี อมรวุฒิกุล ดาราเสื้อแดง ที่ถูกจับกุมในข้อหามีอาวุธสงครามของทางราชการ ซึ่งขณะนี้ทางผู้ต้องหาได้สารภาพบ้างแล้ว โดยเฉพาะเรื่องอาวุธปืนของทหาร ที่หายไปในวันที่ 10 เมษายน ถือว่า เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก โดยขณะนี้ ถูกควบคุมตัวภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยจะถูกคุมตัวในสถานที่ปลอดภัย ไม่สามารถระบุได้ มีระยะเวลาควบคุมตัวต่อครั้งคือ 7 วัน หลังจากนั้น จะขอศาลคุมตัวต่อ จนกว่าจะหมดสถานการณ์ และหลังจากนั้นก็จะถูกดำเนินคดีในสถานการณ์ปกติต่อไป
       
       ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. นายธาริต ได้ออกแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ที่ศอฉ.ว่า นายเมธียอมรับว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.จริง โดยร่วมเป็นแนวหน้า มีการปะทะกับทหาร ที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทย์ โดยผลการปะทะมีการยึดเอาอาวุธของทหารไว้จำนวนหนึ่ง บางส่วนเก็บไว้และนำไปแจกจ่ายให้บุคคลอื่น ซึ่งจากการตรวจค้นรถยนต์ของนายเมธีก็พบอาวุธของทหารที่ถูกยึดไป
       
       "อีกส่วนหนึ่งนายเมธี ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า ได้มีการใช้อาวุธร้ายแรงที่ยึดมาได้จากทหาร ยิงเข้าใส่ทหารที่ขอคืนพื้นที่ในคืนวันที่ 10 เม.ย.ด้วย และหลังเสร็จสิ้นการปะทะยังยอมรับว่า มีการประชุมหารือร่วมกับแกนนำในเวทีราชประสงค์ด้วย"นายธาริตกล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ มีการเผยแพร่ภาพส่งต่อไปยังอีเมล์ของบุคคลต่างๆจำนวนมาก ให้ช่วยกันสังเกตว่า ชายชุดดำคลุมหมวกไหมพรม (หมวกไอ้โม่ง) ในมือถืออาวุธปืนอาก้า ที่ถูกระบุว่า บันทึกภาพได้เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. ในเหตุปะทะระหว่างผู้ก่อการร้ายมราแฝงตัวเข้าไปอยู่ในม็อบเสื้อแดง กับทหาร ว่าเป็นคนเดียวกันกับนายเมธีหรือไม่ โดยให้สังเกตที่ตา และคิ้ว ของคนชุดดำสวมหมวกไอ้โม่งดังกล่าว แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยืนยันว่า ใช่นายเมธีหรือไม่ หรืออาจจะเป็นแค่คนหน้าเหมือน เช่นเดียวกับเมื่อครั้งพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ที่ถูกนำภาพเจ้าตัวไปโพสต์ตามเว็บไซต์ต่างๆว่า เดินทางไปกัมพูชาและถ่ายรูปร่วมกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่พล.ต.ขัตติยะออกมาแก้ต่างในภายหลังว่า แค่เป็นภาพคนหน้าเหมือนเท่านั้น
       
       คำต่อคำ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงข่าวที่ศอฉ.
       
       สวัสดีครับ ท่านผู้ชมที่เคารพ จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นขณะนี้ ในนามของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ในฐานะกระผมทำหน้าที่เป็น เลขานุการคณะกรรมการคดีพิเศษ ใคร่ขอถือโอกาสนี้ กราบเรียนข้อเท็จจริงบางประการ
       
       คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้การกระทำความผิด ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณี 4 กรณี ดังต่อไปนี้ เป็นคดีพิเศษที่ต้องทำการสอบสวนตามกฎหมาย ว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษคือ 1 การกระทำเกี่ยวกับการก่อการร้าย 2 การกระทำที่เกี่ยวกับการขู่บังคับรัฐบาล 3 การกระทำที่เป็นการประทุษร้ายต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ และประการที่ 4 การกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการ เมื่อคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้เป็นคดีพิเศษแล้ว คดีทั้งหมดเหล่านี้ ก็โอนไปอยู่ความรับผิดชอบของการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรอง สำนักงานสภาความมั่นคง และหน่วยงานอื่นๆ อีก รวม 12 หน่วยงาน เข้ามาร่วมกันรับผิดชอบในคดีนี้ แม้จะได้มีมติเป็นคดีพิเศษแล้ว เหตุการณ์ความไม่สงบก็ยังมีต่อเนื่อง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีการวางระเบิดในสถานที่ต่างๆ ถึง 45 ครั้ง และยังมีเหตุการณ์ต่อเนื่องมาอีก ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดเสาไฟฟ้าส่งสัญญาณแรงสูง ดังที่ทราบกันครับ และก็ต่อเนื่องมาจนการยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่คลังเก็บน้ำมัน และต่อมาเมื่อคืนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์รุนแรงด้วยการใช้ระเบิดทำลายสถานที่ และก็มีประชาชนได้รับอันตรายจำนวนมาก ในบริเวณถนนสีลมดังที่ทราบกัน
       
       เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาตลอด เข้าลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นการก่อการร้ายในบ้านเมืองขณะนี้ ในนามของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการทำงาน ขอประณามการกระทำของผู้ที่อยู่เบื้องหลังและมีส่วนเกี่ยวข้องการก่อการร้ายครั้งนี้ และขอเตือนว่า การกระทำดังกล่าว มีโทษตามกฎหมายอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต ขอให้ยุติการกระทำรุนแรงดังกล่าวต่อผู้บริสุทธิ์ และถือโอกาสนี้ขอเรียนว่า ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริเวณที่เกิดเหตุต่างๆ ควรจะหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยเฉพาะการชุมนุมขณะนี้ ซึ่งตามกฎหมายของบ้านเมืองขณะนี้ถือเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายครับ
       
       อีกส่วนหนึ่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษขอเรียนเพิ่มเติมคือ เมื่อวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมผู้ที่ศาลได้ออกหมายจับไว้ เป็น 1 ใน 24 คน ของเหตุการณ์การชุมนุมครั้งนี้ คือ นายเมธีดังที่เป็นข่าว เนื่องจากความผิดของนายเมธี เกี่ยวข้องกับความผิดหลายเรื่อง และเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้อาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความจำเป็นต้องเข้าทำหน้าที่ ในฐานะที่เป็นคดีพิเศษดังกล่าวมาแล้วด้วย กระผมเองได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทำการซักถามปากคำของนายเมธีด้วยตนเอง นายเมธีได้ให้การในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหลายประการ
       
       ประการแรกได้ยอมรับว่า เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบ ในวันที่ 10 โดยร่วมเป็นแนวหน้าของการเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งนี้ และมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ ที่จะขอคืนพื้นที่ บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยานะครับ ผลจากการปะทะ ทางกลุ่มของนายเมธีได้ยึดเอาอาวุธยุทธภัณฑ์ ของทางราชการไปจำนวนหนึ่ง และตัวนายเมธีนำเอาอาวุธร้ายแรงจำนวนหนึ่งไปด้วย เป็นปืนกลมือของทางราชการ และนำไปแจกจ่ายให้กับบุคคลอื่นหลายคน ตัวเองได้เก็บไว้ด้วย ซึ่งต่อมาปฏิเสธว่า ให้คนอื่นไปหมด แต่ในความเป็นจริงจากการตรวจค้นรถยนต์ ซึ่งนายเมธีขับอยู่เมื่อวานนี้ตอนเช้า และค้นพบอาวุธปืนกลมือร้ายแรงของทางราชการดังกล่าวด้วย เป็นส่วนสำคัญที่ได้ยอมรับว่า อาวุธร้ายแรงของทางราชการนั้น มีการยึดไปจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร และนำไปไว้เพื่อใช้ต่อสู้ในโอกาสต่อไป อีกส่วนหนึ่ง ได้ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า ในการที่มีการปะทะกันยังที่เกิดเหตุนั้น มีการใช้อาวุธร้ายแรงจากฝ่ายนายเมธี ในการยิงเข้าใส่กลุ่มทหารที่เข้าขอคืนพื้นที่ด้วย
       
       นอกจากนั้น ยังยอมรับข้อเท็จจริงว่า เมื่อย้ายการชุมนุมมาที่สี่แยกราชประสงค์ ก็มีการประชุมปรึกษาหารือเพื่อวางแนวทางทุกวัน ณ สถานที่ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผย อันนี้ เป็นส่วนข้อเท็จจริงที่นายเมธีให้ปากคำกับตัวกระผมเอง ซึ่งเป็นประโยชน์กับรูปคดี และทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการในการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ต่อไป โดยเน้นให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
       ขอขอบคุณ ท่านผู้ชมครับ

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000055856
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1722 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 13:08:01 »

เมื่อวานนี้ ช่วงบ่ายๆได้ไปทำธุระที่ รพ.เก้าเลี้ยว
เจอเข้ากับนักทำนายทายทัก เขาบอกว่า.......

ไทย, ประเทศอื่นรอบข้างของไทย และทั่วโลกก็ประสบปัญหาเช่นกัน เพียงแต่ประสบเภทภัยที่แตกต่างกัน
เช่น จีน..เจอพายุทรายที่ภาคเหนือ, พายุหิมะ ด้วย, ในขณะทั่วประเทศแห้งแล้งขาดน้ำอย่างหนัก แผ่นดินไหว เหมืองถล่ม
ยุโรปทั้งทวีป เจอกับภัยพายุหิมะ ตามด้วยภูเขาไฟระเบิดใต้ธารน้ำแข็ง บนฟ้ามีแต่ฝุ่น เดินทางทางอากาศไม่ได้
ลาว เขมร เวียตนาม แห้งแล้ง กันดารน้ำ แต่ข่าวไม่ดัง รวมทั้งพม่าก็เจอกับการวางระเบิดแล้ว


เมื่อเทียบกับประเทศไทย ที่มีปัญหาภาคใต้ ภัยแล้งทั่วประเทศ แต่ก็ยังไม่สาหัส
เราปลูกข้าวได้ แต่ราคาตกต่ำ อย่างไรก็ตามเรามีข้าวกิน, คนอื่นเขาปลูกไม่ได้และไม่มีจะกิน
อีกปัญหาของเราคือ เสื้อแดง ถือเป็นภัยอย่างหนึ่ง..เขาบอกว่า..เดี๋ยวก็จบ (แต่ไม่ได้บอกว่า จบอย่างไร??)
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1723 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 15:05:26 »



รับอีเมล์ มา ไม่น่า ที่ท่านจะกล้า twitt แบบนี้ ไม่น่าจะจิงเนอะ


      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #1724 เมื่อ: 23 เมษายน 2553, 15:09:26 »

เเต่ อันนี้จริงแท้แน่นอน


      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
  หน้า: 1 ... 67 68 [69] 70 71 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><