หน้า 1 ของ นสพ.ไทยโพสต์ ออนไลน์ วันนี้
หลากสีขึงพืดแดง! นัดแสนคนชุมนุม'ศุกร์''สีลม-เยาวราช'ฮือต้านข่าวหน้า 1 22 เมษายน 2553 - 00:00 ปูทางสู่กิโลเมตรสุดท้าย "เต้น-ตู่" ปล่อยข่าว ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ นางสนองพระโอษฐ์และรองราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ โทร.สั่ง "ป๊อก" สลายม็อบแดง อุบาทว์ท้ารัฐบาลวางเดิมพันด้วยชีวิตไพร่ "กาญจนี" แฉคอมมิวนิสต์หลงยุค ไส้ศึกในวังคนของ "ทักษิณ" ปั้นเรื่องใช้ 2 เกลอเป็นเครื่องมือ ขณะที่เสื้อหลากสีเติบใหญ่ นัดศุกร์นี้ชุมนุมแสนคนที่ลานพระรูป เยาวราชเอาด้วย แสดงพลังปกป้องชุมชน สีลมเดือด หวั่นม็อบชนม็อบ
การชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อวันพุธยังพบว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีความเครียดสูง ท่ามกลางกระแสข่าวอาจมีคำสั่งจากกองอำนวยการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขอพื้นที่ชุมนุมแยกราชประสงค์คืน ตลอดทั้งวันมีการเสริมแนวป้องกันบริเวณแยกศาลาแดงให้แข็งเกร่งขึ้นโดยไม้ไผ่ปลายแหลมและยางรถยนต์
ขณะที่ท่าทีจากแกนนำคนเสื้อแดงพบว่าไม่เป็นเอกภาพนัก ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดและตื่นกลัวในบางครั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่ม นปช. เปิดแถลงข่าวว่า จนถึงวันนี้สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ แม้จะทราบมาว่าทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องการใช้กำลังปราบปรามประชาชน แต่ก็ได้ข่าวจากนายทหารท่านหนึ่งที่ได้เหรียญรามาธิบดีบอกว่า มีสตรีคนหนึ่ง เป็นท่านผู้หญิง จ.จ. โทรศัพท์ไปกดดัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ตลอดเวลา เพื่อดำเนินการเด็ดขาดกับกลุ่มคนเสื้อแดง
"อยากถามว่าจริงหรือไม่ที่มีการโทรศัพท์ไปกดดันจน ผบ.ทบ.เครียด อึดอัดใจ จึงอยากถามว่าทำเพื่ออะไร ต้องการเอาชีวิตประชาชนไปทำอะไร ประชาชนไปทำอะไรให้"
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตอนนี้มีเพียงทหารคนเดียวที่รับใช้รัฐบาลคือ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.เท่านั้น ไก่อูตัวนี้ขันทุกเช้าว่าเด็ดขาด จัดการ
"ตอนนี้เหมือนกับการเล่นไพ่โปกเกอร์ ที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นไพ่โบ๋ ไม่มีแต้ม แต่ให้ไก่อูเกทับ ดังนั้นอยากให้ว่าเดิมพันมาเลย ประชาชนจะได้รู้ว่าในมือมีกี่แต้ม ในเมื่อทหารและตำรวจก็ไม่ได้มีอยู่ในมือแล้ว" แกนนำคนเสื้อแดงผู้นี้กล่าว
สำหรับท่านผู้หญิง จ.จ.นี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงนำไปปราศรัยโจมตีบนเวทีที่แยกราชประสงค์ โดยอ้างว่าเป็นท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ นางสนองพระโอษฐ์และรองราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ
ด้านนางกาญจนี วัลยะเสวี แกนนำประชาสังคมหยุดระบอบทักษิณ ออกมาตอบโต้ทันที โดยกล่าวว่า การที่แกนนำ นปช.กล่าวหาท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ฝากบอกนายณัฐวุฒิและนายจตุพรว่าอย่าเอาชื่อท่านผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับเบื้องสูงมากล่าวหา เพราะท่านไม่มีโอกาสมาตอบโต้แก้ข้อกล่าวหา ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นลูกผู้ชาย และเรื่องที่กล่าวกันนั้นล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น ตนทราบดีว่าคนอย่างท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ไม่เคยสั่ง ผบ.ทบ. แต่ที่ทหารต้องออกมารักษาความสงบก็เพราะขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่บังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กองทัพเป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาล ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับท่านผู้หญิงแต่อย่างใด
"ท่านไม่มีวันจะทำให้สถาบันมัวหมอง แต่ตรงกันข้าม กลับจะต้องปกป้องรักษาสถาบันไว้ยิ่งชีวิต อยากขอให้นายณัฐวุฒิหยุดปั้นน้ำเป็นตัวเสียที และหยุดการโยงสถาบันเบื้องสูงที่ชาวไทยเคารพนับถือมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองเสียที"
คอมมิวนิสต์หลงยุค
เธอบอกว่า คนที่ให้ข้อมูลคือคนที่รู้ความเป็นไปของคนข้างใน แต่นำเรื่องมาบิดเบือนเพื่อต้องการทำลายสถาบัน อาจจะทำด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือถูกเขาหลอกใช้ หรือเห็นแก่ผลประโยชน์ที่เคยได้จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนหน้านี้ จนถึงขณะนี้ก็ยังมีความสัมพันธ์กันอยู่ นายจตุพรและนายณัฐวุฒิกำลังตกเป็นเครื่องมือของคอมมิวนิสต์หลงยุคที่ต้องการล้มล้างสถาบันเบื้องสูง ดังนั้นขอให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้ แล้วรีบหาทางลงให้ตัวเองก่อนที่จะได้รับโทษทัณฑ์ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้
วันเดียวกันนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และ ผอ.ศอฉ. กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะทำให้บ้านเมืองมีความสงบให้ได้ แต่การขอคืนพื้นที่ราชประสงค์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรนำมาเปิดเผยในขณะนี้
เมื่อถามว่า ทางกลุ่มเสื้อแดงก็ได้สกัดกั้นไม่ให้ทหารเข้ามาสลายการชุมนุมได้ รองนายกฯ กล่าวด้วยอารมณ์ว่า "คุณเป็นคนกรุงเทพฯ หรือเปล่าครับ ถ้าคุณเป็นคนกรุงเทพฯ แล้วคุณรู้สึกมีความสุขสนุกสนานมั้ยครับกับที่มีกระบวนการหรือผู้คนมาตั้งค่ายคูประตูรบอยู่กลางกรุงเทพฯ ถ้าประชาชนแบบคุณมีความสุข ผมก็จะทำหน้าที่ของผมไป"
ถามว่า ขณะนี้มีกลุ่มคนที่อาศัยบริเวณสีลมและหลายๆ กลุ่มออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย เกรงว่าจะเกิดการปะทะกันหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เป็นสิทธิของประชาชนที่จะป้องกันบ้านเรือน ถิ่นฐานของเขา แต่ทหารก็ไปคุ้มครองอยู่แล้ว
ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงผลการประชุม ศอฉ.ว่า ที่ประชุมได้มีการพูดใน 3 ประเด็น คือ ประเด็นที่ 1 หมายเรียกชุดที่หนึ่งที่ออกไปให้บุคคล 52 ท่านมาพบเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร โดยมีบุคลตามหมายเรียกมาพบแล้ว 21 ท่าน ยังไม่มาพบอีก 31 ท่าน ซึ่งในส่วนของกำลังพล ศอฉ.จะประสานฝ่ายกฎหมายและตำรวจว่ามีการดำเนินการส่งหมายเรียกเรียบร้อยหรือยัง หากมีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วคงมีการปรับเปลี่ยนเป็นหมายจับในโอกาสต่อไป
ส่วนหมายเรียกชุดที่ 2 จะเรียกมา 54 ท่าน รวม 2 ชุดมีทั้งหมด 106 ท่าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวิทยุชุมชน แท็กซี่ จักรยานยนต์ และการ์ด นปช.ที่ชัดเจนในที่อยู่
ประเด็นที่ 2 บริเวณที่ชุมนุมแยกราชประสงค์ หลังจากที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอให้เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ปลอดภัย เพราะมีการสะสมอาวุธหลายรูปแบบ มีการจัดทำเป็นห้องประตูหอรบนั้น เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ซึ่งทาง ศอฉ.ได้ชี้แจงกับประชาชนไปแล้ว
"ดังนั้นต่อไปนี้ทาง ศอฉ. เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ จะดำเนินการอย่างเฉียบขาด ไม่ปล่อยให้มีการเคลื่อนมวลชนไปในพื้นที่ต่างๆ อีกต่อไป และจะอยู่ได้แค่แยกราชประสงค์ แต่ไม่ใช่ว่าจะอยู่ได้ถาวรตลอดไป แต่ขั้นต้นเราได้มีการวางกำลังเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนไปยังถนนสีลม โรงพยาบาลศิริราช และจะมีการดำเนินการป้องกันในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป" พ.อ.สรรเสริญกล่าว
พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ให้สัมภาษณ์ว่า ใครที่ไม่คิดว่าเป็นกลางก็น่าจะถอยออกมาจากความขัดแย้งต่างๆ ขอให้อดทนอีกนิด ทุกอย่างจะคลี่คลายแล้ว เพราะมีประชาชนส่วนใหญ่เริ่มออกมาแสดงความเห็นแล้ว ประเทศไม่ใช่ของคนสีใดสีหนึ่ง แต่เป็นของทุกสี
"การที่มีคนออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนรัฐบาล ก็น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งชี้อะไรหลายๆ อย่าง ว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการของคนส่วนใหญ่ ตอนนี้เราต้องรับฟังประชาชนว่าเขาต้องการอะไร แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นการแสดงออกโดยมีเจตนาละเมิดกฎหมาย ก็ต้องมีการดำเนินการที่เด็ดขาด เราจะปล่อยให้กลุ่มคนที่ทำอะไรตามใจชอบคงไม่ได้" ผบ.ทอ.กล่าว
ให้กำลังใจ"มาร์ค"
ที่รัฐสภา มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ นายอำนวย กลิ่นอยู่ ประธานชมรมคนพิการผู้รักชาติ พร้อมด้วยสมาชิกคนพิการประมาณ 10 คน เดินทางมาเพื่อมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ ต่อไป พร้อมทั้งคัดค้านแนวทางการยุบสภา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้เดินทางมารับช่อดอกไม้ด้วยตัวเอง
นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวขอบคุณและบอกว่า คงจะคิดตรงกันว่าตอนนี้หน้าที่ของรัฐบาลคือต้องรักษากฎหมาย รักษาบ้านเมืองให้มีขื่อมีแป รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง พยายามที่จะหาวิธีการที่ดีที่สุด เพราะเราถือว่าทุกคนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น ขอขอบคุณและยืนยันว่าจะใช้แนวทางนี้ในการแก้ปัญหา
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า สำหรับการบังคับใช้กฎหมายในเวลานี้ยากขึ้น เพราะผู้เคลื่อนไหวส่วนหนึ่งนั้นมีอาวุธ และถึงขั้นมีอาวุธสงคราม ฉะนั้นการแก้ปัญหาจะต้องทำในลักษณะที่สามารถระงับเหตุได้ และจะพยายามทำให้ดีที่สุด
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้ารัฐบาลใช้กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่เมื่อเมษายน ปี 2552 ทุกอย่างก็จบไปแล้ว ไม่มีเหตุการณ์ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ แต่รัฐบาลกลับดำเนินการไม่เด็ดขาด ตนขอยืนยันว่าวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองไม่เคยแก้ไขได้ด้วยสภา ตนอยากถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญนั้น รัฐธรรมนูญผิดตรงไหน มันผิดเพราะมันไปขัดขวางผลประโยชน์ใช่หรือไม่
"คุณต้องแก้ตัวคุณเองก่อน หรือจะต้องรอให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นก่อน เพราะถ้ารัฐไม่ทำ ประชาชนที่ทนไม่ได้ก็จะลุกฮือขึ้นมาโดยธรรมชาติ แรกๆ อาจมีการใช้วิธีที่นุ่มนวลก่อน แต่หลังๆ ก็อาจจะมีการใช้อาวุธ ซึ่งอย่ารอให้ถึงวันนั้น ถ้ารัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังผู้ชุมนุมก็กลัว แต่ทำไมไม่เอาจริงเสียที"
เขาระบุว่า ไม่ได้บอกให้รัฐใช้ความรุนแรง แต่ต้องทำให้เกิดความรุนแรงน้อยที่สุด ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่การแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่ที่การยุบสภา แต่อยู่ที่การยุติการก่อการร้าย
"ผมขอเสนอว่า ถ้ารัฐไม่ทำ ก็ขอฝากไปแม่ทัพภาคที่ 1 (พล.ท.คณิต สาพิทักษ์) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ในกรุงเทพฯ พิจารณาให้ดี เรียนมาฝึกมาเพื่อทำหน้าที่อย่างเดียวเท่านั้น ปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ท่านประกาศกฎอัยการศึกในการจัดการ ผมเชื่อว่าจะสามารถสลายการชุมนุมได้ภายใน 2 ชั่วโมง และก็ไปรายงานต่อรัฐบาลว่าได้ทำงานแล้วตามหน้าที่ ถ้ารัฐบาลไม่เห็นด้วยก็แค่โดนสั่งย้าย เพราะจะปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายต่อไปได้อย่างไร"
สำหรับทางออกด้วยการเจรจานั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า จะให้เอาคนที่กระทำผิดกฎหมายหรือเป็นกบฏมาเจรจากันเป็นเรื่องที่ถูกหรือไม่ หากทำได้ อีกหน่อยคนก็ไม่กลัวกฎหมาย พอกระทำผิด ทำให้เกิดการสูญเสียขึ้น ก็มาตั้งโต๊ะเจรจากัน แต่เป็นเรื่องที่คนผิดไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากจะบอกว่าตำรวจจับโจรถือเป็นความขัดแย้ง อย่างนี้ก็ไม่ใช่
"ทางออกของปัญหามี 2 ทางคือ ใช้กระบวนการยุติธรรม กับอีกทางคือปฏิวัติ แต่เป็นสิ่งที่คนไม่ปรารถนา แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าชาติไม่มั่นคง ชุมชนไม่เข้มแข็ง แต่ระยะนี้ขาดทหารกล้า เพราะการปฏิวัตินั้นเสี่ยงต่อการถูกประหารชีวิต หากกระทำการไม่สำเร็จ ซึ่งผมเชื่อว่าใน 7 วันนี้ไม่มีใครจะสามารถกระทำได้ และการปฏิวัติก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ"
ขณะที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงแนวทางการแก้วิกฤติของประเทศในเวลานี้ว่า การดำเนินการกับผู้ชุมนุมที่ปิดสี่แยกราชประสงค์ต้องใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด เพื่อทำให้เรื่องยุติ ส่วนในเรื่องของความเป็นธรรมทางการเมือง ปัญหาในเชิงโครงสร้าง กับความล้มเหลวต่างๆ ในทางการเมือง ความขัดแย้ง โครงสร้างอำนาจทางการเมืองที่ต่อสู้แย่งชิงอำนาจทางการเมือง เมื่อถึงจุดนี้ก็ใช้ความเดือดร้อนของประชาชนบังหน้า ดังนั้นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ถ้าจะให้เกิดความชอบธรรมต้องขจัด พ.ต.ท.ทักษิณออกไป และรับผิดชอบความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 เม.ย. และการชุมนุมต้องกลับไปที่ผ่านฟ้าฯ และรัฐบาลต้องไม่ใช่แค่ใช้กฎหมายปราบปรามประชาชนเท่านั้น ปัญหาประเทศมันหมักหมมมานาน นายอภิสิทธิ์ควรใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลงปฏิรูปการเมือง เพราะหลายฝ่ายเรียกร้องเพื่อนำไปสู่การชุมนุมแบบสันติวิธี
สั่งรถพยาบาลถอย
ด้าน นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (เลขาธิการ สพฉ.) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย ผู้ช่วยเลขาธิการ สพฉ. เข้าไปเจรจาทำความเข้าใจกับ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่ม นปช. ว่า การปฏิบัติการทางการแพทย์ไม่เคยมีวัตถุประสงค์อื่นแม้แต่การขนอาวุธ และได้สั่งให้รถพยาบาลทุกคันถอยออกห่างจากพื้นที่ชุมนุมจากจุดเดิม เช่นเคยอยู่ตรงแยกไหน ก็ให้ถอยออกมา 2-3 แยก ให้พอได้รับคำสั่งแล้วเห็นจุดเข้าไปรับ-ส่งได้ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังให้มากขึ้นแล้ว
หลังจากกลุ่มเสื้อแดงนำโดย นางดวงแข อรรณพพร ส.ส.เขต 2 ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย นำคนเสื้อแดงในพื้นที่กว่า 400 คน ปิดถนนมิตรภาพบริเวณสี่แยกโรงพยาบาล อ.พล จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 19 เม.ย. และทำการตรวจค้นรถโดยสารและสามารถนำทหารลงจากรถได้รวม 42 นาย และส่งกลับภูมิลำเนาโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มเสื้อแดงนั้น
ล่าสุด คนเสื้อแดงกลุ่มนี้แสดงความบ้าคลั่งอีกแล้วด้วยการยกพวกไปยังสถานีรถไฟขอนแก่น ขวางไม่ให้ขบวนรถไฟที่บรรทุกรถจีเอ็มซีและรถอื่นๆ รวม 21 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารที่นั่งมาเต็มขบวนรถไฟ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานีกรุงเทพฯ จนทำให้ขบวนรถไฟดังกล่าวต้องหยุด โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้โห่ไล่เจ้าหน้าที่ทหารให้ลงจากขบวนรถไฟ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายทหารเป็นอย่างมาก
เมื่อเหตุการณ์ที่มีคนเสื้อแดงกรูเข้าไปยังขบวนรถไฟ ทำให้ผู้บังคับหน่วยทหารต้องจำใจเรียกทหารลงจากขบวนรถเพื่อมาพูดคุยกันกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยผู้บังคับหน่วยทหารได้กล่าวชี้แจงว่า ทหารจะเดินทางไปโดยทางรถไฟครั้งนี้เป็นการสับเปลี่ยนกำลังพลที่จังหวัดปัตตานี โดยมีทหารที่ต้องดูแลขบวนรถที่ต้องลำเลียงทางรถไฟไปยังจังหวัดปัตตานี จำนวน 80 นาย มีรถ 21 คัน ประกอบด้วย รถจีเอ็มซี ฮัมวี ยูนิม็อก และรถน้ำ
ขณะที่นายพยัต ชาญประเสริฐ รอง ผจว.ขอนแก่น และ พล.ต.ต.พัฒนี ศิริวัฒนี ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งมาดูแลความปลอดภัย พร้อมกับขอเจรจากับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ก็ไม่เป็นผล
ซ้ำร้ายช่วงเย็น กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 1,000 คน ไปชุมนุมที่บริเวณสี่แยกถนนมิตรภาพ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และตั้งด่านบุกยึดรถบัสทหารจำนวน 3 คัน พร้อมกับควบคุมตัวทหารที่นั่งมากับรถบัส 150 นายลงจากรถ โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้เดินทางเข้าไปสมทบใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมที่กรุงเทพฯ โดย พ.ต.อ.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ผกก.สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ทหาร 3 รถบัสที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงบุกยึดและกักตัวเอาไว้เป็นทหารจากกรมทหารราบที่ 13 พัน 2 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ซึ่งกำลังทหารชุดนี้มีภารกิจที่จะเดินทางลงไปสับเปลี่ยนกำลังพลที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่ได้เดินทางเพื่อสมทบการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงแต่อย่างใด
สำหรับบรรยากาศบริเวณแยกศาลาแดง ที่กลุ่มคนเสื้อแดงกับกลุ่มชาวสีลมต่างชุมนุมและเผชิญหน้ากันตลอดทั้งวันยังคงตึงเครียด ช่วงบ่ายถึงช่วงเย็นการจราจรบริเวณถนนพระราม 4 ตรงแยกศาลาแดงเข้าสีลมมีปัญหารถติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ที่ปักหลักอยู่บริเวณถนนราชดำริได้รุกล้ำทะลักเข้ามายังพื้นที่ถนนพระราม 4 จนทำให้การจราจรติดขัด เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปเจรจาและเคลียร์พื้นที่ ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะร่นถอยไปอยู่ยังที่ตั้งตรงบริเวณถนนราชดำริก่อนที่การจราจรจะใช้ได้ตามปกติ
สีลมเดือดหวั่นม็อบชนม็อบ
เวลา 18.00 น. บรรยากาศได้เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกลุ่มคนทำงานบริเวณสีลมได้เลิกงานและรวมตัวกันหน้าโรงแรมดุสิตธานีจำนวนมาก ขณะที่คนเสื้อแดงได้จัดชายฉกรรจ์กระจายอยู่หลังแนวยางรถยนต์เพื่อสอดส่องความเคลื่อนไหวของทหารและตำรวจ และจัดทีมการ์ดอีกชุดหนึ่งขึ้นไปอยู่บนสะพานข้ามแยกศาลาแดงเพื่อป้องกันวัตถุระเบิด และทุกครั้งที่ตำรวจสับเปลี่ยนกำลัง ทางการ์ดของคนเสื้อแดงก็ต่างลุกฮือมาหมอบอยู่หลังแนวยางรถยนต์ พร้อมทั้งตะโกนเรียกกำลังมาสมทบเป็นระยะๆ แตกต่างกับอีกฝ่ายที่ตบมือให้กำลังใจทหารทุกครั้งเมื่อมีการเดินผ่าน
นอกจากนี้ กลุ่มเสื้อหลากสีได้จุดไฟเผาธงและผ้าโพกหัวสีแดงสัญลักษณ์ของ นปช. ทำให้คนเสื้อแดงแสดงอาการโกรธแค้น
ต่อมาแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนได้เดินทางมาบริเวณดังกล่าวพร้อมเปิดปราศรัย ขณะที่คนเสื้อแดงบางส่วนได้หยิบไม้ไผ่ปลายแหลมที่อ้างว่าใช้ปักดินทำเป็นด่านขึ้นมาแกว่งไปมา อย่างไรก็ตาม แกนนำได้สั่งให้ผู้ชุมนุมถอยห่างจากแนวรั้วไม้ ให้เหลือไว้เพียงรถปราศรัยเพียงคันเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างด่าทอกันอย่างรุนแรง จนหวิดจะปะทะกันหลายครั้ง แต่แกนนำได้ห้ามปรามเอาไว้ ขณะที่ประชาชนย่านสีลมมารวมตัวได้จัดปราศรัยและร่วมกันร้องเพลงปลุกใจเพื่อเรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม พร้อมทั้งขอความร่วมมือคว่ำบาตรด้วยการไม่ขายสินค้าให้ ไม่ให้ใช้ห้องน้ำ เพื่อประท้วงและกดดัน
แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสีเผยว่า จะรวมตัวชุมนุมกันในเวลา 12.00 น.ของทุกวันจนกว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะสลายการชุมนุมไป พร้อมกันนี้ยังได้มีการเชิญชวนให้พวกที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มเสื้อแดงไปรวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ให้ได้ถึง 100,000 คน
ยังมีรายงานว่า วันพฤหัสบดี กลุ่มชาวเยาวราชนัดรวมตัวกันที่วงเวียนโอเดี้ยนในช่วงเย็น หลังแกนนำคนเสื้อแดงประกาศว่าจะไปยึดถนนย่านเยาวราชอีกด้วย
ขณะที่บนเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงในช่วงค่ำเป็นไปอย่างดุเดือด นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช. ปราศรัยว่า ตนจะทำหน้าที่เป็นแกนนำปกป้องด่านสีลมหากมีการบุกเข้ามาสลายการชุมนุม ยางรถยนต์ที่วางไว้ก็พร้อมจะใช้เผาเป็นเชื้อเพลิง จะลามไปไหม้อะไรก็ไม่รับประกัน ส่วนไม้ไผ่ที่เป็นเกราะแนวป้องกันก็จะใช้ตีทหารที่จะเข้ามาสลายในทันที
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เราตัดสินใจแล้วว่าถ้ามีด่านสกัดประชาชนไม่ให้เข้า เราจะไปทำลายทุกด่านให้ประชาชนได้เข้ามาชุมนุม ถ้าบีบคั้นหัวใจมากๆ จะบุกกองพันทหารราบที่ 11.
http://www.thaipost.net/node/21143