ตามด้วย คุณเปลว สีเงิน
สภาพแท้จริง "ประเทศไทย" วันนี้เปลว สีเงิน 17 เมษายน 2553 - 00:00 เมื่อวาน (๑๖ เม.ย.๕๓) สำหรับผมก็เหมือนกับทุกวัน แต่เกิดอารมณ์ละเมียดอะไรก็ไม่รู้ อยากฟังเพลงขึ้นมาเฉยๆ งั้นแหละ เลยงัดแผ่น Clair de lune ของ Debussy ออกมาเปิดดับร้อน จบแล้วก็ยังไม่หายร้อน พาลถวิลถึง Caterina Valente ในเพลงโปรด Tonight We Love แต่ทีนี้ยังกลางวันแสกๆ ครั้นจะเอา Sunrise Sunset ของพ่อ Topol มาฟังแทน แต่ใจมันก็ยังไม่หายคันอยู่นั่นแหละ
เลยหมั่นไส้ตัวเอง งัดแผ่น "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" ของตั๊กแตน ชลดา ขึ้นมาเปิด แล้วก็ไปแงะฝาโลงให้ "ทูล ทองใจ" ขึ้นมาครวญเพลง "โปรดเถิดดวงใจ" เป็นการตบท้าย ยังไม่ทันจบเพลงดี พระอาทิตย์ท่าจะจั๊กจี้ "หลุบแสง" แดงจ้า หายหน้าตอนเที่ยงไปเลย!
ผมก็เลยหายร้อน ยิ่งดูข่าวตำรวจบุกจับ ๔ แกนนำเสื้อแดง "อริสมันต์-สุภรณ์-เจ๋ง-พายัพ-วันชัย" ที่หลอกชาวบ้านเสื้อแดงให้กินกลางถนน-นอนปนกองขยะ แล้วพวกตัวเองย่องไปกินโรงแรม-นอนห้องแอร์ SC ปาร์ค ของทักษิณ ย่านริมทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ตอนเช้าวานแล้ว
ใครๆ เขาด่า สมน้ำหน้า ซ้ำนายตำรวจที่ไปล้อมจับ แต่ลงท้าย นอกจากจับไม่ได้แล้ว ตัวเองยังถูกฝ่ายกบฏเสื้อแดงล้อมจับแทน!
แต่สำหรับผม ไม่ด่า ไม่สมน้ำหน้า ตรงกันข้าม ขอยกนิ้วโป้งให้ว่าท่านเป็น "ตำรวจในหัวใจ" ผม
มีใครบ้างล่ะ?
ก็มี พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นหัวหน้าทีม ลูกทีมก็มี พ.ต.อ.พชร บุญญทิพย์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล ๔ พ.ต.ท.ประพจน์ อนุศิริ พนักงานสอบสวน สป.๒ และระดับปฏิบัติการอีกหลายท่าน ได้ข่าวว่ามีตำรวจ "ชั้นประทวน" ถูกอาวุธปืนบาดเจ็บไป ๑ นายด้วย
นี่ผมไม่ได้พูดประชด-ประชัน ผมพูดจากใจจริง ถามกันตรงๆ ณ วันนี้-ยุคนี้ ยุคที่ตำรวจทั้งกรมกว่า ๗๐% เป็นตำรวจฝักใฝ่ทักษิณ แดงถึงได้กร่างทั่วแผ่นดิน คุยลั่นว่า "ตำรวจขี้ข้านายกู"
ดังนั้น จะมีตำรวจคนไหน และซักกี่คนที่ "พร้อมใจ" จะรักษากฎหมายบ้านเมืองตามหน้าที่จริงๆ จังๆ โดยเฉพาะหน้าที่ไปจับผู้ต้องหา "ตามหมายจับ"
นายตำรวจชุดนี้ไปจับ แต่ก็อย่างว่า ผมไม่แน่ใจว่า ทีมล่าโจรจะเคลื่อนออกจากที่ตั้งแล้วหรือยัง แต่ที่แน่ๆ ผมค่อนข้างแน่ใจว่า "ข่าวรั่ว" ไปถึงพวกกบฏแดงล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว!?
นอกจากในกองทัพของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา จะมี "ทหารไส้ศึก" แล้ว ในกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมี "ตำรวจไส้ศึก" ด้วยหรือไม่?
ถ้าใครสงสัย ให้ไปถามควายกลางทุ่ง อย่ามาถามผม!
ไอ้พวกนอกราชการบางคน แต่ยังยึดคราบตำรวจหาแดกเหมือนทาก-เหมือนปลิง โดยอาศัยบารมีลูกน้องเก่าในราชการที่เกรงใจ "นายเก่า" เป็นมือ-เป็นเท้าให้ พวกนี้แหละตัวดีนัก ถ้าถอดยศนำหน้าชื่อจากพวกนี้ได้ เจอสุมหัวที่ไหนเรียกได้เลยว่า
"แก๊งเฒ่ากากีนรก"!
ลำพังเข้าไปจับเดี่ยวๆ เหมือนจับโจร-ผู้ร้ายทั่วไป โธ่...ไม่มีเหลือหรอก ไอ้ที่จะได้แสดงบทพระเอกไต่เชือกโรยตัวลงมาทางหน้าต่างหนีตำรวจน่ะ นั่นมันในหนังการ์ตูน แต่ในเรื่องจริง ไม่งอก่อ-งอขิงเหมือนลิงตกต้นกล้วยกลางอากาศละก็ ผมยอมให้เหยียบ
เพราะตำรวจเขาไม่ต้องการใช้อาวุธ และไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุไม่พึงประสงค์กับชาวบ้านเสื้อแดงที่ไปเป็นโล่มนุษย์ให้กับพวก ๔-๕ คนนั่นหรอก เขาจึงทำเป็นยอมดีกว่าให้มีปัญหากับประชาชน
ฉะนั้น ผมว่า พวกเรา-อย่าคิดฉาบฉวยเอาแต่สะใจ โดยไม่ทำความเข้าใจกับสถานการณ์เป็นจริง มันจะเสียความรู้สึก และทำให้เจ้าหน้าที่ที่เขามีความตั้งใจอก-ตั้งใจทำงานท้อถอย
คนที่ไม่เคยทำผิดพลาดเลย เพราะในชีวิตมันไม่เคยทำอะไรเลย
ส่วนคนที่ทำผิดพลาด เพราะในชีวิตต้องทำ-ต้องเผชิญทุกเรื่อง-ทุกปัญหา!
สังคมทุกวันนี้ มากไปด้วยคน "เอาแต่ใจ" กับ "สะใจ" กันเป็นที่ตั้ง ทำไมไม่หัดเอาสติมาก่อนอารมณ์กันบ้าง หัดเอาใจเขา-มาใส่ใจเราบ้าง ให้ "ความเข้าใจ" คนอื่นเขาบ้าง
โลกนี้จะได้มีคนทำหน้าที่ด้วยพลังงาน "ใจจากใจ" กันมากขึ้น!
ตำรวจ-ทหหาร ต้องทำงานภายใต้กรอบความรับผิดชอบ ทั้งกฎหมาย และระเบียบวินัย
แต่โจร โดยเฉพาะโจรกบฏทักษิณ มันทำทุกอย่างโดยไม่มีกรอบ แม้กระทั่งฆ่าชาวบ้าน และไม่คิดรับผิดชอบทั้งกฎหมาย และทั้งคุณธรรม-ศีลธรรม
ฉะนั้น อย่าเอา "ปฏิบัติการโจร" ไปเทียบราคา-เทียบมาตรฐานกับ "ปฏิบัติการทหาร-ตำรวจ"!
สิ่งที่ผมต้องการสรุปจากที่หลายๆ คนบอกว่า "ปฏิบัติการล้มเหลว" เมื่อวานนี้ก็คือ ตำรวจทำหน้าที่ดีแล้ว ดี-ในที่นี้หมายความว่า ได้ลงมือทำ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย นับตั้งแต่กบฏทักษิณก่อการในแผ่นดินมา!?
ทุกคนมีทั้งสิทธิ์และทั้งหน้าที่ เมื่อถึงคราว อย่ายก "ประเทศชาติ-บ้านเมือง" ยัดใส่บ่าให้ทหาร-ตำรวจเขาแบกฝ่ายเดียว ความจริงพวกเขาเป็นแค่ "ลูกจ้าง" กินเงินเดือนจากพวกเรา ฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่พวกเราทุกคนต้องออกมาทำหน้าที่ "นายใหญ่" ที่ไม่ได้ชื่อทักษิณ
หน้าที่พิทักษ์แผ่นดินไงล่ะ!
วัน-สองวันที่ผ่านมา หมอตุลย์ พลเอกปฐมพงษ์ และ "มดงาน" อีกหลายท่าน ได้ชักชวนหันไปทำหน้าที่ ไปแสดงเจตนารมณ์แห่งพลเมืองศิวิไลซ์ ไปมอบน้ำใจในยามที่สมควรมอบให้กับทหาร-รัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯ อภิสิทธิ์
ผมบอกไว้วานนี้ เหนือฟ้า-มีฟ้า และจากฟ้าที่เหนือฟ้า นั่นคือ "คุณธรรม" ผมพูดในสิ่งที่ท่านไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อ แต่จงรู้ไว้เถอะว่า...นั่นคือนิจจังแห่งสัจจะฟ้า-ดิน
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระภูมิพลอดุลยเดชมหาราชเจ้า"
ผมเอ่ยพระนามแห่งพระองค์ท่านไว้ "ด้วยชีวิต" และจะไม่ขยายความอะไรตรงนี้อีก เพราะผมทราบ ทุกท่าน...ที่ประหนึ่งพลังเงียบของแผ่นดิน แต่วันนี้แต่ละท่านก้าวออกมารวมกัน "ใจท่าน" ตอบ "ใจท่าน" ได้เองมิใช่หรือว่า
ใครที่คิดร้ายต่อแผ่นดิน ใครที่คิดหยามหมิ่นองค์แห่งพระสมมุติเทพผู้ทรงทศพิธราชธรรม ผู้มีขันติและเมตตาบารมีเป็นตบะที่ทรงบำเพ็ญแล้วแก่กล้า กระทั่งว่าองค์อินทร์ยังต้องเหินองค์ลงอภิวันทานั้น
อันธพาล คือ ผู้มีใจมืดบอดทั้งหลาย สุดท้าย...จุดที่หยุด "ความเคลื่อนไหว" ของพวกเขา จะสยดสยองใจ ชนิดคิดไม่ถึง!?
การทำดี ต้องไม่มีคำว่า "เดี๋ยว" ถ้าจะมีคำว่า "เดี๋ยว" ก็ต้องมีได้ประการเดียวคือ
เดี๋ยวนี้!
ท่านทั้งหลายขอตระหนักให้จงดี วันนี้ในสถาบันตุลาการ "ก็แตก" ในสถาบันนิติบัญญัติ "ก็แตก" ในกองทัพบก-เรือ-อากาศ "ก็แตก" ในสถาบันตำรวจ "ก็แตก" ในสถาบันราชการพลเรือน "ก็แตก" ในหมู่ประชาชนร่วมชาติ "ก็แตก" ในสถาบันสื่อ "ก็แตก" แม้กระทั่งแหล่งหลืบนอกกฎหมาย ไม่เว้นวายกระทั่งซ่องหญิง-ซ่องชาย "ก็แตก"
ไม่ต้องพูดถึงสถาบันศาสนา "ผีป่า-โล้นลาแมร์" นวดหน้า ใช้เงินซื้อพระ-ซื้อวัดขึ้นเป็นเครือข่าย ผนึกกับฝ่ายกบฏล้มบ้าน-ล้มเมือง ถ้าสำเร็จเมื่อไหร่ แบ่งฝ่ายกันครอบครอง เป็นเรื่องที่รู้-ที่เห็นกันตำตาคาม็อบกบฏบ้าน-กบฏเมือง
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ๗๐๐ ปี พระพุทธศาสนา ทั้งพระ ทั้งวัดวาอาราม และทั้งคัมภีร์ธรรมคำสั่งสอน ก็ถูกฆ่า-ถูกเผา สูญหาย-สลายจากอินเดียจากบัดนั้น ถึง ณ บัดนี้!
เพราะอะไร ส่วนหนึ่ง "มารนอกศาสนา" แฝงเข้ามาด้วยแผนทำลาย อีกส่วนแฝงเข้ามาบวชอาศัยศาสนาหากิน และอีกส่วน บวชแล้วเกาะกินศาสนา ไม่ศึกษาหาแก่นธรรม หลงแต่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หมกมุ่นแต่สมณศักดิ์ พวกมารเอาเงิน เอาอามิสมาถวาย ก็กลายเป็นพระจีวรแดง
๒๕๕๓ ปี พระพุทธศาสนาถึงคราศรัทธาพุทธศาสนิกชนจะสลายจากไทย เพราะไอ้พวกจัญไรโกนหัว-ห่มเหลือง "ปลอมเป็นพระ" แล้วพล่านระเกะระกะเหมือนสุนัขหน้าติดสัตว์ ร่วมขบวนการโจรก่อการร้าย โดยคณะสงฆ์องค์ไหนก็ไม่รู้สึกทุกร้อนอะไรทั้งสิ้น?
นี่...ทุกส่วนอันเป็นองคาพยพไทย แยก และแตก กันไปอย่างนี้แล้ว พวกเรายังจะถือว่า "ธุระไม่ใช่" กับปัญหาบ้านเมืองอยู่อีกต่อไปไม่ได้แล้ว!
ใครมีหน้าที่แล้วไม่ทำหน้าที่...ไสหัวไปไกลๆ!
อย่าเสือกหน้า-เสือกกะโหลก "ขวางทาง" ทำตัวเป็นหมาในรางหญ้า "กันท่า" คนอื่นที่เขาจะทำหน้าที่นำชาติ-นำประชาชนคืนสู่สันติสุข-ด้วยสามัคคีตามวิถีทางที่มันเป็นอยู่เลย
ถึงคราจำเป็น "ต้องเป็น" มันก็ต้อง "ให้มันเป็น" อย่างนั้น จะกอดกฎหมาย กอดทฤษฎี กอดคำว่า "ทหารไม่ยุ่งการเมือง" ก็กอดไป กอดไปนอนบ้านใหม่ที่มีใครซื้อไว้ให้ที่อังกฤษ-ก็กอดไป
แต่พวกเรา-ประชาชนด้วยกัน ต้องเอาใจ "รักชาติ-รักสถาบัน" มากอดรวมกันไว้ ถึงเวลาที่ต้องเดินทางไกล "เอาบ้านเมืองสงบสุขคืนมา"
วันจันทร์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๓.๐๐ น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พร้อมคณะ ๕ เสือ (แต่เสือทำไมกลัวหมาที่ยกพวกมายึดถนนก็ไม่ทราบ) รวมทั้งแม่ทัพภาค ๑-๔ ผู้บัญชาการหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เรียกว่าผู้บังคับหน่วยตั้งแต่ระดับพลตรีขึ้นไป
เป็นครั้งแรกที่ "พลเอกอนุพงษ์" เรียกประชุมสะพรึ่บ-สะพรั่ง!
ผม-ในฐานะประชาชน ทำอาชีพหนังสือพิมพ์จ่ายภาษีปีละเป็นล้านๆ ขอส่งนายทหารเป็น "ตัวแทนประชาชน" เข้าร่วมประชุมด้วย ๑ ท่านได้มั้ย นั่นคือ "พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม" พลเอกอนุพงษ์จะว่าอย่างไร?
วันจันทร์ ต้องตอบให้ "ได้ใจ" กันไปเลย!
http://www.thaipost.net/news/170410/20928