คู่มือศึกษา "ทหาร-การเมือง" ฉบับประชาชนBy thaipost
Created 14 Apr 2553 - 00:00วันนี้-วันพุธที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล เป็นวันที่ดวงอาทิตย์หมุนครบ "รอบโลก" พอดี เรียกว่าสิ้นสุดที่ราศีมีน-ธาตุน้ำ เข้าสู่ราศีเมษ-ธาตุไฟ นับเป็นวัน "เริ่มต้นรอบใหม่" เหมือนชิงช้าสวรรค์ เมื่อหมุนครบรอบก็จะมาถึงสถานีเปลี่ยนถ่ายคนขึ้น-ลง ณ พื้นดินจุดเดิม แล้วก็หมุนขึ้นไปสู่รอบใหม่ จากจุดต่ำสุด ค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้น..สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุด ตรงนี้กระมังที่เรียกว่า "ชิงช้าสวรรค์" เพราะคนอยู่ในจุดสูงสุดจะมองเห็นในสิ่งที่คนอยู่ในจุดต่ำสุดมองไม่เห็น!? และ ณ จุดสูงสุดนี้ โดยนิยาม "โลกไม่เคยหมุนกลับ" คนที่นั่งอยู่บนชิงช้า ณ จุดสูงสุดนี้ ก็จะค่อยๆ หมุนคล้อยสู่จุดต่ำลง...ต่ำลง...จนถึงจุดต่ำสุด ณ พื้นดินที่สถานีเปลี่ยนถ่ายนั่นเอง
คนที่ขึ้นไปแล้วก็ลง คนที่รอขึ้น ก็ขึ้นไป จากจุดต่ำสุด หมุนเวียนขึ้นสู่สูงสุดกันอยู่อย่างนี้ เหมือนปีตามระบบสุริยะ อาทิตย์โคจรสิ้นสุดรอบ ณ ราศีมีน ก็เริ่มเข้าสู่รอบใหม่ ณ ราศีเมษ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๒๘ น. วันนี้เป็นต้นไป
สรุปหยาบที่สุด-ง่ายที่สุด ตามสไตล์ผมก็คือ เมื่อดาวเคลื่อน วงจรชีวิตคนก็เขยื้อนขยับตามไปด้วย เพราะมนุษย์คือหนึ่งแห่งชิ้นส่วนสัมพันธ์กับจักรวาล และเมื่ออาทิตย์โจรเข้าราศีเมษตำแหน่งเดิมในดวงเมืองเช่นนี้แล้ว
อาทิตย์สู่เมษ ณ ดวงเมือง แต่ท่านพลเอกทรงกิตติ จักกาบาตร์ ท่านพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็น่าเห็นใจท่านที่ "อังคาร" ยังอยู่ในฐานะ "แบตเสื่อม" ชาร์จอย่างไรกระแสไฟก็เข้าบ้าง-ไม่เข้าบ้าง เข้าก็เก็บไม่อยู่บ้าง กระนั้นก็เถอะ ผมเคารพในทัศนคติของท่าน
"การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง"!
และโดยเฉพาะ "พลเอกทรงกิตติ จักกาบาตร์" ผลงานเยี่ยมยอดของท่านในฐานะผู้กำกับภารกิจสลายม็อบในเหตุการณ์เมษาเดือดปีที่แล้วนั้น
คนไทยยังไม่ลืมท่าน และไม่ลืมเด็ดขาดว่า "ถ้าทหารเอาจริง ต่อให้กบฏ ต่อให้ผู้ก่อการร้ายหน้าไหนก็ต้านไม่อยู่"!?
ณ วันนี้ และเวลานี้ ประเด็น "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" นั้น ยกให้เป็นภารกิจ "ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์" ไปทำ เพราะตรงนั้นเป็นหน้าที่ของท่านโดยตรง จะยุบ-ไม่ยุบ หรือจะยุบช่วงเวลาไหน ให้ท่านไปกลั่นและกรองด้วยสมองอีตันของท่าน
แต่ "งานกบฏบ้าน-กบฏเมืองต้องแก้ด้วยการทหาร" ใช่หรือไม่ ท่านช่วยตอบด้วย เพราะประชาชนส่วนใหญ่ รวมทั้งผมด้วยในเวลานี้ เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะกบฏอันมีกองกำลังติดอาวุธยึดเมืองดังประจักษ์ ก็ไม่ได้มองหาใครที่ไหนเป็นที่พึ่ง
นอกจากยึดกองทัพคือ "ทหาร" เท่านั้นเป็นที่พึ่ง!
คือพวกผมอันเป็นชาวบ้านเข้าใจมาตลอดว่า "เมื่อประเทศชาติมีภัย ต้องใช้ทหาร" และตอนนี้บ้านเมืองมีภัยแล้ว ทุกใจจึงหวังพึ่งทหาร ไม่ใช่หวังให้ท่านทำรัฐประหาร แต่หวังให้ท่านระลึกถึงคำสัตย์ปฏิญาณ และทำตามนั้นก็พอ
ประชาชนเข้าใจอย่างนี้ ผิดหรือถูกครับท่านพลเอกทรงกิตติ จักกาบาตร์ ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะ ผบ.ทบ. ทั้ง ๒ ท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับทักษิณก็จริง แต่ผมไม่เชื่อว่าท่านจะให้คำว่า "เพื่อเพื่อน" เหนือกว่าคำว่า "เพื่อชาติ"
คนที่นินทาท่าน ใส่ร้ายท่านในลักษณะนี้ ผมตบเลือดกบปากไปหลายคนแล้วด้วยโกรธแทน!
สังคมทุกวันนี้มันเลวทรามต่ำช้า ส่วนหนึ่งมาจากคนในสังคม ตั้งแต่คนในรัฐบาล ในรัฐสภา ในมหาวิทยาลัย ในสื่อ ยันในท้องทุ่ง-ท้องทะเล มักคิดเอา นึกเอา เดาเอา ทึกทักเอา เป็นส่วนใหญ่
โดยไม่ใช้สติ ไม่ใช้เหตุผลเข้าจับ!
สรุปก็คือ สิ่งที่ผมคาดหมายเอาจากสถาบันทหารเช่นนี้ ถ้าผิด-วานท่านช่วยเมตตาสั่งสอนและบอกผมด้วย คือผมคาดหมายด้วยความเข้าใจว่า "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" ในขณะเดียวกัน "งานกบฏบ้าน-กบฏเมืองเมืองต้องแก้ด้วยทหาร"
และขอย้ำ ไม่มีการตายจากบุคคลในกองทัพครั้งไหนจะสร้างความเสียใจถึงระดับ "ตกใน" ในหัวอก-หัวใจชาวบ้านเท่าครั้งนี้ ที่ทหารของเราพกเอาความปรารถนาดีต่อพี่น้องร่วมชาติเข้าไปหาชาวบ้านเสื้อแดง แต่แล้วในกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น คณะหัวหน้าขบวนการกบฏแผ่นดิน อันมี วีระ-จตุพร-ณัฐวุฒิ-เหวง และอีกหลายสิบคน รวมแล้วประมาณ ๒๔ คน ภายใต้หัวหน้าขบวนการใหญ่คือทักษิณ
ใช้กองกำลังติดอาวุธสงครามร้ายแรง ทั้งยิง ทั้งปาระเบิด "ฆ่าทหาร" อันเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่มีเหตุเจ็บแค้น โกรธเคืองอะไรกัน ให้ต้องเจ็บ-ตายต่อหน้าต่อตา ให้เป็นเรื่องน่าละอาย-อดสูไปทั้งโลก!
ขนาดในสงครามเรายังไม่สูญเสียระดับนายทหารเท่าครั้งนี้ แต่เพื่อคนโกงชาติ-หมายมาดล่มแผ่นดินที่ชื่อทักษิณคนเดียว ขบวนการกบฏแผ่นดินมันถึงขั้น "สิ้นสำนึก" ในชาติ ในแผ่นดิน ในสายเลือดไทย
มันใช้กองกำลังติดอาวุธฆ่าได้ตั้งแต่ระดับรองเสนาธิการกองพล เช่น "พอ.ร่มเกล้า ธุวธรรม!
และที่บาดเจ็บสาหัส ระดับผู้บัญชาการ "พล.ต.วลิต โรจนภักดี" ระดับผู้บังคับกองพัน "พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช" และ พ.ท.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ยังไม่นับเพื่อนทหารที่เจ็บ-ตายอีกนับร้อย
หัวใจพวกแกนนำกบฏแผ่นดินมันทำด้วยอะไร ฆ่าแล้วพวกมันก็ไปตะโกนฉลองชัย ณ ใจกลางเมืองหลวง โดย "กำลังรัฐ" ตาปริบๆ ณ วันนี้ สิ้นประสิทธิภาพที่จะทะลุ-ทะลวงเข้าไปจับใครมาได้ ปล่อยให้พวกมันตะโกน สันติ-อหิงสา แล้วหยามเย้ยว่า "ทหารฆ่าทหาร...พวกมันไม่เกี่ยว"!
ทหารของเราที่บาดเจ็บและตาย ไม่ใช่เพราะสู้ไม่ได้ ทหารของเราต้องเจ็บ-ต้องตาย เพราะ "ยอมเจ็บ-ยอมตาย" ดีกว่าต้องฆ่าพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกัน นี่คือหัวใจของทหารไทยแท้
เถอะ...ถึงคนเสื้อแดงจะหลงผิดยอมร่วมขบวนการคิดคดทรยศต่อชาติ แต่ยังไงๆ เขาเหล่านั้นก็พี่น้องไทย ด้วยความใส-ซื่อ จึงถูกหลอกใช้ ทหารของเราจึงไม่ฆ่าเด็ดขาด
การไม่ฆ่าพี่น้องไทย แต่มี...ไอ้สัตว์ในคราบคนบางคนมันฆ่าทหารไทย.....ผมเก็บอัดประเด็นนี้ "ไม่พูด" มาหลายวัน ด้วยไม่ต้องการขยายตะเข็บ แต่ยิ่งเห็นภาพที่หลายๆ ท่านส่งมาให้ทางอีเมล์ก็ดี ทางหน้าจอข่าวโทรทัศน์ก็ดี ทางสื่อต่างประเทศก็ดี กระทั่งภาพโฉมหน้าคนที่ฆ่าทหาร และคนฝึกกองกำลังก่อการร้ายให้มาฆ่าทหาร
ทำนบใจมันกั้น "ความอัดอั้น" ไว้ไม่ไหวครับ!
ต้องปล่อยให้มันไหลออกมาบ้าง คับแค้นใจที่คนไทย และไอ้ทหารไทยนอกแถวบางคนนั่นแหละส่งกำลังปฏิบัติการ "ฆ่าทหาร" ของเรากันเอง!!!
มีคนทึกทักว่าผม "เป็นคนธรรมะ-ธัมโม" เอาละ ผมก็อยากเอาธรรมะมาบอกกับท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ บอกกับท่านพลเอกทรงกิตติ บอกกับท่านพลเอกอนุพงษ์ และบอกกับทุกคนที่คิดว่าตัวเองมี "เลือดทหาร" เพื่อบ้านเมืองว่า
"เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร" นั้น...ใช่
แต่.....
"หน้าที่ย่อมระงับด้วยการไม่ทำหน้าที่"
อย่างนี้...ไม่น่าจะใช่!?
จะยุบสภา หรือไม่ยุบสภา หรือจะยุบวันไหน นั่นเป็นการบริหารบนเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเมือง แต่เมื่อยุบแล้ว พลเอกทรงกิตติ พลเอกอนุพงษ์ ท่านตอบซิว่าปฏิบัติการ "ยึดอำนาจ-เปลี่ยนระบบ-ล้มสถาบัน" มันจะหมดไป?
นั่นคือ การให้การเมืองแก้การเมืองด้วยการยุบสภาด้านเดียว โดยไม่ใช้การทหารแก้การกบฏบ้าน-กบฏเมืองด้วยการ "ขุดราก-ถอนโคน" ให้จบไป ควบคู่กันไปอีกด้าน แล้วคำว่า "อยู่สุขเถิดปวงประชา ตัวข้าจะคุ้มภัย" มันจะเกิดขึ้นได้ตามปรัชญากองทัพอย่างไร? กองทัพคือสถาบันก่อเกิดกำเนิดร่วมมากับคำว่าชาติ กองทัพย่อมไม่ใช่ร้านขายผ้าแถวพาหุรัด ฉะนั้น ภารกิจแบบ "เอาหน้ารอด" ไปวันๆ ย่อมไม่ใช่ภารกิจทหารเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และราชบัลลังก์
การจะมีการเมืองให้แก้นั้น ประเด็นสำคัญ มันต้องมี "บ้านเมือง" ก่อน นั่นคือ สถาบันกองทัพ ต้องไปเอาบ้านเมืองกลับมาจากพวกกบฏบ้าน-กบฏเมือง ที่ถลกตูดอวดท่านอยู่หน้าจอโทรทัศน์ทุกเมื่อ-เชื่อวันมาให้ได้ ไม่ต้องรอให้วีระ-จตุพร-เหวง-ณัฐวุฒิ และคณะกเฬวรากหาฤกษ์ประกาศเปลี่ยนชื่อประเทศไทยแล้วค่อยย้ายก้นคิดการ!
ถ้าวันนี้-พรุ่งนี้ รัฐบาล-ทหาร ยังนอนรอฝนจากฟ้าหล่นมาเข้าปาก ยังนอนรอให้วิญญาณทักษิณมาเข้าฝันพวกเสื้อแดงกลับบ้านไปเอง นั่นก็ไม่ต้องพูดกันแล้วถึงเรื่องระบบรัฐสภา เรื่องประชาธิปไตย เรื่องเลือกตั้ง เรื่องจีดีพีบ้าๆ บอๆ
ต้องพูด-ต้องถามกันไปเลยว่า "จะให้จิ๋ว ให้อภิวันท์ ให้เหวง หรือใคร เป็น "ประธานสภาเปรซิเดียม" คนแรก และจะให้ใคร ไอ้ชายจืด นางอ้อ วีระ กระทั่งว่า ตู่-เต้น ขึ้นเป็นประธานบริหารประเทศคนแรก?
ประธานกองทัพ และประธานกิจการตำรวจคงหาตัวไม่ยาก เพราะจากปฏิบัติการ ๑๐ เมษา ชัดแล้วว่า นั่นคือกองกำลังจาก "ทหาร-ตำรวจนอกราชการ" ประลองยุทธการกับ "กองกำลังตำรวจ-ทหารในราชการ"
ฉะนั้น ตัวเลือกเขามีมากถึงขั้นต้อง "จับฉลาก" กันเป็น!
แต่...น่าเสียดาย "ตำแหน่งประมุขแดง" คนลิขิตก็มิสู้ฟ้าลิขิต โลงศพสีแดงที่แห่กันไป จะมีครบ ๒๔ ใบหรือไม่ ยังไม่ต้องสนใจ อยากจะบอกไว้ อย่างไรละก็ เตรียม "เผื่อไว้ ๑ ใบ" สำหรับนายใหญ่ ผลุบผลับกลับมาเมื่อไหร่จะได้ใส่ตั้งเรียงฉลองชัย ณ ต้นสายปากทางสู่..ประตูผี.
http://www.thaipost.net/news/140410/20807