25 พฤศจิกายน 2567, 17:43:59
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 102 103 [104] 105 106 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: [2513] "ซำบายดีพี่แอ๊ะ ๑๓"  (อ่าน 798154 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 19 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2575 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 22:01:47 »

สำหรับ "กรุงเทพมหานคร"

คาดว่าตั้งแต่เย็นวันพุธที่ 20 ตุลาคม 53 นี้เป็นต้นไป มีความเป็นไปได้ที่น้ำจะเริ่มเข้าท่วมครับ
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2576 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 06:31:13 »

ตายยยยยย แล้ว ถ้าน้ำท่วมกรุงเทพจะทำยังงาย พี่แอ๊ะมีธุระ ต้องไปกรุงเทพ อีก สองสามวันนี้ แต่จะไปเครื่อง

แล้วไปว่ายน้ำเอาที่กรุงเทพ หากน้ำท่วมจริงๆ
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2577 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 07:50:09 »


พี่แอ๊ะครับ

น้ำเหนือและจากภาคกลาง ถึงเมืองปทุมธานีแล้ว โอกาสที่ "กทม." จะรอดนั้นยากมากครับ และเป็นน้ำท่วมปลายฤดูซะด้วย

ส่วน"พายุเมกี"เบนขึ้นเหนือมากขึ้น นั่นคือ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน รับภาระเพิ่มขึ้น ขณะที่เวียตนาม ลาว ไทย ภาระเบาลง


ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน"

ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2553
 
     ร่องมรสุมได้เลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ในประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและภาคกลาง จึงขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้ สำหรับพื้นที่ลุ่มใกล้ลำน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกยังคงต้องระมัดระวัง
น้ำล้นตลิ่งต่อไปอีก
สำหรับ มวลอากาศเย็นจะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน โดยเฉพาะในภาคเหนือ
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา
อนึ่ง เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ พายุไต้ฝุ่น “เมกี” (MEGI) มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง
หรือที่ละติจูด 16.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.7 องศาตะวันออก พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 23-24 ตุลาคมนี้


ประกาศ ณ วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ออกประกาศ เวลา 05.00 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2578 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 08:46:14 »

ภาพ "เมกิ" ขณะผ่านฟิลิปปินส์ เมื่อวานนี้ ซึ่งข่าวแจ้งว่าหนักกว่า "ทุเรียน" มาก


 

แผนที่อากาศของหอสังเกตการณ์ฮ่องกง (Hong Kong Observatory) จำลองจากภาพถ่ายของดาวเทียม MTSAT-2 เวลา 05.01 วันอังคาร (19 ต.ค.) นี้ หรือ 03.01 น.เวลาในประเทศไทย แสดงให้เห็นไต้ฝุ่นเมกี (Megi) ที่อ่อนกำลังลงเป็นระดับ 3 ตามคาด กำลัง "เล่นน้ำ" ในทะเลจีนใต้ ส่งไอขึ้นคละคลุ้ง กินอาณาบริเวณกว้างขวางเกือบเท่าๆ กับบริเวณทั้งหมดของท้องทะเล นักพยากรณ์อากาศกล่าวว่า เมกิเป็นพายุใหญ่ที่สุดที่เกิดทั่วโลกในปีนี้ ใหญ่กว่าและรุนแรงกว่า "ทุเรียน" ซูเปอร์ไต้ฝุ่นชื่อไทยๆ ในปลายปี 2549  


ภาพจำลองโดยสำนัก TSR ในกรุงลอนดอน แสดงให้เห็นพลังอำนาจที่ศูนย์กลางของไต้ฝุ่นเมกี ขณะเคลื่อนตัวพ้นเกาะลูซอนใหม่ๆ ตอนบ่ายวันจันทร์ (18 ต.ค.) ที่ผ่านมา ต่างไปจากไต้ฝุ่นทุเรียนในปลายปี 2549 นับเป็๋นโชคดีที่ซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกล่าสุดไม่ได้พัดผ่าน เขตที่มีประชากรหนาแน่น แต่ทางการฟิลิปปินส์ก็กำลังจะเริ่มสำรวจความเสียหายทั้งหมดในวันอังคารนี้


อ่านและชมภาพทั้งหมดได้ที่
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000146987



7300      win
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #2579 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 16:53:35 »

ขออนุญาต ฝากข่าว ... ครับ

บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) ศูนย์บริหารงานจ.นครราชสีมา ได้นำรถเครนช่วยขนย้ายประชาชนในตัวเมืองที่ประสบภัยน้ำท่วมซึ่งรถเล็กไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ และติดตั้งเลขหมายโทรศัพท์ตามจุดที่มีน้ำท่วมหนักและมีศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่จ.นครราชสีมาในเบื้องต้น 5 จุดให้ประชาชนได้ติดต่อสื่อสารติดตามสถานการณ์ห่วงใยผู้ประสบภัยได้ฟรี! โดยเลขหมายตามศูนย์ประสบภัยต่างๆมีดังนี้

 

1.ศูนย์ฯถนนมิตรภาพ ซอย 6 โทร. 044-261039    

   ผู้ประสานงาน  ผอ.อ้อน โทร.081-1853366

 2.บริเวณหน้าขนส่ง ตะคองเก่า  โทร. 044-261042 , 044-261053

     ผู้ประสานงาน คุณอธิชา 083-1011149

3.บริเวณถนนช้างเผือก หัวมุมรร.สุรนารี  โทร. 044-270356, 044-270358

   ผู้ประสานงาน  คุณคู่ขวัญ โทร. 087-2572145

 4. ที่ KCTV โคราช  โทร. 044-273203

 5. ที่ พีกาซัส ทาวเวอร์  โทร.  044-270371

    ผู้ประสานงาน คุณเลิศ  บุญเกาะโทร. 081-9669142

 

นอกจากนี้ท่านสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและแจ้งขอรับความช่วยเหลือหรือประสานงานเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายการตลาดทีทีแอนด์ที โทร. 02-6932100 ต่อ 4601 , 4620 หรือ โทร 085-4858012.
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2580 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 17:30:45 »

ข่าวของอุตุนิยมฉบับล่าสุดครับ ภาวะน้ำท่วมซ้ำซ้อนจาก "พายุเมกี" คงไม่เกิดขึ้นแล้ว

ประกาศเตือนภัย
"ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน"

ฉบับที่ 32 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2553
 
     
ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกต่อไปได้อีก แต่ปริมาณจะลดลง สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออก ยังคงต้องระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมต่อไปอีก
ในช่วงวันที่ 19 - 22 ต.ค. มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่เข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา
อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “เมกี” (MEGI) ได้เคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลางแล้ว คาดว่า จะเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ใกล้เกาะฮ่องกง ในช่วงวันที่ 22-23 ตุลาคม 2553 ซึ่งพายุนี้จะไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2581 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 18:01:04 »

พายุ"เมกิ" จีนรับไปเต็มๆ

วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 11:27:34 น.  มติชนออนไลน์
เอเชียระส่ำ"พายุเมกิ"ร้ายหนัก จีนอพยพผู้คนเรือนแสนหนี เวียดนามตายแล้ว 21 ศพ


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า ซูเปอร์พายุ"เมกิ"ได้ถล่มฟิลิปปินส์อย่างหนัก และทำให้มีผู้เสียชีวิต10 ราย และขณะนี้พายุได้เคลื่อนตัวด้วยระดับความเร็ว 140 ไมล์ต่อชม.และอาจรุนแรงขึ้นได้ในวันอังคารนี้ โดยจีนจะกลายเป็นประเทศต่อไปที่จะเผชิญพายุนี้ ซึ่งคาดว่าพายุจะถล่มพื้นทางตอนใต้ของจีน ขณะที่ทางการจีนได้ได้อพยพผู้คนนับแสนคนจากหมู่บ้านต่าง ๆ ในมณฑลไฮหนาน หลังเกิดน้ำท่วมก่อนหน้านี้จากพิษฝนตกหนักจากแรงพายุ



นอกจากนี้ แรงพายุยังทำให้เกิดน้ำท่วมระดับรุนแรงเป็นประวัติการณ์ในมณฑลนี้ และกระทบต่อถนน เขื่อนซึ่งมีน้ำล้น และระบบเครือข่ายโทรคมนาคมถูกตัดขาด ไปทั่วเมือง




ส่วนที่เวียดนาม แรงพายุทำให้มีฝนตกหนักและน้ำท่วม ทำให้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 21 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนว่า พายุมากิอาจส่งผลให้ประเทศประสบภาวะน่าสลดเพิ่มขึ้น หลังก่อนหน้านี้เวียดนามเพิ่งเผชิญพายุถล่มประเทศ และชาวบ้านส่วนหนึ่งเพิ่งจะได้คืนถิ่นฐาน และบางส่วนยังไม่ได้กลับคืนถิ่นฐาน แต่ก็ต้องอพยพออกจากบ้านอีกรอบเพราะพายุมากิมาเยือน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287462569&grpid=&catid=06
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2582 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 20:53:10 »

  พี่แอ๊ะเเอ๊ะเป็นคนแรก ของชาวเวบนี้ที่ได้เจอ อุทกภัยคราวนี้
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #2583 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 22:34:49 »



สถาปนิกเขาดีไซน์ไว้แบบนี้มังครับ
ไม่ได้เอียงเพราะถูกพระพายพัดหรอก
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2584 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 14:33:22 »

อีก 14-18 วัน น้ำจากโคราช, เพชรบูรณ์และชัยภูมิ จะไปถึงเมืองอุบลราชธานี เพื่อไหลลงแม่น้ำโขงครับ
      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2585 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 12:18:31 »

จะไปขึ้นเครื่องไปกทม. แล้ว ไปเฝ้าดูบ้านใหม่ อีกแห่งหนึ่งที่ถนนศรีนครินทร์

จะไปทำกำแพงไม่ให้น้ำเข้า หุๆๆๆๆ


เห็น ท่านอธิบดี อุตุนิยม วิทยา ท่าน เหยงบอกว่า น้ำ จะไหลลงสุดท้าย ที่เเม่น้ำโขง

เป็นอันว่าในเวบนี้พี่แอ๊ะเจอทั้ง ตอนต้นน้ำ และตอนปลายน้ำ เลย อิๆๆๆๆๆ


น้องท่านไหน ที่บอกให้พี่แอ๊ะมีทั่ง i-pod- i-pad

ต้องนี้พี่แอ๊ะมีทุก I เลยค่ะ ต้องหาตะกร้าใส่ตรื่องมือสื่สารทุกชนิด

กลัวต๊กข่าวววววววววววววววววว ชาวหอ นี่แหละ555555
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2586 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 14:32:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 22 ตุลาคม 2553, 13:43:35
พี่ตู่ครับ

น่าห่วงจังหวัดที่น้ำจะไหลผ่าน เช่น สายแม่น้ำมูล มี-->บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีษะเกษ-อุบลราชธานี-->แม่น้ำโขง
                                                  สายแม่น้ำชี มี-->ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี-->แม่น้ำโขง
ไม่เห็นมีส่วนราชการใดแจ้งเตือนให้ อบต. เทศบาล อำเภอ อบจ. ให้สำรวจและเปิดเส้นทางน้ำทั้ง ชี & มูล ให้น้ำไหลสะดวก
ตลอดจนให้ชาวบ้านในจังหวัดที่ว่านี้ ขนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยง รวมทั้งครอบครัวหนีน้ำ-ขึ้นที่สูงไว้ก่อน
เฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งน้ำจากทั้ง ชี & มูล จะไหลไปลงแม่น้ำโขง ต้องระวังมากๆทีเดียว
ถ้าวางแผนพลาด น้ำ 2 ส่วนนี้เล่นเมืองอุบลฯ จนบาดาลแน่นอน


พี่แอ๊ะครับ

ยโสธร อุบลราชธานี มีเวลาอีกประมาณ 10 วันเศษ ในการเตรียมรับมือกับน้ำที่ผ่าน ชี & มูล เพื่อออกแม่น้ำโขง
พี่บอก อบจ.ให้เตรียมเคลียร์เส้นทางน้ำไหล เก็บสิ่งของ ย้ายสัตว์เลี้ยง และครอบครัว ขึ้นที่สูงไว้ก่อน
กันปัญหาน้ำซึ่งมีปริมาณน้ำมากเมื่อรวมน้ำทั้ง 2 สายครับ ประเภท กันไว้ดีกว่าแก้ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2587 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 17:01:35 »

คั่นรายการด้วยภาพนางสาวไทย ซึ่งเป็นนิสิตนิเทศน์ศาสตร์ จุฬาฯ ปี 4

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2588 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 17:02:57 »

จังหวัด อำเภอ ซึ่งประสบภัยน้ำท่วม

ปภ.เผยน้ำท่วมแล้ว 29 จังหวัด เดือดร้อนเกือบ 2 ล้านคน ตาย 17
22 ตุลาคม 2553 15:30 น.

 
       กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถานการณ์น้ำท่วม 12 วัน มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 29 จังหวัด 186 อำเภอ ราษฎรเดือดร้อน 4.5 แสนครัวเรือน เกือบ 2 ล้านคน พบผู้เสียชีวิตแล้ว 17 ราย สูญหาย 1
       
       นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในระหว่างวันที่ 10-22 ตุลาคม 2553 มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 29 จังหวัด 186 อำเภอ 1,355 ตำบล 8,609 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 456,823 ครัวเรือน 1,280,344 คน ผู้เสียชีวิต 17 ราย สูญหาย 1 ราย ถนนไม่สามารถใช้สัญจรได้รวม 17 เส้นทาง ใน 7 จังหวัด ดังนี้
       
       จ.พิจิตร น้ำในแม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งใน 5 อำเภอ 19 ตำบล 34 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,120 ครัวเรือน 4,000 คน ได้แก่ อำเภอสามง่าม โพธิ์ประทับช้าง บึงนางราง โพทะเล และสากเหล็ก
       
       จ.ชัยนาท น้ำท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ 40 ตำบล 342 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 16,940 ครัวเรือน 44,987 คน ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท เนินขาม หันคา วัดสิงห์ หนองมะโมง มโนรมย์ และสรรพยา
       
       จ.สุพรรณบุรี น้ำในแม่น้ำท่าจีนไหลเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ 61 ตำบล 304 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 44,300 ครัวเรือน 121,436 คน ได้แก่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี บางปลาม้า สองพี่น้อง สามชุก หนองหญ้าไซ และเดิมบางนางบวช
       
       จ.อ่างทอง น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ 52 ตำบล 215 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,950 ครัวเรือน 4,335 คน ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง ป่าโมก ไชโย วิเศษชัยชาญ โพธิ์ทอง สามโก้ และแสวงหา
       
       จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำลพบุรี แม่น้ำน้อย เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มการเกษตรใน 5 อำเภอ 54 ตำบล 297 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 4,494 ครัวเรือน 13,977 คน ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา บางไทร มหาราช ผักไห่ และบางบาล
       
       จ.ระยอง น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 6 ตำบล 32 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองระยอง และวังจันทร์
       
       จ.ตราด เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเกาะช้าง และแหลมงอบ
       
       จ.สระแก้ว น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ 10 ตำบล 1 เทศบาล 32 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 6,346 ครัวเรือน 25,800 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 40,000 ไร่ ได้แก่ อำเภออรัญประเทศ วังน้ำเย็น ตาพระยา และโคกสูง
       
       จ.นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ 31 อำเภอ 376 ตำบล 2,158 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 452,174 ไร่ ได้แก่ อำเภอเมืองนครราชสีมา สูงเนิน ขามทะเลสอ โนนแดง คง เสิงสาง หนองบุญมาก จักราช เทพารักษ์ ด่านขุนทด บ้านเหลื่อม โนนสูงโชคชัย พิมาย โนนไทย ห้วยแถลง ปากช่อง สีคิ้ว ปักธงชัย ขามสะแกแสง เฉลิมพระเกียรติ พระทองคำ บัวใหญ่ ครบุรี บัวลาย เมืองยาง ศรีดา ชุมพวง วังน้ำเขียว ลำทะเมนชัย และแก้งสนามนาง
       
       จ.ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 4 ตำบล 14 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,870 ครัวเรือน 5,610คนได้แก่ อำเภอนาดี และกบินทร์บุรี ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ
       
       จ.ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ 120 ตำบล 1,012 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี โคกสำโรง ชัยบาดาล พัฒนานิคม ลำสนธิ ท่าหลวง หนองม่วง สระโบสถ์ โคกเจริญ บ้านหมี่ และท่าวุ้ง
       
       จ.นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 25 ตำบล ราษฎรเดือดร้อน 2,226 ครัวเรือน 6,698 คน ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ ตาคลี ลาดยาว หนองบัว ท่าตะโก และไพศาลี
       
       จ.ชัยภูมิ น้ำท่วมในพื้นที่ 16 อำเภอ 113 ตำบล 1,305 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 63,610 ครัวเรือน 185,742 คน ได้แก่ อำเภอเมืองชัยภูมิ เกษตรสมบูรณ์ ภูเขียว บำเหน็จณรงค์ เนินสง่า จัตุรัส บ้านเขว้า แก้งคร้อ หนองบัวแดง หนองบัวระเหว คอนสวรรค์ ซับใหญ่ คอนสาร ภักดีชุมพล เทพสถิติ และบ้านแท่น
       
       จ.สระบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 13 อำเภอ 111 ตำบล 86,1000 ครัวเรือน 185,995 คน เสียชีวิต 1 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองสระบุรี บ้านหม้อ พระพุทธบาท มวกเหล็ก แก่งคอย วังม่วง เสาไห้ เฉลิมพระเกียรติ ดอนพุด หนองแซง หนองแค วิหารแดง และหนองโดน
       
       จ.เพชรบูรณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ 49 ตำบล 271 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หนองไผ่ ศรีเทพ บึงสามพัน และวิเชียรบุรี
       
       นครนายก น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบ้านนา 2 ตำบล ราษฎรเดือดร้อน 500 ครัวเรือน 1,500 คน
       
       จ.ศรีสะเกษ น้ำล้นสปริงเวย์เข้าท่วมในพื้นที่อำเภอขุนหาญ ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ
       
       จ.ตาก น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 39 ตำบล 1 เทศบาลนคร 267 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 30,332 ครัวเรือน 100,006 คน ได้แก่ อำเภออุ้งผาง พบพระ แม่สอด ท่าสองยาง แม่ละมาด และบ้านตาก
       
       จ.สุรินทร์ น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ 33 ตำบล 252 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 25,422 ครัวเรือน 96,594 คน ได้แก่ อำเภอเมืองสุรินทร์ สังขะ บัวเชด ศรีขรภูมิ ศรีณรงค์ ชุมพลบุรี และกาบเชิง
       
       จ.บุรีรัมย์ น้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ 62 ตำบล 485 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 13,275 ครัวเรือน 51,877คน ความเสียหายอยู่ในระหว่างการสำรวจ ได้แก่ อำเภอโนนดินแดง สตึก ปะคำ บ้านกรวด ประโคนชัย เฉลิมพระเกียรติ ละหานทราย นางรอง หนองหงส์ ลำปลายมาศ และชำนิ
       
       จ.ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ 27 ตำบล 153 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 4,582 ครัวเรือน 16,084 คน ได้แก่อำเภอภูผาม่าน บ้านไผ่ และชุมแพ
       
       จ.นนทบุรี แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 54 ตำบล 128 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 15,027 ครัวเรือน 17,940 คน ได้แก่ อำเภอเมืองนนทบุรี ปากเกร็ด บางกรวย บางใหญ่ บางบัวทอง และไทรน้อย
       
       จ.ปทุมธานี น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ 39 ตำบล ราษฎรเดือดร้อน 13,197 ครัวเรือน 26,394 คน ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี สามโคก ลาดหลุมแก้ว ธัญบุรี ลำลูกกา คลองหลวง และหนองเสือ
       
       จ.กำแพงเพชร น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 33 ตำบล 248 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 31,758 ครัวเรือน 33,763 คน ได้แก่ อำเภอขาณุวรลักษบุรี ปางศิลาทอง ไทรงาม บึงสามัคคี ทรายทองวัฒนา ทรายทอง พรานกระต่าย
       
       จ.นครปฐม แม่น้ำท่าจีนเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่อำเภอบางเลน และปริมาณน้ำแม่น้ำท่าจีนในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม นครชัยศรี สามพราน กำแพงแสน มีระดับสูงขึ้น
       
       จ.อุทัยธานี น้ำจากแม่น้ำวงก์และคลองโพธิ์ ไหลเข้าสู่แม่น้ำแควตากแดด ส่งผลทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ตำบลเนินแจง และตำบลโนนเหล็ก อำเภอเมืองอุทัยธานี พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 300 ไร่ ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องแล้ว
       
       จ.สิงห์บุรี น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่อำเภออินทร์บุรี 2 ตำบล 1 เทศบาล 18 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,042 ครัวเรือน 2,084 คน
       
       จ.จันทบุรี ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองจันทบุรี แก่งหางแมว เขาคิชฌกูฏ มะขาม สอยดาว และโป่งน้ำร้อน
       
       จ.เชียงใหม่ น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ 25 ตำบล 109 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 5,901 ครัวเรือน 14,867 คน ได้แก่ อำเภอดอยเต่า ชัยปราการ แม่วาง จอมทอง ดอยหล่อ ฮอด สันป่าตอง และสะเมิง
       
       นอกจากนี้ จ.ลำปาง เกิดดินถล่มทับเส้นทางลำปาง-เชียงใหม่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 28-29 ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร
       
       สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ประสบภัยได้จัดส่งเรือท้องแบน 650 ลำ ถุงยังชีพ 88,760 ถุง เต๊นท์ 116 หลัง ไปติดตั้งเพื่อให้ผู้ประสบภัยมีที่พัก อาศัยชั่วคราว รถผลิตน้ำดื่ม 8 คัน น้ำดื่ม 75,209 ขวด เครื่องสูบน้ำ 134 เครื่อง รถกู้ภัยทุกชนิด 463 คัน รถไฟฟ้าส่องสว่าง 4 คัน สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

 
 
 
http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000149214
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2589 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 17:10:38 »

จังหวัดขอนแก่น, บุรีรัมย์, สุรินทร์ และศรีษะเกษ มีอยู่ในรายชื่อประสบภัยแล้ว

ยังเหลือ มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร และอุบลราชธานี ที่น้ำยังไปไม่ถึง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2590 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 19:46:20 »

ฝั่งพม่าก็คงจะไม่เบาเป็นแน่ หากเจอลูกนี้เข้า ฉลองรับวันเลือกตั้ง

ฝั่งทะเลจีนใต้ เพิ่งจะผ่านซูปเปอร์ไต้ฝุ่นเมกี Megi ไป, ฝั่งทะเลอินเดีย-อันดามัน เจอลูกใหญ่เท่ากันอีกลูกแล้ว

หม่องหนาวแน่ ไซโคลน “กิริ” พุ่งเข้าถล่มเขตบ่อก๊าซเบงกอล
22 ตุลาคม 2553 18:14 น.

 
ภาพขององค์การนาซ่าสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในบ่ายวันพฤหัสบดี (21 ต.ค.) "กิริ" (GIRI) ไต้ฝุ่นแห่งมหาสมุทรอินเดีย กำลังปั่นตัวเองอย่างพลุ่งพล่าน ในทะเลเบงกอล ห่างเมืองท่าสิตต่วย (Sittwe) ของพม่าเพียง 250 กม. ไซโคลนระดับ 4 หันหัวพุ่งเป้าขึ้นฝั่งในสุดสัปดาห์นี้ อาละวาดเหนือ "ทุ่งก๊าซ" พม่า ก่อนเข้ามัณฑะเลย์ (Mandalay)

       ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- เฉียดไปเฉียดมาหลายครั้งตั้งแต่เดือนที่แล้ว คราวนี้เห็นทีจะเลี่ยงยาก ไซโคลน “กิริ” ความแรงเท่าไต้ฝุ่นระดับ 4 กำลังเร่งความเร็วอยู่ห่างจากเมืองท่าสิตต่วย (Sittwe) เพียง 200 กม.ในวันศุกร์ (22 ต.ค.) นี้ คาดว่าจะเข้าถึงฝั่งในสุดสัปดาห์
       
       องค์การพยากรณ์อากาศหลายแห่งทั่วโลก เตือนพม่าให้เตรียมรับมือกับพายุกิริ ก่อที่ตัวขึ้นในทะเลเบงกอล วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ในบริเวณใกล้ชายฝั่งภาคตะวันตกของพม่า ทำท่าจะไม่มีพิษสงอะไร เช่นเดียวกับพายุ 2 ลูก ปลายเดือนที่แล้วกับต้นเดือนนี้ ซึ่งมีความแรงระดับหย่อมความกดอากาศต่ำ
       
       สำนัก TSR ในกรุงลอนดอน ศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center) สหรัฐฯ และ กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (Indian Meteorological Department) ต่างคำออกเตือนในวันศุกร์นี้ เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของไซโคลนกิริ ซึ่งขึ้นสู่ระดับที่มีความรุนแรงมาก (C4)
       
       แผนที่พยากรณ์อากาศของ TSR ที่ออกในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นไซโคลนกิริ พุ่งตรงเข้าสู่เมืองท่าสำคัญของรัฐระไค (Rakhine) หรือ ยะไข่ ทะลวงเข้าสู่ภาคกลางตอนบน เฉียดเมืองมัณฑะเลย์ (Mandalay) ไปจนถึงตอนเหนือของรัฐชาน โดยคาดว่า จะอ่อนกำลังลงเป็นระดับ 2 และ 1 และกลายเป็นพายุโซนร้อน แต่มีกำลังมากพอที่จะทำให้เกิดอุทกภัยซ้ำสอง
       
       ในเดือนนี้ภาคตะวันตกของพม่า ซึ่งรวมทั้งระไค และ ภาคกลางตอนบน รวมทั้งเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่า ประสบอุทกภัยรุนแรงไม่แพ้ในประเทศเพื่อนบ้านแถบนี้ หลังจากเกิดฝนตกติดต่อกันหลายวันกินอาณาบริเวณกว้าง
       
       แถบชายฝั่งเบงกอลที่อยู่ในเส้นทางเคลื่อนตัวของไซโคลนกินริ ยังเป็นเขตบ่อก๊าซใหญ่ 2-3 แห่งที่ค้นพบและเตรียมผลิตส่งจำหน่ายให้จีน นอกจากนั้นยังเขตแหล่งก๊าซใหญ่ของพม่า ที่ตั้งแปลงสำรวจ A-1, A-2 และ A-3
       
       ในวันแรกของเดือน พ.ค.2551 ไซโคลนนาร์กิส พัดเข้าเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดีของพม่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1 แสนคน อีกเท่าๆ กันยังสูญหาย

 
แผนที่พยากรณ์อากาศของ TSR ในกรุงลอนดอน แสดงเส้นทางของกิริเป็นเส้นสีแดง ไซโคลนซึ่งมีความแรงเท่ากับไต้ฝุ่นระดับ 4 ในแปซิฟิก ตะขึ้นบกสุดสัปดาห์นี้ 

 
แผนที่พยากรณ์อากาศของ TSR ในกรุงลอนดอน ที่ออกในวันศุกร์ (22 ต.ค.) นี้ แสดงความแรงที่ศูนย์กลางและในรัศมีโดยรอบของไซโคลนกิริ ซึ่งจะขึ้นฝั่งใกล้เมืองท่าสิตต่วย (Sittwe) สุดสัปดาห์นี้  

 
 
 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000149300
 
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #2591 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2553, 22:47:58 »

แถวนันทวัน ศรีนครินทร์ น้ำคงไม่ท่วม มั้งครับพี่แอ๊ะ ... เชื่อมือ แลนด์แอนด์เฮาส์ ^_^


อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 22 ตุลาคม 2553, 12:18:31
จะไปขึ้นเครื่องไปกทม. แล้ว ไปเฝ้าดูบ้านใหม่ อีกแห่งหนึ่งที่ถนนศรีนครินทร์

จะไปทำกำแพงไม่ให้น้ำเข้า หุๆๆๆๆ


เห็น ท่านอธิบดี อุตุนิยม วิทยา ท่าน เหยงบอกว่า น้ำ จะไหลลงสุดท้าย ที่เเม่น้ำโขง

เป็นอันว่าในเวบนี้พี่แอ๊ะเจอทั้ง ตอนต้นน้ำ และตอนปลายน้ำ เลย อิๆๆๆๆๆ


น้องท่านไหน ที่บอกให้พี่แอ๊ะมีทั่ง i-pod- i-pad

ต้องนี้พี่แอ๊ะมีทุก I เลยค่ะ ต้องหาตะกร้าใส่ตรื่องมือสื่สารทุกชนิด

กลัวต๊กข่าวววววววววววววววววว ชาวหอ นี่แหละ555555
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2592 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 12:32:23 »

เส้นทางที่สมควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากถูกน้ำท่วมและรถยนต์ไม่สามารถใช้สัญจร

วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:11:05 น.  มติชนออนไลน์
เปิดรายชื่อ 26 เส้นทาง น้ำท่วมรถผ่านไม่ได้ ใน 11 จังหวัด พร้อมแนะถนนหลีกเลี่ยง


กรมทางหลวงประกาศเส้นทางน้ำท่วมที่รถผ่านไม่ได้จำนวน 26 เส้นทาง ในพื้นที่ 11 จังหวัด พร้อมแนะนำเส้นทางหลีกเลี่ยง 
 

สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวง ได้แจ้งเส้นทางน้ำท่วมที่รถผ่านไม่ได้ ในพื้นที่จังหวัดต่างๆที่ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากมีระดับน้ำสูง และบางสายเส้นทางมีสภาพชำรุด โดยมีทั้งสิ้น 26 เส้นทาง ในพื้นที่ 11 จังหวัด ดังนี้
 

จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 3 สายทาง
 

1.ทางหลวงหมายเลข  1 "ทางน้ำ(ม่วงหัก)-สี่แยกเดชาติวงศ์ ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมจุด U-TURN สะพานเดชาติวงศ์ สูง 170 ซม. ที่กม.339+776 ให้ใช้จุด U-TURN ที่กำหนดให้ แทน"นครสวรรค์-เก้า เลี้ยว ท้องที่อำเภอบรรพตพิสัย น้ำท่วมสูง 50 ที่กม 7-10 ให้ใช้ทางหลวงชนบทสายกระทุมโทน-บางแก้ว- ตาขีด แทน"

2.ทางหลวงหมายเลข 122 "ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ด้านตะวันตก ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมจุด U-TURN สะพานด้านเหนือ สูง 180 ซม. ที่กม.8-9 ให้ใช้จุด U-TURN ที่กำหนดให้ แทน"

3.ทางหลวง หมายเลข  1072 "หนองเบน-ลาดยาว-วังซ่าน ท้องที่อำเภอลาดยาว น้ำท่วมสูง 40 ซม. ที่ กม. 12-29   เป็นแห่งๆให้ใช้ทางหลวงชนบท นว1001 หนองสังข์-ลาดยาว"


จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 สายทาง
 

1.ทางหลวงหมายเลข  32 "บางปะอิน-นครหลวง ท้องที่อำเภอปางปะอิน และอุทัยธานี น้ำท่วมจุด U-TURN ใต้สะพาน จำนวน 5 แห่ง สูง 20-40 ซม. ที่ กม.  4-20

2.ทางหลวงหมายเลข  3236 "อยุธยา-เสนา-บ้านสาลี  ท้องที่อำเภอบางบาล น้ำท่วมจุด U-TURN ใต้สะพานสีกุก สูง 130 ซม. ที่ กม.  10-11"

3.ทางหลวงหมายเลข 3467 "สามเรือน-กลางวังแดง ท้องที่อำเภอนครหลวง น้ำท่วมสูง 80 ซม. ที่ กม. 0-5 ให้ใช้เส้นทางสาย 329 ตอนนครหลวง-บางปะหัน แทน" "นครหลวง-ท่าเรือ ท้องที่ อำเภอท่าเรือ น้ำท่วมสูง 90 ซม. ที่ กม. 14-17 ให้ใช้เส้นทางสาย 329 ตอนนครหลวง-บางปะอิน แทน"
 

จังหวัดลพบุรี จำนวน 7 สายทาง


1.ทางหลวงหมายเลข 205"ม่วงค่อม-ลำนารายณ์ ท้องที่อำเภอชัยบาดาล น้ำท่วมสูง 100 ซม. ที่กม.  226-240 เป็นแห่งๆให้ใช้สาย 21 ม่วงค่อม-บึงสามพัน  แทน

2.ทางหลวงหมายเลข  311 "ทางเลี่ยงเมืองลพบุรี ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 70 ซม. ที่กม. 9-10 ให้ใช้ทางเขตเทศบาล แทน

3.ทางหลวงหมายเลข 3016 "ป่าตาล - ป่าหวาย ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 50-90 ซม. ที่กม. 0-5  เป็นแห่งๆ  ให้ใช้สาย 3196 ทางเลียบคลองชลประทาน แทน

4.ทางหลวงหมายเลข  3019 "เขาพระงาม-โคกกระเทียม ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 50 ซม. ที่กม. 1-2  ให้ใช้สาย 3196 ตอนบ้านหมี่-ลพบุรี แทน " 

5.ทางหลวงหมายเลข 3024 "บ้านหมี่-เขาช่องลม ท้องที่อำเภอบ้านหมี่ น้ำท่วมสูง 100 ซม.ที่กม. 6- 13 ให้ใช้สาย 3326 บ้านหมี่-หนองม่วง แทน" 

6.ทางหลวงหมายเลข 205 "โคกสำโรง-ลำนารายณ์ ท้องที่อำเภอชัยบาลดาล น้ำท่วมสูง 90 ซม. ที่ กม. 226-242 เป็นแห่งๆ ให้ใช้สาย 2089 ตอนน้ำสุด-ลำนารายณ์ แทน 

7.ทางหลวงหมายเลข   2256 "ท่าหลวง-ชัยบาดาล ท้องที่อำเภอชัยบาดาล น้ำท่วมสูง 65 ซม. ที่กม. 0-2 ให้ใช้สาย 21 ชัยบาดาล-บึงสามพัน แทน"
 

จังหวัดสระบุรี จำนวน 1 สายทาง
 

1.ทางหลวงหมายเลข 3034 "หน้าพระลาน-บ้านครัว ท้องที่อำเภอบ้านหมอ น้ำท่วมสูง 30-50 ซม. ที่กม.13-16ให้ใช้ สาย 3022 ตอนบ้านหมอ-ท่าเรือ แทน"
 

จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 1 สายทาง


1.ทางหลวงหมายเลข 3502 "สระบัวก่ำ-ดอนไร่ ท้องที่อำเภอหนองหญ้าไซ น้ำท่วมสูง 20 ซม. ที่ กม. 17-19 ให้ใช้เส้นทางสาย 4322 ตอน หนองหญ้าไซ้-ด่านช้าง แทน (น้ำไหลเชี่ยวเนื่องจากเขื่อนระบายน้ำออก)"
 

จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 3 สายทาง


1.ทางหลวงหมายเลข 3220 "อุทัยธานี-โกรกพระ ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 20 ซม. ที่ กม. 8-10 ให้ใช้สาย 32  เอเชีย ตอน นครสวรรค์-อุทัยธานี แทน "

2.ทางหลวงหมายเลข  3319 "เขาน้อย-ดอนหวาย ท้องที่อำเภอทัพทัน น้ำท่วมสูง 100 ซม. ที่ กม.  17-18 ให้ใช้ สาย 3221 ตอนอุทัยธานี- ทัพทัน  แทน"

3.ทางหลวงหมายเลข 3456 "หนองกระดี่-บ้านเขาดาวเรือง ท้องที่อำเภอทัพทัน น้ำท่วม สูง 20-60 ซม.ที่กม. 3-6ให้ใช้ทางสาย 3221 ตอนทัพทัน-อุทัยธานี"
 

จังหวัดสุโขทัย จำนวน 1 สายทาง


1.ทางหลวงหมายเลข 1293 สุโขทัย-บ้านใหม่ ท้องที่อำเภอเมือง น้ำท่วมสูง 20 ซม ที่กม.7-8
 

จังหวัด ลำพูน  จำนวน 1 สายทาง


1.ทางหลวงหมายเลข 106 "บ้านปาง-บ้านแพะ ท้องที่อำเภอบ้านโฮ่ง น้ำท่วมสูง 60 ซม. ที่กม. 112-114ให้ใช้ทางเบี่ยงเข้าบ้านโฮ่งหลวง แทน"
 

จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 4 สายทาง

1.ทางหลวงหมายเลข 206 "ทางเลี่ยงเมืองพิมาย (ตลาดแค-พิมาย) ท้องที่อำเภอพิมาย น้ำท่วม สูง 60-100 ซม.ที่กม. 0-10 เป็นแห่งๆให้ใช้สาย 206 ตอนพิมาย-ห้วยแถลง แทน "

2.ทางหลวง 224 "โชคชัย-ครบุรี ท้องที่อำเภอโชคชัย น้ำท่วมสูง 40 ซม. ที่กม. 1-2 เป็นแห่งๆ ให้ใช้ทางสาย 2421 ถนนเลียบคลองชลประทาน แทน ครบุรี-เสิงสาง ท้องที่อำเภอครบุรี น้ำกัดเซาะ ทางขาด. ที่กม. 16-17 เป็นแห่งๆ ให้ใช้สาย  2317 ตอนหนองกี่-โชคชัย แทน"

3.ทางหลวงหมายเลข 226 "นครราชสีมา-อ.เฉลิมพระเกียรติ ท้องที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ น้ำท่วม สูง 30-40 ซม.ที่กม 15-18 ผ่านได้เฉพาะรถใหญ่ รถเล็กให้ใช้ทางสาย 2298 ห้วยลับ-ด่านเกวียน แทน"

4.ทางหลวงหมายเลข 2421 "เขื่อนลำพระเพลิง-โชคชัย ท้องที่อำเภอโชคชัย น้ำท่วมสูง 10-40 ซม. ที่กม. 44-46 เป็นแห่งๆ ให้ใช้สาย 24 ปักธงชัย-โชคชัย แทน"
 

จังหวัดบุรีรัมย์  1 สายทาง

1.ทางหลวงหมายเลข 226 "หนองคู-ลำปลายมาศ ท้องที่อำเภอลำปลายมาศ น้ำท่วมสูง 45 ซม. ที่กม. 87-88  ให้ใช้สาย 2208 ประโคนชัย-กระสัง แทน"
 

จังหวัดขอนแก่น จำนวน 1 สายทาง

1.ทางหลวงหมายเลข  2038 "กุดฉิม-หนองบัวลำภู ท้องที่อำเภอหนองเรือ น้ำท่วมสูง 40 ซม. ที่กม. 3-5 ให้ใช้สาย 2133 ศรีบุญเรือง-ภูเวียง แทน"
 

สำหรับประชาชนที่ต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง หรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 และตำรวจทางหลวง 1193  ตลอด 24 ชั่วโมง   และสำนักงานประชาสัมพันธ์ 02-354-6530, 02-354-6668-76 ต่อ 2014 ,2031 ศูนย์บริหารงานอุบัติภัย สำนักบริหารบำรุงทาง 02-354-6551 ในวันเวลาราชการ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287897169&grpid=01&catid=

 

      บันทึกการเข้า
prapasri AH
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,256

เว็บไซต์
« ตอบ #2593 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 21:13:42 »

ไปกทม กลับมาแล้ว โดยเครื่องบินค่ะ
บ้านพระรามก้า ก็ไม่ท่วม บ้านศรีนครินทร์ก็ไม่ท่วม


เลยได้ไป กับ พรเทพ หอชาย 16 ไปสำรวจบ้านเช่า เเถมพระรามเก้า เขาไม่จ่ายค่าเช่ามาหลายเดือนแล้ว

ไปดูบ้าน โอโฮ.... พม่าอยู่เต็มเลย น่าสงสารผู้หญิงพม่า นั่งให้นมลูกอยู่ เห็นแล้วสงสาร

แต่คนที่ไม่จ่ายค่าเช่าคือ นายจ้างคนไทย อ่ะ

สงสาร คนไร้ราก แรงงานพลัดถิ่น ปัญหาประเทศชาติของไทย ที่ต้องเกิด เพราะเเรงงานต่างชาติเหล่านี้


อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 22 ตุลาคม 2553, 22:47:58
แถวนันทวัน ศรีนครินทร์ น้ำคงไม่ท่วม มั้งครับพี่แอ๊ะ ... เชื่อมือ แลนด์แอนด์เฮาส์ ^_^


อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 22 ตุลาคม 2553, 12:18:31
จะไปขึ้นเครื่องไปกทม. แล้ว ไปเฝ้าดูบ้านใหม่ อีกแห่งหนึ่งที่ถนนศรีนครินทร์

จะไปทำกำแพงไม่ให้น้ำเข้า หุๆๆๆๆ


เห็น ท่านอธิบดี อุตุนิยม วิทยา ท่าน เหยงบอกว่า น้ำ จะไหลลงสุดท้าย ที่เเม่น้ำโขง

เป็นอันว่าในเวบนี้พี่แอ๊ะเจอทั้ง ตอนต้นน้ำ และตอนปลายน้ำ เลย อิๆๆๆๆๆ


น้องท่านไหน ที่บอกให้พี่แอ๊ะมีทั่ง i-pod- i-pad

ต้องนี้พี่แอ๊ะมีทุก I เลยค่ะ ต้องหาตะกร้าใส่ตรื่องมือสื่สารทุกชนิด

กลัวต๊กข่าวววววววววววววววววว ชาวหอ นี่แหละ555555

w
      บันทึกการเข้า

ชาวหอ ชาวหอจุฬา สดใสเริ่งรา เมื่อมาร่วม สามัคคี
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2594 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553, 22:14:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 24 ตุลาคม 2553, 21:13:42
ไปกทม กลับมาแล้ว โดยเครื่องบินค่ะ
บ้านพระรามก้า ก็ไม่ท่วม บ้านศรีนครินทร์ก็ไม่ท่วม
[/size]

เลยได้ไป กับ พรเทพ หอชาย 16 ไปสำรวจบ้านเช่า เเถมพระรามเก้า เขาไม่จ่ายค่าเช่ามาหลายเดือนแล้ว

ไปดูบ้าน โอโฮ.... พม่าอยู่เต็มเลย น่าสงสารผู้หญิงพม่า นั่งให้นมลูกอยู่ เห็นแล้วสงสาร

แต่คนที่ไม่จ่ายค่าเช่าคือ นายจ้างคนไทย อ่ะ

สงสาร คนไร้ราก แรงงานพลัดถิ่น ปัญหาประเทศชาติของไทย ที่ต้องเกิด เพราะเเรงงานต่างชาติเหล่านี้



คนไทยที่ใช้แรงงานพม่าหรือต่างด้าว ควรจะมีใจให้เขาเหมือนกับที่จ้างแรงงานไทย อย่านึกแต่จะจ้างถูกๆ ไร้ความเมตตาอย่างนั้น
ข้อดีของแรงงานต่างด้าวคือ ยินดีทำงานมากกว่าแรงงานคนไทย ขอเพียงให้ได้เงินตามที่ตกลงกันไว้
ในมุมกลับ ก็สมควรคิดถึงสภาพของแรงงานไทยที่ไปอยู่ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฯ ก็คงไม่แตกต่างกับสภาพของต่างด้าวในไทยมากนักเช่นกัน

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2595 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 10:29:12 »

เป็นข่าวพอดีครับ

วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 09:39:59 น.  มติชนออนไลน์
องค์กรด้านแรงงาน-สิทธิมนุษยชน เล็ง ยื่นหนังสือต่อ"บัน คี มุน"ตรวจสอบการละเมิดสิทธิแรงงานข้ามชาติ

3 องค์กรแรงงานใหญ่นัดยื่นหนังสือต่อเลขาฯยูเอ็นวันนี้ จี้สอบละเมิดแรงงานข้ามชาติ แฉเจ้าหน้าที่ไทยร่วมมือขบวนการค้ามนุษย์ "เหิมเกริม"ซื้อ-ขายบนเรือระหว่างผลักดันกลับ ซัดรัฐบาลเมินแก้ปัญหา แนะ 6 ข้อปรับนโยบายแรงงานต่างด้าวใหม่


เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการมาเยือนประเทศไทยของ นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) วันที่ 26 ตุลาคมนี้ เครือข่ายองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน อาทิ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) ได้ทำหนังสือร้องเรียนเตรียมยื่นต่อนายบัน คี มุน เพื่อให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อแรงงานข้ามชาติพม่าที่ถูกผลักดันออกจากประเทศไทยเป็นการด่วน พร้อมกับมีข้อเสนอเเนะรัฐบาลไทยในการพัฒนานโยบายแรงงานข้ามชาติบนพื้นฐานของการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์


หนังสือร้องเรียนระบุว่า มีข้อมูลจากสื่อมวลชนหลายสำนัก โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศได้รายงานข่าวการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเป็นผลจากนโยบายกวาดล้างเเละผลักดันแรงงานข้ามชาติที่ไม่แสดงความประสงค์จะพิสูจน์สัญชาติ หรือแรงงานข้ามชาติที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างต่อเนื่อง อาทิ กรณีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไทยบางรายนำแรงงานที่ถูกจับกุมเเละผลักดันออกนอกไทยไปยังพื้นที่กักกันภายใต้ควบคุมของกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (ดีเคบีเอ) บริเวณริมแม่น้ำเมยฝั่งตรงข้ามกับ อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้งๆ ที่คนงานกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านั้นไม่ได้อยู่ในเขตการดูแลของดีเคบีเอ กรณีต่อมา เจ้าหน้าที่ไทยบางกลุ่มได้ขายแรงงานบนเรือขณะลอยลำอยู่ในน่าน จ.ระนอง เเละเกาะสองให้นายหน้าค้ามนุษย์ จากนั้นนายหน้าลักลอบนำกลับมาไทยอีกครั้ง กรณีเหล่านี้องค์กรด้านสิทธิแรงงาน องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศเเละนานาชาติเคยยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวตั้งเเต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่รัฐบาลไทยยังมิได้ดำเนินการใดๆ อย่างชัดเจน


หนังสือระบุต่อไปว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 รัฐบาลไทยเริ่มนโยบายการปราบปรามแรงงานข้ามชาติเข้าเมืองผิดกฎหมายและแรงงานที่ไม่แสดงความประสงค์จะเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 125/2553 เรื่อง "การจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจปราบปราม จับกุม เเละดำเนินคดีแรงงานข้ามชาติที่ไม่เเสดงความประสงค์จะพิสูจน์สัญชาติ ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553" กวาดล้างแรงงานข้ามชาติที่ไม่ได้จดทะเบียนเเละเเรงงานข้ามชาติที่ไม่ได้เเสดงความประสงค์พิสูจน์สัญชาติตามภายในเวลาที่กำหนด ขณะเดียวกันรัฐบาลยังประกาศโครงการหักเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งกลับแรงงานข้ามชาติ จากเเรงงานข้ามชาติ ส่งผลกระทบกับแรงงานข้ามชาติที่มีรายได้น้อย สะท้อนให้เห็นว่าการปรับสถานะแรงงานข้ามชาติให้ถูกกฎหมายและการกวาดล้างเเรงงานข้ามชาติ เป็นการเปิดโอกาสให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นระบบ ทั้งยังไม่สามารถแก้ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือเปิดโอกาสให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงสิทธิอันพึงได้รับ


มีข้อมูลเชื่อได้ว่าแรงงานข้ามชาติที่ถูกส่งต่อเข้าค่ายกักกันของกองกำลังดีเคบีเอ ต้องจ่ายค่าไถ่ตัวสูงถึงคนละ 2,500 บาท เพื่อกลับสู่ไทยอีกครั้ง ส่วนแรงงานข้ามชาติที่ถูกผลักดันกลับทางเรือไปยังเกาะสอง มีหลักฐานว่าถ้าแรงงานไม่มีเงินเเลกกับการปล่อยตัว จะถูกนำไปขายให้ขบวนการค้ามนุษย์ และมีนายหน้าลักลอบพากลับสู่ไทยŽ หนังสือระบุ


หนังสือดังกล่าวระบุด้วยว่า สรส. คสรท.และ มสพ.มีข้อเสนอแนะรัฐบาลไทยผ่านเลขาธิการยูเอ็น ดังนี้

1.รัฐบาลควรเชิญผู้รายงานพิเศษเเห่งสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนของผู้อพยพ ผู้รายงานพิเศษเเห่งสหประชาชาติด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ ผู้รายงานพิเศษเเห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน มาเยือนไทยเพื่อให้คำเเนะนำต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เเละให้ข้อเสนอเเนะปรับปรุงนโยบายการจัดการแรงงานข้ามชาติเพื่อให้เคารพสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติมากขึ้น


2.รัฐบาลควรระงับการผลักดันเเละจับกุมแรงงานข้ามชาติเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีทันที จนกว่าจะมีการตรวจสอบกรณีการละเมิดสิทธิดังกล่าวอย่างรอบคอบ เพื่อยุติการค้ามนุษย์ การแสวงประโยชน์โดยมิชอบ และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมดังกล่าวต้องถูกดำเนินคดีเเละลงโทษโดยผ่านกระบวนการที่โปร่งใส


3.เมื่อรัฐบาลประกาศว่านโยบายเปิดจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติครั้งใหม่เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมือ ดังนั้น การยกเลิกการกวาดล้างจะสร้างแรงจูงใจเเก่นายจ้างเเละเเรงงานข้ามชาติให้กล้าแสดงตัวเพื่อเข้าจดทะเบียนตามกฎหมาย


4.รัฐบาลควรจดทะเบียนแรงงานข้ามชาติรอบใหม่โดยเร็วด้วยวิธีการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส ยึดหลักนิติธรรมในการบริหารจัดการเเรงงานข้ามชาติ เเละหลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติ ตลอดจนถึงผู้ติดตามเเละครอบครัว


5.รัฐบาลไทยควรทบทวนนโยบายการนำเข้าแรงงานข้ามชาติถูกกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่แรงงานข้ามชาติพึงได้รับ เเละป้องกันการเเสวงประโยชน์โดยมิชอบจากแรงงานข้ามชาติ ทั้งด้านเศรษฐกิจเเละด้านอื่นๆ


6.รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการกำหนดนโยบายระยะยาว ให้มีหน่วยงานเฉพาะเพียงหน่วยงานเดียวทำหน้าที่บริหารการอพยพย้ายถิ่น เปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวเเรงงานข้ามชาติเอง นายจ้าง และภาคประชาสังคม เข้ามามีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287957333&grpid=00&catid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2596 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 10:46:37 »

คนไทยน้ำใจงาม..จนขึ้นชื่อ เป็นผู้บริจาค ลดับที่ 3 ของโลก..อ่านครับ

สังคมไทยใจบุญสุนทาน บริจาคจนติดอันดับโลก
24 ตุลาคม 2553 22:17 น.

 
       ภาพน้ำสีขุ่นไหลเชี่ยวกรากท่วมถนน ท่วมบ้านเรือน ภาพคนกำลังคว้าข้าวของจำเป็นใส่กะละมังใบยักษ์ อุ้มลูกจูงมือหลานเดินฝ่าน้ำออกจากบ้าน ภาพที่ชวนให้เศร้าและสัมผัสได้ถึงความสูญเสีย
       
       ขณะที่ภาพดังกล่าวฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ ภาพที่ฉายเคียงคู่กันไปตลอดก็คือ ภาพของธารน้ำใจจากคนไทยด้วยกันที่หลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย ภาพความช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งที่เข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่และช่วยรับข้าวของบริจาค ไปจนถึงการประชาสัมพันธ์ช่องทางรับบริจาคเงินที่สามารถเอาไปแปรรูปเป็นของใช้จำเป็นได้ทุกชนิด
       
       ปรากฏการณ์คนไทยใจบุญที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หรือในหลายๆ ครั้งที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น สึนามิหรือแผ่นดินไหวที่เฮติ ทำให้เรื่องที่จะกล่าวต่อไปเป็นเครื่องการันตีสังคมแห่งการให้ของคนไทยได้เป็นอย่างดีที่สุด เพราะมูลนิธิการกุศลระหว่างประเทศ (Charities Aid Foundation-CAF) ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่บริจาคเงินช่วยเหลือผู้อื่นมากเป็นอันดับ 3 ของโลก
       
       ที่มาของอันดับ 3
       
       มูลนิธิการกุศลระหว่างประเทศซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศอังกฤษ และมีสาขาย่อยอยู่ในหลายๆ ทวีป ได้ทำการสำรวจและจัดอันดับ 153 ประเทศทั่วโลกเกี่ยวกับการกุศล ซึ่งใช้พฤติกรรม 3 แบบเป็นเกณฑ์จัดอันดับ คือ การเป็นอาสาสมัครเพื่อการกุศล, การช่วยเหลือคนแปลกหน้า และการบริจาคเงิน การสำรวจนี้ใช้วิธีสอบถามประชาชนจำนวน 500-2,000 คน แล้วแต่ขนาดของประเทศว่าในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาได้เคยทำการกุศลใดมาบ้าง ผู้ที่มาวินเป็นอันดับ 1 ของโลกคือ ประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ (57 เปอร์เซ็นต์) รองลงมาคือประเทศแคนาดา และไอร์แลนด์ (56 เปอร์เซ็นต์)
       
       สำหรับประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้าชาติใดในโลก เพราะติดอันดับที่ 25 (42 เปอร์เซ็นต์) และเมื่อเจาะไปที่การบริจาคเงินอย่างเดียวแล้ว ไทยกลับไต่อันดับขึ้นมาเป็นที่ 3 ของโลก (73 เปอร์เซ็นต์) เท่ากับประเทศอังกฤษ
       
       เหตุการณ์นี้บอกอะไรได้บ้าง?
       
       สังคมพุทธ-วัฒนธรรมแห่งการให้
       
       ในหนึ่งวัน คนหนึ่งคนจะถูกสะกิดต่อมผู้ 'ให้' เกือบตลอดเวลา ผ่านทางตู้บริจาค ขอทานบนสะพานลอย หรือไฮเทคกว่านั้นคือทางข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือ และก็มักจะรู้สึกจากใจจริงว่าอยากจะให้เสมอ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะคนไทยเป็นผู้ที่มีจิตใจของการให้ โดยได้รับการปลูกฝังด้วยวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาเรื่องของการทำทานมาแต่ครั้งโบราณกาล พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ได้อธิบายถึงรากฐานแห่งความเชื่อนี้ว่า
       
       “เราจะเห็นได้ว่าหลักธรรมทางพุทธศาสนาที่เป็นระดับหลักธรรมสำคัญ แทบทั้งนั้นเริ่มต้นด้วยทาน เช่น หลักการทำบุญ 10 ประการที่เรียกว่าบุญกิริยาวัตถุก็เริ่มต้นด้วยข้อแรกคือ ทาน หลักทศพิธราชธรรมของนักการเมืองหรือธรรมาภิบาลสำหรับนักการเมืองก็เริ่มต้นด้วยทานเหมือนกัน ขณะเดียวกัน สังคมไทยก็มีการปลูกฝังอุดมคติแห่งการเป็นผู้ให้ผ่านงานพิธีกรรมต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานเทศมหาชาติพระเวชสันดรชาดก และพระเวชสันดรก็เป็นตัวอย่างของพระผู้ให้ นี่คือวิธีที่สังคมไทยปลูกฝังอุดมคติแห่งการให้โดยอาศัยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นเครื่องมือ คนไทยจึงกลายเป็นชาตินักให้ คนไทยมีหัวจิตหัวใจที่ผูกพันกับศาสนามาแต่เดิม”
       
       ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ทำงานด้านการกุศลมาอย่างยาวนาน เบญจวรรณ ตัมพานุวัตร ประธานมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต องค์กรหนึ่งที่มีส่วนช่วยรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในเหตุการณ์น้ำท่วม เธอคิดว่าการได้รับการจัดอันดับสูงขนาดนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ต่างประเทศเห็นคนไทยเป็นคนจิตใจดีมีน้ำใจ
       
       “เราถูกสอนมาว่าให้ทำความดีเผื่อแผ่ผู้อื่น ช่วยผู้ที่ด้อยกว่าเมื่อมีโอกาส และทุกคนที่มีความคิดและแสดงออกเช่นนี้คือชาวพุทธแท้ๆ ช่วยหรือบริจาคได้ตามกำลังเรา ถ้าไม่ช่วยกันยามลำบากแล้วจะไปช่วยกันตอนไหน คนเราจะเห็นน้ำใจความเมตตากันก็ตอนลำบาก”
       
       เศรษฐศาสตร์ของการให้
       
       แม้แต่ในเชิงเศรษฐศาสตร์เอง ก็มองปรากฏการณ์นี้ว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องของพระพุทธศาสนาอย่างไม่ต้องสงสัย หากแต่มีนัยทางเศรษฐศาสตร์ซ่อนอยู่ในกรอบความคิดแบบพุทธเหมือนกัน
       
       รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ยอมรับว่าไม่แปลกใจกับปรากฏการณ์ที่เกิดนี้ เพราะหากมองในแง่ของวัฒนธรรมต้องยอมรับว่า พระพุทธศาสนานั้นมีส่วนสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะความคิดที่ว่า การบริจาคหรือการให้ทานคือการสะสมบุญประเภทหนึ่ง
       
       “ถ้าตัวเลขนี้เป็นจริงก็ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพื้นฐานของคนไทยที่ชอบช่วยเหลือคนที่ลำบาก และผูกพันกับแนวคิดทางศาสนาค่อนข้างมาก ซึ่งหากถามว่าการให้แบบนี้หวังผลไหม ก็ต้องยอมรับว่าใช่ โดยในใจอาจจะรู้สึกว่าได้รับตอบแทนในที่สุด ซึ่งอาจจะมาในรูปของผลบุญก็จะส่งต่อไปยังชาติหน้า
       
        “ไม่เพียงแค่นั้น ตามหลักเศรษฐศาสตร์ยังมองอีกว่า การให้ก็เป็นเหตุให้เกิดความสุขเช่นเดียวกับการรับ ซึ่งการบริจาคก็ทำให้เกิดความสุขเช่นกัน”
       
       บริจาคใดคนไทยต้องการ
       
       ไม่มีใครปฏิเสธว่าการให้ทานในรูปแบบของเงิน เป็นการบริจาคที่ง่ายที่สุด เพราะสะดวกรวดเร็ว มีพกอยู่กับตัวตลอดเวลา และไม่ต้องลงแรง
       
       รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวว่านอกจากจะง่ายที่สุดแล้ว ยังมีภาระผูกพันน้อยที่สุดอีกด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับการให้ประเภทอื่นๆ อย่างเช่นการอุทิศตัวหรือทำงานสาธารณกุศล ซึ่งถือว่าขัดวัฒนธรรมไทยโดยรวมอย่างสิ้นเชิง
       
       “การเข้ามาลงแรง มันไม่ใช่วัฒนธรรมคนไทยนะ เพราะคนไทยพอให้เสร็จก็อย่ามายุ่งกับฉัน ขณะที่การช่วยงานมันเกี่ยวพัน แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบอะไรที่มันผูกพันยืดยาว และจากข้อสันนิษฐาน ผมคิดว่าคนที่ชอบบริจาคน่าจะเป็นคนชนชั้นกลางเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปกติไม่ชอบที่จะยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ให้เงินครั้งเดียวก็จบ ที่สำคัญเราต้องยอมรับด้วยว่าการดำรงชีวิตของคนไทยกับเมืองนอกก็แตกต่างกัน เพราะของเรามันไม่มีเวที ไม่มีลักษณะที่จะไปทำงานอาสาสมัครได้”
       
       แม้จะไม่มีพื้นที่สำหรับอาสาสมัครเพื่องานการกุศลมากนักในบ้านเรา ในสังคมพุทธศาสนาก็ยังมีการทำทานในอีกหลายรูปแบบ ซึ่งพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธีได้จำแนกประเภทออกมาให้เข้าใจได้ง่ายสำหรับคนทั่วไปว่า
       
       “คำว่าการให้ การบริจาค มันมีหลายรูปแบบ ไม่ใช่ว่าพูดถึงการให้ก็ต้องให้เงินเสมอไปนะ เช่น การช่วยเหลือเกื้อกูล การให้โอกาสแก่คนซึ่งขาดโอกาส การให้อภัยแก่คนที่ผิดพลาดไปแล้ว การให้ความรัก ความอบอุ่นแก่บุคคลในครอบครัว หรือการให้ความซื่อสัตย์สุจริตแก่แผ่นดินถิ่นเกิดของตน ตลอดจนถึงการมีจิตใจสาธารณะไม่เห็นแก่ตัว เพราะฉะนั้นเราควรขยายมิติของการให้ให้กว้างขวางออกไป ไม่ใช่แค่ว่าให้เงินให้ทองกันเท่านั้น แต่ควรจะรวมไปถึงการให้ในหลายๆ มิติที่กล่าวมาข้างต้นด้วย
       
       “ถ้าถามว่าการให้อะไรที่เหมาะสมที่สุดในสังคมไทยในเวลานี้นะ อาตมาคิดว่าการให้อภัยซึ่งกันและกันนี่แหละสำคัญที่สุดและจำเป็นที่สุดด้วย อภัยทานถือว่าเป็นทานอันยิ่งใหญ่ ซึ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมาสังคมไทยเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดชิงชัง ลองลดตัวเองให้ต่ำแล้วทำประเทศไทยให้สูง เราจะได้ช่วยให้ประเทศไทยมีโอกาสก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน”
       >>>>>>>>>>
       ………
       เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
       ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ


จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9530000149930
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2597 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 11:30:18 »

ตามต่อสถานการณ์น้ำในภาคอีสาน

วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 09:37:38 น.  มติชนออนไลน์
ผวจ.ศรีสะเกษ เรียกประชุมด่วนนายอำเภอติดตามสถานการณ์น้ำ


นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ว่า ตนได้เรียกประชุมนายอำเภอทุกอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ซึ่งในขณะนี้ปริมาณน้ำที่กักเก็บตามอ่างเก็บน้ำ 16 แห่งในจังหวัด คิดเป็น 104 เปอร์เซ็นต์ โดยมีปริมาณน้ำที่เกินกว่าที่กักเก็บได้จำนวน 13 อ่าง เช่น อ่างห้วยศาลา อ่างห้วยติ๊กซู อ่างห้วยสำราญ อ่างห้วยทา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย–กัมพูชา


"สำหรับปริมาณน้ำจากทางตอนบนของภาค เช่น นครราชสีมา ชัยภูมิ ซึ่งชลประทานจ.ศรีสะเกษ ได้ประเมินว่า ปริมาณน้ำที่ท่วมในพื้นที่จ.นครราชสีมา จะไหลลงสู่แม่น้ำมูล และจะไหลผ่าน บุรีรัมย์ สุรินทร์ และเข้าสู่จ.ศรีสะเกษ บริเวณพื้นที่ อ.ศิลาลาด ราษีไศล ยางชุมน้อย และกันทรารมย์ ซึ่งมีปริมาณสูงสุดเฉลี่ย 110 ล้านลูกบาศกเมตรต่อวัน ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ผมได้สั่งการให้อำเภอได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชน ระมัดระวังภาวะอุทกภัยตามเส้นทางน้ำไหล คาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณ 2–3 วันอีกด้วย" นายสมศักดิ์ กล่าว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287974267&grpid=03&catid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2598 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 14:12:17 »

พี่แอ๊ะครับ

เข้าไปอ่าน Matichon online พอดี, เห็นเป็นอย่างไร ??

วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 19:56:47 น.  มติชนออนไลน์
ส้วมกระดาษ สิ่งจำเป็นยามน้ำท่วม



ในสถานะการน้ำท่วมหลายจังหวัดในประเทศไทย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็น ได้รู้ว่าคนไทยยังมีน้ำใจ
และจิตใจที่เมตตาอยู่ 
 

ณ ขณะนี้ มีหลายองค์กร มีหลายกลุ่มคนที่ร่วมใจกันบริจาคช่วยน้ำท่วม
บ้างก็บริจาคเรื่องเงิน บางก็บริจาคอาหารและของใช้จำเป็น
แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ประสบภัยจำเป็นต้องใช้และหลายคนคิดไม่ถึง
นั้นคือ "ส้วมกระดาษ" ของมูลนิธิซิเมนต์ไทยที่ใช้ง่ายและขนส่งสะดวก
เพื่อใช้บรรเทาทุกข์ขั้นพื้นฐานของผู้ประสบภัย

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287914261&grpid=01&catid=
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #2599 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2553, 14:18:47 »

อ่านกันเองครับ

โหรแม่น-ท่วมหนัก เคยเตือน ชี้อีกหนาวขั้นหิมะ

'โสรัจจะ'ทำนายไว้! ในศาสตร์แห่งโหร ปีหน้า-มีนองเลือด

คลิ๊กเลย...
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEkxTVRBMU13PT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHhNQzB5TlE9PQ==
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 102 103 [104] 105 106 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><