23 พฤศจิกายน 2567, 23:51:44
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: มาดี มาทำสำมะโนประชากร ปี 2553  (อ่าน 4265 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2553, 19:15:11 »




 win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #1 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2553, 19:34:56 »


                              อย่าลืมงานสำคัญของชาติ
       ขอขอบคุณเวบไทยรัฐ วันจันทร์ 30 สิงหาคม พ.ศ.2553 ที่่เอื้อเฟื้อข่าว
            http://www.thairath.co.th/column/pol/hehapatee/107035

        เหมือนผมจะเคยเขียนเอาไว้ครั้ง 2 ครั้งแล้วว่า ประเทศไทยของเรานั้นดีอยู่อย่างหนึ่ง...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...จะวุ่นวาย จะร้อนหรือ เย็นแค่ไหน..."เดอะ โชว์ มัสต์ โกออน" หรือการแสดงจะยังมีต่อไป

        ใครมีหน้าที่แสดงอะไรก็แสดงไปตามหน้าที่ แม้จิตใจจะวอกแวกกับเหตุการณ์รอบด้านบ้าง แต่เมื่อถึงเวลาก็จะลงมือแสดงทันที ประเทศไทยของเราจึงก้าวหน้าไปได้เรื่อยๆ แม้จะสะดุดบ้างจะซวดเซบ้าง แต่เราก็สามารถลุกยืนตรงได้อย่างรวดเร็ว เพราะการที่ทุกคนยังทำหน้าที่ ของตัวเองอย่างไม่ท้อถอยนี่แหละครับ

         อย่างงานสำคัญของชาติอีกงานหนึ่งที่ผมจะเขียนถึงวันนี้...ได้รับคำยืนยันจากหน่วยงานรับผิดชอบว่า จะเดินหน้าต่อไปตามกำหนดการทุกประการจะมีบึ้ม จะมีทะเลาะกันอย่างไร? แค่ไหน?...แต่การจัดทำ

               "สำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ.2553" ก็จะดำเนินต่อไป

         นั่นก็คือ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน (มะรืนนี้แล้ว) จนถึง 30 กันยายน เป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆ สำนักงานสถิติแห่งชาติ  จะเดินหน้าสำรวจสัมภาษณ์ เพื่อเก็บข้อมูลจากทุกครัวเรือนทั่วประเทศ การสำรวจและจัดทำข้อมูลทางด้านสำมะโนประชากรนั้น ความจริงเป็นงานในระดับโลกที่ทุกๆประเทศจะดำเนินการในทุกๆ 10 ปี

        ในปีที่ลงท้ายด้วยเลขศูนย์ของคริสต์ศักราช จะเป็นปีแห่งการจัดทำสำมะโนประชากรที่เรียกว่า Census แทบทุกประเทศ ของเราซึ่งเดินตามหลักสากลอยู่แล้ว จึงถือว่าปี 2010 หรือ 2553 เป็นปีแห่งการจัดทำสำมะโนประชากรฯเช่นกัน
      
       ท่านที่ติดตามฟังข่าวคงจะทราบแล้วว่า ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 100 ปี ของการจัดทำสำมะโนประชากรฯของประเทศไทยเราด้วย เริ่มจากรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ได้มีการจัดทำสำมะโนประชากรขึ้นเป็นครั้งแรก โดย กระทรวงมหาดไทย เมื่อ พ.ศ.2452 ตามปูมประวัติศาสตร์ที่จดบันทึกไว้ ปรากฏว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบในการสำรวจและจัดทำรวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง ได้แก่ พ.ศ.2452 ซึ่งเป็นครั้งแรก แล้วก็ทำอีกใน พ.ศ.2462, 2472, 2480 และ 2490

        จนกระทั่ง พ.ศ.2503 เข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาประเทศ มีการจัดตั้ง สำนักงานสถิติแห่งชาติ ขึ้นเป็นครั้งแรกในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี งานใหญ่งานแรกของสำนักงานสถิติแห่งชาติก็คือ

        การจัดทำสำมะโนประชากร 2503 และได้ทำมาเรื่อยๆทุกๆ 10 ปี ตามคำแนะนำของสหประชาชาติใน พ.ศ.2513, 2523, 2533 และ 2543  ดังนั้น เนื่องในโอกาสที่จะมีการจัดทำสำมะโนประชากรและการเคหะ พ.ศ.2553 ตั้งแต่ 1-30 กันยายนนี้ ผมจึงใคร่ขอร้องวิงวอนท่านผู้อ่านทุกท่าน ได้โปรดให้ความร่วมมือแก่พนักงานสำรวจด้วยเถิด เขาถามอะไรมาก็ตอบไปตามความจริง...ผมกล้ายืนยันแทนในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่เก่าคนหนึ่งได้ว่า เขาจะเก็บเอาไว้เป็นความลับสุดยอด จะเปิดเผยก็ต่อเมื่อรวมกันเป็นตัวเลขกว้างๆแล้วเท่านั้น

         ยุคนี้ในการตอบข้อมูลสามารถทำได้ถึง 4 ทาง เริ่มจาก

1. แบบเก่าสุด คือสัมภาษณ์โดยตรง

2. การกรอกข้อมูลแล้วส่งกลับ

3. การตอบทางโทรศัพท์ ที่หมายเลข 1111 และ

4. การตอบทางอินเตอร์เน็ตที่เว็บไซต์ www.nso.go.th


        ท่านสะดวกแบบไหนใช้วิธีนั้นก็แล้วกัน ผมขออนุญาตสรุปว่า ไหนๆก็เป็นครั้งที่ 10 ของประเทศ หรือครบ 100 ปีพอดิบพอดีอย่างนี้แล้ว...โปรดช่วยกันเฉลิมฉลองโดยช่วยกันทำให้ สำมะโนประชากรครั้งนี้เป็นสำมะโนประชากรที่ดีที่สุดของประเทศไทย...จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

         ที่สำคัญรัฐจะใช้เงินภาษีอากรของพวกเราทุกๆคนนี่แหละ เพื่อการสำรวจถึง 800 กว่าล้านบาท...อย่าให้เงินก้อนนี้สูญเปล่าก็แล้วกัน.

               ซูม

   win win win
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #2 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 07:17:10 »


                

       ข้อมูลประชากร มีประโยชน์อย่างไร ทำไมต้องสำรวจทุก 10 ปี

                 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

       ในการวางแผน (Planing:P)พัฒนาประเทศ ต้องทราบ

                            ข้อมูลของประชากร

เพื่อนำมาเข้าสู่การวางแผน Plan : P
เพื่อนำมาปฏิบัติ Do : D และ
ประเมินผลการปฏิบัติตามระยะ Check : C
เมื่อพบปัญหาก็แก้ไข Action : A
ด้วยการวางแผน P ปฏิบัติ D ประเมิน C และ
แก้ไข A ตลอดเวลาที่ผ่านไป  

       วงจรคุณภาพ PDCA จะหมุนไปไม่หยุดนิ่ง คุณภาพของประเทศจะเพิ่มขึ้นตลอดไป

       นี้คือ ประโยชน์ และ สาเหตุของการทำสำมะโนประชากร ที่พวกเราประชาชนชาวไทย
จะต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อพัฒนาประเทศให้ ดียิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นไป ทุก 10 ปี

                 รักนะ รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><