http://www.thaipost.net/print/20170ภัยแดง และ ภัยแล้งBy thaipost
Created 1 Apr 2553 - 00:00
ขณะที่ใครต่อใครกำลังถกเถียงวิวาทะว่าด้วยเรื่องการยุบสภา ว่าจะยุบภายในกี่วัน กี่เดือนกันดี...สถานการณ์ภัยแล้งก็กำลังลุกลาม แผ่กว้าง ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ประเทศไทยไม่น้อยไปกว่า 59 จังหวัด 470 อำเภอ 3,096 ตำบล และ 25,798 หมู่บ้านกันแล้วในทุกวันนี้ แบ่งเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด อีสาน 19 จังหวัด ภาคกลาง 9 จังหวัด ตะวันออก 7 จังหวัด และภาคใต้ 7 จังหวัด...
-----------------------------------------------
โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง...เมื่อวานนี้ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 นาย วัลลภ เทพภักดี ได้ออกมาแจ้งข่าวว่า ในเขตพื้นที่ 4 จังหวัดอันประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ได้ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติไปแล้วอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากภาวะภัยแล้งได้แผ่ครอบคลุมไปทั่วทั้ง 61 อำเภอ 431 ตำบล 5,094 หมู่บ้าน ส่งผลกระทบต่อผู้คนประมาณ 454,820 ครัวเรือน หรือคิดเป็นจำนวนประชากร 1,724,300 คน ต้องตกอยู่ในสภาพขาดน้ำกิน น้ำใช้ ยิ่งถ้าหากเป็นน้ำเพื่อใช้ทำการเกษตรก็แทบไม่ต้องพูดถึง เพราะพื้นที่นาข้าวในบริเวณนี้ได้เสียหายไปแล้วไม่น้อยกว่า 13,000 ไร่...
-----------------------------------------------
เพียงแค่ในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิเท่านั้น...ทั้ง 16 อำเภอ ได้กลายเป็นพื้นที่ภัยพิบัติอันเนื่องจากความแห้งแล้งไปเรียบร้อยแล้ว ประชาชนจำนวนถึง 435,896 คน หรือ 145,032 ครัวเรือนที่อาศัยอยู่ใน 110 ตำบล 1,098 หมู่บ้าน ต่างก็ต้องประสบกับความเดือดร้อน ลำเค็ญ กันไปแทบทุกราย ไม่ต่างไปจากจังหวัดภาคตะวันออกอย่างจังหวัดตราด สถานการณ์ภัยแล้งได้ครอบคลุมครบถ้วนไปทั่วทั้งจังหวัด ส่วนจังหวัดภาคเหนืออย่างสุโขทัยนั้น ความแห้งแล้งของแม่น้ำยม ทำเอาการประปาส่วนภูมิภาคไม่สามารถผลิตน้ำประปาออกแจกจ่ายประชาชนไม่น้อยกว่า 45,000 คน ในตัวเมืองแท้ๆ ก็เลยต้องวิ่งออกหาน้ำดื่ม น้ำใช้ กันให้ขวัก ไม่ต่างไปจากจังหวัดตรังในภาคใต้ สถานการณ์ภัยแล้งแผ่กว้างไปถึง 10 อำเภอ 55 ตำบล 361 หมู่บ้าน ผู้คนประมาณ 22,942 ครัวเรือนต่างก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน...ฯลฯลฯลฯ...
------------------------------------------------
แต่ในบางพื้นที่...ก็ยังพอโชคดีอยู่บ้าง ที่เจ้าหน้าที่ทหารผู้ซึ่งกำลังถูกทำให้กลายเป็นศัตรูคู่แค้นของพวกเสื้อแดงอยู่ในขณะนี้ ได้พยายามนำเอารถบรรทุกน้ำ เข้าไปแจกจ่ายในแต่ละพื้นที่อย่างเป็นระลอก เช่นในแถบอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี แม้นว่าชาวบ้านจะอดน้ำมานานร่วมเดือน แต่เมื่อได้เห็นรถบรรทุกน้ำเข้าไปเยือนถึงที่ ความรู้สึกโกรธแค้น ชิงชัง อาฆาต แบบเหวงๆ อะไรทำนองนี้ ก็พอได้เหือดหายลงไปบ้าง แต่สำหรับบางพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ทหาร จังหวัด อำเภอ ยังตอบสนองไม่ทันการณ์ เช่น บางพื้นที่ในอำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ชาวบ้านก็เลยต้องเล่นบทชุมชนพึ่งตนเอง ออกขุดหาน้ำบาดาลจากเหมืองเก่าๆ ไปตามมีตามเกิด...
------------------------------------------------
และก็ยังมีอีกหลายๆ พื้นที่ ที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นระดับรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีก็ตาม มิอาจเข้าถึงได้เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะบางจังหวัดในภาคเหนือ และภาคอีสาน ไม่เพียงแต่รัฐมนตรีที่ลงไปตรวจสภาพความเป็นอยู่ของราษฎร จะถูกพวกเสื้อแดงตั้งป้อมไล่ล่า จนไม่มีโอกาสได้เห็นสภาพความทุกข์ ความเดือดร้อนใดๆ เท่านั้น กระทั่งนายกรัฐมนตรีที่พยายามแวบลงไปดูความแห้งแล้งของแม่น้ำโขง ก่อนที่จะเปิดการประชุมเจรจากับนานาชาติในอีกไม่กี่วันนี้ ก็ยังต้องเผ่นขึ้น ฮ. กลับกรุงเทพฯ แทบไม่ทัน...
------------------------------------------------
สภาพความเป็นไปของบ้านเมืองขณะนี้...มันก็เลยต้องเป็นไปในแบบนี้นั่นแหละท่าน เจอเข้ากับ ภัยแล้ง และ ภัยแดง แบบ 2 เด้งพร้อมๆ กัน โอกาสที่จะบรรเทาเบาบางภัยพิบัติในด้านใดด้านหนึ่ง มันจึงเต็มไปด้วยอาการติดๆ ขัดๆ กึกๆ กักๆ ยึกๆ ยักๆ โซงเลงๆ ไปด้วยประการฉะนี้ กว่าจะประชุมรัฐสภา ประชุม ครม.ได้ในแต่ละทีต้องฟันฝ่าวงล้อม ภัยแดง ชนิดเหงื่อหยดไปถึงหัวแม่เท้า แม้จะมีการพร่ำพูดวาจา เอ่ยอ้าง สันติวิธี อหิงสา
ขนาดไหนก็เถอะ กระทั่ง วอลเปเปอร์ ของนายกรัฐมนตรีหวิดๆ จะกลายเป็นพื้นปาเก้ หรือกลายเป็น พรมเช็ดเท้า ของ ภัยแดง ไปซะแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งจะมีการตั้งโต๊ะเจรจาไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่นาที...
-------------------------------------------------
ขนาด แดงแท้ ยังเหี้ยมโหด อำมหิตถึงขั้นนี้ ระดับ ส.ส.เสื้อแดงในพื้นที่อย่างนาย ทารุณ โหสถุล ถึงกับโดดขึ้นเวทีอวดโชว์ความรุนแรง แสดงความพร้อมที่จะกระทืบ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลในทุกกาลสถานที่แล้ว ยิ่งถ้าหากเป็น แดงเทียม ก็แทบไม่ต้องพูดถึงกันอีก ขณะที่ แดงแท้ เจรจาไป แดงเทียม ก็ขว้างระเบิดไป นับตั้งแต่ แดงแท้ ได้เคลื่อนทัพ 10 ทัพ เพื่อทำสงครามครั้งสุดท้ายมาประมาณ 2 อาทิตย์กว่าๆ แดงเทียม ก็เปิดฉากปาระเบิด วางระเบิด ยิงใส่ใครต่อใครมาประมาณกว่า 20 กรณี สันติวิธี...ก็เลยต้องกลายเป็นสันติ ลุนเผ่ (เปรี้ยงๆ ดังเสียงฟ้าฟาด) ไปจนได้...
------------------------------------------------
แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษสุดอีตัน ด้วยความเป็นนักประชาธิปไตยแท้ๆ ของท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่นเอง เรื่องราวของ ภัยแดง ไม่ว่า แดงแท้ หรือ แดงเทียม ตลอดไปจนถึงเรื่อง ภัยแล้ง มันจึงต้องเป็นไปแบบกึกๆ กักๆ ยึกๆ ยักๆ ด้วยประการฉะนี้ แม้นว่าความกึกๆ กักๆ ยึกๆ ยักๆ มันอาจจะไม่ตรงกับรสนิยมของคอซาดิสต์กันซักเท่าไหร่นัก...แต่ทำไงได้!!! ในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ มันก็คงต้องออกมาในลูกนี้นั่นแหละ การเอาชนะทางความคิดนั้น ถึงอาจจะดูช้าไปบ้าง แต่โดยผลลัพธ์ในขั้นตอนสุดท้าย ยังไงๆ ย่อมดีกว่าการเผด็จศึกด้วยกำลัง แม้นจะต้องทนกับความรู้สึกเปรี้ยวเท้ากันเพียงไรก็ตาม...
----------------------------------------------------
อย่างไรก็แล้วแต่...แม้นว่าเรื่อง ภัยแดง อาจต้องใช้เวลาเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ หรือต้องยืดเยื้อ คาราคาซัง ออกไปอีกซักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ก็อย่ามัวแต่มั่วกับ ภัยแดง จนลืมนึกถึงเรื่อง ภัยแล้ง ซะดื้อๆ และจะเอาเรื่อง ภัยแดง มาใช้เป็นข้ออ้างในการแก้ปัญหาเรื่อง ภัยแล้ง ก็คงไม่ถึงกับถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก ภายใต้ความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎร ไม่ว่าจะเป็นสีไหน ภาคไหน...ถึงจะต้อง ฝ่าดงตีน เพื่อเข้าไปช่วยบรรเทาความทุกข์ร้อนเหล่านี้
ก็คงต้องยอมนั่นแหละ เพราะถ้าขืนปล่อยให้เรื่อง ภัยแดง กับ ภัยแล้ง มันกลายเป็น คนละเรื่องเดียวกัน เมื่อไหร่ ต่อให้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษสุดลิ่มทิ่มกระดานขนาดไหน เป็นนักประชาธิปไตยบริสุทธิ์ซักปานใด รับรองว่ายังไงๆ ก็คงไม่เหลือถึง 240 เสียงแน่ๆ...
-----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก คาร์ไลล์...โดยทั่วไปแล้ว...การคำนึงถึงความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นกับเรา ย่อมให้ประโยชน์มากกว่าการโอ้อวดถึงความสำเร็จที่เราได้รับ...
-------------------------------------------------------
ท่านขุนน้อย
Source URL:
http://www.thaipost.net/news/010410/20170