หน้าแรกเว็บบอร์ด
แนะนำตัว
เพิ่ม/แก้.ข้อมูลส่วนตัว
ห้องโถงรวมรุ่น
Webสมาคมฯ
ปฏิทินนัดหมาย
สมัครสมาชิก
22 พฤศจิกายน 2567, 21:29:16
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน
[สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A
A
A
A
ระเบียบปฎิบัติ
Entire Forum
This board
This topic
Members
Entire Site
Languages
Cmadong Chula
|
เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น
|
ห้องสุขภาพและความงาม
| หัวข้อ:
สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
หน้า:
1
[
2
]
ทั้งหมด
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ) (อ่าน 23598 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
yc
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 557
Re: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
«
ตอบ #25 เมื่อ:
29 พฤษภาคม 2553, 11:18:08 »
สวัสดีครับพี่หมอสำเริง น้องบิ๊ก..ยศวินทร์
คุณแม่ของบิ๊กอาการดีขึ้นหรือยังครับ
ต้องไปตรวจหาเหตุตามคำแนะนำของพี่หมอสำเริงครับ
แต่..อย่าเพิ่งปักใจเชื่่อหมอที่ตรวจนะครับ
ถ้าฟังแล้วยังไม่สบายใจในข้อสันนิษฐานของหมอ
และรักษาไปสักระยะ อาการยังไม่ดีขึ้น
........................................
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญค้านการทำคลอดลูก ด่วนตัดสายสะดือ
นักวิจัยทางการแพทย์โวยวายขึ้นว่า การตัดสายสะดือเด็กทันทีที่คลอดออกมาเป็นการกระทำที่ด่วนได้ เป็นความเสียหายแก่ทารก หากว่ารอจนกว่าสายสะดือจะหมดหน้าที่ จะเป็นคุณกับสุขภาพเด็กอย่างสำคัญ
วารสารทางวิชาการ "เซลล์และโมเลกุลในทาง การแพทย์" ของสหรัฐฯ รายงานว่า ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยเซาธ์ ฟลอริดา ได้กล่าวเตือนสูติแพทย์ว่า การตัดสายสะดือเด็กทันที เป็นการเร็วไป ควรจะรอสัก 2-3 นาที
สาย สะดือ มีหน้าที่ลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนจากแม่เข้าสู่ท้องเด็ก การที่หมอรีบใช้ตัวหนีบยึดหนีบสายสะดือเสียก่อน ทำให้ทารกไม่ได้รับเซลล์ ต้นกำเนิดซึ่งมีคุณสมบัติในทางรักษาหลายอย่าง "มันไม่เพียงเป็นการให้เลือดตามปกติเท่านั้น หากยังเป็นการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดธรรมชาติหนแรกด้วย"
หัวหน้าคณะ นักวิจัย หมอปอล ซานเบิร์ก แจ้งว่า ปัญหาของทารกแรกเกิดปกติ มักจะเนื่องมาจากอวัยวะหลายอย่างที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ต้องอาศัยคุณสมบัติในการก่อตัวขึ้นใหม่ของเซลล์ต้นกำเนิดช่วยเหลือ ดังนั้น หากว่าชะลอการตัดสายสะดือเอาไว้ อาจจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะเจ็บป่วยด้วยโรคหลายโรค ตั้งแต่โรคทางเดินหายใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคโลหิตออกในสมอง โรคโลหิตจาง และโลหิตเป็นพิษ กับโรคตาลงได้ ยิ่งเป็นทารกที่คลอดก่อนกำหนดด้วย ยิ่งมีความสำคัญหนัก.
จากไทยรัฐออนไลน์ 29-5-53
http://www.thairath.co.th/content/life/85943
..................................................
อีกตัวอย่างของ "สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)"
เนื่องจากไม่เคยคิดและสังเกตเอง เรื่องนี้ถือเป็นของแถมครับ..
เอ้อ..นับ
เป็นเรื่องที่่ 5
ดีกว่า
บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์
รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915
Re: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
«
ตอบ #26 เมื่อ:
29 พฤษภาคม 2553, 12:16:20 »
อ้างถึง
ข้อความของ
yc
เมื่อ 29 พฤษภาคม 2553, 11:18:08
สวัสดีครับพี่หมอสำเริง น้องบิ๊ก..ยศวินทร์
คุณแม่ของบิ๊กอาการดีขึ้นหรือยังครับ
ต้องไปตรวจหาเหตุตามคำแนะนำของพี่หมอสำเริงครับ
แต่..อย่าเพิ่งปักใจเชื่่อหมอที่ตรวจนะครับ
ถ้าฟังแล้วยังไม่สบายใจในข้อสันนิษฐานของหมอ
และรักษาไปสักระยะ อาการยังไม่ดีขึ้น
........................................
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญค้านการทำคลอดลูก ด่วนตัดสายสะดือ
นักวิจัยทางการแพทย์โวยวายขึ้นว่า การตัดสายสะดือเด็กทันทีที่คลอดออกมาเป็นการกระทำที่ด่วนได้ เป็นความเสียหายแก่ทารก หากว่ารอจนกว่าสายสะดือจะหมดหน้าที่ จะเป็นคุณกับสุขภาพเด็กอย่างสำคัญ
วารสารทางวิชาการ "เซลล์และโมเลกุลในทาง การแพทย์" ของสหรัฐฯ รายงานว่า ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยเซาธ์ ฟลอริดา ได้กล่าวเตือนสูติแพทย์ว่า การตัดสายสะดือเด็กทันที เป็นการเร็วไป ควรจะรอสัก 2-3 นาที
สาย สะดือ มีหน้าที่ลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนจากแม่เข้าสู่ท้องเด็ก การที่หมอรีบใช้ตัวหนีบยึดหนีบสายสะดือเสียก่อน ทำให้ทารกไม่ได้รับเซลล์ ต้นกำเนิดซึ่งมีคุณสมบัติในทางรักษาหลายอย่าง "มันไม่เพียงเป็นการให้เลือดตามปกติเท่านั้น หากยังเป็นการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดธรรมชาติหนแรกด้วย"
หัวหน้าคณะ นักวิจัย หมอปอล ซานเบิร์ก แจ้งว่า ปัญหาของทารกแรกเกิดปกติ มักจะเนื่องมาจากอวัยวะหลายอย่างที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ต้องอาศัยคุณสมบัติในการก่อตัวขึ้นใหม่ของเซลล์ต้นกำเนิดช่วยเหลือ ดังนั้น หากว่าชะลอการตัดสายสะดือเอาไว้ อาจจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะเจ็บป่วยด้วยโรคหลายโรค ตั้งแต่โรคทางเดินหายใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคโลหิตออกในสมอง โรคโลหิตจาง และโลหิตเป็นพิษ กับโรคตาลงได้ ยิ่งเป็นทารกที่คลอดก่อนกำหนดด้วย ยิ่งมีความสำคัญหนัก.
จากไทยรัฐออนไลน์ 29-5-53
http://www.thairath.co.th/content/life/85943
..................................................
อีกตัวอย่างของ "สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)"
เนื่องจากไม่เคยคิดและสังเกตเอง เรื่องนี้ถือเป็นของแถมครับ
ตอบน้องยังชิน
คุณแม่ของบิ๊กอาการดีขึ้นหรือยังครับ
น้องบิ๊กส่งข่าวตอบมาว่ารักษาแบบกรดไหลย้อนแล้วดีขึ้นได้แนะนำให้ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามโรค
พี่ได้นำข่าวอย่าด่วนตัดสายสะดือนี้ไปโพสต์บอกให้ที่เวบ ร.พ.พนมสารคาม ให้ทุกคนได้ทราบแล้ว
ขอขอบคุณที่นำมาให้ทราบครับ
http://forums.212cafe.com/panom/board-2/topic-117.html
บันทึกการเข้า
3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
yc
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 557
Re: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
«
ตอบ #27 เมื่อ:
18 มิถุนายน 2553, 08:53:44 »
เรื่องที่ 6
จริงหรือถ้าเป็นเรื่องสุขภาพร่างกาย ต้องยกให้แพทย์ เภสัชกร
ความอึดอัดของผม พลุ่งพล่านมาหลายหนแล้ว เมื่อเห็นสื่อหรือนักวิชาการ มักแนะนำประชาชนไปในทำนองว่า
อย่าคิดเองอย่าตัดสินใจเอง ต้องปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร อะไรทำนองนี้
และยิ่งรายการตีสิบ เมื่ออังคารที่15มิย53 เรืื่องแพ้ยา..แล้วยกความผิดพลาดที่มีผลต่อชีวิตหญิงนั้นไปที่การแพ้ยา
ผมหัวเราะมิได้ ร้องไห้มิออกจริงๆ เมื่อไร คนทีมีศักยภาพในสังคม จะเสนอแนะสิ่งที่สร้างปัญญาได้อย่างจริงจัง
ในรายการคืนนั้น ผมดูแล้ว ผมอยากบอกว่า ความเสียหายทั้งสิ้น เกิดที่่ความไม่รู้ของหญิงนั้น และความเสียหายเพิ่มขึ้นมากมาย เกิดเพราะการรักษาที่ผิดพลาด
ชีวิตผม สัมผัสกับการรักษาทีผิดพลาดมาหลายครั้ง
ครั้งแรก คุณตาของผม พยาบาลจ่ายยาผิดพลาด ทำให้ตาซึ่งมีปัญหาของระบบหายใจอยู่แล้วแย่ลง เพราะยาที่จ่ายผิด
นอกจากไม่ช่วยรักษาแล้ว ผลข้างเคียงของยากลับทำให้มีสารคัดหลั่ง(ของเหลวที่ร่างกายหลั่งออกมา)ในระบบหายใจเพิ่มขึ้น
ผลคือ ร่างกายตาทรุดหนักลง และเป็นเหตุให้ ตาเสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่นาน
ครั้งที่สองต่อเนื่่องครั้งที่สาม แม่ผมซึ่งเป็นเบาหวานมาร่วมสิบปี ขณะเกิดเหตุการณ์นี้ แม่อายุ64 เริ่มที่มีแผลที่ปลายนิ้วเท้าเล็กน้อย ไม่ได้ไปหาหมอ ต่อมาเท้าบวมจนครึ่งหน้าแข้ง แล้วก็ยุบดีขึ้น แต่แผลยังไม่ทันหาย ด้วยความไม่สบายใจจึงมีคนพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลมีชื่อของรัฐ...แล้วแพทย์ก็เปิดปากแผล เพื่อพยายามดู..แต่ไม่พบสิ่งปกติ....ทิ้งไว้วันรุ่่งขึึ้น หน้าแข้งที่เคยยุบไปบวมช้ำขึ้นอีก..แพทย์ผู้ดูแล เกิดความกังวล คิดว่า ถ้าปล่อยไว้อาจต้องตัดถึงเข่า รีบพาเข้าห้องผ่าตัด...แล้วนิ้วเท้าที่เป็นแผลและข้างเคียง ก็ถูกตัดออกไป (ตอนนั้นผมไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้ทัน โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้..)
บางที ถ้่าแพทย์สนใจซักถาม พัฒนาการของโรคอย่างละเอียดสักหน่อย ก็อาจได้ข้อมูลที่นำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องกว่านี้
(แม่เป็นคนที่แผลหายง่าย เริ่มเป็นแผลที่นิ้วเท้าประมาณ 5 วัน จึงไปหาหมอ)
ต่อเนื่่องครั้งที่สามเลยครับ...แผลผ่าตัดของแม่ยังไม่หาย นอน รพ.ต่อ หมอคนเดิม ตรวจแผลแม่ เมื่อแตะใต้แผล ก็ถามว่า "เจ็บไหม" แม่ตอบว่า "เจ็บ"...หมอฟุ้งซ่านอีกแล้วครับ คิดว่าต้องมีการอักเสบซ่อนเร้นอยู่ (ทั้งที่คำว่าเจ็บของแม่นั้น ผมถามแม่ว่า เจ็บ หรือ รู้สึก แม่ตอบว่า รู้สึก คือ รับรู้การสัมผัสของหมอแต่ไม่ใช่เจ็บ) หมอบอกว่าต้องเจาะใต้เท้าดูว่ามีการอักเสบอยู่ไหม...ผมพยายามอธิบายกับหมอว่า หมอเขาใจผิด หมอไม่ได้ดูพัฒนาการของโรคเลย...แต่หมอไม่ฟังผมพยายามจะให้ แม่อยมให้เจาะ...ผมมีญาติเป็นหมอที่นั่นซึ่งร่วมดูแลอยู่ด้วย ผมคุยกับท่่าน ท่านก็ไม่ฟังผม หาว่าผมดื้อ ในที่สุด ผมก็ยอมอ่อนให้ ไปกล่อมแม่ให้ยอมทำตามหมอบอก......
ผลหรือครับ...หมอเจาะลงไปตื้นๆไม่พบอะไร จึงเจาะลึกลงไปอีก...แล้วคำตอบที่ได้คือ...สบายใจได้นะครับป้า ไม่มีการอักเสบ
(แล้วแผลบริเวณนี้ก็ไม่เคยหายขาดเลยจนแม่เสียชีวิต เข้าใจว่าเป็นเพราะระบบไหลเวียนของเลือดท่ีีี่ไปเลี้ยงบริเวณดังกล่าวเสียหายไปเนื่องจากการผ่าตัด)
ครั้งที่สี่ เรื่่องของแม่ผมเช่นกันครับ ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ครั้งที่สามนั้นแหละ แผลจากการเจาะ ไม่หายตลอดหนึ่งปีจนแม่เสียชีวิต หลายครั้ง ที่แม่มองเท้าตัวเองแล้วร้องไห้จิตใจแม่หดหู่กับการรักษาแผลใต้ฝ่าเท้า จิตใจแย่ กินน้อยหลับยาก ในที่สุดแม่มีอาการปวดหัวไหล่ซ้าย แล้ว แม่ก็เสียชีวิตที่โรงพยบาล...ผมไม่กล้าฟันธงว่าเสียชีวิตเพราะยา แต่ก็มีข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตของแม่ เกิดขึ้นภายหลังที่หมอสังจ่ายยา 2 ชนิด เพื่อลดความเจ็บปวดให้แม่ ยาทั้งสองเสริมฤทธิ์กันกดประสาท และมีผลข้่างเคียงคืออาจคลื่นไส้อาจเจียน แต่ก็ไมไ่ด้มีการห้ามคนไข้ทานอาหาร แม่ทานอาหารแล้วหลับไป จนพบฟองอากาศปรากฎที่ปาก จึงรู้ว่าแม่ไม่หายใจแล้ว (ผมเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเลย ทุกครั้งที่มีเหตุใหญ่อยู่ไกลทุกที) แล้วก็ช่วยไม่ทัน ปั๊มหัวใจคืนมา.. นอนหนึ่งคืนพวก็เราก็ยอมแพ้เมื่อหัวใจหยุดเต้นอีกครัง
(ผมสันนิษฐานว่า มีอาหารสำลักเข้าไปอุดในทางเดินหายใจ แต่ก็ไม่อยากทำร้ายร่างกายแม่ เพราะแม่เชื่อและรักในร่างกายของท่าน)
ยังมีครั้งที่สี่ที่ห้าอีกครับ......ในชีวิต เคยช่วยให้หนุ่มคนหนึ่งมีนิ้วเท้าอยู่ครบ เพราะหมอจะตัดออก แต่ผมทดสอบแล้วบอกหนุ่มนั้นว่าอย่าเพิ่งให้รอดูก่อน..ดีใจที่เขาเชื่อผม
............................
อนาคต เขาจะสอนและแนะนำประชาชนอย่างนี้ครับ...หมอที่ดีที่สุดคือตัวของเราเอง เพียงแต่ต้องพยายามหาความรู้ ปรึกษาผู้รู้ให้หลากหลาย อย่าปักใจเชื่อหรือฝากชีวิตไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง
บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ออฟไลน์
กระทู้: 23,776
Re: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
«
ตอบ #28 เมื่อ:
18 มิถุนายน 2553, 10:57:51 »
สวัสดีครับ....พี่ยังชิน
อยากขอความรู้เรื่องการล้างตับหน่อยครับ (ประมาณว่า..ดี-ไม่ดี อย่างไร)
บันทึกการเข้า
yc
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 557
Re: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
«
ตอบ #29 เมื่อ:
20 มิถุนายน 2553, 11:45:05 »
แหลม สวัสดีครับ
ล้างตับที่ว่า หมายถึงที่เขาแนะนำให้กินผักผลไม้ น้ำมันมะกอก และดีเกลือใช่ไหม
ผมไม่ค่อยรู้นัก แต่ที่อ่านดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย ดีเกลือทีเป็นแมกนีเซียม เป็นตัวช่วยให้ระบาย
ก็น่าลองดูได้ ได้ผลยังไงเอามาเล่าสู่กันฟังบ้าง
ถ้าเป็นอย่างที่เขาเล่ามา ก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ก็ถือว่่าได้ชำระล้างทางเดินอาหารแล้วกัน
บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
Re: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
«
ตอบ #30 เมื่อ:
20 มิถุนายน 2553, 15:46:47 »
แหลมเขาชอบกินตับหวาน อาจจะไม่ได้ล้างมือก่อนกิน ไม่เหมือนผมที่ต้องล้างมือด้วยแอลกอฮอลทุกครั้งก่อนและหลังทานอาหาร เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องตับเท่าไร โดยเฉพาะผมใช้แอลกอฮอลเข้าไปล้างถึงในตับทุกวันเว้นวัน ตับของผมยิ่งสะอ๊าด สะอาด ว่าแล้วเย็นนี้เพื่อความมั่นใจ ผมท่าจะต้องไปล้างตับอีกรอบ
บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ออฟไลน์
กระทู้: 23,776
Re: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
«
ตอบ #31 เมื่อ:
20 มิถุนายน 2553, 19:39:59 »
กลับมาจากใช้แอลกอฮอลล้างตับแล้วหรือจุ๊ง?......ไปล้างที่ไหนมาล่ะ?
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ออฟไลน์
รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885
Re: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
«
ตอบ #32 เมื่อ:
20 มิถุนายน 2553, 19:49:10 »
กี่ดีกรีพี่?
อย่าล้างมาก
เดี๋ยวตับ..แข็ง!
บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ออฟไลน์
กระทู้: 23,776
Re: สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
«
ตอบ #33 เมื่อ:
20 มิถุนายน 2553, 20:43:24 »
อ้างถึง
ข้อความของ
yc
เมื่อ 20 มิถุนายน 2553, 11:45:05
แหลม สวัสดีครับ
ล้างตับที่ว่า หมายถึงที่เขาแนะนำให้กินผักผลไม้ น้ำมันมะกอก และดีเกลือใช่ไหม
ผมไม่ค่อยรู้นัก แต่ที่อ่านดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย ดีเกลือทีเป็นแมกนีเซียม เป็นตัวช่วยให้ระบาย
ก็น่าลองดูได้ ได้ผลยังไงเอามาเล่าสู่กันฟังบ้าง
ถ้าเป็นอย่างที่เขาเล่ามา ก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ก็ถือว่่าได้ชำระล้างทางเดินอาหารแล้วกัน
ขอบคุณครับ.......พี่ยังชิน
ผมไปเข้าโปรแกรมล้างตับ - Liver Flush (ครั้งที่2) ตั้งแต่เมื่อวาน เพิ่งกลับบ้านบ่ายวันนี้.
แล้วจะโทรหาพี่ครับ..........
บันทึกการเข้า
หน้า:
1
[
2
]
ทั้งหมด
ขึ้นบน
Cmadong Chula
|
เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น
|
ห้องสุขภาพและความงาม
| หัวข้อ:
สุขภาพที่..อาจ..ยังไม่มีในตำรา (แต่อิงวิชาการ..บ้างนะ)
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
"กิจกรรมสมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
-----------------------------
=> ข่าวประชาสัมพันธ์ของสมาคม
=> ข่าวประกาศทั่วไป
=> งานคืนสู่เหย้า ๒๕๕๗
=> โครงการรินน้ำใจเพื่อหอพักนิสิตจุฬาฯ
=> กิจกรรมเพื่อสังคม
=> กิจกรรมวิชาการ
=> กิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์
=> กิจกรรมชาวหอ
=> กิจกรรมแกนนำและกิจกรรมรุ่น
=> ข้อบังคับสมาคม และกฎ ระเบียบ
=> การประชุมของสมาคม
-----------------------------
เรือนรับแขก เมาท์แหลกไม่เลือกรุ่น
-----------------------------
=> เรื่องนี้มีพี่บอก
=> โบราณคดี Cmadong
=> ปฏิทินนัดหมายชาวหอ
=> ห้องซีมะโด่งสัมพันธ์
=> ซีมะโด่งเพื่อสังคม
=> ห้องสนทนาประสาพี่น้อง
=> ห้องชาวค่ายหอ
=> ห้องชมรมแสงเสียง
=> ห้องธรรมะ...สาธุ....
=> ห้องวิชาการ ช่วยกันสร้างสรรค์สังคม
=> ห้องแสงทองของชีวิต
=> ห้องสุขภาพและความงาม
=> ห้องท่องเที่ยวไร้พรมแดน
=> ห้องซื้อ - ขาย แลกเปลี่ยน
-----------------------------
เรือนประจำรุ่น อบอุ่นทุกสมัย
-----------------------------
=> รุ่น 2507
=> รุ่น 2510
=> รุ่น 2511
=> รุ่น 2513
=> รุ่น 2514 รุ่นนี้มหาอำนาจ
=> รุ่น 2515
=> รุ่น 2516
=> รุ่น 2517
=> รุ่น 2518
=> รุ่น 2519
=> รุ่น 2520
=> รุ่น 2521
=> รุ่น 2522
=> รุ่น 2523
=> รุ่น 2524
=> รุ่น 2525
=> รุ่น 2526
=> รุ่น 2527
=> รุ่น 2528
=> รุ่น 2529
=> รุ่น 2530
=> รุ่น 2531
=> รุ่น 2532
=> รุ่น 2533
=> รุ่น 2534
=> รุ่น 2535 ซี้ปึ๊ก
=> รุ่น 2536
=> รุ่น 2537
=> รุ่น 2538
=> รุ่น 2539
=> รุ่น 2540
=> รุ่น 2541
=> รุ่น 2542
=> รุ่น 2543
=> รุ่น 2544
=> รุ่น 2545
=> รุ่น 2546
=> รุ่น 2547
=> รุ่น 2548
=> รุ่น 2549
=> รวมรุ่น 90-96 รหัส 2550-2556
-----------------------------
ข่าวประกาศ
-----------------------------
===> Countdown งานคืนสู่เหย้า 94 ปีซีมะโด่ง : เสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555
===> "รวมภาพงาน" ผูกพัน วันเก่า ๙๔ ปี ซีมะโด่ง
ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์ " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน" <))))><
กำลังโหลด...