คุยกันเรื่อง ซิกเซ้นต์ และผีๆ

[Leam]

		อ้างถึง			ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 23 สิงหาคม 2553, 22:37:12
	อ้างถึง ข้อความของ Leam เมื่อ 23 สิงหาคม 2553, 21:07:56 เปิดกระทู้ใหม่อีกสักกระทู้ซิจุ๊ง.........แบบว่าจีนๆหน่อย. ขี้เกียจมานั่งแปล มันเหนื่อย อ้อ มีเก็บกระทู้เก่าๆจากมุมจีนมาเพียบ ว่างๆจะมาปัดฝุ่นเอาลงละกัน อืม รับไว้พิจารณา

ไปอ่านมาแล้ว........ได้ความรู้ใหม่ๆเยอะเลย

แต่เนื้อหาอัดแน่นไปหน่อย..........ค่อยๆทะยอยลงก็ได้ครับท่าน.

[Leam]

		อ้างถึง			ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 24 สิงหาคม 2553, 09:58:57
	แหลม ที่เขียนมายังไม่เห็นบอกเลยว่าทำไมนางกวักชอบกินน้ำแดง เป้นลูกสาวเจ้าพ่อเขาเขียวก็น่าจะชอบกินน้ำเขียว อีกอย่างทำไมเรียกนางกวัก ทำไมไม่เรียกแม่กวัก หรือเจ้าแม่กวัก

คำถามที่ว่า........ทำไมนางกวักชอบกินน้ำแดง?

ตอบกวนๆว่า.......เพราะนางกวักไม่ใช่นางเอก นางกวักเลยไม่ชอบกินน้ำส้มครับ.........5..5..5

[Leam]

คำตอบของโน๊ต-อุดม กับ คำถามที่ว่า........ทำไมนางกวักชอบกินน้ำแดง?

(นาทีที่ 4.14 )

<a href="http://www.youtube.com/v/obXeiFQx9f0" target="_blank">http://www.youtube.com/v/obXeiFQx9f0</a>

[พธู ๒๕๒๔]

ผมอยู่ในซอยที่รัง สิตมาตั้งแต่เกิด เพราะที่นี่เป็นบ้านคุณตาคุณยายปลูกมาราว 40 ปีแล้ว ข้างบ้านก็เก่าแก่พอกัน คือคุณตาจรุงกับคุณยายศรีเพชร สนิทกันราวกับเป็นญาติแท้ๆ ขนาดลงทุนเจาะประตูที่รั้วให้ไปมาหาสู่กันสะดวกยิ่งขึ้น

เวลาผ่านไป ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย...ลูกสาว 3 คนของคุณตาจรุงก็มีครอบครัวไป 2 คน เหลือแต่น้าพลอยคนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่บ้านเดิม

แม้ว่าหลายๆ สิ่งเปลี่ยนไป แต่ประตูบานเล็กที่รั้วไม้ยังอยู่ครับ ผมเดินเข้าออกตามสบาย จริงๆ แล้วผมไปส่งขนมหรือไม่ก็กับข้าวที่คุณยายผมให้คุณยายศรีเพชร...บางทีก็ไปใช้ อินเตอร์เน็ตน้าพลอยค้นรายงาน เวลาที่เน็ตบ้านผมเจ๊ง

วันหนึ่ง ไม่นานมานี้เอง คุณตาคุณยายข้างบ้านและน้าพลอยต้องไปอเมริกาเพื่อเยี่ยมลูกสาวคนโต คือป้าแพรวที่ล้มป่วยจนต้องผ่าตัด บ้านปิดไว้เฉยๆ ไม่มีคนอยู่เลยตั้งเดือนหนึ่งแน่ะครับ

คุณยายศรีเพชรบ่นว่าห่วงบ้าน ยายกับแม่ผมต้องบอกให้สบายใจว่าพวกเราจะช่วยดูแลบ้านให้ ไม่ต้องห่วง! ท่านฝากกุญแจไว้กับแม่ผม เพราะจะมีคนมาทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง ความจริงจะให้เด็กบ้านเราไปช่วยกวาดถูก็ได้ แต่ท่านเกรงใจ

หลังจากนั้นราว 6-7 วันก็เกิดเรื่องขนหัวลุกขึ้นมา!

คืน นั้นราว 4 ทุ่มเห็นจะได้ เป็นคืนวันเสาร์ หมาบ้านเรา 3 ตัวเห่าขรมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...เห่าเสียจนเราไม่สบายใจว่าอาจจะมีขโมย เข้าบ้าน

ผมลุกไปดูที่หน้าต่าง เห็นหมาพวกนั้นหันหน้าไปทางบ้านคุณตาจรุงโก่งคอหอนพลางถอยพลาง พ่อผมใช้ไฟฉายกราดไปบ้านนั้นทั่วๆ เราเห็นแต่ต้นไม้ ลานเทอร์เรซ เก้าอี้เหล็กดัด โต๊ะกระจกและเงาสะท้อนจากประตู...ดูจากภายนอกไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หมาไม่หยุดเห่า

สักพักหนึ่ง อ๋อย-สาวใช้บ้านเราก็หน้าตาตื่นมา บอกแม่ผมว่า...เห็นใครก็ไม่รู้เดินวนเวียนอยู่ในบ้านคุณตาจรุง

หน้าต่าง ห้องนอนของอ๋อยอยู่ในมุมที่มองเข้าไปในห้องชั้นล่างบ้านได้สบาย ม่านภายในรูดปิดทุกด้าน ไฟถนนก็สว่างพอที่จะส่องให้เห็นทุกอย่างในห้องนั้นได้สลัวๆ

เราเข้าไปในห้องอ๋อย ปิดไฟเพื่อจะได้มองไปได้ชัดๆ

จริงๆ ด้วยซิครับ! ผมตกใจจนขนลุก เพราะเห็นเค้าโครงร่างผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างสะโอดสะอง ผมยาวแค่บ่า ใส่ชุดหลวมๆ แบบชุดอยู่กับบ้าน เดินไปเดินมาคล้ายเก็บจานจากโต๊ะกินข้าวไปล้างที่ซิงก์ หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดถูตามเคาน์เตอร์เหมือนทำงานบ้านตามปกติ...และทำอยู่ใน ความมืด น่ากลัวชะมัด

คนธรรมดาที่ไหนจะทำตัวน่ากลัวแบบนี้? อยู่ในบ้านตามลำพัง ปิดไฟมืดแต่ทำกิจวัตรราวกับเป็นตอนกลางวัน หรือไฟสว่างอย่างหน้าตาเฉย มันผิดธรรมชาติมากๆ

หลังจากเพ่งดูอยู่อึด ใจ คุณยายก็จับแขนผมดึงออกมาจากหน้าต่าง มือนั้นเย็นเฉียบ บอกอ๋อยด้วยเสียงแหบๆ ว่าให้ปิดหน้าต่างบานนั้นแล้วเข้านอนซะ!

"ไม่ต้องไปดูเขาอีกนะ! ไม่มีอะไรหรอก...ดีแล้ว สบายใจดีเหมือนกัน ไม่มีขโมยขโจรที่ไหนเข้าไปได้หรอก รับรอง!"

คุณ ตากับคุณยายมองหน้ากัน ส่วนแม่ผมทำหน้าคล้ายเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ เอามืออุดปากตัวเองอย่างตกใจ พ่อถามว่ามีอะไรเหรอ? แม่ก็สั่นหัวเป็นเชิงว่าไม่อยากพูดตอนนี้...แม่ขนลุกเกรียว ตัวสั่นจนเห็นได้ชัด

ผมมารู้ภายหลังว่า ผู้หญิงที่เดินในบ้านมืดๆ นั่นที่จริงเป็นคนที่ตายไปแล้ว เธอคือคุณเพ็ญ-ลูกสาวคนโตของบ้านนี้เอง เสียชีวิตเมื่ออายุ 25 ด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำ เรื่องมันนานมาแล้วจนไม่มีใครพูดถึง

...และผมก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า คุณตาจรุงมีลูกสาว 4 คน ไม่ใช่ 3 คน!

คุณเพ็ญคงมาเฝ้าบ้านให้พ่อแม่ ขณะที่ท่านไปเยี่ยมลูกคนอื่นๆ น่าขนลุกที่วิญญาณเธอยังอยู่ ทั้งๆ ที่ตายมานานแสนนาน แถมยังรัก ยังเป็นห่วงเป็นใยจนเกิดปฏิกิริยาแบบนี้...

ถึงแม้ร่างกายสิ้นสลาย แต่ความรักและผูกพันของลูกสาวที่มีต่อพ่อแม่ยังคงอยู่เหมือนเดิมจริงๆ ครับ!

[Leam]

จะเที่ยงคืนแล้ว.........ขอโพสท์สักรูปเหอะ

[พธู ๒๕๒๔]

ผมเป็น เด็กหนุ่มต่างจังหวัดมาเช่าห้องพักอยู่แถวหัวลำโพง มีซอกซอยคดเคี้ยว ร้านค้า แผงลอย โรงแรม ศาลเจ้า ลานจอดรถ ห้องแบ่งเช่า ฯลฯ มีผู้คนคึกคักแทบทั้งวันทั้งคืน...นักเรียนนักศึกษา นักท่องเที่ยวมาเช่าห้องถูกๆ อยู่ ดูแล้วค่อนข้างมั่วเอาการ

ห้องพัก ผมเป็นบ้านตึกค่อนข้างเก่า ผมอยู่ชั้นสอง ผนังเป็นไม้อัดแต่มีรูโหว่หลายแห่ง ห้องข้างๆ ก็อุดด้วยดินน้ำมัน บ้าง แขวนปฏิทินบ้าง เพื่อป้องกันคนแอบดูกิจกรรมที่เขาไม่อยากให้ใครเห็น ด้านในสุดเป็นห้องน้ำรวมที่มักจะแน่นเป็นประจำ

ใน ห้องค่อนข้างทึบ แม้จะมีหน้าต่างเปิดไปทางลานจอดรถก็ตาม ผมต้องซื้อเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่จำเป็น เช่น โต๊ะเก้าอี้ ที่นอนฟองน้ำปูบนเสื่อน้ำมัน ตู้พลาสติกใส่เสื้อผ้า วิทยุ พัดลม กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว จิปาถะ

ที่ข้างฝามีข้อความต่างๆ ที่ขีดเขียนด้วยลายมือที่แตกต่างกันไป

"ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีไว้ได้"

"ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของผู้ถูกให้"

"คนโง่ชอบพูด คนฉลาดชอบฟัง

นอกจากนี้ ยังมีอีกมากมายครับ ผมเห็นแล้วอดคิดอดขำไม่ได้ ถ้าโดนใจก็ลอกลงสมุดบันทึก...คนที่มาเช่าห้องอยู่ก่อนคงจะเขียนไว้ ใครมาอยู่ต่อก็เขียนเพิ่มเติมเข้าไปเรื่อยๆ มีอยู่ข้อความหนึ่งเขียนด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงิน ดูลายมือคงจะเป็นผู้หญิง

ปลอบใจแม่ม่าย

"ยามสาวอยากมีผัว เหตุเพราะกลัวจะขึ้นคาน

มีผัวไปนานนาน ชักรำคาญเหมือนตาปลา

เป็นม่ายผัวตายจาก เหมือนถูกพรากดวงชีวา

ส่างโศกจึงพบว่า ชักเข้าทีดีเหมือนกัน

อิสระและเสรี เพราะไม่มีสิ่งผูกพัน

ชีวิตที่เหลือนั้น ร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นของเรา"

ผม อ่านแล้วอดยิ้มไม่ได้ คนเขียนแต่งเองหรือไปลอกใครมาไม่รู้ คิดว่าเป็นผู้หญิงที่เคยเช่าห้องเขียนทิ้งไว้ คงจะปลงๆ ชีวิตได้แล้วละมั้ง?

อาทิตย์แรกนั่นเอง ที่ผมเจอเรื่องน่าขนหัวลุกในห้องเช่าอย่างจังๆ

ขณะ ที่ผมเคลิ้มหลับอยู่ในความสลัว อากาศในคืนฝนตกค่อนข้างเยือกเย็น ไม่แน่ใจว่าฝันหรือครึ่งหลับครึ่งตื่น...สาวผมยาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากผนัง ห้อง เดินช้าๆ เข้ามาหาผมด้วยสีหน้ายิ้มละไมระคนเย้ายวน

สรรพสิ่ง อยู่ในความเงียบเชียบ ผมจ้องมองเรือนร่างอวบอัดได้รูปทรง ผ้าถุงสีเข้มรัดเอวคอดกิ่วโชว์สะโพกผึ่งผาย ทรวงอกเบ่งบาน ไหวกระเพื่อมอย่างมีชีวิตชีวา

รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้นจนเห็นฟัน ขาวสะอาด กลิ่นน้ำอบน้ำปรุงหอมกรุ่นสะกดความรู้สึกให้พร่ามึนอย่างน่าอัศจรรย์ ขณะที่เธอหย่อนสะโพกหนั่นเนื้อลงมานั่งพับเพียบเคียงกาย...นัยน์ตาดำขลับ หยาดเยิ้มมองสบตา ผมยาวสยายหอมกรุ่นจนชาวูบไปทั้งตัว

ก้อนเนื้ออวบ อูมหย่อนลงมากระทบทรวงอกผมก่อน ตามด้วยใบหน้าแสนสวยและหอมกรุ่นเคล้าคลุกกับใบหน้าผม หัวใจเต้นแรง มือเท้าเย็นชืดด้วยความตื่นเต้น

เธอเป็นผู้หญิงในความฝันของคนหนุ่มชัดๆ

ต่อ จากนั้นผมก็ลืมไปหมดว่า อะไรเป็นอะไร อยู่ที่ไหน? รู้แต่ว่าร่างกายของเรากำลังผนึกแน่นจนแทบจะกลายเป็นร่างเดียวกันด้วยความ สุขสุดขีด... เป็นความสุขที่มนุษย์ทุกคนล้วนไขว่คว้าหามันมาจนชั่วชีวิต

เมื่อ ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง...ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ได้ประสบมาหยกๆ เป็นความจริงหรือความฝัน รู้แต่ว่าตัวเองแสนจะปลอดโปร่ง โล่งไปหมดทั้งกายและใจ

ต่อมาอีกราว 2-3 คืน สาวสวยคนเดิมก็ก้าวออกจากผนังห้อง ยิ้มหวานเยิ้มแกมยั่วเย้าเข้ามาหาผม...มาให้ความสุขกับผมในสภาพกึ่งจริงกึ่ง ฝันแทบทุกคืน จนผมตั้งตารอ และได้สังเกตว่าเธอ ออกมาจากบริเวณที่มีคำกวี "ปลอบใจแม่ม่าย" นั่นเอง

ประมาณเดือนเศษเธอก็หายไป ผมเองก็ใจหายเช่นกัน แต่ไม่ได้ถามใครว่ามีสาวสวยมาเช่าอยู่ก่อนผมหรือเปล่า? วิญญาณเธออาจจะสิงสู่อยู่ที่นั่นแล้วออกมาหลอนผม แต่จู่ๆ ก็กลับหายไป...หรือไม่วิญญาณของคนหนุ่มที่เปี่ยมพลังชีวิตก็คงจะหลอกหลอนตัวเองกระมังครับ?!

[Leam]

เป็นเรื่องผีที่ตลกและอีโรติคมากเลย........น้องป๋าทู

ยังงี้..............ครูตุ๋ย อ่านได้

[Leam]

ห้อง..........

[Leam]

[จุ๊ง2522]

ขาดหายไปนาน เพิ่งมาเห็น ของโปรดของชอบเลยหละ โดยเฉพาะเรื่องสุดท้าย

[Leam]

เที่ยงคืนแล้ว......

[Leam]

เที่ยงคืนแล้ว......

[จุ๊ง2522]

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 11 ตุลาคม 2553, 00:35:23
	เที่ยงคืนแล้ว......

รูปยังกะแบตแมน

[Leam]

Metal Ghost ไง........ท่านจุ๊ง

[พธู ๒๕๒๔]

  ขนหัวลุกเมื่อไปหิ้วสาวที่สนามหลวง

ผมเป็นคนค่อนข้างกลัวผีพอสมควร จะเรียกว่าครึ่ง-ครึ่งก็ได้ แม้ว่าจะยังไม่เคยโดนผีหลอกมาก่อน...จนกระทั่งถึงวันมหาซวยสุดขีดคืนก่อนนี่เอง!

สาเหตุมาจากนิสัยชอบเที่ยวเตร่เสเพล หาเงินง่ายใช้เงินคล่อง เพื่อนฝูงเอื้อซ่า แต่ที่ซี้กันพิเศษคือเจ้าโก๋ เพราะโสดกับรักสนุกเหมือนกัน ทั้งสุรานารีไม่ค่อยขาด แต่ดีอย่างที่ไม่เล่นยากับการพนัน...คนหนุ่มๆ สมัยนี้จะให้ดีเต็มร้อยคงลำบากนะครับ ผมว่า

คืนเกิดเหตุ เราไปเที่ยวโรงนวดแผนไทยที่ปิ่นเกล้า เพราะชักเบื่อโรงนวดธรรมดากับสปาแบบซ่อง เจ้าโก๋มีรถยนต์ที่พ่อซื้อให้ เผลอๆ มันก็ออกไปแรดคนเดียว เจอทีเด็ดจากด๊อก เตอร์นวดแผนไทยที่นั่น เอามาสาธยายให้เพื่อนฟัง

ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 2 สาวๆ นั่งสลอนเต็มตู้ ที่ผมสนใจเพราะเจ้าโก๋ยืนยันว่า นวดอย่างเดียว 2 ชั่วโมงแค่ 140 บาท ถ้าอยากเข้าห้องพิเศษมีห้องน้ำต้องจ่าย 280 บาท

ดาราที่นี่คือน้องขวัญกับน้องแนน บังเอิญเราไม่ได้โทร.ไปจอง สองสาวเพิ่งขึ้นไปทำงานหยกๆ กว่าจะครบรอบก็เกือบ 5 ทุ่ม เราซดเบียร์คนละขวดแล้วข้ามฟากไปแถวราชดำเนิน แวะร้านข้าวต้มสกายไฮ นั่งโต๊ะบนบาทวิถีจะได้สูบบุหรี่กันตามสบาย

หมดเบียร์แกล้มเป็ดพะโล้กับปลาใบขนุนทอดไปราว 3-4 ขวด ตบท้ายด้วยซูเปอร์-น่องไก่ต้มซุปรสโอชะ...ฝนปรอยมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ตัดสินกลับบ้านดีกว่า

เจ้าโก๋ขับรถข้ามสะพานเสี้ยว แทนที่จะข้ามปิ่นเกล้าไปบางพลัด เจ้าโก๋ดันเลี้ยวไปทางวัดพระแก้วโน่น บอกว่าไปดูผีขนุนยุคใหม่ดีกว่า คลั่กๆ อยู่แถวต้นมะขามรอบท้องสนามหลวงทุกคืน มีทั้งชายและหญิงเรียกว่า "ผีมะขาม" ไงล่ะ

ผมสงสัยว่าดึกดื่นฝนตกแบบนี้จะมีเรอะ? เจ้าโก๋กลับหัวเราะ...ความหิวน่ะมันไม่เลือกเวลาหรอก ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกมันก็หิวทั้งนั้นแหละ!

จริงของมันแฮะ! พอเลี้ยวไปทางฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์กับธรรมศาสตร์ หันไปมองก็เห็นสาวยืนกางร่มอยู่ใต้ต้นมะขาม ยืนเดี่ยวก็มี สองคนก็มี พอเห็นรถเราชะลอ เข้าเทียบคุณเธอก็ปราดเข้ามาหา พร้อมๆ กับผมไขกระจกลง

"เที่ยวมั้ยพี่? ห้าร้อยเองค่ะ" เธอบอกแจ้วๆ เห็นในแสงไฟก็หน้าตาดีพอใช้ "ไปโรงแรมใกล้ๆ มหาดไทยนี่เอง"

"พี่มากันสองคน แต่น้องมีคนเดียวนี่"

"เพื่อนหนูมี จะเอากี่คนก็ได้...ว่าไงล่ะพี่? ไปเถอะ ฝนยิ่งตกๆ อยู่ด้วย"

"ขอดูไปเรื่อยๆ ก่อนนะ" ผมบอก เจ้าโก๋ออกรถไปได้หน่อยก็แวะเข้าไปอีก คราวนี้สองสาวก้าวเข้ามายืนพร้อมๆ กัน เจ้าโก๋ยื่นหน้าเข้าไปถามราคา...เท่ากับรายก่อนแฮะ คงจะเป็นมาตรฐานของที่นี่ล่ะมั้ง?

ผมสงสัยว่าเป็นกะเทยหรือเปล่า? คำตอบจากสาวร่างเล็กผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้ม สวมเสื้อยืด นุ่งกางเกงขาสั้นก็คือ....ใช่ค่ะ แต่หนูแปลงเพศมาแล้วนะ!

เจ้าโก๋ทำคอย่น ขอตัวออกรถไปแวะหาคนอื่นดูก่อน ผมสังเกตว่ามีผู้ชายยืนหลบๆ อยู่หลังโคนมะขาม คงจะเป็นแมงกะจั๊วหรือนักเลงประจำถิ่น คอยดูแลความเรียบร้อย...จนกระทั่งเราอ้อมกลับมาอีกครั้ง เพราะทางถนนราชดำเนินในสว่างเกินไป

คราวนี้ทั้งถามราคากับโรงแรมให้แน่ใจ ก็ได้รับคำตอบตรงกัน

เราปรึกษากันว่าดึกป่านนี้กลับบ้านดีกว่า ก็พอดีเจอสองสาวนุ่งกางเกงขาสั้นทั้งคู่ สวมเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง หน้าสวยสะดุดปราดเข้ามาชวนเราเที่ยวแบบรายอื่นๆแถมบอกอย่างรวบรัดว่า...ห้าร้อยเอง ไปศิริพงษ์ หนูขึ้นรถเลยนะพี่!

ผมชักอึ้ง หันไปมองเจ้าโก๋ที่กำลังพึมพำ...เอาก็เอาวะ!

สองสาวขึ้นมานั่งหลังรถแล้ว แสงไฟพุ่งตรงไปยังถนนเปียกโชกดูเป็นเงาวับ อากาศเย็นเฉียบจนน่าขนหัวลุก รถเลี้ยวไปตามข้างวัดพระแก้ว เห็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตั้งแต่อยู่ตรงหน้า

จู่ๆ เจ้าโก๋ก็ร้องเฮ้ย! เบรกรถพรืดแทบหัวทิ่ม เราหันขวับไปมองพร้อมๆ กันแต่ไม่เห็นสองสาวที่เพิ่งขึ้นรถมาหยกๆ ซะแล้ว!

ผมนั่งตกตะลึง ปากลิ้นแข็งจนพูดไม่ออก เรามองสบตากัน ยกมือไหว้ไปทางวัดพระแก้วกับศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เจ้าโก๋เข้าเกียร์มือไม้สั่น ขับรถกลับบ้านโดยไม่ได้พูดจากันเลย...ขนหัวลุกน่ะซีครับ! บรื๋ออออ...

[Leam]

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า........แม้แต่ผี ยังปรองดองกันเลย....นะ จะบอกให้.

[หนุน'21]

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Hd3EdJW_x7U" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Hd3EdJW_x7U</a>

น่าจะเคยดูกันแล้ว
เอามาลงอีกที
อยู่ที่ทำงาน กลับบ้านดึก
น่าขนหัวลุกมั๊ยนี่
ปรึ๊ยยยย....

 

[Leam]

ก็น่ากลัวอยู่..........

แต่จริงๆ.... คริปนี้ถูกวิเคราะห์และพิสูจน์แล้วว่า Computer Generated ครับพี่

[Leam]

เที่ยงคืนแล้ว........สักรูป

[พธู ๒๕๒๔]

มีอยู่วันหนึ่งมีชายอายุประมาณ 25 ปี มาเที่ยวสถานบริการเพื่อหาประสบการณ์การมีเซ็กซ์ ได้เข้าไปในสถานบริการไปติดต่อหญิงบริการคนหนึ่ง เพื่อให้สอนประสบการณ์

ชายคนนั้นพูดว่า: ช่วยสอนประสบการณ์ให้ผมหน่อย

หญิงบริการ : ได้แต่ต้องตกลงกัน

ชายคนนั้นพูดว่า: ตกลงผมให้คุณ 1500 บาท กับประสบการณ์ครั้งนี้

หญิงบริการ : ได้ ประสบการณ์ครั้งแรกฉันจะสอนคุณด้วยท่า 69
ระหว่างนั้นหญิงบริการก็ให้ชายคนนั้นนอนรอบนเตียง โดยผู้หญิงขึ้นค่อม ทันใดนั้นหญิงบริการก็ปล่อยตดออกมา แล้วก็ขอโทษขอโพยชายคนนั้น

หญิงบริการ : "อุ๊ยขอโทษคะ"

เมื่อเธอพูดยังไม่ทันขาดคำเธอก็ปล่อยตดออกมาอีก
ชายคนนั้นทนไม่ไหวเลยลุกขึ้นมาบอกว่า

ชายคนนั้น : ไม่ไหวแล้ว นี้พึ่งแค่ 2 เหลืออีกตั้ง 67 ใครจะไปทนได้ 


ปล.ข้อห้าห้ามงงงงงงงง

[พธู ๒๕๒๔]

ขออำไพ โพสผิด ที่

[Leam]

		อ้างถึง			ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2553, 23:52:24
	ขออำไพ โพสผิด ที่

โพสท์ผิดที่ไม่เป็นไรนี้ครับ........น้องป๋าทู

ถ้าอยู่ผิดที่อย่างชายคนนั้นละ..............เหม็นแย่!!!!!

[Kaimook]

		อ้างถึง			ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2553, 23:51:46
	มีอยู่วันหนึ่งมีชายอายุประมาณ 25 ปี มาเที่ยวสถานบริการเพื่อหาประสบการณ์การมีเซ็กซ์ ได้เข้าไปในสถานบริการไปติดต่อหญิงบริการคนหนึ่ง เพื่อให้สอนประสบการณ์ ชายคนนั้นพูดว่า: ช่วยสอนประสบการณ์ให้ผมหน่อย หญิงบริการ : ได้แต่ต้องตกลงกัน ชายคนนั้นพูดว่า: ตกลงผมให้คุณ 1500 บาท กับประสบการณ์ครั้งนี้ หญิงบริการ : ได้ ประสบการณ์ครั้งแรกฉันจะสอนคุณด้วยท่า 69 ระหว่างนั้นหญิงบริการก็ให้ชายคนนั้นนอนรอบนเตียง โดยผู้หญิงขึ้นค่อม ทันใดนั้นหญิงบริการก็ปล่อยตดออกมา แล้วก็ขอโทษขอโพยชายคนนั้น หญิงบริการ : "อุ๊ยขอโทษคะ" เมื่อเธอพูดยังไม่ทันขาดคำเธอก็ปล่อยตดออกมาอีก ชายคนนั้นทนไม่ไหวเลยลุกขึ้นมาบอกว่า ชายคนนั้น : ไม่ไหวแล้ว นี้พึ่งแค่ 2 เหลืออีกตั้ง 67 ใครจะไปทนได้  ปล.ข้อห้าห้ามงงงงงงงง

555555555555 เหม็นแย่เลยนิ...

[พธู ๒๕๒๔]

อันว่า ผีตายท้องกลม หรือ ตายทั้งกลม มีเฉพาะเพศหญิงเท่านั้น เพราะชื่อนี้หม ายถึงผีที่แม่ตายไปพร้อมกับเด็กหรือลูกในท้อง หากคลอดออกมาแล้วแม่ตายแต่เด็กรอด หรือเด็กตายแต่แม่รอด อย่างนี้เรียกผีอย่างอื่น ถ้าเรียกว่าผีตายทั้งกล มแสดงว่าเรียกผิด....บางตำราบอก ที่ถูกต้องควรเรียกว่า ผีตายทั้งกม เพราะคำว่า กม เป็นคำไทยโบราณเก่าแก่ มีหลักฐานในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่หนึ่ง และก็ มีใช้ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง คือ คำว่า "กม" แปลว่า "ทั้งหมด" ตายทั้งกมก็แปลว่า ตายทั้งหมด หรือตายหมดทั้งแม่ทั้งลูกที่อยู่ในท้องนั่นเอง

คงไม่ต้องกล่าวประวัติอะไรมาก เพราะผีตายทั้งกลมนั้นจะเหมือนๆกันหมด คือเมื่อหญิงสาวแต่งงานหรือมีสามีไปแล้วหากปกติด้วยกันทั้งสองคนฝ่ายหญิงก็ จะตั้ งครรภ์แต่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์อะไรบางอย่าง ที่ทำให้ต้องเสียชีวิตทั้งแม่และลูก โดยที่ทารกนั้นยังอยู่ในครรภ์ ชาวบ้านร้านตลาดโดยทั่วไปก็พากันเรีย กว่า ผีตายทั้งกลมสำหรับผีตายทั้งกลมที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ จนบรรดาผู้เขียนหนังสือและสร้างหนังเอามาเป็นตัวเอกร่ำรวยกันนักต่อนักแล้ว เห็นจะไ ม่มีใครเกิน แม่นาคหรือย่านาคพระโขนง พอพูดถึงก็ชักขนหัวลุกซะแล้ว ประวัติของแม่นาคนั้นมีความเป็นมาค่อนข้าง พิศดารและน่ากลัวอย่าบอกใคร เอาไว้จะเขียนถึงโดยเฉพาะตอนต่อไป

แน่นอน....เป็นอันรู้กันอยู่แล้ว ว่าคือผีผู้หญิงมีครรภ์ที่เสียชีวิตพร้อมกันทั้งแม่ทั้งลูกที่อยู่ในท้อง ซึ่งผีประเพศนี้พวกพ่อมดหมอผีที่หากินในทางทำเสน่ห์หรือน้ำมั นพรายชอบนักชอบหนา พวกที่เรียนทางด้านไสยศาสตร์หรือมนต์ดำ พอรู้ว่าที่ไหนมีผีตายทั้งกลมล่ะก็ จะต้องตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้ในพิธี จัดการหาลูกศิ ษย์หรือสมัครพรรคพวก พากันไปที่ป่าช้าขุดศพขึ้นมาจากหลุมเพื่อใช้เทียนลนคางผีตายทั้งกลม เอาน้ำเหลืองมาปลุกเสกทำน้ำมันพราย

อันว่าน้ำมันพรายนั้นไม่ต้องพูดถึง สรรพคุณยอดเยี่ยมกระเทียมเจียว ยิ่งนักห นุ่มใดมีไว้ครอบครองซักขวดเล็กๆ เท่าขวดยานัดถุ์หมอมีหรือหมอชิต เวลาเจอสาวคนไหนชอบอกชอบใจ หรือสาวที่หมายปองเอาไว้แล้วหล่อนไม่เล่นด้วย ก็ไม่ ต้องตามจีบตามตื้อให้เสียเวลา เหยาะน้ำมันพรายใส่นิ้วสักหยดสองหยด ดีดหรือป้ายให้ถูกตัวสาวเจ้าหล่อนจะเคลิบเคลิ้มหลงใหลมีใจเสน่หาตามมาถึง บ้านทันที แต่ท่านผู้รู้เคยบอกไว้ว่า หากสาวคนไหนถูกน้ำมันพรายจะกลายเป็นคนบ้าใบ้ไม่มีสติเสียผู้เสียคนไปเลยก็มี ฉะนั้นใครที่ไม่อยากสร้างบาปกลัวกรรมก็อย่าริเป็ นอันขาด มิหนำซ้ำหากไปขุดศพหรือทำอันตรายอันใดกับศพแล้วญาติๆ เขามาพบเข้า โดนเหยียบอย่างไม่มีปัญหา และเมื่อส่งถึงตำรวจก็ไม่ต้องสงสัยติดคุกแน่นอนแล้วก็นอนแน่ คือได้นอนในตารางแน่ๆ

ผีตายทั้งกลมกินเครื่องเซ่นหรืออาหารจากที่ญาติๆนำไปทำบุญถวายพระแล้วกรวด น้ำอุทิศส่วนกุศลให้เหมือนผีธรรมดาทั่วไป ข่าวกรองไม่ได้บอกว่าต้องการนม กระป๋องเอาไว้เลี้ยงลูกด้วยหรือไม่ การออกหากินก็ไม่ต้อง หรือส่วนใหญ่จะออกไปหลอกหลอนสร้างความหวาดผวาขนหัวลุกซะล่ะมากกว่า

ผีตายทั้งกลมแม้จะค่อนข้างดุและน่ากลัว แต่ก็กลัวพระ กลัวเครื่องรางของขลังกลั วคนหลายใจ กลัวเถ้าแชร์หนีเหมือนผีทั้งหลายนั่นแหละ ถ้าอยู่บ้านตามประสาไม่แส่หาเรื่องเช่น ไปขุดหลุมเอาศพเขาขึ้นมาเพื่อลนน้ำมันพราย คุณเธอคงไม่มา ยุ่มย่ามด้วย เคยมีคนเล่าว่า....โดนผีตายทั้งกลมหลอก โดยมานั่งอยู่บนต้นไม้ ผูกเปลเห่กล่อมลูกตอนกลางคืน เฮ่อ....เฮ่อ....น่ากลัวชะมัด สำหรับวิธีจัดการ หากว่ามีผีตายทั้งกลม เฮี้ยนๆ ออกมาอาละวาดหลอกหลอน ก็ต้องพึ่งหมอผีหรือพระอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า

ผีชนิดที่ไม่ต้องถ่ายทอดหรือรักษาเผ่าพันธุ์อะไร ลองมีใครคลอดลูกไม่ออก หรื อเสียชีวิตขณะตั้งครรภ์ตายทั้งกลมโดยปริยาย พวกสาวเปรี้ยวที่ไม่ค่อยระมัดระวังจนท้องโย้แล้วไปรีดลูกจนเกิดการเสียชีวิต จัดเข้าในผีจำพวกนี้ด้วยหรือไม่ก็ไม่แน่ใจนัก....แต่คิดว่าคงไม่

ส่วนผีตายทั้งกลมจะเป็นผีสาว หรืออยู่ในวัยเจริญพันธุ์เพราะพ้นวัยนี้ไปแล้วก็คงไม่มีโอกาสตั้งท้องหรือมี ครรภ์ จึงไม่มีทางที่จะตายพร้อมกับลูกในท้องแต่พวก ที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนลงพุงหรือไขมันท่วมสะดือตายไม่ถือเป็นผีตายทั้งกลม แต่อย่างใดแม้หุ่นจะเหมือนพะโล้หรือพุงอืดแบบแม่หมูพันธุ์เนื้อก็ตามที แต่น่าจะเรียกว่าผีตายท้องโย้หรือผีหมูสามชั้นซะล่ะมากกว่า

[Leam]

หากคลอดออกมาแล้วแม่ตายแต่เด็กรอด ............น่าจะเรียกว่า "ตายพราย" หรือเปล่าครับ?