◄◄◄ << เมียงู >>►►► .. Life is Beautiful ..

[swsm]

		อ้างถึง			ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2554, 08:38:33
	สวยงาม  โอ่อ่า อลังการงานสร้างอย่างยิ่ง...    เข้าสร้างมาตั้งแต่ศงที่15-16 แล้วทำไมมันยังดูดีไม่มีร่องรอยแตกบิ่นเลยล่ะ....    ยังสวยเนี๊ยบอยู่เลย.....อิจฉาบ้านเมืองเขาจัง...    น้องหยี...พี่ถามหน่อย..       ร้านขนมนี่มันใหญ่ได้ขนาดนี้ แสดงว่าคนที่นั่นเกือบทั้งเมืองเขานิยมซื้อไม่นิยมทำกินกันเองเหรอ?...

เรื่องขนม .. หยีว่าเขานิยมซื้อมากกว่าทำทานเองที่บ้าน
เพราะการทำขนมหวานประเภทนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ
มีส่วนผสมเยอะแยะมากมาย
ซื้อทานเอา สะดวกกว่า ..
และมักจะแนะนำกันต่อ ๆ มาว่า .. ร้านโน้น ร้านนี้อร่อย ..

คนโปรตุเกสทานขนมหวานเก่งค่ะ  เป็นอาหารว่างหลัก
เอ๊ะ .. ยังไง !!
หมายถึงอาหารว่างของเขา  จะเป็นขนมหวานเป็นหลัก
ต่างจากบ้านเราที่ยังมีผลไม้สด ดอง หรืออื่น ๆ ให้เลือกทานอีกมาก

คนโปรตุเกสดื่มกาแฟกันเกือบทั้งวัน
ร้านกาแฟแน่นมากช่วงเช้า บ่ายสองถึงสี่โมงเย็น และค่ำ ๆ ยาวไปจนถึงดึกอีกครั้ง ..
และต้องแกล้มด้วยขนมหวาน

ส่วนร้านนี้ที่พิเศษกว่าร้านอื่น ๆ ที่อย่างที่พี่แหลมบอก
คือมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการประมาณ 70%
ที่เหลือเป็นคนท้องถิ่นค่ะ

[swsm]

		อ้างถึง			ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2554, 08:38:33
	สวยงาม  โอ่อ่า อลังการงานสร้างอย่างยิ่ง...    เข้าสร้างมาตั้งแต่ศงที่15-16 แล้วทำไมมันยังดูดีไม่มีร่องรอยแตกบิ่นเลยล่ะ....    ยังสวยเนี๊ยบอยู่เลย.....อิจฉาบ้านเมืองเขาจัง...

เดี๋ยวมีคำตอบค่ะ     

[swsm]

ค่ะ .. เดินเลยประตูโบสถ์พระแม่มาเรีย กันแล้วนะคะ
เข้าไปข้างในกัน

เมื่อผ่านประตูเข้าไป .. เห็นหางแถวสั้น ๆ
เอ๊ะ รออะไรกัน ..
รอเข้าโบสถ์พระแม่มาเรียค่ะ
ถึงแม้เราจะไม่ได้ผ่านเข้ามาทางประตูใหญ่
แต่เราเข้าได้ทางด้านข้างค่ะ

ที่นี่  มีระเบียบในการเข้าชมด้วยค่ะ ..
(สถานที่สำคัญหลายแห่ง ใช้ระเบียบเดียวกัน)

1. จำกัดจำนวนผู้คนในการเข้าชม
เพื่อไม่รบกวนสถานที่ (โบสถ์เขามีพิธีเป็นประจำอยู่แล้ว)
และเป็นการรักษาสถานที่ไปด้วยในตัว

2. ถ่ายภาพได้  แต่ห้ามใช้แฟลชเด็ดขาด
เห็นมาแล้วค่ะ  ใครฝ่าฝืนเรื่องแฟลช ..
ครั้งแรกเตือน เพราะอาจเผลอหรือลืมกันได้
แต่วาบมาครั้งที่สอง
นิมนต์ออกเลยค่ะ ..


ตอบคำถามพี่อ้อยนะคะ ..
ว่าทำไมผ่านมาหลายร้อยปี  สภาพอาคารจึงถูกอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี
นี่คืออีกเหตุผลส่วนหนึ่งค่ะ


 


นอกจากนั้น .. หยีเดาเองว่า

3. โบราณสถานของเรา  สร้างด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่
เหมือนกันกับทุกประเทศในเอเซีย  เพราะเราอุดมด้วยไม้
ความคงทนของไม้และหิน .. ย่อมต่างกัน (ยกเว้นไม้สัก)

4. สภาพอากาศที่ร้อนชื้น
ทำให้เกิดรา ผุ เปื่อย หรือเกิดตะไคร่ได้ง่าย
พื้นที่ที่มีสภาพอากาศแห้งและเย็น เหมือนในภูมิภาคยุโรป .. จึงได้เปรียบกว่า

ถูกผิดอย่างไร  ต้องสถาปนิกและวิศวกรช่วยกันแก้ไขล่ะค่ะ    

[swsm]

เมื่อปี 2006 (5 ปีที่ผ่านมา) หยีพาเพื่อนไปเที่ยวพระบรมมหาราชวัง
คนแน่นมาก

ถ่ายรูปออกมา  เห็นแต่หัวคนดำปื้ดอยู่ข้างหลัง
เหมือนงานรับปริญญาเลยค่ะ

เลยนึกไปว่า .. หากบ้านเรามีการจำกัดจำนวนคนเข้าชมสถานที่สำคัญ ๆ
ก็จะช่วยรักษาสภาพของสถานที่ได้ด้วยเช่นกัน

ไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว
เพราะตั้งแต่นั้นก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปอีกเลย ..
ใครทราบช่วยส่งข่าวบ้างนะคะ

[swsm]

โบสถ์พระแม่มาเรีย  Church of Santa Maria

เรายืนต่อแถวประมาณไม่เกิน 3 นาทีก็ได้เข้าชม
คนใหม่จะได้เข้าไป  ก็ต่อเมื่อคนภายในเดินออกมาแล้ว
เจ้าหน้าที่ถามเราว่า  กลุ่มเรามีกี่คน ..
เราตอบ 6 ..

เขาก็รอให้คนเดินออกมา 5-6 คน  จึงอนุญาตให้กลุ่มเราเข้าไปได้

[swsm]

[swsm]

[swsm]

วันนั้น ภายในโบสถ์ก็มีพิธีค่ะ

คนอยู่ในพิธีก็ทำพิธีกันไป
นักท่องเที่ยวก็เดินชมกันไป .. เบา ๆ
ให้ความเคารพต่อกัน ไม่รบกวนกัน

[swsm]

โบสถ์เป็นที่เก็บศพของบุคคลสำคัญสองคนค่ะ ..

คนหนึ่งคือ Vasco da Gama [วาสโก-ดา-กามา]

คนนี้เป็นนักเดินเรือที่ยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส
ผู้คนให้ความเคารพเสมือนวีรบุรุษของประเทศ
เป็นคนบุกเบิกเส้นทางเดินเรือระหว่างโปรตุเกสและประเทศอินเดีย
รวมทั้งเป็นคนที่ทำให้โปรตุเกสสามารถประกาศความยิ่งใหญ่ไปทั่วมหาสมุทรอินเดีย

ได้รับเกียรติให้เก็บศพในโบสถ์พระแม่มาเรียที่สำคัญแห่งนี้    

[swsm]

[swsm]

อีกคนหนึ่งคือ Luís de Camões .. [หลุยส์-เดอ-กาม๊อยส์]

คนนี้เป็นศิลปินเอกของชาติ
เป็นผู้บันทึกประวัติการเดินเรือ การสำรวจเส้นทางใหม่ ผืนแผ่นดินใหม่
รวมทั้งเขียนประวัติศาสตร์ความเป็นชนชาติโปรตุกิส

[swsm]

หากอยู่ในประเทศ  เราจะได้ยินชื่อสองคนนี้เป็นประจำเลยค่ะ .. ไม่ว่าจะไปที่ไหน
เพราะได้รับความนับถือ ยกย่องจากประชาชนมาก
และได้รับการเชิดชูชื่อ เสียง เรียง นาม มาจนทุกวันนี้

นิดส์นึงค่ะ .. ไกด์แอบกระซิบว่า
ศพที่แท้จริงของทั้งสองคนนี้  ไม่ได้อยู่ที่นี่นะคะ
หลุมศพที่สร้างขึ้นมานี้  สร้างเพื่อให้เกียรติท่านค่ะ
แท้จริงแล้ว  ศพอยู่อีกที่หนึ่ง

[swsm]

เราวนเวียนอยู่ในโบสถ์ประมาณ 10 นาที  ก็ออกมาด้านนอก

ป๊ะเจ้าช่วยกล้วยทอด .. แถวที่เราเห็นสั้นจู๋ตอนที่เราเดินเข้ามา
ณ บัดนาวนี้  ยาวเป็นพญานาคเลยค่ะ

โชคดีจริง ๆ ที่มาถึงเร็ว  
ไม่เช่นนั้นคงได้ยืนคุยกันสนุกในแถวนั่นแหละ


ออกมาจากโบสถ์  ก็เจอมหาวิหารทันที
ทั้งสองส่วนสร้างต่อกันแบบเนียนสนิท
เราจึงไม่รู้สึกสะดุดอะไร
นอกจากเจอแสงแดดที่จ้ามากขึ้นภายหลังออกจากโบสถ์ (ในโบสถ์ไม่มีแสงมากนัก)

[swsm]

มหาวิหารเป็นอาคารทรงเหลี่ยม สร้างต่อกัน 4 ด้าน
เปิดโล่งตรงกลางเป็นลานน้ำพุ

พี่น้องสังเกตจำนวนผู้คนที่อยู่ในมหาวิหารนะคะ

มีไม่มากกว่านี้เลยค่ะ ..
นี่แหละ  เขาจำกัดจำนวนคนอย่างเข้มงวด  จึงทำให้แถวยาวมาก
เพราะคนที่เข้ามาแล้ว  ต่างก็ไม่อยากออกไปง่าย ๆ

วันนั้นแดดดีมาก  อุ่นทีเดียว  .. อุณหภูมิประมาณ 18 องศา
เลยมีผู้คนมานั่งอาบแดด
บางคนมานั่งวาดภาพมหาวิหารด้วยค่ะ

[swsm]

ไม่อยากเข้ากล้องเลย .. ไม่อยากจริง ๆ
แต่ต้องยอมค่ะ เพื่อยืนยันว่า .. ข้าพเจ้ามาถึงแล้วนะจ๊ะ ..

คริคริ    

[swsm]

มหาวิหารสร้างด้วยหินปูนสีทองทั้งหลัง  

ลงมือตอกเสาเข็ม .. แหะ แหะ .. ลงมือสร้างเมื่อปี 1502
ใช้เวลา 50 ปีจึงลุล่วง
เนื่องจากมหาวิหารนี้  ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำทากู หรือ เทจู (Tagus River) ..
ลูกเรือทั้งหลายจึงใช้เป็นสถานที่สำหรับการสวดภาวนาทั้งก่อนเดินทาง และเมือเดินทางกลับถึงโปรตุเกส

[swsm]

เดินชมไปเรื่อย ๆ ค่ะ .. เจอห้องโถงนี้  
ชอบลายของกระเบื้อง ที่ประดับผนังรอบห้อง

พี่ปี๊ด ว.2 ทราบแล้วเปลี่ยนค่ะ      

[swsm]

เขยิ๊บ .. เขยิบ .. เข้าไปสิ   

[swsm]

เดินมาถึงปีกที่สอง .. เจอภาพนี้หน้าห้อง
เป็นห้องโถงขนาดใหญ่เช่นกัน

ถามไถ่ได้ความว่า  เป็นนายกของเขต Belém ชื่อ Alexandre Herculano
นี่ก็ได้รับเกียรติสูงสุด  ถึงขนาดมีหลุมศพที่มหาวิหารด้วย

[swsm]

สิงห์ .. ที่ฐานหีบศพ     

[swsm]

จารึกไว้  ที่ปลายหีบศพ
แปลให้ค่ะ  ไม่เป๊ะทีเดียว แต่ทำนองนี้ ..

'นิทรา? นิทราสงบท่ามกลางความยะเยือก
ร่างนี้ไม่ยินดี ยินร้าย
วิญญาณล่องลอยไป
ไกลสุดหล้า ฟ้าเขียว'

[swsm]

ไกด์บอกอีกว่า .. วิหารนี้มีหลุมศพของบุคคลสำคัญมากมาย
เช่น กวี ประธานาธิบดี .. สนใจจะไปชมเพิ่มไหมคะ

เรานิ่ง  ให้แขกตอบคำถาม ..

แขกสั่นหน้า  เราก็โอเค
เพราะเดินมาไม่ถึง 20 นาที  เจอแล้ว 3 หลุ่ม
ใจคอจะให้เจอกี่หลุมจ๊ะ .. หนู

[swsm]

หลังหีบศพ มีแผ่นไม้สีเหลืองยาว ใหญ่ แผ่นนี้ตั้งอยู่
พร้อมคำจารึก ที่แปลได้ทำนองที่ว่า ..

'ใต้ผืนแผ่นดิน ที่ลูกหลานก้าวเดิน
คือเถ้ากระดูกของบรรพบุรุษ'

[swsm]

และหลังกระดานสีเหลืองนั้น เขาก็แบ่งสัดส่วนจัดทำเป็นนิทรรศการ
แสดงประวัติของนายกเทศมนตรี (ตำแหน่งคล้าย ๆ แบบนี้) รวมทั้งประวัติของมหาวิหารด้วย

สังเกตการแบ่งใช้พื้นที่และการใช้แสงสีนะคะ    

[swsm]