24 พฤศจิกายน 2567, 03:12:01
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม???????  (อ่าน 8561 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
chaojom
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104

« เมื่อ: 14 มกราคม 2552, 13:00:35 »

ว่าจะเขียนเรื่อง ประชานิยมมานานแล้ว

วันนี้เป็นจังหวะดี กับการเปิดตัว พรรคภูมิใจไทย พร้อมสโลแกน

 "ประชานิยม สังคมเป็นสุข"


ตอนที่พรรคไทยรักไทยเริ่มต้นก่อตัว  มีการหาข้อมูลต่างๆในเมืองไทยมากมาย ก่อนกำหนดออกมาเป็นนโยบาย
และด้วยมีคนมีความสามารถและตั้งใจดีต่อบ้านเมืองจำนวนมาก เข้ามาช่วยคิดช่วยทำ จึงเกิด นโยบายดีๆ
และ ส่วนหนึ่งของนโยบายก็คือ  การช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้คนในสังคม  โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาส ซึ่งต่อมาถูกเรียกเป็นคำเฉพาะว่า
"ประชานิยม"

ผมเชื่อว่า ผู้ร่วมร่างนโยบายในตอนนั้น ไม่ได้คิดบนพื้นฐานที่ว่า จะเอาอะไรให้ประชาชนดี
แต่คิดบนพื้นฐาน ที่ว่า  หากชีวิตของประชาชนยังอ่อนแอไม่มั่นคง ประเทศก็คงพัฒนาไม่ได้
ซึ่งจะเห็นได้ว่า นโยบายในยุคนั้น สามารถสร้่างคุณค่าในความเป็นคนได้ สามารถต่อยอดการพัฒนาได้

แต่ไทยรักไทยในช่วงปลาย เป็นช่วงที่คนมีความสามารถและตั้งใจดีหลีกหนีออกไปหมด
ที่เหลือ ในไทยรักไทย จึงไม่เข้าถึงแก่นรากของที่มา"ประชานิยม"ยุคแรก
นโยบายใหม่จึงไม่ได้ต่อยอดจากนโยบายแรก  และยังไม่อาจ คิดนโยบายดีๆได้

และไทยรักไทยยุคหลังก็เข้าใจประชานิยม เช่นเดียวกับทุกพรรค  พรรคประชาธิปัตย์ก็เช่นกัน

ไม่ผิดหรอก หากจะใช้ประชานิยม

แต่ ต้องเข้าใจแก่นราก 

ประชานิยม ไม่ใช่เพียงการให้ของฟรี


แต่คือการให้ เพื่อสร้างความมั่นคงที่ยั่งยืนให้กับชีวิต(สังคม)

ปุ๋ย...ไม่ใช่คำตอบการงอกงามของพืช

บันทึกการเข้า
Nat Rattanadilok
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 864

เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 มกราคม 2552, 13:36:54 »

อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจครับพี่
ต้องแปลไทยเป็นไทยว่า อะไรคือปุ๋ย
อะไรคือให้แล้วสร้างความมั่นคงในชีวิต






แบบว่าเรียนมาน้อย  งง งง
บันทึกการเข้า

+ ยุ่งจริง +
chaojom
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104

« ตอบ #2 เมื่อ: 14 มกราคม 2552, 15:31:33 »

ขอบคุณคุณณัฐครับ (ถ้าเรียกผิด แจ้งด้วยนะครับ)

ก่อนจะเข้าเรื่อง อะไรคือปุ๋ย

ผมขอเรียนว่า ใจผมนั้น ผมไม่อยากเรียก นโยบายพรรคไทยรักไทยยุคแรกว่านโยบายประชานิยม
แต่เมื่อเรียกกันจนติดปาก ผมจึงยอมเรียกตามบ้่าง แต่ผมก็อยากสะท้อนวิธีคิด โครงการช่วยเหลือต่างๆที่นักการเมืองในยุคนี้เรียกกันว่า ประชานิยม
หากจะให้เกิดผลอย่างที่ พรรคไทยรักไทยทำในยุคแรก  ต้องเข้าใจว่า ยุคแรกของนโยบายไทยรักไทยนั้น มาจากแนวคิดทำนองว่า
หากคนเรายังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรกิน ก็คงไม่อยากฟังเรื่องกฎจราจร

แต่ีวันนี้ นโยบายประชานิยมที่ใส่ลงมา เอาแค่รูปแบบภายนอกของไทยรักไทยยุคแรกมาปรับแต่ง แต่ไม่เข้าใจแก่นแท้ว่า
ทำไมนักคิดของไทยรักไทยยุคแรก จึงกำหนดนโยบายออกมาเช่นนั้น
ยิ่งมาเลียนแบบนโยบายไทยรักไทยยุคหลังหรือเลียนแบบพรรคพลังประชาชน ยิ่งไปกันใหญ่

มาเข้าอุปมาอุปไมยเรื่อง "ปุ๋ย" นะครับ

คนที่ไม่มีความรู้้เรื่องเพาะปลูก หรือถูกหลอกจากโฆษณาจนหลงเชื่อ มักคิดว่า การใส่ปุ๋ยจะเป็นผลดีต่อพืช
จึงใส่อย่างไม่พอดี มากเกินบ้าง  น้อยเกินบ้่าง ไม่ถูกสูตรบ้่าง  แต่ขอให้เป็นปุ๋ย ก็จะใส่ๆๆ
ไม่ได้ดูอายุพืช อากาศ  น้ำ  แดด  ไม่คำนึงชนิดของพืช  แต่ก็คิดว่า ใส่เข้าไปเถอะ 
ก็เหมือนกับการใช้ประชานิยมของนักการเมืองยุคนี้ คิดเพียงว่า ให้ของฟรีกับประชาชนเถอะ ทุกอย่างก็จะดีเอง


มาถึงคำถาม   อะไรคือให้แล้วสร้างความมั่นคงในชีวิต

การให้แล้วสร้างความมั่นคงในชีวิต ก็คือการให้อย่างใช้ปัญญาครับ
ยกตัวอย่าง จะให้เด็กหัดเดินนะครับ จากเด็กที่นอนแบเบาะ ก็ต้องดูแลให้อาหาร จนนั่งทรงตัวได้
ค่อยหัดให้ยืน ยืนได้ค่อยหัดให้เดิน
หากประชานิยม ทำแบบรู้ว่าให้ของฟรีกับประชาชนเพื่ออะไร  พอได้ขั้นนี้จะทำอะไรต่อไป จนไปสู่เป้าหมาย
อย่างนี้เรียกว่า ใช้ปัญญาครับ ซึ่งจะสร้างความมั่นคงในชีวิต
 
เอาตัวอย่างของจริงมามาคิดกันเล่นนะครับ ว่าประชานิยมที่ควรเป็นคืออะไร
ไม่เอาเรื่องซับซ้อน อย่างรักษาฟรี อย่างกองทุนหมู่บ้าน (ซึ่งจริงๆทั้งสองเรื่อง
หากให้นักคิดของไทยรักไทยยุคแรกมาต่อยอด คงไปไกลโขมากกว่านี้)

ขอเอาเรื่องรถเมล์ฟรีในกรุงเทพนี่แหละ ถ้าจะคิดอย่างประชานิยมที่ใช้ปัญญาซึ่งจะก่อเกิดความมั่นคงนะครับ
ต้องวางเป้าหมายอย่างนี้ครับ
1.ต้องทำให้คนใช้รถส่วนตัวให้น้อยลงๆ
2.ประหยัดพลังงานช่วยชาติ

วางเป้าหมายแล้ว กำหนดวิธีการ
1.หาวิธีการให้คนใช้รถเมล์ฟรีมีความภูมิใจ
2.ทำรถให้สะดวก สะอาด น่าใช้บริการ
3.พนักงานบริการให้เกียรติ์อย่างยิ่งกับผู้โดยสาร
.....อะไรทำนองนี้ครับ....เป็นตัวอย่างนะครับ.....

ถ้าจะทำประชานิยม(....ไม่ค่อยชอบคำนี้จริงๆ)แบบไทยรักไทยยุคแรกให้ได้ผล
ต้องใช้ปัญญามากๆครับ ไม่ใช่ โยน...โยน...โยน

คุณณัฐครับ คุณเล่นตั้งคำถามแบบนี้แล้วบอกว่าเรียนมาน้อย..ทำเอาผมมึน

ขอบคุณครับ


บันทึกการเข้า
chaojom
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104

« ตอบ #3 เมื่อ: 05 เมษายน 2552, 08:22:39 »

เนื่องจากข้อมูลระบบขาดหาย ผมจึงได้นำบางส่วนที่พอหาได้มาต่อไว้ดังนี้

กระทู้ ต่อเนื่่องถึง  13 กพ 52 ครับ
ti2521
รุ่น: rcu2521
คณะ: ครุศาสตร์

« ตอบ #3 เมื่อ: วันจันทร์ 19 มกราคม 2552, 20.49 »
   
..... ผมอยู่  หอเจ้าจอม  2  ปี  หอ 1 ห้อง 1126  2  ปี  ให้บังเอิญงานปีใหม่ จุฬา ลำปาง รู้จักน้องหอ 27 หรือ 29  สัตวแพทย์ เปรมปรีย์  .....พักห้อง 1126  เหมือนกัน..........
.....อันที่จริงเห็นเค้าบอกว่าเป็น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ  มีงานวิจัยของนักวิชาเกินทั้ง อเมริกา  ยุโรป   ออกมาได้ผลสามารถหาข้อมูลได้   ปัญหาว่าพวกตกงาน  พวกไม่มีประกันสังคม  น่าจะมีมากพอควร  ผมคิดถึง อดีต นายก ที่ผมเรียก ท่านนายกได้เต็มปาก  นโยบายเงินฝัน สร้างงานในชนบท   เงินแจกแต่ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกาย อย่างน้อยมีผลงาน   น่าจะกระจายรายได้ครอบคลุม  (ความเห็นส่วนตัวครับ).....


chaojom
   
« ตอบ #4 เมื่อ: วันพุธ 28 มกราคม 2552, 09.23 »
   
เมื่อ วานมีโอกาสเข้าไปร่วมงานที่ กรอ.(คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน) ซึ่งจัดที่เซ็นทรัลเวิร์ลหาทุนขายบัตรเก้าอี้ละ 2,600 บาท(เผอิญผมได้สปอนเซอร์ฟรี)

ฟังนายกอภิสิทธิ์แสดงวิสัยทัศน์ เนื้อหาเหมือนที่เคยฟังผ่านสื่อมาแล้ว (เข้าใจว่าออกจากความคิดที่อยู่ในสมองของท่านเอง)

หลักโดยรวมก็น่ามีความหวัง

สังหรณ์ใจเพียงว่า เรื่องคำพูดนั้น พรรคประชาธิปัตย์จัดว่ายอดเยี่ยมอยู่แล้ว

แต่หากวิเคราะห์จากอดีต สมัยหนึ่งที่ท่านอภิสิทธิ์เคยแสดงความคิดขัดแย้งกับท่านชวน(จนท่านชวนขัดเคือง)

ก็น่าจะเชื่ีอว่า นายกท่านนี้ น่าจะทำคำพูดให้เป็นจริงได้

ขอส่งกำลังใจช่วยครับ  เพื่อประเทศไทยและลูกหลานไทยของเรา

ขอบคุณ พ่อเลี้ยงตี๋ แห่งลำปางครับ ที่เข้ามาเสริมสีสันให้กระทู้นี้ แวะเข้ามาบ่อยๆนะครับ
   

chaojom
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 77   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #5 เมื่อ: วันพุธ 28 มกราคม 2552, 12.35 »
   
สืบเนื่องจากคำถามของคุณ Nat Rattanadilok ที่ว่า ประชานิยมอย่างไรให้ชีวิตมั่นคง

ผมคิดอยู่หลายวัน เกี่ยวกับ การแจกเงินฟรี 2,000 บาท

เมื่อ วันจันทร์ที่ 26นี้  ขับรถพาเตี่ยเที่ยว ขับไป คุยไป  เตี่ยพูดว่า แจกเงินให้คนจน แทนที่จะแนะนำให้ออม กลับแนะนำให้ใช้

(เพราะความจริง คนจะมั่นคงได้ ต้องมีเงินออม)...ประโยคเด็ดๆของเตี่ย ปิ๊๊งในสมองของผมเลยครับ

เรามาคิดเล่นๆ เรื่อง เงินแจกฟรี 2,000 บาท แบบใช้ปัญญานะครับ

สมมติว่า รัฐแจกมาให้แล้ว มีกฎว่า

1.เงินนี้ห้ามใช้  แต่ให้แต่ละคนฝากธนาคารไว้

จะมีเงินกองทุนจำนวน 19,000 ล้านบาท

2.ให้ดอกเบี้ยเงินฝากแต่ละคน สูงพิเศษกว่าปกติ สูงมากยิ่งดี ถอนดอกเบี้ยได้ทุกเดือน

3.นำเงินนั้นปล่อยกู้ด้วยเงื่อนไขพิเศษ ดอกเบี้ยต้องสูงกว่าการปล่อยกู้ปกติของธนาคารพอควร

4.ขอความร่วมมือธนาคารอย่าคิดค่าบริหารจัดการจากเงินก้อนนี้ หรือคิดในราคาต่ำพิเศษ

5.วางระยะเวลาให้ผู้ฝากถอนเงินคืนได้หลังจาก 3 หรือ 5 ปี หรือ......

6.รัฐช่วยดูแลเรื่องความเสี่ยงจากการปล่อยกู้

7.รายละเอียดเพิ่มเติมอื่น....

อ่านแล้ว รบกวนแลกเปลี่ยนกันหน่อยครับ  ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านครับ
   
Nat Rattanadilok
Hero Member

« ตอบ #6 เมื่อ: วันพฤหัสบดี 29 มกราคม 2552, 17.58 »
   
ตอบแบบงูๆ ปลาๆ นะครับ
การออมก็เป็นสิ่งที่ดี  แต่อย่าลืมว่าออมเกินไปจะเกิดภาวะเงินฝืด
ตอนเรียนจำได้ว่ามีเรื่อง multiple effect ของการใช้จ่าย
ก็คือว่า ถ้าเราได้เงินมา 100 บาท ออมไว้ ยี่สิบ ใช้ 80.
ผลที่เกิดตามมา ถ้าทุกคนใช้ pattern การใช้เงินแบบเดียวกันคือ

effect = 100 หารด้วย (100 - 80)  = 5
total effect  = 100 x 5 = 500

ตัวอย่างคือ ผมได้เงินมา 100 เอาเงินไปซื้อกล้วยเชื่อม 80 บาท ออมไว้ 20 บาท
แม่ค้าได้รับเงิน 80 บาท แล้วเขาก็เก็บไว้ 16 บาท นำไปซื้อวัตถุดิบ 64 บาท
แล้วคนที่รับเงินต่อๆไปจากแม่ค้า ก็ใช้จ่ายแบบเดียวกัน ในที่สุดตลาดก็จะมีเงินออมเท่ากับ
20 + 16 +12.8 + 10.24 + ...... (take limit ก็จะได้เท่ากับ 100 บาทเหมือนกัน)
แต่เงินที่หมุนเวียนเพิ่มขึ้นในตลาดจะมากกว่า 100
ตามสูตรเงินหมุนเวียนจะได้เท่ากับ 500

ใช้เถอะครับ ถ้าไม่เดือดร้อน กันบางส่วนไว้ออม พอเพียงครับกระผม
มันจะทำให้แม่ค้าแม่ขายมีรายได้ ผู้ผลิตก็จะมีรายได้
แต่ถ้าซื้อของนำเข้า  ผลของมันก็จะน้อย
ดังนั้น ควรอุดหนุนสินค้าไทยด้วยนะจ๊ะ




   บันทึกการเข้า
Nat Rattanadilok
   
« ตอบ #7 เมื่อ: วันศุกร์ 30 มกราคม 2552, 10.19 »
   
จะเห็นได้ว่าคุณอภิสิทธ์ ใช้นโยบายของสำนัก John Maynard Keynes (Keynesian school) มาใช้อย่างเต็มตัว
สะท้อนทฤษฎีที่บอกว่ารัฐบาลจะต้องใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ต่างจากคุณสมัคร และคุณสมชายที่ใช้ทฤษฎี Classic ที่บอกว่ารัฐบาลไม่ต้องทำอะไร
เศรษฐกิจจะมีกลไกเติบโตของตนเอง (หรือแกไม่มีไอเดียจะทำอะไรก็ไม่รู้)  เหอๆๆ

ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่เห็นนักเศรษฐศาสตร์อย่างอาจารย์อัมมาร (ท่านเก่งมากจริงๆครับ เคยสอนที่ ฮาร์วาร์ดหลายปี)
จะได้รับการเยี่ยมเยียนจากนายกบ่อยๆ ตามประสาอาจารย์- ลูกศิษย์



chaojom
Jr. Member
**
  
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #7 เมื่อ: วันนี้ เวลา 10:19 »
   ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง

จะเห็นได้ว่าคุณอภิสิทธ์ ใช้นโยบายของสำนัก John Maynard Keynes (Keynesian school) มาใช้อย่างเต็มตัว
สะท้อนทฤษฎีที่บอกว่ารัฐบาลจะต้องใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ตามหลักการวิทยาศาสตร์

สมมติฐาน ได้จากการการสังเกต

สมติฐานใดได้รับการยอมรับ จึงพัฒนาเป็นทฤษฎี

ทฤษฎี ที่ใช้จนยอมรับว่าจริงแท้แน่นอนไม่แปรเปลี่ยน จะได้รับการแต่งตั้งเป็น กฏ

ปัญหาอยู่ตรง ทฤษฎีนี่แหละครับ...โดยเฉพาะทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ต้องนำมาใช้ในยุคทุนนิยมภิวัฒน์เช่นนี้
การใช้ทฤษฎี ก็อุปมาได้กับการเล่นเครื่องดนตรี  บางคนเอาหม้อกาละมังมาเคาะมาตีก็เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
แต่ถ้าให้ผม เล่นเปียโน ไวโอลีน ระนาด หรือเครื่องดนตรีชั้นยอดใดๆ รับประกันได้ ถูกโห่ฮาอย่างแน่แท้...ซึ่งผมไม่อาจทึกทักว่า
เครื่องดนตรีดังกล่า่วใช้ไม่ได้

วันนี้ ดูเหมือนว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังพยายามทำงาน...แต่ผมค่อนข้างสังหรณ์ใจว่า จะเหมือนผมเล่นดนตรีไหม?

ขอบคุณคุณNat Rattanadilokครับที่นำความรู้มาแบ่งกัน ผมชอบเรื่องวิธีคิดการออมที่คุณแสดงไว้ครับ

   บันทึกการเข้า
ti2521
ขาประจำ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รุ่น: rcu2521
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 247
ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #9 เมื่อ: วันศุกร์ 30 มกราคม 2552, 21.40 »
   
.....ได้แนวคิดเป็นระบบ ของนักคิดนักวิเคราะห์อ้างอิงเชิงวิชาการดีมากครับ  
     แต่แนวทางการทำงาน  พื้นฐานคนประเทศเรา  เทียบกับเขามาตราฐานต่างกันมาก  
    ผมค่อนข้างเครียดว่าเราจะเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดจะเล่นตามเขาหรือ
    แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง   อดทน อดกลั้น อดออม   เชิงตะวันออก  วิถีเกษตร  ความอุดมของแผ่นดินไทย ศักยภาพดีที่สุดนี้ สามารถดึงมาใช้สูงสุด?
   แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วยกับแนวทางประหยัด+ออม  ออม และ ออม ครับ
   ผมติดตามคุณ nut rattanadilok อ่านแล้วได้แนวคิดดีมาก แล้วรู้สึก  สบายใจ  ด้วยครับ  ขอบคุณ+ดีใจที่ได้รู้จักครับ   พี่ตี๋.....
   บันทึกการเข้า
chaojom
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 77


ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #10 เมื่อ: วันจันทร์ 02 กุมภาพันธ์ 2552, 13.18 »
   
ขอบคุณพ่อเลี้ยงตี๋ ผู้ช่วยให้เกษตรกรบางส่วนของลำปางมีเงินใช้ครับ แวะเข้ามาทักทายแลกเปลี่ยนบ่อยๆนะครับ

การใช้ประชานิยมนั้น รัฐต้องเข้าใจตัวตนของรัฐด้วยครับ ต้องเข้าใจว่า หากจะให้ประเทศยืนอยู่บนโลกทุนนิยมอย่างผงาด
กำลังการผลิตจะต้องอยู่กับภาคประชาชนเป็นหลัก

รายได้หลักของรัฐได้จากการเก็บภาษี เก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ

หากรัฐ ยังหลงว่า  ต้องเป็น "ผู้ให้ ทรัพย์สิน และบริการสาธารณะ กับประชาชน"
ก็เท่ากับ รัฐกำลังขุดดินบริเวณเสาบ้านไปถมบ่อน้ำขังที่สนามหญ้า
เพราะ เมื่อรัฐใช้เงินมาก ก็ต้องเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น  เท่ากับเป็นการเพิ่มภาระที่มีผลกระทบสูงสุดเข้าไปในระบบ
และผลกระทบดังกล่าว คือภาระที่จะผูกพันกับภาคเอกชน  ประเทศก็จะเป็นดั่งบริษัทที่มีค่าใช้จ่ายคงที่ในการดำเนินกิจการสูงๆ


อันที่จริงแล้ว ประชานิยมที่ถูกต้อง  คือ "การให้โอกาส กับประชาชนทุกคน โดยคำนึงถึงศักยภาพพื้นฐานที่ไม่เท่ากัน"

จะใช้ประชานิยม ต้องใช้สมองให้มากๆครับ...จ๋าขอ...

   บันทึกการเข้า
สมชาย17
Sr. Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #11 เมื่อ: วันจันทร์ 02 กุมภาพันธ์ 2552, 22.05 »
   
ผมหายไปหลายวัน
กระทู้นี้ของ น้องเจ้าจอม ได้เพื่อน พี่ น้อง มาช่วยแสดงความคิดเห็นหลากหลาย
เป็นประโยชน์จริงๆ
ประชานิยม ตอนนี้ รู้สึกว่าจะ ฮิด ไปทั่วโลกแล้ว
เศรษฐกิจ มีปัญหา ถือว่าแรงมากๆ ตอนนี้
ประชานิยม เหมือน อามิสทาน ทางพุทธศาสนา ต้องมี ถือเป็นทานที่ดี ถ้าใช้ให้ถูก
โอกาสและจังหวะการใช้  ปัจจุบัน เงินฝืด การส่งออกลดลง เพราะประเทศใหญ่มือเติบ
จนลง ก็ซื้อของน้อยลง โรงงานและผู้ประกอบการในเมืองไทย ก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

รัฐ ต้อง อัดเงินลงแบบ ประชานิยม คือแจกเงินเลย เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ เพื่อให้ทุกอุตสาหกรรม
อยู่ได้ (ต้องแจก เพื่อไปจับจ่ายใช้สอยด้วย และต้องใช้ให้หมด ใน 3-6 เดือน เพื่อให้ เงินหมุนเวียนโดยเร็ว)
ทำให้อุตสาหกรรม ไม่ล้ม คนไม่ตกงาน เพราะถ้าคนตกงานมาก เงินจะฝืดกว่านี้ และปัญหาสังคมจะตาม มา มากมาย
จนรับกันไม่ไหว เรียกว่า แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ว่า งั้นเถอะ
เหมือน อามิสทาน ช่วย โดยให้ อาหาร หรือของที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ เขาตาย(ถ้าเขาไม่มีจะกิน หรือหนาวตาย ถ้าไม่มีเสื้อผ้า)
ต้องมี
   บันทึกการเข้า
สมชาย17
Sr. Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #12 เมื่อ: วันจันทร์ 02 กุมภาพันธ์ 2552, 22.18 »
   
ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว
เหมือนธรรมทาน ทางศาสนาพุทธ
คือ การสอน ให้ความรู้ ให้วิธีการทำมาหากิน
ถ้าเป็น เรื่องของรัฐ ก็ต้องให้เพิมอีก นอกจากความรู้
ความสามารถ ในการทำมาหากินแล้ว ยังต้องสร้างโอกาส
ให้คน เข้าถึงแหล่งงาน แหล่งทำมาหากิน
และการเข้าถึงและวิธีแสวงหาทรัพยากรด้วย ถ้าเขาต้องการทำงาน
ที่เป็นเจ้าของเอง ไม่ว่าจะเป็น เกษตร ค้าขาย งานบริการ งานประดิษฐ์ ค้นคิดต่างๆ
ให้หลากหลายกว่าในปัจจุบัน
ปัจจุบัน สอนเพื่อป้อนให้ กับงานที่มีอยู่แล้ว ยังไม่หลากหลาย
ซ้ำ ยังสอนแบบไม่ค่อยได้เรื่องอีก ทั้งๆที่ สอนเพื่อป้อนให้กับงานซ้ำซากที่มีอยู่แล้ว

รัฐคงต้องใช้ทั้ง 2 รูปแบบ แก้ปัญหา ทั้งระยะสั้นและระยะยาว


การออมเป็นเรื่องที่ดี และต้องทำให้เป็นนิสัย
แต่ช่วงนี้ ต้องจ่ายเพื่อให้มีเงินหมุนเวียน ในทุกธุรกิจ
เพื่อให้ธุรกิจประคองตัวอยู่ได้  เพื่อไม่ให้คนตกงาน
และประเทศไม่ล้มละลาย(คนต้องไม่ล้มละลายด้วย)

วันหลัง มาคุยกันใหม่อีกที

   บันทึกการเข้า
Nat Rattanadilok
Hero Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 619



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #13 เมื่อ: วันพฤหัสบดี 05 กุมภาพันธ์ 2552, 15.52 »
   
ยินดีรู้จักครับพี่ TI2521, หวังว่าเราคงเจอกันสักครั้งนะครับพี่
ถ้าเจอไอ้จูน ปี 32 ช่วยดูนะครับว่ามีลูกกี่คนแล้ว อดีตขวัญใจหอหนึ่งเชียวนะนั่น  เขินน๊า!!

ยินดีรู้จักกับพี่ สมชาย17 ด้วยครับ
   บันทึกการเข้า
chaojom
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 77


ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #14 เมื่อ: วันอังคาร 10 กุมภาพันธ์ 2552, 10.02 »
   
ขอบคุณพี่สมชาย และน้องณัฐที่เข้ามาแลกเปลี่ยน

อยากให้อ่าน สกูปหน้า1 ของไทยรัฐวันนี้ "หมอ ไม่ใช่แค่รักษา ต้องเยียวยาด้วยใจ"
http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=122783

ผมอยากเรียนว่า ประชานิยม คือการให้ระยะสั้น เพื่อหวังผลระยะยาว  แน่นอนต้องใช้สมองมากๆครับ
และทำได้แน่ๆถ้า ระดมสมอง และคิดๆๆด้วยใจที่ไร้ความเห็นแก่ตัว

ผมใช้น้ำฟรีมาหลายเดือนแล้ว ครอบครัว 3 คนพ่อแม่ลูก จึงได้ใช้น้ำฟรี ก็ดีที่ไม่ต้องเสียเงินเดือนละร้อยสองร้อย
แต่ไม่ได้ยินดีปรีดานะครับ  เพราะมีคนที่เงิืนจำนวนดังกล่าวมีค่าพอควร เขากลับไม่ได้ใช้น้ำฟรีเลย

ตัวอย่างจากบทความไทยรัฐนั้น ผมใคร่เรียนว่า นั่นคือ ส่วนหนึ่งของรากเหง้า ที่ถูกปรับแต่งเป็นโครงการ สามสิบบาทรักษาทุกโรค
เพียงแต่ว่า กลุ่มคนเริ่มคิด ไม่มีโอกาสต่อยอด(เพราะหนีออกจากพรรคไทยรักไทยไปหมด)  คนทำตามก็ไม่เข้าใจ
กลายเป็นรักษาไม่เก็บเงินไปนั่น...

เป้าหมายเดิมของโครงการรักษาโรคนี้ คือ ทำให้คนมาโรงพยาบาลให้น้อยที่สุด โดย ทำให้คนแข็งแรงไม่เจ็บป่วย

   บันทึกการเข้า
naiamphureak
ขาประจำ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 192



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #15 เมื่อ: วันอังคาร 10 กุมภาพันธ์ 2552, 15.19 »
   
ยังสงสัยอยู่ว่าประชานิยมกับเศรฐกิจพอเพียงจะไปด้วยกันได้หรือเปล่าในภาวะปัจจุบัน อ่านความเห็นและข้อมูลของพี่พี่ข้างบนแล้ว
น่าจะได้รับความคิดเห็นดีดีครับ
   บันทึกการเข้า
Nat Rattanadilok
Hero Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 619



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #16 เมื่อ: วันศุกร์ 13 กุมภาพันธ์ 2552, 14.26 »
   
โดยรวมแล้วประเทศไทยมีการออมเงินโดยเฉลี่ย ประมาณ 30% ของรายได้ครับ
ไม่ใช่อี้อี้ ถ้าจำไม่ผิด % มากกว่าสิงคโปร์ซะอีก ผลของ 18000 ล้านก็น่าจะทำให้เงินเพิ่มในระบบเฉียดๆ 60000ล้าน
รอดูผลครับ คงต่อลมหายใจให้กับหลายๆ ธุรกิจได้

ว่างๆจะมาโม้เรื่อง "มือที่มองไม่เห็น" หรือ Invisible Hand เรื่องนี้เป็นทฤษฎี classic ครับ
(ในทางเศรษฐศาตร์กระแสหลักมีสองสำนักคือ Classic & Keynes)
แต่ในเมืองไทยเอามาแปลผิดๆ เอ้อ  บรึ๋ยยย

ลองหาอ่านดูนะครับ น่าจะเจอ
Adam Smith, Wealth of the Nations. ต้นตำหรับมือที่มองไม่เห็นอันแสนจะโด่งดัง
แปลเป็นไทยหลายๆสำนักมากทั้งจุฬา ธรรมศาสตร์ ฯลฯ

ขอแตะการเมืองนิดนึง อาจารย์ใจ
(ลูกชายของอาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ คนที่ผมเคารพ
พี่ชายของอาจารย์จอน อึ้งภากรณ์ ผู้ที่ตอนนี้ไปเป็นผู้ช่วยของดร. ศุภชัย พาณิชภักดิ์ ที่ UN)
ทำไมในหัวแกยังเอียงซ้ายได้ตลอด ตั้งแต่หนุ่มยันแก่ สิ่งที่พูด เขียน อ่าน ก็ยังเดิมๆ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ทั้งที่คนที่ทำร้ายอาจารย์ป๋วย คือจอมพล.....

   บันทึกการเข้า
chaojom
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
      บันทึกการเข้า
chaojom
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104

« ตอบ #4 เมื่อ: 05 เมษายน 2552, 08:27:59 »

กระทู้ต่อเนื่อง ถึง 5 มีนาคม 52

 
อ้างถึง   
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 77


ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #17 เมื่อ: วันอาทิตย์ 15 กุมภาพันธ์ 2552, 08.42 »
   
อ้างถึง
naiamphureak
ขาประจำ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137



ดูรายละเอียด ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #15 เมื่อ: วันอังคาร 10 กุมภาพันธ์ 2552, 15.19 »
   ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
ยังสงสัยอยู่ว่าประชานิยมกับเศรฐกิจพอเพียงจะไปด้วยกันได้หรือเปล่าในภาวะปัจจุบัน อ่านความเห็นและข้อมูลของพี่พี่ข้างบนแล้ว
น่าจะได้รับความคิดเห็นดีดีครับ

ขอบคุณครับน้องนายอำเภอเอก(น่าจะใช่)
 ขอแลกเปลี่ยนในเรื่อง ประชานิยมกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนะครับ (ไม่ใช่เศรษฐกิจพอเพียงอย่างที่ ราชการเกือบทั้งหมดหลงประเด็น
สับสนระหว่าง เกษตรทฤษฎีใหม่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำโดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง ซึ่งเกษตรทฤษฎีใหม่
เป็นเพียงส่วนเล็กๆภายใต้ปรัชญาดังกล่าวเท่านั้น)

ระหว่างประชานิยมกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น  หากเปรียบการดำเนินชีวิตของเราคือการทานอาหาร ประชานิยมก็เหมือนตะเกียบหรือช้อน
หรือเครื่องมือที่จะใช้ในการทานอาหาร ส่วนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือขบวนการทั้งหมดเกี่ยวกับอาหารที่จะทำให้ร่างกายมีชีวิตอย่างสดชื่น
แข็งแรง ถ้าใช้เครื่องมือในการทานอาหารที่เหมาะสม ร่างกายก็จะได้รับอาหารอย่างเ้พียงพอและสอดรับกับอาหารที่ทาน ถ้าอาหารเป็นซุป
แต่ใช้ตะเกียบคีบก็คงไม่เหมาะ ซึ่ีงอาหารบางอย่างเราไม่ต้องใช้เครื่องมือก็ได้(คือไม่ต้องใช้ประชานิยม)เช่นทานผลไม้บางชนิด
ส่วนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น  ต้องคิดตั้งแต่ร่างกายอยู่ในช่วงอายุใด ควรทานอาหารอะไร เท่าไร ทำอย่างไร...ฯลฯ

สรุปในความเห็นของผม ประชานิยมและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปด้วยกันได้ครับ อย่างที่ผมเคยยกเปรียบไว้ว่า เด็กทารก
ถ้าไม่คอยป้อนอาหารให้ เขาคงตายก่อนที่จะเดิน

ผมค้างในใจที่อยากแลกเปลี่ยนกับพี่สมชาย และน้องณัฐ เกี่ยวกับระยสั้น ระยะยาว และการออม มีโอกาสจะขอแลกเปลี่ยนนะครับ

ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านครับ
   บันทึกการเข้า
Nat Rattanadilok
Hero Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 619



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #18 เมื่อ: วันอังคาร 24 กุมภาพันธ์ 2552, 08.57 »
   
link อธิบายเพิ่มเติมเรื่อง Keynes ครับ

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20090224/18959/เมื่อทฤษฎีเคนส์กลับมา-กู้วิกฤติศก.โลก.html

   บันทึกการเข้า
chaojom
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 77


ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #19 เมื่อ: วันเสาร์ 28 กุมภาพันธ์ 2552, 13.13 »
   
น้องณัฐครับ  ลิงค์ตามที่วางไว้เข้าไม่ได้ครับ  รบกวนข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ
   บันทึกการเข้า
ti2521
ขาประจำ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2521
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 247



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #20 เมื่อ: วันจันทร์ 02 มีนาคม 2552, 02.16 »
   
.....จอห์น เมนาร์ด เคนส์  นักเศรษฐศาสตร์เคมบริด ที่ถือว่าเป็นบิดาเศรษฐศาสตร์ยุคใหม่ เจ้าของทฤษฏีเศรษฐศาสตร์มหภาค keynesian  เมื่อเกือบ  80  ปี ตามที่อ่านหรือมีผู้วิเคราะห์จากฉบับดั้งเดิมจะเน้นการใช้จ่ายแบบสุดๆ หากเกิดปัญหาค่อยว่ากัน   แต่ในความคิดที่แท้จริงในการใช้จ่ายเป็น?  หรือจะเหมือน  เป้าของโครงการ  30 บาทรักษาทุกโรคที่ต้องการให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงไป รพ น้อยลงกลับกลายเป็นรักษาฟรีไปซะ ดังที่พี่chaojom ปุจฉาไว้ครับ   นโยบายก่อหนี้สาธารณะจะมีผลต่อชุมชนไทย ระยะสั้น ระยะยาว อย่างไร ความรับผิดชอบต่อผลตามมาเป็นของผู้ใด ?
     (( เปรียบกับระบบการคัดคนเข้าอุดมศึกษาของผู้บริหารหอคอยงาช้างเน้นผู้เรียน เป็นศูนย์กลางพยายามให้มีการเรียนพิเศษน้อยสุด  หรือกรณีเด็กเรียนสายวิทย์ วิศวะ สอบไม่ผ่านวิชาฟิสิกส์มากขึ้นเป็นการไม่ put the man in the right place หมายถึง การใช้คะแนน วิชาภาษาไทย สังคม มีผลอย่างมากในการได้เข้า ทั้งหมดนี้จะหาความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงต่อเยาวชนไทยผู้รับผลการทดลองนี้จาก ความคิดเริ่มต้นจากผู้บริหารองค์กรรัฐผู้ใด) ที่กล่าวมาตามความคิดของผมจะยก ตย ทำไม ธนาคารรวงข้าวถึงรับผู้บริหารส่วนมากสายวิทยาศาสตร์อาจจะเป็นการมองอย่างมี เหตุผลที่น่าอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์อย่างมีเหตุและผลสำหรับผู้บริหารทางการ ศึกษาที่ส่วนมากจบสายศิลป์ เป็นอีกมุมมองส่วนตัวของสายศิลป์เช่นผมครับ)
     พี่chaojom ครับผมว่าพื้นฐาน มาตรฐาน  วัฒนธรรม การดำรงชีวิตของสังคมตะวันออก กับตะวันตก นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง วิธีการจับหนูของแมวอาจต่างกันสิ้นเชิงก็เป็นได้ ผมคงสนับสนุนการใช้ปรัชญาพ่อ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแนวทางการใช้ชีวิตสายกลาง ปฏิเสธการก่อหนี้ทั้งระยะและยาว ซึ่งจะผลต่อลูกหลานจะต้องใช้หนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   ทั้งหมดทั้งปวงถือเป็นความคิดส่วนตัวของคนบ้านนอกความคิดหนึ่งเท่า นั้นครับ ต้องกราบขออภัยและขอบคุณมา ณ ที่จุดนี้ด้วยครับ.....
   บันทึกการเข้า
chaojom
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 77


ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #21 เมื่อ: วันอังคาร 03 มีนาคม 2552, 13.49 »
   
ขอบใจคุณตี๋ครับ ได้ความรู้และเห็นพ้องกับความคิดของคุณตี๋พอควร

ไปพบบทความเกี่ยวกับประชานิยม เขียนโดยดร.วรัญญู อ้างถึงทฤษฎีเคนส์ จึงนำมาฝากครับ

http://www.vcharkarn.com/varticle/38374
   บันทึกการเข้า
สมชาย17
Sr. Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #22 เมื่อ: วันพฤหัสบดี 05 มีนาคม 2552, 19.50 »
   
ผมหายไปนานเลย กลับมาอ่าน ก็ได้ความรู้เพิ่ม
น้องตี๋ แสดง แนวคิดได้ถูกใจผมมาก ผมว่าเศรษฐกิจ พอเพียง เหมาะสมกลับ
ประเทศไทยและประเทศตะวันออก
ส่วนของน้องเจ้าจอม เป็นนักคิด นักวิเคราะห์อยู่แล้ว ผมเข้ามาอ่านจะได้ปัญญาทุกครั้ง
แต่ของ อาจารย์วรัญญู ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจ ว่าอาจารย์ท่านจะชี้อะไร
จะพาเราไปทางไหน
เพราะเศรษฐกิจไทย พัฒนา มาแบบผิดรูป ควรเน้นอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุในประเทศ
เป็นส่วนใหญ่และพยายามพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองเป็นหลัก แต่กลับไม่เน้น
ดัน ไปเน้นอุตสาหกรรมหนัก ที่ใช้ทั้ง โนฮาวและวัตถุดิบ
ที่นำเข้าเป็นส่วนใหญ่ ได้แต่ ค่าแรงถูกๆไปแข่ง กลับทั่วโลก

เมื่อไทยเราเป็นอย่างนี้แล้ว การพัฒนา ในอนาคตแบบน้องตี๋ว่าไว้ คงต้อง
กำหนดเป็น นโยบายที่ปฏิบัติได้ และค่อยๆ ให้ นักอุตสาหกรรมและนักลงทุน
ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน ถ้าทำจริงจัง 10 ปี ข้างหน้า น่าจะเห็นผล

กลับมาของอาจารย์ วรัญญู
นโยบายรัฐ และการดำเนินงาน การลงทุนถาครัฐไม่ว่าจะเป็น ระบบขนส่ง
การก่อสร้าง และการสร้างงานภายในประเทศ ซึ่งใช้เงิน มหาศาล ได้เริ่มดำเนินการแล้ว

เงิน ประชานิยม 2000บาท ต่อคน ของผู้ประกันตน เป็นการทำ เงินสะพัดให้เศรษฐกิจหมุนได้
ชั่ววูบ เท่านั้น เหมือนคนขาดน้ำ หิวน้ำจะตายแล้ว ก็ให้กินอึกหนึ่ง ช่วยให้ธุรกิจ ที่มาผิดทาง
พอหายใจได้เฮือกหนึ่ง รวมถึงจ้างคนตกงานมาฝึกงาน เป็นการเยียวยาจิตใจและแก้ปัญหาสังคม
เฉพาะหน้า เท่านั้น แต่ถ้าไม่ทำ ปัญหาสังคม จะมากกว่านี้จนทั้งรัฐ และเราๆ ท่านๆ จะรับไม่ไหว


   บันทึกการเข้า
สมชาย17
Sr. Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #23 เมื่อ: วันพฤหัสบดี 05 มีนาคม 2552, 20.03 »
   
ปัญหาใหญ่ของไทย ต้องแก้ที่โครงสร้างทั้งทาง เศรษฐกิจและสังคม
และค่านิยมของสังคม ที่ผมว่าแย่เอามากๆ แย่ลงทรุดลงตลอด จากผมเด็กๆ
จนถึงปัจจุบัน แย่ลงตลอด เศร้าจริงๆ
และต้องลดความฟุ้งเฟ้อ ลดอาการไข้ทางจิตเรื่องบริโภคนิยม

ฝนห่าใหญ่กำลังจะมา โครงการก่อสร้างใหญ่ๆทั้งหลายกำลังมา แต่จะเยียวยาได้แค่ไหน
คงต้องดูกันต่อไป อาจารย์วรัญญู จะชี้นำอะไรไม่ทราบได้ เพราะประชานิยมที่ว่า
ใช้เงิน19000+5000+นิดหน่อย  รวมแล้วไม่เกิน 30000 ล้านบาท
โครงการใหญ่ๆที่เป็นการลงทุนภาครัฐ ประมาณ 500000-1000000 ล้านบาท
เหมือนอาจารย์ไม่รู้ว่ามีโครงการใหญ่ๆ พวกนี้อยู่ เลยไปตีเอาแต่เงิน2-3หมื่นล้านบาท


   บันทึกการเข้า
สมชาย17
Sr. Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #24 เมื่อ: วันพฤหัสบดี 05 มีนาคม 2552, 20.15 »
   
ดัชนีวัดของประเทศไทย ผมยังชอบ GNH(ความสุข) มากกว่า GDP(ผลผลิต)
และเศรษฐกิจไทย ต้องไม่พึ่งการส่งออกเป็นหลัก ต้องเน้นหมุนเวียนในประเทศเป็นหลัก
เหลือแล้วส่งออก ส่งออกเป็นพระรอง ว่างั้นเถอะ  แล้วภูมิคุ้มกันจะสูง
ไม่เช่นนั้จะเป็นแบบที่เขากล่าวกันว่า
แค่ อเมริกัน จาม ไทยเราก็ติดหวัดซะแล้ว

ดังนั้นที่แก้ๆ กันอยู่ทั้งระยะสั้น ทั้งระยะยาว ถ้ายัง วนเวียนในรูปแบบเดิม
โดยไม่ดูพื้นฐานตัวเอง จุดเด่นตัวเองมีอะไร จุดด้อยมีอะไร
และไม่เน้นพึ่งตนเองเป็นหลัก
ผมว่าแก้กี่ชาติ ก็สำเร็จยากมาก คงได้แค่ประคองตัวเท่านั้นเอง

      บันทึกการเข้า
chaojom
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104

« ตอบ #5 เมื่อ: 05 เมษายน 2552, 08:33:22 »

กระทู้ขาดช่วง วันที่ 18 มีนาคม
 
อ้างถึง   
seree_60
แฟนพันธุ์แท้
*
ออนไลน์ ออนไลน์

รุ่น: rcu 15
กระทู้: 928


แดดร้อนแผดเผาใจเราอดทน พายุลมฝนใจคนย่อมเหนือกว่า


ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #75 เมื่อ: วันนี้ เวลา 10:07 »
   
 ขออนุญาตมาแจมด้วย บทความที่น่าสนใจ เขียน โดย ราษฎรอาวุโส ลองอ่านกันดู แล้วมาคุยกัน


บทความ : ความเป็นธรรม เรื่องใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ... โดย ประเวศ วะสี

 

1. เรื่องใหญ่ที่สุด
ถ้าเราทำแต่เรื่องปลีกย่อยเป็นชิ้นๆ ส่วนๆ โดยไม่เห็นเรื่องใหญ่ที่สุด ก็จะไม่สำเร็จหรือขัดแย้งกันมากขึ้น สังคมที่ขาดความเป็นธรรมจะมีความขัดแย้งและความรุนแรง ผู้คนจะไม่รักกัน และไม่รักชาติ แล้วก็จะวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ จนล่มสลาย ความเป็นธรรมเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับมนุษย์หรือแม้แต่สัตว์ ถ้าสุนัขตัวไหนมันได้กินมากกว่าตัวอื่นก็จะกัดกันยกใหญ่ ถ้ามันได้กินทั่วถ้วนกันทุกตัวก็จะเกิดความสงบ ถ้ามีความเป็นธรรมแล้วมนุษย์ยอมได้ทั้งสิ้นไม่ว่าจะยากลำบากอย่างไร หรือแม้กระทั่งยอมตาย ถ้าขาดความเป็นธรรมจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ถ้าขาดความเป็นธรรมประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้าไม่ได้ หรือแม้ล่มสลาย
การขาดความเป็นธรรมเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศไทย


2. "ช่องว่าง"

 ภาพ มหาภาคของความไม่เป็นธรรม ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวม หรือระหว่างคนข้างล่างกับคนข้างบนคือ ภาพสะท้อนมหภาคของความไม่เป็นธรรม เราเป็นคนเหมือนกันควรจะมีศักดิ์ศรีและคุณค่าของความเป็นคนเหมือนกัน แต่ทำไมจึงแตกต่างกันมากเหลือเกินระหว่างคนข้างล่างที่ปากกัดตีนถีบไม่พอที่ จะเลี้ยงลูกกันคนข้างบนที่อาจมีรายได้เป็นล้านๆ บาทต่อเดือน เรามีปัญหาความไม่เป็นธรรมทุกด้าน ทั้งทางเศรษฐกิจ ทางสังคม ทางกฎหมายและการเข้าถึงทรัพยากร เรารู้หรือไม่ว่ากฎหมายและการประยุกต์ใช้กฎหมายมีอคติต่อคนจน ความขัดแย้งทั่วแผ่นดินเกิดจากการแย่งชิงทรัพยากรที่รัฐไม่อำนวยความเป็น ธรรม


3. ตัวอย่างและรายละเอียดบางประการของความไม่เป็นธรรม
ความ ไม่เป็นธรรมมีอยู่ในทุกเรื่องแต่เราอาจจะไม่เห็นเพราะความซับซ้อนของมัน อย่างเรื่องระบบบริการสุขภาพที่เรามีโครงสร้างค่อนข้างทั่วถึง แต่ถ้าเอาเรื่อง "ช่องว่าง" เข้ามาจับก็จะเห็นความไม่เป็นธรรม เช่น ลูกคนจนยังตายมากกว่าคนรวยถึง 3 เท่า คนจนตายจากเรื่องที่ไม่ควรตายมากกว่าคนรวย เรียกว่าความตายที่ไม่เป็นธรรม การค้าเสรีและนโยบาย Medical Hub ที่ดึงเอาคนต่างชาติเข้ามารับบริการในเมืองไทยทำให้คนพวกหนึ่งร่ำรวยขึ้น แต่มันได้ดึงแพทย์และพยาบาลออกมาจากการบริการคนจนในชนบท ภายใต้สิทธิธรรมของการค้าเสรีที่อนุญาตให้ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ทุนหนาเข้าไป ตั้งในชุมชนได้ทำลายอาชีพของรายเล็กรายน้อยในชุมชนนั้นไม่เป็นจำนวนมากกว่า จำนวนคนที่จ้างงานในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ตามชายฝั่ง เช่น ที่จังหวัดตรัง จังหวัดปัตตานี ชาวประมงที่ยากจนเคยหาเลี้ยงชีพด้วยการจับสัตว์น้ำ แต่เมื่อนายทุนเอาเรือขนาดใหญ่พร้อมทั้งอวนลากที่ใช้เครื่องจักรมาลากกวาด เอาทุกสิ่งทุกอย่างไปสร้างความร่ำรวย ทั้งๆ ที่ผิดกฎหมาย คนจนหมดอาชีพลง ไปร้องเรียนต่อรัฐก็ไม่ได้ผล ความไม่เป็นธรรมสะสมความแค้นไว้ในจิตใจของผู้คนจนประทุออกมาเป็นความรุนแรง ก็มี การใช้ทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรมคือสาเหตุของความขัดแย้งใหญ่ในบ้านเมือง รวมทั้งความขัดแย้งทางการเมือง


ลองจับเรื่องอะไรก็จะเห็นความไม่ เป็นธรรมในเรื่องนั้นทั่วไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตำรวจ เรื่องการศึกษา เรื่องการสื่อสารหรือเรื่องการพัฒนา การพัฒนาในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยถ่างมากขึ้น (ไปดูตัวเลขของสภาพัฒน์ได้) เพราะการพัฒนาที่ผ่านมาโดยสรุปคือ การไปเปลี่ยนทรัพยากรต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนข้างล่างทั้งหมดให้มาเป็นเงินของคนส่วนน้อย ช่องว่างที่ถ่างมากขึ้นนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง โดยสรุปวิกฤตการณ์เกิดจากการขาดความเป็นธรรมของการพัฒนา


รัฐ ประสบความล้มเหลวในการสร้างความเป็นธรรม หรือเป็นตัวการให้ขาดความเป็นธรรม เพราะการขาดธรรมาภิบาลภาครัฐ ถ้าคณะกรรมการขององค์กรขาดธรรมาภิบาลเกิดอะไรขึ้น เราจะมองเห็นภาพไม่ยาก ถ้าบอร์ดการบินไทยขาดธรรมาภิบาลจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทยขาดธรรมาภิบาลจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าบอร์ดของรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ขาดธรรมาภิบาลจะเกิดอะไรขึ้นยิ่งกว่านั้นถ้าการเมืองการปกครองขาดธรรมาภิบาลประเทศมิล่มสลายหรือ
การขาดธรรมาภิบาลขององค์กรและสถาบันต่างๆ เป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของความไม่เป็นธรรมของประเทศ


4. ความซับซ้อนของความเป็นธรรม

 เรื่อง ความเป็นธรรมมีหลายมิติและซับซ้อนมาก ตั้งแต่จิตสำนึกและวิธีคิด โครงสร้าง กลไก ไปจนถึงนโยบาย จึงเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยาก จะยกตัวอย่างสัก 3 กรณี เมื่อคุณชวนเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกต้องการแก้ปัญหาโสเภณีเด็ก แต่แก้ไม่ได้เลย ปัญหาโสเภณีเป็นปัญหาของการขาดความเป็นธรรมอย่างน่าสลดสังเวชในสังคมไทย แต่ก็แก้ยากมาก เพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอันซับซ้อน ประธานาธิบดีบิล คลินตัน ต้องการปฏิรูประบบบริการสุขภาพของอเมริกัน ซึ่งไม่เป็นธรรมกับคนจน แต่ก็ปฏิรูปไม่สำเร็จ คอราซอน อะคีโน ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ด้วย การปฏิวัติของประชาชนที่ขับไล่มาร์กอสออกไปคนฟิลิปปินส์จิตดีขึ้นมากว่าเป็น โอกาสของประเทศฟิลิปปินส์แล้วที่จะแก้ปัญหาพื้นฐาน คือ ความยากจนและความอยุติธรรม ปรากฏว่าแก้ไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่อะคีโนก็เป็นคนดี
ในสังคมที่ซับซ้อน มีอุปสรรคมากมายที่ทำให้สร้างความเป็นธรรมไม่สำเร็จ


5. แต่ก็ต้องมุ่งมั่นร่วมกันสร้างความเป็นธรรมให้สำเร็จ
ขณะ นี้เศรษฐกิจของอเมริกาวิกฤตใหญ่ที่สุดและกระทบไปทั่วโลก เพราะขาดธรรมาภิบาลของสถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกา และกลไกของรัฐในการควบคุมสถาบันการเงิน แสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่าถ้าขาดธรรมาภิบาลแล้วไปไม่รอด เรื่องความเป็นธรรมถึงจะยากและซับซ้อนอย่างไร เราก็ควรมุ่งมั่นร่วมกันที่จะทำให้สำเร็จ มิฉะนั้นประเทศไทยจะมีศานติสุขไม่ได้


ทุกภาคส่วน ต้องเข้ามาถือว่าความเป็นธรรมเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดต้องร่วมกันสร้าง มหาวิทยาลัยทุกแห่งต้องวิจัยเรื่องความเป็นธรรม ที่ประเทศเป็นอย่างนี้ก็ต้องโทษมหาวิทยาลัยด้วยเพราะเอาแต่สอนหนังสือ แต่ไม่ได้เป็นผู้นำในการสร้างความเป็นธรรม ประชาคมมหาวิทยาลัยนั้นใหญ่มาก ถ้าประชาคมมหาวิทยาลัยขับเคลื่อนเรื่องความเป็นธรรมก็จะมีพลังมากที่สุด มหาวิทยาลัยต้องวิจัยเรื่องความเป็นธรรมเพื่อคลี่ความซับซ้อนออกมาให้ สาธารณะเข้าใจ สาธารณะจะได้เข้ามาขับเคลื่อนเรื่องความเป็นธรรม ในเรื่องที่ยากและสลับซับซ้อนไม่มีอำนาจใด ๆ จะทำได้สำเร็จ นอกจากการเปิดพื้นที่ทางปัญญา และพื้นที่ทางสังคมอย่างกว้างขวาง


6. ฝ่ายซ้าย สถาบันพระมหากษัตริย์ ความเป็นธรรม

ความ ขัดแย้งรุนแรงเรื่องเกี่ยวกับทักษิณกับเรื่องการทำลายสถาบันกษัตริย์ จะลดทอนความซับซ้อนของความเป็นธรรมลงมาเหลือมิติเดียวและบิดเบี้ยวไป โดยสรุปอย่างสุดโต่งแม้จะขจัดทักษิณได้หรือทำลายสถาบันลง ความเป็นธรรมก็ยังไม่เกิด เพราะความเป็นธรรมซับซ้อนและยากกว่านั้น แต่ความเสียหายจากการต่อสู้นั้นเกิดขึ้นมาก  การต่อสู้มีหลายรูปแบบ มีทั้งที่ได้ผลและไม่ได้ผล มีทั้งเสียหายมากและเสียหายน้อย นักยุทธศาสตร์ต้องใช้ปัญญามากใช้อารมณ์น้อย
 

ในสังคมพหุนิยม ผู้คนมีหลากหลายความคิดจิตใจ การมีคนนิยมกษัตริย์บ้างไม่นิยมบ้าง เป็นธรรมดา  ทำอย่างไรความแตกต่างหลากหลายในสังคมพหุลักษณ์ จะนำไปสู่ความสร้างสรรค์ร่วมกัน ความเป็นธรรมคือ สิ่งสูงสุดที่จะร่วมกันได้ ไม่มีใครไม่ต้องการความเป็นธรรม แต่ถ้าระบบขาดความเป็นธรรม พฤติกรรมความไม่เป็นธรรมก็จะปรากฎในบุคคล องค์กร สถาบัน ทั้งหลายทั้งปวง ความเข้าใจมุมมองและคุณค่าของแต่ละฝ่ายจะทำให้ร่วมกันได้ ในสังคมพหุลักษณ์อันซับซ้อน ไม่มีกลุ่มองค์กร หรือสถาบันใด มีลักษณะเดียวหรือเอกลักษณ์ กลุ่มทุน รัฐ คนจน คนรวย ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา คงไม่ดีหรือเลวตายตัวถ่ายเดียว สรรพสิ่งล้วนเป็นอนิจจังคือ เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง คนไทยต้องเพิ่มสมรรถนะในการร้อยเรียงความหลากหลายที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง มาเป็นความสร้างสรรค์  การขับเคลื่อนเรื่องความเป็นธรรมจะทำให้ทุกส่วนของสังคมขยับปรับเปลี่ยนไปหา จุดลงตัวใหม่ จุดลงตัวใหม่จะหาไม่พบในสิ่งอื่น ๆ นอกจากความเป็นธรรม
 

ถ้า เข้าใจความเป็นอนิจจัง จิตใจและยุทธศาสตร์จะดีขึ้น เมื่ออเมริกันเป็นอริกับจีนคอมมิวนิสต์อย่างเอาเป็นเอาตาย ผมบอกว่ายูจะไปทำอย่างนั้นทำไม เพราะมันเป็นอนิจจัง ในที่สุดคุณก็จะต้องกลับเข้ามาหากัน


7. ปฏิรูปประเทศไทย 10 เรื่อง
ใน สังคมที่ซับซ้อนหลายมิติ เชื่อมโยงถึงกันและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การที่จะธำรงบูรณภาพและดุลยภาพของประเทศไว้ได้ การจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดแบบแยกส่วนจะไม่สำเร็จ ต้องทำหลายอย่างพร้อมๆกัน และอย่างเชื่อมโยงกันอย่างน้อย ๑๐ เรื่อง คือ (๑) สร้างจิตสำนึกใหม่
(๒) สร้างระบบเศรษฐกิจศีลธรรมที่ถือการสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่เป็นตัวตั้ง
(๓) สร้างความเข้มแข้งของชุมชนท้องถิ่น
(๔) สร้างระบบการศึกษาที่พาชาติออกจากวิกฤต
(๕) สร้างธรรมาภิบาลในระบบการเมืองการปกครอง ระบบความยุติธรรม และสันติภาพ
(๖) สร้างระบบสวัสดิการสังคมที่ก้าวหน้า
(๗) สร้างดุลยภาพในเรื่องสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
(๘) ปฏิรูประบบสุขภาพเพื่อสุขภาวะของคนไทยทั้งมวล
(๙) สร้างสมรรถนะในการวิจัยยุทธศาสตร์ชาติ
(๑๐) สร้างระบบการสื่อสารที่ผสานการพัฒนาทุกเรื่อง


ทั้ง 10 เรื่องจะต้องผสานกันเพื่อความเป็นธรรม ประเทศจึงจะสามารถธำรงบูรณภาพและดุลยภาพไว้ได้ ถ้าธำรงไม่ได้ก็จะแตกสลาย ไม่มีความเป็นธรรมเหลืออยู่ การต่อสู้ถ้าขาดสติ และไม่อยู่ในขอบเขต แทนที่จะเกิดสิ่งใหม่ที่ดี อาจนำไปสู่การแตกทำลายได้ การร่วมสร้างนำไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีได้


8. INN - รูปแบบที่คนไทยทุกคนมีความหมายและทำได้ คนทุกคนอยากทำอะไรดี ๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหนเมื่อเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่กว่าตัวมาก INN เป็นรูปแบบที่ทุกคนมีความหมายและทำได้
 

I = Individual  หมายถึงปัจเจกชนแต่ละคนที่มีสำนึกในศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคนของตนเอง และลงมือทำอะไรดี ๆ ที่ตนเองสนใจเป็นพิเศษ
N = Nodes มีการรวมกลุ่มกัน ๕-๖ คนบ้าง ๗-๘ คนบ้าง รวมตัวร่วมคิดร่วมทำในเรื่องที่กลุ่มสนใจร่วมกัน ถ้าในสังคมมีกลุ่มที่ทำงานหลากหลาย สังคมจะเข้มแข็งมากมีความเป็นประชาสังคม
N = Networks มีการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ทั้งระหว่างบุคคลและระหว่างกลุ่ม แต่ละคนแต่ละกลุ่มเป็นสมาชิกได้หลายเครือข่าย


 INN เป็นโครงสร้างที่คนไทยทุกคนมีเกียรติเสมอกัน มีความเสมอภาค มารวมตัวร่วมคิดร่วมทำด้วยความสมัครใจ ใช้การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ (Interactive learning through action ) เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ใช้อำนาจซึ่งจะไม่ได้ผลในการเรียนรู้ร่วมกันต้องใช้ความรู้ทั้งเก่า และใหม่ ในหลายเรื่องจะไม่มีความรู้ต้องสร้างความรู้ด้วยการวิจัย
 

INN จะเป็นเหมือนโครงสร้างของสมอง สมองมีเซลล์สมองอยู่หนึ่งแสนล้านตัว แต่ละตัวเชื่อมโยงกับตัวอื่นอีกประมาณ ๗ หมื่นตัว เกิดเป็นเครือข่ายเซลล์สมองซึ่งเป็นโครงสร้างที่วิจิตรที่สุดในจักรวาล และมีศักยภาพในการเรียนรู้สูงสุด INN ก็เป็นโครงสร้างอันวิจิตรของสังคมและมีศักยภาพในการเรียนรู้สูงสุด โครงสร้างอย่างนี้จึงจะสามารถเผชิญกับความซับซ้อนและความยากของสังคมสมัย ใหม่ได้ ไม่ใช่โครงสร้างอำนาจทางดิ่ง
 

ความ เป็นธรรมเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยาก สร้างไม่ได้ด้วยอำนาจ อารมณ์และอวิชชาแต่ต้องการความเข้าใจเชิงโครงสร้าง ถ้าไม่เข้าใจเชิงโครงสร้าง แม้ตั้งใจดีมีศีลธรรมก็สำเร็จเช่นพระสงฆ์ มหาวิทยาลัยทั้งหมดควรเข้ามาทำการวิจัยคลี่ความซ้ำซ้อนออกมาให้สาธารณะเข้า ใจและเข้ามาขับเคลื่อนเรื่องความเป็นธรรม องค์กรและสถาบันต่างๆ คงจะขับเคลื่อนเรื่องความเป็นธรรมไม่สำเร็จ เพราะองค์กรและสถาบันนั้นๆ มักจะอยู่ในโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม สาธารณะที่เข้าใจเท่านั้นจึงจะเป็นพลังขับเคลื่อนความเป็นธรรมได้สำเร็จ มหาวิทยาลัยองค์กรและสถาบันต่าง ๆ ควรจะหนุนช่วยสาธารณะให้เป็นพลังขับเคลื่อนเรื่องความเป็นธรรม พลังสาธารณะที่ขับเคลื่อนเรื่องความเป็นธรรมคือพลังประชาธิปไตยที่แท้จริง และเป็นธัมมาธิปไตยด้วย
ประชาธิปไตยที่แท้อันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธัมมาธิปไตยเท่านั้นที่จะสามารถสร้างศานติสุขให้แก่ประเทศไทย
 
   [/b]

   บันทึกการเข้า
แดดร้อน แผดเผา ใจเราอึดอดทน
 พายุ ลมฝน ใจคน ย่อมเหนือกว่า
chaojom
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 77


ดูรายละเอียด
   
   
Re: ประชานิยมของนักการเมืองไทยในวันนี้...ใส่ปุ๋ยเยอะๆเถอะ แล้วต้นไม้จะงอกงาม?Huh?Huh?
« ตอบ #76 เมื่อ: วันนี้ เวลา 12:23 »
   
ขอบคุณพี่เสรีที่นำบทความดีๆมาให้อ่านครับ
 
อ้างถึง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 1997
ซึ่งส่งผลให้สถานะทางการเงินและการดำเนินงานของสถาบันทางการเงินไทยยังมี
ความแข็งแรงแม้ปัจจุบันจะเกิดวิกฤตทางการเงินโลกก็ตาม
โดยทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการต่างๆที่จะช่วย
ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นและการเข้าร่วมประชุม London Summit ของนายกรัฐมนตรีด้วย
ซึ่งนายฟอร์บส์ เชื่อว่า ผลการประชุมน่าจะทำให้โลกมีทิศทางการดำเนินการที่ชัดเจนขึ้น

ข้อความข้างต้น คัดมาจากเวบไทยรัฐ กรณีนายสตีฟ ฟอร์บส์
ประธานบริษัทและหัวหน้าบรรณาธิการนิตยสาร ฟอร์บส์ เข้าเยี่ยมคารวะและหารือ

สำหรับผมแล้ว ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดดังกล่า่ว
เพราะ แนวทางการจัีดการประเทศยังไม่แตกต่างจากก่อนปี2540 ส่วนเรื่องธนาคารที่ต่างไปก็คือ
เจ้าของธนาคารกลายเป็นชาวต่างชาติเสียมาก
แต่เหตุที่เรายังเข้มแข็งอยู่ เพราะเกิดการประท้วงตั้งแต่สมัยยามเเฝ้าแผ่นดิน รายละเอีดยตามลิงค์ครับ
http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,2700.0.html
      บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #6 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2552, 21:51:28 »


     .....จากวันนั้น ถึงวันนี้  พรก.กู้เงินเร่งด่วน กำลังตามมา  ผมไม่ชอบคำนี้เลยครับ..... หนี้.....
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
super
Full Member
**


วิดยา'20
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 368

« ตอบ #7 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2552, 10:28:13 »

ไม่เจอกันหลายวันเลยนะ คุณวันชัย
      บันทึกการเข้า
chaojom
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104

« ตอบ #8 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2552, 18:06:15 »

ใกล้ครบปีแล้วครับที่โพสกระทู้นี้

ขอนำขึ้นมาเพื่อการสนทนาอีกครั้ง..
เพราะเวลาล่วงเลยมาพอควร สำหรับการดำเนินนโยบายใช้เงิน "แบบประชานิยม"
ถ้าเป็นทารก ก็ควรคลานได้คล่องและอาจยืนได้แล้ว
แต่สิ่งที่ได้ดำเนินไป..เป็นเช่นไร

บอกแล้วว่า...
ถ้ายังคิดนามธรรมไม่ออก
อย่าคิดใช้ประชานิยม....

(เพื่อความเข้าใจ  "คิดนามธรรมไม่ออก อย่าคิดใช้ประชานิยม"
รบกวน อ่านต้นๆของกระทู้นี้ครับ
)
      บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #9 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2552, 20:45:03 »

มีสาระมากครับ  (แต่เนื้อหาเยอะ อ่านไม่ค่อยไหว)   เหนื่อย

เอาเป็นว่า ผมชอบโฆษณา โฆษณา ผู้ใหญ่ลี กับ ไม้จิ้มฟัน ครับ
เป็นตัวอย่างที่ดี ในการเลือกป้อนทรัพยากรณ์ของผู้ให้ ให้สอดคล้องกับความสามารถในการบริหารทรัพยากรณ์ของผู้รับ ครับ
      บันทึกการเข้า

...
chaojom
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104

« ตอบ #10 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552, 19:49:56 »

ขอบคุณครับ อาจารย์โอ

ผมก็ชอบโฆษณาชุดนั้นเช่นกันครับ

ว่างๆ แสดงความคิดเห็นร่วมกันอีกนะครับ
      บันทึกการเข้า
Nat Rattanadilok
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 864

เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2552, 20:52:33 »

ช่วงนี้ไม่ได้เข้ามาดูซะนาน
อาชีพการงานกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม
จะโดนปลดหรือไม่ก็รู้กันละ  ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า

+ ยุ่งจริง +
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><