|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16701 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 13:27:32 » |
|
เมื่อลูกเข้าเรียน
เมื่อเข้าวัยเรียนจะสังเกตได้ว่าเด็กมีสมาธิสั้น วอกแวกง่าย ไม่สามารถนั่งทำงานหรือทำการบ้านได้จน
เสร็จ ทำให้มีปัญหาการเรียนตามมา เด็กจะควบคุมตนเองไม่ค่อยดี มีพฤติกรรมก้าวร้าว อารมณ์หงุด -
หงิดง่ายทนความคับข้องใจไม่ค่อยได้ ทั้งหมดนี้ทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆไม่ดี ทั้งความรู้สึกที่เด็ก
มีต่อตนเองก็แย่ลง เมื่ออยู่ในรร.เด็กไม่สามารถใช้ชีวิตในห้องเรียนได้เหมือนกับเด็กอื่นๆ มักจะรบกวน
ชั้นเรียน ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของห้องเรียน...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16703 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 13:33:38 » |
|
ถ้าเด็กมีปัญหาแอลดีร่วมด้วยปัญหาก็จะยิ่งมากขึ้น เนื่องจากจะทำอะไรไม่ได้เท่ากับเพื่อนๆ เด็กจะมี
ความรู้สึกแย่ลง รู้สึกเศร้าสร้อยหงุดหงิดใจ และเกิดความเบื่อหน่ายการเรียนในที่สุด
เมื่อลูกเป็นวัยรุ่น
เมื่อย่างเข้าวัยรุ่น อาการซนอยู่ไม่นิ่งอาจลดลงบ้าง แต่ปัญหาการเรียนจะยิ่งหนักขึ้น เพราะการเรียน-
จะยากขึ้นและอาการขาดสมาธิที่ยังคงมีอยู่นั้นจะทำให้เด็กเรียนไม่ทัน...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16705 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 13:43:51 » |
|
การศึกษาในกลุ่มวัยรุ่นที่มีผลการเรียนต่ำพบว่า2ใน3คนจะมีปัญหา ADHD นอกจากนั้นปัญหาทาง-
พฤติกรรมในวัยนี้จะมากขึ้น เพราะการควบคุมตนเองที่ไม่ค่อยดี
เดิมเชื่อกันว่าโรคนี้จะหายไปเมื่อย่างเข้าวัยรุ่น แต่การศึกษาในปัจจุบันพบว่า แม้ความซนอยู่ไม่นิ่ง
จะลดลงเมื่อโตขึ้น แต่ความไม่มีสมาธิและขาดความยับยั้งชั่งใจจะยังคงอยู่ เมื่อประกอบกับความ -
ล้มเหลวที่มีมาตั้งแต่เล็กและความรู้สึกว่าตนเองไม่มีอะไรดี รวมทั้งความเครียดอันเกิดจากการย่าง
เข้าสู่วัยรุ่น เด็กก็อาจจะเกิดพฤติกรรมเกเรหรือติดสารเสพย์ติดได้...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16707 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 14:19:20 » |
|
เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ อาการอาจแสดงออกมาในเรื่องงาน เช่น ไม่รู้จักจัดระบบในการทำงาน ทำงาน
ไม่เสร็จตามเวลา เปลี่ยนงานบ่อยๆ หรือมีปัญหาที่เกิดจากการขาดความยับยั้งชั่งใจ เช่น การขับ -
รถเร็วจนทำให้ประสบอุบัติเหตุได้ง่าย หรือการมีเพศสัมพันธ์โดยปราศจากความระมัดระวังเป็นต้น
ผลกระทบทางอารมณ์...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16709 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 14:27:31 » |
|
เนื่องจากการเรียนเป็นเสมือนงานหลักของเด็ก เมื่อเด็กประสบปัญหาในการเรียน เรียนตกแล้วตกอีก
โดยที่สติปัญญาปกติ เด็กจะเกิดความอึดอัดคับข้องใจว่าทำไมตนเองจึงทำไม่ได้เหมือนเพื่อน เด็ก-
จะสูญเสียความเชื่อมั่นและความนับถือในตนเอง รู้สึกไร้ศักดิ์ศรีและมีปมด้อยเมื่ออยู่กับเพื่อน เด็กจะ
เริ่มแยกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อน บางคนอาจใช้วิธีทำเป็นตัวตลกเพื่อให้เพื่อนยอมรับ แต่บางคนก็
อาจไม่แคร์ใครและทำตัวเกเรไปเลย...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16711 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 14:39:53 » |
|
ปัญหาอีกข้อหนึ่งที่จะมีผลกระทบต่อเด็กมาก คือการที่พ่อแม่และครู มักจะเพ่งเล็งที่จุดด้อยของเด็ก
แทนที่จะให้ความสนใจในจุดเด่นหรือความสามารถที่เด็กมี การกระทำดังกล่าวทำให้เด็กเกิดความรู้-
สึกว่าตนเองไม่มีอะไรดีเลย
อย่างไรก็ตามการมีปัญหาสมาธิบกพร่องนั้น ไม่ได้เป็นข้อเสียเสมอไป ในบางครั้งการที่มีสมาธิไม่ดีมี
ความคิดกระจัดกระจายไม่คงเส้นคงวานั้น อาจทำให้เด็กมีความคิดที่แปลกใหม่และสามารถสร้าง -
สรรค์ผลงานที่แตกต่างไปจากเด็กอื่นๆก็ได้...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16713 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 14:47:22 » |
|
ในปัจจุบันผู้ปกครองจำนวนมาก มีความวิตกกังวลเรื่องลูกไม่มีสมาธิในการเรียน แต่ละสัปดาห์จะมี
ผู้ปกครองพาลูกมาปรึกษาผู้เขียนที่รพ.หลายราย ในเด็กหลายคนที่ผู้ปกครองบ่นว่าไม่มีสมาธินั้น-
เมื่อตรวจดูแล้วก็พบว่าเด็กปกติดี
เมื่อไรควรสงสัยว่าลูกมีสมาธิบกพร่อง
คำตอบคือควรจะสงสัยว่าลูกมีสมาธิบกพร่องเมื่อลูกทำอะไรไม่ได้นาน ไม่สามารถจดจ่อกับงานหรือ...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16715 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 14:58:39 » |
|
สิ่งของตรงหน้าได้นานเพียงพอ หรือมีอาการใจลอย เช่น ถ้าเป็นเด็กเล็กก็จะเล่นของเล่นแต่ละชิ้น
ได้ช่วงสั้นๆ แล้วเปลี่ยนของเล่นไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นเด็กโตก็มักจะไม่สามารถตั้งใจทำการบ้านได้เสร็จ
มักจะวอกแวก เหลียวซ้ายแลขวา ชวนคนอื่นคุย ลุกขึ้นเล่น ทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา หรือใจลอย
ช่างฝัน ทำเลขเพียงหนึ่งข้อก็อาจใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง...หากลูกมีลักษณะดังที่กล่าวมานี้ ก็น่าจะ
สงสัยว่ามีสมาธิบกพร่อง และถ้าลูกมีอาการซนมากอยู่ไม่สุข หรือมีอุบัติเหตุบ่อยเพราะทำอะไรไม่-
ค่อยระวัง มีเปอร์เซนต์สูงทีเดียวที่จะเป็นโรคสมาธิบกพร่อง...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16717 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 15:05:41 » |
|
แม้ลูกจะดูโทรทัศน์ เล่นวีดิโอเกม อ่านการ์ตูน หรือทำอะไรที่ชอบได้นานหลายชั่วโมง ลูกก็สามารถ
เป็น ADHD ได้ ปัญหาสำคัญของโรคไม่ได้อยู่ที่ไม่มีสมาธิเอาเสียเลย แต่อยู่ที่การควบคุมสมาธิและ
การปรับเปลี่ยนสมาธิ การที่คนทั่วไปเรียกโรคนี้ว่า โรคสมาธิสั้นนั้นเป็นการเรียกที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก
จริงแล้วต้องเรียกว่าโรคสมาธิบกพร่อง ทั้งนี้เพราะเด็กที่เป็นโรคนี้ยังสามารถตั้งสมาธิได้นาน เพียง -
แต่จะทำการปรับเปลี่ยนและควบคุมสมาธิได้ไม่ดีเท่านั้น...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16719 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 15:24:22 » |
|
ถ้าเป็นสิ่งกระตุ้นที่เข้มข้น น่าติ่นเต้นและน่าสนใจ เด็กก็จะมีสมาธิได้นาน แต่ถ้าเป็นสิ่งกระตุ้นที่น่า-
เบื่อและไม่ชอบ เด็กจะไม่สามารถบังคับตนเองให้จดจ่อได้ ถ้าเด็กไม่ชอบวิชาภาษาไทย หนังสือ
ภาษาไทยก็จะเป็นสิ่งกระตุ้นที่น่าเบื่อ แม้รู้ว่าพรุ่งนี้จะสอบ เด็กก็จะตั้งสมาธิในการอ่านไม่ค่อยได้...
ในขณะที่เด็กปกติสามารถตั้งใจอ่านได้จนจบ
พ่อแม่มักเล่าว่าลูกมีสมาธิกับโทรทัศน์มาก แม้เมื่อพ่อแม่เรียกก็ดูเหมือนไม่ได้ยิน ที่เป็นเช่นนี้เพราะ...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16721 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 15:30:55 » |
|
เด็กมีลักษณะจดจ่อกับสิ่งกระตุ้นตรงหน้ามากเกินไป จนไม่สามารถรับรู้สิ่งกระตุ้นสำคัญอื่นๆ ในขณะ-
ที่เด็กปกติเมื่อกำลังมีสมาธิกับสิ่งหนึ่ง ก็ยังสามารถรับรู้สิ่งกระตุ้นอื่นๆได้ และเลือกว่าสิ่งกระตุ้นใดมี
ความสำคัญ และจำเป็นที่ตนจะต้องตอบสนองด้วย
ลักษณะที่บางครั้งดูมีสมาธิและบางครั้งไม่มีนั้น เป็นลักษณะของโรค ADHD ที่มักทำให้ผู้ใหญ่สับสน
การที่มีลักษณะดังกล่าวเป็นเพราะเด็กไม่สามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนสมาธิได้ดีพอ...
|
|
|
|
|
churaipatara
|
|
« ตอบ #16723 เมื่อ: 17 มีนาคม 2559, 15:54:20 » |
|
เด็กไม่สามารถมีสมาธิเมื่อจำเป็นต้องมีสมาธิ แต่จะมีสมาธิดีเกินไปเมื่อไม่จำเป็น เช่น มีสมาธิดีเกินไป
จนไม่ได้ยินเสียงแม่เรียกขณะดูโทรทัศน์ ลักษณะแบบนี้ทำให้บางครั้งเด็กดูตั้งใจแต่บางครั้งดูไม่ตั้งใจ
บางครั้งก็ทำการบ้านได้ดีและถูกหมดทุกข้อ แต่บางครั้งก็ทำผิดหมดทุกข้อ ตอนเปิดเทอมใหม่ๆเด็ก -
ยังตื่นเต้นกับการเรียนก็จะตั้งใจทำคะแนนได้ดี พอปลายเทอมก็เริ่มเบื่อและคะแนนตกลง ลักษณะแบบ
นี้ก็คือ การทำงานแบบไม่คงเส้นคงวา ทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าเด็กไม่ยอมทำ ขี้เกียจ ไม่พยายาม...
|
|
|
|
|
|