23 กันยายน 2567, 13:13:52
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 92 93 [94] 95 96 ... 979   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ☼☼☼ ร่วมคุยกันในมุมมองของคุณแม่~แวะพักทักทายเอ๋ 24 ☼☼☼  (อ่าน 2699944 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 9 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2325 เมื่อ: 14 มกราคม 2553, 08:53:58 »

สวัสดีค่ะแจง ขอบคุณมากสำหรับดอกไม้ค่ะ แจงจะมีงานเยอะยังไงก็ตามทีก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะเพื่อน
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2326 เมื่อ: 14 มกราคม 2553, 09:41:13 »

โครงการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบแผ่นพับ

เรื่องที่ ๕๓     ความผิดเกี่ยวกับเพศ

มาตรา ๒๗๖   “ข่มขืนกระทำชำเรา”

องค์ประกอบภายนอก

๑)ผู้ใด    

๒)ข่มขืนกระทำชำเรา     (ก)โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ     (ข)โดยกำลังประทุษร้าย

                             (ค)โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้     (ง)โดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น

๓)หญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน

องค์ประกอบภายใน

เจตนากระทำโดย “มี” อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด     หรือ     กระทำโดย “ใช้” อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด

หรือ     กระทำโดย ร่วมกระทำความผิด ด้วยกัน อันมีลักษณะเป็นการ “โทรมหญิง”
   
“ผู้ลงมือ” กระทำความผิดต้องเป็นชายเท่านั้น แต่ผู้ร่วมกระทำความผิดอาจเป็นชายด้วยกันหรือหญิงก็ได้ เช่น ชายลงมือกระทำชำเราหญิง

 หญิงอีกคนหนึ่งช่วยจับแขนจับขาผู้ถูกกระทำเพื่อให้ชายลงมือได้สะดวก หญิงผู้ที่ช่วยเหลือนั้นเป็น “ตัวการ” ตามมาตรา ๘๓ ในการกระ

ทำความผิดของชายซึ่งเป็น “ผู้ลงมือ” หญิงนั้นจึงมีความผิดตามมาตรา๒๗๖ (ฎีกาที่ ๒๕๐/๒๕๑๐)
   
“ขู่เข็ญ” ด้วยประการใดๆ คือการกระทำให้หญิงต้องกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง เสรีภาพ ทรัพย์สินของหญิงนั้นเอง รวม

ถึงของผู้อื่นด้วย เช่น ชายบังคับให้หญิงร่วมประเวณีด้วยโดยหากหญิงขัดขืน ชายก็จะไปฆ่าบิดาของหญิงนั้น
   
“ใช้กำลังประทุษร้าย” ตัวอย่างเช่น ใช้กำลังจับแขนขาของหญิงในการข่มขืนกระทำชำเรา
   
“โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” เช่นข่มขืนกระทำชำเราหญิงขณะหมดสติ (ฎีกาที่ ๓๘๒/๒๕๒๒)
   
แม้ “ผู้ลงมือ” ข่มขืนกระทำชำเราจะไม่มีปืน แต่ผู้ที่ร่วมกระทำมีปืน โดยบังคับไม่ให้คนอื่นช่วยหญิง “ผู้ลงมือ” ก็ผิดมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง
   
“ร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง” หมายความว่ามีการร่วมผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่สองคนขึ้นไป

“โดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น” เช่นทำให้หญิงซึ่งนอนหลับเข้าใจว่าตนเป็นสามีของหญิง


จากหนังสือกฎหมายและอาญา ภาคความผิด เล่ม ๒ ผู้แต่ง : ดร.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์

ด้วยความปรารถนาดีจากคณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว





ภาพจาก www.dungd.com
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2327 เมื่อ: 14 มกราคม 2553, 09:52:41 »

(ต่อ)

มาตรา ๒๗๗      กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี”

องค์ประกอบภายนอก

๑)ผู้ใด     ๒)กระทำชำเราไม่ว่าเด็กหญิงจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม     ๓)เด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน

องค์ประกอบภายใน

เจตนา
   
ได้กระทำโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันมีลักษณะเป็นการ “โทรมเด็กหญิง”และเด็กหญิงนั้น ไม่ยินยอม
   
ได้กระทำโดย “มี” อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดหรือ “ใช้”อาวุธ

เหตุยกเว้นโทษ

เป็นการกระทำที่ชายกระทำกับเด็กหญิงอายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กหญิงนั้นยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให้ชาย

และเด็กหญิงนั้น “สมรสกัน”  หากศาลอนุญาตให้สมรสกันในระหว่างที่ผู้กระทำผิดกำลังรับโทษในความผิดนั้นอยู่ ให้ศาลปล่อยผู้กระทำ

ความผิดนั้นไป
   
มาตรา ๒๗๗ ทวิ บัญญัติว่าถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคแรกหรือมาตรา ๒๗๗ วรรคแรกหรือวรรคสอง เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระ

ทำ

(๑)รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือจำคุกตลอดชีวิต

(๒)ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

มาตรา ๒๗๗ ทวิ “ผลที่ทำให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา๒๗๖ วรรคแรกหรือมาตรา๒๗๗ วรรคแรกหรือวรรคสอง ต้องรับโทษหนักขึ้น”

มาตรา ๒๗๗ ทวิ บัญญัติว่า

ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๗๖วรรคแรกหรือมาตรา ๒๗๗ วรรคแรกหรือวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำ

(๑)รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สามหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาทหรือจำคุกตลอดชีวิต

(๒)ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

มาตรา ๒๗๗ ตรี      “ผลที่ทำให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสองหรือมาตรา๒๗๗ วรรคสามต้องรับโทษหนักขึ้น

มาตรา ๒๗๗ ตรี บัญญัติว่า

ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสองหรือมาตรา ๒๗๗ วรรคสามเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำ

(๑)รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

(๒)ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต


จากหนังสือกฏหมายอาญาภาคความผิด เล่ม๒ ผู้แต่ง : ดร.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์

ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว



ภาพจาก blogspot.com
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #2328 เมื่อ: 14 มกราคม 2553, 14:30:05 »

สวัสดีค่ะดร.เอ๋ สบายดีไหมคะไม่เห็นเอ๋มาหาหลายวันแล้วค่ะ
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2329 เมื่อ: 14 มกราคม 2553, 14:55:20 »

สวัสดีค่ะอ้อย สบายดีค่ะ อ้อยและครอบครัวก็คงสบายดีเช่นกันนะคะ   อยู่บ้านนี้ทุกวันค่ะ  ทำงาน ฯลฯ  และพร้อมต้อนรับเพื่อนๆด้วย  
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2330 เมื่อ: 14 มกราคม 2553, 15:12:59 »

โครงการเผยแพร่ความรู้ในรูปแผ่นพับ

เรื่องที่ ๕๔     อาหารที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก

“ไข่ไก่” ถือเป็นอาหารที่คู่กับคนไทยรวมถึงคนทั่วโลกมาอย่างยาวนานเนื่องจากเป็นอาหารที่หาซื้อ หารับประทานได้ง่ายและมีราคาไม่แพง

ทั้งยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิดทั้งอาหารคาวและหวาน  ไข่ไก่ เป็นอาหารที่มีสารอาหารโปรตีนที่สำคัญมีประโยชน์ต่อร่าง

กายสูงจึงเหมาะกับเด็ก หนุ่มสาวที่อยู่ในวันเจริญเติบโตและวันที่ต้องใช้แรงงานรวมถึงผู้สูงอายุ  ผู้บริโภคในสังคมไทย ยังมีความเข้าใจผิด

คิดว่าการรับประทานไข่ไก่ แล้วจะทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูงเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่ในความเป็นจริงแล้วการบริ

โภคไข่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

ไข่หนึ่งฟองประกอบไปด้วย เปลือกไข่ประมาณ 10.25% ไข่ขาวประมาณ 59.5% และไข่แดงประมาณ 30.25% สำหรับในไข่ขาวจะประ

กอบไปด้วยโปรตีนประมาณ 10.5% น้ำ 88% แร่ธาตุต่างๆ 1% นอกจากนี้ยังมีไขมัน น้ำตาลและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เล็กน้อย ส่วน

ในไข่แดงนั้นจะประกอบด้วยโปรตีนประมาณ 15.5% น้ำ 49.5% แร่ธาตุต่างๆประมาณ 1% และยังมีวิตามินชนิดต่างๆ อีกเล็กน้อย ในส่วน

ของคอเลสเตอรอลไข่แดงจะมีค่อนข้างสูงแต่ใข่ขาวจะไม่มีคอเลสเตอรอลอยู่เลย

นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุข 9 (โภชนาการ) กรมอนามัย กล่าวในงานสัมมนา “บริโภคไข่ไก่ ให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด”สังคม

ไทยกลัวการกินไข่ เพราะมีการสอนคนให้รู้ว่ากินไข่แล้วทำให้คอเลสเตอรอลสูงเป็นโรคห้วใจและหลอดเลือดซึ่งการที่คนไทยเสียชีวิตด้วย

โรคหัวใจและหลอดเลือด ก็มีการโยนบาปว่าเป็นเพราะกินไข่ แต่ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีงานวิจัยชิ้นใดระบุและพิสูจน์ได้ว่าการกินไข่ทำให้คนเป็น

โรคหัวใจและหลอดเลือด

สาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด มาจากหลายปัจจัย อาทิพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีไขมันและแป้งมากเกินไป ขาดการออกกำลัง

กาย มีความเครียดวิตกกังวล  การมีพฤติกรรมการกินอาหาร ให้ถูกหลักโภชนาการครบ 5 หมู่ หลีกเหลี่ยงอาหารที่มันจัด เค็มจัด และหวาน

จัด รวมทั้งหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยในการควบคุมคอเลสเตอรอลได้

ที่ผ่านมากรมอนามัย ส่งเสริมให้คนไทยกินไข่มาตลอดและปัจจุบันหลายหน่วยงานกำลังจะรณรงค์ให้คนไทยกินไข่มากขึ้น ซึ่งจะต้องเร่ง

สร้างองค์ความรู้ให้ประชาชนมากขึ้นว่าการบริโภคไข่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียตามมา



จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์  โดย : จิราวัฒน์ จารุพันธ์

ด้วยความปรารถดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว





รูปจาก dek-d.com

      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2331 เมื่อ: 14 มกราคม 2553, 15:33:45 »

(ต่อ)

ดร.นิธิยา รัตนาปนนท์     อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวว่า

ในอดีตคนกลัวการรับประทานไข่เพราะว่ากลัวจะได้รับคอเลสเตอรอลสูง แต่ในความเป็นจริงแล้วไข่ไก่เป็นอาหารชนิดเดียวที่มีกรดอะมิโน

ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ  ไข่ไก่คืออาหารทีสมบูรณ์ที่สุดในโลก เพราะเป็นอาหารชนิดเดียวที่มีสารอาหารครบถ้วนเกือบทุกชนิดโดย

เฉพาะไข่ขาวถือเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก  รวมทั้งมีแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ มากมาย ซึ่งไข่แดงจะให้พลังงานมากกว่าไข่ขาวแต่

ไข่ขาวจะมีโปรตีนมากกว่าไข่แดงเล็กน้อยซึ่งไข่หนึ่งฟองมีโปรตีนประมาณ 6.25 กรัมหรือประมาณ 10% ของที่ร่างกายต้องการต่อวัน

คนที่มีสุขภาพดีอยู่แล้วนั้นทั้งผู้ชายและผู้หญิงสามารถที่จะบริโภคไข่ได้วันละฟอง โดยไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรือ

ไขมันในเลือดสูง  สำหรับคนที่กลัวอ้วนหรือคนที่เป็นเบาหวาน มีไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือดสูงก็ควรบริโภคเฉพาะไข่ขาว ซึ่งจะไม่

เสี่ยงต่อเรื่องคอเลสเตอรอลสูง


 gek  แม่ครับ ผมอยากทานอาหารเช้าที่ทำง่ายๆ เช่น ไข่ดาว ไข่ต้ม ทุกวันได้ไหมครับ


 บ่ฮู้บ่หัน   แม่ขา หนูอยากเป็นเด็กฉลาดและเรียนเก่ง อาหารที่สร้างเสริมสมองหนูที่ทำง่ายที่สุดก็คือ “ไข่” ค่ะ


 gek  พ่อครับ คุณครูบอกว่าพวกเราควรรับประทานอาหารเช้าทุกวันเพื่อบำรุงสมองและเพิ่มสมาธิในการเรียนรู้ครับ


 บ่ฮู้บ่หัน  แม่ขา หนูมีเพื่อนที่ไม่แข็งแรง อ่อนเพลีย หงุดหงิดบ่อยและยังเป็นลมเวลายืนเข้าแถวเคารพธงชาติ เพื่อนบอกว่าเขาไม่ได้


                    ทานข้าวเช้ามาโรงเรียนค่ะ


 gek   พ่อครับ ผมอ่านหนังสือพบว่าการวิจัยของนักวิชาการด้านอาหารและการแพทย์ระบุตรงกันว่าอาหาร “มื้อเช้า” เป็นอาหารที่



                    สำคัญที่สุดของเด็กวัยเรียนครับ


 บ่ฮู้บ่หัน   แม่ขา หนูอ่านหนังสือพบว่าวิตามินบี12 มีความสำคัญต่อการทำงานของเซลล์ประสาท พบใน “ไข่” ด้วยค่ะ


 gek   พ่อครับ นอกจากวิตามินบี 12 วิตามินที่มีความสำคัญต่อสมองและระบบประสาทก็คือ วิตามินบี6 พบได้ใน “ไข่”


                      เช่นเดียวกันครับ


 บ่ฮู้บ่หัน   พ่อครับแม่ขา พวกเราขอบพระคุณที่พ่อแม่จัดหาอาหารเช้าที่มีคุณประโยชน์มากมายให้ พวกเราจะได้มีสมองที่ปราดเปรื่อง


                    สามารถเรียนหนังสือไปจนถึงขั้นปริญญาเอกได้และท้ายที่สุดพวกเราจะเป็นเด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพต่อครอบครัวและ


                         สังคมในอนาคต


จาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  โดย จิราวัฒน์  จารุพันธ์


ด้วยความปรารถนาดีจากคณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว





รูปจาก dek-d.com




      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #2332 เมื่อ: 14 มกราคม 2553, 16:42:50 »

ใช่เลยค่ะดร.เอ๋ไข่มีประโยชน์จริงๆค่ะน้ำอ้อยให้ลูกทานทุกวันตอนเด็กๆค่ะพอโตขึ้นยังทานอยู่แต่ไม่ทุกวันค่ะ
      บันทึกการเข้า
vibrato24
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 42

« ตอบ #2333 เมื่อ: 18 มกราคม 2553, 06:32:09 »

สวัสดีตอนเช้าครับ  บทความดีมากๆเลยครับ ชอบๆๆ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2334 เมื่อ: 18 มกราคม 2553, 08:15:55 »

สวัสดีค่ะอ้อยและครูตี๋ ดีใจที่ได้รับประโยชน์จากบทความนะคะ บ่ฮู้บ่หัน




ภาพจากdek-d.com
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2335 เมื่อ: 18 มกราคม 2553, 09:56:47 »

โครงการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบแผ่นพับ

เรื่องที่ ๕๕  คำสอนของท่าน พุทธทาส ภิกขุ
   
พุทธทาสภิกขุ พระนักคิด นักปฏิบัติของสุราษฏร์ธานีธานี ได้เขียนผลงานธรรมะไว้มากมายเกิน 100 เล่ม และได้แปลเป็นภาษาต่างประ

เทศหลายภาษา คำสอนของท่านได้แพร่หลายเป็นที่ยอมรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก

โลกนี้คืออะไรแน่
   
โลกเรานี้     ที่แท้     คือโรงละคร

ไม่ต้องสอน     แสดงถูก     ทุกวิถี

ออกโรงกัน     จริงจัง     ทั้งตาปี

ตามท่วงที่     อวิชชา     จะลากคอ
   
โลกนี้คือ     กรงไก่     เขาใส่ไว้

จะนำไป     แล่เนื้อ     ไม่เหลือหลอ

จิกกันเอง     ในกรง     ได้ลงคอ

เฝ้าตั้งข้อ     รบกัน     ฉันนึกกลัวเอยฯ

ตัวกู-ตัวสู
   
อันความจริง     “ตัวกู”     มิได้มี

แต่พอเผลอ     มันเป็นผี     โผล่มาได้

พอหายเผลอ      “ตัวกู”     ก็หายไป

หมด “ตัวกู”     เสียได้     เป็นเรื่องมี
   
สหายเอย     จงถอน     ซึ่ง “ตัวกู”

และถอนทั้ง     “ตัวสู”     อย่างเต็มที่

มีกันแต่     ปัญญา     และปราณี

หน้าที่ใคร     ทำให้ดี     เท่านี้เอยฯ

การงาน
   
อันการงาน     คือค่า     ของมนุษย์

ของมีเกียรติ     สูงสุด     อย่าสงสัย

ถ้าสนุก     ด้วยการงาน     เบิกบานใจ

ไม่เท่าไร     รู้ธรรม     ฉ่ำซึ้งจริง
   
ตัวการงาน     คือตัวการ     ประพฤติธรรม

พร้อมกันไป     หลายส่ำ     มีค่ายิ่ง

ถ้าจะเปรียบ     ก็เหมือนคน     ฉลาดยิ่ง

นัดเดียววิ่ง     เก็บนก     หลายพกเอยฯ

อะไรที่ไหน
   
อันความงาม     มีอยู่ตาม     หมู่ซากผี

อันความดี     อยู่ที่ละ     สละยิ่ง

ความเป็นพระ     อยู่ที่เพียร     บวชเรียนจริง

นิพพานสิ่ง     อยู่ที่ตาย     ก่อนตาย เอยฯ

มีอยู่แล้ว
   
ขณะใด     จิตไม่     มี “ตัวกู”

นิพพานก็     ปรากฏอยู่     ณ จิตนั่น

พอ “ตัวกู”     เกิดได้     ในจิตนั้น

สังสารวัฎฎ์     ก็พลัน     ปรากฏแทนฯ

โลกรอดเพราะกตัญญู
   
อันบุคคล     กตัญญู     รู้คุณโลก

อุปโภค     บริโภค     มิให้หลาย

ข้าวหรือเกลือ    ผักหรือหญ้า     ปลาหรือไม้

รู้จักใช้     อย่าทำลาย     ให้หายไป
   
อนึ่งคน     ต่อคน     ทุกคนนี้

ล้วนแต่มี     คุณต่อกัน     นั้นเป็นไฉน

มองให้ดี     ดูให้เห็น     เช่นนั้นไซร้

โลกรอดได้      เพราะกตัญญู     รู้คุณกัน
   
ประเทศชาติ-ศาสนา-มหากษัตริย์

รวมเป็น     อัตตภาพไทย     ใหญ่มหันต์

รอดมาได้     เพราะรักใคร่     อย่างผูกพันธ์

เพราะกตัญ-     ญู   มี     ที่ใจ เอยฯ



ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว



ภาพจาก gotoknow.org.file/papangkorn/view/142893




      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2336 เมื่อ: 18 มกราคม 2553, 11:16:44 »

(ต่อ)

โลกเปรียบศาลาให้อาศัย
   
โลกนี้เปรียบ     ศาลา     ให้อาศัย

ประเดี๋ยวใจ     ผ่อนพัก     แล้วจักผัน

ทางที่ดี     เมื่อพราก     ไปจากมัน

ควรสร้าง     ส่งเสริม     เพิ่มคะแนน
   
เมื่อเราได้     เกิดมา     ในอาโลก

ได้พ้นโศก     พ้นภัย     สบายแสน

จึงควรสร้าง     สิ่งชอบ     ไว้ตอบแทน

ให้เป็นแดน     ดื่มสุข     ขึ้นทุกกาล

คุณความดี     ของท่าน     กาลก่อนก่อน

ที่ท่านสอน     ไว้ประจักษ์     เป็นหลักฐาน

เราเกิดมา     อาศัย     ได้สำราญ

ควรหรือผ่าน     พ้นไป     ไม่คำนึง

เป็นอยู่ ด้วยจิตว่าง

จงทำงาน     ทุกชนิด     ด้วยจิตว่าง

ยกผลงาน     ให้ความว่าง     ทุกอย่างสิ้น

กิน-อาหาร     ของความว่าง    อย่างพระกิน

ตายเสร็จสิ้น     แล้วในตัว     แต่หัวที

ท่านผู้ใด     ว่างได้     ดังว่ามา

ไม่มีท่า     ทุกข์ทน     หม่นหมองศรี

“ศิลปะ”     ในชีวิต     ชนิดนี้

เป็น “เคล็ด” ที่     ใครคิดได้     สบายเอยฯ

มองแต่แง่ดีเถิด
   
เขามีส่วน     เลวบ้าง     ช่างหัวเขา

จงเลือกเอา     ส่วนที่ดี    เขามีอยู่

เป็นประโยชน์     โลกบ้าง     ยังน่าดู

ส่วนที่ชั่ว     อย่าไปรู้     ของเขาเลย
   
จะหาคน     มีดี     โดยส่วนเดียว

อย่ามัวเที่ยว     ค้นหา     สหายเอ๋ย

เหมือนเที่ยวหา     หนวดเต่า     ตายเปล่าเลย

ฝึกให้เคย     มองแต่ดี     มีคุณจริงฯ

ความสุข
   
ความเอ๋ย     ความสุข

ใครๆ ทุก     คนชอบเจ้า     เฝ้าวิ่งหา

“แกก็สุข,    ฉันก็สุข,    ทุกเวลา”

แต่ดูหน้า     ตาแห้ง     ยังแคลงใจ”
   
ถ้าเราเผา     ตัวตัณหา     ก็น่าจะสุข

ถ้ามันเผา     เราก็ “สุก”     หรือเกรียมได้

เขาว่าสุข     สุขเน้อ!     อย่าเห่อไป

มันสุขเย็น     หรือสุกไหม้     ให้แน่เอยฯ

มีมาร-ไม่มีมาร
   
มารไม่มี     บารมี     ยิ่งไม่แก่

จะมีแต่     ถอยถด     หมดความหมาย

ไม่มีพลัง     สร้างวิบาก     ให้มากมาย

หรือสอบไล่     ให้เรา     เข้าใจตัว
   
มารยิ่งมี     บารมี     ยิ่งแก่กล้า

ยิ่งรุดหน้า    สามารถ    ในธรรมทั่ว

สร้างวิบาก    ได้มากมาย    ไม่เนียนัว

ให้ดอกบัว     เบ่งบาน    สะท้านสะเทือนฯ

แล้วประหัต     ประหารมารร้าย    ให้ตายเตียน

ได้แนบเนียน      ไม่มี     อะไรเหมือน

เมื่อมารมี     ก็เหมือนมาร     มาตักเตือน

ให้พบเงื่อน     งำกล้า     ฆ่ามารเองฯ


ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว



ภาพจาก www.igetweb.com




      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2337 เมื่อ: 18 มกราคม 2553, 15:48:49 »

แม่เอ๋กับโบว์และเพื่อนๆของโบว์ ก่อนที่โบว์จะกลับอังกฤษไปเมื่อวันที่17ค่ะ









อยู่กับกลุ่มวัยรุ่นหรือเริ่มวัยผู้ใหญ่ตอนต้นแล้ว แม่ก็ต้องลดวัยลง พยายามสดชื่นแจ่มใส เข้าใจ และพูดคุยกับเค้าให้ได้ทุกเรื่องนะคะ









แม่เอ๋จะรอชื่นชมความสำเร็จของลูกๆหลานๆทุกคนนะคะ








      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2338 เมื่อ: 19 มกราคม 2553, 12:06:43 »

โครงการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบแผ่นพับ

เรื่องที่ ๕๖     การอนาจาร

จากหนังสือกฎหมายอาญา  ภาคความผิดเล่ม ๒      โดย ดร.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์

มาตรา ๒๗๘     “กระทำอนาจาร”

องค์ประกอบภายใน

เจตนา

องค์ประกอบภายนอก

๑)ผู้ใด     ๒)กระทำอนาจาร     ก.โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ     ข.โดยใช้กำลังประทุษร้าย     ค.โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่

สามารถขัดขืนได้ หรือ     ง.โดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น

๓)แก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี

“อนาจาร” หมายถึงการกระทำ  “ที่ไม่สมควรในทางเพศ”

(ฎีกาที่ ๑๐๓๒๘/๒๕๔๖,ฎีกาที่ ๔๗๓/๒๕๔๗) โดยเป็นการกระทำต่อเนื้อตัวของบุคคลโดยตรง เช่นกอดปล้ำ หอมแก้มและจับหน้าอก

หญิง     การ “อนาจาร” มิได้หมายความเฉพาะการประเวณีหรือความใคร่เท่านั้น แต่รวมถึงการกระทำให้อับอายขายหน้าในทางเพศด้วย

เช่น การที่ชายกอดเอวหญิง จับมือและดึงแขนหญิง เป็นการทำอนาจารแก่หญิงโดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นความผิดตามมาตรา ๒๗๘

(ฎีกาที่ ๔๘๓๖/๒๕๔๗)

การกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศ อันเป็นการกระทำอนาจารนั้น ให้พิจารณาการกระทำนั้นจากที่ปรากฏออกมาภายนอก หากคนทั่วไปเห็น

ว่าไม่สมควรในทางเพศก็เป็นอนาจาร แม้ผู้กระทำจะมิได้กระทำเพื่อความใคร่ หรือกามารมณ์แต่กระทำไปด้วยเหตุอื่นๆ เช่น เพื่อแก้แค้น

หรือโกรธแค้นก็ตาม เช่น ฎีกาที่๑๓๑๔/๒๕๒๖

การกระทำจะเป็นความผิด จะต้องมีการขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย บุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือทำให้บุคคลนั้นสำคัญผิด

ในตัวบุคคลซึ่งหมายความว่าการอนาจารจะต้องเป็นผลมาจากการขู่เข็ญประทุษร้าย อันแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกระทำมิได้ยินยอมให้กระทำ

ผู้ถูกกระทำ ต้องอายุกว่าสิบห้าปี หากไม่เกินสิบห้าปี เป็นความผิดตามมาตรา ๒๗๙ ผู้ถูกกระทำจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้ และผู้กระทำจะเป็น

ชายหรือหญิงก็ได้เช่นกัน



ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว



ภาพจาก board.agalico.com/showthread.php?p=189418



      บันทึกการเข้า
Lamai
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,712

« ตอบ #2339 เมื่อ: 19 มกราคม 2553, 12:13:10 »

สวัสดีต่ะเอ๋ เห็นรูปหลานๆแล้วชื่นใจแทนเอ๋
จุ๋มก็เพิ่งจะพาลูกชายสองคนมาเชียงใหม่น่ารักมากๆ
ถ้าเอ๋มาบอกเราด้วยนะ
ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2340 เมื่อ: 19 มกราคม 2553, 12:19:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ Lamai เมื่อ 19 มกราคม 2553, 12:13:10
สวัสดีต่ะเอ๋ เห็นรูปหลานๆแล้วชื่นใจแทนเอ๋
จุ๋มก็เพิ่งจะพาลูกชายสองคนมาเชียงใหม่น่ารักมากๆ
ถ้าเอ๋มาบอกเราด้วยนะ
ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ


สวัสดีค่ะไมโกะ ซักวันคงได้ไปหาไมโกะนะคะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2341 เมื่อ: 19 มกราคม 2553, 12:29:11 »

(ต่อ)

มาตรา ๒๗๙     “กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี”

องค์ประกอบภายใน

เจตนา

องค์ประกอบภายนอก

๑)ผู้ใด     ๒)กระทำอนาจารโดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม     ๓)แก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี

เหตุฉกรรจ์ตามวรรคสอง

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคแรก ผู้กระทำได้กระทำ

(ก)โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ     (ข)โดยใช้กำลังประทุษร้าย     (ค)โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือ

(ง)โดยทำให้เด็กนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น

มาตรา ๒๘๐     “ผลที่ทำให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๒๗๘ หรือ ๒๗๙ ต้องรับโทษหนักขึ้น”

มาตรา ๒๘๐ บัญญัติว่า ถ้าการกระทำผิดตามมาตรา ๒๗๘ หรือมาตรา ๒๗๙ เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำ

๑)รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท

๒)ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

มาตรา ๒๘๑     “ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ความผิดฐานกระทำอนาจาร อันเข้าลักษณะเป็นความผิดอันยอมความได้”

ต้องเป็นความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคแรกและมาตรา ๒๗๘ เท่านั้นและจะต้องไม่เข้ากรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้

(ก)ต้องมิได้เกิดต่อหน้าธารกำนัลหรือ     (ข)ไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตายหรือ

(ค)มิได้เป็นการกระทำแก่บุคคลดังระบุไว้ในมาตรา ๒๘๕ กล่าวคือ มิได้กระทำแก่

(๑)ผู้สืบสันดาน     (๒)ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล     (๓)ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ     (๔)ผู้อยู่ในความปกครอง

ในความพิทักษ์ หรือในความอนุบาล

ต่อหน้าธารกำนัล หมายความว่า “กระทำในลักษณะที่เปิดเผยให้บุคคลอื่นสามารถเห็นการกระทำได้” (ฎีกาที่ ๑๑๗๓/๒๕๐๘)

มาตรา ๒๘๒ “เป็นธุระจัดหา พาไปเพื่อการอนาจาร”

องค์ประกอบภายใน

(๑)เจตนาธรรมดา     (๒)เจตนาพิเศษ     (ก)เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นและ     (ข)เพื่อการอนาจาร

องค์ประกอบภายนอก (วรรคแรก)

(๑)ผู้ใด     (๒)เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไป แม้ผู้ถูกพาไปจะยินยอมก็ตาม     (๓)ซึ่งชายหรือหญิง

เหตุฉกรรจ์ตามวรรคสอง

การกระทำความผิดตามวรรคแรก เป็นการกระทำแก่ “บุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี”

เหตุฉกรรจ์ตามวรรคสาม

การกระทำความผิดตามวรรคแรก เป็นการกระทำแก่ (“เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี”)

วรรคสี่

องค์ประกอบภายใน

(๑)เจตนาธรรมดา     (๒)เจตนาพิเศษ “เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น”

องค์ประกอบภายนอก

(๑)ผู้ใด    (ก) รับตัวบุคคลซึ่งมีผู้จัดหา ล่อไปหรือพาไป ตามวรรคแรก วรรคสอง หรือวรรคสาม    

(ข)สนับสนุนในการกระทำความผิดดังกล่าว


ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว



ภาพจาก dek-d.com





      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2342 เมื่อ: 19 มกราคม 2553, 12:45:05 »

พจน์นำทีมและพาเพื่อนๆไปทานข้าวค่ะ ครั้งนี้ได้เจอแต้ว(คุณแม่คนเก่งอีกคนหนึ่งของ24)ด้วยดีใจจังเลยค่ะ

ว่างๆแต้วจะเรียบเรียงและเล่าถึงการเลี้ยงดูลูกๆให้เพื่อนๆได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันนะคะ











      บันทึกการเข้า
jum2524
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,077

« ตอบ #2343 เมื่อ: 19 มกราคม 2553, 14:46:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 19 มกราคม 2553, 12:45:05
พจน์นำทีมและพาเพื่อนๆไปทานข้าวค่ะ ครั้งนี้ได้เจอแต้ว(คุณแม่คนเก่งอีกคนหนึ่งของ24)ด้วยดีใจจังเลยค่ะ

ว่างๆแต้วจะเรียบเรียงและเล่าถึงการเลี้ยงดูลูกๆให้เพื่อนๆได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันนะคะ













..ขอบคุณเอ๋นะจ๊ะ..ที่ส่งรูปมาให้ดู เพราะตั้งแต่จบมาเพิ่งเห็นหน้าค่าตาแต้วนี่เอง...สวยขึ้นผิดหูผิดตาเลยล่ะ...มิน่า..สมกับเป็นที่โจษจันกัน...

..น่าสนุกจังเลยเนอะ...โดยเฉพาะสยุมพร... หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2344 เมื่อ: 19 มกราคม 2553, 15:09:05 »

สวัสดีค่ะจุ๋ม ดีใจที่แวะมานะคะ แต้วสวยน่ารักไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ(สมเป็น"ดาว"รุ่นเรา(สาวชั้นสี่) ยืนยันค่ะ)

ทุกคนที่ไปพบกันมีแต่รอยยิ้มและความสนุกสนานตลอดจนร่ำลากัน ยิ้มมากกว่าคนอื่นๆคงเป็นพจน์ค่ะ

เพราะเป็นคนนำทีม เสนอแนะ ดูแลเอาใจใส่ทุกคนทุกเรื่อง และพร้อมมอบความสุขสดชื่นให้ทุกคนเสมอๆ
      บันทึกการเข้า
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #2345 เมื่อ: 19 มกราคม 2553, 19:36:39 »

แต้วสวยไม่สร่างจริงๆค่ะ ดร.เอ๋
แต่คราวนี้รู้สึกจะผอมไปนะคะ สงสัยงานหนัก

ส่วนสยุมพรกับกัญ...รอยยิ้มสดใสมากค่ะ
เห็นแล้วมีความสุขไปด้วย

เอ๋จะมางานสิงห์ดำสัมพันธ์เสาร์นี้ไหมคะ
แจงว่าจะไป คิดว่าคงจะได้เจอแต้วที่งานค่ะ
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2346 เมื่อ: 20 มกราคม 2553, 08:41:53 »

สวัสดีค่ะแจง ดีใจที่แวะมานะคะ แจงงานหนักแบ่งเวลาพักผ่อน รักษาสุขภาพบ้างนะคะเพื่อน คิดถึงและห่วงแจงเสมอนะ

ส่วนสิงห์ดำสัมพันธ์ยังไม่แน่ใจว่าจะไปได้หรือไม่ค่ะแจง เกรงว่าอาจจะต้องเตรียมตัวสอบวิทยานิพนธ์ของ ปเอกรอบสุดท้าย  

อีกทั้งเวลาไล่เลี่ยกันนี้ต้องเตรียมตัวสอบวิชาเลือก3วิชาของนิติศาสตร์อีก    ยังไม่นับงานอื่นๆอีกนะคะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2347 เมื่อ: 20 มกราคม 2553, 10:10:31 »

โครงการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบแผ่นพับ

เรื่องที่ ๕๗     เด็กไทยรุ่นใหม่ไม่สูบบุหรี่

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข

สาเหตุที่ทำให้เยาวชนเริ่มสูบบุหรี่กันมาก

น.พ.วิชัย  เทียนถาวร บอกว่ามาจากพฤติกรรมของคนใกล้ชิดและคนรอบข้างอย่างเช่น พ่อแม่ ญาติที่น้อง ทำให้เด็กเกิดความคุ้นเคย

และคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิด รวมทั้งความอยากรู้ อยากลองอันเป็นธรรมชาติของวัย ที่สำคัญอีกอย่างคือเกิดจากการชักนำของเพื่อนเพราะ

วัยรุ่นเป็นวัยที่ใกล้ชิดกับเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ โดยเฉพาะในรายที่ขาดทักษะในการปฏิเสธ  กลัวเพื่อนไม่คบ เมื่อมีเพื่อนสูบบุหรี่ โอกาส

ถูกชักชวนและสูบบุหรี่ตามเพื่อนจึงมีมาก รวมทั้งเยาวชนบางคนคิดว่าการสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ “เท่” เหมือนผู้ใหญ่

เมื่อเยาวชนเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุยังน้อยจนติดเป็นนิสัยก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ติดบุหรี่และสูบจัดในอนาคต  ยิ่งเริ่มสูบบุหรี่

เร็วขึ้นเท่าใด โอกาสเสี่ยงต่ออายุสั้นก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

พ่อแม่ที่ยังเป็นสิงห์อมควัน  จึงควรถือโอกาสเลิกเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี (นอกเหนือจากสุขภาพที่ดีของตัวเองตามมา)ใกล้ชิดกับลูก ทำ

ความเข้าใจไม่เพียงแค่ดุ-ด่า และควรสร้างค่านิยมให้เยาวชนรู้สึกว่าบุหรี่เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ควรส่งเสริมให้เยาวชนมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์

เช่น ออกกำลังกาย เล่นดนตรี ปลูกต้นไม้ เป็นต้น

ศ.นพ. สุชัย  เจริญรัตนกุล  กล่าวว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดของการบริโภคยาสูบได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย

จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปีที่ผ่านมาพบว่าคนไทยอายุ ๑๑ ปีขึ้นเข้าขั้น “ติด”ในรสชาติและควันของบุหรี่จนต้องสูบ

บุหรี่ทุกวันมีถึง ๙.๖  ล้านคน คิดเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า ๒๔ ปี เกือบ ๒ ล้านคน โดยเฉลี่ยสูบวันละ ๑๐.๖  มวนในจำนวนนี้เริ่มสูบก่อน

อายุ ๑๐ ปี จำนวนกว่า ๓๐,๐๐๐ คน

เป็นที่มาของโครงการ “ค่ายเยาวชนไทยรุ่นใหม่ห่างไกลบุหรี่” หรือ SMART CAMP

ซึ่งเป็นโครงการที่สำคัญ ต้องทำอย่างเร่งด่วนและจริงจัง โดยเริ่มจากรับเยาวชนอายุ ๑๒-๒๕  ปี ที่สูบบุหรี่หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงจากทุกอำ

เภอทั่วประเทศ อำเภอละ ๖๐ คน รวม จำนวน ๕๒,๕๖๐ คน เข้ารับการอบรมหลักสูตรฟรี ๓ วัน มีนักวิชาการทุกสาขาร่วมทีม เพื่อชี้แนะให้

เยาวชนตระหนักถึงอันตรายและผลเสียของการสูบบุหรี่และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ถูกต้อง  ไม่สูบบุหรี่ ผู้ที่สูบแล้วก็สามารถเลิก

ได้และจะเป็นแกนนำในการรณรงค์ในกลุ่มเพื่อนในชุมชนต่อไป


ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว



ภาพจาก dmc.tv



      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2348 เมื่อ: 20 มกราคม 2553, 10:29:36 »

(ต่อ)

เยาวชนที่สูบบุหรี่ในโรงเรียนพบว่ามีจำนวนมาก

ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะไม่รู้หรือครูบางโรงเรียนรู้ แต่ไม่กล้าประกาศเพื่อช่วยค้นหาหนทางแก้ไขเพราะกลัวโรงเรียนเสียชื่อ ดังนั้นโครงการนี้

ซึ่งเริ่มนำร่องใน ๔ จังหวัดคิดเป็น ๖๔ ค่าย ได้แก่ อุบลราชธานี ๒๕ ค่าย ศรีสะเกษ ๒๒ ค่าย ยโสธร ๙ ค่าย และอำนาจเจริญ ๘ ค่าย มี

เยาวชนเข้าร่วม ๓,๘๔๐ คน โดยมอบหมายให้ครูประจำโรงเรียนเป็นผู้คัดเลือกเยาวชนที่สูบบุหรี่ รวมทั้งการสมัครใจของเยาวชนจากโรง

เรียนมัธยม อาชีวศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมค่าย ซึ่งกว่า ๙๐% เป็นเด็กมัธยมปลาย มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครู และตำรวจเป็นวิทยากรประจำ

ค่ายและหนึ่งในค่ายต้นแบบที่อำนาจเจริญพบว่า  หลังผ่านกระบวนการอบรมในค่ายเป็นเวลา ๓ วันแล้ว เยาวชนทุกคนรู้สึกพอใจในกิจ

กรรมของค่าย หากมีโอกาสต้องการเข้าร่วมค่ายลักษณะนี้อีก ที่สำคัญคือเยาวชนทุกคนยอมรับที่จะเลิกสูบบุหรี่และเข้ารับการบำบัดต่อเนื่อง

ที่คลินิกอดบุหรี่จนกว่าจะเลิกได้ พร้อมให้คำปฏิญาณว่า"ไม่ซื้อ ไม่ขอ ไม่สูบ" สำหรับมาตรการทางกฏหมายเพื่อสกัดเยาวชนเข้าถึงบุหรี่ได้

ยากขึ้น  เจ้ากระทรวงสาธารณสุขบอกว่า จะมีการบังคับไม่ให้ร้านค้าทั่วประเทศตั้งบุหรี่ขายหน้าร้านอีกต่อไป และเข้มงวดในการตรวจสอบ

การละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับการห้ามโฆษณาหรือแสดงเครื่องหมายในสื่อต่างๆ  ห้ามใช้ชื่อบุหรี่ในหารแสดง การแข่งขัน การให้บริการตาม

พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ หากพบว่ามีการละเมิดจะจับกุมทันที ตลอดจนประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนา

แนวทางการป้องกันการบริโภคยาสูบและคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยต่อไป

พิษภัยของบุหรี่ คนส่วนใหญ่แม้จะตระหนักดีถึงพิษภัยของบุหรี่ว่ามีโทษมหันต์ แต่ไม่สามารถเลิกได้เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน

และความ “ติด” ในรสชาติ อีกทั้งโรคที่เกิดจากบุหรี่จะเป็นลักษณะการเจ็บป่วยชนิด “ตายผ่อนส่ง” มิได้เกิดโทษร้ายภายในทันทีทันใด

จึงอยากย้ำเตือนกันอีกทีว่า ควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งถึง ๖๐ ชนิด เป็นต้นตอก่อโรคได้ถึง ๓๖ โรค ในจำนวนนี้เป็นโรคมะเร็ง ๑๐ ชนิด โรค

เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ๑๑ โรค โรคหัวใจและหลอดเลือด ๔ ชนิด โรคเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ ๔ ชนิดและอื่นๆ อีก ๗ โรค ซึ่งนับว่าร้ายกว่า

เชื้อโรคหลายเท่าตัว

ในประเทศไทยพบว่าโรคที่เกิดจากสูบบุหรี่คือโรคหัวใจและโรคมะเร็งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากที่สุดเฉลี่ยชั่วโมงละ ๖ คน หนึ่งใน

สารเคมีที่อยู่ในบุหรี่และมีบทบาททำให้ผู้เสพแล้วติดก็คือ นิโคติน ซึ่งออกฤทธิ์โดยตรงต่อสมอง ดังนั้นในการบำบัดช่วยให้คนไทยเลิกสูบ

บุหรี่ได้สำเร็จซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขก็คือ การผลิตสารนิโคตินใช้ทดแทน ได้แก่หมากฝรั่งเคี้ยว มีรสเปรี้ยว ใช้ติด

ต่อกัน ๑๒ สัปดาห์ และชนิดแผ่ติดผิวหนังใช้ตามจำนวนมวนที่สูบ

ข้อดีของการใช้ยานิโคตินทดแทนคือสามารถระงับหรือป้องกันอาการถอนนิโคติน ทำให้ทรมานน้อยกว่าวิธีหักดิบ แต่การใช้ยานี้จะต้องอยู่

ในความควบคุมของแพทย์เท่านั้น  อนาคตสดใสหากไร้ควันบุหรี่


ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดศรีสะเกษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว



ภาพจาก trat.go.th



      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2349 เมื่อ: 21 มกราคม 2553, 10:22:09 »

โครงการเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบแผ่นพับ

เรื่องที่ ๕๘     การพรากเด็กหรือพรากผู้เยาว์ (จากหนังสือกฎหมายอาญาภาคความผิด เล่ม ๒ โดยดร.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์)

มาตรา ๓๑๗     “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี”

องค์ประกอบภายใน

เจตนาธรรมดา

องค์ประกอบภายนอก (วรรคแรก)

๑)ผู้ใด     ๒)พรากโดยปราศจากเหตุอันสมควรไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล     ๓)เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี

องค์ประกอบภายใน

(๑)เจตนาธรรมดา     (๒)เจตนาพิเศษ “โดยทุจริต”

องค์ประกอบภายนอก (วรรคสอง)

(๑)ผู้ใด     (๒)ซื้อ จำหน่าย หรือ รับตัว     (๓)เด็กซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก

เหตุฉกรรจ์ตามวรรคสาม

ความผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสองได้กระทำ

(ก)เพื่อหากำไร หรือ     (ข)เพื่อการอนาจาร

“พราก” หมายความว่า “พาไปหรือแยกเด็กออกไปจากความปกครองดูแลทำให้ความปกครองดูแลเด็กถูกรบกวน หรือถูกกระทบกระเทือน”

 (ฎีกา๓๑๕๒/๒๕๔๓) อาจเป็นการพาไปชั่วคราวก็ได้ (ฎีกาที่๒๘๕๘/๒๕๔๐) ไม่ต้องพาให้พ้นไปเลยแม้ในที่สุดจะนำตัวกลับมาคืนก็

เป็นความผิดสำเร็จไปแล้ว การพรากไม่จำต้องมีการหลอกลวงเด็กแต่อย่างใด เพียงแต่ชักชวนและแนะนำเด็กให้ไปด้วยโดยมิได้หลอกและ

เด็กเต็มใจไปด้วยก็เป็นการพรากแล้ว (ฎีกาที่ ๒๘๕๘/๒๕๔๐)แม้หญิงออกบ้านเองโดยชายมิได้เป็นผู้ชักนำแต่เมื่อชายพบหญิงในบริเวณ

ตลาดแล้วพาไปค้างคืนที่ห้องพักของชายโดยหญิงยินยอมแต่มารดาของหญิงไม่ยินยอมย่อมเป็นการ “พราก” หญิงไปจากอำนาจปกครอง

ของมารดา(ฎีกา๔๗๓/๒๕๔๗)



ภาพจาก www.oknation.net



      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 92 93 [94] 95 96 ... 979   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><