(ต่อ)
ชาวซีมะโด่งจะยึดถือความเป็น Unity โดยกล่าวได้ว่าเป็น Unique Unity ซึ่งลึกไปกว่า Unity ทั่วไป และคงเป็นเพราะฉันเป็น “หัวหอ”
ปี ๓ ทำให้การดำเนินกิจกรรมของหอค่อนข้างมีปัญหาอยู่บ้าง พี่ๆ ปี ๔ ก็เตรียมตัวจบ และจะยุ่งกับกิจกรรมหอน้อยกว่าทุกปี ในขณะที่ชาวปี
๓ ของฉันนั้นกำลังไฟแรงและคึกคะนองเต็มที่ ประเพณีรับน้องหอที่ถ่ายทอดกันมาจึงเข้มข้นจนน้องๆ ปี ๑ ที่เข้ามาใหม่รู้สึกว่ามันหนักหนา
เกินไปและมีบางส่วนเริ่มกระด้างกระเดื่อง ไม่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องโดยข้ออ้างต่างๆ เมื่อปัญหาเริ่มมากขึ้นฉันจึงเรียกประชุมกรรมการหอ
และต้องหาทางแก้ลำน้องๆหัวหมอเหล่านี้เพื่อดึง Unity และ Seniority ของพวกเรากลับมาให้ได้
ปกติการ “ปลุกหอ” จะเป็นการที่พี่ๆ หอชายคุมน้องปี ๑ หรือชี่หอชายมานั่งเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบบริเวณสนามหญ้าหน้าหอพักหญิงพร้อมๆ
กันร้องเพลงซีมะโด่งด้วยเสียงอันดังและพร้อมเพรียงกัน พี่ๆหอหญิงก็จะช่วยกันปลุกน้องชี่หอหญิงให้ตื่นและลงมารวมตัวกันที่ห้องโถงชั้น ๒
อย่างพร้อมเพรียงก่อนจะลงมาเข้าแถวนั่งประจันหน้าน้องหอชาย จากนั้นก็จะเป็นการตอบโต้กันด้วยเพลงซีมะโด่งล้วนๆ ดุจทำการศึกอย่างไม่
มีใครยอมใคร แรกๆน้องๆหอหญิงก็ให้ความร่วมมือดี แต่ระยะหลัง ความที่พี่ๆStaff จะเป็นพี่หม่อ และพี่จู เป็นหลักมีพี่ซีมาร่วมเพียงเล็กน้อย
บวกกับการต้องถูกปลุกตั้งแต่ตี ๔ ทำให้จำนวนน้องลดลงเรื่อยๆ
ในที่สุดหลังการหารือกันของคณะกรรมการหอ เราจึงตัดสินใจ “ปลุกหอหญิง” โดยปลุกเฉพาะน้องชี่หอหญิง พวกเรากระจายกำลังกันปลุก
และรอจนกว่าน้องจะออกมาจากห้อง ชนิดที่ว่าไม่มีการยอมให้น้องใหม่คนไหนเล็ดรอดไปได้ ที่ห้องโถงชั้น ๒ เวลาตี ๔ กว่าพวกเราไม่เปิด
ไฟ แต่เอาเทียนไปจุดไว้รอบๆห้องโถง พี่ๆที่ปลุกน้องได้นำน้องลงมาที่ห้องโถงและสั่งห้ามส่งเสียงใดๆทั้งสิ้น เมื่อน้องลงมาก็จะเห็นห้องมืด
ที่มีเพียงแสงเทียนที่สะท้อนกับกระจกและมีพี่ staff ยืนล้อมรอบห้องโถงเป็นระยะๆ ทุกคนเมื่อมาถึงจะถูกนำไปนั่งเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน
พวกเราเงียบกริบจนได้ยินเสียงหายใจกันเอง เมื่อน้องๆลงมาครบ ฉันก็เดินไปด้านหน้านั่งลงประจันหน้ากับน้องๆพร้อมกับเสียงที่เปล่งออก
ไปท่ามกลางความเงียบและแสงเทียน “น้องๆ ที่รักทุกคน พี่ในฐานะหัวหอหญิงและตัวแทนของพี่ๆ มีความภูมิใจที่ได้มีโอกาสต้อนรับน้องๆ
ซึ่งได้เข้ามาเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ รวมทั้งมีความยินดีที่ทุกคนในที่นี้ได้มีโอกาสเข้ามาใช้ชีวิตชาวหอซีมะโด่งเช่น
เดียวกับพวกเรา น้องๆบางคนอาจจะนึกขัดใจกับกระบวนการรับน้องหอของพวกพี่ๆ แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า เมื่อน้องๆ ได้ก้าวขึ้นไปเป็น Sopho
more, Junior และ Senior จวบจนจบการศึกษาไปจากจุฬาฯและทั้งชีวิตชาวหอซีมะโด่งนี้เลย” ดังนั้น ในวันนี้ ...ที่พี่ๆ ทำการ “ปลุกหอ”
พวกเรา ก็เพื่อให้น้องรู้ซึ้งถึงความเป็น Unity และยึดถือหลัก “Seniority” ของชาวหอจุฬาฯ ให้หยั่งรากลึกและอยู่กับน้องๆตลอดไป.....
เราจะเริ่มพิธีการกัน ณ บัดนี้.....สิ้นคำกล่าว เพื่อนกรรมการหอ ยกขันเงินใส่น้ำใสแจ๋ว ใบใหญ่ พร้อมกับขันเงินใบเล็กวางบนพานสะท้อนแสง
เทียนวิบวับมาวางไว้ตรงหน้าฉันบนพานมีเทียนอีก 1 ดวงตั้งอยู่ ฉันส่งเสียงทำลายความเงียบขึ้นอีกครั้ง”พวกเราทุกคนกล่าวตามข้าพเจ้า...
พวกเรา...ชาวหอพักหญิงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย...ขอให้คำสัตย์ ปฏิญาณ ต่อหน้าแสงเทียนแห่งซีมะโด่งว่า....พวกเรา...จะร่วมกันรักษา
เกียรติภูมิแห่งจุฬาฯ...ด้วยการยึดถือ “Seniority” และ “Unity” ไว้เป็นหลักในใจ....พวกเราจะรักและเคารพรุ่นพี่ ...ไม่ว่าในวันนี้หรือวัน
ไหนๆตลอดไป ...จากนี้พวกเราจะพร้อมใจกันทำพิธีดื่มน้ำร่วมสาบาน....เพื่อยืนยันคำพูดของพวกเรา....เสียงที่กล่าวตามดังก้องไปทั่วหอ
จุฬาฯ...