เรื่องที่ 25 คนดี
จากหนังสือคนดีไม่มีเสื่อม "ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์"
เตือนใจทุกชีวิตที่กำลังท้อแท้และหมดหวังว่า"ชีวิตคือการต่อสู้" บทบาทชีวิตของแต่ละคนวกวนเหมือนบทละคร ทุกชีวิตมีลีลาการดำเนิน
ที่แตกต่าง แต่ละคนมีเรื่องราวเป็นของตนเอง มีสุขมีทุกข์คละเคล้า โลดแล่นบนโลกใบนี้ จวบจนสุดท้ายแห่งชีวิตมาถึง
"ผมออกท้องนา จับปลา เล่นว่าว ไปกับพรรคพวกคุณพ่อไม่เคยว่าอะไรเลย ท่านเป็นคนใจดีและใจเย็นมาก สิ่งที่ท่านเตือน
ก็คือภารกิจหน้าที่งานประจำของผมจะต้องเสร็จก่อนที่จะไปเที่ยวเล่น"
"ผมสอบได้90%เมื่อผมอยู่ชั้นป 4 คุณแม่ดูสมุดผลการเรียนของผมแล้วท่านดีใจมาก เข้ามากอดผม คุณพ่อก็ดีใจ อาการ
ของท่านทั้งสองนั้นเป็นแรงจูงใจให้ผมตั้งใจเรียนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
"นี่คือสิ่งที่เราภูมิใจและเป็นสิ่งเตือนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ถ้าลูกของท่านมีข่าวอะไรจะมาบอก ขอท่านอย่าผลัด
ผ่อนที่จะรับทราบเรื่องราวของเขา ให้ตั้งใจรับฟัง หากเป็นสิ่งดีอย่ารีรอที่จะกล่าวชื่นชมและหากเป็นปัญหาขอให้ปลอบ
ประโลม ช่วยแก้ปัญหาให้กับเขาทันที สิ่งนี้จะทำให้ลูกคิดว่าเราเอื้ออาทรต่อเขา
" ผมสอบได้ที่1ของเหล่าตำรวจและได้เหล่าที่ตนเองเลือกไว้ คุณพ่อคุณแม่ท่านดีใจมาก ตอนนั้นคุณพ่อขึ้นเป็นรองผู้บัง
คับการตำรวจทางหลวงในช่วงที่ผมเป็นนร อยู่ รร เตรียมทหาร พอผมได้เข้ารร นายร้อยตำรวจปี1 คุณพ่อท่านก็ได้รับ
โปรดเกล้าฯเป็น"พลตำรวจตรี"ได้เป็นผู้บังคับการทางหลวงในปี2511ส่วนผมก็ได้เป็นนร นายร้อยตำรวจสามพราน
"อยู่รร นายร้อยตำรวจมีสอบ8ครั้ง ผมสอบได้ที่1ตลอด ถ้าเปรียบดาวตำรวจผมได้ดาวแหลมคมที่สุดมี8แฉก "
"สิ่งหนึ่งที่รร พยายามกดดันคือให้นร มีความอดทน เพราะเมื่อออกไปสู่สังคมบางครั้งเราถูกกล่าวหาว่าผิดทั้งๆที่เราไม่ผิด
ก็มี ฉะนั้นเมื่อเราเป็นนร เขาฝึกเราแล้วทนไม่ได้ ออกไปเป็นตำรวจเราจะทนได้อย่างไร ต้องมีความมีน้ำอดน้ำทน อดทน
ต่อความเจ็บใจ"
คำกล่าวในฐานะเจ้าบ่าว "ครอบครัวคือหน่วยหลักของทุกสังคม สังคมจะดีหรือไม่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับหน่วยหลักเหล่านี้ว่า
มีแนวโน้มไปทางใด เจ้าสาวและผมจึงถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้รับหน้าที่อันสำคัญนี้ และตั้งปณิธานที่จะดำรงชีวิต
ครอบครัวให้อยู่ในหลักคุณภาพและอุดมคติ"
"ที่นิด้า คนเป็นคณบดีนั้นคุณจบมาจากไหนไม่สำคัญ ถ้าคุณเก่งคุณมีความสามารถเขาก็ยอมรับ ผมก็เลยตอบตกลงเป็นคณบดี
คณะรัฐประศาสนศาสตร์"
" ผมถือว่าการศึกษาในระดับประถมและมัธยมเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กทั้งทางร่างกาย จิตใจและปัญญาในการให้
ความรู้ทั่วไป นอกจากการบรรยายแล้วจะต้องมีทั้งภาคปฏิบัติด้วย เช่นฟิสิกส์ ชีวะ ไฟฟ้า เคมี เป็นต้น"
"ในด้านจริยธรรมก็ต้องกล่อมเกลาลักษณะนิสัย กิริยามารยาท การเข้าสังคม การทำงานร่วมกับผู้อื่น ด้านสุนทรียศาสตร์ก็
ต้องฝึกฝนกีฬา ดนตรี มีงานอดิเรก รวมทั้งรู้จักวิธีพูด เพื่อถ่ายทอดความคิดของเด็กเอง"
"ผมไม่เน้นว่าลูกผมจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยไหน จะเรียนจบเมื่อไร แต่เน้นความเป็นมนุษย์ เน้นการศึกษา"
" ผมสอนเขาให้รู้จักคุณค่าของความยากลำบาก พร้อมกับบอกต่ออีกว่า คนบางคนเขาไม่ได้มีอะไรมาเลยเขาต้องต่อสู้ ลูก
ต้องฝึกความลำบากเอาไว้ วันข้างหน้าลูกจะได้ไม่รู้สึกว่ามันยากลำบาก "
" ผมมีลูกชาย2คนลูกสาว1คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสาว เราได้เห็นว่าลูกสาวเป็นเด็กที่มีความน่ารักมาก มีความละเอียด
อ่อน เด็กผู้หญิงไทยส่วนใหญ่เป็นคนพูดง่าย มีความเป็นกุลสตรี จะเรียกว่าถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษก็ว่าได้ ปัจจุบันมีการ
เอาวัตถุมาล่อเด็กผู้หญิงเหล่านั้น แล้วก็ทำลายเขา เด็กแต่ละคนเมื่อไปอยู่ในที่ไกลหูไกลตาพ่อแม่ ถ้าถูกชักจูงไปในทาง
ไม่ดี โอกาสทำอะไรผิดพลาดมีมาก เราจะต้องดูแลทุกขั้นตอน จะให้ไปนอกบ้านตามลำพังไม่ได้เลย โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ
อายุ12-14ปี เข้าไปเที่ยวเธคกับเพื่อนผู้ชายกับคนสูงอายุกว่าทำให้เด็กเสียคนได้ ในความรู้สึกของผมเราคือคนไทยคน
หนึ่ง บทบาทของเราก็เหมือนกับพ่อคนหนึ่ง หากเรารู้ว่าลูกกำลังจะถูกทำร้ายเราจะยอมหรือไม่"
"อาจารย์สมศรีภรรยาของผมทำหน้าที่เป็นแม่บ้านเต็มตัว ลาออกจากคณะสังคมวิทยามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วไปดูแล
ลูกที่นิวซีแลนด์ สิ่งที่น่าภาคภูมิใจก็คือความเป็นแม่ ไม่มีตำแหน่งใดที่จะมั่นคงถาวรเหนือไปกว่าความเป็น"แม่"
"ผมเคยพูดกับภรรยาเสมอว่าเรามาถึงโค้งสุดท้ายของชีวิตแล้ว อายุเข้าเลข50ปีแล้ว สิ่งสำคัญก็คือเราต้องทำตัวเป็นแบบ
อย่างที่ดีงาม ให้ลูกเรามีความรู้สึกว่าเคารพเราได้ ไม่ไปทำลายศรัทธาลูกที่มีต่อพ่อแม่ ผมกับภรรยาเจอกันตั้งแต่อายุยัง
น้อยเพียงแค่20กว่าๆ หลังจากนั้นก็พึ่งพาเกื้อกูลกันเรื่อยมาถึง30ปี กว่าเราจะแต่งงานกันต้องเผชิญชีวิตมาด้วยกัน ความรู้
สึกของผมที่มีต่อภรรยาจึงไม่ใช่เพียงแค่ คู่สมรส ผมรู้สึกว่าเธอเสมือน"เพื่อนตาย"ที่เคียงคู่ชีวิตเลยทีเดียว"