Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #225 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 12:37:03 » |
|
ไม่ได้ปล่อยครับเซียนโต้ง มันเก็บอย่างเดียว เห็นบอกว่ามากรุงเทพเดือนละครั้ง มาเอากับงานประกวด เอาไปพร้อมๆกับเบอร์ 1,2,3 แล้วก็ลงรูปไว้ให้คนไทยเสียดายซะงั้น
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #226 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2552, 14:57:36 » |
|
ไหนๆก็พูดถึงลพ.พรหม วัดช่องแค แล้ว ถือโอกาขอความรู้จากเซียนโต้งพร้อมกันเลย สงสัยว่าลพ.ด้านไหนครับ ทำไมคนเล่นกันเยอะ ความรู้ผมน้อยเคยได้ยินว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ (แต่สายนครสวรรค์ยังไงๆผมก็ยังชอบลพ.เดิมวัดหนองโพธิ์ มากกว่า ราคานี้เอามีดหมอสามกษัติรย์ไม่ดีก่าหรือครับ ) อย่างอื่นไม่รู้เลยครับ ช่วยขยายความเป็นวิทยาทานด้วยครับเซียนโต้ง
|
|
|
|
ppornson
|
|
« ตอบ #227 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2552, 08:50:01 » |
|
ไม่รู้เว้ย..ยังไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เห็นสวยดี และเป็นพระหล่อ ตามสเปค ก็เลยอยากได้..
อยากได้หลวงพ่อเงิน อัลปาก้า คอแอล ด้วยน่ะ..โอย อยากได้ไปหมด..
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #228 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2552, 10:05:32 » |
|
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #229 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2552, 11:07:41 » |
|
อย่างนั้นผมขอพูดเรื่องผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง ที่ปัจจุบันราคาเล่นหากันหลายแสนบาท สมกับวลีที่ท่านได้กล่าวไว้กับลูกศิษย์ว่า"อีกหน่อย พลิกแผ่นดินก็หาไม่เจอ" นี่คือคำพูดของหลวงปู่ที่กล่าวไว้ประมาณช่วงปี 2517-18 เมื่อเร็วๆนี่ก็มีเกจิเลียนแบบวลีนี้ ราคาพระวิ่งไปพักหนึ่งแล้วก็เงียบไป เนื่องจากพระไม่มีพุทธคุณ หรือที่วงการเรียกว่า พระไม่มีประสบการณ์ สำหรับพระเครื่องของหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่นั้นทำสถิติราคาใหม่ๆเดือนต่อเดือน อะไรที่เป็นสาเหตุให้พระเครื่องสายนี้ราคาไม่ตกเหมือนระปั่นทั่วๆไป สาเหตุกเพราะผงพรายกุมารที่เป็นส่วนผสมในการสร้างนั่นเอง
|
|
|
|
ppornson
|
|
« ตอบ #230 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2552, 11:55:55 » |
|
อยากได้อีกแล้วอ่ะ..มีงบแค่องค์เดียว จารย์ก๋งแนะนำหน่อยสิ ยังไงก็ยังอยากเล่นพระหล่อโบราณอยู่ดี..เข้ากล้องแล้วมันชอบๆๆ
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #231 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2552, 12:56:50 » |
|
พระหลวงปู่ทิม หล่อโบราณไม่มีที่ทันลป.เลย เซียนโต้งผมอ่านในประวัติท่าบอกว่าให้นี่(หมายถึงตัวท่านเอง) เสีย(ตาย)ก่อนแล้วค่อยสร้าง เป็นพวกเหรียญได้ป่าวครับ เหรียญห่วงเชื่อม หรือเจริญพร ประมาณนี้ ราคายังไม่แรงมาก ไม่เกิน 4 หมื่นประมาณนี้ ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นสุดยอดของทางโลหะ ต้องกริ่งชินบัญชรราคาอยู่ระหว่าง 3-5แสน ขึ้นกับความสวย และหมายเลข เลข1หลักจะโคะตะระแพง ที่ฮ็อตๆก็เป็นหนุมานเล่นหากันประมาณ 6หมื่น ส่วนเนื้อผง เป็นขุนแผน พิมพ์นิยม 2 แสนขึ้น(ทำท่าจะวิ่งไปถึงล้าน โดยเฉพาะองค์งามๆ) ลองพิมพ์อบล็อคสอง ก็หย่อนลงมาหน่อย ราคาอัพเดท เดือนต่อเดือน อยากชมพระหรือบรรยากาศการประมูล www.uamulet.com เลือกกระดานที่1 ลป.ทิม วัดละหารไร่ หรือไม่ก็ www.ittiyano.com เว็ปเป็นพระใหม่กับพระเก่า มีเซียนสายจันทบุรีคอยตอบปัญหาให้ ลองแวะเข้าไปชม ผมโม้อยู่เว็ปนี้ อิอิอิ
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #232 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2552, 22:40:46 » |
|
ขอหยิบยกเอาเรื่องผงพรายกุมาร ผงอาถรรพ์ในตำนานมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง ความเป็นมาของผงพรายฯอันลือลั่น ว่าทำไมสนนราคาแพงลิบลิ่ว ในวงการพระเครื่องยอมรับเกจิอาจารย์ 2 รูปที่ปลุกเสก(สาย)กุมาร แล้วมีประสบการณ์(ขลัง) คือ 1.ลพ.เต๋ คงทอง วัดสามง่าน อ.ดอนตูม จ.นครปฐม 2.ลป.ทิม วัดละหารไร่(เดิมชื่อวัดไร่วารี) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง การปลุกเสกกุมารทองนั้นหากว่าอาจารย์ผู้ปลุกเสกไม่มีวิทยาคมแก่กล้าพอ กุมารที่ปลุกเสกขึ้นมาจะดุร้าย เกินกว่าที่จะควบคุมได้ หรือที่เรียกกันว่าเฮี่ยน ส่วนมากพวกนี้คือผีจริงๆที่ถูกสะกดวิญญานไว้ในรูปปั้น หากผู้เลี้ยงทำอะไรไม่ถูกใจ เช่นลืมเซ่นอาหาร หรือเซ่นไม่ตรงเวลา ก็จะอาละวาดเข้าสิงคนในบ้าน แล้วแต่จะทำ แต่สำหรับเกจิอาจารย์ทั้ง2 ที่กล่าวมายอมรับกันว่า "มีแต่คุณไม่มีโทษ" คือกำกับคาถาไว้ดีแล้วกุมารก็จะไม่มีนิสัยดุร้าย
|
|
|
|
ti2521
|
|
« ตอบ #233 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2552, 22:58:33 » |
|
.....คุยกันมันเลยนะน้อง.....
|
เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ สำหรับผม อย่างไรก็ได้
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #234 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2552, 23:04:40 » |
|
ถึงแม้ว่าเกจิทั้ง2รูปจะเชี่ยวชาญวิทยาคมด้านนี้ แต่วิธีการทำกุมารของท่านทั้งสอง ต่างกันโดยสิ้นเชิง สำหรับตำรับลพ.เต๋ คงทองนั้นมาจากสายเขมร ใช้ดิน อาถรรพ์ 7 ป่าช้า เสกไล่ธาตุ หนุนธาตุ จนเกิดจิตวิญญาณ มีความรู้สึกนึกคิดเฉกเช่นเด็กคนหนึ่ง สมัยนั้นเล่ากันว่าเสกจนกระดุกกระดิกได้ถึงจะถือว่าใช้ได้(คล้ายๆตำนานเขี้ยวเสือ ลพ.ปาน วัดบางเหี้ย) วิธีการบูชานั้นก็ต้องเซ่นสรวงด้วยอาหารคาว หวาน อย่างน้อยวันละ 1มื้อ ที่เห็นนิยมกันมากๆคือ น้ำแดง กุมารทองลพ.เต๋นั้นเชื่อกันว่าเป็นเทพกุมาร เมื่อเวลาอธิษฐานขอเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะช้ากว่าจะสัมฤทธิ์ผลตามคำขอ ต่างกับกุมารที่สร้างจากผีจริงๆจะเร็วแต่ให้ผลร้ายในภายหลัง เมื่อสำเร็จตามคำขอก็อาจจะให้แก้บนตามที่บนบานไว้ ในบันทึกใบฝอยบอกไว้ว่าเป็นของเล่นเด็กหรือเครื่องประดับสร้อยสังวาลย์.....ฯลฯ เรื่องที่บนบานนั้น สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบางขึ้นอยู่กับอิทธิฤทธิ์ของกุมาร ซึ่งหมายความว่าผู้เลี้ยงต้องใส่บาตร ถือศีล นั่งสมาธิ แล้วแต่สะดวก แล้วอุทิศส่วนกุศลให้จึงทำให้ฤทธิ์เดชของกุมารทองนั้นเพิ่มพูลทวี คนๆหนึ่งจะเลี้ยงกุมารได้กี่ตน บางท่านว่าไม่เกิน 3 ผมเคยสอบถามที่วัดบอกว่ากี่ตนก็ได้แต่ห้ามเลี้ยง 3 เด็ดขาด เพราะอะไรนั้นผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อจะเช่าบูชาต้องไปเช่าเองที่วัด ลพ.ท่าน(ตอนนี้เป็นลพ.แย้มอายุ 80กว่าๆแล้วครับ รีบหน่อยถ้าใครสนใจ...จะได้รับของแท้รับจากมือท่านโดยตรง)จะเสกซ้ำให้อีกที ผู้เช่าตั้งชื่อและอุ้มขึ้นรถ ก่อนกลับบ้านให้เรียกกลับบ้านไปด้วย ก่อนเข้าบ้านจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เสียก่อน(จุดธูป 5 ดอก) ตัวเองเลี้ยงไว้แค่10 ตอนได้มาใหม่ๆตอนตีสองต้องตื่นขึ้นมาเฉยๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรบอกว่า มันมาแล้วจากนั้นหมาหอนกันเกรียว เป็นอย่างนี้อยู่เป็นอาทิตย์ แม้แต่ในฝันยังมีเด็กมาหยอกล้อ พอใส่บาตรอุทิศส่วนบุญบอกกล่าวให้(อย่ากวนพ่อเลยลูก....ถ้าไม่อยากกลับไปอยู่ที่วัดเหมือนเดิม) ส่วนมากดีไปในทางค้าขาย ลูกค้าเข้าร้านเยอะแทบไม่มีเวลากินข้าวกินปลา ถ้าช่วงไหนไม่บนบานเซ่นสรวงก็ตกลงสลับกันเป็นพักๆ (ประสบการณ์ของผมเอง) ______________________________________________________________________________________________________________ ข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยแก้ไขเพิ่มเติมด้วยครับ
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #235 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2552, 23:05:33 » |
|
สวัสดีครับพี่
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #236 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2552, 23:51:19 » |
|
ส่วนตำรับผงพรายกุมารลป.ทิม วัดละหารไร่ นั้น ทำมาจากผงเถ้ากระดูกเด็กตายทั้งกลม ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร เอามาทั้งกระดูกแม่และกระดูกเด็ก ตำบดจนละเอียดผสมกับว่านพุทธคุณต่างๆ แล้วปลุกเสกซ้ำ(ลป.ทิมปลุกเสกเดี่ยว) อีกที....กระบวนการนี้จะปั้นผงพรายกุมารขนาดเท่าแท่งช็อค เพื่อนำไปเขียนอักขระ(ในกระดานชนวน)และลบผง<-------------ขั้นตอนสำคัญ การลบผงนี้เหมือนการลบผงของพุทธาจารย์โตพรหมรังษี คือผงที่ลงอักขร+สมาธิอันแก่กล้าสามารถเร่งเร้ากดดันให้อนุภาคผงที่ลบทะลุผ่านกระดานชนวนลงไปตกที่ผ้าขาวที่รองรับผงอยู่ด้านล่างได้ จากบันทึกที่อ่านเจอลูกศิษย์ใกล้ชิดลป.ทิมเล่าว่า หลวงพ่อท่านลบผงทะลุกระดานชนวนตกลงไปทะลุผ้าขาวที่รองรับอยู่ถึง 7 ชั้น ลงไปกองอยู่กับพื้นโบสถ์(ดูเอาเถอะครับฌานสมาธิจิตลป.ขนาดไหน) ลำดับต่อจากนั้นนำผงพรายที่เสกแล้วไปซ่อนไว้ในที่ต่างๆภายในบริเวณเพื่อให้พรายออกมาหลอกคน จากที่หนึ่งเปลี่ยนที่จนครบ 3 รอบ(ปรื๋ยยยยยศ์!!!) จากนั้นจึงนำผงพรายกุมารไปสร้างพระคือผสมลงไปในผงว่านหรือปูนขาวอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งความเฮี้ยนของผงพรายนี้เริ่มต้นตั้งแต่ ตอนขุดศพแม่ขึ้นมาจากหลุมลนคางเอาน้ำมัน(ผีดุมาก ถ้าไม่มีอาคมไปไม่รอด) จนไปถึงการตำผงพราย ว่ากันว่าเมื่อพรายสำแดงอิทธิฤทธิ์ทำให้ครกหินที่ใช้ตำแตกออกเป็น 2 เสี่ยง หรือไม่ก็เกิดไฟสีเขียวลุกท่วมครกไม่สามารถดับได้คนตำต้องไปตามหลวงปู่มาดับเอง(ผงที่เหลือจากไฟไหม้จึงดำเป็นถ่าน เรียกว่าขุนแผนเนื้อดำราคาแพงสมกับความแรง) ขณะที่ลป.ทิมปลุกเสกนั้นได้อัญเชิญวิญญาณเด็กที่ตายทั้งกลมในบริเวณป่าช้านั้น และที่ผ่านไปผ่านมาให้เข้ามาสิงสถิตย์ในเนื้อผงพรายนั้น ดังนั้นพระของลป.จึงมีดวงวิญญาณ(พราย)มากมายมหาศาลอัดแน่นอยู่ในองค์พระ ต่างจากกุมารทองลพ.เต๋ที่เสกขึ้นมาเป็นกุมาร 1ตน ลป.ทิมเคยบอกลูกศิษย์ครั้งหนึ่งเมื่อเห็นว่าใช้ผงพรายมากเกินไปทำให้สร้างพระได้น้อยว่า 'ใส่มากใส่น้อยก็มีค่าเท่ากัน ผงพรายกุมารของนี่(หมายถึงตัวท่านเอง) เหมือนยาพิษ' เหมือนยาพิษหมายความว่าเมื่อใส่ลงไปแล้วก็จะกระจายไปทั่ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าวิญญาณพรายเข้มข้นมากมายมหาศาลอยู่แล้ว ครั้งหนึ่งมีลูฏศิษย์ท่านห้อยพระขุนแผนของท่านเข้าไปกราบเกจิอาจารย์ทางอยุธยา(ลป.ดู่วัดสะแก) พอเห็ฯเดินมาแต่ไกลท่าท่านทักว่า "ไอ้พวกนี้มาแปลก เอาผีมาด้วย" เมื่อลูกศิษย์ถามท่านตอบว่า "ข้าเห็นไอ้พวก 4 คนนั้นพาผีตามมาเป็นพรวนล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด" เมื่อศิษย์ลป.ทิมเข้าไปกราบท่าน ท่านถามว่า "อาจารย์พวกเอ็งเป็นใครวะ" เมื่อศิษย์ลป.ทิมทราบความจึงถามท่านว่า"ผีที่ไหนครับ" ลป.ดู่บอกว่า "ออกมาจากพระที่คอของพวกเอ็งยังไงเล่า" .................................นี่คือหนึ่งในความพิสดารที่เล่าขานกันมา ปัจจุบันผู้สืบทอดวิชาท่านคือลพ.สาคร วัดหนองกรับ ทุกคนยอมรับโดยทั่วกันว่าหลังจากลป.ทิมมรณภาพแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถสร้างผงพรายกุมารได้อีกเป็นครั้งที่สอง และเป็น เกจิอาจารย์รุ่นหลังที่พอจะมีชื่อเสียง(วิทยาคม)เทียบเท่าเกจิอาจารย์ในยุคโบราณกาล สำรับวิชาการทำผงพรายกุมารนั้นไม่มีใครทราบที่มาว่าท่านร่ำเรียนมาจากสำนักใด นี่คือเกียรติคุณของลป.ทิม วัดละหารไร่ สำหรับพุทธคุณที่ผมกล่าวอ้างถึงบ่อยๆที่รวบรวมได้ก็มีดังนี้ครับ 1.สามารถอธิษฐานขอเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้เหมือนกุมารทองทั่วๆไปแต่ไม่ต้องเซ่นสรวง(พวกนี้เป็นผีที่ถูกบวช=ให้ถือศีล ดังนั้นเวลาฝันเห็นจะเห็นใส่ชุดขาวเป็นส่วนใหญ่ อาจจะใส่บาตรอุทิศให้เป็นครั้งคราวได้) สัมฤทธิ์ผลได้ไวเนื่องจากพรายที่องค์พระมีจำนวนมาก 2.แคล้วคลาด......สามารถดลใจผู้ครอบครองให้รอดพ้นภัยอันตรายได้อย่างไม่น่าเชื่อ (ผมเคยรอดจากการประสานงากันแก็งค์เด็กแว้นมาแล้ว เพราะพรายดลใจให้ไม่แซงรถกระบะคันหน้า หลังจากนั้นก็เห็นรถเด็กแว้นเลนตรงข้าม เกี่ยวกันล้มกลิ้งหกคันซ้อนโคตรสยองเลยครับ) 3.ดีในทางค้าขายลูกค้าเข้าร้านเยอะมาก ทำอะไรก็ดีไปหมด เพราะแบบนี้มันถึงได้แพงลิบลิ่ว 4.มหาเสน่ห์ ในพระบางรุ่นโดยเฉพาะขุนแผน มีน้ำมันอาถรรพ์อายุร่วม 200ปีผสมอยู่(ติดตามอ่านเพิ่มเติมในเว็ปที่ผมลงไว้) ท่านอาจจะไขปริศนา สติกเกอร์ผู้หญิงสวมกางเกงท้ายรถสิบล้อได้จากประสบการณ์ตรงๆไม่ต้องคิดให้ปวดกะบาล บางคนขูดเอาเนื้อพระแอบใส่ให้ผู้หญิงกินจนเกิดหลงไหลตามมาถึงบ้าน แต่วิธีนี้ทำให้เกิดผลร้ายกับผู้กระทำในที่สุด 5.เป็นมหาอุตต์ มีมือปืนที่ห้อยพระขุนแผนผงพรายกุมารถูกระดมยิงแต่กระสุนไม่ระคายผิวเพียงแต่แฉลบออกไปด้านข้าง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เป็นเรื่องเล่าที่พอจะรงบรวมมาได้ยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้ลง แต่ข้อดีของพระสายนี้คือ พุทธศิลป์งดงาม(พระสวย) คนนิยมเล่นหากันมาก(ส่วนมากเป็นพวกมีตังค์) ราคาเช่าได้(ครั้งเดียว)....ถ้าปล่อยแล้วไม่มีปัญญาเช่าคืนมาได้ ดูง่าย(ศัทพ์วงการว่าแท้ 100เมตร หมายความว่า ยืนห่าง 100 เมตรดูยังรู้เลยว่าแท้ ขนาดนั้น) วันนี้ผมขอนอนก่อนนะครับ วันหลังจะมาฝอยต่อ
|
|
|
|
Apirat T.
|
|
« ตอบ #237 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2552, 07:28:29 » |
|
post มาเรื่อยๆ ไอ้ก๋ง ตรูรออ่านอย่างเดียว (เพราะไม่มีความรู้)
ตาแครม
|
|
|
|
ppornson
|
|
« ตอบ #238 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2552, 11:32:00 » |
|
ถูกต้อง..ประวัติอะไรกรูไม่รู้มากหรอก..เก็บอย่างเดียว..
มีเก็บพระในหลวงมั่งรึเปล่า กรูมีกริ่งศิริราช พระบูชา ภปร.5นิ้วปี 08 (องค์นี้รักมากๆ..สวยมากครับ) แล้วก็ปวเรศรุ่น 2
แทรกไปงั้นๆล่ะ จารย์ก๋งเล่าต่อ..
ต่อจากเรื่องนี้ ก็เรื่องผงอิทธิเจของหลวงพ่อปานต่อเลยนะจารย์ก๋ง
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #239 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2552, 20:29:24 » |
|
เน็ตโรงบาลเสียครับโพสต์ไปหนึ่งหน้ากระดาษหายหมด
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #240 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2552, 03:46:20 » |
|
อ้างอิงจากบทสนทนา ระหว่าง คุณชินพร สุขสถิตย์ และลป.โ ในเวลานั้น จากเว็ปไซด์ของศิษยานุศิษย์ลป.ดู่ http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=1330อันนี้ฉบับเต็ม ผมมีหนังสือของคุณชินพรอยู่อีกเล่ม แต่ตอนนี้หาไม่เจอไม่รู้อยู่ที่ไหนไว้รอมีเวลาว่างจะค้นมาลงให้ได้อ่านกันครับ
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #241 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2552, 03:50:16 » |
|
ตำนานผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เมื่อกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกร ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่องวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแด่ชาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ ต่อไปในวันข้างหน้าโดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้นั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่ทิมอิสริโกทั้งหมดไม่มีใครกล้าเสนอตัวอาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง “หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ “ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ ” กะโหลกพรายกุมาร “ วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยดสยอง ทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด ) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น ”ผงพรายกุมารมหาภูติ “ ซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจ เกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ “ วิญญาณของาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่คุ้มครองที่วัดละหารไร่ “ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำ การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่นดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งาม ยามดีวันดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ๙ รูป โดยหลวงปู่ทิมอิสริโก เป็นประธานสงฆ์ เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหาภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้ หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณพิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิ์คอยช่วยเหลือคุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาบูชาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หลังจากเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอมเทาประมาณ 1 ถาดใหญ่ เมื่อแบ่งผสมผงว่านมหามงคลจะได้ผงพรายกุมารมหาภูติเนื้อละเอียดสีน้ำตาลเข้มประมาณ 1 กะละมังใหญ่ แล้วเก็บรวบรวมไว้ในกุฎิหลวงปู่ทิม เมื่อจะทำพระเครื่องจึงจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมไปตักแบ่งเอามาผสมผงที่จะกดพิมพ์พระอีกครั้งหนึ่ง.หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวยืนยันโดยเห็นกับตาตนเองว่า “ผงที่หลวงปู่ทิมอิสริโก เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ นั้น หลุดร่วงทะลุลอดกระดานชนวนลงมา และทะลุผ้าขาวที่ปูรองเอาไว้ถึงเจ็ดชั้นจนถึงพื้นพระอุโบสถวัดละหารไร่ “ที่กล่าวนี้ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแต่อย่าง แต่กล่าวเปิดเผยเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงปู่ทิมอิสริโก จะได้เกิดความปิติ และซาบซึ้ง ในบุญญาบารมีของหลวงปู่ทิมอิสริโก หากผู้ใดได้ครอบครองบูชา พระผงขุนแผนพรายกุมาร นับว่าท่านมีของวิเศษขั้นสูงอยู่กับ จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นับว่าเป็นบุญกุศลของผู้นั้นที่เคยได้ร่วมสร้างกันมา หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระของท่านมีเจ้าของอยู่แล้ว ของของใครต้องมาอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดมิใช่เจ้าของจักมีอันต้องเปลี่ยนมือไปไม่ช้าก็เร็ว
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #242 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2552, 07:26:06 » |
|
เรื่องศพหญิงตายทั้งกลมนั้น คุณชินพร สุขสถิตย์ได้บันทึกไว้ว่า เป็นญาติของนายกุหลาบเอง(ชื่อส้ม) ใช้ปืนยิงตัวตายเพราะน้อยใจสามี นายกุหลาบเป็นผู้บอกกล่าวให้ลป.ทิมทราบ ลป.ทิมบอกนายกุหลาบว่าค่ำวันนี้ให้เตรียมตัวไปเอาของดี เมื่อถึงเวลาพลบค่ำนายกุหลาบ กับนายสาย มาพบลป. ท่านเตรียมของไว้ให้ ตอนแรกพวกของนายกุหลาบคิดว่าลป.จะเป็นผู้นำในภารกิจนี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆท่านหยิบข้าวของที่ใช้ทำพิธีให้ แล้วก็บ่ายหน้าขึ้นกุฏิปิดประตูเงียบไม่ออกมาอีกเลย......... นอกจากกระโหลกพรายแล้ว นายกุหลาบยังได้ติดสินบนสัปเหร่อให้เผาไหม้ไม่หมด ก่อนวันเผาได้ทำพิธีขอนำมันจากพรายส้ม โดยใช้กระป๋องโอวันตินฝังไว้ใต้ศพตรงบริเวณที่เด็กอยู่ทำให้ได้ทั้งน้ำมันทั้งและลูก ถ้าแม่เค้าไม่ยอมน้ำมันจะไม่ตกลงในกระป๋อง แต่หลังจากเผาไฟปรากฏว่าน้ำมันอยู่ค่อนกระป๋อง และได้หนังศีรษะพร้อมเส้นผมอ่อนของเด็กมาด้วย
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #243 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2552, 15:27:46 » |
|
คราวนี้มาถึงเรื่องขุนแผนผงพรายมหาภูติ หรือที่เรียกกันติดปากว่าขุนแผนผงพรายกุมารนั้น เป็นพระที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เนื่องจากมีการปั๊มพระออกมาเกินจำนวนและพระส่วนหนึ่งก็ไม่ทันลป.ทิมปลุกเสก เดิมทีลป.ทิมเรียกพระพิมพ์นี้ว่า ยอดขุนพลบ้านค่าย กรรมวิธีการสร้างก็มีเคล็ดทุกขั้นตอน ยังไงผมขอค้นหนังสือให้เจอก่อน เล่าจากความจำมันเพี้ยนไปจากเนื้อเรื่องจริงไปบ้าง จะโดนข้อหามั่วนิ่ม
|
|
|
|
Mr.EggMan
|
|
« ตอบ #244 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2552, 02:32:19 » |
|
เข้ามาติดตาม อาจารย์ก๋งครับ
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #245 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2552, 07:31:43 » |
|
สวัสดีครับเพื่อนไข่ ยังไม่เก่งพอจะเป็นอาจารย์ได้ครับ ยังดูพระไม่ขาดเลย
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #246 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2552, 08:12:38 » |
|
ในระหว่างที่รอหนังสือ ขอเล่าเท่าทีจำได้นะครับ พระขุนแผนผงพรายกุมารเริ่มแรกนั้น ลป.ทิมให้ลุงแมงซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมเป็นผู้กดพิมพ์แต่เพียงผู้เดียว (สมัยก่อนเด็กที่ขี้โรค จะถูกนำไปฝากพระเลี้ยง) ซึ่งท่านเป็นผู้ตั้งชื่อให้ว่า สีหราช(ราชสีห์ หมายถึงอำนาจ) อัมฤทธิ์(ผู้ไม่ตาย เป็นมหาอุตต์) โดยไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปช่วยเหลือ แม้จะมีผู้เสนอตัวก็ตาม อีกทั้งขณะกดพิมพ์ต้องนุ่งขาวห่มขาวรีลเสียก่อน เสร็จแล้วก็ต้องอาบน้ำมนต์ที่ท่านเสกทุกครั้งก่อนจึงจะกลับบ้านได้ นัยว่าป้องผีตามกลับบ้านไปด้วยนั่นเอง นี่เป็นเคล็ดที่มีเฉพาะในขุนแผนที่สร้างขึ้นเป็นพิมพ์แรก ต่อมาเรียกว่า บล็อคลองพิมพ์นั่นเอง
|
|
|
|
ppornson
|
|
« ตอบ #247 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2552, 11:11:35 » |
|
ชอบว่ะ จารย์ก๋ง แนะนำให้พิมพ์ไว้เรื่อยๆ มันเป็นบันทึกข้อมูลของเราไปด้วยในตัว อ่านแล้วมันส์ดีว่ะ..กรูประเภทเช่าอย่างเดียว ไม่ค่อยจำประวัติเท่าไหร่
|
|
|
|
Kong_songpon
Full Member
กุมารดูดนม
ออฟไลน์
กระทู้: 251
|
|
« ตอบ #248 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2552, 07:51:28 » |
|
ขอบคุณครับเซียนโต้ง ลุงแมงกดพิมพ์ อยู่ทั้งหมด 18 วัน ในระหว่างนั้นใช้ผงพรายกุมารที่ตำรวมกับว่านพุทธคุณต่างๆ ใช้น้ำมันพระเจ้าตาก(อันนี้มีที่มาต้องขยายความอีกที)เป็นตัวประสาน บล็อคใช้กดพิมพ์ในตอนนั้นใช้หินมีดโกนทำ ส่วนชื่อคนแกะบล็อคผมจำไม่ได้ ทราบว่าเป็นช่างกรมศิลป์ ระหว่างที่ลุงแมงไม่ได้กดพิมพ์ บล็อคว่างลง รองเจ้าอาวาส(หลวงตาบาง)ได้นำบล็อคไปกดพิมพ์พระขึ้นมาอีกโดยใช้ผงพรายกุมารผสมกับกระยาสารทที่ชาวบ้านนำมาใส่บาตร เรียกพิมพ์นี้ว่าลองพิมพ์เนื้อกระยาสารท มีประมาณ 800 องค์ ออกประมูลครั้งสุดท้าย 2 อาทิตย์ก่อนปิดที่ แสนห้า พิมพ์นี้วงการเล่นหากัน หลวงตาบางกดพิมพ์ไปได้พักหนึ่งก็ทำบล็อคพิมพ์หล่นพิ้น แตกหัก ลุงแมงเล่าว่าตอนนั้นกดพระไปได้ประมาณ 2000 องค์ บล็อคหินมีดโกนก็ชำรุด พระ 2000 องค์นั้นเรียกบล็อคลองพิมพ์หินมีดโกน ในระหว่างที่กดพิมพ์นั้น ลป.ทิมเป็นผู้ควบคุมการกดพิมพ์ของลุงแมงเอง เมื่อเห็นว่าสิ้นเปลืองผงพรายกุมารไปมาก จึงบอกลุงแมงให้ใส่ผงพรายลงไปน้อยหน่อย ตามที่เคยบอกไปแล้วตอนแรกว่า "ผงพรายกุมารของนี่ เหมือนยาพิษ จะมากใส่น้อยก็มีคาเท่ากัน" คุณชินพรสุขสถิตย์เล่าว่าจากปากคำลุงแมง พอลป.ทิมคล้อยหลังไปลุงแมงก็หว่านผงพรายกุมารลงไปแบบไม่มีอั้นเหมือนเดิม ทำให้บล็อคนี้บางองค์มีสีสันออกไปทางน้ำตาลเข้ม เหมือนผงยานัตถุ์สมัยก่อนเรียกว่า ลองพิมพ์เนื้อยานัตถุ์(มีน้อยว่ากันว่ามีไม่เกิน 10 องค์) ซึ่งเป็นพิมพ์ที่มีประสบการณ์มากที่สุด ราคาเล่นหากันประมาณแสนสอง ขึ้นกับสภาพพระ
|
|
|
|
อ้อย17
|
|
« ตอบ #249 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2552, 08:42:45 » |
|
น้องก๋ง.. ชอบมากเลย..พี่ไม่มีบุญ เลยไม่เคยได้ไปวัดละหารไร่สักที วัดอื่นๆหลายวัดได้ไป เคยได้กราบไหว้พระเกจิหลายองค์ เสียดายจริงๆที่ไปไม่ถึงวัดลป.ทิม..อ่านที่น้องเล่ามา มันส์มาก..เล่ามาอีกเยอะๆนะ พี่ชอบ..ขอบคุณมากที่เอาเรื่องดีๆมาเล่าสู่กันฟัง..
|
|
|
|
|