22 พฤศจิกายน 2567, 22:07:53
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 [2]  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ทางออก...เมื่อคุณมีความเครียด  (อ่าน 20524 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุ 41
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 38

« ตอบ #25 เมื่อ: 18 กันยายน 2551, 17:24:01 »

 Grin ขอบคุณค่ะพี่หนุงหนิง
อาทิตย์หน้า ร.ร. หยุดหลายวัน
และมีประชุมทำหลักสูตรในตัวเมืองสุราฎร์
เป็นโอกาสดีได้ออกไปเรียนรู้ผู้คนใหม่ๆ นัดเจอเพื่อนเก่า
ออกจากความวุ่นวายในที่ทำงานไปบ้างอาจจะดี
ตอนนี้เริ่มเป็นห่วงว่า ฮืม...แล้วใครจะดูแลต้นไม้ล่ะเนี่ย Roll Eyes
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #26 เมื่อ: 18 กันยายน 2551, 17:27:45 »

ไปค่ะ ไปทุกงานที่ได้รับเชิญ...
แม้ไปทานข้าวต้ม!!
ผู้คนน่าสนใจมักเป็นความบังเอิญที่มิได้คาดเดาคะ!
ฝากต้นไม้กะใครให้ช่วยรดนํ้าให้ได้มั้ยคะ??
p.nn
บันทึกการเข้า


สุ 41
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 38

« ตอบ #27 เมื่อ: 19 กันยายน 2551, 13:18:32 »

น้อมรับคำแนะนำค่ะ  Grin
ตอนนี้มีเหยื่อหลงเข้ามาแล้วค่ะ
ผู้ดูแลต้นไม้ของหนู
เป็นลูกศิษย์ที่มีบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน
มาเยี่ยมครูในจังหวะที่ต้องการความช่วยเหลือพอดีเลย หุๆๆๆ Grin
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #28 เมื่อ: 19 กันยายน 2551, 13:36:11 »

ขอให้สนุกกะงานประชุมนะคะ!
p.nn
บันทึกการเข้า


Onizuka
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 97

« ตอบ #29 เมื่อ: 21 กันยายน 2551, 12:35:16 »

อา!!!!!!!! เวลาเกิดความเครียดต้องดันพื้นให้ร่างกายและจิตใจเกิดสมดุล อา!!!!!!!!
บันทึกการเข้า

img]http://img108.imageshack.us/img108/2226/manujq9.gif[/img]
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #30 เมื่อ: 29 กันยายน 2551, 22:30:54 »

 
อ้างถึง   
กรรมของคนรู้มาก
กรรมของคนรู้มาก
> คัดลอกจาก นิตยสาร สารกระตุ้น ฉบับเดือนสิงหาคม 2549, หน้า 130
> ผู้เขียน : สุรศักดิ์ กาญจนภูษิต
>
>อ่านแล้วชอบมากเลย
> -----------------------------------
> ก่อนเรียนสถาปัตย์ฯ ผมเห็นบ้านเมืองสวยงามดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่มีปัญหา
> พอได้เรียนสถาปัตย์ฯ เริ่มรู้ว่าความงามคืออะไร รสนิยมที่ดีคืออะไร ทันใดนั้นเอง
> บ้านเมืองที่เคยสวยงามก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเกะกะ ทั้งเสาไฟ เสาทางด่วน
> ป้ายโฆษณา บ้านที่มีเสาโรมันนั่นก็ห่วย ตึกสูงโด่เด่ในเขตเมืองเก่านั่นก็แย่ ลามไปถึงวัดที่สร้างอุโบสถ
> ผิดสัดส่วนก็ไม่งามตา เห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดรำคาญใจไม่ใช่น้อย
> แบบที่เรียกว่ายิ่งรู้ก็ยิ่งทุกข์หรือเปล่า
>
> ก่อนจะสนใจการเมือง บ้านเมืองดูเหมือนไม่มีปัญหา ผมเองก็มีความสุขกับชีวิตดี
> แต่เมื่อได้เริ่มเสพข้อมูลทางการเมืองมากขึ้น ได้รู้ได้เห็นถึงความชั่วร้ายของคนขี้
> โกงที่ทำไว้กับบ้านเมืองที่เรารัก ย่ำยีผลประโยชน์ส่วนรวมเอาไปเขมือบกันเอง แถมยังปันหน้าเป็นคนดี
> อยู่ในสังคมได้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่รู้ๆ กันแต่จับไม่ได้คาหนังคาเขา ก็ยิ่งสร้างความอึดอัดใจให้กับชีวิตมากขึ้น
> แต่ละวันก็มีข่าวใหม่ๆ มาให้รู้ ยิ่งรู้ก็ยิ่งเครียดขึ้นไปอีก
> แบบนี้เรียกว่าเป็นกรรมของคนรู้มากได้ไหม ไม่รู้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว
>
> ก่อนจะรู้จักกับติ๋ม ติ๋มก็ดูเป็นคนติ๋มๆ ดี จนกระทั่งผมรักติ๋ม ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
>
> ผมโทรคุยกับติ๋มเป็นประจำ คลุกคลีเอาใจใส่ติ๋มจนได้รู้ธาตุแท้ของความเป็นติ๋มมาก
> ขึ้น ติ๋มเปลี่ยนแฟนเหมือนเปลี่ยนถุงเท้า ติ๋มให้ความหวังกับผู้ชายทุกคนที่หลงเข้ามา บ่อยครั้งที่ติ๋มต้อง
> โกหกเพื่อสับรางรถไฟ หลังจากหัวปักหัวปำอยู่ได้พักใหญ่ ผมก็รู้ว่าติ๋มเป็นคนเห็นแก่ตัว ใจร้าย หลายใจ
> และติ๋มก็มีวิธีป้องกันตัวเองให้ดูดีในสายตาคนอื่นเสมอ
> ยิ่งรู้ก็ยิ่งช้ำ ยิ่งรักก็ยิ่งเกลียด มันอาจจะดีกว่าหรือเปล่าถ้าเราจะไม่รู้อะไรเสียบ้าง
> เพื่อให้ชีวิตไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์ที่ได้รู้ได้เห็นในเรื่องที่ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น
>
> ความคิดนี้ทำให้ผมนึกไปถึงคำพูดของนักปราชญ์เชนท่านหนึ่งที่ว่า "ก่อนเรียนเชน ฉัน
> เห็นภูเขาเป็นภูเขา เมื่อได้เรียนเชน ฉันเห็นภูเขาไม่เป็นภูเขา เมื่อเข้าใจเชน ฉันเห็นภูเขากลับมา
> เป็นภูเขา"
>
> เมื่อความเข้าใจเกิดขึ้น ภูเขาที่เคยไม่ใช่ภูเขาก็กลายเป็นภูเขาเหมือนเดิมได้ ดู
> เผินๆ อาจเหมือนการเล่นคำให้วกวน แต่มันกลับทำให้ผมมสนใจคำว่า "เข้าใจ" มากเป็นพิเศษ ไม่ใช่
> เพราะใคร ก็เพราะติ๋มนั่นเอง
>
> หลังจากที่เจ็บมาพอสมควร จนจวนจะทนไม่ได้ ก็ควรจะถึงเวลาที่ผมจะตัดใจเสียที
> แต่ยิ่งตัดใจก็ยิ่งฝืนความรู้สึกตัวเอง ยิ่งฝืนก็ยิ่งฝืด ผมจึงเปลี่ยนยุทธิวีธีรับมือเสียใหม่ แทนที่จะตัดใจก็
> เปลี่ยนมาทำความเข้าใจติ๋มแทน ติ๋มเป็นผู้หญิงกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เกิด แม่ต้องออกจากบ้านไปหารายได้
> ทำให้ติ๋มรู้สึกขาดแคลน ต้องการเติมเต็มให้กับชีวิต โชคดีที่ติ๋มเป็นคนหน้าตาดี ก็เลยมีคนอาสามาช่วยกัน
> เติมเต็มให้กับติ๋มมากมาย และการที่ติ๋มไม่เคยปฏิเสธคนเหล่านั้น ไม่ได้หมายความว่าติ๋มเป็นคนไม่ดี
> เพียงแต่ติ๋มรู้สึกกลัวที่จะต้องคอยอยู่คนเดียวเท่านั้น ในขณะที่ผมเป็นทุกข์เพราะเห็นติ๋มเปลี่ยนแฟนเป็นว่า
> เล่น ติ๋มเองกำลังเป็นทุกข์ที่ไม่สามารถหาจุดลงตัวให้กับตัวเองได้เหมือนกัน
>
> เมื่อเข้าใจติ๋ม ผมก็ไม่เหลือความโกรธเกลียดติ๋มอีกต่อไป ติ๋มก็เป็นเช่นนี้เอง มี
> ความสุข มีความทุกข์ในแบบของติ๋ม ยิ่งผมอยากให้ติ๋มเปลี่ยนไปเพื่อความพอใจของตัวเองเท่าไร ผมเอง
> นั่นแหละที่จะยิ่งเจ็บ "ก่อนที่ผมจะรู้จักติ๋ม ผมเห็นติ๋มเป็นติ๋ม เมื่อผมได้รู้จักติ๋ม ผมเห็นติ๋มไม่ใช่ติ๋ม จนผม
> ได้เข้าใจติ๋ม ติ๋มก็กลับมาเป็นติ๋มอีกครั้ง"
>
> วันหนึ่ง อาจารย์สถาปัตย์ฯ ท่านหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนด้วยสีหน้าอิ่มเอิบแทบจะ
> ร้องยูเรก้าออกมาแล้วบอกว่า "ผมค้นพบแล้ว เมืองไทยก็คือเมืองรกๆ เมืองหนึ่งนี่เอง ถ้าเมืองไทยไม่มี
> ป้ายโฆษณางานวัด ไม่มีแผงลอยข้างทาง ไม่มีความไม่มีระเบียบให้เห็นเต็มถนน เมืองนี้คงไม่ใช่เมือง
> ไทย พอเข้าใจแบบนี้แล้วก็เลยรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก"
>
> นี่แหละคือประโยชน์ของความเข้าใจ ในระยะหลังผมจึงเอาใจใส่กับการทำความ
> เข้าใจเป็นพิเศษ เพราะความเข้าใจในทุกสิ่ง เป็นการเรียนรู้ที่จะพาเราทะลุความซับซ้อนสับสนของ
> เปลือกนอก ไปสู่ความเรียบง่ายที่รวมกันเป็นเอกภาพได้จนน่าแปลกใจ
>
> ถ้าเรามีความเข้าใจให้ใครสักคน เราคงไม่รู้สึกหงุดหงิดรำคาญเขาได้ลงคอ คนรู้
> มากจึงไม่ใช่คนมีกรรม ถ้าเราสามารถพัฒนาความรู้นั้นมาเป็นความเข้าใจลึกซึ้ง ชนิดที่รู้ไต๋กันเป็นอย่างดี
> เราก็จะอยู่ร่วมกับปัญหานั้นๆ ได้อย่างสงบสุข เหมือนกับตอนที่เรายังไม่ได้รู้จักมันเลย เข้าทำนอง
> "สูงสุดคืนสู่สามัญ" นั่นแหละ
>
> สุดท้ายปัญหาก็ตกอยู่ที่ว่า ในช่วงชีวิตหนึ่ง คนเราจะสามารถทำความเข้าใจสิ่งที่ตัว
> เองเกลียด โกรธ กลัว ได้มากแค่ไหน พระท่านว่าไม่ยากเลย เพียงแค่เริ่มทำความเข้าใจตัวเราเอง
> ให้ได้ก่อน แล้วทุกสิ่งในโลกนี้ก็จะไม่ใช่เรื่องยากเกินทำความเข้าใจ มีเรื่องน่าตื่นเต้นอีกเรื่องหนึ่งที่
> อยากจะบอก พระอาจารย์ "ติช นัท ฮันห์" พระเชนผู้ยิ่งใหญ่ชาวเวียดนามเคยอธิบายคำว่า "นิพพาน"
> ด้วยภาษาง่ายๆ ว่า มันคือเรื่องของ "ความเข้าใจ" นั่นเอง
Wink

บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #31 เมื่อ: 30 กันยายน 2551, 01:00:22 »

เห็นแว๊บๆที่ห้อง 39!!
p.nn Grin
บันทึกการเข้า


หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #32 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2551, 17:58:32 »

ถ้าเครียด ต้องขำ...ถ้าไม่ขำก็เครียดครับ

(หาทางออกกับการเล่นกีฬาดีที่สุดครับ ได้ผลชะงักนักแล)
บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
teemeekiew
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,086

« ตอบ #33 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2551, 12:52:42 »

ab ma ขำ  เหอๆๆ
บันทึกการเข้า

RCU82 ค๊าบบบ
นายป้อ
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,124

« ตอบ #34 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2551, 22:26:02 »

 หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
บันทึกการเข้า
Pantakant Vorakritpongsa
Cmadong ชั้นเซียน
*****


She 's The One...เพราะเธอเป็นที่หนึ่งตลอดมา...
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2533
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 5,264

« ตอบ #35 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2552, 11:52:43 »



ถ้าเกิดความเครียด จะไปดูหนังครับผม

หรือไม่งั้นก็นอนครับผม หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

Dr.Poot
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,330

« ตอบ #36 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2552, 15:56:47 »

ตอนนี้เจ้าของกระทู้คงหายเครียดไปแล้วค่ะ หายไปนานนนนนนนนนนนน มากๆๆๆ  เอิ่มม
      บันทึกการเข้า
Dr.Poot
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,330

« ตอบ #37 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 09:27:41 »

อยากไปเที่ยวจังเลย  ฮือๆ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 [2]  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><