23 พฤศจิกายน 2567, 20:50:28
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 94 95 [96] 97 98 ... 204   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ♣♣♣♣ ► เ ก๊า สาระ พัช ไ ม้◄♣♣♣♣...  (อ่าน 1689082 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 24 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2375 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 21:42:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ Lamai เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 20:58:26
สวัสดีค่ะพัช บ่ฮู้บ่หัน
หวัดดีจากเชียงใหม่ค่ะ ไม 
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2376 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 21:45:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:31:35
ราตรีสวัสดิ์ด้วยรูปนี้ดีกว่า




ไม่ทันได้คุยกันเลย  ไปซะละ 

รูปราตรีสวัสดิ์ดูสงบดีจัง  แม้แต่ดอกบัว  หลับสบายหลับสนิทจ้า

      บันทึกการเข้า
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #2377 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 21:49:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:45:39
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:31:35
ราตรีสวัสดิ์ด้วยรูปนี้ดีกว่า




ไม่ทันได้คุยกันเลย  ไปซะละ 

รูปราตรีสวัสดิ์ดูสงบดีจัง  แม้แต่ดอกบัว  หลับสบายหลับสนิทจ้า


ยังป้าพัช...
ข้อยไม่เห็นแม่เลี้ยงเลย
แปะรูปให้ชมเผื่อแวะเข้ามา
      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2378 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 21:58:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:49:52
อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:45:39
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:31:35
ราตรีสวัสดิ์ด้วยรูปนี้ดีกว่า




ไม่ทันได้คุยกันเลย  ไปซะละ 

รูปราตรีสวัสดิ์ดูสงบดีจัง  แม้แต่ดอกบัว  หลับสบายหลับสนิทจ้า


ยังป้าพัช...
ข้อยไม่เห็นแม่เลี้ยงเลย
แปะรูปให้ชมเผื่อแวะเข้ามา

แต่จะไปนอนแล้ว  ตาจาปิดแล้ว 
บายจ้า

      บันทึกการเข้า
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #2379 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 22:02:07 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:58:55
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:49:52
อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:45:39
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 21:31:35
ราตรีสวัสดิ์ด้วยรูปนี้ดีกว่า




ไม่ทันได้คุยกันเลย  ไปซะละ 

รูปราตรีสวัสดิ์ดูสงบดีจัง  แม้แต่ดอกบัว  หลับสบายหลับสนิทจ้า


ยังป้าพัช...
ข้อยไม่เห็นแม่เลี้ยงเลย
แปะรูปให้ชมเผื่อแวะเข้ามา

แต่จะไปนอนแล้ว  ตาจาปิดแล้ว 
บายจ้า


เอ๊า...งั้นย้อนไปกู๊ดไนท์ภาพเก่า
      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #2380 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 22:07:31 »

 หลับฝันดีนะคะแม่เลี้ยงพัข sleep sleep sleep
      บันทึกการเข้า
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #2381 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 22:08:38 »

เพื่อนๆเริ่มมาแล้ว
เด๋วขอเวลานอกก่อนนะครับ
      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2382 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2552, 22:08:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 22 สิงหาคม 2552, 22:07:31
หลับฝันดีนะคะแม่เลี้ยงพัข sleep sleep sleep

ขอบคุณค่ะอ้อย  เช่นกันค่ะ sleep หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #2383 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2552, 11:09:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kan SC เมื่อ 21 สิงหาคม 2552, 23:06:26
อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 19 สิงหาคม 2552, 21:36:42
อ้างถึง
ข้อความของ patooman24 เมื่อ 19 สิงหาคม 2552, 12:41:30

ว่านมหาเสน่ห์หรือ “รากราคะ”
                             ถ้าจะปลูกว่านมหาเสน่ห์ ควรปลูกในวันจันทร์ข้างขึ้น และเวลารดน้ำให้เสกเป่าน้ำด้วยคาถา “นะโมพุทธายะ” 3 จบเสมอ ว่านมหาเสน่ห์ให้คุณทางด้านการให้อำนาจทางเพศหรืออารมณ์ปรารถนา ถ้าเอาหัว ใบ หรือต้นใส่แช่ไว้ในโอ่งน้ำ ตุ่มน้ำ หม้อน้ำ บ่อน้ำ หากใครกินเข้าไปจะมีความรู้สึกทางเพศรุนแรง (ผลค่อนข้างแรงอย่างนี้ผู้เขียนไม่รู้ว่าจะมีอะไรเข้าตัวหรือเปล่าเพราะดูๆ แล้วไม่ต่ออะไรกับน้ำมันพรายเลย) นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าเมื่อใดที่ว่านออกดอกและส่งกลิ่นขจรขจายไปไกล คนที่ได้กลิ่นจะพากันมัวเมาในโลกีย์ไม่รู้รา เรียกว่าให้ผลสมกับชื่อจริงๆ ด้วยเหตุนี้คนปลูกที่ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องวุ่นวาย จึงต้องเด็ดดอกทิ้งเป็นการตัดไปเสียแต่ต้นลม บางคนจึงเชื่อว่าห้ามน้ำไปปลูกในบ้าน เพราะฤทธิ์ของว่านอาจทำให้เกิดผิดลูกผิดเมียผู้อื่น หากใครมีความเชื่อแบบนี้ ควรปลูกอยู่ห่างจากบ้านไปไกลๆ น่าจะปลอดภัย

                           “ด้วย เป็นว่านที่ทำให้หญิงสาวเกิดเสน่หา ทำให้คนหนุ่มสมัยโบราณเสาะแสวงหาดอกของว่านราคะ เพื่อไปเก็บสะสมไว้หุงกับน้ำมันจันทร์ หรือบดรวมกับสีผึ้งทาปาก ให้น้ำมันทาตัว ใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวต้องไปพบหญิงสาวที่ตนรัก มีความเชื่อว่าหากหญิงใดได้พูดคุยด้วย และได้กลิ่นว่านในน้ำมันใช้ทาตัวหรือได้ฟังคำพูดหวานๆ แล้ว จะทำให้สาวเจ้าใจอ่อนคล้อยตามโดยง่าย เท็จจริงแค่ไหนคงต้องให้ทุกท่านช่วยกันพิสูจน์”

ท่าทางบ้านทั่นผู้ตรวจจะปลูกไว้เยอะ
อย่าไปเพาะขายเชียวทั่น


อยากมีเมียเป็นนางตานีกันบ้างไหมล่ะ?

ท่านว่าให้หาที่สักแปลง จัดการล้อมรั้วให้มิดชิด
จากนั้นให้หากล้วยตานีก้านดำ (ย้ำต้องก้านดำ) มาปลูก
พอต้นกล้วยเจริญเติบโต ประมาณว่ากำลังเป็นสาวรุ่นแล้ว
จากนั้นก็ให้เข้าไปทำการกอดจูบลูบคลำพรอดรักด้วยคำหวานซึ้ง
พอนานวันเข้าจากสาวรุ่นเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ นส.ตานีก็จะเกิดใจอ่อน ออกมาพบด้วยเสน่หา
ถึงทีนี้ท่านก็จะได้นส.ตานีเป็นเมีย
จากนส. ก็เป็น นางตานี และ ไม่นานนางก็ตั้งท้อง
ตามประสาไม้ล้มลุกพอออกดอกผลก็ต้องตาย นางตานีก็เช่นเดียวกัน
นางจะชวนท่านไปอยู่ด้วยกัน แต่ท่านต้องไม่ใจอ่อนไปกับนาง
ไม่อย่างนั้นตาย!
จงอ้างเหตุและผลสารพัดร้อยพันแปดประการ
ครั้นนางยอมตายแต่ผู้เดียว ก่อนจากไปก็ขอสไบนางไว้
เป็นของดีมีไว้ใช้ติดตัว...(ใช้ทำอะไรมั่งลืมแระ)


 บ่ฮู้บ่หัน
 

หวัดดี ป๋าทู  นายก้าน  ถ้าใช้ว่าน มหาเสน่ห์  กับ น.ส.ตานี จะได้ผลไหมอ่ะ?  แล้ว น.ส.ตานีหน้าตาเป็นอย่างไร เคยเห็นไหม? ประมาณนี้ได้ไหม?

    หรือประมาณนี้
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #2384 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2552, 11:22:09 »

สวัสดีครับ  แม่เลี้ยง ที่สวนพรบิดา มีทั้งกล้วยตานีและกล้วยหิน  วันนี้ขอคุยแต่เรื่องกล้วยหิน  เดิมไม่ได้ตั้งใจจะปลูก แต่ลูกค้ากล้วยที่ตลาดนัดจุฬาหอบหิวมาจากต่างจังหวัดมาฝาก  ก็เลยต้องรักษาน้ำใจลูกค้านำมาปลูกไว้ที่สวน 2 กอ ตอนนี้ออกดอกติดผลแล้ว ยังไม่ทราบคุณประโยชน์ของเขา เลยดูในเน็ตพบข้อมูลประมาณนี้ครับ
ชื่อสามัญ                    Saba
ชื่อพ้อง                        -
ชื่อวิทยาศาสตร์       Musa (ABB group)  "Kluai Hin "
แหล่งที่พบ                 ภาคใต้
ลักษณะทั่วไป
ต้น ลำต้นสูง 3 - 4  เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร กาบด้านนอกเขียวมีนวล
ใบ ก้านใบค่อนข้างสั้น ร่องใบเปิด
ดอก ปลีรูปร่างค่อนข้างป้อมสั้นรูปร่างคล้ายดอกบัวตูม ด้านนอกสีแดงอมม่วง ด้านในสีแดง เมื่อกาบเปิดจะไม่ม้วนงอ
ผล เครือหนึ่งมี 7 - 10 หวี หวีหนึ่งมี 10 - 15 ผล ผลเป็นรูปห้าเหลี่ยมเปลือกหนา ผลเรียงกันแน่นเป็นระเบียบ ช่องว่างระหว่างหวีน้อย ปลายจุกป้าน เมื่อสุกสีเหลืองเนื้อสีขาวอมเหลือง
การใช้ประโยชน์ ผลใช้รับประทานสด หรือนำไปต้ม ปิ้ง
      บันทึกการเข้า
เก๊า(24)
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,069

« ตอบ #2385 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2552, 11:39:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ พัช 24 เมื่อ 21 สิงหาคม 2552, 21:01:49
อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 20 สิงหาคม 2552, 17:03:03
อ้างถึง
ข้อความของ Noom2524 เมื่อ 19 สิงหาคม 2552, 11:58:12
ท่านเก๊า ผมเพิ่งทราบว่า ญาติน้องจิ๋ว ไปสบายแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ

ขอบคุณครับ น้าหนุ่ม ลุงณะ แม่เลี้ยง ป้าแจง และเพื่อนๆทุกคน  น้องจิ๋ว ฝากขอบคุณมาด้วยครับ  และบอกว่าพี่ชายหมดหน้าที่ในโลกมนุษย์แล้ว  ด้วยอานิสงฆ์ การบวชในพระพุทธศาสนา มานานกว่า 20 พรรษา ทำให้ข้ามวงเวียนชีวิตมนุษย์ เกิด แล้ว ตายเลย (ข้าม การแก่ การเจ็บ) ถือเป็นบุญอย่างยิ่ง  การตายเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนต้องประสบ ในเวลาใดเวลาหนึ่ง เราเองไม่รู้ว่าจะมีบุญแบบนี้ไหม  ต้องฟังธรรมจากแม่เลี้ยงและผู้รู้แล้วนำมาปฏิบัติให้มากๆหน่อย น่าจะดี หรือเพื่อนๆว่างัยครับ  โอกาสนี้ขอลงภาพพระพุทธรูปในวัดป่าแก้วอีกครั้งเพื่อเป็นพุทธบูชาครับ

เหตุเก่าที่เราสร้างไว้มันมากมายค่ะอาจารย์เก๊า  สำหรับพัชเคารพกฎแห่งกรรมค่ะ ผลจะเป็นอย่างไรต้องยอมรับโดยไม่ท้อแท้ที่จะทำเหตุใหม่ที่เราใคร่ครวญแล้วว่าเป็นเหตุที่ดีค่ะ   ของเก่าไปแก้อะไรไม่ได้แล้วทำที่ปัจจุบัน เท่านั้นค่ะ

มีพี่ที่พัชเคารพท่านหนึ่ง  เป็นชาวพุทธแท้  รักษาศีล  ทำทานอย่างมาก(มารู้ว่ามากจริง ๆ ในงานศพท่าน) ดูแลธุรกิจของครอบครัว  กลางคืนนั่งสมาธิก่อนนอน  การแสดงออกต่อคนรอบข้างมองเห็นได้ว่าเป็นคนเรียบง่าย  ใจดี อารมณ์ดี
ทานอาหารอร่อยหรือไม่อร่อย ไม่เคยปริปาก พัชนับว่าท่านเป็นพระนอกเครื่องแบบเลย  แต่ผลสุดท้ายท่านเสียชีวิต
เพราะอุบัติเหตุ   ถ้าเราไม่เข้าใจก็คงมัวคิดว่าทำไมคนทำดีปฎิบัิติธรรมขนาดนี้ทำไมไม่จากไปแบบสงบ ทำไมต้อง
จากไปเพราะอุบัติเหตุ(ตามหลักตามตำราเรื่องกฎแห่งกรรม   เป็นเพราะทำบาป ปาณาติปาตไว้ในอดีต)  นั่นเพราะ
เราทำกรรมมาสารพัดรูปแบบค่ะ  (เรายังมีศีลไม่สมบูรณ์พร้อม ชีวิตก็เลย กระพร่องกระแพร่ง ไม่สมบูรณ์ไปทุกด้าน)
และหากประจวบกับกรรมปัจจุบันของเราที่ล่อแหลมเปิดโอกาสให้ผลกรรมเก่าให้ผลมันก็จะเกิดขึ้นแบบที่รุ่นพี่ที่พัช
เคารพท่านนี้ค่ะ   พัชได้ไปร่วมงานศพของท่าน  ผู้คนมากันมากมายทุกคืนแบบไม่ต้องออกบัตรเชิญ  และการเผา
ร่างก็เผากันโล่ง ๆ  ร่างอยู่บนกองฟืนไม่มีโลงห่อหุ้ม  บริเวณสนามหญ้าใกล้บ้านค่ะ


ส่วนเรื่องบุญบวช ตามความเข้าใจของพัชเป็นการสะสมเนกขัมมะบารมีค่ะ  จะส่งเสริมให้ได้บวชในอนาคตอีกหรือ
เบื่อหน่ายในกาม(แบบมีปัญญา) ส่วนอานิสงส์อื่นไม่แน่ใจค่ะ  แต่การจากไปแบบไม่ทรมาณสำหรับพัชก็คิดว่าเป็น
บุญเป็นโชคนะคะ

ต้องขออภัยมาพร้อมกันนี้หากมีถ้อยคำใดที่ตรงเกินไปนะคะ  อาจารย์เก๊า 


แม่เลี้ยง ผมเป็นอะไรที่ต้องพูดตรงๆ  จึงจะเข้าใจครับ     มาดามต๋อย รู้ดี    ไม่ต้องขออภัยหรอกครับ   วันนี้เจอพระอาจารย์ที่วัดป่าแก้ว ท่านแสดงธรรมว่า  ศึกษาธรรมเพื่อให้รู้   รู้แล้วต้องปฏิบัติ (จิต)  ปฏิบัติแล้วต้องพิจารณาแยกแยะ (จิต จาก อารมณ์)    แยกแยะแล้วปล่อยวาง (อย่าให้จิตยึดติดกับอารมณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา)   คำพูดในเครื่องหมายวงเล็บผมคิดตามเอาเองไม่รู้คิดถูกหรือผิดอย่างไร   แม่เลี้ยงมีความเห็นอย่างไรครับ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2386 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2552, 11:43:35 »

สวัสดีค่ะเก๊าและพัช บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
dtoy
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,076

« ตอบ #2387 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2552, 12:07:40 »

หวัดดีจ้าท่านเก๊าและแม่เลี้ยงพัชด้วย   sorry

เห็นปลีกล้วยแล้วคิดถึงเครืองามๆจากสวนพรบิดาชะมัดเลยง่ะ

วันนี้ทำอะไรจ๊ะเก๊า?  ฝากความคิดถึงน้องจิ๋วด้วย

แม่เลี้ยงไปวัดหรือเปล่าคะวันนี้?
      บันทึกการเข้า

Live Your Dream   
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2388 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2552, 11:25:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ dtoy เมื่อ 23 สิงหาคม 2552, 12:07:40
หวัดดีจ้าท่านเก๊าและแม่เลี้ยงพัชด้วย   sorry

เห็นปลีกล้วยแล้วคิดถึงเครืองามๆจากสวนพรบิดาชะมัดเลยง่ะ

วันนี้ทำอะไรจ๊ะเก๊า?  ฝากความคิดถึงน้องจิ๋วด้วย

แม่เลี้ยงไปวัดหรือเปล่าคะวันนี้?

หวัดดีค่ะ  ต๋อย 
สัปดาห์นี้ไปเชียงใหม่ตั้งแต่บ่ายวันเสาร์ กลับถึงบ้านก็สองทุ่มวันอาทิตย์
 แต่ก็จัดเตรียมของสำหรับถวายพระไว้ให้น้องชายไปถวายแทนค่ะ
 

      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2389 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2552, 11:45:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 23 สิงหาคม 2552, 11:39:57
แม่เลี้ยง ผมเป็นอะไรที่ต้องพูดตรงๆ  จึงจะเข้าใจครับ     มาดามต๋อย รู้ดี    ไม่ต้องขออภัยหรอกครับ   วันนี้เจอพระอาจารย์ที่วัดป่าแก้ว ท่านแสดงธรรมว่า  ศึกษาธรรมเพื่อให้รู้   รู้แล้วต้องปฏิบัติ (จิต)  ปฏิบัติแล้วต้องพิจารณาแยกแยะ (จิต จาก อารมณ์)    แยกแยะแล้วปล่อยวาง (อย่าให้จิตยึดติดกับอารมณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา)   คำพูดในเครื่องหมายวงเล็บผมคิดตามเอาเองไม่รู้คิดถูกหรือผิดอย่างไร   แม่เลี้ยงมีความเห็นอย่างไรครับ
สวัสดีค่ะ  อาจารย์เก๊า  วันนี้ถามคำถามยากแฮะ

ศึกษาธรรมเพื่อให้รู้  รู้แล้วต้องปฎิบัติ  ปฎิบัติแล้วต้ิองพิจารณาแยกแยะ  แยกแยะแล้วปล่อยวาง

ขอตอบแบบนี้ก่อนได้ไหม

สมมติอาจารย์เก๊าจะต้องข้ามน้ำไปอีกฟากโดยใช้เรือ  อาจารย์เก๊าก็ทำความเข้าใจว่าต้องเอาอะไรมาทำเป็นเรือ 
ทำอย่างไรแบบไหนดีเหมาะ แล้วก็ลงมือทำ  แล้วใช้เรือพาข้ามฝั่ง 
พอถึงฝั่ง อาจารย์เก๊าขึ้นจากเรือ เดินขึ้นฝั่งโดยไม่แบกเรือไปด้วย


ส่วนเรื่องความเห็น  ขอมีความเห็นว่า  อาจารย์เก๊าน่าจะซักพระอาจารย์ท่านจนเรารู้สึกกระจ่างค่ะ
ปกติเวลาพัชฟังธรรม  ถ้าฟังพร้อมกับคนหมู่มากก็จะเก็บไว้ถาม  แต่ถ้าเป็นการสนทนาธรรมกับครูบาอาจารย์
ก็จะถามจนเรารู้สึกไม่สงสัย  แต่ถ้ายังสงสัย  ก็จะเรียนท่านตรง ๆ  ว่าเรายังไม่เข้าใจค่ะ




      บันทึกการเข้า
แจง-24
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 10,028

« ตอบ #2390 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2552, 20:25:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 23 สิงหาคม 2552, 11:39:57
แม่เลี้ยง ผมเป็นอะไรที่ต้องพูดตรงๆ  จึงจะเข้าใจครับ     มาดามต๋อย รู้ดี    ไม่ต้องขออภัยหรอกครับ   วันนี้เจอพระอาจารย์ที่วัดป่าแก้ว ท่านแสดงธรรมว่า  ศึกษาธรรมเพื่อให้รู้   รู้แล้วต้องปฏิบัติ (จิต)  ปฏิบัติแล้วต้องพิจารณาแยกแยะ (จิต จาก อารมณ์)    แยกแยะแล้วปล่อยวาง (อย่าให้จิตยึดติดกับอารมณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา)   คำพูดในเครื่องหมายวงเล็บผมคิดตามเอาเองไม่รู้คิดถูกหรือผิดอย่างไร   แม่เลี้ยงมีความเห็นอย่างไรครับ


...ขอขัดจังหวะสนทนาธรรมหน่อยนะ ท่านเก๊า
รูปดอกบัวน่ะ สีสวยมากเลย แสงตกกลางเกสรก็ทำให้รูปน่าสนใจ
เก่งขึ้นทุกวันนะท่าน...
      บันทึกการเข้า

   อยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2391 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 08:46:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ แจง-24 เมื่อ 24 สิงหาคม 2552, 20:25:19
อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 23 สิงหาคม 2552, 11:39:57
แม่เลี้ยง ผมเป็นอะไรที่ต้องพูดตรงๆ  จึงจะเข้าใจครับ     มาดามต๋อย รู้ดี    ไม่ต้องขออภัยหรอกครับ   วันนี้เจอพระอาจารย์ที่วัดป่าแก้ว ท่านแสดงธรรมว่า  ศึกษาธรรมเพื่อให้รู้   รู้แล้วต้องปฏิบัติ (จิต)  ปฏิบัติแล้วต้องพิจารณาแยกแยะ (จิต จาก อารมณ์)    แยกแยะแล้วปล่อยวาง (อย่าให้จิตยึดติดกับอารมณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา)   คำพูดในเครื่องหมายวงเล็บผมคิดตามเอาเองไม่รู้คิดถูกหรือผิดอย่างไร   แม่เลี้ยงมีความเห็นอย่างไรครับ


...ขอขัดจังหวะสนทนาธรรมหน่อยนะ ท่านเก๊า
รูปดอกบัวน่ะ สีสวยมากเลย แสงตกกลางเกสรก็ทำให้รูปน่าสนใจ
เก่งขึ้นทุกวันนะท่าน...


เพื่อนเราเก่งกันทั้งนั้นนะคะ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2392 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 08:47:02 »

สวัสดีเก๊าและพัชค่ะ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2393 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 15:19:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 25 สิงหาคม 2552, 08:47:02
สวัสดีเก๊าและพัชค่ะ บ่ฮู้บ่หัน

สวัสดีค่ะ เอ๋ 
สวัสดีจากพัชคนเดียวก่อนนะคะ  ยังไม่เห็นอาจารย์เก๊าแถวนี้เลยค่ะ
สงสัยกำลังเก็บภาพสวย ๆ มาฝากเพื่อน ๆ อยู่
      บันทึกการเข้า
พัช 24
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574

« ตอบ #2394 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 16:06:46 »

แผนที่ชีวิตจากน้องขุน




ตามที่เคยนำมาเล่าเกี่ยวกับภพภูมิ  ขอสรุปว่านอกจาก พระอรหันต์แล้ว ก็จะยังเป็นผู้มาเกิดในภพภูมิต่าง ๆ
แต่ยกเว้น  พระอริยบุคคลอีก 3 บุคคล  คือพระโสดาบัน(ผู้แรกเข้าถึงกระแส)  พระสกทาคามี(ผู้กลับมาอีกครั้งเดียว)
  และพระอนาคามี(ผู้ไม่มาเกิดอีก  คือไม่เกิดบนโลกมนุษย์แต่จะเกิดบนสวรรค์ชั้นสุทธาวาส)

สำหรับวันนี้  ขอนำเอาคำบรรยายจากท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ได้อ่านเจอในwww.palungjit.com มาฝากเพื่อรู้จักกับความเป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น
ซึ่งในสมัยพุทธกาลมีอยู่มากในเพศฆราวาส  ที่มีชื่อปรากฏได้แก่  มหาอุบาสิกาวิสาขา  ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี  และพระเจ้าพิมพิสารเป็นต้น



           
อารมณ์พระโสดาบัน
[/b]
            ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย เวลานี้ท่านทั้งหลายได้สมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐานแล้ว ต่อไปนี้ขอได้โปรดฟังคำแนะนำ อารมณ์ของพระโสดาบัน
            สำหรับวันนี้จะได้พูดถึงอารมณ์ของท่านที่ทรงความเป็นพระโสดาบัน ท่านทั้งหลายจะได้ทราบไว้ว่า คนที่เป็นพระโสดาบันแล้วมีอารมณ์เป็นยังไง ส่วนใหญ่คนทั้งหลายมักจะมีความรู้สึกว่า คนที่เข้ามาเจริญพระกรรมฐาน หรือสมถภาวนา หรือ วิปัสสนาญาณ และเริ่มเข้ามาเจริญแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องตัดหมดนั้นเป็นความรู้สึกผิดของท่านผู้มีความคิดอย่างนั้น
            ความจริงการเจริญพระสมณธรรมมีอารมณ์เป็นขั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่ทรงจิตเป็น ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิหรือ อัปปนาสมาธิ สำหรับอัปปนาสมาธินี้หมายถึงอารมณ์ฌาน ตั้งแต่ฌานที่ 1 ถึงฌานที่ 8 อารมณ์ประเภทนี้จะระงับได้เพียงนิวรณ์ 5 ประการ แต่ก็เป็นเพียงระงับเท่านั้นไม่ใช่ตัด ถ้ายังมีความประมาทจิตคิดชั่ว ฌานก็สลายตัว เป็นอันว่าผู้ทรงฌานโดยเฉพาะอย่างยิ่งฌานโลกีย์ ยังไม่มีความหมาย ในการเจริญสมณธรรมในพระพุทธศาสนา ถึงแม้ว่าท่านผู้นั้นจะได้มโนมยิทธิก็ดี ได้อภิญญา 5 ในอภิญญา 6 ก็ดี ได้ 2 ในวิชชาสามก็ดี ก็ยังไม่มีความหมายในการตัดอบายภูมิ ท่านที่จะตัดอบายภูมิได้จริง ๆ ก็คือ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป
            คำว่า พระโสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน
            ฉะนั้นพระโสดาบันก็ยังตัดอะไรไม่ได้หมด เป็นแต่เพียงว่ามีอารมณ์ชนะสังโยชน์ 3 ประการเบื้องต้น แต่เพียงอย่างอยาบเท่านั้น อารมณ์ชนะสังโยชน์ 3 ประการเบื้องต้นก็คือ             1. สักกายทิฏฐิ ที่มีความรู้สึกว่าสภาพร่างกายหรือว่าขันธ์ 5 เป็นเรา เป็นของเรา เรามีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 มีในเรา เฉพาะอย่างยิ่งในด้านสักกายทิฏฐินี้ พระโสดาบันลดลงมาได้เพียงเล็กน้อย ยังมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเราอยู่ แต่ทว่ามีอารมณ์ไม่ประมาท มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ที่ท่านกล่าวว่าบรรดาพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี เป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ มีสมาธิเล็กน้อย คำว่าสมาธิเล็กน้อย คือ อารมณ์สมาธิของท่านผู้เจริญฌานสมาบัติ มีอารมณ์ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ยังไม่ถึงฌาน 4 ก็สามารถจะเป็นพระโสดาบันได้
            สำหรับที่ว่ามีปัญญาเล็กน้อย ก็เพราะว่ายังไม่สามารถตัดขันธ์ 5 ได้เด็ดขาดด้วยกำลังของจิต ยังมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา แต่ทว่าความรู้สึกของท่านมีความดีอยู่หน่อยหนึ่งว่าเราจะต้องตาย ยังไง ๆ ก็ต้องตายแน่ เหมือนกับที่เปสการีมีอารมณ์คิดถึงคำสั่งสอนของสมเด็จพระธรรมสามิสร ที่ทรงตรัสว่า
            ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ท่านทั้งหลายจงอย่ามีความประมาทในการสร้างความดี
            นี่ความรู้สึกของพระโสดาบันในด้านสักกายทิฏฐิ มีอยู่จุดนี้เข้าใจไว้ด้วย มีคนพูดกันว่าถ้าเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน จะต้องสามารถระงับทุกขเวทนาได้หมด ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ร้อน ไม่หนาว นี่ไม่ใช่ความจริง ร่างกายยังมีความรู้สึก ร่างกายยังมีมีจิตเป็นเครื่องรักษา ร่างกายยังมีวิญญาณรู้การสัมผัส ถึงแม้ว่าพระอรหันต์ก็ดี พระพุทธเจ้าก็ดีก็ยังรู้สึก รู้สึกเจ็บ รู้สึกปวดเหมือนกัน
            นี่ว่ากันถึงอารมณ์ของพระโสดาบัน เมื่อจิตเข้าถึงพระโสดาบันแล้ว มีความไม่ประมาทในชีวิต มีความรู้สึกเสมอว่าเราจะต้องแก่ เราจะต้องตาย แล้วก็ขึ้นชื่อว่าความตายนี้ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย ไม่ใช่ว่าจะไปกำหนดอายุการตายว่าต้องตายเท่านั้นเท่านี้ จะตายตั้งแต่ความเป็นเด็ก หรือ ความเป็นหนุ่มเป็นสาว ความเป็นคนแก่ อาการที่จะตาย อาจจะด้วยโรคภัยไข้เจ็บ อาจจะตายด้วยอุบัติเหตุ หรือตายเช้า ตายสาย ตายบ่าย ตายเที่ยง ตายกลางคืน ตายดึก ตายหัวค่ำก็เอาแน่นอนไม่ได้
            ฉะนั้น พระโสดาบันจึงไม่ประมาทในชีวิต คิดว่าถ้าเราจะตายก็เชิญ แต่เราจะตายอยู่กับความดี อารมณ์ของพระโสดาบันที่จะคัดค้านคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินศรีนั้นไม่มี คือว่าเป็นคนไม่สงสัยในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่เป็นอันดับที่ 2 ที่เรียกว่า วิจิกิจฉา พระโสดาบันตัดสังโยชน์ตัวที่ 2 ได้ คือ ความสงสัย ที่เรียกว่า วิจิกิจฉา ขึ้นชื่อว่าความสงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่มีในพระโสดาบัน เกิดขึ้นด้วยกำลังของปัญญา ที่พิจารณาหาความจริงว่า
            พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปัจจัยให้เกิดความสุข

            และอันดับ 3 สีลัพพตปรามาส พระโสดาบันย่อมทรงศีลบริสุทธิ์ตามฐานะของตัว คำว่า ฐานะของตัวก็หมายความว่า ถ้าเป็นฆราวาสก็มีศีล 5 เป็นปกติ มีศีล 5 บริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา ไม่มีเจตนาในการทำลายศีล รักษาศีลบริสุทธิ์ ไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง ไม่ยุให้บุคคลอื่นทำลายศีล แล้วก็ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว เป็นอันว่าพระโสดาบันเป็นผู้มีความทรงอารมณ์อยู่ในศีลเป็นสำคัญ หนักหน่วงในเรื่องของศีล ยอมตัวตายดีกว่าศีลขาด
            ที่กล่าวมานี้หมายความว่า สังโยชน์ 3 ประการนี่ พระโสดาบันปฏิบัติมีจิตเข้าถึงตามนี้ นี่ก็พูดกันไปว่าก่อนที่จะเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันจากโลกียะเป็นโลกุตตระ ตอนนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกว่า โคตรภูญาณ ขณะเมื่ออารมณ์จิตของท่านผู้ปฏิบัติเข้าถึงโคตรภูญาณ
            คำว่าโคตรภูญาณ นี่ก็หมายความว่า จิตของท่านผู้นั้น ยังอยู่ในระหว่างโลกียะกับโลกุตตระ
            แต่ทว่าอารมณ์ตอนนี้จะไม่ขังอยู่นาน บางท่านจิตจะทรงอยู่เพียงแค่ชั่วโมงหนึ่ง หรือไม่ถึงชั่วโมง และบางท่านก็อยู่ถึงอาทิตย์สองอาทิตย์ถึงเป็นเดือนก็มี สุดแล้วแต่ความเข้มแข็งของจิต ในช่วงที่จิตเข้าถึงโคตรภูญาณ ท่านกล่าวว่า ในขณะนั้นอารมณ์จิตของนักปฏิบัติ จะมีความรักพระนิพพานอย่างยิ่ง คือมีความรู้สึกอยู่เสมอว่ามนุษย์โลกก็ดี เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี ไม่เป็นแดนแห่งความสุข ถ้าเราเกิดเป็นมนุษย์ มันก็ทุกข์ตลอดเวลา ถ้าเกิดเป็นเทวดาก็พักทุกข์ชั่วคราว หรือ พรหมก็เช่นเดียวกัน ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีแล้วก็จะต้องจากเทวดา จากพรหมมาเกิดเป็นคนบ้าง บางรายก็เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอันว่าเขตทั้ง 3 จุด ไม่มีความหมายสำหรับใจ
            จิตใจของท่านที่มีอารมณ์เข้าถึงโคตรภูญาณ ใจมีความต้องการอย่างเดียวคือ พระนิพพานเป็นปกติ
            แต่ทว่าพอจิตพ้นจากโคตรภูญาณไปแล้ว ก้าวเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบันเต็มที่ ที่เรียกว่า โสดาปัตติผล ตอนนี้อารมณ์จิตของท่านละเอียดขึ้นมานิดหนึ่ง นอกจากจะรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ แล้วก็มีความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันเป็นของธรรมดา
            การนินทาว่าร้ายที่จะปรากฏขึ้นกับบุคคลผู้ใดกล่าวถึงเรา จิตดวงนี้มีความรู้สึกว่า ธรรมดาของคนที่เกิดมาในโลกมันเป็นอย่างนี้ ความป่วยไข้ไม่สบายเกิดขึ้น การพลัดพรากจากของรักของชอบใจเกิดขึ้น มีความรู้สึกหนักไปในด้านของธรรมดา แต่ทว่าธรรมดาของพระโสดาบัน ยังอ่อนกว่า ธรรมดาของพระอรหันต์มาก
            ฉะนั้น ท่านที่เข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน จึงยังมีความรักในระหว่างเพศ ยังมีการแต่งงาน ยังมีความอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า ท่านกล่าวไว้แล้วว่า พระโสดาบันมีสมาธิเล็กน้อย และก็มีปัญญาเล็กน้อย หากว่าท่านทั้งหลายจะถามว่า ถ้าคนยังมีความรักในเพศ ยังมีการแต่งงาน ยังมีการอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลงก็ดูเหมือนว่าพระโสดาบันก็คือ ชาวบ้านธรรมดา
            แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ความรักในระหว่างเพศก็ดี ความอยากรวยก็ดี ความโกรธก็ดี ความหลงก็ดี ของพระโสดาบันอยู่ในขอบเขตของศีล เรารักในรูปโฉมโนมพรรณ มีการแต่งงานกันได้ระหว่างสามีภรรยาของตนเอง ยอมเคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน จะนอกใจสามีและภรรยา ขึ้นชื่อว่า กาเมสุมิจฉาจาร จะไม่มีสำหรับพระโสดาบัน จะทำให้ครอบครัวนั้นมีอารมณ์เป็นสุข
            และประการที่ 2 พระโสดาบันยังมีความโกรธ ท่านโกรธจริง พูดเป็นที่ไม่ถูกใจท่านก็โกรธ ทำให้ไม่เป็นที่ไม่ถูกใจท่านก็โกรธ แต่ทว่าพระโสดาบันมีแต่อารมณ์โกรธ ไม่ประทุษร้ายให้เขามีการบาดเจ็บ และไม่ฆ่าคนหรือสัตว์ที่ทำให้ตนโกรธ ให้ถึงแก่ความตาย เป็นอันว่าความโกรธหรือความพยาบาทของท่าน อยู่ในขอบเขตของศีล จิตโกรธแต่ว่าไม่ทำร้าย คือ แตกต่างกับคนธรรมดาตรงนี้
            สำหรับด้านความหลงของพระโสดาบัน ที่ขึ้นชื่อว่าหลง เพราะยังมีความรักในเพศ ยังมีความอยากรวย เมื่อสักครู่นี้ข้ามคำว่าอยากรวยไป การอยากรวยของพระโสดาบัน คือ ต้องการความรวยในด้านสุจริตธรรมเท่านั้น เรียกว่า การทุจริตคิดร้ายคดโกงบุคคลอื่นใด ไม่มีในอารมณ์จิตของพระโสดาบัน ประกอบอาชีพด้วยความสุจริต เพราะอาศัยยังรักในความสวยสดงดงาม คือ รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่าเพศยังมีอยู่ ยังมีความอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง เพราะว่ายังคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ยังมีของสวยของงาม การถือตัวถือตนแบบนี้ จึงเชื่อว่ายังมีความหลง แต่ความหลงของพระโสดาบันนั้น ไม่สามารถจะนำบุคลผู้นั้น ในเวลาแล้วไปสู่อบายได้
            จุดนี้ขอบรรดาท่านทั้งหลายผู้รับฟัง จงจำไว้ว่า ความจริงอารมณ์ของพระโสดาบันนั้น ไม่แตกต่างกับชาวบ้านธรรมดาเท่าไรนัก ชาวบ้านธรรมดา ยังมีความรักในเพศ ยังมีสามี ภรรยา แต่ทว่ายังมีการนอกใจภรรยา สำหรับพระโสดาบันไม่มี ชาวบ้านอยากรวยก็ยังมีการคบคิดกันคดโกง การโกงมีการยื้อแย่งฉกชิงวิ่งราวดูทรัพย์ สำหรับพระโสดาบันนี่ ถ้าต้องการรวยก็รวยด้วยการสุจริต หากินด้วยความชอบธรรม ต่างกันตรงนี้
            พระโสดาบันยังมีความโกรธ ชาวบ้านโกรธแล้วก็ปรารถนาจะประทุษร้าย ถ้ามีโอกาสก็ประทุษร้ายบุคคลที่เราโกรธ ถ้าสามารถจะฆ่าได้ก็ฆ่า สำหรับพระโสดาบันมีแต่ความโกรธ การประทุษร้ายไม่มี การฆ่าการประหารไม่มี นี่ต่างกันกับชาวบ้าน
            พระโสดาบันยังมีความหลง ตามที่ได้กล่าวมาด้วยอาการที่ผ่านมาแล้ว แต่ทว่าพระโสดาบันก็ไม่ลืมคิดว่า เราจะต้องตาย เมื่อเราตายแล้ว เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ตอนนี้พระโสดาบันไม่เสียใจ ไม่เสียดาย ถือว่าถ้าตายเราจะมีความสุข นี่ขอท่านทั้งหลายจำอาการอารมณ์จิตที่เข้าถึงพระโสดาบันไว้ด้วย
            ตอนนี้จะขอพูดอีกนิดหนึ่งถึงอารมณ์ความจริงของพระโสดาบัน ที่เรียกกันว่า องค์ของพระโสดาบัน
            คำว่า องค์ ก็ได้แก่ อารมณ์จิตที่ทรงไว้อย่างนั้นอย่างแนบแน่นสนิท นั่นก็คือ
            1.พระโสดาบันมีความเคารพในพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจ ไม่คลายในความเคารพในพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะมีเหตุผลใด ๆ เกิดขึ้น ใครจะมาจ้างให้รางวัลมาก ๆ ให้กล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์ แม้แต่พูดเล่นพระโสดาบันก็ไม่พูด ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าท่านมีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระอริยสงฆ์อย่างจริงใจ แต่ทว่าระวังให้ดี ถ้าพระสงฆ์เลว พระโสดาบันไม่ใส่ข้าวให้กิน
            ตัวอย่าง ภิกษุโกสัมพี มีความประพฤติชั่ว ตอนนั้นฆราวาสที่เป็นพระอริยเจ้านับหมื่น ไม่ยอมใส่ข้าวให้กิน เพราะถือว่าเป็นโจรปล้นพระพุทธศาสนา เป็นผู้ทำลายความดี ไม่ใช่ว่าเป็นพระอริยเจ้าแล้วละก็ จะเมตตาไปเสียทุกอย่าง ท่านเมตตาแต่คนดีหรือว่าบุคคลผู้ใดมีความประพฤติชั่วท่าน แนะนำแล้วสามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็เมตตา ถ้าเขาชั่วแนะนำแล้วไม่สามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็ทรงอุเบกขา คือ เฉยไม่สงเคราะห์ โปรดจำอารมณ์ตอนนี้ไว้ให้ดี
            2. ในประการต่อไป พระโสดาบันมีศีลบริสุทธิ์ ขอพูดย่อให้สั้น เพราะองค์ของพระโสดาบันก็คือ
            (1) มีความเคารพในพระพุทธเจ้า
            (2) มีความเคารพในพระธรรม
            (3) มีความเคารพในพระอริยสงฆ์
            นี่จัดเป็นองค์ที่มี 3 ประการ
            (4) และสิ่งที่จะแถมขึ้นมาก็คือรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังความดีมีชื่อเสียงในชาติปัจจุบัน มีความรู้สึกต้องการอยู่อย่างเดียวว่าเราทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพานเท่านั้น อารมณ์จิตตอนนี้ขอบรรดาท่าพุทธบริษัทภิกษุ สามเณรทุกท่านต้องจำไว้ จงอย่าไปคิดว่าพระโสดาบันเลอเลิศไปถึงอารมณ์อรหันต์โดยมากมักจะคิดว่าอารมณ์ของพระอรหันต์เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน ก็เลยทำกันไม่ถึง นี่เป็นการคิดผิด ความจริงการเป็นพระโสดาบันเป็นง่าย มีอารมณ์ไม่หนักที่หนักจริง ๆ ก็ คือ ศีลอย่างเดียว
            ต่อไปนี้ขอพูดถึงอาการของพระโสดาบันที่จะพึงได้ พระโสดาบันจัดเป็น 3 ขั้น คือ
            1.สัตตักขัตตุง สำหรับที่ท่านเป็นพระโสดาบันมีอารมณ์ยังอ่อน จะต้องเกิดและตายในระหว่างเทวดาหรือพรหมกับมนุษย์อีกอย่างละ 7 ชาติ เป็นมนุษย์ชาติที่ 7 และเข้าถึงความเป็นอรหัตผล
            2. ถ้ามีอารมณ์เข้มแข็งปานกลาง ที่เรียกกันว่า โกลังโกละ อย่างนี้จะทรงความเป็นเทวดาหรือมนุษย์อีกอย่างละ 3 ชาติครบเป็นมนุษย์ชาติที่ 3 เป็นพระอรหันต์
            3.สำหรับพระโสดาบันที่มีอารมณ์เข้มแข็งเรียกว่า เอกพิชี นั่นก็จะเกิดเป็นเทวดาอีกครั้งเดียว มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็เป็นพระอรหันต์
            4.ที่พูดตามนี้ หมายความว่า ท่านผู้นั้นเมื่อเป็นพระโสดาบันแล้วเกิดใหม่ไม่ได้พบพระพุทธศาสนา จะต้องฝึกฝนตนเองอยู่เสมอทุกชาติ แต่ว่าความเป็นมิจฉาทิฏฐิในชาติต่อ ๆไป จะไม่มีแก่พระโสดาบัน เพราะว่า พระโสดาบันไม่มีสิทธิที่จะไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดได้แค่ช่วงแห่งความเป็นมนุษย์กับเทวดาหรือพรหมสลับกันเท่านั้น
            เป็นอันว่าพระโสดาบันนี่ ถ้าท่านทั้งหลายพิจารณาให้ดีแล้ว ก็มีความรู้สึกว่าเป็นของไม่ยาก
            หากว่าท่านจะถามว่า พระโสดาบันทั้งสัตตักขัตตุง โกลังโกละ และเอกพีชี มีอารมณ์ต่างกันอย่างไร
            ก็จะขอตอบว่า พระโสดาบันขั้นสัตตักขัตตุง มีจริยาคล้ายชาวบ้านธรรมดามาก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความรัก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความโลภ ในความโกรธ ในความหลง แต่ทว่าเป็นผู้มั่นคงในศีล ไม่ละเมิด
            สำหรับพระโสดาบันขั้นโกลังโกละ ขั้นโกลังโกละนี้มีอารมณ์เยือกเย็นมาก หรือว่ามีความมั่นในคุณพระรัตนตรัย มีศีลมั่นคงมาก ความจริงเรื่องศีลนี่มั่นคงเหมือนกัน แต่ว่าจิตท่านเบาบางในด้านความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความคำนึงถึงอารมณ์อย่างนี้มีอยู่แต่ก็น้อย ถ้ามีคู่ครองเขาจะโทษว่า กามคุณท่านจะลดหย่อนลงไป ความสนใจในเพศ ความสนใจในความโลภ อารมณ์แห่งความโกรธ อารมณ์แห่งความหลงมันเบา กระทบไม่ค่อยจะมีความรู้สึก
            สำหรับพระโสดาบันขั้นเอกพีชี ในตอนนี้อารมณ์ของท่านผู้นั้น จะมีอารมณ์ธรรมดาอยู่มาก ขอท่านทั้งหลายโปรดอย่าลืมว่า พระอริยเจ้าจะเป็นฆราวาสก็ดี จะเป็นพระก็ดี จะเป็นเณรก็ดี จะเป็นคนมีจิตละเอียด ไม่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และไม่ขัดคำสั่ง ไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบวินัยและกฏหมาย อันนี้เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน ที่ท่านทั้งหลายจะพึงทราบ
            สำหรับเอกพิชีนี่ ความจริงมีอาการจิตใจใกล้พระสกิทาคามี แต่ทว่าสิ่งที่จะระงับไว้ได้นั้น กดด้วยกำลังของศีล มีความรู้สึกว่าเราจะต้องประคับประคองศีลของเราให้แจ่มใสอยู่เสมอ มองดูความรักในระหว่าเพศ หรือว่าความร่ำรวย หรือว่าความโกรธ หรือหลงในระหว่างเพศ หลงในสภาวะต่าง ๆ เห็นว่าเป็นของไร้สาระ มีอารมณ์เบาในความปรารถนาในสิ่งนั้น ๆ แต่ทว่าก็ยังมีความปรารถนาอยู่
            เอาละ บรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระบรมครู เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ วันนี้คงไม่ได้อารมณ์แห่งการปฏิบัติ แต่ทว่าอารมณ์แห่งการปฏิบัติ ในความเป็นพระโสดาบันท่านฟังกันมาแล้วสองคืน ผมเองมีความรู้สึกว่า ท่านทั้งหลายคงจะรู้สึกว่าง่ายสำหรับท่าน แต่ถ้าหากว่าเห็นว่าอารมณ์ของพระโสดาบันยากนี่ ถ้าเป็นพระเป็นเณร ผมไม่ถือว่าเป็นพระเป็นเณร ผมถือว่าเป็นเถน เถนในที่นี้หมายความว่ามี สระเอ นำหน้า มีถอถุง และ นอหนู เขาแปลว่าหัวขโมย คือ ขโมยเอาเพศของพระอริยเจ้ามาหลอกลวงชาวบ้าน ตามปกติพระกับเณรนี่ต้องทรงศีลบริสุทธิ์อยู่แล้ว
            เอาละ พุดไปเวลามันเกินไป 1 นาที ก็ขอพอไว้แต่เพียงนี้ หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจ ต่อแต่นี้ไปขอท่านทั้งหลายตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น จะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม นั่งก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ นอนก็ได้ตามอัธยาศัย ทรงกำลังใจควบคุมความเป็นพระโสดาบันของท่านไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านเห็นว่าสมควร สวัสดี
 
.

 sorry sorry sorry
      บันทึกการเข้า
ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #2395 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 16:28:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ แจง-24 เมื่อ 24 สิงหาคม 2552, 20:25:19
อ้างถึง
ข้อความของ เก๊า(24) เมื่อ 23 สิงหาคม 2552, 11:39:57
แม่เลี้ยง ผมเป็นอะไรที่ต้องพูดตรงๆ  จึงจะเข้าใจครับ     มาดามต๋อย รู้ดี    ไม่ต้องขออภัยหรอกครับ   วันนี้เจอพระอาจารย์ที่วัดป่าแก้ว ท่านแสดงธรรมว่า  ศึกษาธรรมเพื่อให้รู้   รู้แล้วต้องปฏิบัติ (จิต)  ปฏิบัติแล้วต้องพิจารณาแยกแยะ (จิต จาก อารมณ์)    แยกแยะแล้วปล่อยวาง (อย่าให้จิตยึดติดกับอารมณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา)   คำพูดในเครื่องหมายวงเล็บผมคิดตามเอาเองไม่รู้คิดถูกหรือผิดอย่างไร   แม่เลี้ยงมีความเห็นอย่างไรครับ


...ขอขัดจังหวะสนทนาธรรมหน่อยนะ ท่านเก๊า
รูปดอกบัวน่ะ สีสวยมากเลย แสงตกกลางเกสรก็ทำให้รูปน่าสนใจ
เก่งขึ้นทุกวันนะท่าน...


เห็นด้วยกับป้าแจง เฮียเก๊าเริ่มเข้าขั้นเทพแล้ว
      บันทึกการเข้า

2437041
ตี้ถาปัด
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2524
คณะ: สถาปัตยกรรมศาสตร์
กระทู้: 10,337

« ตอบ #2396 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 16:29:18 »

สะหวัดดีเจ๊า แม่เลี้ยงคนงาม
      บันทึกการเข้า

2437041
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #2397 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 16:30:12 »

กลับก่อนนะคะ bye bye
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #2398 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 18:23:51 »

ห้องนี้มีสาระสุด ๆ ๆ
ผิดจากห้องเมียงูเหมือนฟัากับเหว .. อิอิอิ



อายจัง
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #2399 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2552, 19:13:53 »

"...........เอาละ พุดไปเวลามันเกินไป 1 นาที ก็ขอพอไว้แต่เพียงนี้ หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจ ต่อแต่นี้ไปขอท่านทั้งหลายตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น จะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม นั่งก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ นอนก็ได้ตามอัธยาศัย ทรงกำลังใจควบคุมความเป็นพระโสดาบันของท่านไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านเห็นว่าสมควร สวัสดี"

นี่เขียนเองเลยหรือเนี่ยแม่เลี้ยง...สุดยอด.
 
.

 sorry sorry sorry

[/quote]
      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
  หน้า: 1 ... 94 95 [96] 97 98 ... 204   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><