26 พฤศจิกายน 2567, 05:43:56
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 68 69 [70] 71 72 ... 183   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ẅẅẅ เชิญคุยกับลุงณะ:Cmadong ยุคฟื้นฟู2524ถึงยุค(วัย)ทอง ปัจจุบัน ẅẅẅ  (อ่าน 1201605 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 11 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042

« ตอบ #1725 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 10:48:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ jum2524 เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 08:35:52
อ้างถึง
ข้อความของ dtoy เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 08:30:28
อ้าวคุณชายก็มาพอดี  บ้านลุงณะนี่ร้อนจริงๆ  Like a hot cake !!

เร่เข้ามาจ้า


จ้ะ..ร้องจริงๆ  มิน่า...ตอบกระทู้ทีไร  มีดึ๋ง..ดึ๋ง.. 

ไขมัน ใครหยดเหรอครับ โอย ร้อน ไปดีกว่า
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1726 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2552, 11:33:15 »

สวัสดีวันจันทร์ค่ะ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #1727 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 10:13:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ jum2524 เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 08:21:44
สวัสดีค่ะลุงณะ...ช่างขยันขันแข็งจริงๆ..แม้มีภาระกิจต่างบ้านต่างเมืองอยู่..ยังสู้อุตส่าห์มาทักทายถ่ายรูปมาฝากเพื่อนๆ...ขอบคุณค่ะ ...ว่าแต่สาวหมวยสวยอึ๋มนั้นน่ะยืนทำอะไรอยู่คะ???...

สวัสดีค่ะลุงณะ...ช่างขยันขันแข็งจริงๆ..แม้มีภาระกิจต่างบ้านต่างเมืองอยู่..ยังสู้อุตส่าห์มาทักทายถ่ายรูปมาฝากเพื่อนๆ...ขอบคุณค่ะ ...

ว่าแต่สาวหมวยสวยอึ๋มนั้นน่ะยืนทำอะไรอยู่คะ???
เอ!!..ก็ตามอ่านอยู่นา..หรือเราตกข่าวอะไรเหรอ???...ม่ายหร็อกมั้ง.......คุณนายจุ๋ม

คุณนายจุ๋ม ที่นี่เค้าเรียกสาวขายหมาก...ไม่แจกหมาก..เค้ากิน(ชิม)หมากและปรุงขายสูตรใครสูตรมันให้ลูกค้า..เช่น คนขับรถ..สรรพคุณแก้ง่วง  คนขายส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น นักศึกษา ถึงวัยอาม่า  ไม่เหมือนคุณยายลุงณะที่ต้องตำกินเอง ไม่มีใครปรุงขายให้มีแต่หลานเช่นลุงณะช่วยตำให้บ้างบางครั้ง  เค้าขายชุดละ NTD 50 (New Taiwan Dolla)เป็นเรื่องปรกติที่นี่แต่แปลกกะเรา คงมาเล่าต่อคับ

เอ๋..คุณนายมิลส์เป็นไรหรือ..


โอ้โฮ! ลุงณะ แหล่มเลย ที่ถ่ายรูปมาเนี่ย เสียอย่าง มันยังไม่ใกล้เท่าไหร่ ซูมๆดูมๆหน่อยลุง โปรดระวัง เลือดกำเดาไหล หัวใจหล่นอยู่ที่ไต้หวันกลับบ้านไม่ถูกเน้อ.... เออ..ว่าแต่ไปดูงานหนังสือ หรือไปดูอะไรกันแน่?...เสี่ยพจน์

  เสี่ยพจน์ ไปดูงานหนังสือแน่ๆ คับ แต่สาวขายหมากในชุดประจำอาชีพ เค้าแต่งกันทำนองนี้คับ เป็นการดูอาชีพ ความเป็นอยู่ ที่เราเห็นแปลกๆ เป็นของแถม

 ปิ๊งๆ   ปิ๊งๆ



ไขมัน ใครหยดเหรอครับ โอย ร้อน ไปดีกว่า..น้าหนุ่ม

ลุงณะ Huh??

สวัสดีวันจันทร์ค่ะ   ดร.เอ๋

สวัสดีครับ   ดร.เอ๋ เดี๋ยวขอพักฟื้นเตรียมข้อมูลก่อนแล้วมาเล่านะครับ
      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1728 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 11:08:14 »

สวัสดีวันอังคารค่ะ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1729 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2552, 19:14:28 »

มีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ในเมืองซึ่งเต็มไปด้วยอาชญากรรมหลังจากที่บ้านของเพื่อนบ้าน3หลังโดนขโมยขึ้น ทั้งคู่ก็คิดว่าพวกเขาจะหาหมามาเฝ้าบ้านสักตัวหนึ่ง
แล้ววันหนึ่งฝ่ายภรรยาก็ได้ไปที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงแห่งหนึ่ง:"ฉันอยากได้หมาเฝ้าบ้านดีๆสักตัวหนึ่ง"
 พนักงานขาย:"ขออภัยครับเราขายไปหมดเกลี้ยงเลยครับ ยังเหลือเจ้าหมาพันธุ์ปักกิ่งตัวเล็กตัวนี้แค่ตัวเดียว แต่มันเก่งคาราเต้นะครับ"
ฝ่ายภรรยาสาวไม่เชื่อว่าเจ้าหมาน้อยจะทำได้ พนักงานขายก็เลยสั่งเจ้าตัวเล็ก:"คาราเต้เก้าอี้ตัวนั้น"
เจ้าหมาน้อยก็ตรงดิ่งไปยังเก้าอี้แล้วคาราเต้สับโชะเชะจนเก้าอี้แหลกเป็นชิ้นๆ แล้วพนักงานขายก็ออกคำสั่งอีกว่า"คาราเต้โต๊ะตัวนั้น" เจ้าตัวน้อยก็สวมวิญญานบรู๊ซลีกระโดดเข้าสับโต๊ะตัวนั้นจนขาดสองท่อน
ฝ่ายผู้เป็นภรรยาก็เลยซื้อเจ้าหมาน้อยและนำมันกลับไปบ้าน เธอเอามันไปโชว์ผู้เป็นสามีผู้ซึ่งนึกว่าภรรยาสาวคงจะซื้อหมาเฝ้าบ้านตัวโตๆกลับมาและเมื่อเธออธิบายให้ผู้เป็นสามีฟังว่าเจ้าตัวนี้มันเก่งคาราเต้ สามีก็พูดด้วยความโมโหว่า:"karate my ass".
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1730 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 09:11:18 »

สวัสดีวันพุธค่ะ วันนี้อากาศดีมาก ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #1731 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 19:10:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Noom2524 เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 10:48:12
อ้างถึง
ข้อความของ jum2524 เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 08:35:52
อ้างถึง
ข้อความของ dtoy เมื่อ 27 กรกฎาคม 2552, 08:30:28
อ้าวคุณชายก็มาพอดี  บ้านลุงณะนี่ร้อนจริงๆ  Like a hot cake !!

เร่เข้ามาจ้า


จ้ะ..ร้องจริงๆ  มิน่า...ตอบกระทู้ทีไร  มีดึ๋ง..ดึ๋ง.. 

ไขมัน ใครหยดเหรอครับ โอย ร้อน ไปดีกว่า
- เพื่อนๆ คับ  ก่อนพาไปดูร้านหนังสือ  ลุงณะ พาเข้าวัดดีกว่า ...อ้อเดี๋ยวก่อน...พาแวะดูการแต่งตัวของวัยรุ่นแถวๆ สยามสแควร์ของ Taipei นิดนึง  ทางก่อนไปวัดหลงซันซื่อ

- ขออภัยน้าหนุ่ม กะเสี่ยสุพจน์ด้วย ที่ไม่ชอบดูแต่งตัวของพวกวัยรุ่นที่นี่สมัยนี้  เพราะต้องการให้ลุงณะพาไปสวดมนต์ไวๆ  เพื่อความโชคดี และจิตอันสงบเป็นที่ตั้ง..


      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #1732 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 21:36:46 »

อ้างถึง
ข้อความของ churaipatara เมื่อ 29 กรกฎาคม 2552, 09:11:18
สวัสดีวันพุธค่ะ วันนี้อากาศดีมาก ปิ๊งๆ

- สวัสดีครับดร.เอ๋ อากาศดีจริงอย่างว่า...ฝนตกนิดเดียวคับ
พาดร.เอ๋ แลพเพื่อนๆ  ไปแวะสยามสแควร์ของไต้หวันต่อ  เค้าเรียกที่ช้อปปิ้งแห่งนี้ว่า..ซีเหมินติง แหล่งเสื้อผ้าแบรนเนมสไตล์วัยรุ่นเปรียบได้กับสยามสแควร์ในเมืองไทย  ..แต่ยังเทียบไม่ได้ ดูของเราไฮโซ สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบกว่า

- ลุงณะ สั่งไอติมยาวมากิน 1 แท่ง NTD 15  และให้น้องที่ไปด้วย ไปยืนถ่ายกะป้ายโฆษณาหนังของไทยเอามาอวดเพื่อนๆ และแฟนๆ ลุงณะ ชื่ออาจเพี้ยนๆ กันบ้าง เห็นน้องที่ไปด้วยว่า ชื่อหนังที่ไทย บุปผา..ตรีๆ ทำนองนี้

- เด็กๆ ที่นี่มองหน้าลุงณะแปลกๆ คงคิดว่าชักเหมือนลุงๆ มาตามหาหลาน เห็นทีลุงณะต้องไปที่วัดเป้าหมายที่เหมาะกะวัยจริงๆ ของตัวแล้วหละ  โน่น..น้าหนุ่ม กะเสี่ยสุพจน์  แกไม่ค่อยชอบที่นี่   เรียกให้ตามไปเข้าวัดกะแกแล่ว..


 งง งง   งง งง
      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1733 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 21:40:32 »


ชาย ผู้มั่งคั่งคนหนึ่งได้ไปท่องป่าซาฟารีในอาฟริกา เขาได้นำเจ้าสุนัข สัตว์เลี้ยงของเขาไปเป็นเพื่อน วันหนึ่ง เจ้าสุนัขได้วิ่งไล่ตะปบเหล่าผีเสื้อที่บินเวียนว่อน ไม่นาน มันก็เกิดพลัดหลงกับเจ้าของ มันวิ่งกระเซอะกระเซิงไปเจอเสือตัวหนึ่งซึ่งกำลังออกล่าเหยื่อผ่านมาทางนั้น พอดี

เจ้าสุนัข:"ตายละสิเรา ! "

เจ้าสุนัขบังเอิญเหลือบไปเห็นเศษกระดูกตกอยู่บนพื้นมันรีบหันหลังให้เจ้าเสือร้ายแล้วก้มลงเคี้ยวกระดูกอย่างเอร็ดอร่อย

จังหวะที่เจ้าเสือร้ายกำลังจะกระโจนเข้าตะปบเจ้าสุนัข เจ้าสุนัขก็แกล้งพูดขึ้นมาดังๆว่า:"ช่างเป็นเสือที่อร่อยอะไรยังงี้ แถวๆนี้จะมีอีกมั้ยน้า?"

ได้ยินคำพูดดังกล่าว เจ้าเสือเบรคตัวโก่ง มันรู้สึกเสียวที่ลูกกระเดือก แล้วรีบกระโจนหนีเข้าไปในดงไม้

เจ้าเสือ:"อึ๊ย !! เกือบไปแล้วสิเรา เกือบโดนมันงาบซะแล้ว"

ในช่วงเวลานั้น มีเจ้าลิงตัวหนึ่งอยู่บนต้นไม้ใกล้ๆ มันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และเกิดความคิดว่ามันน่าจะบอกเรื่องนี้แก่เจ้าเสือเพื่อแลกกับการให้เจ้า เสือคอยเป็นบอร์ดี้การ์ดให้มัน คิดได้ดังนั้น มันก็รีบกระโจนไล่ตามเจ้าเสือ ร้ายไป

เจ้าสุนัขได้เห็นเจ้าลิงรีบกระโจนตามเจ้าเสือไป ก็คิดว่าจะต้องมีอะไรแน่ๆ

แล้วเจ้าลิงก็ตามเจ้าเสือร้ายไปจนทัน แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าเสือฟัง

เจ้าเสือรู้สึกโกรธมากที่โดนหลอกจนเสียมวย กล่าวกับเจ้าลิงว่า:"เจ้าขึ้นมาขี่หลังข้า แล้วคอยดูนะ ว่าข้าจะจัดการกับเจ้าหมาเจ้าเล่ห์ตัวแสบนั่นยังไง..ฮึ่ม!"

เจ้าสุนัข เมื่อได้เห็นเจ้าเสือร้ายซึ่งมีเจ้าลิงนั่งอยู่บนหลังวิ่งมาหาตน มันก็คิดว่า:"คราวนี้ จะทำยังไงดีนะ คงต้องเสร็จมันแน่ๆ"

แต่แล้ว แทนที่จะวิ่งหนี เจ้าสุนัขกลับนั่งลง,หันหลัง แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามหันตภัยกำลังมา และเมื่อเจ้าสองตัวเข้ามาใกล้ เจ้าสุนัขก็พูดขึ้นมาดังๆว่า:"เจ้าลิงมันหายหัวไปไหน วะ เจ้านี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ สั่งให้มันออกไปหลอกเสือมาให้ข้ากิน นี่ก็ครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่โผล่หัวกลับมา"

      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #1734 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 21:47:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ patooman24 เมื่อ 29 กรกฎาคม 2552, 21:40:32

ชาย ผู้มั่งคั่งคนหนึ่งได้ไปท่องป่าซาฟารีในอาฟริกา เขาได้นำเจ้าสุนัข สัตว์เลี้ยงของเขาไปเป็นเพื่อน วันหนึ่ง เจ้าสุนัขได้วิ่งไล่ตะปบเหล่าผีเสื้อที่บินเวียนว่อน ไม่นาน มันก็เกิดพลัดหลงกับเจ้าของ มันวิ่งกระเซอะกระเซิงไปเจอเสือตัวหนึ่งซึ่งกำลังออกล่าเหยื่อผ่านมาทางนั้น พอดี

เจ้าสุนัข:"ตายละสิเรา ! "

เจ้าสุนัขบังเอิญเหลือบไปเห็นเศษกระดูกตกอยู่บนพื้นมันรีบหันหลังให้เจ้าเสือร้ายแล้วก้มลงเคี้ยวกระดูกอย่างเอร็ดอร่อย

จังหวะที่เจ้าเสือร้ายกำลังจะกระโจนเข้าตะปบเจ้าสุนัข เจ้าสุนัขก็แกล้งพูดขึ้นมาดังๆว่า:"ช่างเป็นเสือที่อร่อยอะไรยังงี้ แถวๆนี้จะมีอีกมั้ยน้า?"

ได้ยินคำพูดดังกล่าว เจ้าเสือเบรคตัวโก่ง มันรู้สึกเสียวที่ลูกกระเดือก แล้วรีบกระโจนหนีเข้าไปในดงไม้

เจ้าเสือ:"อึ๊ย !! เกือบไปแล้วสิเรา เกือบโดนมันงาบซะแล้ว"

ในช่วงเวลานั้น มีเจ้าลิงตัวหนึ่งอยู่บนต้นไม้ใกล้ๆ มันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และเกิดความคิดว่ามันน่าจะบอกเรื่องนี้แก่เจ้าเสือเพื่อแลกกับการให้เจ้า เสือคอยเป็นบอร์ดี้การ์ดให้มัน คิดได้ดังนั้น มันก็รีบกระโจนไล่ตามเจ้าเสือ ร้ายไป

เจ้าสุนัขได้เห็นเจ้าลิงรีบกระโจนตามเจ้าเสือไป ก็คิดว่าจะต้องมีอะไรแน่ๆ

แล้วเจ้าลิงก็ตามเจ้าเสือร้ายไปจนทัน แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าเสือฟัง

เจ้าเสือรู้สึกโกรธมากที่โดนหลอกจนเสียมวย กล่าวกับเจ้าลิงว่า:"เจ้าขึ้นมาขี่หลังข้า แล้วคอยดูนะ ว่าข้าจะจัดการกับเจ้าหมาเจ้าเล่ห์ตัวแสบนั่นยังไง..ฮึ่ม!"

เจ้าสุนัข เมื่อได้เห็นเจ้าเสือร้ายซึ่งมีเจ้าลิงนั่งอยู่บนหลังวิ่งมาหาตน มันก็คิดว่า:"คราวนี้ จะทำยังไงดีนะ คงต้องเสร็จมันแน่ๆ"

แต่แล้ว แทนที่จะวิ่งหนี เจ้าสุนัขกลับนั่งลง,หันหลัง แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามหันตภัยกำลังมา และเมื่อเจ้าสองตัวเข้ามาใกล้ เจ้าสุนัขก็พูดขึ้นมาดังๆว่า:"เจ้าลิงมันหายหัวไปไหน วะ เจ้านี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ สั่งให้มันออกไปหลอกเสือมาให้ข้ากิน นี่ก็ครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่โผล่หัวกลับมา"



- 5555 เจ้าหมา..ช่างใจกล้าหลอกเสือ..ช่วงนี้ป๋าทูไม่ชอบแต่งกลอน ...หันมาเล่าเรื่องสนุกแทน
สวัสดีครับท่านผู้ตรวจ  ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นไงทั่น...
      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1735 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 21:59:31 »

จากริมถนนขึ้นตึกไฮโซ "จีฉ่อย" ขวัญใจชาวจุฬาฯ
ตลาดสามย่าน ถูกรื้อจนราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว คราวนี้ถึงเวลาของ ตึกแถว ที่อยู่ด้านหน้าตลาดริมถนนพญาไทบ้าง

ตึกแถวชุดนี้หากนับอายุก็ล่วงเลยเข้าวัยกลางคนกำลังจะทุบทิ้ง...โดยเริ่มต้นลงมือไปบางส่วนแล้ว เหตุผลยอดฮิตที่เจ้าของที่ดินให้ไว้ก็คือ ต้องการจะพัฒนาพื้นที่บริเวณนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทุบทำไม ทุบแล้วสร้างอะไร เป็นคำถามที่ดังอื้ออึงอยู่ในหมู่อาจารย์และนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (แม้เจ้าของที่จะมีคำตอบอย่างเป็นทางการให้แล้วก็ตาม)

เพราะใครๆ ก็รู้ว่าตึกแถวที่กำลังจะทุบนี้เป็นที่ตั้งของร้าน "จีฉ่อย" ที่ชาวจุฬาฯยกย่องให้เป็น "ขวัญใจของชาวจุฬาฯ" ดังนั้น หากทุบตึกแถวทิ้งแล้ว

"จีฉ่อย" ขวัญใจจะย้ายร้านไปขายของที่ไหน เป็นที่หวั่นวิตกของชาวรั้วสีชมพูยิ่ง

"จีฉ่อย" เป็นใคร? มาจากไหน? ทำไมถึงมาเป็นขวัญใจชาวจุฬาฯ มีตำนานเล่ามาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ-รุ่นแม่

จีฉ่อย เป็นทั้งชื่อเจ้าของร้าน และชื่อร้านขายของชำหรือโชห่วยอันลือลั่นแห่งสามย่าน ตั้งอยู่บริเวณตึกแถวที่กำลังจะถูกทุบ ริมถนนพญาไท เจ้าของร้านชื่อจีฉ่อย เป็นหญิงชราร่างเล็กวัยประมาณ 70

ร้านจีฉ่อยปักหลักอยู่ตรงนี้มาไม่ต่ำกว่า 40 ปี ใครเดินผ่านไปมาต้องสะดุดตา เพราะข้างในร้านมีสินค้าอัดแน่นอยู่เต็มจนแทบไม่มีทางเดิน กระทั่งหลายคนแอบตั้งชื่อให้ใหม่เป็น "ห้างสรรพสินค้าจีฉ่อย" เพราะขายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ!!

หากจะจาระไนของขายในร้านคงไม่สามารถจาระไนได้หมด เอาเป็นว่าใครไปถามหาจะซื้อสินค้าอะไร จีฉ่อยหาให้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าอุปกรณ์การเรียน สมุด หนังสือ ยางลบ ปากกา อุปกรณ์กีฬา เรื่อยไปจนถึงหมุด ตะปู ค้อน เลื่อย สีทาบ้าน กระบวยตักน้ำ สายยาง ที่นอน หมอน มุ้ง เก้าอี้ ตะกร้า กระจาด กระด้ง แหวนรุ่นของบางคณะในจุฬาฯ ใบลงทะเบียนเรียนของจุฬาฯ ก็ยังมี- -

ยิ่งตอนนี้กำลังฮิตหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 คุณป้าจีฉ่อยก็ยังมีขายกับเขาด้วย เคียงคู่สบู่เหลวล้างมือ

ตำนานของร้านนี้ว่ากันถึงขั้นหากใครหาซื้ออะไรที่ไหนไม่ได้ให้มาร้านจีฉ่อย คุณป้าจะจัดหามาให้ไม่มีพลาด ถ้าวันที่มาซื้อยังหาไม่ได้ประโยคฮิตติดปากของหญิงวัย 70 ผู้นี้คือ "พรุ่งนี้ลื้อมาเอา"

ชีวประวัติของจีฉ่อย-เจ้าของเอกลักษณ์ฟันทอง 2 ซี่ ค่อนข้างจะเป็นความลับ เพราะเจ้าตัวไม่ยอมปริปากบอกใครง่ายๆ หากไปถามกันตรงๆ มีแต่จะโดนไล่ตะเพิดออกจากร้าน แต่ถ้าวันไหนอารมณ์ดีจีฉ่อยถือโอกาสเล่าให้ฟังเองไม่ต้องไปอ้อนวอนกันให้ยาก



"พ่อจีฉ่อยทำงานธนาคาร ส่วนแม่ขายของ จีฉ่อยมีพี่น้อง 5 คน จีฉ่อยเป็นคนที่ 2 ฐานะทางบ้านถือว่าค่อนข้างดี หลายสิบปีก่อนพ่อจีฉ่อยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เลยแบ่งเงินมาเปิดร้านขายของชำ...เมื่อก่อนไม่ได้อยู่ตึกแถวตรงนี้หรอก แต่อยู่ลึกเข้าไปใกล้ๆ กับคณะนิติศาสตร์" เสียงบอกเล่าเล่าไปเรื่อยๆ

และราวกับคนฟังถูกหวยรางวัลที่ 1 เมื่อจีฉ่อยลุกขึ้นไปหยิบรูปถ่ายที่อยู่ในซองพลาสติคใสเอาออกมาให้ดูพร้อมบอกเล่าเรื่องราวในรูป เพราะโดยปกติแล้วเจ้าของร้านของชำผู้นี้ไม่มีชวนใครสนทนาง่ายๆ

"น้องสาวคนหนึ่งของจีฉ่อยเรียนจบด้านการเกษตรจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วได้ทุนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และยังได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียอีกด้วย ปัจจุบันน้องสาวเขารับราชการอยู่ที่กระทรวงเกษตรฯ หลังเลิกงานแล้วก็แวะมาหาที่ร้านเสมอๆ

"เมื่อก่อนสามย่านคึกคักมาก แต่พอมีห้างพวกนิสิตก็ไปเดินห้างกันหมด" จีฉ่อย เปิดฉากสนทนาถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

"เขาจะทุบตึกตรงนี้แล้วก็เสียดายสิ เพราะขายของและอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งหลายสิบปีแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ไปปลูกบ้านอยู่แถวพระราม 2 พอเช้าก็มาเปิดร้าน มืดๆ ก็กลับบ้าน ตอนนี้หลายร้านบริเวณนี้ย้ายออกไปแล้ว ร้านจีฉ่อยก็ต้องย้ายออกไปบ้าง เขาจะรื้อแล้วนี่ อาจารย์และนิสิตจุฬาฯ ก็มาถาม จีฉ่อยจะยังขายของอยู่ไหม เพราะเป็นขวัญใจจุฬาฯ... เขาบอกว่าเราเป็นขวัญใจจุฬาฯ..." หญิงวัยเจ็ดสิบยิ้มกว้างเห็นฟันทอง

"เราก็บอกว่ายังขายของอยู่นั่นแหละ อาจารย์หลายคนเป็นห่วง เขาซื้อของกับจีฉ่อยมาตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ จนใกล้เกษียณแล้วยังมาซื้ออยู่เลย" จีฉ่อยเล่าพลาง

มีเสียงร่ำลือว่ามีนิสิตหลายคนชอบมา "ลองของ" กับจีฉ่อย สั่งซื้ออะไรยากๆ แล้วจีฉ่อยสามารถหาให้ได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ไม่ว่าเปียโน หรือข้าวมันไก่ เสียงคนนั่งฟังถามขึ้นมั่ง

"เขาคงฝันไปมั้ง" จีฉ่อยบอก

แม้จีฉ่อยจะไม่ได้ต้อนรับลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามฉบับยิ้มสยาม แต่ความเอาจริงเอาจังและซื่อสัตย์ จริงใจต่อลูกค้า ก็เป็นเสน่ห์ในการขายของจีฉ่อย ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดย่านนั้นรวมถึงอาจารย์และนิสิตจุฬาฯติดอกติดใจ พากันมาซื้อของที่ร้านอยู่เป็นประจำ ครั้นเมื่อเกิดเรื่องราวทุบตึกทิ้งจึงกลายเป็นหัวข้อ "ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์" ของใครต่อใครที่รู้จักจีฉ่อย ซึ่งสำหรับเจ้าตัวแล้ว บอกว่า- -



"ไม่เป็นไรหรอก...จีฉ่อยยังขายของอยู่เหมือนเดิม แต่จะย้ายจากตรงนี้ขึ้นไปอยู่ที่ยู เซ็นเตอร์" เสียงจีฉ่อยบอก แล้วเล่ารายละเอียดให้ฟัง ว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มาหา แล้วบอกให้เลือกเอาระหว่าง จามจุรี สแควร์ อาคารสูงหลายสิบชั้นซึ่งตั้งอยู่หัวมุมถนนพญาไทเยื้องกับร้านจีฉ่อยไปเล็กน้อย เป็นที่ตั้งของร้านค้า ที่พัก และอาคารสำนักงาน กับ ยู เซ็นเตอร์ ซึ่งอยู่ข้างๆ ตลาดสามย่านที่เพิ่งถูกรื้อไป เปิดเป็นหอพักสำหรับนิสิตจุฬาฯ และมีร้านค้าตั้งอยู่ชั้นล่าง

"สองแห่งนี้เขาให้จีฉ่อยเลือกว่าจะไปตั้งร้านขายอยู่ที่ไหน"

"แล้วจีฉ่อยเลือกไปไหน?" คนฟังถามอีก

"จีฉ่อยดูแล้วจามจุรี สแควร์ หรูเกินไป เข้าไปแล้วเดี๋ยวเดินไม่ถูก ไม่รู้จะเดินไปทางไหน เวลาจะเปิดจะปิดร้านก็ต้องตามเวลาเขา...ไม่สะดวกหรอก

"เลยบอกทางจุฬาฯไปว่า อย่างงั้นขอไปอยู่ ยู เซ็นเตอร์ ดีกว่า ปิดร้านดึกได้ แต่ก็เป็นร้านชั้นเดียวนะ ที่นี่มีตั้ง 4 ชั้น ยังไม่รู้เลยว่าจะขนของไปยังไง ตู้นี่ก็ไม่รู้จะเอาไปยังไง" เสียงเจ้าของร้านตอบ แล้วมองไปที่ตู้กระจก 2 ตู้หน้าร้านมีสินค้าสารพัดอยู่ข้างใน

เจ้าของร้านขวัญใจชาวจุฬาฯ หันกลับมาพยักพเยิดกับคนฟัง บอกเสียงดังกว่าปกติ ว่า- -

"จีฉ่อยจะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ปลายปีนี้แหละ แล้วว่าจะทำป้ายชื่อร้านจีฉ่อยตัวใหญ่ๆ เขาจะได้รู้ว่าตัวจริงเสียงจริง" หญิงวัยเจ็ดสิบยิ้มกว้างถูกอกถูกใจ

เป็นอันว่า "จีฉ่อย" ขวัญใจชาวจุฬาฯ ยังไม่ปิดตำนาน แค่เพียงย้ายนิวาสถานจากริมถนนไปอยู่อาคารไฮโซเท่านั้นเอง

Attapol Jaturapornkul

Legal Affairs

Tel. 02-797-9000 Ext..5563
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #1736 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 22:09:46 »

- ออกจากสยามสแควร์ของที่นั่น ก็พาเพื่อนๆ ทุกคนไปปลงและไปรับบุญ ..โดยไปกราบไหว้ขอพรจากพระโพธิสัตว์กวนอิมที่  วัดหลงซันซื่อ ซึ่งเป็นวัดโบราณเก่าแก่อายุกว่า 240 ปี ตั้งอยู่ในเขตวั่นหัว เดิมเรียกว่าเขต “หมงเจี่ย” เป็นพื้นที่บุกเบิกแห่งแรกของเมืองไทเป วัดหลงซันซื่อเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงและศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้คนนิยมมากราบไหว้กันเป็นประจำ ...คนที่นี่นิยมทำบุญกันมาก  ส่วนใหญ่จะฐานะปานกลางขึ้นไป วัดจึงมั่นคงแข็งแรง มีรั้วแข็งแรง แม้กระทั่งมีน้ำตกหน้าวัดด้วย ที่เท่..สุดๆ ก็คือรางจุดธูป ใส้เทียนใหญ่มาก แถมมีบังเกอร์สูงเสียด้วย ลมพัดมาจึงไม่ดับง่ายๆ อีกทั้งเวลาจุดธูปละก็จุดง่ายๆ   เห็นควรที่วัดบ้านลุงณะ และวัดพระแย้ ทั้งวัดของน้องขุน จะนำไปพิจารณาปรับปรุง รับรองดีขึ้นสำหรับญาติโยมแน่ๆ

ที่ที่เค้าจุดธูปกันคนละ 7 ดอก เพราะมีพระที่ต้องสักการะที่นี่อยู่ 7 องค์



ที่นี่เป็นพุทธมหายาน สวดแบบที่ บอยถาปัด 2204 ท่านเคยสวดน่ะแหละ  พื่นที่ในวัดคับแคบไม่มีศาลา ทำพิธีกรรม และสวดมนต์กันกลางลาน ยืนสวดกันเต็มไปหมด  หลายคนสวดปากเปล่า แต่หลายคนถือหนังสือสวดมนต์ภาษาจีน  ส่วนที่นั่งที่เห็นมีอยู่อย่างจำกัด ถือว่าเป็นกลุ่มญาติโยมที่มาจองที่ก่อน

- พระสงฆ์ และแม่ชีที่นี่ มีอาชีพ เสริมคือขายเเครื่องรางหน้าวัด แข่งกะวัดด้วย...(ทำไมไม่ไล่ก็ไม่รู้ เพราะบังหน้าร้าน...เอ๊ย หน้าวัด)




- ที่นี่ไม่มีผ่าป่าลอยฟ้าเหมือนวัดข้างบ้านลุงณะ แต่มีที่ให้เช่าเครื่องรางเช่นกัน เพื่อความโชคดี ของผู้ไปเยื่อน เราคาเช่าเริ่มต้นค่อนข้างถูก เริ่มที่ NTD 35



      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #1737 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 22:29:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ patooman24 เมื่อ 29 กรกฎาคม 2552, 21:59:31
จากริมถนนขึ้นตึกไฮโซ "จีฉ่อย" ขวัญใจชาวจุฬาฯ
ตลาดสามย่าน ถูกรื้อจนราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว คราวนี้ถึงเวลาของ ตึกแถว ที่อยู่ด้านหน้าตลาดริมถนนพญาไทบ้าง

ตึกแถวชุดนี้หากนับอายุก็ล่วงเลยเข้าวัยกลางคนกำลังจะทุบทิ้ง...โดยเริ่มต้นลงมือไปบางส่วนแล้ว เหตุผลยอดฮิตที่เจ้าของที่ดินให้ไว้ก็คือ ต้องการจะพัฒนาพื้นที่บริเวณนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทุบทำไม ทุบแล้วสร้างอะไร เป็นคำถามที่ดังอื้ออึงอยู่ในหมู่อาจารย์และนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (แม้เจ้าของที่จะมีคำตอบอย่างเป็นทางการให้แล้วก็ตาม)

เพราะใครๆ ก็รู้ว่าตึกแถวที่กำลังจะทุบนี้เป็นที่ตั้งของร้าน "จีฉ่อย" ที่ชาวจุฬาฯยกย่องให้เป็น "ขวัญใจของชาวจุฬาฯ" ดังนั้น หากทุบตึกแถวทิ้งแล้ว

"จีฉ่อย" ขวัญใจจะย้ายร้านไปขายของที่ไหน เป็นที่หวั่นวิตกของชาวรั้วสีชมพูยิ่ง

"จีฉ่อย" เป็นใคร? มาจากไหน? ทำไมถึงมาเป็นขวัญใจชาวจุฬาฯ มีตำนานเล่ามาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ-รุ่นแม่

จีฉ่อย เป็นทั้งชื่อเจ้าของร้าน และชื่อร้านขายของชำหรือโชห่วยอันลือลั่นแห่งสามย่าน ตั้งอยู่บริเวณตึกแถวที่กำลังจะถูกทุบ ริมถนนพญาไท เจ้าของร้านชื่อจีฉ่อย เป็นหญิงชราร่างเล็กวัยประมาณ 70

ร้านจีฉ่อยปักหลักอยู่ตรงนี้มาไม่ต่ำกว่า 40 ปี ใครเดินผ่านไปมาต้องสะดุดตา เพราะข้างในร้านมีสินค้าอัดแน่นอยู่เต็มจนแทบไม่มีทางเดิน กระทั่งหลายคนแอบตั้งชื่อให้ใหม่เป็น "ห้างสรรพสินค้าจีฉ่อย" เพราะขายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ!!

หากจะจาระไนของขายในร้านคงไม่สามารถจาระไนได้หมด เอาเป็นว่าใครไปถามหาจะซื้อสินค้าอะไร จีฉ่อยหาให้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าอุปกรณ์การเรียน สมุด หนังสือ ยางลบ ปากกา อุปกรณ์กีฬา เรื่อยไปจนถึงหมุด ตะปู ค้อน เลื่อย สีทาบ้าน กระบวยตักน้ำ สายยาง ที่นอน หมอน มุ้ง เก้าอี้ ตะกร้า กระจาด กระด้ง แหวนรุ่นของบางคณะในจุฬาฯ ใบลงทะเบียนเรียนของจุฬาฯ ก็ยังมี- -

ยิ่งตอนนี้กำลังฮิตหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 คุณป้าจีฉ่อยก็ยังมีขายกับเขาด้วย เคียงคู่สบู่เหลวล้างมือ

ตำนานของร้านนี้ว่ากันถึงขั้นหากใครหาซื้ออะไรที่ไหนไม่ได้ให้มาร้านจีฉ่อย คุณป้าจะจัดหามาให้ไม่มีพลาด ถ้าวันที่มาซื้อยังหาไม่ได้ประโยคฮิตติดปากของหญิงวัย 70 ผู้นี้คือ "พรุ่งนี้ลื้อมาเอา"

ชีวประวัติของจีฉ่อย-เจ้าของเอกลักษณ์ฟันทอง 2 ซี่ ค่อนข้างจะเป็นความลับ เพราะเจ้าตัวไม่ยอมปริปากบอกใครง่ายๆ หากไปถามกันตรงๆ มีแต่จะโดนไล่ตะเพิดออกจากร้าน แต่ถ้าวันไหนอารมณ์ดีจีฉ่อยถือโอกาสเล่าให้ฟังเองไม่ต้องไปอ้อนวอนกันให้ยาก



"พ่อจีฉ่อยทำงานธนาคาร ส่วนแม่ขายของ จีฉ่อยมีพี่น้อง 5 คน จีฉ่อยเป็นคนที่ 2 ฐานะทางบ้านถือว่าค่อนข้างดี หลายสิบปีก่อนพ่อจีฉ่อยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เลยแบ่งเงินมาเปิดร้านขายของชำ...เมื่อก่อนไม่ได้อยู่ตึกแถวตรงนี้หรอก แต่อยู่ลึกเข้าไปใกล้ๆ กับคณะนิติศาสตร์" เสียงบอกเล่าเล่าไปเรื่อยๆ

และราวกับคนฟังถูกหวยรางวัลที่ 1 เมื่อจีฉ่อยลุกขึ้นไปหยิบรูปถ่ายที่อยู่ในซองพลาสติคใสเอาออกมาให้ดูพร้อมบอกเล่าเรื่องราวในรูป เพราะโดยปกติแล้วเจ้าของร้านของชำผู้นี้ไม่มีชวนใครสนทนาง่ายๆ

"น้องสาวคนหนึ่งของจีฉ่อยเรียนจบด้านการเกษตรจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วได้ทุนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และยังได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียอีกด้วย ปัจจุบันน้องสาวเขารับราชการอยู่ที่กระทรวงเกษตรฯ หลังเลิกงานแล้วก็แวะมาหาที่ร้านเสมอๆ

"เมื่อก่อนสามย่านคึกคักมาก แต่พอมีห้างพวกนิสิตก็ไปเดินห้างกันหมด" จีฉ่อย เปิดฉากสนทนาถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

"เขาจะทุบตึกตรงนี้แล้วก็เสียดายสิ เพราะขายของและอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งหลายสิบปีแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ไปปลูกบ้านอยู่แถวพระราม 2 พอเช้าก็มาเปิดร้าน มืดๆ ก็กลับบ้าน ตอนนี้หลายร้านบริเวณนี้ย้ายออกไปแล้ว ร้านจีฉ่อยก็ต้องย้ายออกไปบ้าง เขาจะรื้อแล้วนี่ อาจารย์และนิสิตจุฬาฯ ก็มาถาม จีฉ่อยจะยังขายของอยู่ไหม เพราะเป็นขวัญใจจุฬาฯ... เขาบอกว่าเราเป็นขวัญใจจุฬาฯ..." หญิงวัยเจ็ดสิบยิ้มกว้างเห็นฟันทอง

"เราก็บอกว่ายังขายของอยู่นั่นแหละ อาจารย์หลายคนเป็นห่วง เขาซื้อของกับจีฉ่อยมาตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ จนใกล้เกษียณแล้วยังมาซื้ออยู่เลย" จีฉ่อยเล่าพลาง

มีเสียงร่ำลือว่ามีนิสิตหลายคนชอบมา "ลองของ" กับจีฉ่อย สั่งซื้ออะไรยากๆ แล้วจีฉ่อยสามารถหาให้ได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ไม่ว่าเปียโน หรือข้าวมันไก่ เสียงคนนั่งฟังถามขึ้นมั่ง

"เขาคงฝันไปมั้ง" จีฉ่อยบอก

แม้จีฉ่อยจะไม่ได้ต้อนรับลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามฉบับยิ้มสยาม แต่ความเอาจริงเอาจังและซื่อสัตย์ จริงใจต่อลูกค้า ก็เป็นเสน่ห์ในการขายของจีฉ่อย ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดย่านนั้นรวมถึงอาจารย์และนิสิตจุฬาฯติดอกติดใจ พากันมาซื้อของที่ร้านอยู่เป็นประจำ ครั้นเมื่อเกิดเรื่องราวทุบตึกทิ้งจึงกลายเป็นหัวข้อ "ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์" ของใครต่อใครที่รู้จักจีฉ่อย ซึ่งสำหรับเจ้าตัวแล้ว บอกว่า- -



"ไม่เป็นไรหรอก...จีฉ่อยยังขายของอยู่เหมือนเดิม แต่จะย้ายจากตรงนี้ขึ้นไปอยู่ที่ยู เซ็นเตอร์" เสียงจีฉ่อยบอก แล้วเล่ารายละเอียดให้ฟัง ว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มาหา แล้วบอกให้เลือกเอาระหว่าง จามจุรี สแควร์ อาคารสูงหลายสิบชั้นซึ่งตั้งอยู่หัวมุมถนนพญาไทเยื้องกับร้านจีฉ่อยไปเล็กน้อย เป็นที่ตั้งของร้านค้า ที่พัก และอาคารสำนักงาน กับ ยู เซ็นเตอร์ ซึ่งอยู่ข้างๆ ตลาดสามย่านที่เพิ่งถูกรื้อไป เปิดเป็นหอพักสำหรับนิสิตจุฬาฯ และมีร้านค้าตั้งอยู่ชั้นล่าง

"สองแห่งนี้เขาให้จีฉ่อยเลือกว่าจะไปตั้งร้านขายอยู่ที่ไหน"

"แล้วจีฉ่อยเลือกไปไหน?" คนฟังถามอีก

"จีฉ่อยดูแล้วจามจุรี สแควร์ หรูเกินไป เข้าไปแล้วเดี๋ยวเดินไม่ถูก ไม่รู้จะเดินไปทางไหน เวลาจะเปิดจะปิดร้านก็ต้องตามเวลาเขา...ไม่สะดวกหรอก

"เลยบอกทางจุฬาฯไปว่า อย่างงั้นขอไปอยู่ ยู เซ็นเตอร์ ดีกว่า ปิดร้านดึกได้ แต่ก็เป็นร้านชั้นเดียวนะ ที่นี่มีตั้ง 4 ชั้น ยังไม่รู้เลยว่าจะขนของไปยังไง ตู้นี่ก็ไม่รู้จะเอาไปยังไง" เสียงเจ้าของร้านตอบ แล้วมองไปที่ตู้กระจก 2 ตู้หน้าร้านมีสินค้าสารพัดอยู่ข้างใน

เจ้าของร้านขวัญใจชาวจุฬาฯ หันกลับมาพยักพเยิดกับคนฟัง บอกเสียงดังกว่าปกติ ว่า- -

"จีฉ่อยจะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ปลายปีนี้แหละ แล้วว่าจะทำป้ายชื่อร้านจีฉ่อยตัวใหญ่ๆ เขาจะได้รู้ว่าตัวจริงเสียงจริง" หญิงวัยเจ็ดสิบยิ้มกว้างถูกอกถูกใจ

เป็นอันว่า "จีฉ่อย" ขวัญใจชาวจุฬาฯ ยังไม่ปิดตำนาน แค่เพียงย้ายนิวาสถานจากริมถนนไปอยู่อาคารไฮโซเท่านั้นเอง

Attapol Jaturapornkul

Legal Affairs

Tel. 02-797-9000 Ext..5563


ป๋าทู ขอบคุณสำหรับเรื่องราวอันน่าประทับใจ ของจีฉ่อย...แล้วลุงณะจะลองแวะไปอุดหนุนเมื่อมีโอกาส..คับ
      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #1738 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 22:49:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ dtoy เมื่อ 24 กรกฎาคม 2552, 10:17:24
คุณท่านป่านนี้คงจะปร๋ออยู่ไทเปล่ะซี

Make the most of it.


-Tadaima..คุณนายมิลส์ คุณนายจุ๋ม คุณนายอ้อย ป๋าทู น้าหนุ่ม และเสี่ยพจน์  ..ขอบคุณที่แวะมาดูบ้านลุงณะให้ขณะไม่อยู่

เล่าเรื่องวัดที่นี่อีกหน่อย คณะของเราก็ร่วมทำบุญด้วยตามกำลัง แต่เวลาสวดมนต์ เราจะไม่กุมท้องเหมือนคนอื่นๆ ลองสังเกต ว่ามีท่านไหนคือสมาชิกของคณะลุงณะ ที่ทำสวยกว่าคนอื่นๆ ล่ะใช่


 gek   gek

      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #1739 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2552, 23:42:09 »

ลุงณะไปเที่ยวคงสนุกดีนะคับ
      บันทึกการเข้า
churaipatara
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 27,182

« ตอบ #1740 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 08:57:12 »

สวัสดีวันพฤหัสค่ะ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #1741 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 09:00:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 29 กรกฎาคม 2552, 23:42:09
ลุงณะไปเที่ยวคงสนุกดีนะคับ

- น้องสน ลุงณะไปดูงานร้านหนังสือ ต้องพาสมาชิกกว่า 40 คนจากทั่วประเทศไปดูร้านหนังสือขนาดยักษ์ของที่นี่  และต้องจัดให้เห็น City Tour เพื่อมิให้เรื่องมันน่าเบื่อ  ..หากสิ่งนี้คือการเที่ยว ลุงณะขอนอนอยู่บ้าน หรือไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด หรือเลื่อยไม้ที่บ้านดีกว่า ... หลังกลับมาก็ต้องมาสรุป ในขณะที่เดินขาลาก เพราะคิวแน่นตลอดการเดินทาง จากตี 2 ของวันที่ 25 จนถึง ตี 3 ของวันที่ 27 ..ไปทรมานยาวขนาดนี้..มันสนุกตรงไหนเนี่ย...   :'-)

แต่ไหนๆ ไปแล้วเจออะไรแปลกๆ จากบ้านเค้า ก็เอามาเล่าแลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้แตกฉาน..เพราะที่โน่นฐานะ ความเป็นอยู่ วิธีคิดค่อนข้างเป็นระบบกว่าเรา ในขณะที่ต้องดิ้นรนกว่าเรา..
      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
dtoy
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,076

« ตอบ #1742 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 09:42:01 »

คุณท่านกลับสู่สภาพปกติแล้วซีนะ...no jetlag, no fatigue !!

ทัวร์ไต้หวันของคุณลุงณะช่างมีหลายรสจริงๆ

ทั้งย่านหนุ่มสาว แหล่งความรู้และแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจ

เกาะเล็กๆแห่งนี้ช่างเต็มไปด้วยผู้คนซะจริง  พลุกพล่านดีนะคุณท่าน-อบอุ่นไม่น้อย

"ดิ้นรนต่อสู้"  อันนี้แน่นอนเลย  ชาวใต้หวันคิดว่าตนเป็นประเทศอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ 

แต่ชาวแผ่นดินใหญ่ชอบคิด(และพยายามให้ทั่วโลกคิด)ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตนอยู่
      บันทึกการเข้า

Live Your Dream   
dtoy
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,076

« ตอบ #1743 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 09:44:34 »

ขอบคุณคระคุณท่าน  ที่ลงสีสันของไต้หวันให้ดู  มีอีกอะป่าว?
      บันทึกการเข้า

Live Your Dream   
หนุ่ม2524
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2524
กระทู้: 1,042

« ตอบ #1744 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 11:23:22 »

ติดตามดูรูป ลุงณะ ทำงาน อยู่นะครับ
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #1745 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 12:20:56 »

มันอาจจะทำให้คุณหายกลัวผีก็ได้......เชื่อเหอะ....

- อย่านอนเตียงที่มีใต้เตียงโล่ง ถ้ากลัวมากๆก็ให้ไปนอนใต้เตียงแทน ปล่อยผีนอนบนเตียงไป

- ถ้ากลัวผีช่องแอร์ให้เปิดหน้าต่างนอน ให้กระสือมาหลอกแทน

- ถ้ากลัวไฟปิดเปิดเองได้ ให้ถอดหลอดไฟออกทุกดวง เช่นเดียวกับก๊อกน้ำเปิดเอง ก็ให้เปิดมันทิ้งไว้

- ถ้าอยู่ดีๆได้กลิ่นธูป ให้คว้าการบูรมาดม

- ถ้าอยู่ดีๆได้ยินเสียงเพลงไทย ให้เอา ipod มาเปิด hip hop ฟัง

- ถ้าอยู่ดีๆ ได้ยินเสียงเด็กหรือผู้หญิงร้องไห้ ให้ลุกขึ้นมาปลอบใจผี

- ถ้าเพื่อนโดนผีเข้า ให้เมินมันแล้วไปนอน พอไม่มีใครสนใจผีก็จะเซ็งออกไปเอง

- ถ้ามีเงาอะไรผ่านหน้าต่างไป ให้ไปยืนแถวๆหน้าต่าง ทำเงาผ่านย้อนไปบ้าง

- ถ้ากลัวจะมีใครมายืนอยู่ปลายเตียง ก็ให้นอนเอาหัวมาไว้ปลายเตียง (ดูซิจะไปยืนไหน)

- ถ้าผีมาขอส่วนบุญ ให้ถามว่าสามารถโอนเข้าบัญชีได้ที่วัดไหน สาขาอะไร รับบัตรเครดิตหรือเปล่า?

- ถ้าผีจะมาให้หวย ให้บอกไปว่า รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ?โอกาสหน้ามาใหม่นะคะ

- ถ้าผีจะตามกลับไปอยู่ที่บ้าน บอกให้ผีไปทำเรื่องย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านในฐานะผู้อยู่อาศัยให้ถูกต้องตามกฏหมายเสียก่อน

- ถ้าไปแถวพัทยา อย่าลืมเอา Dictionary ไปด้วย เพราะอาจเจอผีฝรั่ง

- ถ้าเปิดทีวีแล้วเจอภาพบ่อน้ำ ให้เอาทีวีไปวางบนขอบระเบียง (ในกรณีที่เป็นชั้น 3 ขึ้นไป) ผีที่คลานออกมาจากทีวีจะตกระเบียงตายเอง

- ถ้าอยู่ดีๆน้ำฝักบัวที่อาบกลายเป็นเลือด ให้เอาถุงมารอง แล้วนำเลือดไปขายตามโรงพยาบาล

- ถ้าอยู่ดีๆภาพหน้าตัวเองในกระจกเป็นหน้าผี อย่าตกใจ ให้รีบหาสีเมจิกมา 1แท่ง แล้วเติมหนวดลงไปในกระจก

- ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับผีในตู้เสื้อผ้า เขียนป้ายแปะไว้ว่า "ที่หมานอน"

- กลัว ผีนั่งทับตัวกลางดึก ให้นอนคว่ำหน้า (ถ้าคิดว่าจะหายใจไม่ออก ให้ใส่ถังสกูบ้านอน) หลังจากนี้ต่อให้ผีมานั่งทับก็จะไม่อึดอัด แถมยังสบายตัวคล้ายนวดกดจุด

- ถ้ากลัวผีในลิฟท์ ให้ยกของหนักๆไปด้วย ผีจะตามมาด้วยไม่ได้เพราะน้ำหนักจะเกิน

- ถ้าถ่ายรูปแล้วติดผี ให้นำหน้าผีไปตัดต่อกับภาพโป๊ ผีจะอายไม่กล้ามาหลอกอีก

- ถ้าคุณเริ่มเอะใจว่าผู้หญิงที่โบกรถมากับคุณจะเป็นผีหรือเปล่า ให้เรียกเก็บค่าโดยสารก่อนที่เธอจะหายไป

- ถ้าคุณเห็นภาพผู้หญิงอยู่บนกระจกรถ แวะเข้าปั๊ม แล้วเรียกเด็กมาเช็ดกระจก

- ถ้าอยู่ดีๆคุณเห็นคนนั่งมาตรงเบาะหลังบนกระจกมองหลัง ถามไปว่า "สรุปไปพัฒพงษ์" ใช่ไหมครับ?

- ถ้าคุณพบผีเปรตในวันฝนฟ้าคะนอง ให้ก้มตัวต่ำ ฟ้าจะผ่าโดนผีก่อน

- ถ้าคุณทำตามนี้ได้หมดผีจะไม่มาหลอกคุณเลยเพราะเชื่อได้เลยว่าคุณบ้ากว่าผีอีก!!!
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
jacky
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,852

« ตอบ #1746 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 19:04:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ ganna เมื่อ 30 กรกฎาคม 2552, 09:00:14
อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 29 กรกฎาคม 2552, 23:42:09
ลุงณะไปเที่ยวคงสนุกดีนะคับ

- น้องสน ลุงณะไปดูงานร้านหนังสือ ต้องพาสมาชิกกว่า 40 คนจากทั่วประเทศไปดูร้านหนังสือขนาดยักษ์ของที่นี่  และต้องจัดให้เห็น City Tour เพื่อมิให้เรื่องมันน่าเบื่อ  ..หากสิ่งนี้คือการเที่ยว ลุงณะขอนอนอยู่บ้าน หรือไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด หรือเลื่อยไม้ที่บ้านดีกว่า ... หลังกลับมาก็ต้องมาสรุป ในขณะที่เดินขาลาก เพราะคิวแน่นตลอดการเดินทาง จากตี 2 ของวันที่ 25 จนถึง ตี 3 ของวันที่ 27 ..ไปทรมานยาวขนาดนี้..มันสนุกตรงไหนเนี่ย...   :'-)

แต่ไหนๆ ไปแล้วเจออะไรแปลกๆ จากบ้านเค้า ก็เอามาเล่าแลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้แตกฉาน..เพราะที่โน่นฐานะ ความเป็นอยู่ วิธีคิดค่อนข้างเป็นระบบกว่าเรา ในขณะที่ต้องดิ้นรนกว่าเรา..

ได้เอาหนังสือในเครือ ลาย-เส้น ของพี่เต้ยไปด้วยบ่ครับลุงณะ
      บันทึกการเข้า

จงทำงาน         อย่างมี         ความสุข
แต่อย่าหลงไปมีความสุขที่ได้อยู่กับงาน
Lamai
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,712

« ตอบ #1747 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 20:18:28 »

เที่ยวเพลินเลยกรรณะ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
Uncle Na
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2524-2201
คณะ: นิเทศ
กระทู้: 4,957

« ตอบ #1748 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 21:28:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ jacky เมื่อ 30 กรกฎาคม 2552, 19:04:54
อ้างถึง
ข้อความของ ganna เมื่อ 30 กรกฎาคม 2552, 09:00:14
อ้างถึง
ข้อความของ phraisohn เมื่อ 29 กรกฎาคม 2552, 23:42:09
ลุงณะไปเที่ยวคงสนุกดีนะคับ

- น้องสน ลุงณะไปดูงานร้านหนังสือ ต้องพาสมาชิกกว่า 40 คนจากทั่วประเทศไปดูร้านหนังสือขนาดยักษ์ของที่นี่  และต้องจัดให้เห็น City Tour เพื่อมิให้เรื่องมันน่าเบื่อ  ..หากสิ่งนี้คือการเที่ยว ลุงณะขอนอนอยู่บ้าน หรือไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด หรือเลื่อยไม้ที่บ้านดีกว่า ... หลังกลับมาก็ต้องมาสรุป ในขณะที่เดินขาลาก เพราะคิวแน่นตลอดการเดินทาง จากตี 2 ของวันที่ 25 จนถึง ตี 3 ของวันที่ 27 ..ไปทรมานยาวขนาดนี้..มันสนุกตรงไหนเนี่ย...   :'-)

แต่ไหนๆ ไปแล้วเจออะไรแปลกๆ จากบ้านเค้า ก็เอามาเล่าแลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้แตกฉาน..เพราะที่โน่นฐานะ ความเป็นอยู่ วิธีคิดค่อนข้างเป็นระบบกว่าเรา ในขณะที่ต้องดิ้นรนกว่าเรา..

ได้เอาหนังสือในเครือ ลาย-เส้น ของพี่เต้ยไปด้วยบ่ครับลุงณะ

- น้าจักร  งานนี้ไม่มีการขายตรงใดๆ  ซอฟท์เซลส์มากๆ   

- น้าไม ไม่ได้เที่ยวจ้ะ ไปทำงานต้องคอยเป็นบริกร และแก้ไขปัญหาให้คณะที่ไป  คนที่ได้เที่ยวคือแขกของลุงณะและสพจ.ที่ไป  ไปเที่ยวแบบนี้ไปนอนกะพ่อและแม่ ที่บ้านนอกดีกว่า..

ขอคั่นรายการ

 gek gek

เห็นพี่หนุน มาพูดเรื่องวันภาษาไทย เมื่อก่อนที่จุฬ่าฯ จัดงาน ลุงณะก็มีส่วนได้อยู่เบื้องหลังงานด้วย..วันนี้จึงไปคัดมาจากกระปุกดอทคอม ไว้อ้างอิง  ขอขอบคุณเวบกระปุกไว้ ณ ที่นี้ด้วย

29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติเรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม

ภาพประกอบนี้เป็นท่านอธิการดร.ธัชชัย คุณหญิงกุลทรัพย์ มีท่านอาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย อักษร จุฬาฯ  แม่เลี้ยงพัช และมาดามจุ๋มรู้จักท่านอาจารย์ชื่อดังสองท่านนี้ อ๊ะเป่า



รู้กันหรือไม่ว่าภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ ก็มีวันที่ระลึกถึงภาษาไทยของเราด้วยเหมือนกัน โดยในวันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี ประเทศไทยได้กำหนดให้เป็น "วันภาษาไทยแห่งชาติ"

ความเป็นมาของวันภาษาไทยแห่งชาติ
สืบเนื่องจากคณะกรรมการรณรงค์เพื่อภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย และมีความห่วงใยในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อภาษาไทย รวมถึงเพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้คนไทยทั้งชาติได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย ตลอดจนร่วมมือกันทำนุบำรุง ส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป จึงได้เสนอขอให้รัฐบาลประกาศให้วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี เป็น วันภาษาไทยแห่งชาติ เช่นเดียวกับวันสำคัญอื่นๆ ที่รัฐบาลได้จัดให้มีมาก่อนแล้ว เช่น วันวิทยาศาสตร์,วันสื่อสารแห่งชาติ เป็นต้น และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 เห็นชอบให้วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ 

เหตุผลที่เลือกวันที่ 29 กรกฎาคม เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ
สำหรับเหตุผลที่เลือกวันที่ 29 กรกฎาคม เป็น วันภาษาไทยแห่งชาติ นั้นเพราะวันดังกล่าว ตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธาน และทรงร่วมอภิปรายในการประชุม

ทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ห้องประชุมคณะอักษรศาสตร์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ทรงเปิดอภิปรายในหัวข้อ "ปัญหาการใช้คำไทย" โดยพระองค์ทรงดำเนินการอภิปรายและทรงสรุปการอภิปราย ที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถและความสนพระราชหฤทัยรวมถึงความห่วงใยในภาษาไทย ซึ่งเป็นที่ประทับใจกับผู้ร่วมเข้าประชุมในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนั้น มีใจความตอนหนึ่งว่า "เรามีโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ ปัญหาเฉพาะในด้านรักษาภาษาก็มีหลายประการ อย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในทางออกเสียง คือให้ออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจน อีกอย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในวิธีใช้ หมายความว่าวิธีใช้คำมาประกอบประโยค นับเป็นปัญหาที่สำคัญ ปัญหาที่สามคือความร่ำรวยในคำของภาษาไทย ซึ่งพวกเรานึกว่าไม่ร่ำรวยพอ จึงต้องมีการบัญญัติศัพท์ใหม่มาใช้... สำหรับคำใหม่ที่ตั้งขึ้นมีความจำเป็นในทางวิชาการไม่น้อย แต่บางคำที่ง่ายๆ ก็ควรจะมี ควรจะใช้คำเก่าๆ ที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ควรจะมาตั้งศัพท์ใหม่ให้ยุ่งยาก..."



นับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของวงการภาษาไทย ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว ซึ่งในโอกาสต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงแสดงความสนพระราชหฤทัยและความห่วงใยในภาษาไทยอีกหลายโอกาส อย่างในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 ที่ได้ทรงมีพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า "ในปัจจุบันนี้ปรากฏว่า ได้มีการใช้คำออกจะฟุ่มเฟือย และไม่ตรงกับความหมายอันแท้จริงอยู่เนืองๆ ทั้งออกเสียงก็ไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าปล่อยให้เป็นไปดังนี้ ภาษาของเราก็มีแต่จะทรุดโทรม ชาติไทยเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่งอันประเสริฐอยู่แล้ว เป็นมรดกอันมีค่าตกทอดมาถึงเราทุกคนจึงมีหน้าที่จะต้องรักษาไว้ ฉะนั้นจึงขอให้บรรดานิสิตและบัณฑิต ตลอดจนครูบาอาจารย์ได้ช่วยกันรักษาและส่งเสริมภาษาไทย ซึ่งเป็นอุปกรณ์และหลักประกันเพื่อความเจริญวัฒนาของประเทศชาติ"

นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังมีพระปรีชาญาณและพระอัจฉริยะภาพในการใช้ภาษาไทย ทรงรอบรู้ปราดเปรื่องถึงรากศัพท์ของคำไทย คือ ภาษาบาลีและสันสกฤต ทรงพระอุตสาหะวิริยะแปลและเรียบเรียงวรรณกรรมภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยที่สมบูรณ์ด้วยลักษณะวรรณศิลป์ มีเนื้อหาสาระที่มีคุณค่า เป็นคติในการเสียสละเพื่อส่วนรวม และเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนในการใช้ภาษาไทย ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์แปลเรื่องนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ ติโต พระราชนิพนธ์แปลบทความเรื่องสั้นๆ หลายบท และพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก เป็นต้น
      บันทึกการเข้า

จิตใจที่จุดประกายแล้ว คือทรัพยากรที่ทรงพลังที่สุดบนพิภพ เหนือพิภพ และใต้พิภพ/จิตวิญญาณมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้/ โดย เอพีเจ อับดุล กาลัม/สุวิทย์ วิบูลเศรษฐ์  แปล
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #1749 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2552, 21:46:44 »

หวัดดียามดึกค่ะลุงณะอ่านแล้วได้ความรู้เยอะมากเลยค่ะ
ขอบคุณลุงณะนะคะไปทำงานแดนไกลสุดแสนจะเหนื่อย
ยังมีใจให้พี่น้องผองเพื่อนได้รับความรู้ในแง่มุมต่างๆด้วยค่ะขอบคุณมากๆค่ะ
 ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 68 69 [70] 71 72 ... 183   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><