เอามาจาก space ของเอ๋อเองค่ะ
อยากให้ได้อ่านกัน 03 ธันวาคม
ทรงพระเจริญ อยู่ยิ่งยืนนานใกล้วันพ่อแล้ว...
วันนี้ พันธมิตรฯ ประกาศยุติการชุมนุมที่ยืดเยื้อยาวนานมาได้เกือบ 200 วัน
แต่ม็อบคนเสื้อแดง นปช. ยังยืนยันจะชุมนุมต่อไปจนถึงวันที่ 8 ธ.ค.
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ เกิดขึ้นในช่วงระยะหลายเดือนที่ผ่านมา
ทำเอาผู้คนในบ้านเมืองหน้าดำคร่ำเครียดไปตามๆ กัน
ทั้งสองฝ่ายต่างประกาศจุดยืนว่าเพื่อปกป้องประชาธิปไตย
แต่สงสัยคงเป็น 'ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน' ที่แต่ละฝ่ายต่างตีความคำว่าประชาธิปไตยเข้าข้างตัวเอง
(นับประสาอะไร ขนาดพระจันทร์ยิ้ม มันยังบอกว่ายิ้มให้มันเลย)
จะอ้างประชาธิปไตย อ้างความถูกต้องอะไรก็พูดไปเถอะ
เพราะ ณ จุดนี้ ประเทศไทยเรายังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยอีกมาก
เรายังเป็นแค่เด็กหัดคลาน ในขณะที่ต้นตำรับเช่นฝรั่งเศสเขาปฏิวัติกันสำเร็จไปเมื่อกว่า 200 ปีมาแล้ว
แต่ที่ยอมไม่ได้สุดๆ ก็คือ การอ้างว่าตัวเองทำเพื่อสถาบันนี่แหล่ะ
ทำไมต้องดึงสถาบันมายุ่งด้วยนะ ยิ่งพอเห็นคนก่อความรุนแรง ยิงปืน ขว้างปา ต่อยกันอุตลุดโดยที่มือก็ยังชูพระบรมฉายาลักษณ์แล้ว
แม่ช้อยสี่แผ่นดินอย่างอิฉัน น้ำตามันจะไหลเอาจริงๆ
แต่เมื่อวานอิฉันได้เห็นเรื่องดีๆ ที่คนไทยเล็กๆ คนหนึ่ง ได้ทำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ทำด้วยความสุจริตใจ และด้วยความมุ่งมั่นศรัทธาอันแรงกล้า ในฐานะพสกนิกรคนหนึ่งของพระองค์ ก็ให้รู้สึกอิ่มเอมและตื้นตันใจ
เมื่อวานนี้ได้ดูตี 10 ช่วงสนทนา
จริงๆ อิฉันก็ว่างเว้นจากการดูรายการนี้มาพักใหญ่
เหตุเพราะมันหาสาระอะไรไม่ค่อยจะได้เลย
แต่เทปที่ผ่านมา ทางรายการเชิญ คุณหนึ่ง วิทิตนันท์ โรจนพานิช มาออกรายการในฐานะคนไทยคนแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสได้สำเร็จ
(เป็นนิสิตเก่าคณะศิลปกรรมฯ จุฬาฯ ด้วย)
ความสำเร็จนี้ก็เพียงพอที่จะชื่นชมแล้ว แต่ที่มากไปกว่านั้น
คุณหนึ่งบอกว่า แรงบันดาลหนึ่งเดียวของเขาก็คือ "เขาตั้งใจพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ"
คุณหนึ่งเล่าที่มาของแรงบันดาลใจครั้งนี้ว่า ครั้งหนึ่งเขาได้ทำโครงการละครร่วมกับเพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่ง
ชาวต่างชาติคนนี้ได้เห็นข่าวคราวความรุนแรงต่างๆ ในบ้านเมืองเรา ก็ได้คุยกับคุณหนึ่งว่า
ทำไมคนที่มีอำนาจสูงสุดอย่างพระเจ้าอยู่หัว จึงไม่ทำอะไรเลย ทำไมจึงไม่กำจัดคนชั่ว ไม่ลงโทษโจรให้หมดไป
คุณหนึ่งโกรธมาก ถึงกับบอกเพื่อนคนนั้นว่าให้หยุดพูด ไม่อย่างนั้นจะต้องมีเรื่องกันแน่ๆ
แล้วเขาก็เล่าและอธิบายให้เพื่อนฟังว่า พระเจ้าอยู่หัว ได้ทำอะไรให้แก่ประเทศชาติและพสกนิกรของพระองค์บ้าง
พูดไปพร้อมกับร้องไห้ไป จนเพื่อนคนนั้นต้องบอกให้หยุด เพราะเขาเข้าใจแล้ว
และเขาก็ได้ถามคุณหนึ่งกลับว่า "แล้วในฐานะพสกนิกรของพระองค์ท่านล่ะ คุณได้ทำอะไรให้พระองค์บ้าง?"
วินาทีนั้นคุณหนึ่งบอกว่า เขาอึ้งไปเลย...(เช่นเดียวกับเราที่อึ้ง และต้องถามตัวเองกลับเหมือนกัน)
และนับแต่นั้นเขาก็ตั้งใจว่า ชั่วชีวิตนี้จะต้องอุทิศชีวิตเพื่อดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท
จนกระทั่งนำมาสู่การตัดสินใจพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสในครั้งนี้
ก่อนไปยังได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพฯ และพระองค์ท่านได้พระราชทานธงไตรรงค์
ตรัสให้กำลังใจ แล้วก็ตรัสว่า "น่าจะเอาเฮลล์บลูบอยไปด้วย" (เราหัวเราะทั้งน้ำตาเลย)
คุณหนึ่งเล่าถึงการเดินทางและการปีนยอดเขาที่สูงที่สุดนี้ได้น่าตื่นเต้นมาก
ทำให้เห็นถึงความพยายามของคนคนหนึ่งที่ไม่เพียงแต่ต้องร่างกายแข็งแรงเท่านั้น
หากยังต้องมีกำลังใจอันแรงกล้าอีกด้วย น่านับถือจริงๆ
การเดินทางต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เพื่อปรับสภาพร่างกายให้พร้อม ต้องเผชิญกับความหนาวเย็นถึง -40 องศา
และอันตรายชนิดที่อาจจะตายได้ทุกเมื่อ เราว่าคนที่ดูอยู่เมื่อคืนนี้ก็ต้องนับถือ "ใจ" ของเขากันทุกคน
และในที่สุด คุณหนึ่งก็สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสได้สำเร็จ
เป็นคนไทยคนแรกที่สามารถไปยืนได้ตรงจุดที่สูงที่สุดในโลก
ปกติแล้ว คนที่ไปถึงจุดนั้นแล้วมักเป็นกันก็คือ ร้องไห้ด้วยความดีใจ
แต่สิ่งแรกที่คุณหนึ่งทำก็คือ การชูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้น
เพื่อแสดงว่า เขาได้ทำตามความตั้งใจได้สำเร็จแล้ว
คุณหนึ่งบอกว่า พอเขาชูพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้น ชาวชาปาร์ที่เขาจ้างไปเป็นคนนำทางก็ถามว่า
"นั่นรูปใคร พ่อคุณหรือ?"
คุณหนึ่งตอบว่า "ใช่" แต่ไม่ใช่พ่อของเขาคนเดียว เป็นพ่อของคนไทยอีก 60 ล้านคน
(ตอนนี้คุณหนึ่งได้รับเสียงปรบมือดังมาก)
ชาวต่างชาติที่ไปด้วยก็เข้ามาจับมือและบอกว่า "คุณเป็นลูกที่ดีมาก"
ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนึ่งบอกว่าขณะที่เขาชูพระบรมฉายาลักษณ์ ก็มีชาวตะวันตกกลุ่มหนึ่งที่ขึ้นมาพร้อมกัน
ตะโกนขึ้นว่า "King of Thailand" แล้วเขาก็ลุกขึ้นปรบมือ และร้องว่า "Long Live The King"
วินาทีนั้น ให้เดาใจคุณหนึ่ง เราว่า เขาคงปลื้มปิติมากและตื้นตันจนน้ำตาไหล (อย่าว่าแต่เขาเลย เราเองก็น้ำตาไหลพรากๆ)
ในคลิปวีดิโอที่คุณหนึ่งถ่ายมา ทำให้เราเห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติ และอันตรายในแต่ละขั้นตอนของการเดินทาง
ไม่ใช่ของง่ายๆ ที่เราจะได้เห็นกัน
แต่ว่าที่ทำให้เราประทับใจมากที่สุดก็คือ ภาพที่คุณหนึ่งยืนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีทั้งน้ำตาอยู่บนยอดเขาเอเวอร์เรสจนจบเพลง
และกล่าวปิดท้ายว่า "ผมรักในหลวงครับ"
เป็นภาพที่ทำให้ตื้นตันมากจนน้ำตาไหล ยังไม่รวมการโบกธงชาติไทยและป้ายผ้าที่มีข้อความว่า
"ทรงพระเจริญ อยู่ยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ ตลอดกาล...ตลอดไป"(ถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอผู้ชายคนนี้แต่งงานจริงๆ)
เราว่ารายการตี 10เมื่อคืนนี้ ทำให้เราเห็นถึงความรัก ความศรัทธาและความจงรักภักดีอันยิ่งใหญ่ของคนไทยคนหนึ่งที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
เห็นถึงแรงบันดาลใจมากมายที่พระองค์ท่านได้ให้แก่คนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ให้เขาได้ทำในสิ่งที่มุ่งมั่นจนสำเร็จ
การอุทิศความสำเร็จให้ใครสักคน มันมีความหมายมากกว่าการทำอะไรเพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว
และนั่นก็คงเป็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่พระเจ้าอยู่หัวของเรา ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันยาวนานมาตลอดนับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์
มันอาจเหนื่อยยาก อาจเป็นเรื่องที่ดูไม่สมเหตุสมผลเลยในสายตาของใครหลายคน (โดยเฉพาะคนที่ไม่เข้าใจ)
แต่เราขอบังอาจคิดว่า พระองค์ท่านทรงทราบถึงความสุขของการทำเพื่อผู้อื่นได้ดีกว่าใครๆ
และก็หวังว่าการกระทำของคุณหนึ่งในครั้งนี้ จะกลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้ใครต่อใครอีกหลายคน
ที่จะมุ่งมั่นทำความดีหรือประโยชน์อะไรสักอย่างหนึ่งให้แก่ประเทศชาติ แก่สังคม และแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผู้เป็นที่เคารพรักยิ่งอย่างสูงสุดของพวกเรา
เช่นเดียวกับที่เรา ได้รับแรงบันดาลใจนั้นแล้ว...เช่นกัน
ปล. หาดูย้อนหลังกันได้นะ