ภาพจากทริปนี้ครับ

<< < (11/21) > >>

ลูกพิ้ง:
ออกจากหอคำหลวงพวกเรามุ่งหน้าไปทางด้านขวาของหอคำหลวง   เพื่อไปยังบริเวณสวนนานาชาติ  ผ่านสวนญี่ปุ่น  มาเลเซีย  ตรงกันข้ามมีสวนทิวลิปพร้อมกังหันลมตั้งตระหง่านอยู่  ด้านข้างก็มีรองเท้าไม้ขนาดยักษ์คล้ายๆ จะบอกว่าที่นี่เนเธอร์แลนด์จริงจริงนะจ้ะ  ใครใครก็มุ่งหน้ามาที่นี่กันเยอะเชียว  ว่าแล้วก็ผลัดกันถ่ายรูปพี่หนึ่งโช๊ะ......น้องหนึ่งแช๊ะ.....  เอ้าไปสวนอื่นกันต่อดีกว่า................

ลูกพิ้ง:
แสงแดดยามสายเริ่มแรงกล้าขึ้นมาเรื่อยๆ  พวกเราเริ่มอ่อนล้ากันนิดหน่อย.....เฮ้ย...ไม่ได้..แค่นี้ยังไม่พอ.......น้องชาร์ปได้ไปจองทริปการเดินชมสวนไทยกับกรมวิชาการเกษตร  แบบวอร์คกิ้งทัวร์รอบ 11  โมงไว้แล้ว    รอบก่อนหน้านี้เห็นพี่ๆ ซีมะโด่งหลายคนไปด้วย นำโดยทีมโดยพี่สิงห์และคณะ  

การเดินทางด้วยเท้า.......เริ่มต้นขึ้น.......อีกครา........คราวนี้พวกเราไม่ได้เดินเที่ยวกัน
แบบเรามีเรา......อีกแล้ว  พวกเรามีเพื่อนร่วมทางที่เริ่มต้นไปด้วยกันหลายสิบชีวิตดัวยกัน   พร้อมไกด์ที่คอยให้ข้อมูลความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ต่างๆ อย่างสนุกและ
น่าสนใจ  ไกด์กลุ่มเราชื่อคุณชาญ  ผู้มาพร้อมมุกตลกสอดแทรกเป็นระยะๆ ทำให้คลายความร้อนที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นทีละน้อยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ลูกพิ้ง:
จุดแรกที่พาไปเป็นสวนใต้ร่มยาง  ที่นี่มีสวนยางพาราขนาดใหญ่ที่ปลูกไว้เกือบ 23  ปีมาแล้วสูงตระหง่านและให้ร่มเหงา..... เอ๊ย  ร่มเงา......ได้เป็นอย่างดี  ที่นี่เราได้ทดลองกรีดยางและสัมผัสชีวิตชาวยางด้วยนะจ้ะ  

ออกจากจุดนี้ก็ไปยังเรือนร่มไม้ที่นี่มีมะพร้าวทะเลกับสัปปะรดสี  อิมพีเรียลรีสเป็นพระเอกกับนางเอกของงาน  ภายในนี้ไกด์ให้พวกเราได้สังเกตโครงสร้างของการจัดสวนแบบ Sky walk  การจัดโชว์แสดงพรรณไม้ซึ่งออกแบบได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว  เดินไปไกลอีกหน่อยก็เห็นสวนสัปปะรดกับสวนแก้วมังกรปลูกไว้อยู่  แต่ไม่ยักกะมีลูกให้เห็นสักกะต้น........สงสัยรองานนี้เลิกมันคงออกดอกออกลูกละม้างเนี่ย...........ฮา

ลูกพิ้ง:
ไกด์พาเราผ่านไปยังอาคารไม้ผลต่อด้วยอาคารพืชทะลทราย  บรรายากาศภายในร้อนได้ใจสมชื่อมั่กมากเชียวล่ะ  แกเอ๋ย   มีต้นเด็กผู้ชายดำ  เอ๊ย ไม่ใช่ แบลคบอย ดึงดูดใจให้ใครอยากไปดูด้วยเพราะเป็นไม้ท้องถิ่นและเป็นพืชสงวนของออสเตรเลียจ้ะ  นอกจากนี้ยังมีต้นตะบองเพชรต้นเล็กต้นน้อยกระจุ๋มกระจิ๋ม   อีกทั้งต้นใหญ่เต็มไปหมดเลย  อยู่ที่นี่นานไม่ไหวแล้วไปกันต่อดีกว่าเนอะ

 คราวนี้ไกด์พาเราหนีร้อนมาพึ่งเย็นที่อาคารไม้เมืองหนาวที่ปรับอุณหภูมิภายในไว้สมชื่อ  
เพื่อฟูมฟักต้นไม้เหล่านี้ไว้  อาคารนี้ใครๆ ก็อยากเข้า......จริงมะ......ก็เพราะมันติดแอร์เย็นฉ่ำนะซี้.........คราวนี้.ต้องต่อแถวรอเข้าไปจ้ะเจ้าหน้าที่จะให้เวลากรุ๊ปละ 10 นาทีด้วยกัน  

ที่นี่มีพรรณไม้เมืองหนาวเยอะแยะเชียว คล้ายกับขึ้นไปชมที่ดอยอ่างขางหรือโครงการหลวงทีเดียวเชียวล่ะ  อาทิเช่น กีวีฟรุต พริกหวานสีสีม่วงและช๊อคโกแลต มะเขือเทศสีดำ  เฟินรัศมีโชติ ฯลฯ

 

ลูกพิ้ง:
แต่ที่นี่ดูเหมือนทุกคนต่างตื่นเต้นกับดอกทิวลิปที่ปลูกไว้ 1 แปลงและเราสามารถเอาหน้าและตัวของเราไปประชันโฉมกับดอกไม้ได้อย่างสมใจเสียที  ใครไปเที่ยวงานนี้หากอยากประจันหน้ากับดอกทิวลิปชนิดที่ลมหายใจรดกัน.........มาที่นี่เลยจ้ะ อาคารพรรณไม้เมืองหนาว

นี่แก......ใครบอกเมืองไทยไม่มีทิวลิป.......เออ...มันก็ไม่มีจริงนี่หว่าว่าป่ะ......(เอ้า  ถามเองตอบเองซะเลย....เฮ้อ....) จะว่าไปแล้วไทยเราก็มีดอกไม้ชนิดหนึ่งซึ่งรูปทรงสวยงามไม่แพ้ดอกทิวลิปเลยน๊า  รู้มั้ยเอ่ย.....บอกให้ก็ได้........ดอกปทุมมาหรือดอกกระเจียวยังไงเล่า.......
ลองหลับตาดู(มันคงไม่เห็นหรอกเนอะ)  เอางี้มีรูปมาฝาก.....ถ้าเห็นแล้วไม่ถูกใจไปเปิดหนังสือท่องเที่ยวที่เค้าถ่ายแบบเป็นทุ่งดอกกะเจียวดูดิ่  พอไหวไหม...สูสีกันกะทุ่งดอกทิวลิปอ๊ะป่าว

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว