ภาพจากทริปนี้ครับ
ลูกพิ้ง:
ออกจากหอคำหลวงพวกเรามุ่งหน้าไปทางด้านขวาของหอคำหลวง เพื่อไปยังบริเวณสวนนานาชาติ ผ่านสวนญี่ปุ่น มาเลเซีย ตรงกันข้ามมีสวนทิวลิปพร้อมกังหันลมตั้งตระหง่านอยู่ ด้านข้างก็มีรองเท้าไม้ขนาดยักษ์คล้ายๆ จะบอกว่าที่นี่เนเธอร์แลนด์จริงจริงนะจ้ะ ใครใครก็มุ่งหน้ามาที่นี่กันเยอะเชียว ว่าแล้วก็ผลัดกันถ่ายรูปพี่หนึ่งโช๊ะ......น้องหนึ่งแช๊ะ..... เอ้าไปสวนอื่นกันต่อดีกว่า................
ลูกพิ้ง:
แสงแดดยามสายเริ่มแรงกล้าขึ้นมาเรื่อยๆ พวกเราเริ่มอ่อนล้ากันนิดหน่อย.....เฮ้ย...ไม่ได้..แค่นี้ยังไม่พอ.......น้องชาร์ปได้ไปจองทริปการเดินชมสวนไทยกับกรมวิชาการเกษตร แบบวอร์คกิ้งทัวร์รอบ 11 โมงไว้แล้ว รอบก่อนหน้านี้เห็นพี่ๆ ซีมะโด่งหลายคนไปด้วย นำโดยทีมโดยพี่สิงห์และคณะ
การเดินทางด้วยเท้า.......เริ่มต้นขึ้น.......อีกครา........คราวนี้พวกเราไม่ได้เดินเที่ยวกัน
แบบเรามีเรา......อีกแล้ว พวกเรามีเพื่อนร่วมทางที่เริ่มต้นไปด้วยกันหลายสิบชีวิตดัวยกัน พร้อมไกด์ที่คอยให้ข้อมูลความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ต่างๆ อย่างสนุกและ
น่าสนใจ ไกด์กลุ่มเราชื่อคุณชาญ ผู้มาพร้อมมุกตลกสอดแทรกเป็นระยะๆ ทำให้คลายความร้อนที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นทีละน้อยได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ลูกพิ้ง:
จุดแรกที่พาไปเป็นสวนใต้ร่มยาง ที่นี่มีสวนยางพาราขนาดใหญ่ที่ปลูกไว้เกือบ 23 ปีมาแล้วสูงตระหง่านและให้ร่มเหงา..... เอ๊ย ร่มเงา......ได้เป็นอย่างดี ที่นี่เราได้ทดลองกรีดยางและสัมผัสชีวิตชาวยางด้วยนะจ้ะ
ออกจากจุดนี้ก็ไปยังเรือนร่มไม้ที่นี่มีมะพร้าวทะเลกับสัปปะรดสี อิมพีเรียลรีสเป็นพระเอกกับนางเอกของงาน ภายในนี้ไกด์ให้พวกเราได้สังเกตโครงสร้างของการจัดสวนแบบ Sky walk การจัดโชว์แสดงพรรณไม้ซึ่งออกแบบได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว เดินไปไกลอีกหน่อยก็เห็นสวนสัปปะรดกับสวนแก้วมังกรปลูกไว้อยู่ แต่ไม่ยักกะมีลูกให้เห็นสักกะต้น........สงสัยรองานนี้เลิกมันคงออกดอกออกลูกละม้างเนี่ย...........ฮา
ลูกพิ้ง:
ไกด์พาเราผ่านไปยังอาคารไม้ผลต่อด้วยอาคารพืชทะลทราย บรรายากาศภายในร้อนได้ใจสมชื่อมั่กมากเชียวล่ะ แกเอ๋ย มีต้นเด็กผู้ชายดำ เอ๊ย ไม่ใช่ แบลคบอย ดึงดูดใจให้ใครอยากไปดูด้วยเพราะเป็นไม้ท้องถิ่นและเป็นพืชสงวนของออสเตรเลียจ้ะ นอกจากนี้ยังมีต้นตะบองเพชรต้นเล็กต้นน้อยกระจุ๋มกระจิ๋ม อีกทั้งต้นใหญ่เต็มไปหมดเลย อยู่ที่นี่นานไม่ไหวแล้วไปกันต่อดีกว่าเนอะ
คราวนี้ไกด์พาเราหนีร้อนมาพึ่งเย็นที่อาคารไม้เมืองหนาวที่ปรับอุณหภูมิภายในไว้สมชื่อ
เพื่อฟูมฟักต้นไม้เหล่านี้ไว้ อาคารนี้ใครๆ ก็อยากเข้า......จริงมะ......ก็เพราะมันติดแอร์เย็นฉ่ำนะซี้.........คราวนี้.ต้องต่อแถวรอเข้าไปจ้ะเจ้าหน้าที่จะให้เวลากรุ๊ปละ 10 นาทีด้วยกัน
ที่นี่มีพรรณไม้เมืองหนาวเยอะแยะเชียว คล้ายกับขึ้นไปชมที่ดอยอ่างขางหรือโครงการหลวงทีเดียวเชียวล่ะ อาทิเช่น กีวีฟรุต พริกหวานสีสีม่วงและช๊อคโกแลต มะเขือเทศสีดำ เฟินรัศมีโชติ ฯลฯ
ลูกพิ้ง:
แต่ที่นี่ดูเหมือนทุกคนต่างตื่นเต้นกับดอกทิวลิปที่ปลูกไว้ 1 แปลงและเราสามารถเอาหน้าและตัวของเราไปประชันโฉมกับดอกไม้ได้อย่างสมใจเสียที ใครไปเที่ยวงานนี้หากอยากประจันหน้ากับดอกทิวลิปชนิดที่ลมหายใจรดกัน.........มาที่นี่เลยจ้ะ อาคารพรรณไม้เมืองหนาว
นี่แก......ใครบอกเมืองไทยไม่มีทิวลิป.......เออ...มันก็ไม่มีจริงนี่หว่าว่าป่ะ......(เอ้า ถามเองตอบเองซะเลย....เฮ้อ....) จะว่าไปแล้วไทยเราก็มีดอกไม้ชนิดหนึ่งซึ่งรูปทรงสวยงามไม่แพ้ดอกทิวลิปเลยน๊า รู้มั้ยเอ่ย.....บอกให้ก็ได้........ดอกปทุมมาหรือดอกกระเจียวยังไงเล่า.......
ลองหลับตาดู(มันคงไม่เห็นหรอกเนอะ) เอางี้มีรูปมาฝาก.....ถ้าเห็นแล้วไม่ถูกใจไปเปิดหนังสือท่องเที่ยวที่เค้าถ่ายแบบเป็นทุ่งดอกกะเจียวดูดิ่ พอไหวไหม...สูสีกันกะทุ่งดอกทิวลิปอ๊ะป่าว
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว