khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3475 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2552, 22:09:04 » |
|
แขกลาเจ้าภาพจนเกือบหมด.. พ่อบ้านเลยไปทำงาน,ฝากshe กะคนข้างบ้านไปกะรถอีกคัน เจ้าภาพเชิญปากเปล่าครั้งสุดท้าย เพื่อทานอะไรกัน...ขับรถเองsheคงเผ่น นานแล้ว เพราะไม่ไช่ญาติ แต่เมื่อ ทั้งรถจะไป ก็เลยตามเลย...ไปกินเที่ยง หรูสุด ที่นี่
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3476 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2552, 22:15:46 » |
|
ตอนลาภรรยาและลูกสาว sheกระซิบตอนกอด... เค้าปล่อยโฮ..ทั้งแม่ทั้งลูก เพื่อนบ้านกระซิบ"ยูพูดว่าอะไร?" ไม่บอก...ความลับ อยู่มากี่ปี ทำไมไม่เคยมาที่นี่เลย ฮึ ไปที่รถ...มัวถ่ายเพลิน เดี๋ยวได้เดินกลับบ้านเอง
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3477 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2552, 22:18:27 » |
|
แถบที่ปลูกไวน์องุ่น.. ขอสักฮูปสองฮูบเถอะพณฯท่าน เหนื่อยจริงค่ะ...อิ่มด้วย เหนื่อยด้วย nn.
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3478 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2552, 22:44:26 » |
|
พี่อ้อย, วันนี้ก็อยากไปว่ายอีก แต่นํ้าเย็นจังคะ ผลัดไปพรุ่งนี้ ได้มั้ยพี่?
ลูกหนิงไม่อยู่บ้านเลยทั้งวันคะ gaffenbergทำซะเหนื่อยแปล้ค่ะ
|
|
|
|
|
naiamphureak
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #3480 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2552, 15:13:45 » |
|
พี่เจตน์ช่วงนี้คงจะเห่อลูกน่าดู นึกว่าไม่มีเวลาเข้าซีมะโด่งซะแล้ว ลูกควำได้หรือยัง ถ้าควำแล้วอย่าลืมรีบเอาขันรอง
|
|
|
|
naiamphureak
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #3481 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2552, 15:17:30 » |
|
พีหนิง ไหนไหนเปิดประเด็นเรื่องหลุมศพแล้ว ขอถามเกี่ยวกับเมื่อมีการตายของที่โน่น เขาทำยังไงกันบ้างในแง่พิธิการ และการปฏิบัติเกี่ยวกับคนตาย
|
|
|
|
naiamphureak
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #3482 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2552, 15:20:32 » |
|
พอกลับมาอ่านเวปพี่โดยละเอียดอีกที ได้คำตอบพอสมควรแล้วครับ ถ้าพี่มีเสริมอีกก็เชิญครับ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3483 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2552, 16:19:44 » |
|
พี่หนุนคะ, มีคนกระซิบถามหนิงว่าที่เมืองไทยประกอบพิธียังไง หนิงบอกเค้าว่าตั้งสวดหลายวัน(ปิดฝาโลงมั้ย,ใครเฝ้า, ตกแต่งมั้ย ฯลฯ)แขกที่มา ไม่รวมญาติสนิทที่อยู่ประจำ เลือกมาฟังสวดได้ตามเวลาว่างที่สะดวก หนิงบอกเค้า ว่าการกล่าวอะไรเพื่อลาผู้ตาย อาจเขียนในหนังสืออนุสรณ์ แต่จะได้รับเลือกไปพิมพ์หรือไม่ขึ้นกับความใกล้ชิด.
พิธีฝรั่งน่ารักตรงที่เค้ากล่าวหน้าmicrophoneแล้ว ยังเดิน ไปที่โลง กล่าวตรงๆอีก เหมือนพูดกะผู้ตาย...เห็นคนร้อง สะอึกสะอื้นแล้วพาลจาร้องตามค่ะพี่หนุน,หนิงว่าเป็นส่วนตัว มากกว่าในการแสดงความรู้สึกนึกคิด ตอนไปเลี้ยงข้าว ลูก สาวคนสวยเขียนอะไรให้พ่อ ฟังแล้ว หนิงคิดถึงพ่อจังพี่ ตอน พ่อเสียเราไม่มีโอกาสได้เอ่ยความรู้สึกออกมาครั้งสุดท้าย แบบนี้ แต่มันต่างกันเพราะคราวนี้กะทันหัน ขณะที่พ่อหนิง อยู่โรงพยาบาลนานพอที่เราจะได้ไปนั่งเฝ้า นั่งคุย.. ได้บอก ได้เล่า
เมื่อวานฟ้ามืดครึ้ม มัวมีหมอกคะ น่าเสียดายพี่ ไว้หนิงถ่ายอีกรอบตอนแดดดีๆนะคะ
|
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3485 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2552, 16:37:58 » |
|
ไม่นับเรื่องที่ต้องแจ้งทางเมือง ลงประกาศใน หนังสือ...แจ้งประกัน แจ้งบริษัทที่ทำงาน ต้องติดต่อบริษัท ที่จัดการเกี่ยวกับศพ
คุย-เลือกโลง-เลือกป้ายหลุมฝังศพถาวร (ที่ทำจากหิน-หินอ่อน-หินแกรนิต)เพราะ ฝังใหม่ๆเค้าใช้ไม้กางเขนชั่วคราวคะ หลายเดือน จึงค่อยมาเปลี่ยนถาวร เพราะต้องฝังถึง 25 ปีค่ะ.
บริษัทที่จัดการนี้เค้าทำแบบมืออาชีพ totally ดูดี ดูเป็นงานเป็นการค่ะ...แต่หลายตังส์นะ!
ผู้อยู่ข้างหลังน่ะ กำลังช็อค กำลังเหนื่อย ไม่ได้ไว่ทุกข์กันจริงๆหรอกค่ะ โน่น,process แห่งการระลึกถึงผู้ตาย ตามหลังมาตอนที่ เรื่องทุกอย่างเรียบร้อย เหงาเศร้า คนเดียว น่าสงสารคะ ฝรั่งเค้าไม่เหมือนคนไทยที่มีใคร อยู่ใกล้ๆตลอด...กว่าจะผ่านช่วงนี้ไปได้ แต่เค้าก็เริ่มชีวิตใหม่กันนะ เหมือนมืดแล้วสว่าง winterแล้วsummer,ฝนตกแล้วแดดออก... ชีวิตก็เหมือนกันค่ะ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3486 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2552, 16:59:43 » |
|
มีค่ะ! พี่ใช้คำว่าโบสถ์ จริงๆแล้วไม่ใช่ในchurchนะคะ เป็นศาลาในสุสานที่ไม่ใหญ่ แขกมากๆนี่ ยืนออกัน เต็มเลยล่ะ...เมื่อวานกว่าจะเสร็จ 09.30-11.00กว่านั่น อบร้อนกันเอี๊ยดคะ
พอได้รับอนุญาตเอาศพออกมาจากการชันสูตรแล้ว (โรงพยาบาล,สถานีที่เกี่ยวกับชันสูตรหากสงสัยฆาตกรรม) รถขนจากบริษัทรับจัดการนี้จะไปขนไปตกแต่ง วางไว้ ที่สถานสงบจิต หลายวันจนกว่าจะทำพิธีฝังค่ะ
แต่พี่สงสัยนะว่าตอนพนักงานฝังเข้าพื้นที่ ไม่มีใครอยู่ดูเป็นพยานเลยคะ...ถาม,เค้าบอก ทำใจไม่ได้....
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3487 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2552, 17:21:22 » |
|
พี่หนุน, หนิงไม่อยากจะsaidคะ! นอกจากจะสูญเสียคนที่รักไป พิธีกรรม ยุ่งยาก วุ่นวาย กว่าจะจัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จ เหตุการณ์หลังจากนี้น่ะสิ ที่เหนื่อยใจ กว่าหลายเท่า....เรื่องมรดกคะ!!
ที่โน่นต้องรัดกุม เพราะกฏหมายเข้มงวด การเป็นชาวต่างชาติมาสมรส ต้องรู้ว่า มีกฏหมายอะไรคุ้มครองเรารึปล่าว!! ญาติๆฝ่ายผู้ชายน่ะ ตอนอยู่ก็เห็นดีๆกันนะคะ แต่พอตอนไป...เมียกะลูกก็เหมือนตัวคนเดียว!! บางคนน่ะกลายเป็นคนแปลกหน้าเฉย... แม้ครอบครัวฝ่ายแฟนหนิง เค้ามีตัวอย่างให้เห็น ตอนปู่เสีย พ่อกะน้องสาวเป็นความกัน... ตอนคุณลุงเสีย ลูกๆสามคนมีทนายคนละคนมาพูด แทนเพราะกลายเป็นพูดกันเองไม่รู้เรื่อง!! เรื่องอะไรคะ? เรื่องเงินน่ะสิคะ...เงินเยอะๆด้วย ทุกคนอยากได้รับ ความยุติธรรม ไม่ไช่แต่แบ่งทรัพย์สิน แบ่งหนี้ด้วยค่ะ!! บางคนจะแบ่งเงินอย่างเดียวแต่ไม่ยอมรับหนี้...
ใหม่ๆก็ไม่เคยสนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ชักเป็นห่วงเด็กๆ เพราะเป็นทายาทสายตรง... แต่จริงๆแล้ว ควรจะทำให้เรียบร้อยตอนตัวยังอยู่ เพราะถ้าไม่ทำเอกสาร...โห พี่ จู่ๆญาติทำไมมีเยอะจัง!!! ตอนใช้ชีวิต ตอนเจ็บ เห็นมีแต่ครอบครัว ลูก-เมีย ตอนไปแล้ว โอ้ยโย๋ หลานฝั่งไหนๆ มากันตรึม
นั่นตัวอย่างคะพี่ ไม่ไช่เรื่องหนิงคะ เรื่องหนิงน่ะ รอบคอบกว่านี้คะ ไม่ทะเลาะเรื่องเงินเด็ดขาด ละอายใจคะ.
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3488 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2552, 17:29:12 » |
|
ชักเป็นห่วง! สะเดาจะมีขนมจีนอร่อยๆ ให้กินมั้ย ไม่รุ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3489 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2552, 22:20:39 » |
|
ฟังลุงทอมมากๆแล้วเศร้า ฟังป้าบรอนดี้ก็ได้ แดดร่ม ลมเอน.. ได้เวลา... ไป-ว่าย-นํ้า-ดี-กว่า พี่อ้อย วันนี้จะว่ายให้พี่ 10 นาทีextra 60 +10 ผอมแน่ ผอมแน่คะ goodnight nn.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3490 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 16:54:42 » |
|
สะเดาลวกจิ้มน้ำพริกพอได้ ถ้าเป็นสะเดาพร้อมดอกจิ้มน้ำปลาหวานต้องรอหนาวก่อนครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3491 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 17:37:00 » |
|
นำกับข้าวมาฝากครับจานนี้...น้องหนิงผัดเองได้อยู่แล้ว “สะตอผัดกะปิ” รสเข้มข้นอาหารปักษ์ใต้ / กุ๊กเล็ก27 สิงหาคม 2552 18:23 น. โดย : กุ๊กเล็ก “สะตอ” เป็นผักพื้นบ้านของภาคใต้ที่มีรสชาติดี แต่มีกลิ่นแรงสักนิด ซึ่งนิยมนำมาปรุงอาหารกินกัน ไม่ว่าจะนำมากินสดๆ กับน้ำพริกก็อร่อยดี หรือถ้าจะเพิ่มความอร่อยอีกสักนิดก็สามารถนำมาปรุงเพิ่มรสชาติ อย่างที่ในมื้อนี้ “กุ๊กเล็ก” ขอนำเสนอ “สะตอผัดกะปิ”(หรือกุ้งผัดสะตอ,สะตอผัดกุ้ง) ที่มีรสชาติเข้มข้นชวนกิน และชวนทำแบบไม่ยุ่งยากให้ได้ทำลองลิ้มกัน ส่วนผสมที่ต้องเตรียมมีดังนี้ สะตอ 1 ขีด กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ กุ้งสด 1 ขีด หมูสับ 1 ขีด กระเทียมกลีบเล็ก 5 กลีบ พริกชี้ฟ้าเขียวหั่นแฉลบ 5 เม็ด หอมใหญ่ 1/2 หัว น้ำตาล 1/2 ช้อนชา น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ น้ำซุปกระดูกหมู 1 ทัพพี วิธีการทำเริ่มจากแกะเม็ดสะตอออกจากฝักและหั่นครึ่งเม็ด แล้วนำมาแช่น้ำเปล่าประมาณ 10 นาที เพื่อสะตอไม่เหี่ยวเวลาผัด จากนั้นตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมกับพริกชี้ฟ้าเขียวลงไปผัดจนกระเทียมเหลืองนวล แล้วก็เติมน้ำซุปลงไปเล็กน้อย ใส่กะปิ จากนั้นจึงใส่หมูสับลงไปผัด พอหมูสุกแล้วใส่กุ้งสดลงไปผัด พอกุ้งเริ่มสุกใส่หอมใหญ่และตามด้วยสะตอ แล้วก็ใส่น้ำปลา น้ำตาลทราย ใส่น้ำซุปที่เหลือผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันแต่อย่าผัด นานเกินไป ผัดเร็วๆ สะตอจะได้กรอบ ชิมรสชาติสักนิดอ่อนอะไรก็เติมลงไปได้ตามใจชอบ เท่านี้ก็ได้ “สะตอผัดกะปิ” ไว้กินกับข้าว สวยร้อนๆ อิ่มเอร็ดอร่อยกันไป พิมพ์จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9520000098020เวลา 28 สิงหาคม 2552 18:03 น.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3492 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 17:41:03 » |
|
อาหารจานเด็ด เสริฟ์พร้อมข้าวสวยร้อนๆ เอาสเต็กมาแลกก็ไม่ยอม (รู้อยู่ เมืองไทยและบ้านนอก จะไปหาสเต็กได้ที่ไหน )
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3493 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 17:54:57 » |
|
พี่เหยงขา, ขอบพระคุณพี่อย่างสูง. ดูแล้ว หนิงขาดพริกชี้ฟ้า,กะปิ,หมูสับ เดี๋ยวแวะร้านเวียตกงงวดหน้า... จะขอrepeatคะพี่เพราะทั้งสามมีติดครัวตลอด ขาดแต่สะตอคะ.
nn.
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3494 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 18:00:56 » |
|
มีมาจำหน่ายนะพี่ จริงๆคะ เคยเห็นแน่ๆ แต่หนิงเป็นคนไม่ถูกกะของขมๆทุกชนิด ตอนเด็กๆ เวลาแม่ทำรายการนี้ เห็นท่าน ทานกันเองกะพ่อ....ไม่มีใครแย่งเลยค่ะ ที่จำไม่ลืมคือปลาดุกย่างต่างหาก.... ชอบปลานํ้าจืดมาแต่ไหนแต่ไร เพราะกิน ปลาทะเลทุกวันจนไม่อยากเจอคะ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3495 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 19:18:56 » |
|
เยี่ยมบ้านเที่ยวหน้า ต้องเตรียมเม็ดกลับไปปลูกแล้วครับ ไปหลายๆอย่าง พันธุ์ใส่ซองมีขายหลายชนิด โดยเฉพาะพวกพริก กระเพราะ
ญาติของพี่ไปอยู่ Chicago ทำร้านอาหาร ขากลับเอามะกรูดออกเหลืองแล้ว แกะเอาเม็ดไปปลูกในห้องกระจก ขึ้นมาทีละ 7-8 ต้น ใช้ทั้งใบมะกรูดทำต้มยำกุ้ง ผิวมะกรูดหั่นใส่แกงและผัด เนื้อมะกรูดส่วนหนึงเข้าใส่น้ำไว้ ล้างมือ และบีบเอาน้าออก เอาเปลือกสระผม เขาบอกว่า ใบขายกันครึ่ง oz ตั้ง US $ 6-7 แน่ะ ส่วนใบกระเพรา หน้าหนาว 3 ใบ คิด 10 เซนต์ พวกหลานๆ ช่วยกันปลูกแล้วขายให้พ่อไปทำภัตตาคาร
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3496 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 19:42:19 » |
|
ผู้หญิงไทยที่มีสวนสมัครเล่น เค้าปลูกกันจริง แต่ข้อเสียคือ summerที่โน่น สั้นๆ และผ่านไปเร็ว ผักที่ลง จึงขึ้นพร้อมๆกัน เก็บพร้อมๆกันเกินบริโภค แจกกันอุตลุตคะ. นี่น้องคนนึงโทรมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว บอกว่าจะเอา ผักในสวนมาฝาก แวะมาได้วันไหน...หนิงหูผึ่ง รีบบอก"เข้ามาเลยคะ บอกล่วงหน้า 1-2 ชม.พอ" จะได้เตรียมเครื่อง...ปีที่แล้ว หนิงทำราดหน้าหมู ติดๆ กันหลายวัน เพราะได้คะน้ามาแยะคะ เค้าไม่ค่อยขายคะ พี่เหยง แจกๆกันในหมู่คนไทย
nn.
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3497 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 22:34:02 » |
|
ต้นคะน้าและใบ ทำแห้งเก็บไม่ได้ ไม่เหมือนสะเดา ซึ่งทั้งใบและดอกนำไปต้มแล้วตากแดดให้แห้งใส่โหล กันเชื้อรา วันไหลอยากทานน้ำปลาหวาน ก็เอาออกมาแช่น้ำและต้มไฟอ่อนๆ ก็ได้ใบและดอกสะเดาน้ำปลาหวาน โดยมีเนื้อปลาช่อนต้มหรือย่าง หรือเนื้อปลาดุกย่างก็ได้ เป็นอาหารโปรตีนผสมเข้าไป
แค่พูดถึง ก็นึกอยากทานแล้วครับ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3498 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2552, 13:46:52 » |
|
สะเดา มะระ... แค่ได้ยินพี่เหยง ต่อมอยากกิน หดจู๋! คะ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3499 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2552, 14:39:21 » |
|
สะเดาน้ำปลาหวาน ต้องมีปลาช่อนย่างหรือนึ่ง หรือไม่ก็ต้องปลาดุกย่าง ประกอบด้วย สำคัญตรงนี้แหละ
|
|
|
|
|