ØØØ พี่ตี้ถาปัด2..ชวนคุย ØØØ

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ swsm เมื่อ 23 ธันวาคม 2553, 08:52:06
	สวัสดีปีใหม่ค่ะ ..

ขอบคุณพี่หยีมากครับ

มาสวัสดีปีใหม่จิงเกอเบลกันแล้ว
บรรยากาศใกล้สิ้นปีและปีใหม่ที่เมืองนอกคงจะสนุกสนานเป็นพิเศษนะครับ
ครอบครัวที่อบอุ่นของพี่หยีปีนี้อยู่กันพร้อมหน้า มีโปรแกรมคริสต์มาสที่ไหนหรือป่าวครับ

อากาศน่าจะหนาวเพราะเห็นข่าวหิมะตกไปทั่ว
คิดแล้วน่าไปเที่ยวช่วงคริสต์มาสดูสักครั้งว่าบ้านเมืองเขาฉลองกันยังไง

[phraisohn]

พี่ตี้ครับ ผมได้มีโอกาสได้ดูหนังสือภาพของพี่แล้วครับ
มัน "สุโค่ย" มากกกกกกกกกกกกกก
ได้แต่นั่งพูดว่า "ว้าว  ว้าว  ว้าวววววววววว"
ภาพสวยมากครับพี่ตี้
นับถือการนั่งจัดเลเอาท์และพิมพ์บทความ

พี่ตี้ไปทำที่ร้านไหนคับ ผมลองคำนวณดูแล้ว
ราคาไม่ได้สุงเท่านะครับ เมื่อเทียบกับคุณภาพ
(ตอนแรกนึกว่ามีเล่มเดียว นี่สามเล่ม เล่มละร้อยกว่าหน้า)

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ phraisohn เมื่อ 24 ธันวาคม 2553, 09:25:21
	พี่ตี้ครับ ผมได้มีโอกาสได้ดูหนังสือภาพของพี่แล้วครับ มัน "สุโค่ย" มากกกกกกกกกกกกกก ได้แต่นั่งพูดว่า "ว้าว  ว้าว  ว้าวววววววววว" ภาพสวยมากครับพี่ตี้ นับถือการนั่งจัดเลเอาท์และพิมพ์บทความ พี่ตี้ไปทำที่ร้านไหนคับ ผมลองคำนวณดูแล้ว ราคาไม่ได้สุงเท่านะครับ เมื่อเทียบกับคุณภาพ (ตอนแรกนึกว่ามีเล่มเดียว นี่สามเล่ม เล่มละร้อยกว่าหน้า)

พี่ไปพิมพ์ที่ร้าน Image Focus ที่น้ายนแกแนะนำมา
รู้สึกว่าจะเป็นคนผลิตหนังสือ Shutter Photography รายเดือนขายตามแผงหนังสือด้วย
พอดีพี่มีคูปองส่วนลดตอนสมัครสมาชิกนิตยสาร ก็เลยเอามาใช้อัดรูป
ทั้งหมด 3 เล่ม จ่ายไป 5,000 กว่าบาทแก่ๆ ซึ่งถ้าเป็นราคาเต็มก็ประมาณ 7,500 บาท
ลดไปประมาณ 1,000 กว่าบาท แต่เสียดายคูปองใช้ได้แค่ครั้งเดียวและเล่มเดียว

ไม่งั้นจะให้ยืมไปใช้จะได้ส่วนลดอีก แต่พี่ยังไม่ค่อย Happy กับคุณภาพของสีที่ออกมา
และการให้บริการก็ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ร้านอยู่แถวอุดมสุขโน่น ต้องขับรถไปรับไปส่ง
ไกลเหมือนกันนะ แถวสยามก็มีชื่อร้าน Image Gang ไม่รู้ว่าดีหรือป่าวยังไม่เคยลองไปอัดดู
สงสัยต้องไปลองดูสักครั้งนึง

[ตี้ถาปัด]

วันนี้ วันคริสต์มาสเรามาฉลองด้วยการเที่ยวกันให้เข้ากับบบรยากาศเฉิมฉลองแบบไม่ต้องเสียตังค์นะครับ
เมื่อคืนเรานอนพักค้างกันที่เมือง Fussen หลังจากเดินเที่ยวชมบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยสีสรร
เช้านี้เราจะออกเดินทางกันต่อจากเมือง Fussen  ย้อนกลับไปที่เมือง Rothenburg
โดยผ่านแวะผ่านเที่ยวเมือง Munich ครับ เราอำลา Fussen และปราสาท Neuschwanstein กันแต่เช้า




07.00
ตื่นรับอรุณพร้อมจัดวางกระเป๋าเดินทางไว้หน้าห้องดูจะเป็นกิจวัตรประจำวันของคาราวานนกขมิ้นเหลืองอ่อนในแบบคำ่ไหนนอนนั่นของพวกเราจนเคยชินซะแล้ว ความพร้อมเพรียงดังกล่าวเป็นผลมาจากความเป็น สว. ที่ตื่นเช้ากันจนเป็นนิสัยไปเสียแล้ว ลงไปรับประทานอาหารเช้ากันตั้งแต่ครัวเริ่มเปิดเลยก็ว่าได้ และหลังจากนั้นก็จะสลายตัวไปปฏิบัติภาระกิจในการส่ง Message กันและกลับมาพร้อมกันตามกำหนดล้อหมุน

จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้คือเมือง Rothenberg แต่ในช่วงเช้าเราจะออกเดินทางไปยังเมืองมิวนิค  Munich  เมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย เพื่อเที่ยวชมเมืองมิวนิคก่อน โดยมีแผน ที่จะเที่ยวผ่านชมสนามกีฬาโอลิมปิค ซึ่งมิวนิคเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคเมื่อปี 1972 หลังจากนั้นมุ่งสู่จตุรัสเมืองเก่า หรือจตุรัสมาเรียน  Marienplatz ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ทั้งศาลาว่าการเมืองทั้งเก่าและใหม่และเป็นย่านช๊อปปิ้งใหญ่ของมิวนิคด้วย ที่ซึ่งเราเคยแวะมาเยือนเมื่อสิบกว่าปีก่อน และตื่นเต้นที่จะได้กลับมาเยี่ยมชม  Marientplatz อีกครั้งหนึ่ง

08.00
หลังจากรับประทนอาหารเช้าเสร็จก็ได้เวลาล้อหมุน เราอำลาเมือง Fussen กันโดยเดินทางผ่านไปตามถนนสาย Romantic ออกจากเมือง Fussen ผ่านเห็นตัวปราสาท Neuschwanstein และปราสาท Schwangau อยู่บนเขาในระยะไกลสวยงาม อากาศยามเช้ายังเริ่มดูขมุกขมัว และเริ่มมีวี่แววของฝน  และก็เริ่มโปรยปรายลงมาตลอดการเดินทางจากเมือง Fussen ไปยังเมือง Munich  เล่นเอาเราไม่สามารถถ่ายรูปได้เลยตลอดเส้นทาง  ถึงแม้จะถึงเมือง Munich แล้วฝนก็ยังคงตกอยู่ 

เมื่อไปถึงแล้วยังพอมีเวลาก่อนนัดทานอาหารเที่ยงอยู่ค่อนข้างมาก รถเลยพาเราไปเที่ยวชมปราสาท Nymphenburg  และให้เวลาเราถ่ายรูปด้านหน้าปราสาทเป็นที่ระลึก ก่อนที่จะนำเราวนชมดูสถานที่สำคัญต่างๆรอบๆเมือง และมาจอดส่งเราลงที่ถนนสายหนึ่งในเมืองเพื่อเดินเท้าเข้าสู่เขตเมืองเก่าที่ไม่อนุญาตให้รถใหญ่เข้าในเขต ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาตลอดทาง ความหวังที่จะได้เห็น Marienplatz และถ่ายรูปสวยๆเพื่อระลึกเปรียบเทียบกับเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเริ่มริบหรี่และเป็นปัญหากับเราเป็นอย่างมาก ไปๆมาๆวันนี้อากาศดูจะเลวร้ายกว่าทุกวันที่ผ่านมาซะอีก แต่ทำไงได้ในเมื่อไม่สามาถถ่ายรูปได้เราก็คงต้องเดินเล่นกันในห้างในเขตช๊อปปิ้งกันเป็นการทดแทน  แต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจในการซื้อมากนัก จนได้เวลานัดหมายก็เลยเดินกลับมาขึ้นรถท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาเช่นเคย นับเป็นการเที่ยวเมืองมิวนิคที่ไม่ได้ชื่นชมบรรยากาศความสวยงามเลยแม้แต่น้อย

[ตี้ถาปัด]

[ตี้ถาปัด]

Nymphenburg
The Nymphenburg Palace (German: Schloss Nymphenburg), i.e. "Nymph's Castle", is a Baroque palace in Munich, Bavaria, Germany. The palace was the main summer residence of the rulers of Bavaria.

The palace was commissioned by the prince-electoral couple Ferdinand Maria and Henriette Adelaide of Savoy to the designs of the Italian architect Agostino Barelli in 1664 after the birth of their son Maximilian II Emanuel. The central pavilion was completed in 1675.
Starting in 1701, Max Emanuel, the heir to Bavaria, a souvereign electorate of the Holy Roman Empire, conducted a systematic extension of the palace. Two pavilions were added each in the south and north of Barelli's palace by Enrico Zucalli and Giovanni Antonio Viscardi. Later, the south section of the palace was further extended to form the court stables. As a balance, the orangerie was added to the north. Finally, a grand circle (the Schlossrondell) with baroque mansions (the so-called Kavaliershäuschen - cavalier's lodges) was erected under Max Emanuel's son Holy Roman Emperor Charles VII Albert. Two of the latter's children were born here; Maria Antonia (future Electress of Saxony) in 1724 and Maria Anna Josepha (future Margravine of Baden-Baden) in 1734.
Joseph Effner redesigned the facade of the center pavilion in French baroque style with pilasters in 1716. In 1826 Leo von Klenze removed its gables with the electoral coat of arms and created an attic decoration directly under the roof instead.

With the Treaty of Nymphenburg concluded in July 1741, Charles Albert allied with France and Spain against Austria. For a long time, the palace was the favourite summer residence of the rulers of Bavaria. King Max I Joseph died there in 1825, and his great-grandson King Ludwig II was born there in 1845.
Today, Nymphenburg is open to the public, but also continues to be a home and chancery for the head of the house of Wittelsbach, currently Franz, Duke of Bavaria. To sworn-in[clarification needed] Jacobites, the head of the house of Wittelsbach is the legitimate heir of the Stuart claims, which, however, they have never called for./color]

[ตี้ถาปัด]

The Palace
The palace, together with its park, is now one of the most famous sights of Munich. The baroque facades comprise an overall width of about 700 metres. The Steinerner Saal (Stone Hall), with ceiling frescoes by Johann Baptist Zimmermann and F. Zimmermann and decorations by François de Cuvilliés, is an impressive sight. Acting as a grand hall, it occupies over three floors of the central pavilion of the palace.
Some rooms still show their original baroque decoration while others were later redesigned in rococo or neoclassical style. The former small dining room in the south pavilion today houses the Gallery of Beauties of King Ludwig I of Bavaria. This pavilion houses also the birthroom of King Ludwig II of Bavaria.

The court stables contain one of the most important museums of ancient carriages (Marstallmuseum). They also played a part in historical events - the Paris Coronation Coach for example was used for the coronation of Emperor Charles VII in 1742. Among the main attractions of the museum are the magnificent carriages and sleighs of King Ludwig II.
The first floor of the former court stables houses a collection of Nymphenburg porcelain, the factory which, also located in the palace complex, was founded by Maximilian III Joseph. It's handcrafted products are of legendary kind and quality, nowadays said to be comparable to Augarten and Sevres only.

[ตี้ถาปัด]

[ตี้ถาปัด]

[ตี้ถาปัด]

[ตี้ถาปัด]

เป็นไงมั่งครับ ภาพในบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน สักพักฝนตกปรอยๆลงมา ถ่ายได้ดีสุดแค่นี้ครับ
แต่ยังไงนายแบบก็ยังหล่ออยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกัน กร๊ากกกกกก กั่ก กั่ก  กั่ก

[ตี้ถาปัด]

[ตี้ถาปัด]

The Park
The 200-hectare (490-acre) park, once an Italian garden (1671), which was enlarged and rearranged in French style by Dominique Girard, a pupil of Le Notre, was finally redone in the English manner in early 19th century by Friedrich Ludwig von Sckell, on behalf of prince-elector Karl-Theodor also the creator of the English Garden (in German: Englischer Garten), Munich's green lung, bigger than Central Park and probably one of the worlds biggest inner city parks. He preserved the main elements of the Baroque garden (such as the grand parterre). The park is bisected by a long canal along the principle axis which leads from the palace to the marble cascade (decorated with stone figures of Greek gods) in the west.
Two lakes are situated on both sides of the canal. The "Dörfchen" was created under Maximilian III Joseph as Petit hameau. The "Salettl" (1799), a cottage with its little garden nearby close to the former menagerie served as attraction for the children of Maximilian IV Joseph.
Within the park, a number of pavilions were built:
   ▪   the Pagodenburg (1716–1719) - an octagonal, two story pavilion with Delft tile decoration downstairs and Chinoiserie upstairs. It was built by Joseph Effner.
   ▪   the Badenburg (1719–1721) - a baroque pavilion also by Joseph Effner, contains a grand banqueting hall and a very large tiled bath. Some rooms are decorated with various Chinese wallpapers.
   ▪   the Magdalenenklause - a faux ruin for retreat and meditation, erected between 1725 and 1728.
   ▪   the Amalienburg - a rococo hunting lodge constructed in 1734-1739 by François de Cuvilliés for Charles VII and his wife, Maria Amalia, including a hall of mirrors and a kennel room for the hunting dogs. The building with its decoration is a definite masterpiece on the climax of European rococo.
   ▪   the Apollotemple - a neoclassical temple by Leo von Klenze, erected in 1862-1865
A passage close to the old arboretum in the north of the Grand Parterre leads to the large Botanical Garden of Munich.

[ตี้ถาปัด]

Munich
Munich (German: München, pronounced [ˈmʏnçən]  ( listen); Austro-Bavarian: Minga[2]) is the capital city of Bavaria, Germany. It is located on the River Isar north of the Bavarian Alps. Munich is the third largest city in Germany, after Berlin and Hamburg. There are approximately 1.35 million people living within city limits, while the Munich Metropolitan Area (including the urban areas of Augsburg, Ingolstadt, Rosenheim and Landshut) is home to over 5 million people.[3]
The city's motto is "München mag Dich" (Munich Loves You). Before 2006, it was "Weltstadt mit Herz" (Cosmopolitan city with a heart). Its native name, München, is derived from the Old German word Mönche, meaning "Monks". The city's name derives from the monks of the Benedictine order who founded the city; hence the monk depicted on the city's coat of arms. Black and gold—the colours of the Holy Roman Empire—have been the city's official colours since the time of Ludwig the Bavarian.
Munich is not the only location within Bavaria known as "München". Three such locations exist: one that is known as "Munich", another that is located northeast of the city of Nuremberg, and a third, Hutthurm, that is located north of Passau.

Geography
Munich lies on the elevated plains of Upper Bavaria, about 50 km north of the northern edge of the Alps, at an altitude of about 520 m (1,706.04 ft) ASL. The local rivers are the Isar and the Würm. Munich is situated in the Northern Alpine Foreland. The northern part of this sandy plateau includes a highly fertile flint area which is no longer affected by the folding processes found in the Alps, while the southern part is covered with morainic hills. Between these are fields of fluvio-glacial out-wash, such as around Munich. Wherever these deposits get thinner, the ground water can permeate the gravel surface and flood the area, leading to marshes as in the north of Munich.

Demographics
In July 2007, Munich had 1.34 million inhabitants; 300,129 of those did not hold German citizenship. The city has strong Turkish and Balkan communities. The largest groups of foreign nationals were Turks (43,309), Albanians (30,385), Croats (24,866), Serbs (24,439), Greeks (22,486), Austrians (21,411), and Italians (20,847). 37% of foreign nationals come from the European Union.
With only 24,000 inhabitants in 1700, the population doubled about every 30 years. For example, it had 100,000 people in 1852 and then 250,000 people in 1883; by 1901, the figure had doubled again to 500,000. Since then, Munich has become Germany's third largest city. In 1933, 840,901 inhabitants were counted and in 1957, Munich's population passed the 1 million mark.
47.4% of Munich's residents are not affiliated with any religious group, and this group represents the fastest growing segment of the population. As in the rest of Germany, the Roman Catholic and Protestant churches have experienced a continuous, slow decline in their memberships. As of 31 December 2008, 38.3% of the city's inhabitants were Roman Catholic, 14.0% Protestant, and 0.3% Jewish. There is also a small Old Catholic parish and an English-speaking parish of the Episcopal Church[

[ตี้ถาปัด]

[ตี้ถาปัด]

Marienplatz
Marienplatz (en: Mary's Square, i.e. St. Mary, Our Lady's Square) is a central square in the city center of Munich, Germany since 1158.

In the Middle Ages markets and tournaments were held in this city square. Marienplatz was named after the Mariensäule, a Marian column erected in its centre in 1638 to celebrate the end of Swedish occupation. Today the Marienplatz is dominated by the New City Hall (Neues Rathaus) on the north side. The Glockenspiel in the tower of the new city hall was inspired by these tournaments, and draws millions of tourists a year. At the east side Munich's Old City Hall (Altes Rathaus) is located. It's a gothic council hall and ballroom and tower, which have been reconstructed.
The pedestrian zone between Karlsplatz and Marienplatz is a crowded area with numerous shops and restaurants.
The Marienplatz S-Bahn and U-Bahn station, an important transportation hub, is located below the square.

The Mariensäule is a Marian column located on the Marienplatz in Munich, Germany. It was erected in 1638 to celebrate the end of Swedish occupation during the Thirty Years' War and is topped by a golden statue of the Virgin Mary standing on a crescent moon as the Queen of Heaven, created in 1590. The figure was originally located in the Frauenkirche. Mariensäule in Munich was the first column of this type built north of the Alps and inspired erecting other Marian columns in this part of Europe.
At each corner of the column's pedestal is a statue of a putto, created by Ferdinand Murmann. The four putti are each depicted fighting a different beast, symbolizing the city's overcoming of adversities: war represented by the lion, pestilence by the cockatrice, hunger or famine by the dragon and heresy by the serpent.

[ตี้ถาปัด]

เราอำลาเมืองมิวนิคที่สวยงามบนความคาดหวังด้วยความเซ็งกับฝนฟ้าอากาศทีไม่เป็นใจทำให้อรรถรสในการท่องเที่ยวในคราวนี้หดหายไปในพริบตา ภาพถ่ายที่สามารถถ่ายไว้ได้สำหรับเมืองนี้ดูช่างน้อนนิดไม่สะใจในการชม ความคาดหวังว่าจะได้ถ่ายรูป Marienplatz อันสวยงามและมีชืวิตชีวาที่ซึ่งเคยมาเยือนในครั้งก่อนแต่ไม่ได้บันทุึกภาพเอาไว้ กลับกลายเป็นต้องผิดหวังซำ้สองในการมาเยือนในครั้งนี้เพราะนอกจากจะไม่สามารถบันทึกภาพได้อย่างสมอยากแล้ว ยังไม่มีโอกาสที่แม้จะบันทึกไว้ในความทรงจำเสียด้วยซำ้ เนื่องเพราะฝนที่ตกลงมาและอากาศที่หนาวเย็นทำให้เราต้องไปหลบอยู่ในร้านรวงข้างๆเบียดเสียดกับผู้คนที่ต่างก็เข้ามาหลบเช่นกัน

ความผิดหวังถูกพกพาใส่กระเป๋าไปอย่างเต็มปรี่จนล้นออกมาภายนอก ในระหว่างที่เดินลุยฝนกลับมาขึ้นรถก็ได้แต่นึกเสียดายเพราะไม่แน่ใจว่าเราจะได้มีโอกาสกลับมาเยือนอีกเมื่อใด

รถพ่เราเคลื่อนตัวออกจากเมืองมิวนิคไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้คือเดินทางต่อไปยังเมือง Rothenberg เมืองโบราณตั้งแต่ยุคอัศวินที่ได้รับการดูแลและอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ตัวเมืองเก่าถูกล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองเก่า เราจะมีเวลาได้เที่ยวชมเมือง Rothenburg เพื่อความประทับใจในความสวยงามรวมทั้งเดินเล่นเลือกซื้อของที่ระลึก ของตกแต่งบ้าน รวมทั้งแอนติกที่น่าสนใจ และเมืองนี้ยังเป็นตลาดใหญ่ในการขายของแต่งบ้านในช่วงเทศกสลคริสต์มาสต์อีกด้วย แต่ในระหว่างที่เดินทางไปนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเกิดความไม่มั่นใจว่าเมื่อไปถึงแล้วฟ้าฝนจะเป็นใจให้เราสร้างความประทับใจในการเดินชมเมืองได้จริงหรือป่าว

[ตี้ถาปัด]

[Leam]

ตามติด.....ติดตามชมครับ น้องตี้.

[Leam]

"...Merry Christmas ครับ..."

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ Leam เมื่อ 25 ธันวาคม 2553, 19:15:48
	ตามติด.....ติดตามชมครับ น้องตี้.

ขอบคุณครับพี่แหลม ช่วงเทศกาลนี้มีเดินทางไปเที่ยวที่ไหนหรือป่าวครับ

[phraisohn]

Merry XXXmas คับพี่ตี้
มีความสุขมากๆนะคร้าบ

[ตี้ถาปัด]

		อ้างถึง			ข้อความของ phraisohn เมื่อ 26 ธันวาคม 2553, 12:35:52
	Merry XXXmas คับพี่ตี้ มีความสุขมากๆนะคร้าบ

เช่นกันครับน้องสน
เห็นใน FB บอกว่าจะร่วมดวลเพลงกะเขาด้วย
ไหนบอกว่าจะกลับบ้านไปเยี่ยมคุณแม่ไม่ใช่เหรอ ใช่วันนี้หรือป่าว

[ตี้ถาปัด]

มาเดินทางกันต่อจาก Munich ไปยัง Rothenberg ครับ
ฝนที่ตกลงมาทำเอาเราเสียอารมณ์เป็นยิ่งนัก แทนที่จะได้รูปงามๆ เลยอดซะงั้น

ระหว่างทางที่เดินทงไปยัง Rothenberg ก็ยังคงตกปรอยๆ
และถนน Autobahn ก็ปิดซ่อมเป็นช่วงๆทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างล่าช้า

[phraisohn]

		อ้างถึง			ข้อความของ ตี้ถาปัด เมื่อ 26 ธันวาคม 2553, 12:44:25
	อ้างถึง ข้อความของ phraisohn เมื่อ 26 ธันวาคม 2553, 12:35:52 Merry XXXmas คับพี่ตี้ มีความสุขมากๆนะคร้าบ เช่นกันครับน้องสน เห็นใน FB บอกว่าจะร่วมดวลเพลงกะเขาด้วย ไหนบอกว่าจะกลับบ้านไปเยี่ยมคุณแม่ไม่ใช่เหรอ ใช่วันนี้หรือป่าว

วันนี้จะไปดวลเพลงครับ
พรุ่งนี้กลับบ้านครับผม
แล้วเจอกันอีกทีวันที่ 5 นะคร้าบพี่ตี้