สาระทาง IT

[เจษฎา]

ช่ายพร หาใน เวบของแคนนอนแล้วมันใช้ไม่ได้

[newstar]

มาว่าด้วยเรื่อง Dropbox กันต่อนะครับ

ฟีเจอร์ของ Dropbox

ซิงค์ไฟล์
- ให้เนื้อที่ฟรีแบบไม่มีโฆษณาขั้น 2GB และสูงสุดถึง 100GB สำหรับใครที่มีแบงค์พันอยู่ในกระเป๋าเยอะๆ
- จะฝากไฟล์ชนิดไหนก็ได้ ไม่จำกัด
- อันนี้เด็ดสุด ใช้ได้ทั้งบน Windows, Mac และ Linux
- อัปเดทไฟล์ให้อัตโนมัติทันทีเมื่อมีการเพิ่มไฟล์ เปลี่ยนไฟล์ หรือลบ
- ทำงานแบบ Offline ก่อนได้ และอัปเดทภายหลังที่มีการตรวจพบว่ามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- รับประกันได้ว่า ขณะอัปเดทไฟล์แล้วอินเทอร์เน็ตหลุด ไฟล์จะไม่เสียหาย
- ฉลาดสุดๆ อัปเดทเฉพาะไฟล์ที่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น
- ไม่ต้องกลัวว่า Dropbox จะสูบอินเทอร์เน็ตของท่านจนสายแลนลีบ คุณสามารถจัดสรรความเร็วในการดาวน์โหลด อัปโหลดให้กับ Dropbox ได้

** ขอใช้คำว่า อัปเดท แทนคำว่า ซิงค์นะครับ เนื่องจากน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่า

การแบ่งบันไฟล์
- สามารถแชร์โฟล์เดอร์ของเราให้คนอื่นๆ ใช้ร่วมกันได้ รักใครก็เพิ่ม เกลียดใครก็เตะออกได้ ตามใจฉัน
- ในโฟล์เดอร์ชื่อ “Public” เราสามารถแชร์ไฟล์แบบตรง ๆ (Direct Link) ให้ผู้อื่นได้
- โฟล์เดอร์ “Photo” สามารถแชร์ไฟล์และทำเป็นแกลลอรี่ออนไลน์ให้เพื่อนๆ ดูได้

บริการผ่านหน้าเว็บ
- ถ้าไม่อยากเสียเวลาติดตั้งโปรแกรมลงเครื่อง ก็จัดการผ่านหน้าเว็บก็ได้ เหมาะสำหรับกรณีที่ใช้เครื่องสาธารณะอยู่
- บริการแจ้งข่าวสารการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาให้ทราบ
- ดูรูป (ที่อยู่ในโฟล์เดอร์ “Photo”)ในรูปแบบแกลลอรี่ผ่านหน้าเว็บ

นี่เป็นฟีเจอร์แบบคร่าวๆ ฉบับแปลไทย ถ้าสนใจแบบเต็มก็เชิญที่ https://www.dropbox.com/features

การติดตั้งและดาวน์โหลด

1. เข้าไปที่ www.dropbox.com
2. จะเห็นปุ่ม Download Dropbox อยู่ ท่านสามารถคลิกเลือกได้เลย เดี๋ยวมันจะตรวจสอบระบบปฏิบัติการให้เอง หรือจะเลือกจากลิงค์ด้านล่างก็ได้ มีทั้ง Windows, Mac, Linux และ iPhone

3. คลิกๆ ไฟล์ที่เราได้มา แล้วติดตั้งตามปกติ
4. ในระหว่างการติดตั้งจะเข้าสู่หน้าต่าง Welcome to Dropbox โดยจะถามว่าเรามี account ของ Dropbox หรือยัง ถ้ายังก็เลือกที่ I don't have a Dropbox account ถ้ามีแล้วก็เลือกที่ I already have a Dropbox account

5. ในกรณีที่ยังไม่มี มันก็จะให้เราลงทะเบียน ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมาย แค่ชื่อ อีเมล และรหัสผ่านเท่านั้น
6. จากนั้น ก็จะให้เลือกความจุที่ต้องการ ก็เลือกไปเลย 2GB ซึ่งสามารถใช้ได้ฟรี

7. จากนั้นก็จะเข้าสู่วิซาร์ด ก็ไม่มีอะไรมาก จะกด ถัดไป เรื่อย ๆ จนเสร็จเลยก็ได้ ยกเว้นในขั้นตอนสุดท้าย ที่มันจะถามว่า จะให้สร้างโฟล์เดอร์ของ Dropbox ไว้ที่ไหน ซึ่งถ้าเราไม่เปลี่ยนอะไรก็จะอยู่ใน my document ตามค่ืาดีฟอลท์

[เจษฎา]

เจ๋งว่ะพร

[newstar]

การใช้งาน

1. หลังจากที่ติดตั้งเสร็จ โปรแกรมจะทำงานทันที (ในครั้งแรก มันอาจถาม username และ password ก่อน) โดยจะมี Icon status อยู่ที่ panel ด้านบนขวา จากนั้นโปรแกรมก็จะเริ่มทำการอัปเดทตัวเองกับเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะไฟล์ตัวอย่างและคำแนะนำเบื้องต้นมาให้ด้วย
2. โดยโฟล์เดอร์พื้นฐานที่มีมาให้เลยคือ Photos, Public โดยที่โฟล์เดอร์ Photos ใช้สำหรับเก็บรูป โดยเราสามารถสร้างโฟล์เดอร์ไว้ภายในได้อีกที แล้ว Dropbox จะทำไปทำแกลลอรี่ออนไลน์ให้ ส่วนห้อง Public ก็เอาไว้เก็บไฟล์ที่จะเอาไว้แชร์ไฟล์แบบเข้าถึงได้โดยตรง (Direct link)  โดยสามารถสร้างเป็นโฟล์เดอร์ก็ได้ แต่จะไม่สามารถทำ Direct link มาที่โฟล์เดอร์ได้ ต้องทำ Direct link ถึงไฟล์ในโฟล์เดอร์นั้นตรงๆ เท่านั้น
3. แต่เราก็สามารถสร้างโฟล์เดอร์มาใหม่นอกโฟล์เดอร์ Photos และ Public ได้ แต่จะไม่สามารถทำแกลลอรี่ออนไลน์ และไม่สามารถทำ Direct link ได้ โดยสิ่งที่จะทำได้คือ สามารถแชร์ไฟล์นี้ให้กับคนอื่นๆ ได้ โดยวิธีการแชร์ไฟล์ทำได้ดังนี้

- คลิกขวาโฟล์เดอร์ที่ต้องการแชร์ เลือกที่เมนู Dropbox เลือกเมนูย่อย Share This Folder...
- เว็บบราวเซอร์จะถูกเปิดขึ้นมาตามรูป จากนั้นก็พิมพ์อีเมลของคนที่คุณต้องการจะแชร์ไฟล์ด้วยที่หัวข้อ Share ...(ชื่อโฟล์เดอร์)ส่วนหัวข้อ (Optional) Send a personal message with your invitation คือช่องสำหรับพิมพ์ข้อความแจ้งถึงผู้ที่เราส่งอีเมลไป
- หากผู้รับทำการคลิกรับโฟล์เดอร์ที่แชร์แล้ว โฟล์เดอร์นั้นจะเปลี่ยนรูปเป็น รูปโฟล์เดอร์และมีรูปคน 2 คนอยู่ด้วยกัน ในโฟล์เดอร์ของผู้ที่รับแชร์ก็จะมีโฟล์เดอร์นี้และไฟล์ข้างในขึ้นโดยอัตโนมัติ และสามารถใช้งานร่วมกันได้ทันที

สัญลักษณ์ที่สำคัญ

สำหรับสัญลักษณ์ที่อยู่ที่โฟล์เดอร์และไอคอนแต่ละมีความหมายคือ

- ถ้าเป็นรูปเครื่องหมายถูก หมายถึงไฟล์หรือโฟล์เดอร์นั้นได้อัปเดทกับเซิร์ฟเวอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- ถ้าเป็นรูปลูกศรโค้งเป็นวงกลม หมายถึงกำลังอัปเดทอยู่
- โฟล์เดอร์ที่มีรูปคน 2  คนหมายถึงโฟล์เดอร์ที่เรากำลังแชร์กับคนอื่น (ที่ใช้ Dropbox อยู่)

[newstar]

Dropbox ยังไม่จบ ต่อเลยนะครับ

วิธีทำแกลลอรี่ภาพแบบออนไลน์

ก็ต้องเตรียมรูปกันก่อน โดยการสร้างโฟล์เดอร์ไว้ในโฟล์เดอร์ Photos จากนั้นก็เอารูปที่ต้องการใส่ในโฟล์เดอร์นั้น

จากนั้นก็คลิกขวาที่โฟล์เดอร์ เลือกเมนู Dropbox
โดยจะมีเมนูย่อยๆ อีก 4 เมนูคือ

Browse on Dropbox Website...
ใช้สำหรับเปิดโฟล์เดอร์นี้ที่ผ่าน Web Browser

Show Deleted Files...
ดูไฟล์ที่ถูกลบไปแล้ว

Share This Folder...
แชร์โฟล์เดอร์นี้ให้ผู้ใช้ Dropbox คนอื่นๆ

Copy Public Gallery Link
คัดลอก URL โฟล์เดอร์นี้ไว้ในหน่วยความจำ เพื่อเอา URL ไปแสดงเป็น Gallery Online ให้ผู้อื่นดู โดยผู้ที่จะดูได้ไม่จำเป็นต้องใช้ Dropbox

วิธีใช้ก็คือ เมื่อเราเลือกเมนูนี้แล้ว ตัว URL จะอยู่ในหน่อยความจำเครื่องเรา เราก็แค่ไปวาง (Paste) ลงในเว็บบราวเซอร์ อีเมล ฟอรั่ม หรืออื่นๆ ตามแต่สะดวก

ตัวอย่าง URL ของผมคือ http://www.dropbox.com/gallery/3499208/1/Sample%20Album?h=10c7cd ลองคลิกดูได้นะครับ

วิธีทำการแชร์ไฟล์โดยตรง (Direct link)

เงื่อนไขแรกก็คือ ไฟล์นั้นๆ จะต้องอยู่ในโฟล์เดอร์ Public หรือจะเป็นไฟล์ที่อยู่ในโฟล์เดอร์ที่อยู่ใน Public อีกที่ก็ได้ แต่จะไม่สามารถแชร์เป็นโฟล์เดอร์ได้ จะแชร์ได้เฉพาะทีละไฟล์เท่านั้น

โดยตัวไฟล์จะไม่จำกัดรูปแบบไฟล์ จะเป็น doc odt mp3 หรืออะไรก็ได้ แต่เวลาทำเป็น URL แล้ว เครื่องที่จะเปิด URL นี้จะต้องรอบรับไฟล์นั้นๆ ได้ เช่น แชร์ไฟล์ odt ไว้ เครื่องที่จะเปิดไฟล์นี้ จะต้องมีโปรแกรม Open Office อยู่ด้วย เป็นต้น

ตัวอย่าง
ผมจะแชร์รูป ๆ หนึ่งมาไว้ในฟอรั่ม ขั้นตอนก็คือ
เข้าไปในโฟล์เดอร์ Public แล้วคลิกขวาไฟล์ที่ต้องการ
เลือกเมนู Dropbox จากนั้นเลือกเมนูย่อย Copy Public Link แล้วตัว URL จะถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ
ผมจะเอามาแปะเป็นรูปไว้ในฟอรั่ม ก็ใช้ BBcode  เช่น

[ไอmg]http://www.dropbox.com/gallery/3499208/1/Sample%20Album?h=10c7cd#[/ไอmg]

ภาพก็จะขึ้นที่ฟอรั่มโดยอัตโนมัติ

ข้อควรระวังในการใช้ Dropbox
เนื่องจาก ตัวโปรแกรม Dropbox จะดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดมาไว้ในเครื่องนั้นๆ ก่อน จึงไม่ควรติดตั้งบนเครื่องสาธารณะนะครับ เนื่องจากอาจทำให้ข้อมูลของท่านรั่วไหลได้ ถ้าต้องใช้บนเครื่องสาธารณะ ควรใช้แบบ Web Access ดีกว่าครับ

เนื้อที่ฟรีที่ได้มา 2GB หากเราแนะนำเืพื่อนต่อเราสามารถเพิ่มได้ 250MB ต่อ 1 new account แต่เพิ่มได้รวมแล้วไม่เกิน 3GB ครับ

จบแล้วครับ...

[newstar]

อ้อลืมไป ใครอยากสมัครใช้ก็สามารถเอา referral จากลิ้งก์นี้ไปสมัครต่อได้เลยนะครับ ผมจะไ้ด้เพิ่มอีก 250MB

https://www.dropbox.com/referrals/NTM5Njk0NjM5

[Ron Samyan]

มีหนังที่เป็นไฟล์ รูปแบบ VCD หลายๆเรื่อง
แต่อยากรวบรวมหลายๆ เรื่องไว้ในแผ่น DVD แผ่นเดียว ทำไงมั่ง

ลองมาหลายครั้งแล้วทั้ง Nero และ Ashampoo ...ไม่สำเร็จ แฮะ
ถามไถ่ คุณชัยพร เป็นวิทยาทานครับ

[newstar]

ศึก Google กับบรรดาแฮ๊กเกอร์ชาวจีน

2-3 วันมานี้มีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งคือ กูเกิ้ลกล่าวหาว่าจีนแฮ๊กข้อมูลของตัวเอง รวมถึงบริษัทอื่น ๆ อีกกว่า 20 บริษัท ซึ่งเป็นเรื่องร้อนพอสมควรเพราะกูเกิ้ลถึงประกาศว่าอาจจะหยุดดำเินินกิจการในจีนไปเลย

ผมจึงเอาบทวิเคราะห์กรณีนี้จาก @ThaiShortNews หรือหมอจิมมี่ มาให้อ่านกันครับ...


เรื่องวันนี้จัดเป็นระดับ "มหากาพย์" เพราะน่าจะเป็น LIVE ที่ยาวมากๆตอนหนึ่งครับ... หากรบกวน Timeline ต้องขออภัยจริงๆ

เรื่องความขัดแย้งของ Google กับจีนนี้ เริ่มเป็นประเด็นระหว่างประเทศแล้วครับ น่าจะมีผลกระทบในวงกว้างมาก... เป็นเรื่องน่าศึกษามากครับ

เมื่อสองวันก่อน (12 มกราคม) Google โพสบน blog ของตัวเองว่ามีนโยบายใหม่เกี่ยวกับประเทศจีนครับ ("A new approach to China")

กูเกิ้ลบอกว่า เป็นเรื่องปกติที่บริษัทไอทีขนาดใหญ่จะถูกโจมตีทางอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ เรียกว่าโดน "Cyber attacks" ครับ

แต่เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กูเกิ้ลพบว่าถูกโจมตีในรูปแบบที่ซับซ้อนและเป็นระบบจำนวนมากครับ การโจมตีมีเป้าหมายจะเจาะเข้าคอมพิวเตอร์หลัก

เป้าหมายการโจมตีเป็น corporate infrastructure โดยตรง ไม่ใช่แค่ hack website โชว์พลังเกรียนแบบเคยๆ แต่เป็นแบบ "มืออาชีพ" มากๆ

การโจมตีดังกล่าวมีต้นทางจากประเทศจีนแทบทั้งสิ้นครับ เรียกว่ามาเป็นกองทัพของแฮ๊กเกอร์มืออาชีพจากแดนมังกร ผลคือมีข้อมูลบางอย่างถูกฉกไปได้

กูเกิ้ลบอกสั้นๆว่ามีทรัพย์สินทางปัญญาบางอย่างถูกขโมยไป (Intellectual property) แต่ไม่บอกว่าอะไรบ้าง

เรื่องนี้มันเริ่มเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกูเกิ้ลบอกในบล๊อกว่ามีบริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลกกว่า 20 บริษัทโดนโจมตีในครั้งนี้ด้วยครับ ไม่ใช่แค่กูเกิ้ล

บ.ที่ถูกโจมตีมีทุกธุรกิจ ตั้งแต่บ.อินเตอร์เน็ต, บ.การเงิน, เทคโนโลยี, สื่อ, ไปจนถึงบริษัทเคมีภัณฑ์ขนาดใหญ่ โดนกันทั่วหน้า...ทั้ง US & EU

Google ได้ประสานกับบรรดาบริษัททั้งหลายที่เป็นเป้าโจมตีไปแล้ว และกำลังรายงานต่อรัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรสในเรื่องนี้

ปัญหาคือ เป้าหมายหลักของการโจมตีคือการเข้าถึง G-mail account ของบรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุายชนชาวจีนครับ.. เรื่องนี้ทั้งโลกจับตามองทันที

Google เชื่อว่า Hacker ยังไม่บรรลุผลที่ต้องการดังกล่าว แต่มี G-mail 2 accounts ที่ถูกเข้าถึงได้ แต่เข้าได้แค่ account info กับ subject line

กูเกิ้ลเชื่อว่าการโจมตีครั้งนี้ยังไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาของ e-mail ได้ แต่แค่ subject line ก็หนาวแล้วครับเรื่องนี้

เป้าหมายเป็นบรรดานักเคลื่อนไหวจากทั่วโลกครับที่ทำงานด้านปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในจีน ไม่เฉพาะแต่ที่อยู่ในจีนเท่านั้น แต่เล่นแบบทั่วโลก

พบว่าบรรดา G-mail ของนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนหลายสิบคน ทั้งในอเมริกา, จีน และยุโรป ต่างโดน hacker พยายามเจาะอยู่ตลอดเวลา

การบุกรุกของแฮ๊กเกอร์ใช้แทบทุกวิธีที่เป็นจุดอ่อนของ Google ที่มีการค้นพบ และอีกวิธีคือการ phishing เพื่อฝัง spyware ลงในเครื่องของผู้ใช้เอง

Google ได้พยายามเต็มที่ในการเสริมความแข็งแรงของระบบเพื่อป้องกันการโจมตี แต่ฝั่งผู้ใช้เองก็ควรติดตั้ง Anti-virus และ Anti-spyware ด้วย...

การ Patch OS และการ update browser เวอร์ชั่นใหม่เสมอเป็นสิ่งจำเป็นครับ ไม่งั้นจะเป็นช่องทางที่ hacker จะใช้เราเป็นทางผ่านในการโจมตี

ผู้ใช้ต้องระมัดระวังการกดลิงค์ที่มาทาง IM และ e-mail และระวังมากในการกรอก password อ่านคำแนะนำที่นี่ http://bit.ly/3T8q2c

การโจมตีลักษณะเดียวกันนี้เคยเป็นประเด็นมาแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว ในกรณีการโจมตีต่อนักเคลื่อนไหวเกี่ยวกับธิเบต

U.S.-China Economic and Security Review Commission เคยทำรายงานต่อคองเกรสเรื่องนี้มาแล้ว อ่านที่ http://bit.ly/5ip3w1

รวมทั้งรายงานการ track GhostNet http://bit.ly/5ip3w1 พบว่า host 1,295 ตัวใน 103 ประเทศถูกเจาะในกรณีธิเบต ส่วนใหญ่เป็น server ภาครัฐ

มาถึงตรงนี้ แน่นอนว่าทุกคนถามคำถามเดียวกันว่า รัฐบาลจีนมีส่วนในเรื่องนี้หรือไม่ และมีส่วนมากแค่ไหน....

จากเหตุการณ์เหล่านี้ Google เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่และมีผลโดยกว้างต่อความเสรีในการแสดงความคิดเห็น (freedom of speech)

ผลจากการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่กำลังเป็นหัวใจของความเจริญทางเศรษฐกิจของโลก และเรื่อง Google นี่เป็นความกังวลที่ใหญ่มากครับ

ย้อนหลังให้ฟังหน่อยครับ Google ตั้ง Google.cn ในเดือนมกราคม 2006 เพราะเชื่อว่า Google จะเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของชาวจีน

แน่นอนว่าการดำเนินธุรกิจของกูเกิ้ลในจีนต้องคอยถ่วงดุลกับรัฐบาลจีนตลอดเวลา รัฐบาลมักมีการออกกฎหมายหรือมาตรการการเซ็นเซอร์มาตลอดเวลา

กูเกิ้ลได้เคยแถลงตั้งแต่ต้นว่า ถ้ากูเกิ้ลไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขตามกฎหมายของจีนได้เมื่อไร กูเกิ้ลจะพิจารณาถอนตัวจากตลาดจีนทันที

อันนี้เป็น สไตล์ของกูเกิ้ลครับ... กูเกิ้ลมีกฎการดำเนินธุรกิจข้อหนึ่งว่า "Don't be evil" คือเป็นบริษัทที่ดีเสมอครับ ไม่ยอมเป็นปีศาจร้าย...

ตอนนี้กูเกิ้ลบอกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องพิจารณานโยบายของบริษัทต่อการทำธุรกิจในจีนใหม่ครับ...งานนี้กูเกิ้ลแรงมาก...

กูเกิ้ลประกาศแบบกร้าวมากว่าจะยกเลิกการเซ็นเซอร์ผลการค้นหาของ Google.cn ทั้งหมด และจะหารือเรื่องนี้โดยตรงกับรัฐบาลจีนว่าจะเอายังไงต่อไป...

หากรัฐบาลจีนมีความเห็นว่ากูเกิ้ลไม่สามารถดำเนินธุรกิจโดยไม่เซ็นเซอร์ได้ กูเกิ้ลจะดำเนินการปิดสำนักงานในจีนทันทีครับ...

กูเกิ้ลบอกว่าเรื่องนี้กูเกิ้ลทราบว่าจะมีผลต่อเนื่องในระยะยาวมากมาย แต่นี่คือนโยบายโดยตรงจากผู้บริหารกูเกิ้ลในสหรัฐ ไม่เกี่ยวกับพนักงานในจีน

อ่าน blog ของกูเกิ้ลเรื่องนี้ได้ที่นี่ครับ http://bit.ly/4MAjhJ

หลังจากนั้น Business Week ก็รายงานทันทีว่างานนี้บริษัทอีกบริษัทที่โดนโจมตีหนักคือ Adobe ครับ.. ในขณะที่ Bloomberg บอก Yahoo ก็โดน...

ประมาณกันว่ามีทั้งหมด 34 บริษัททั่วโลกที่โดนโจมตีรอบนี้ McAfee บอกยังไม่ทราบความเสียหายที่แท้จริง แต่อาจมีผลในวงกว้างกว่านี้มาก

ปกติแล้วการโจมตีของ Hacker จะอาศัยช่องโหว่ของโปรแกรมต่างๆในการเจาะเข้าระบบครับ เช่น ใส่ spyware มาในไฟล์ แล้วโปรแกรมสั่ง run โดยไม่ตั้งใจ

บริษัทต่างๆต้องคอยดูช่องโหว่เหล่านี้แล้วออกโปรแกรมแก้ (patch) ออกมาเพื่ออุดช่องโหว่เหล่านี้อยู่เสมอ...hacker ก็จะชิงโจมตีก่อน patch ออก

การโจมตีช่องโหว่ก่อนออก patch นี่เราเรียกว่า "Zero day vulnerability" ครับ

McAfee บอกว่าการโจมตีรอบนี้ใช้ช่องโหว่แบบ Zero day vulnerability ไม่น้อยกว่า 7 ตัวครับ แถมอาจมีมากกว่านี้ที่ยังตรวจไม่พบอีก...

งานนี้ไม่บอกก็รู้ว่า แฮ๊กเกอร์ที่โจมตีคราวนี้ไม่ใช่แค่บรรดา "เกรียนบ้าพลัง" แต่เป็น "มืออาชีพระดับพระกาฬ" ครับ

หลังจาก Google แถลงไม่กี่ชั่วโมง Adobe ก็แถลงว่าโดนโจมตีด้วย และเชื่อว่าเป็นการโจมตีจากกลุ่มแฮ๊กเกอร์กลุ่มเดียวกันในจีน

Adobe บอกว่ารู้ตัวว่าโดนโจมตีตั้งแต่วันที่ 2 มกรา (กูเกิ้ลบอกว่าโดนตั้งแต่กลางธันวาคมครับ)

ตามมาด้วย Rackspace Hosting ที่ออกมาแถลงยอมรับว่าโดนด้วย บริษัทนี้เป็นบริษัท Hosting server ครับ ปฎิเสธว่าไม่มีอะไรเสียหาย แต่ยินดีร่วมมือGG

Yahoo ออกมาแถลงสั้นๆว่า "อยู่ข้าง Google" ครับ แต่ไม่ให้ความเห็นอื่นใด

Yahoo เงียบๆคงเป็นเพราะมีเรื่องร้อนตัวเรื่องเปิดเผยข้อมูลให้รัฐบาลจีนในการจับตัวนักข่าวไปเมื่อเร็วๆนี้

Yahoo ตอนนี้ไม่มีออฟฟิสในจีน ขายให้ Alibaba ไปเมื่อ 2005 แต่มีหุ้นเหลืออยู่ 39%

เชื่อว่า ซอฟต์แวร์ของ Adobe คือทางผ่านของการ hack ครั้งนี้ครับ น่าจะใช้ spyware ฝังตัวกับไฟล์ของโปรแกรม Adobe ในการโจมตี

งานนี้หลายบริษัทแถลงแบบโชว์ธาตุแท้ของตัวเองเลยครับ ฟังเองละกันนะครับ ไม่อยากให้ความเห็น...

Ballmer (Microsoft) ถูกนักข่าวถาม ก็พริ้วตามสไตล์ครับ "ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในจีน..แต่ปกติบริษัทใหญ่ก็ต้องโดนแฮ๊กบ้างเป็นธรรมดา..MS ก็โดน"

บริษัทที่มีธุรกิจในจีนเช่น Morgan Stanley, Apple, Marriott ปฎิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว

ในขณะที่ Boeing, McDonald, General Electric (GE) บอกว่าไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น พวกเราไม่เปลี่ยนใจจากตลาดจีนแน่...

General Motor บอกว่า cyber attacks ไม่ใช่ประเด็น เราไม่สนใจ เราเข้ากับรัฐบาลจีนได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร...

กลับมาเรื่องการโจมตีดีกว่า... วานนี้ Adobe ออก patch สำหรับ Adobe Reader และ Acrobat ทันทีครับ งานนี้เชื่อว่า spyware ฝังกับ PDF แน่

McAfee บอกว่าพบช่องโหว่ใน Adobe Reader และกำลังทำงานร่วมกับ Adobe ในการออก patch เพิ่มเติมอีก...

Microsoft ที่ทำไม่เดือดร้อนก็ออกมาเตือนว่า Adobe Flash Player 6 ที่มากับ Windows XP มีช่องโหว่ ให้รีบ update เป็น Flash 10

งานนี้ Adobe รับเต็มๆ ก่อนหน้านี้มีคนเตือนแล้วว่า Adobe มีช่องโหว่มากจะเป็นเป้าในการโจมตี และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ

เรื่องนี้ รัฐบาลสหรัฐค่อนข้างระวังตัวมาก ยังสงวนท่าทีไม่แสดงการเข้าข้างฝ่ายใด แต่เริ่มมีสัญญาณความตึงเครียดระหว่างประเทศมากขึ้น...

ทำเนียบขาวยังไม่แถลงเรื่องนี้ บอกแค่กำลังรอท่าทีของรัฐบาลจีนต่อคำแถลงของ Google ในการถอนตัวออกจากจีนก่อนว่ารัฐบาลจีนว่ายังไง

รัฐมนตรีการค้าสหรัฐกล่าวสั้นๆว่าเรื่องนี้ "เป็นปัญหา" แต่ให้ความเห็นกว้างๆว่ารัฐบาลจีนน่าจะให้ความร่วมมือกับ Google ให้เกิดความั่นใจในการค้า

นางฮิลลารี่ คลินตัน รมว.ต่างประเทศบอกว่าเรื่องนี้ก่อให้เกิดความกังวลและคำถามมากมาย กำลังรอคำอธิบายจากรัฐบาลจีนอยู่

แต่หลังจากนั้นไม่นาน โฆษกก.ต่างประเทศ ก็แถลงว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทั่วไป ไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าประเทศที่กำลังดีวันดีคืนอยู่

ทางรัฐบาลจีนยังไม่มีท่าทีใดๆในเรื่องนี้ครับ สำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนก็รายงานเรื่องนี้แค่ว่ารัฐบาลกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่

ตอนนี้มีความตึงเครียดหลายอย่างระหว่างสหรัฐกับจีน เช่น ค่าเงินหยวน, สนธิสัญญารักษาสภาพแวดล้อมของโลก, ไปจนถึงเรื่องสหรัฐขายอาวุธให้ไต้หวัน

สหรัฐกับอียูก็กำลังพยายามให้จีนร่วมคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านอยู่...เรื่อง google เลยเพิ่มความตึงเครียดเข้าไปอีก

ปลายปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนออกกฎให้เครื่องคอมพิวเตอร์ติดตั้งโปรแกรม "Green Dam" ซึ่งเป็นตัวเซ็นเซอร์เว็บ ลงบนเครื่อคอมทุกตัวที่ขายในจีน

บริษัทต่างชาติโวยกันมาก รัฐบาลจีนก็เลยเลื่อนประกาศบังคับติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าวไปกลางปีนี้...(1 กรกฎาคม)

เหตุการณ์นี้ยังอีกยาวครับ ที่เล่ามานี่คือสรุปเหตุการณ์เรื่องนี้ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน...ยังไม่รู้ผลว่าจะออกหัวหรือก้อย...

เอามาเล่าให้ฟังก่อนครับ เผื่อเพื่อนๆไปอ่านข่าวจะได้ไม่งง...

ที่แน่ๆตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้บริหารระดับสูงของ Google ไม่ไปงาน Nexus One :)

[newstar]

สำหรับเจษนะครับ
Canon mf4100 driver for Windows 7

สงสัยอยู่อย่างว่าเอา for vista มาใช้แทนไม่ได้เหรอครับ
แล้วเจษลง win7 แบบ 64 bit or 32 bit ครับ

คิดถ้าลงแบบ 32 bit ก็น่าจะใช้ for vista ได้นะ
แต่หากว่าเป็น 64 bit อาจจะใช้ for vista x64 หรือเปล่าครับ
ลองดูนี่ครับ
http://bit.ly/73mSnD
http://bit.ly/8m1fpo
http://bit.ly/7VWMOH

สำหรับ 32 bit ลองกดดูนะครับ
http://bit.ly/7RlIGh

อีกที่ http://bit.ly/8iwxTC

ถ้าไม่ได้ลงค้นจากตรงนี้ดูครับ
http://bit.ly/7T53Jk

[เจษฎา]

น่าจะเป็น 64 bit นะพร

[ชัยหลอ30]

		อ้างถึง			ข้อความของ newstar เมื่อ 13 มกราคม 2553, 13:36:14
	อ้อลืมไป ใครอยากสมัครใช้ก็สามารถเอา referral จากลิ้งก์นี้ไปสมัครต่อได้เลยนะครับ ผมจะไ้ด้เพิ่มอีก 250MB https://www.dropbox.com/referrals/NTM5Njk0NjM5

ขอบคุณครับน้องพร   แล้วผมจะแนะนำคนอื่นต่อบ้าง ต้องทำไง

[newstar]

เข้าเวบ dropbox แล้วล็อกอินด้วยชื่อพี่ จากนั้นหา Get Extra Space free ครับ มีวิธีแนะนำคนอื่นใช้ 3 วิธีครับ ดูภาพประกอบครับ

[newstar]

วันนี้ขอแนะนำโปรแกรมฟังเพลงมาให้ครับ แนวเล็กพริกขี้หนู ลองโหลดไปฟังดูนะครับ

โปรแกรมแรกชื่อว่า foobar2000 เขาว่าเป็นโปรแกรมฟังเพลงระดับเทพ ที่มีฟังก์ชั่นทุกอย่างที่นักฟังเพลงมืออาชีพต้องการภายใต้หน้าตาที่เรียบง่ายแถมทำงานได้รวดเร็ว ใช้เวลากว่า 8 ปีในการพัฒนาจนมาถึงเวอร์ชั่น 1.0 แล้ว นักฟังเพลงที่เน้นแนวเสียงนุ่ม ๆ ต้องชอบโปรแกรมนี้ครับ

foobar2000 มาถึงหลักชัยสำคัญเวอร์ชั่น 1.0 ได้สำเร็จ โดยมีการปรับปรุงในส่วนของเมนูต่างๆ ให้เข้าใจง่ายมากขึ้น แล้วยังเพิ่มความสามารถในการริปเพลงจาก CD

foobar2000 เริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2002 โดย Peter Pawlowski หลังจากที่เขาหันหลังให้การพัฒนาปลั้กอินให้ Winamp (เขาเขียนพวก ogg decoder) ด้วยการพัฒนาโปรแกรมในคอนเซ็ปต์ "เสียงดี หน้าตาไม่สน ขอเร็วเป็นพอ" จึงทำให้โปรแกรมตัวนี้ได้รับความนิยมจากนักฟังเพลงที่ไม่ได้เปิดโปรแกรมเพื่อนั่งดู Visualization มากขึ้นเรื่อย ๆ และได้รับความสนใจจากนักพัฒนาปลั้กอินอิสระมากขึ้นด้วย จึงทำให้ foobar2000 กลายเป็นโปรแกรมที่ยืนหยุ่นรองรับลูกเล่นในระดับ Geek

อีกหนึ่งโปรแกรมฟังเพลงที่ขอนำเสนอคือ AIMP เวอร์ชั่น 2.60.530 โปรแกรม AIMP เป็นผลงานของโปรแกรมเมอร์ชาวรัสเซียครับ รองรับไฟล์เพลงหลากหลายเหมือน ๆ โปรแกรมเล่นเพลงอื่น ๆ นั่นแหล่ะครับ เช่น MP1, MP2, MP3, MPC, MP+, AAC, AC3, OGG, FLAC, APE, WavPack, Speex, WAV, CDA, WMA, S3M, XM, MOD, IT, MO3, MTM, UMX และ ถ้าตัวไหนเล่นไม่ได้ ก็มี Plugin ให้เล่นเสริมได้อีกด้วย เอาเป็นว่าไม่ต้องสนใจมันมากว่าแต่ละตัวคืออะไรบ้าง

สามารถ Rip CD เป็น MP3 รองรับการฟังวิทยุออนไลน์ทั้งจาก Shoutcast และ IceCast สามารถจัดรายการวิทยุเองผ่าน IceCast และ ShoutCast ก็ได้ มีระบบ Auto Schedule ด้วย ประมาณว่าถ้าชอบฟังเพลงก่อนนอน ก็เปิดคอมทิ้งไว้ แล้วตั้งเวลา มันจะปิดคอมพิวเตอร์ให้เลย กิน CPU และ แรมน้อยมากๆ ชอบตรงนี้แหละครับ อ้อ อีกอย่างมี Skin หน้าตาสวยใช้ได้เลยครับ

สนใจลองโหลดมาใช้ได้เลยตามลิ้งก์ในข่าวนั่นแหล่ะครับ ที่สำคัญเป็นฟรีแวร์เล็กพริกขี้หนูครับ ไม่เหมือนพวก Winamp ซึ่งตอนนี้ไม่ฟรีแล้วและหนักเครื่องอีกต่างหาก คุณภาพเสียงก็งั้น ๆ

[ชัยหลอ30]

ขอบคุณน้องพร  ตอนนี้น่าจะได้พื้นที่เพิ่มมาอีก 1 GB ไม่แนะนำ แต่บอกว่า ควรจะใช้นะ    

[newstar]

มาใช้โปรแกรมเบร๊าว์เซอร์ทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่ IE กันเถอะั

คงพอได้ยินข่าวที่ทางกูเกิ้ลออกมาโวยวายทางประเทศจีนว่าโดนพวกแฮ็กเกอร์จีนโจมตี ถึงขนาดขู่จะปิดสำนักงานในจีนและเลิกทำธุรกิจในจีนไปเลย ทั้งนี้กูเำกิ้ลยังระบุด้วยว่ามีบริษัทที่โดนเจาะระบบมากกว่า 20 บริษัท และตั้งข้อสงสัยว่าการโจมตีระบบครั้งนี้ไม่ใช่แค่พวกแฮ็กเกอร์ที่ต้องการทำเพราะอยากโชว์ความสามารถ แต่โจมตีครั้งนี้เป็นการโจมตีเป็นทีมและยิ่งใหญ่มาก

ได้มีการออกมาเปิดเผยแล้วจาก McAfee ว่าการโจมตีครั้งนี้กระทำผ่านเบร๊าว์เซอร์ IE ซึ่งมีช่องโหว่เยอะมาก ที่ผ่านมาทางไมโครซอฟท์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำการแก้ไขใด ๆ โดยเฉพาะ IE6 และ IE7 หน่วยงานรัฐบาลของบางประเทศถึงกลับประกาศให้ประชาชนหลีกเลี่ยงใช้ IE โดยหันไปใช้เบร๊าว์เซอร์อื่นแทนตามข่าว รัฐบาลเยอรมันเตือนอย่าใช้ IE จนกว่าไมโครซอฟท์จะแก้ไข และ ฝรั่งเศสประสานเสียงเยอรมันให้หลีกเลี่ยงใช้ IE

ทุกวันนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเตอร์เนตบ้าง เช่น การโอนเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งหากว่าเบร๊าวเซอร์ที่เราใช้ไม่ปลอดภัย ก็มีสิทธิที่จะโดนโจมตีขโมยพาสเวิร์ดได้ง่าย ๆ

เบ๊าวเซอร์ทางเลือกอื่นที่แนะนำ

Mozilla Firefox
Google Chrome
Safari
Opera

[Pantakant Vorakritpongsa]

ขอบพระคุณครับท่านพี่พร

เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากครับผม

[เจษฎา]

ฟูบารรรรรรรร์

[newstar]

		อ้างถึง			ข้อความของ เจษฎา เมื่อ 19 มกราคม 2553, 11:28:43
	ฟูบารรรรรรรร์

เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วมีผับดังชื่อ ฟูบาร์ อยู่แถววิภาวดีหรือเปล่า คุ้น ๆ

[Pantakant Vorakritpongsa]

		อ้างถึง			ข้อความของ เจษฎา เมื่อ 19 มกราคม 2553, 11:28:43
	ฟูบารรรรรรรร์

อะไรน้อท่านพี่

[newstar]

เช้าวันที่ 27 มกราคม 2553 เวลา 10.00 ตามเวลาท้องถิ่น เหล่าสาวกแอปเปิ้ลที่ใจจดใจจ่อว่าศาสดาจ๊อบจะเปิดแถลงข่าวอะไรก็จะได้รู้กันสักที โดยแอปเปิ้ลมักจะจัดงานแถลงข่าวเืพื่อเปิดเผยแผนงานของบริษัทรวมทั้งเปิดเผยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของบริษัทเป็นประจำทุกปี ซึ่งครั้งนี้ก็จัดขึ้นที่ Yerba Buena Center for the Arts ในซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นสถานที่ที่แอปเปิลใช้แถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์อยู่บ่อย ๆ โดยในอีเมล์ที่ส่งเชิญสื่อมวลชนนี้จะมีภาพรูปแอปเปิลขาวอยู่บนพื้นหลังที่เป็นรอยสีพ่นเลอะๆ หลากสีสัน พร้อมกับคำโปรยว่า "Come see our latest creation."

ทีนี้ก็จะได้รู้กันว่าไอ้เจ้า iSlate หรือ Apple Tablet ที่มีคนเดากันมากมายนั้นจะมีจริงหรือเปล่า หน้าตาจะเหมือนกับที่หลาย ๆ คนพากันเดาหรือไม่ หรือเป็นแค่ข่าวลือเฉย ๆ แต่ดูท่าทาง iSlate น่าจะมาจริง


ที่มา : AppleInsider.com

[newstar]

มาสำรวจโปรแกรมสามัญประจำเครื่องคอมเราเถอะครับ

ไม่มีอะไรแค่อยากมาแชร์กันว่าในเครื่องคอมของแต่ละคนนั้นติดตั้งโปรแกรมอะไรบ้าง (ไม่นับโปรแกรมเฉพาะทางที่ใช้ที่ทำงานนะ) เอาแค่โปรแกรมสามัญประจำเครื่องแล้วกันนะครับ ใครอยากจะแชร์ก็ให้กด "อ้างอิง" หรือ Quote แล้วตอบต่อได้เลยครับ อิงจากวินโดว์นะครับ ใครใช้แมคหรือลินุกซ์ก็แชร์ได้ครับ

สำหรับเครื่องผมจะติดตั้งโปรแกรมดังนี้

Microsoft Office 2003 or 2007 แล้วแต่เครื่อง
Adobe Reader 9 โปรแกรมอ่านไฟล์ pdf
Adobe Photoshop CS2 จัดการรูปภาพ
Adobe Illustrator CS2 จัดการงานพิมพ์ Art Work
Kaspersky Internet Security 2010 โปรแกรมป้องกันไวรัส
Windows Live Messenger นาน ๆ ใช้ที (ถ้าบอกใช้บ่อย เดี๋ยวมีพิรุธ อิอิอิ)
ํYours Uninstaller ถอดถอนโปรแกรมต่าง ๆ ออกจาก Windows
CCleaner ถอดถอนโปรแกรม ลบขยะในเครื่อง
Ashampoo Burning Studio V.9 เผาแผ่นซีดี ดีวีดี
Google Chrome 4.0++ เวบเบร๊าวเซอร์
Mozilla Firefox เวบเบร๊าวเซอร์
Internet Explorer 8 เปิดเวบบางเวบที่ยังโบราณอยู่ อิอิอิ
Google Talk แชทแบบง่าย ๆ คุยแบบเสียงสะดวกดี ใช้ประจำจริง ๆ ทุกวัน
Winrar เปิดไฟล์บีบอัดทั้งหลาย
TuneUp Utilities 2009 โปรแกรมอรรถประโยชน์ที่ควรมีในเครื่อง
TeamViewer 4 โปรแกรมรีโมทระยะไกล เอาไว้รีโมทไปดูงานเวลามีปัญหาตอนกลางคืน รวมทั้งแก้ปัญหาเครื่องของคนใกล้ชิดได้
pdfFactory Pro สร้างไฟล์ pdf อย่างง่าย ๆ
FinePrint โปรแกรมจัดการงานพิมพ์ออกเครื่องพิมพ์
Everest Ultimate Edition สำหรับตรวจสอบฮาร์ดแวร์ในเครื่องเรา
PowerISO สำหรับทำไดร์ฟจำลองเืพื่อเปิดไฟล์อิมเมจทั้งหลาย
Snagit สำหรับ capture หน้าจออย่างเทพ
VLC Player โปรแกรมดูหนัง ฟังเพลง เปิดได้แทบจะทุกฟอร์แมตที่ในโลกนี้มี เปิดฟังเพลงเสียงดี
KMPlayer โปรแกรมดูหนัง ฟังเพลงอีกตัว แต่เน้นเปิดดูหนังมากกว่า เยี่ยมมาก
foobar2000 โปรแกรมฟังเพลง เน้นเรียบง่าย เสียงดี
AIMP โปรแกรมฟังเพลงทางเลือกอีกตัว
Microsoft ActiveSync สำหรับ Sync มือถือ
Picasa 3.5 โปรแกรมจัดการรูปภาพของ Google ใช้ตัวนี้ประจำเพราะมันอัพขึ้นเวบง่าย (Pacasaweb) รวมทั้้งเอามาโชว์ในบอร์ดก็ง่ายด้วย
Skype โปรแกรมแชทและโทรศัพท์ ไม่ค่อยใช้เท่าไหร่
SoodSood TelTel โปรแกรมโทรศัพท์แบบ VoIP สำหรับโทรคุยทั้งในและต่างประเทศ นาทีละบาทครับ คุณภาพเสียงดีกว่า nettalk ของทรู
utorrent โปรแกรมโหลดบิต

ทั้งนี้ไม่รวมโปรแกรมการแสดงผล ซึ่งควรต้องลงในเครื่องอยู่แล้ว เช่น

Adobe Air
Adobe Flash Player
Java Runtime Enviroment
Microsoft DirectX Redistributable
Microsoft Silverlight
NET Framework 3.5

ทั้งหมดเป็นโปรแกรมที่มีในเครื่องผม โดยไม่เกี่ยวกับงาน ใครอยากจะแชร์ว่าเครื่องตัวเองมีอะไรบ้างครับกด Quote ได้เลยครับ

[newstar]

แนะนำวิธีโพสต์รูปที่มีขนาดใหญ่ในเวบบอร์ดครับ

ปกติเวลาเราแปะลิ้งก์โชว์รูปจะใช้

[ไอmg]url name ของรูป[/ไอmg]

แต่ในกรณีรูปขนาดใหญ่เกินไปที่จะแสดงใน forum ได้พอดี จึงมี scroll bar ให้เลื่อนดูอีกที ซึ่งให้ความรู้สึกดูแล้วไม่สะดวก ขอแนะนำดังนี้

[ยูrl=url name ของรูป][ไอmg width=700]url name ของรูป[/ไอmg][/ยูrl]

width=700 จะใส่เท่าไหร่ก็ได้แต่ 700 กำลังดีครับ ไม่ใหญ่หรือเล็กไป
url name ของรูป เป็นที่อยู่ของรูปทีเ่ราอัพไว้ในเวบ หรือสามารถ copy ลิ้งก์ของรูปจากเวบอื่น ๆ ได้มาแปะ

เวลาแสดงผล ถ้าต้องการดูขนาดจริงก็คลิ๊กที่รูปได้เลย เบร๊าว์เซอร์จะแสดงรูปขนาดตัวจริงอีกครั้งหนึ่ง
บางทีถ้าต้องการให้แสดงผลอยู่ตรงกึ่งกลางก็สามารถครอบด้วย [ซีenter]...[/ซีenter] ได้ครับ เช่น

[ซีenter][ไอmg]url name ของรูป[/ไอmg][/ซีenter]


ปล. การย่อรูปด้วย width ไม่ได้หมายความว่ารูปถูกย่อจริง ๆ นะครับ ถ้ารูปมีขนาดใหญ่มาก ๆ ก็จะทำให้โหลดหน้าเวบได้ช้าอยู่ดี

[newstar]

ตัวอย่างรูปของรอนครับ จากกระทู้ "เมืองฝาง...เมื่อสายลมหนาวมาเยือน"

[ซีenter][ยูrl=http://img260.imageshack.us/img260/6032/57603032.jpg][ไอmg width=700]http://img260.imageshack.us/img260/6032/57603032.jpg[/ไอmg][/ยูrl][/ซีenter]

[เจษฎา]

โปรแกรม ฟูบาร์ใช้แล้วชอบมาก
ถ้าจำไม่ผิด คำนี้มาจากหนังเรื่อง ช่วยชีวิตพลทหารไรอัน
ผับ ไม่แน่ใจว่าอยู่แถวไหน
มีดีเจคนนึง ตั้งชื่อว่า ดีเจฟูบาร์ ไม่รู้เกี่ยวกันไหม

[newstar]

Saving Private Ryan?