25 พฤศจิกายน 2567, 03:08:06
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือธรรมะ ด่วน ปิด13มค.แล้วค่ะ  (อ่าน 6616 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« เมื่อ: 08 มกราคม 2551, 09:59:03 »

มีข่าวดีข่าวด่วนมาบอกกล่าวค่ะ

คุณตังตฤณ(คุณศรันย์ ไมตรีเวช) ผู้เขียนหนังสือ "เสียดายคนตาย...ไม่ได้อ่าน" ซึ่งได้ถูกจัดพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกือบ 50 ครั้งแล้วหรือมากกว่าแล้วหล่ะค่ะ....และหนังสือธรรมะหลากหลายในรูปนวนิยายและการ์ตูน...ซึ่งบางท่านคงรู้จักกันดีนะคะ...

     ขณะนี้คุณศรันย์ เพิ่งเขียนหนังสือ "มหาสติปัฏฐานสูตร"  เสร็จมีโครงการจะจัดพิมพ์หนังสือดังกล่าวเป็นฉบับธรรมทาน...ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคเข้าบัญชี ของคุณศรันย์ ไมตรีเวช ได้โดยตรงภายในสิ้นเดือน มค.นี้ ......ที่ธนาคารไทยพาณิชย์สาขารามอินทรา หมายเลขบัญชี 760-2-27248-0  ได้เลยนะคะ

       และส่งชื่อนามสกุลจำนวนและเวลาโอนเพื่อจะพิมพ์ลงหนังสือส่งทาง อีเมลล์ที่tast001@yahoo.com นะคะหรือจะทำร่วมกับ จิ๋มก็ได้ค่ะ แจ้งได้ที่  manuwadee@yahoo.comว่าจะทำร่วมกับจิ๋มเพราะคิดว่าจะรอถามคนเพิ่มเติมอีกซักระยะหนึ่งเพราะมีทยอยมาบ้างแล้วค่ะ

 แล้วจะมีวันพฤหัสซักวันในหนึ่งเดือนคุณศรันย์จะไปที่วัดหลวงพ่อปราโมทย์ เพื่อสอนธรรมะตัวต่อตัวแบบรู้วาระจิต..ใครสนใจแจ้งความจำนงค์ไว้ใน อีเมลล์ของจิ๋มก็ได้ค่ะแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีเมื่อเขาแจ้งมาว่าวันพฤหัสใดคุณตุลย์(ศรันย์)จะไปที่วัดค่ะ...ใครปฏิบัติธรรมอยู่และติดขัดประการใดติดต่อได้นะคะ.....

     เดือนที่แล้วก็มีชาวหอและญาติธรรมที่สนใจ ไปกันมาบ้างแล้ว ค่ะ....

     จิ๋ม กะจะนำเงินไปให้พร้อมรายชื่อผู้ร่วมบริจาคกับมือคุณตุลย์ แต่ถ้าเกิดเดือนนี้ไม่มีใกล้ ๆ สิ้นเดือนก็จะไปโอนค่ะ......

     ขอโมทนาบุญกับทุกท่านล่วงหน้าด้วยนะคะ

 
บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #1 เมื่อ: 08 มกราคม 2551, 10:08:28 »

เลยขอถือโอกาสเอาความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างวิทยาทานกับธรรมทานที่คุณศรันย์เคยเขียนไว้ในธรรมะใกล้ตัวมาใสไว้ให้ศึกษานะคะ



ถาม – วิทยาทานกับธรรมทานต่างกันอย่างไรครับ? ขอตัวอย่างที่ทำให้เห็นผลต่างชัดๆในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้าด้วย

ทานคือการให้ การแบ่งปัน การเสียสละส่วนของตนให้เป็นสิทธิ์ของคนอื่น โดยมุ่งหวังประโยชน์สุขหรือประโยชน์ใช้สอยของเขา

เมื่อคุณคิดให้อะไรเป็นทาน ทานก็ได้ชื่อตามชื่อของสิ่งนั้น เช่น ให้ทรัพย์แก่ผู้อื่น ก็เรียกว่าทรัพยทาน บริจาคอวัยวะแก่ผู้อื่น ก็เรียกว่าอวัยวทาน (แม้ไปลงชื่อไว้เฉยๆว่าหลังคุณตายค่อยเอาไปใช้ ก็จัดเป็นอวัยวทานแล้วด้วยเจตนาที่ตั้งใจจะยกให้ตามนั้นจริงๆ)

การให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้อื่น เพื่อให้เขามีความสามารถประกอบกิจกรรมแบบโลกๆ เช่น สอนคณิตศาสตร์ สอนกฎหมาย สอนเล่นเปียโน ล้วนแล้วแต่เป็น ‘วิทยาทาน’ (วิทยาแปลว่าความรู้)

แต่ถ้าให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้อื่น เพื่อให้เขาคิดได้ เพื่อให้เขารู้จักบาปบุญคุณโทษ สำนึกผิด ละอายต่อบาป และเกิดแรงบันดาลใจในการทำดี ถางทางให้ตัวเองพ้นทุกข์ระยะสั้น พ้นทุกข์ระยะยาว และพ้นทุกข์อย่างเด็ดขาดถาวร เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น ‘ธรรมทาน’ (ธรรมในที่นี้หมายเอาสัจจะความจริง ความดีงาม ความถูกต้อง และความประพฤติชอบ)

เมื่อทราบนิยามของทานทั้งสองชนิดแล้ว ผมก็จะกล่าวแยกให้เห็นถึงความต่างในเชิงอานิสงส์ดังนี้

๑) วิทยาทาน ให้ผลคับแคบ กล่าวคือจะทำให้เกิดความฉลาดเฉพาะเรื่อง หรือมีความชอบใจเฉพาะด้าน เช่น ในชาตินี้ยิ่งสอนเรื่องเครื่องจักรกลมากขึ้นเท่าไร ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องจักรกลก็ยิ่งแม่นขึ้นเท่านั้น ใครถามอะไรตอบได้หมด จะศึกษาวิทยาการจักรกลชั้นสูงก็รู้สึกเหมือนขนม แต่พอให้เรียนภาษาต่างประเทศกลับอึ้ง ให้พูดกับฝรั่งอาจใบ้กิน ความรู้ความฉลาดที่เคยมีหายไปหมด เหลือแต่ความรู้สึกทึบๆทื่อๆ นั่นเพราะอานิสงส์ของวิทยาทานเฉพาะด้านไม่ได้ประกันว่าจะเกิดแสงสว่างกว้างรอบ วิทยาทานเพียงกำจัดความทึบบางส่วน และจุดแสงปัญญาขึ้นมาบางด้านเท่านั้น

ผู้ที่ให้วิทยาเป็นทานด้วยความกระตือรือร้นอยากสร้างคนไปตลอดชีวิต จะเกิดใหม่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่บีบให้ชอบใจในเรื่องเดิมๆ กับทั้งมีความสามารถพิเศษเหนือคนวัยเดียวกัน ดังที่เรียกกันทั่วไปว่า ‘พรสวรรค์’ เพราะสำคัญว่าสวรรค์เบื้องบนประทานความสามารถมาฟรีๆกับใครบางคนนั่นเอง

๒) ธรรมทาน จะให้ผลกว้างขวาง กล่าวคือจะทำให้เกิดความฉลาดทั่วไป ไม่จำกัดว่าเป็นไปในทางใดทางหนึ่งโดยเฉพาะ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะธรรมทานมีอำนาจกำจัดหมอกมัวคลุมจิตของผู้อื่น จึงย้อนมากำจัดหมอกมัวคลุมจิตของตนเอง และธรรมทานที่จุดแสงปัญญาให้ผู้อื่น ย่อมย้อนมาเพิ่มความสว่างไสวให้ปัญญาตนเองด้วย พอจิตฉลาด ปราศจากหมอกมัว ก็คิดอ่านได้แจ่มใสทะลุปรุโปร่งไปทุกเรื่องเป็นธรรมดา

ผู้ที่ให้ธรรมะเป็นทานด้วยความปรารถนาจะให้ผู้อื่นบรรเทาทุกข์หรือพ้นทุกข์พ้นร้อน ไม่หลงเข้ารกเข้าพง จะมีความฉลาดในการเอาตนเองออกจากทุกข์ทางใจ และฉลาดในการพัฒนาตนเองทุกๆด้านไปจนกว่าจะเข้าถึงนิพพาน

เท่าที่เห็นกับตามาจริงๆ ความเจริญรุ่งเรืองของผู้ให้ธรรมะเป็นทานจะยิ่งใหญ่พิสดารเหลือเชื่อ จาระไนให้ละเอียดแล้วเหมือนโกหกกัน ฉะนั้นผมขอยกเอาเฉพาะประเด็นสำคัญ ที่ช่วยให้คุณเกิดข้อสังเกตในการทดลองด้วยตนเองดังนี้

๑) หากเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจธรรมะอย่างถูกต้องเสียก่อน ธรรมทานของคุณจะถูกฝาถูกตัว คือถูกกาล ถูกบุคคล อานิสงส์ย่อมเป็นผู้สามารถจับจุดถูกได้ทุกเรื่อง เมื่อคุณสามารถจับจุดได้ถูกก็ทำให้ไม่สับสน เมื่อไม่สับสนก็มีสมาธิอยู่กับเรื่องตรงหน้า เมื่อมีสมาธิอยู่กับเรื่องตรงหน้าก็หูตากว้างขวาง เห็นสถานการณ์ตามจริง เห็นทางออกให้กับทุกทางตัน หรือเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆให้กับวิธีล้าสมัยทั้งหลาย

๒) หากให้ธรรมทานโดยใจไม่เล็งโลภอยากได้สิ่งตอบแทน มีแต่ความปรารถนาประโยชน์สุขแก่ผู้อื่นอย่างแท้จริง อานิสงส์คือลดความมืดแห่งความตระหนี่และความโลภลง แล้วเพิ่มแสงสว่างแห่งความสละออกและความเอื้อเฟื้อ เมื่อใดคุณเสียสละและเอื้อเฟื้อ เมื่อนั้นใจคุณจะเปิดกว้าง เมื่อใดใจคุณเปิดกว้าง คุณจะไม่หมกมุ่นปิดประตูรับรู้สิ่งใหม่ อะไรเข้ามาก็รับได้หมด ทำความรู้จักคุ้นเคยได้หมด

๓) หากคุณทุ่มแรงกายแรงใจด้วยความแน่วแน่ ในอันที่จะทำให้ผู้อื่นสนใจธรรมะ เข้าใจธรรมะ ตลอดจนยอมรับธรรมะมาเป็นแนวดำเนินชีวิตและแนวแก้ปัญหาชีวิต อานิสงส์คือคุณจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการใช้ปัญญาและความคิดอ่าน เมื่อคุณรู้สึกว่าตนเองมีบุญหนุนให้คิดสำเร็จทำสำเร็จ ก็ย่อมเชื่อมั่นในสติปัญญาว่าจะคลี่คลายเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้เสมอ หรือกำจัดอุปสรรคให้เป็นทางโล่งได้เสมอ หรือสร้างสิ่งใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมาแทนสิ่งเก่าที่เสื่อมแล้วได้เสมอ

สำหรับข้อ ๓ นั้น ชัดเจนว่ามีความแตกต่างกับวิทยาทานเป็นพิเศษ เพราะการให้วิทยาทานนั้น บางเรื่องแทนที่จะให้ทางออกกับชีวิตคนอื่น กลับกลายเป็นสร้างปมกับชีวิตเขาก็มี เช่น ถ้าคุณสอนให้เขามีความสามารถยิงปืนได้แม่น ก็คงไม่หวังให้เขาใช้ความรู้นั้นไปเจรจากับสามีหรือภรรยาที่บ้านด้วยสันติวิธีเป็นแน่

เมื่อกล่าวถึงด้านที่ควรชื่นชม ก็ควรกล่าวถึงด้านที่ควรระมัดระวังไว้ให้สมบูรณ์ เพราะตามธรรมชาติแล้ว สิ่งใดมีคุณใหญ่ เมื่อพลิกกลับด้านก็ย่อมให้โทษหนักเช่นกัน

คุณเคยสงสัยไหม ทำไมบางคนทั้งโง่ทั้งฉลาดปนเปราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน? ทำไมบางคนเงียบๆดูหน้าตาท่าทางฉลาดแต่พูดประโยคเดียวรู้เลยว่าสมองกลวง? ทำไมบางคนคิดอย่างอัจฉริยะแต่กลับลงมือทำเหมือนคนปัญญาอ่อน? ฯลฯ การมีอยู่จริงของคนเหล่านี้แหละ คือผลของกรรมอันยอกย้อนหรือขัดแย้งกันเป็นตรงข้าม

ขอยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นบ่อยๆพอให้เห็นภาพนะครับ

๑) ครูบางคนให้วิทยาทานเต็มกำลัง นักเรียนได้รับความรู้และเกิดความฉลาดคิดฉลาดทำมากมาย แต่ระหว่างสอนอยู่หน้าชั้น ครูคนนั้นก็อาจให้คำแนะนำในทางที่ผิดบ่อยๆ เช่น ส่งเสริมนักเรียนไปมั่วอบายมุข สนับสนุนการมีฟรีเซ็กซ์ตั้งแต่วัยเรียน ซึ่งนักเรียนก็หลงเชื่อ เพราะอาศัยอำนาจเลื่อมใสในครูผู้เก่งกล้า

ครูชนิดนี้นับว่าให้วิทยาทานจนประกันความฉลาดคิด ฉลาดเรียนรู้ในชาติถัดมา แต่ขณะเดียวกันก็ประกันความโง่ในการใช้ชีวิต หรือในการตัดสินใจอันมีผลสำคัญกับความสุขความทุกข์

๒) อาจารย์บางท่านถ่ายทอดได้ดี ฟังเข้าใจง่าย แต่ไม่ค่อยคำนึงว่าเนื้อหาที่ตนสอนไปนั้นตรงหรือไม่ตรง ใช่หรือไม่ใช่กันแน่ บางทีก็เกิดจากความขี้เกียจค้นคว้า บางทีก็เกิดจากการหลงลืมแล้วไม่พยายามตรวจสอบให้แน่ใจ บางทีก็เกิดจากอคติส่วนตัว สรุปคือเอาง่ายหรือเอาแต่ใจตัวเข้าว่า ไม่สนใจว่านักศึกษาจะรับการถ่ายทอดไปผิดๆอย่างไร

อาจารย์แบบนี้นับว่าสร้างอัธยาศัยทางการสอน ผลย่อมเป็นคนพูดเก่ง พูดชัด พูดเข้าใจง่ายด้วยวิธีที่ชาญฉลาด ทว่าเมื่อใช้ความฉลาดในการออกแบบหรือคิดสร้างสรรค์ใดๆ ก็มักเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด อาจหยุมหยิม หรืออาจใหญ่โต ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับที่เคยสอนแบบไม่รอบคอบนั้น มีผลให้เกิดความเข้าใจผิดร้ายแรงแค่ไหน

๓) ผู้เข้าใจธรรมะมักอยากให้ใครๆเห็นว่าตนมีภูมิรู้ภูมิธรรม มีความรอบรู้ และเป็นผู้อยู่บนทางถูก ทางตรง ทางประเสริฐ พูดง่ายๆว่าอยากเป็นที่ยอมรับนับถือ ไม่เป็นผู้มีความผิดติดตัว คนประเภทนี้จึงอาจอยากแสดงธรรมเอาหน้า สอนคนเพื่อให้ได้หน้า และจะยอมเสียหน้าไม่ได้ด้วยประการใดๆ เช่น สอนผิดแล้วคนอื่นทักท้วงก็โมโหและพยายามโจมตีกลับ หรือพยายามเถียงข้างๆคูๆหน้าดำหน้าแดง ยอมยืนกรานว่าพระพุทธเจ้าพูดผิดดีกว่าตนกล่าวผิด สรุปคือไม่ได้ให้ธรรมะเป็นทานด้วยความปรารถนาประโยชน์ต่อผู้อื่น จะเอาดีเข้าตัวท่าเดียว

บุคคลเยี่ยงนี้นับว่าเป็นผู้ให้ธรรมเป็นทานด้วยจิตที่เจือความโลภและความโกรธ เมื่อน้ำหนักของเหตุเอียงไปในข้างกิเลสแล้ว น้ำหนักของผลก็ย่อมออกไปในทางร้ายมากกว่าทางดีไปด้วย เช่นผิวนอกอาจเหมือนฉลาด ด้วยผลแห่งบุญที่ชอบสอนธรรมะ แต่เอาเข้าจริงพอใครให้แสดงความรู้ความสามารถ ก็กลับไปไม่รอด เข้าตำราท่าดีทีเหลว เผลอๆกลายเป็นตัวตลกอวดขี้เท่อให้คนหัวเราะเยาะกันใหญ่ อันนี้ก็ด้วยผลแห่งบาปที่ปล่อยให้ความโลภและความโกรธล้ำหน้าธรรมะนั่นเอง

๔) นักเทศน์บางท่านมีศิลปะการพูดดีเลิศ คำสอนอาจเหนี่ยวนำให้คนอื่นอยากคิดดี อยากพูดดี และอยากทำดี แต่ตัวของนักเทศน์เองกลับไม่ทำในสิ่งที่ตนสอน เช่น พร่ำบอกว่าการโกหกพกลมเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ท่องตำราให้คนฟังเป็นคุ้งเป็นแควว่าผลของการมุสาจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ปกติตนเองสามารถปั้นน้ำเป็นตัวได้โดยปราศจากความละอาย ทำไปทำมาพวกนี้จะรู้สึกเหมือนหลอกคนอื่นได้สำเร็จ และสำคัญผิดว่าตนยิ่งใหญ่เหนือใครๆ หรือกระทั่งเหนือกรรมวิบาก เพราะไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ตนสั่งให้คนอื่นทำ

นักเทศน์ประเภทนี้นับว่าตีสองหน้า ให้ธรรมทานด้วยวาทะแบบดาราขึ้นเวที หาใช่คิดให้ด้วยใจจริง ในภายหลังใจของเขาจึงเข้าถึงธรรมยาก เห็นตามจริงยาก หรือแม้จะทำความเข้าใจตนเองก็ยังยาก ผลที่เกิดในชาติถัดไปคืออาจเป็นพวกฉลาดล้ำทำงานไม่พลาด โดยมีข้อแม้ว่าผลประโยชน์ต้องตกอยู่กับผู้อื่น แต่เมื่อคิดทำเพื่อเอาประโยชน์เข้าตัวเองแล้วล่ะก็ จะกลับโง่ลงถนัดใจ คิดผิดตัดสินใจพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากนั้นแม้ปราดเปรื่องเรื่องงานปานใด ก็อาจทึบตันเมื่อเผชิญกับปัญหาส่วนตัว ที่สำคัญคือหูเบา โดนต้มตุ๋นง่าย ใครๆเห็นหน้าแล้วอยากลองว่าจะทันคนหรือหัวอ่อน

กล่าวสรุปก็คือแค่เป็นครูยืนอยู่หน้าชั้นเรียนไม่พอ ยังมี ‘รายละเอียดความเป็นครู’ ของแต่ละคนอีกมากมายที่จะถูกนำมาเป็นตัวชี้ ว่าใครจะได้รับอานิสงส์จากการให้วิทยาทานและธรรมทานเพียงใด
บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #2 เมื่อ: 10 มกราคม 2551, 13:53:52 »

ขอกราบโมทนาบุญกับพี่แจ่มใส ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #3 เมื่อ: 11 มกราคม 2551, 16:18:33 »

ข่าวด่วนค่ะ....


ทางคุณศรันย์และทีมงานพิมพ์หนังสือ "มหาสติปัฎฐานสูตร"  ขอเลื่อนเวลาปิดรับเงินร่วมพิมพ์หนังสือฯเป็นวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคมนี้ค่ะ....โรงพิมพ์เร่งขอรายชื่อมาค่ะ....โอนเงินขอรายชื่อวันเวลาด่วนด้วยค่ะ....ขอโมทนาบุญกับผู้ที่มีโอกาสได้ร่วมบุญในครั้งนี้ด้วยนะคะ....


และขอกราบโมทนาบุญกับพี่อ้อย(กรองอร13)...ไว้ณ ที่นี้ด้วยนะคะ..
บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #4 เมื่อ: 13 มกราคม 2551, 19:57:12 »

จิ๋มได้โอนเงินเข้าบัญชีของคุณศรันย์ (ดังตฤณ) เรียบร้อยแล้วค่ะ...ยอดเงิน 11,700 บาท(หนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทถ้วนค่ะ) และได้ส่งรายชื่อและยอดเงินให้คุณป้อมพี่สาวคุณตุลย์(น้องอักษรฯ) เรียบร้อยแล้วนะคะ

    ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญในครั้งนี้ด้วยค่ะ...ขอให้ผลบุญดังกล่าวเป็นแสงสว่างแห่งปัญญาให้ท่านทั้งหลายได้เข้าถึงธรรมโดยง่าย ...ได้พบครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้า และพระอริยบุคคล...และได้พบมรรคผลนิพานกันทุกท่านนะคะ....
บันทึกการเข้า
webmaster
Administrator
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 852

« ตอบ #5 เมื่อ: 14 มกราคม 2551, 09:13:33 »

เข้ามาช้าไปค่ะ เพิ่งมาอ่านวันนี้เองค่ะ เลยไม่ทันเสียแล้ว
มากราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ ....


ขอบคุณพี่จิ๋มสำหรับเรื่องน่าอ่านด้านบนค่ะ วิทยาทาน กับ ธรรมทาน น่ะค่ะ
บันทึกการเข้า

ORKS BEHIND THE SCENE
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #6 เมื่อ: 15 มกราคม 2551, 13:34:54 »

มีข่าวเพิ่มเติมมาแจ้งให้ทราบ...ว่าขณะนี้ยอดบริจาคได้ประมาณล้านกว่าบาทแล้วค่ะ..ขอเชิญท่านได้ร่วมโมทนาบุญกันอีกรอบนะคะ.....และสามารถเข้าไปดูรายชื่อผู้บริจาคได้ในเว็บดังกล่าวข้างล่างนี้ค่ะ...

เข้าไปอ่านเจตนารมย์ของตุลย์ในลานธรรมหน่อยนะคะ... ให้เข้าไปดูตาม link นี้ได้ค่ะ...
 
http://larndham.net/index.php?showtopic=28631&st=45


ก่อนเข้าก็อ่านที่ลอกมาให้พลาง ๆ แล้วหาทางเข้าไปดูรายชื่อกันได้นะจ๊ะ..... :lol:  :lol:




(ดังตฤณ) อ้างอิง  


ความจริงแล้วผมไม่ต้องการประกาศเรี่ยไรในที่สาธารณะ
กะว่าบอกกันในหมู่คนรู้จักไม่กี่คน
แต่ปรากฏว่ามีการบอกต่อกันไปมาก
และเป็นที่รับทราบกันในวงกว้างมากแล้ว
เพราะฉะนั้นผมก็จะไม่ขัดศรัทธานะครับ
ไม่อย่างนั้นอาจสงสัยว่าทำไมต้องหวงห้ามการทำบุญกัน

ขอทำความเข้าใจดังนี้
๑) เดิมทีผมจะใช้ทุนส่วนตัวตามลำพัง
เพราะไม่อยากจัดการงานเรี่ยไร
ไม่อยากจับต้องเรื่องเงินๆทองๆ
ไม่ใช่เพราะจะกีดกันเฉพาะกลุ่มอะไร

๒) ผู้บริจาคมาจะไม่ได้รับหนังสือถึงบ้าน
ต้องไปเอาเองที่บ้านอารีย์หรือ dmg
เพราะแต่แรกผมตั้งใจจะนำไปถวายวัดต่างๆด้วยตนเอง
แต่ตอนนี้เนื่องจากยอดบริจาคสูงมาก
แผนการต่างๆต้องเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว
ผมจะกันหนังสือจำนวนหนึ่งไว้สำหรับสาธารณประโยชน์
เช่น วัด ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดมหาวิทยาลัย ห้องสมุดประชาชน
ตลอดจนเรือนจำต่างๆ ตามที่มีรายชื่ออยู่ในมือ
แต่หากอยู่ต่างจังหวัดและมีงบจัดส่งเหลือ
ก็จะส่งไปให้ครับ คงต้องวางแผนกันอีกครั้ง
หลังจากจัดส่งเป็นสาธารณประโยชน์แล้ว

๓) เนื่องจากต้องปิดเล่มโดยมีรายชื่อผู้บริจาค
ฉะนั้นจึงขอรับได้เพียงวันอาทิตย์เป็นวันสุดท้าย
รุ่งเช้าวันจันทร์ผมจะส่งรายชื่อและเอาหนังสือเข้าโรงพิมพ์เลย
และยังไม่มีแผนรับบริจาคเพิ่มเติมนะครับ
กรุณาเข้าใจว่าที่ประกาศไว้ในกลุ่มเล็กๆ
ว่าจะรับถึงสิ้นเดือนมกราคมนั้น
ก็เนื่องจากเข้าใจว่างานอาร์ตเวิร์กจะเสร็จในช่วงนั้น
แต่ปรากฏว่าฝ่ายศิลป์ทำงานเร็วผิดปกติ
ก่อนวันที่ ๑๐ ที่ผ่านมาก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
อีกทั้งจะมีการใช้หนังสือในงานศพปลายเดือน
เลยนัดหมายกับทางโรงพิมพ์ไปแล้ว
ว่าจะส่งต้นฉบับทั้งหมดในวันจันทร์

๔) นอกจากฉบับธรรมทานซึ่งคงส่งให้ได้ในวงแคบ
ก็จะมีจัดพิมพ์ฉบับวางแผงเพื่อให้กระจายได้ทั่วและนาน
โดยจะอยู่ใต้ชื่อ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน เล่ม ๒"
เพราะภายใต้ชื่อนี้ จะเข้าถึงสายตาและแผงหนังสือได้กว้างจริงๆ
ไม่ใช่หยุดอยู่แค่กลุ่มที่สนใจไม่กี่คน
ตรงนี้ขอทำความเข้าใจดีๆ
ว่าไม่เกี่ยวกับฉบับธรรมทานเลย
ชื่อหนังสือไม่เหมือน ปกไม่เหมือน และคำนำก็ไม่เหมือน
สำหรับฉบับธรรมทานจะมีการใส่พุทธพจน์นำทุกบท
ดังนั้นถือว่าฉบับธรรมทานมีความสมบูรณ์กว่า
(แต่ก็ดูน่ากลัวกว่าสำหรับมือใหม่)

สำหรับเบอร์บัญชี ขอแจ้งเป็นทางการด้วยตนเองอีกครั้งครับ

ศรันย์ ไมตรีเวช
ไทยพาณิชย์ สาขารามอินทรา ออมทรัพย์
076-2-27248-0

ผมอัพเดทรายชื่อและยอดบริจาคทุกสามชั่วโมง
สามารถตรวจสอบได้ที่นี่ครับ

(เนื่องจากเขียนแบบไม่ได้เตรียมคิด
ถ้าตกหล่นอะไรจะเข้ามาเพิ่มเติม
ผู้บริจาคขอให้เข้ามาดูเรื่อยๆนะครับ)

____________________________________

dungtrin.com
จากคุณ : ดังตฤณ  
บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #7 เมื่อ: 28 มกราคม 2551, 12:45:19 »

ขอเรียนเชิญพี่น้องผู้สนใจธรรมะทั้งหลาย

ถ้ามีใครปฏิบัติธรรมแล้วติดขัดอะไรอยากสอบถามการปฏิบัติธรรมได้ให้รอพบคุณศรัณย์หลังแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือเล่มที่พวกเราได้มาร่วมบุญกันจัดพิมพ์เขาใช้ชื่อหนังสือ " เสียดาย...คนตายไม่ได้อ่าน เล่ม 2 "  จะได้ไปดูหนังสือที่พวกเราร่วมทำบุญกันค่ะ...มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
 

     === งานแถลงข่าววันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๕๑ ===
         ไปคุยกันได้ในงานนะครับ
 
 

เนื้อความ : (ดังตฤณ) อ้างอิง |


วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้
ผมและ DMG จัดงานแถลงข่าว
เปิดตัวหนังสือ "เสียดาย... คนตายไม่ได้อ่าน" เล่ม ๒
ที่ห้องพุทธคยา สำนักพิมพ์ DMGชั้น 22 อาคารอัมรินทร์พลาซ่า ถ.เพลินจิต (เยื้องเซ็นทรัลชิดลม ใกล้สี่แยกราชประสงค์)
ตั้งแต่เวลา ๑๔.๐๐ น. เป็นต้นไปครับ



นอกจากมีรายการสัมภาษณ์ตามธรรมเนียมแล้ว
ผมจะบรรยายสั้นๆ
แล้วเปิดโอกาสให้ซักถามอย่างเป็นกันเองต่อนะครับ
____________________________________[/color]
dungtrin.com
จากคุณ : ดังตฤณ [ ตอบ: 23 ม.ค. 51 15:18 ] แนะนำตัวล่าสุด 23 ก.พ. 49 | สมาชิกลานธรรมอาวุโส |
บันทึกการเข้า
jimsy
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195

« ตอบ #8 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2551, 15:50:16 »

โปรดทราบ...หนังสือเสร็จแล้ว..จิ๋มได้ไปรับมาแล้ว...จะจัดส่งตัวอย่างไปให้พี่ ๆ ที่ร่วมทำบุญมานะคะ...ขอที่อยู่พี่แจ่มใสด้วยค่ะส่งไปที่ อีเมล์ก็ได้ค่ะ...หรือจะให้น้องว่านลูกชายซึ่งเรียนอยู่ที่จุฬาฯเอาไปให้ป้าแจ่มฯที่หอฯหรือที่ไหนดีคะ..ของพี่อ้อยมีที่อยู่แล้วค่ะ...ได้ข่าวแว่ว ๆ ว่าพฤหัสนี้คุณตุลย์จะไปที่วัดหลวงพ่อปราโมทย์...แต่ยังไม่แน่ถ้าไปจะนำไปให้พี่อ้อยที่วัดนะคะ...

   หนังสือเสียดาย...คนตายไม่ได้อ่านเล่ม 2 และมหาสติปัฏฐานสูตรเนื้อหาเดียวกัน..ชื่อคนละชื่อ..มหาสติฯมีรายชื่อผู้ร่วมทำบุญด้วยค่ะ...เสียดาย ฯ 2 ออกวางตลาดแล้วเล่มละประมาณเกือบ 200 บาท ถ้าซื้อที่ DMG อาจมีส่วนลดค่ะ....
[/color]
บันทึกการเข้า
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><